PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ได้เวลา ถามหายังเติร์ก?

จากปัญหาที่ถาโถมเข้ามาสู่รัฐบาลและนายกยิ่งลักษณ์ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาทั้งเรื่องจำนำข้าวที่เจ๊งเละเทะทั้งโครงการ เรื่อง โครงการเมกะโปรเจ็กน้ำที่ศาลฯสั่งระงับ หลังไม่ชัดเจนในสิ่งที่ประชาชนจะได้รับ รวมถึงเหตุระเบิดภาคใต้ที่บานปลายใหญ่โตขึ้นทุกวัน แต่ภายหลังการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ 5 ที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่หลายตำแหน่ง แต่เอาเข้าจริง ยังไม่เห็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่กล่าวมา มากไปกว่าการปรับเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหาภายในตนเองหรือการจัดสรรผลประโยชน์ของตนเอง

และแล้วเหตุที่มาของการปรับโผครม.ก็ค่อยๆเผยออกมารายวั

ถ้าใครมีเวลาเจาะเข้าไปฟังคลิปเสียงที่ฟังยังไงก็คือเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่เชื่อว่ามีการพูดคุยตกลงกันก่อนการปรับครม.ยิ่งลักษณ์5 ล่าสุด แม้เจ้าตัวเองก็ยังไม่กล้าออกมาปฏิเสธ หรือแม้กระทั่งนายกยิ่งลักษณ์เองก็ยังเลี่ยงที่จะให้ความเห็น

เรื่องผลประโยชน์และแผนการเชื่อมกลุ่มการเมืองทหารพม่า

มีการพูดถึงแผนการเชื่อมสัมพันธ์กับกลุ่มชินวัตรและผู้นำกองทัพพม่าผ่านพล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพพม่า มือหนึ่งของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ที่เต็งเส่งไว้ใจ ก่อนจะพูดทำนองให้วางตัวระดับนายพลในกองทัพไปประสาน โดยให้ใช้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 กองทัพเป็นตัวเปิด

ซึ่งฟังดูไม่น่าเสียหายอะไร หากแต่เป้าหมายที่แท้จริงที่หลุดออกมานอก กลับเป็นเรื่องผลประโยชน์ทวายว่า “ถ้าท่านต้องการอะไรในทวาย ผมว่าคุยกับ มินอ่องหล่ายได้เลย” ถ้าคลิปนี้จริง ก็คงไม่แปลกใจนักเพราะนี่คือแนวทางที่ไปสอดพ้องกับทฤษฎีการขัดกันของผลประโยชน์ที่เคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลทักษิณกรณีอนุมัติให้รัฐบาลสหภาพพม่า กู้เงินธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงค์ 4,000 ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน และขยายเวลาปลอดการชำระหนี้จาก 2 เป็น 5 ปี เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์พัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่าจากบริษัทชินแซทฯ ครั้งนั้นก็ตั้งต้นมาจากธุรกิจที่ชินคอร์ปต้องการเป็นตัวตั้ง ปรากฎในแผนรายงานประจำปีของชินแซท ที่ได้วางเป้าแผนการตลาดไว้แล้ว ก่อนจะแปลงมาเป็นนโยบายรัฐบาลทักษิณขณะนั้น ให้เอ็กซิมแบงค์ เอาเงินไทยไปช่วยพม่าแลกผลประโยชน์ระหว่างเอกชนไทยผ่านกองทัพทหารพม่า ผู้เสียประโยชน์คือรัฐไทย

ในส่วนของเรื่องคุมกองทัพ ว่าคุมอยู่ในมือหมดแล้ว

บอกกันมาแบบละเอียดถึงขั้นตอนการล้วงลูกกองทัพ ตั้งแต่ ตำแหน่งใหญ่ๆที่จะเกษียณอายุราชการสิ้นเดือนกันยายนนี้ อย่าง ผบ.ทร. ก็เผยมาแล้วว่ากำลังจะเลือกจากแคนดิเดต 4 คน ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็วางตัวไว้เลือก1จาก 2 คนเท่านั้น รวมถึงตำแหน่งรองๆอื่นที่จะเกษียณอย่างรองปลัดฯ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เสนาธิการทหาร ก็ได้วางตัวไว้หมดแล้วเช่นกัน ส่วนทอ. ที่มีการทำนัดหารือบัญชีโยกย้ายกับผบ.ทอ.ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ที่ทางฝ่ายเรา(ในที่นี้คือ พล.อ.ยุทธศักดิ์ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้มีผังในมือเข้าไปสลับหรือแทนที่ระดับบิ๊กที่เกษียณอายุ ในปีนี้ของทอ. เพื่อจะได้เข้าไปคุมในกำลังสำคัญ แต่ส่วนทีสำคัญที่สุดน่าจะอยู่ในทบ. ทีต้องไปถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจริงหรือที่ได้ไปตกลง รับปากอะไรกับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ในโควต้า 5 เสือ ทบ. ที่จะมีคน ที่บอกว่าเป็น “ของฝ่ายเรา” นั้นเข้าไปคุมกำลังแทนที่

ตบท้ายด้วยตอนจบทำนองว่า ถ้าหากปรับโผโยกย้ายปี 2557 ในต.ค.นี้ ให้เป็น ที่บอกว่า “ของฝ่ายเรา”ได้สำเร็จ ก็จะสามารถยึดครองกองทัพได้สมใจ?

นอกจากการยึดกองทัพในรอบนี้แล้ว ยังมีการพูดไปถึงการปิดประตูกองทัพด้วยการแก้ไขกฎหมายที่มีความพยายามกันมานานของฝ่ายการเมืองในรัฐบาลยิ่งลักษณ์เรื่อง พ.ร.บ.กลาโหม

ในเรื่องของการแก้กฎหมาย กลาโหม"พ.ร.บ.กลาโหม 2551"

มีการวางแผนก่อนตกลงจะรับตำแหน่งด้วยเงื่อนไขของฝ่ายเสนอในคลิปเสียงคล้าย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ว่า เตรียมแผนเสนอเป็น พ.ร.ก.แทน แนวคิดเดิมที่จะออก พ.ร.บ.ตรงๆ เพราะจะทำได้ง่ายกว่า โดยเสนอผ่านสภากลาโหมและสภาความมั่นคงฯ เป็น"วาระจร" ออก พ.ร.ก.เพื่อแก้พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 เป้าหมายแก้มาตราสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้น "นายพล" เพื่อการันตีได้ว่า ต่อไปจะคุมกองทัพเบ็ดเสร็จ และไม่ปล่อยให้กองทัพเป็นอิสระเหมือนที่เป็นอยู่

นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงใครต่อใครในบ้านเมือง ในทำนองว่า จะเข้าไปจัดการหรือเคลียร์กันอย่างไร เพื่อให้การปรับโยกย้ายเป็นไปตามโผที่คุยกัน ในที่นี้คงเอามาลงได้สูงสุดคือการอ้างถึงป๋าฯ พูดหารือกันทำนองว่า จะเข้าไปจัดแจงอย่างไรให้ลงตัว และทั้งหมดไม่ได้มีการพูดถึงบทบาทและการหารือกับนายกยิ่งลักษณ์เลย ประหนึ่งการกุมอำนาจที่แท้จริงหรืออาจจะพูดว่าทั้งหมดของกองทัพที่จะเกิดขึ้นมาจากการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เท่านั้น

และก็เป็นจริงเมื่อ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ได้เป็น รมช.กลาโหม ในเวลาต่อมา

จากนี้ไปอีกไม่เกิน2เดือนก็จะถึงเวลาที่จะลงนามโยกย้ายในกองทัพ ไปพร้อมๆกับการประกาศใช้งบฯก้อนใหม่คืองบประมาณประจำปี2557 เงินก้อนใหม่ก็จะไหลเข้าสู่ระบบ ไม่จำเป็นต้องรอพึ่งพรก.3.5แสนล้านหรือ พรบ.2ล้านล้าน ที่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ขณะที่กองทัพก็ขยับแบบเบ็ดเสร็จอยู่ในมือของคนไกลเรียบร้อย ถึงวันนั้นจะถามหาศักดิ์ศรีกองทัพไทย ที่จะต้องออกมาปกป้องราชบัลลังค์ ก็คงไร้ประโยชน์

"ขอเพียงมนุษยชาติยังมีความเชื่อมั่น

ยังมีปณิธานต่อสู้ดิ้นรน

ยังมีกำลังขวัญอันเข้มแข็ง

จะเกิดปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ขึ้นตลอดเวลา"

(โกวเล้ง จาก หลั่งเลือดสะท้านภพ)


ที่มา : แนวหน้า 

ไม่มีความคิดเห็น: