PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

‘ชวน’ ตัวช่วย ‘อภิสิทธิ์’

‘ชวน’ ตัวช่วย ‘อภิสิทธิ์’



ต้องปลุกปรมาจารย์ “ชวน หลีกภัย” มากู้สถานการณ์กันแล้ว
ตามแนวโน้มสถานการณ์ล่าสุดที่ “นิด้าโพล” สะท้อนตัวเลขยี่ห้อประชาธิปัตย์หล่นไปอยู่อันดับที่ 3 ตามหลังพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคที่ประชาชนต้องการให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ทั้งๆที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช. ยังไม่ได้เปิดตัวชัดๆเลยด้วยซ้ำ
เซียนเขี้ยวการเมืองยี่ห้อประชาธิปัตย์นั่งเฉยอยู่ได้ก็แปลกเต็มที
และคนที่รับบทจุดพลุก็คือนายพีรยศ ราฮิมมูลา อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเขี่ยลูก ยกกรณีเลือกตั้งมาเลเซียที่ทำให้นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด กลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ในวัย 92 ปี
ทำให้มีประชาชนในภาคใต้จำนวนมากนึกถึงอดีตนายกฯชวนที่มีอายุ 79 ปี ยังสามารถหวนกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และเป็นนายกรัฐมนตรีได้
ในอารมณ์แบบที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เองก็แบะท่าอวยเต็มที่ บอกมีคนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนนายชวน
เพราะเป็นแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แม้เจ้าตัวจะแสดงออกว่าไม่รับตำแหน่งแล้ว แต่เมื่อมีการปลดล็อกและเลือกกรรมการบริหารพรรคกันใหม่
การพิจารณาเสนอชื่อนายกฯก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการของพรรค
“อภิสิทธิ์” กับทีมประชาธิปัตย์กวักมือเรียกหา “ชวน หลีกภัย” มากู้สถานการณ์เฉพาะหน้า
กระโดดโหนกระแส “มหาธีร์” กันตัวโก่ง
เรื่องของเรื่อง แม้เบื้องหน้าจะเหมือนการฉวยเหลี่ยมเบิ้ลบลัฟรัฐบาลทหาร กดดัน “นายกฯลุงตู่”
แบบที่นายอภิสิทธิ์พยายามโยงเลยว่า ผลการเลือกตั้งมาเลเซีย ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการไม่ยอมรับหรือต่อต้านการคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจมิชอบต่างๆ โดยใช้สิทธิผ่านกระบวนการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังดูลอยๆเทียบเคียงกันไม่ชัด
เพราะสถานการณ์ไทยกับมาเลเซียคนละเงื่อนไข ถือเป็นคนละบริบทกัน
จุดสำคัญจริงๆของการกระโดดโหน “มหาธีร์” เปิดทาง กวักมือเรียก “ชวนคัมแบ็ก” เป้าหมายแรกเลย น่าจะอยู่ที่การกอบกู้สถานการณ์ฉุกเฉินในประชาธิปัตย์
กระบวนการโค่น “เดอะมาร์ค” กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ
เกมไหลใกล้ถึงจังหวะหักดิบ ตามเงื่อนเวลาถ้า คสช. เปิด
ไฟเขียวให้พรรคทำกิจกรรมทางการเมือง เวทีเปิดให้เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคกันใหม่เมื่อไหร่
ยุทธการไล่โละ “อภิสิทธิ์” เกิดขึ้นทันทีแน่ๆ
และเท่าที่เช็กสถานการณ์จากคนวงใน ตอนนี้มีแค่ผู้อาวุโสระดับนายชวน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ฯลฯ กับทีมงานผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันที่ใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์เท่านั้น
ที่ยังพร้อมยื้อหนุน “เดอะมาร์ค” นั่งหัวหน้าพรรค
ถือหลักการ ลากถูลู่ถูกังกันไปตามยถากรรม
ขณะที่ฝ่ายโค่นกระดาน นำทีมโดยแนวร่วม “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำค่าย กปปส.ที่แฝงตัวเป็นหอกข้างแคร่ อาทิ นายวิทยา แก้วภราดัย นายถาวร เสนเนียม ฯลฯ
ซ่องสุมกำลังเสียงส่วนใหญ่ อยู่ในสถานการณ์เตรียมพร้อม
“ยึดเมือง”
ตามท้องเรื่อง สู้ก็ท้าเป็นท้าตาย ไม่สู้ก็เฉาตายอยู่ดี
ไหนๆก็เสี่ยงวัดดวงไปเลยดีกว่า
เพราะถ้าหัวหน้าพรรคยังชื่อ “อภิสิทธิ์” ประชาธิปัตย์ไม่รู้จะไปทางไหน
จะตีตั๋วเกาะขบวนรถไฟไปกับ “นายกฯลุงตู่” ก็ลำบาก เพราะเปิดหน้าซัดกันมาจนกระดากใจ ครั้นจะพลิกนรกหันไปจับมือกับค่ายเพื่อไทย จูบปากกับลูกข่าย “ทักษิณ” ก็พะอืดพะอม
กัปตัน “อภิสิทธิ์” นำเรือมาอยู่ในจุดลอยคว้าง เท้งเต้ง รอวันจม
อารมณ์แบบที่เดาได้ กลุ่มทุนที่ไหนจะเสี่ยงแทงหวย ไม่แปลก
ที่ประชาธิปัตย์จะน้ำเลี้ยงเหือดแห้ง
ถ้าปล่อยให้สถานการณ์รุนแรงกว่านี้ โอกาสเลือดไหลออก
อาจรวมถึงปักษ์ใต้
มันจึงเป็นอะไรที่ต้องกระตุกจังหวะ เปลี่ยนหัวให้ยี่ห้อ “ชวน หลีกภัย” มาประคองสถานการณ์
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังไม่ต้องมโนไปถึงขั้นได้ลุ้นเหมือน “มหาธีร์”
แค่ได้โอกาสตีตั๋วร่วมขบวนกับ “ลุงตู่” ก็หรูแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: