PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561

การเมืองภาคบังคับ ทหารตีตั๋วต่อ

การเมืองภาคบังคับ ทหารตีตั๋วต่อ



คลายล็อกพรรคขานชื่อสมาชิก “3ขั้ว” ชิงอำนาจ

อั้นมานานเกือบ 4 ปี ถูกยึดเวทีครบเทอมเลือกตั้งแล้ว

ตามแนวโน้มสถานการณ์มันก็ไม่น่าแปลกใจ กับปรากฏการณ์ที่นักการเมือง เหล่านักเลือกตั้งอาชีพ พากันออกอาการคึกคักเหมือนผีเพิ่งฟื้นจากหลุมกลับมา ทันทีที่ คสช.อนุญาตให้พรรคการเมืองเดิมทำการตรวจสอบสมาชิกพรรค ช่วงระหว่างวันที่ 1–30 เมษายน 2561


“คลายล็อก” กฎเหล็กห้ามนักการเมืองขยับ นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557

ออกฤทธิ์ออกเดชกันทันทีทันควัน

บรรยากาศแบบที่ป้อมค่ายการเมืองรีบประกาศให้ลูกพรรครายงานตัว เช็กสถานะสมาชิกกันเซ็งแซ่

เรียกแถว ขานชื่อกันแต่หัววัน

อันดับแรกเลย โฟกัสไปที่พรรคเพื่อไทยที่คึกคัก ครึกครื้น ตามสถานะแชมป์เก่าที่กระแสเป็นต่อในสนาม

 โดยรูปการณ์ยังเป็น “เต็งหนึ่ง” มนต์ “ทักษิณ” ยังไม่เสื่อมขลังในภาคเหนือ ภาคอีสาน

ถือโอกาสประเดิมจัดงานรดน้ำดำหัวสงกรานต์ผู้อาวุโสในพรรคเป็นฉากอีเวนต์ตีปี๊บกระแส

ชิงจังหวะปลุกเรตติ้ง ออกตัวตามสไตล์โคตรเซียนการตลาด

ท่ามกลางลูกพรรคแห่กันมาหนาตา โชว์ภาพความอุ่นหนาฝาคั่ง พลังที่ยังแน่นปึ้ก

แต่ในความคึกคักของยี่ห้อ “ทักษิณ” ที่ถือแต้มต่อทางกระแสเหนือคู่แข่ง

มันก็แฝงไว้ด้วยร่องรอยร้าวๆภายในพรรคเพื่อไทย

ตามอาการแปร่งๆแบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ต้องตอบคำถามนักข่าวประเด็นการยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคที่ยังไม่ได้สมัครอย่างเป็นการเป็นงาน

ตัวเต็งแม่ทัพกลับไม่มีชื่อในบัญชีสมาชิก

แถมบุคลิกที่แสดงออกให้จับทางได้ว่ากำลังอยู่ในห้วงหยั่งเชิงวัดใจ หยั่งน้ำเสียงพูดแบบไม่เต็มปากเต็มคำกับการยืนยันสถานะในพรรคเพื่อไทย

ตามเงื่อนไขสถานการณ์แรงต้านว่าที่หัวหน้าพรรคหญิงคนใหม่ที่เคลียร์กันไม่ลงตัว

สำทับกับภาพการแยกตัวไปอยู่คนละชั้นคนละห้องของ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำรุ่นเก๋า ที่มีข่าว “นายหญิง” จับมือไปเจรจาภาวะทางใจกันแล้วก็ยังไม่สำเร็จ

ยังไม่นับนางเสือ นางสิงห์ “ตัวจริง” ที่เป็นด่านต้าน “เจ๊หน่อย”

แกะรอย แค่ปมแย่ง “นอมินี” นำทัพเพื่อไทยยังส่อล่อกันพรรคแตก

ไหนจะเงื่อนเป็นเงื่อนตายแบบที่ “ป๋าเหนาะ”

นายเสนาะ เทียนทอง แกนนำรุ่นลายคราม ที่พูดเป็นนัยเรียกร้องให้คนตระกูลชินวัตรเลิกเล่นการเมือง เพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเพื่อประชาชน

ไม่ใช่เป็นพรรคเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของเจ้าของบริษัทจำกัด

ต่อเนื่องกับประเด็นเซอร์ไพรส์ ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เปิดเผยเองเลยว่า “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภรรยา ตัดสินใจวางมือทางการเมืองแล้ว

แนวโน้มเหมือนคนตระกูลชินฯก้มหลบต่ำกันหมด

แต่ก็อีกนั่นแหละ การออกตัวด้วยคำพูดน่ะมันง่าย แต่โดยพฤติการณ์มันยากจะทำให้สังคมเชื่อได้

ถึงแม้ปากบอกเลิกเล่นการเมืองเบื้องหน้า แต่ก็เห็นมาตลอดกับยุทธศาสตร์สับขาหลอก

นายใหญ่ นายหญิง คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

ในเมื่อพลังแฝงทั้งหมดทั้งปวงของพรรคเพื่อไทยมันอยู่ที่ “ทักษิณ” กับคนตระกูลชินวัตร

อะไรไม่เท่ากับว่า แค่เริ่มต้นกลับมา “ป๋าเหนาะ” ก็ฝันถึง “ทักษิณ” จะได้กลับเมืองไทยแบบเท่ๆ

ในอารมณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง ทีมงาน คสช.หัวเราะหึๆในลำคอ บอกก็คงได้แค่ฝัน

ให้ตื่นมาดูกฎหมายด้วยว่ามีชนักปักอยู่กี่คดี

“เพื่อไทย–ทักษิณ” หนีไม่พ้นวังวนที่เป็นเงื่อนไขความขัดแย้งไม่รู้จักจบสิ้น

ขณะที่อีกขั้ว “คู่กัด” ก็คึกคักไม่น้อยไปกว่ากัน ตามสถานะของ “เต็งสอง” พรรคประชาธิปัตย์ขยับออกตัวรับจังหวะคลายล็อกป้อมค่ายการเมืองเก่าตั้งแต่วันแรก

เรียกเช็กชื่อสมาชิกพรรคก่อนใครเพื่อน

ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์อึมครึมที่ขุมข่ายของ

“ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส.ยังคงแฝงตัวเป็นหอกข้างแคร่อยู่เต็มพรรค

พร้อมเปิดเกมหักดิบทันทีที่ คสช.ไฟเขียวให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เลือกตั้งกรรมการบริหารใหม่
ประชาธิปัตย์ร้าวลึกไม่แพ้พรรคเพื่อไทย

แต่ด้วยสไตล์นักการเมืองอาชีพ แค่เริ่มต้นก็เปิดเกมบุกร้อนแรงทันที ในอารมณ์แบบที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รีบประกาศดังลั่น ใครสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯให้ออกไปอยู่พรรคอื่น พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯเท่านั้น

ชิงเตะตัดขา “นายกฯลุงตู่” แบบตั้งใจมาจากบ้านเลย

ตามเหลี่ยมโชว์จุดยืนประชาธิปัตย์ต่อต้านเผด็จการ มุกเก่า ฟอร์มเดิม สูตรถนัดยี่ห้อเก่าแก่ ฉวยสถานการณ์เป็นพระเอกในฟากฝั่งประชาธิปไตย ชูธงนำทัพต้านท็อปบูต

โดยลืมไม่พูดถึงอดีตการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร อุ้ม “อภิสิทธิ์” เป็นนายกรัฐมนตรี

ประชาธิปัตย์ต้องชิ่งออกจากเงาทหาร เพื่อไปสู้ในสนามเลือกตั้ง

“อภิสิทธิ์” ยังคงมีความหวังเล็กๆกับการรีเทิร์นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ตามเงื่อนไขพรรคอันดับสองที่เป็นตัวแปรในสมการเสียงของรัฐบาลที่กั๊กกันอยู่ 3 ขั้ว

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ และกองหนุนทหาร

อย่างไรก็ตาม หยั่งสถานการณ์ประเมินจากอาการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาสวนหมัด “อภิสิทธิ์” ในทันที
เตือนพูดจาควรให้เกียรติกัน

ที่สำคัญยังบอกให้ประชาชนคอยจับตา เลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้นแล้วค่อยไปถามเขาอีกทีแล้วกัน

นั่นสะท้อนว่า “นายกฯลุงตู่” ก็มั่นใจแต้มต่อที่ถืออยู่ในมือ

ที่แน่ๆ ณ วันนี้ ถือว่าประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยหงายไพ่หมดแล้ว

แนวโน้มอย่างที่เห็นอาการคึกคักในการขานชื่อสมาชิกพรรค กลับมาเปิดหน้าโชว์ตัว ซึ่งก็ล้วนแต่กลุ่มก๊วนเดิมๆ คนหน้าเก่าๆที่เคยร่วมกันก่อวิกฤติการเมืองมาทั้งนั้น

นักการเมืองกำลังจะกลับมากระตุกฝันร้ายรอบใหม่

ในบรรยากาศที่หัวเชื้อความขัดแย้งเก่าๆยังแฝงอยู่เต็มไปหมด

ม็อบป่วนเมืองผุดขึ้นมาในมโน ภาพเสื้อเหลืองยึดสนามบิน เสื้อแดงเผาเมือง กปปส.ปิดกรุงเทพฯ หลอนชาวบ้านทันทีที่เห็นนักการเมืองขยับกลับมา

นี่แหละคือไพ่เด็ดของทีมงาน “ลุงตู่” ชูธงได้เลยว่า ถ้าไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ประเทศถอยลงเหวแน่

กระแส พล.อ.ประยุทธ์ทำให้บ้านเมืองสงบยังขายได้

และยังมีเรื่องของกติกาการเลือกตั้งที่ล็อกโอกาสพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ยากที่จะโกยแต้มเป็นกอบเป็นกำแบบที่ตั้งรัฐบาลได้พรรคเดียว

เท่ากับปิดโอกาสเดียวที่ยี่ห้อ “ทักษิณ” จะยึดสภาฯ ทวงคืนอำนาจ

สรุปตามรูปการณ์มันยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โหมดการเมืองภาคบังคับ ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ผ่านประชามติ

สถานการณ์ยังเอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนคุมเกมอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี

เพียงแต่จุดของการเป็น “นายกฯคนนอก” เป็นเงื่อนไขที่นักการเมืองเริ่มตีปี๊บดักทางความสง่างาม

นั่นก็ทำให้ต้องมีการปรับแผน ยกระดับความชอบธรรมเป็น “นายกฯคนใน”

ล่าสุดกับการขยับของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ประกาศจุดยืนพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป

เพราะเป็นคนดีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศไทย

ทำให้การเมืองนิ่ง การพัฒนาเศรษฐกิจรุดหน้า

และสังเกตว่า “สมคิด” พยายามจำกัดวงให้เป็นเรื่องคนรุ่นใหม่ลงสนามการเมือง เพื่อมาสนับสนุนคนดีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำหน้าที่สานต่องานที่รัฐบาล คสช.ได้วางไว้

เพราะงานนี้รู้ไต๋กันอยู่ว่า ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จ้องเตะตัดขา
“ป้ายสี” เป็นพรรคทหาร คสช.
ล่อเป้า “สมคิด” ดิสเครดิตค่าย “พลังประชารัฐ”
ตัดตัวช่วย “ประยุทธ์” ตีตั๋วต่อ.
“ทีมการเมือง”

ไม่มีความคิดเห็น: