PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ฮวยแนะปูใช้ปรับกำลังแทนถอนทหาร ย้ำต่อหน้า 4.6ป็นของเขมร

โพสต์เมื่อ 15 กันยายน 2011 - 22:29 น.

ฟิฟทีนมูฟ – ฮุน เซน บอกยิ่งลักษณ์ต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ปลอดทหารและรับผู้สังเกตการณ์อินโดฯ ตามมาตรการศาลโลก แนะใช้ปรับกำลังแทนถอนทหาร ย้ำต่อหน้าว่า ๔.๖ ตร.กม. เป็นของเขมร ยังไงก็ถอนทหารออกไม่ได้ ชวนเจรจาพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเลเสนอเอา MOU44 กลับมาใช้เปิดทางแบ่งผลประโยชน์น้ำมัน ปูคุยช่วยวีระ-ราตรี แต่เขมรปัดบอกจะขอลดหย่อนโทษเป็นคราว ๆ แทน
การเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงบ่าย (๑๕ กันยายน ๒๕๕๔) ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ บุน รานี ภริยา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูง ให้การต้อนรับที่ตึกวิมานสันติภาพ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ ๑๓.๔๐ น. ภายหลังการพบหารือนานร่วม ๒ ชั่วโมง รัฐมนตรีของกัมพูชา นายฮอ นำฮง รัฐมนตรีต่างประเทศ และนายเขียว กัญญาฤทธิ์ รัฐมนตรีข่าวสาร ในฐานะโฆษกรัฐบาล ได้แถลงผลการหารือ

ตามการรายงานของสื่อกัมพูชาหลายสำนัก1 นายฮอ นำฮง แถลงผลการหารือว่า สองฝ่ายได้มีความเห็นชอบร่วมกันในการที่จะฟื้นคืนและพัฒนาความสัมพันธ์ โดยเฉพาะในด้านการค้า การท่องเที่ยว และในด้านอื่น ๆ โดยในด้านการค้านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เสนอให้มีการจัดงานแสดงสินค้าไทย-กัมพูชา ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งผู้นำกัมพูชาให้การตอบรับ โดยที่การแสดงสินค้าที่ประเทศกัมพูชาดังกล่าว ชะงักมาตั้งแต่เกิดสงครามตามแนวชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย

ในโอกาสเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยกประเด็นของ ๒ คนไทย ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของกัมพูชา คือ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ขึ้นหารือ โดยนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวตอบว่า รัฐบาลกัมพูชากำลังตรวจดูเรื่องนี้ และรัฐบาลอาจจะเสนอไปยังกษัตริย์กัมพูชา เพื่อขอลดหย่อนผ่อนโทษเป็นคราว ๆ แล้วจะพิจารณาต่อไปอีก รัฐบาลต้องเคารพกฎหมายและคำตัดสินของศาล กล่าวคือ กฎหมายกัมพูชา ต้องให้ได้รับโทษ ๒ ใน ๓ ของคำตัดสินก่อน จึงจะเสนอขอให้กษัตริย์อภัยโทษ

เกี่ยวกับประเด็นเขตแดน ฮุน เซน ได้แจ้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าควรจะให้กองทัพของสองฝ่ายได้พบหารือกัน รักษาบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพให้ดี และต้องถอนทหารออกจาก พื้นที่ปลอดทหาร ที่กำหนดโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยในการถอนทหารนี้ เราไม่ใช้คำว่าถอนทหาร เราใช้คำว่าปรับกำลังทหาร และจำเป็นที่จะต้องให้มีผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย ก้าวต่อไปที่ศาลตีความ คือ เราต้องเคารพตามคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ปี ๒๕๐๕ นอกจากนี้ ฮุน เซน ได้แจ้งกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า รัฐบาลในวันนี้ก็ไม่อาจถอนทหารออกจากพื้นที่ ๔.๖ ตร.กม. ได้ เนื่องจากเป็นดินแดนของกัมพูชา กัมพูชาไม่อาจถอนทหารได้เลย ดังนั้น ปล่อยให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความปัญหานี้ ถ้าศาลฯ ตีความว่าดินแดนนี้เป็นของไทย กัมพูชาก็จะให้ไทย ดังนั้น เรารักษาให้เป็นพื้นที่ปลอดทหารไปจนถึงวันที่ศาลฯ ตีความคำตัดสิน ปี ๒๕๐๕

ประเด็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนทางทะเล นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้มาเจรจาลับโดยเอาแผนที่มาด้วย เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๒ ต่อมาได้เจรจาลับกับรองนายกรัฐมนตรี ซก อาน ที่ฮ่องกงและคุนหมิง เราได้รับข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ยกเลิก MOU44 ไปแล้ว แต่ในทางตรงข้ามเราได้รับบันทึกการทูตจากสถานทูตไทย ตั้งคณะกรรมการเพื่อเจรจาและแก้ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ฮุน เซน เสนอว่า ตอนนี้เราเจรจาเปิดเผยระหว่างรัฐบาลทั้งสอง เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนในทะเล โดยนำ MOU44 กลับมาใช้ใหม่พร้อมกับมาตรการอื่นที่มีอยู่

ฮุน เซน ได้เสนอ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกว่า ควรให้จังหวัดที่อยู่ติดชายแดนได้พบหารือกันเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่ตามแนว ชายแดน ซึ่งอาจจะให้มีการประชุมร่วมของรัฐมนตรีมหาดไทยในพื้นที่ชายแดน เจ้าหน้าที่สองฝ่ายปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ การลักลอบนำยาเสพติดข้ามแดน พร้อมกันนั้น ฮุน เซน ได้เสนอขอให้มีการเปิดด่านพรมแดนแห่งใหม่เพิ่มเติม ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นด้วย โดยเฉพาะพื้นที่สตึงบต2 เพื่อให้สตึงบตเป็นด่านสำหรับนำสินค้าเข้าออก แล้วให้พื้นที่ปอยเปตเป็นด่านสำหรับนักท่องเที่ยว ไม่ให้ปะปนกัน

นอกจากนี้ ฮุน เซน ได้เสนอให้มีการประชุมนัดพิเศษวิสามัญ ของคณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศรัฐบาลกัมพูชาและไทย ที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศของสองฝ่ายเป็นประธานร่วม เพื่อเร่งสานต่อความสัมพันธ์ให้ครบทุกด้านและได้ผลดี3 ในประเด็นอื่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ หยิบประเด็นเรื่อง ​​​AMEC VISAGE ​ขึ้นหารือ

ส่วนนายเขียว กัญญาฤทธิ์ ได้แถลงว่า ฮุน เซน ถือว่าการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นี้ เป็นภารกิจลิ้นกับฟัน เพราะกัมพูชากับไทยเปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน แม้มีการปะทะกันแต่ก็ไม่อาจแยกจากกันได้ ดังนั้น ภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กัมพูชา เป็นการคืนดีเพื่อให้ทั้งสองประเทศกลับมาดีกัน โฆษกรัฐบาลกัมพูชา กล่าวอีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นชอบกับคำกล่าวของฮุน เซน ที่ว่าไทยกับกัมพูชาต้องปฏิบัติตามศาลโลกในการถอนทหาร และเคารพต่อบทบาทของอินโดนีเซีย