PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ไซซะนะกับการเมืองลาว

นะ” กับการเมืองลาว

 ยุทธการขุดรากถอนโคน “เจ้าพ่อยาเสพติดลาว”ไซซะนะ แก้วพิมพา เร้าใจราวกับดูหนังบู๊แนวโปลิศปราบมาเฟีย

      ยิ่งฟังคำแถลงของพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบ.ปส.) ก็ยิ่งชวนติดตาม เพราะทางการไทยจะกวาดล้างแก๊งยาเสพติดให้สิ้นซาก

     ตรงกันข้าม ทางการลาว กลับนิ่งเงียบ มีแต่สื่อสังคมออนไลน์ที่เฝ้าเกาะติดข่าวเครือข่ายไซซะนะจากฝั่งไทย ด้วยความกระตือรือร้น

      เนื่องจาก“ไซซะนะ”หรือ“เฮียลบ”เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคมชั้นสูง เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ มีกิจการโรงเลื่อย และการค้าชายแดน

“ไซซะนะ” กับการเมืองลาว

      ภาพที่คนลาวจำได้ว่า เฮียลบเป็นใคร? คำตอบคือ เซเลบรถหรู, นักเลงไก่ชน และนักพนันฟุตบอล

      ในสื่อสังคมออนไลน์ลาว จะมีภาพ “ก๊วนเฮียลบ” เฉิดฉายอยู่ในสังคมเงาแสงเพชร

     ก๊วนกินดื่มเที่ยวของเฮียลบ ที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนลาวมีอยู่ 2 คน

      คนแรกชื่อ “เฮียเตื้อง” เป็นเจ้าของฟาร์มม้า ที่เลี้ยงม้าตัวละราคา 3-4 ล้านบาท เป็นเจ้าของสัมปทานหวยรัฐ และมีหุ้นส่วนในธุรกิจรถซูเปอร์คาร์ ทั้งที่นครหลวงเวียงจันทน์ และหนองคาย

     คนที่สองชื่อ “เฮียกู้” เป็นน้องชายประธานสถานีโทรทัศน์ลาวสตาร์ โดยเฮียกู้ จะทำหน้าที่ด้านการตลาด และมีธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับสื่อออนไลน์

     “เฮียกู้”จะเดินทางมาไทยบ่อยมาก เพื่อติดต่อกับ“คนบันเทิงไทย” และทุกครั้งที่มีดารา นักร้องจากไทยไปเวียงจันทน์ เฮียกู้จะเป็นดูแลเทคแคร์ตลอด

“ไซซะนะ” กับการเมืองลาว

      ดารานักร้องไทยกว่าครึ่งวงการต่างรู้จักเฮียกู้ รวมถึงเจ้าของธุรกิจน้ำเมารายใหญ่ของไทย ก็ได้อาศัยบารมีเฮียกู้ นำเบียร์ไปขายที่ลาว

     ในเวียงจันทน์ราตรี หากมีคนพบเห็น “เฮียลบ” ที่ไหน ก็ต้องมี “เฮียกู้กับเฮียเตื้อง” ยืนเรียงเคียงข้างเสมอในคลับหรูโรงแรมห้าดาว

     หลังจากมีข่าวการจับกุมเฮียลบที่เมืองไทย และในโซเชียลลาวได้ขุดภาพเก่าๆ ของเฮียลบ เฮียกู้ และเฮียเตื้องมาแชร์สนั่้น พี่ชายของเฮียกู้ ถึงขั้นออกแถลงการณ์ว่า นับจากนี้ไป เฮียกู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับช่องลาวสตาร์

      เฮียกู้ได้ออกมาชี้แจงผ่านสื่อลาวว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจมืดเฮียลบ แต่ยอมรับว่า รู้จักกันและเคยไปเที่ยวด้วยกัน

     ส่วนเฮียเตื้องก็เงียบหาย ไม่โผล่ออกมาชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์ได้พาดพิงถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างเขากับเฮียลบ

      แหล่งข่าวฝั่งซ้ายเปิดเผยว่า ขบวนการค้ายาเสพติดของเฮียลบนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะรอดพ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจลาว เพียงแต่เขามีเกราะป้องกันเป็น “ผู้มีอำนาจ” ในการเมืองลาว จึงยืนยงอยู่ได้หลายปี ไม่มีตำรวจลาวคนไหนเข้าไปจับกุม

“ไซซะนะ” กับการเมืองลาว

     ขณะที่ข่าวสารการจับกุมเฮียลบ เจ้าพ่อยาเสพติดดังโครมคราม แต่กระทรวงป้องกันความสงบ หรือกระทรวงตำรวจลาว กลับเงียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      แม้แต่สำนักข่าวสารปะเทดลาวได้พยายามสอบถามไปยังกระทรวงป้องกันความสงบว่า จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้หรือไม่?แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ป้องกันความสงบ และหนังสือพิมพ์ป้องกันความสงบ ก็ไม่ได้นำเสนอรายงานข่าวการจับกุมพ่อค้ายาบ้าชาวลาว

      ที่ฮือฮามากในสองวันนี้ เมื่อมีผู้นำภาพ “บุตรชาย” อดีตนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ถ่ายภาพร่วมกับไซซะนะ ในหลายสถานที่ ต่างกรรมต่างวาระ มาโพสต์ในเฟซบุ๊ก

    ภาพชุดดังกล่าวถูกคนลาววิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา และดูเหมือนทายาท “อดีตนายกฯลาว” จะไม่ได้ออกมาชี้แจงต่อสังคมด้วย

     แม้อดีตนายกฯลาวจะลงจากตำแหน่งไปแล้ว แต่ลักษณะการนำแบบพรรคเดียวของลาว ก็มักจะไม่หักโค่นกันชนิดเอาเป็นเอาตาย

    มีข้อน่าสังเกตว่า ความรุ่งเรืองของเครือข่าย “ไซซะนะ” ในลาวนั้น ก็อยู่ในห้วงเวลาการดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ของอดีตนายกฯ ท่านนั้น

     จึงไม่น่าแปลกใจว่า เหตุใดข่าวสารจากฝั่งซ้ายถึงได้เงียบผิดปกติ ปล่อยให้ทางฝั่งขวาไล่ล่าเครือข่ายไซซะนะกันครึกโครม


"คนดังระดับประเทศ" โผล่ร่วมเฟรม "ไซซะนะ"

ช็อกทั้งบาง!! "คนดังระดับประเทศ" โผล่ร่วมเฟรม "ไซซะนะ" ขณะชาวเน็ตแฉชีวิตสุดหรู-คบค้าไฮโซ คนดัง!!
โดย : สำนักข่าวทีนิวส์
วันที่ 3 ก.พ.2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปราบยาเสพติด ปฎิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี 60/1" ปิดล้อมจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ คาสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2560 กระทั่งเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ,ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฎิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี 60/2" เข้าตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินในพื้นที่เป้าหมาย กว่า 40 แห่ง ทั่วประเทศ และ มีบุคคลเป้าหมาย 9 ราย ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าอาจจะมีส่วนในขบวนยาเสพติดและการฟอกเงิน เครือข่าย เหวย เซี๊ยะ กัง และนายไซซะนะ แก้วพิมพา โดยหนึ่งในนี้มี เบนซ์ เรสซิ่ง หรือ อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช สามีของนางเอกสาว แพท ณปภา ตันตระกูล ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ด้วย
ล่าสุด ชาวเน็ตได้มีการเผยแพร่ภาพของ 2 พระเอกคนดังจากวิกหลายสี โผล่ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับ นายไซซะนะ แก้วพิมพา ด้วยท่าทางเป็นกันเอง ประกอบด้วย หนุ่มอ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร์ และหนุ่มอานัส ฬาพานิช
และอีก 1 คนดังระดับประเทศ ที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง ซึ่งได้ร่วมเฟรมถ่ายภาพร่วมกับนายไซซะนะ เช่นเดียวกับ 2 พระเอกคนดัง นั่นก็คือ นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด-คาราบาว โดยชาวเน็ตให้ข้อมูลด้วยว่า นายไซซะนะ ชื่นชอบการตีไก่เป็นชีวิตจิตใจ และเคยตีไก่ร่วมกับ แอ๊ด-คาราบาว ด้วย โดยครั้งนั้น แอ๊ด-คาราบาว เคยพ่ายแพ้ ให้กับนายไซซะนะ และสูญเงินเป็นจำนวนหลายแสนบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า นายไซซะนะ ราชายาเสพติดรายใหญ่ หรือที่รู้จักกันในแวงวงสังคมไฮโซ ในชื่อ "เฮียลบ" มีเครือข่ายยาเสพติดกว่า 100 เครือค่าย ถือเป็นอันดับต้นๆของอาเซียน กีฬาที่ชื่นชอบคือการ "ตีไก่" โดย นายไซซะนะ มีรถหรู ประเภท ซุปเปอร์คาร์มากกว่า 1 พันคัน หากเอเย่นต์ยาเสพติดรายใดทำยอดได้ถึงเป้า นายไซซะนะ ก็จะแจกรถยนต์สุดหรู เป็นรางวัล พร้อมกับนำรถหรูไว้ฟอกเงินในคราวเดียวกัน
อีกทั้งยังชอบคลุกคลีกับสังคมดารา-ไฮโซ โดยจะชอบจ้างดารานักแสดงไทย รวมทั้งตลก ไปโชว์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เป็นที่รู้จักในแวดวงดาราและไฮโซหลายคน จึงไม่แปลกที่นายไซซะนะ จะมีรูปคู่กับดารานักแสดง และคนดังไฮโซเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด เพจ "คำโดนๆ!!กะคนเเรงๆ" ได้เผยแพร่รูปภาพบ้านหลังใหญ่โต โดนอ้างว่าเป็นคฤหาสน์สุดหรูของ นายไซซะนะ ซึ่งตั้งอยู่ แขวงคำม่วน ตรงข้าม จ.พนม สปป.ลาว
เรียบเรียง เนื้อหา : พัทธนันท์ สำนักข่าวทีนิวส์
Cr.สำนักข่าวทีนิวส์

"ถาวร" แจงม็อบชาวนาสงขลา เดือดร้อนจริงต้องร้องผ่านนักการเมืองเพราะสนช.พึ่งไม่ได้

"ถาวร" แจงม็อบชาวนาสงขลา เดือดร้อนจริงต้องร้องผ่านนักการเมืองเพราะสนช.พึ่งไม่ได้ 
.
(3ก.พ.2560) นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุพาดพิงถึงตน ในเหตุการณ์การชุมนุมรวมตัวของชาวนากว่า 3,000 คน ที่ จ.สงขลา ที่ออกมาเรียกร้องขอให้รัฐสนับสนุนพันธุ์ข้าวนการเพาะปลูก เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่าเป็นการชุมนุมที่มีนักการเมืองในพื้นที่หนุนหลังว่า 
.
ขอทำความเข้าใจกับพล.ท.สรรเสริญ ถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชาวนาใน จ.สงขลา โดยเฉพาะ อ.ระโนด ซึ่งส่วนใหญ่ต้องสูบน้ำเข้านาจากทะเลสาบสงขลา แต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา เกิดภัยแล้งน้ำทะเลหนุนสูงทำให้น้ำในทะเลสาบเป็นน้ำเค็ม เมื่อสูบเข้านา ก็ทำให้นาล่ม ส่งผลให้พวกเขาต้องไปกู้หนี้ยืมสินซื้อพันธุ์ข้าวมาเพาะปลูกในช่วงเดือน ส.ค. 59 โดยหวังจะเก็บเกี่ยวตอนสิ้นปี แต่ก็ต้องพบกับอุทกภัย เสียหายจนสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินทุนซื้อพันธุ์ข้าว พอไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมให้ผู้ว่าฯ ช่วยเหลือหลายครั้งก็ไม่คืบหน้า พวกเขาจึงได้เข้าร้องเรียน อดีตนักการเมืองอย่างตน เพื่อของงบประมาณ 50 ล้านบาทในการจัดซื้อพันธุ์ข้าว มาแจกจ่ายชาวนา เพื่อให้เพาะปลูกได้ต่อในฤดูกาลหน้า
.
"ที่ พล.ท.สรรเสริญ ระบุว่ามีนักการเมืองในพื้นที่ยุยงปลุกปั่นนั้น ผมขอถามว่าตัวผู้ว่าฯ, รมว.เกษตร หรือแม้แต่ตัว พล.ท.สรรเสริญ ได้เปิดให้ตัวแทนชาวนาพบ และรับฟังเหตุผลของความเดือดร้อนของเขาหรือไม่ แม้กระทั่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่รัฐบาลตั้งขึ้น เคยลงพื้นที่มาพบปะรับฟังความเดือดร้อนของพวกเขาหรือไม่
.
หากเป็นรัฐบาลปกติแล้วมีปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรชาวนา ป่านนี้กระทู้สด กระทู้แห้ง ว่อนเต็มสภาเพื่อจี้ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนได้แล้ว และเกษตรกรชาวนาจะพึ่ง สนช. ที่รัฐบาลตั้งขึ้นได้หรือไม่
.
การที่ตัวแทนกลุ่มชาวนามาร้องเรียนอดีตนักการเมืองอย่างผม ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะเขาไปร้องส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาหมดแล้ว
.
ดังนั้นขออย่ามองพวกนักการเมืองเป็นศัตรู ทั้งๆที่ได้ทำหน้าที่ในการข่วยแก้ไขปัญหาให้รัฐบาลมาโดยตลอด ส่วนจะนั่งครองเมืองไปอีกนานเท่าไหร่ ก็เชิญตามสบาย แต่ขอถามว่าทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขพี่น้องประชาชนได้ดีมากน้อยแค่ไหนเพียงใด"นายถาวรระบุ

มองโลกปี 2017 และหลังจากนั้น : ภาวะถดถอยทางภูมิรัฐศาสตร์ สงครามโลกที่ใกล้เข้ามา

ปี2016 มีเหตุการณ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจ-การเมือง แสดงสัญญาณชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ที่กล่าวทำนายกันมาหลายปีก่อนหน้านี้ได้แก่
การเสื่อมถอยของสหรัฐจากฐานะการเป็นอภิมหาอำนาจ
การแตกเป็นเสี่ยงของสหภาพยุโรป
วิกฤติเศรษฐกิจ 2008 ที่ไม่ยอมฟื้นตัวอย่างที่หวัง
และความเสื่อมโทรมหมดไปของทรัพยากรธรรมชาติ จนถึงขั้นวิกฤติที่ลามจนถึงปัญหาประชากรและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์
เหตุการณ์ใหญ่ดังกล่าวได้แก่การลงประชามติในอังกฤษให้ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปในช่วงกลางปี และปรากฏการณ์ลัทธิทรัมป์ในตอนปลายปี เหตุการณ์ทั้งสองสะท้อนความไม่พอใจของประชาชนจำนวนมากในอเมริกัน-อังกฤษ ที่ไม่พอใจระบบอำนาจเดิมและนโยบายต่างประเทศและลัทธิโลกาภิวัตน์
เนื่องจากอเมริกัน-อังกฤษเป็นแกนจัดระเบียบโลกมาตลอดศตวรรษที่ 20 จนถึงปัจจุบันเมื่อเกิดความอ่อนแอรวนเร ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนได้เหมือนเดิม ก็ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจ-การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปทั่วโลก
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นจุดพลิกผันใหญ่ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหวนกลับมาอีก
ก่อให้เกิดการเปลี่ยนสภาพภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่
การแตกตัวและรวมตัวใหม่อย่างซับซ้อน บางช่วงรุนแรงรวดเร็ว
บางช่วงอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีวิธีวิเคราะห์กันไปต่างๆ แต่ผลออกมาใกล้เคียงกัน นั่นคือ โลกเข้าสู่ภาวะความเสี่ยงสูง คล้ายเดินเรือสมุทรเข้าสู่ห้วงน้ำที่ไม่เคยไปมาก่อน
ในตอนนี้จะกล่าวถึงเอกสารการวิเคราะห์และประชามติเกี่ยวกับความเสี่ยงของโลก 3 กรณีเป็นตัวอย่าง

ภาวะถดถอยทางภูมิรัฐศาสตร์

ของกลุ่มยูเรเซีย (Eurasia Group)
กลุ่มยูเรเซีย เป็นบริษัทใหญ่ด้านการปรึกษาความเสี่ยงทางการเมืองสำหรับวงธุรกิจ ผู้ก่อตั้งสำคัญได้แก่ เอียน เบรมเมอร์ นักรัฐศาสตร์ นักเขียน นักลงทุนชาวสหรัฐ รายงานสถานการณ์โลกประจำปี 2017 ให้ภาพรวมความเสี่ยงปีนี้ว่าเข้าสู่ “ภาวะถดถอยทางภูมิรัฐศาสตร์” ซึ่งหนักหน่วงกว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
ปรากฏการณ์หลัก ได้แก่ ภาวะที่โลกขาดผู้นำ เกิดสุญญากาศทางอำนาจในการเมืองระหว่างประเทศ เนื่องจากความเสื่อมถอยของอิทธิพลตะวันตก (G-zero)
ปรากฏการณ์รอง ได้แก่ การลุกขึ้นสู้ของประชาชนทั่วโลกต่อต้านลัทธิโลกาภิวัตน์ เริ่มจากการลุกขึ้นสู้ชาวอาหรับ (2011)
ต่อมาลามมาที่ยุโรป และขณะนี้เข้าสู่อเมริกา จากปรากฏการณ์ที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี เป็นการสิ้นสุดของยุค “สันติภาพอเมริกา” ที่ดำเนินมา 70 ปี
“สันติภาพเอมริกา” มีลักษณะเด่นสองประการควบคู่กัน ได้แก่ ลัทธิโลกาภิวัตน์และการทำให้เป็นแบบอเมริกัน นอกจากนี้ ได้แก่ การครองความเป็นใหญ่ของสหรัฐทั้งในด้านความมั่นคงการค้า
รายงานกล่าวถึงความเสี่ยงใหญ่ 10 ประการของโลกปี 2017 ว่าได้แก่
1) อเมริกาที่เป็นอิสระ คือแนวคิดเรื่อง “อเมริกาก่อนอื่น” เน้นผลประโยชน์แห่งชาติระยะใกล้ ขณะที่มีความยืดหยุ่นสูงบนเวทีการเมืองโลก (แต่มองจากสายตาของประเทศต่างๆ อเมริกากลายเป็นประเทศที่คาดเดาไม่ได้)
2) จีนที่ตอบโต้แรงเกินไป เนื่องจากจะมีการจัดประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 19 ในฤดูใบไม้ร่วง 2017 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนตัวผู้นำระดับสูงและกำหนดอนาคตของประเทศอาจทำให้ สี จิ้น ผิง ที่ต้องการเสริมฐานอำนาจของตนให้เข้มแข็งขึ้น อาจตอบโต้ต่อนโยบายต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหรัฐที่มาท้าทายต่อจีนรุนแรงเกินไปได้
3) นางแมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีที่อ่อนแอลงแม้คาดว่าการเลือกตั้งทั่วไปเดือนสิงหาคม 2017 นางอาจจะกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้อีกครั้ง แต่ก็อ่อนแอลง ต้องโอนอ่อนต่อพลังขวาจัดในประเทศมากขึ้น
ขณะที่ถ้า นางมารีน เลอแปง ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในฝรั่งเศส ก็จะจัดทำประชามติเพื่อออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอีกราย เท่ากับว่าจะเกิดการขาดผู้นำที่เข้มแข็งหรือเกิดสุญญากาศทางอำนาจในยุโรป
4) การขาดการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ ในประเทศต่างๆ เนื่องจากผู้นำทั้งหลายต้องจมอยู่ในปัญหาภายในของตนกันไปต่างๆ เช่น อินเดียและเม็กซิโก รู้สึกว่าตนปฏิรูปไปมากแล้ว ผู้นำในจีน รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และอาร์เจนตินา เป็นต้น จะชะลอการปฏิรูปไปจนพ้นการเลือกตั้งแล้ว มีหลายประเทศไม่ต้องการการปฏิรูปอะไร เช่น ตุรกี แอฟริกาใต้ อิตาลี และอังกฤษ และบางประเทศต้องการปฏิรูปแต่มีอุปสรรคมาก เช่น ในซาอุดีอาระเบีย และ ไนจีเรีย จากการปฏิรูปที่ไม่เพียงพอ นำมาสู่การหยุดชะงักความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจโดยทั่วไป
5) เทคโนโลยีกับปัญหาความมั่นคงในตะวันออกกลาง มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มความไร้เสถียรภาพของตะวันออกกลาง เช่น การปฏิวัติพลังงานในสหรัฐ การเป็นแบบอัตโนมัติที่เร่งอัตราการว่างงานของคนหนุ่มสาวในประเทศเหล่านี้
6) ธนาคารกลางถูกแทรกแซงจากการเมือง หรือธนาคารกลางปฏิบัติเชิงการเมืองมากขึ้น นั่นคือเพิ่มการชักใยทางเศรษฐกิจที่ทำอยู่แล้ว เช่น กรณีธนาคารกลางสหรัฐหลังทรัมป์เปลี่ยนตัวผู้ว่าการคนปัจจุบัน นางเยลเลน
AFP PHOTO / Bryan R. Smith
7) ทำเนียบขาวปะทะกับซิลิคอนวัลเลย์ เช่น ด้านวงการสื่อ การเป็นอัตโนมัติที่ไม่ช่วยแก้ปัญหาว่างงานอย่างที่ทรัมป์ต้องการ
8) การกวาดล้างต่อเนื่องในตุรกี รวมศูนย์อำนาจในมือของประธานาธิบดีแอร์โดอาน ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนต้องขึ้นต่อการเมืองยิ่งขึ้น
9) เพลงกระบี่จากเกาหลีเหนือที่มีความเสี่ยงจากระบบทรัมป์ของสหรัฐ กดดันเกาหลีเหนือมากขึ้น ทำให้สหรัฐต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับจีน และการเปลี่ยนผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งถ้าหากได้ผู้นำแนวคิดกลางซ้าย ก็จะเน้นการปรองดองกับเกาหลีเหนือผ่านการทูต มากกว่าการเผชิญหน้า ซึ่งย่อมกระทบต่อนโยบายของสหรัฐและตะวันตกในภูมิภาคนี้
10) การต่อสู้ภายในชนชั้นนำแอฟริกาใต้ (ดูเอกสารชื่อ Top Risks 2017 : The Geopolitical Recession ใน eurasiagroup.net 03.01.2017 การวิเคราะห์นี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง มีการนำไปเผยแพร่ต่อในหลายสื่อกระแสหลัก มีคำอธิบายและการสัมภาษณ์เพิ่มรายละเอียดต่างๆ ไปบ้าง ดังที่ได้ประมวลไว้ในที่นี้)
การวิเคราะห์ดังกล่าวข้างต้น เห็นได้ว่าเน้นสหรัฐและตะวันตกเป็นศูนย์กลาง และเพื่อบรรษัทในการบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาทั่วไปและสาธารณชน เช่น การเห็นว่าเมื่ออิทธิพลของตะวันตกลดลงมาก และจีน-รัสเซียเป็นต้นไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้ จะทำให้เกิดภาวะสุญญากาศทางอำนาจในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้น
ซึ่งในทางเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสียทีเดียว
เพราะ
ก) สหรัฐและพันธมิตรยังมีความอาลัยอาวรณ์ในความยิ่งใหญ่ของตนในอดีต และไม่ยอมปล่อยอำนาจนี้ไปง่ายๆ และจะเข้ามาแทรกแซงด้วยวิธีการที่หลากหลายออกไป
ข) มีอำนาจระดับภูมิภาคกระจายอยู่ทั่วโลก เช่น จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ อิหร่าน ตุรกี ซาอุดีอาระเบีย อินโดนีเซีย พร้อมที่จะสวมอำนาจนั้น หากอิทธิพลตะวันตกยอมถอยร่นไปจริงๆ
ค) ระเบียบโลกใหม่กว่า ย่อมต่างกับ “สันติภาพอเมริกา” แต่มันก็ยังถูกปกครองด้วยอำนาจอยู่ดี

ความเหลื่อมล้ำที่น่าอันตราย

มีมูลนิธิของกลุ่มธุรกิจเอกชนโลกที่มีชื่อเสียงองค์กรหนึ่ง ได้แก่ สมัชชาเศรษฐกิจโลก (บางแห่งใช้สภาเศรษฐกิจโลก) วางบทบาทเป็นผู้กำหนดระเบียบวาระของกระบวนโลกาภิวัตน์ ความเป็นไปในระดับภูมิภาค และธุรกิจอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ จัดการประชุมใหญ่ประจำปีในเดือนมกราคม 2017 นี้ ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย เศรษฐี ซีอีโอของบรรษัทใหญ่ ผู้นำการเมืองโลก และบุคคลสำคัญด้านต่างๆ ในการประชุมจะมีเอกสารประกอบ เพื่อให้ผู้นำโลกสามารถหยั่งรู้และกำหนดนโยบายที่เหมาะสมในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ในการประชุมประจำปี ระหว่าง 17-20 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการออกเอกสารชิ้นหนึ่งชื่อ “รายงานความเสี่ยงโลก 2017” ที่ทำต่อเนื่องกันมา 12 ปีแล้ว
วิธีทำ ใช้การสำรวจทัศนะผู้เชี่ยวชาญด้านความเสี่ยงทั่วโลก จำนวน 750 คน แล้วมาประมวลเรียบเรียง สรุปความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้ว่า มีแนวโน้มใหญ่ห้าประการที่กำหนดแนวทางเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า ได้แก่
1) ความเหลื่อมล้ำทางรายได้และความมั่งคั่งที่สูงขึ้น
2) การเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ
3) การแตกแยกหรือแตกขั้วทางสังคม
4) การพึ่งพาไซเบอร์มากขึ้น
5) ความชราภาพของประชากร นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตของชนชั้นกลางในประเทศตลาดเกิดใหม่ เป็นต้น
ส่วนประเด็น “ภาวะถดถอยทางภูมิรัฐศาสตร์” หรือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์ของการปกครอง หรือการจัดระเบียบทางสากลอยู่ในอันดับหลัง และถือว่าเป็นผลพวงจากเหตุปัจจัยห้าประการแรก
ความเสี่ยงที่น่ากังวลตามรายงานนี้ก็คือ ความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มมากขึ้น
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากวิกฤติ 2008 ที่อ่อนแอ ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านระบบอำนาจเดิมทั้งในสหรัฐและยุโรป
การเสริมแรงระหว่างความเหลื่อมล้ำและการแตกขั้วทางการเมืองยิ่งทำให้ความเสี่ยงในโลกขยายตัว ความเป็นปึกแผ่นทางสังคมขาดลุ่ย ซึ่งกระทบต่อพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจและการเมืองในระบบทุนรุนแรง
ในช่วงก่อนวิกฤติ 2008 ยังอาศัยการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก
แต่ในปัจจุบันไม่มีแรงเช่นว่าแล้ว เมื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลดความร้อนแรงโดยลำดับ เทคโนโลยีก็มีด้านที่เป็นโทษต่อปัญหาความเหลื่อมล้ำสูงขึ้น รัฐบาลประเทศต่างๆ จะอ่อนแอลง
ไม่สามารถปกป้องหรือควบคุมสังคมได้อย่างเคย
อย่างไรก็ตาม เอกสารนี้ชี้ให้เห็นการท้าทายและทางออกไว้หลายประการ
ในทางเศรษฐกิจ ได้แก่ การฟื้นชีพการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่การเติบโตธรรมดา แต่ต้องการเป็นการเติบโตอย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งต้องกระทำควบคู่กับการปฏิรูประบบตลาดแบบทุนนิยม
ในทางการเมือง ได้แก่ สนใจจัดการความคิดเรื่องอธิปไตยของชาติ ค่านิยมดั้งเดิม และความรู้สึกทางสังคม ให้ความสำคัญแก่เอกลักษณ์และชุมชุน การสนใจปัญหาประชาธิปไตย และเพิ่มพื้นที่แก่พลเรือน
ในทางการผลิต ได้แก่ การจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีซึ่งก็คือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่อย่างเหมาะสม
และสุดท้ายสำหรับกระบวนโลกาภิวัตน์ ได้แก่ ปกป้องและเสริมความเข้มแข็งแก่ความร่วมมือกันในโลก
(ดูรายงานเชิงลึกของ World Economic Forum ชื่อ The Global Risks Report 2017 ฉบับปีที่ 12 ใน weforum.org และบทความของ Nick Beams ชื่อ Report to Davos summit : Rising inequality threatens “msrket capitalism” 14.01.2017)

สงครามโลกที่ใกล้เข้ามา

มีบริษัทวิจัยด้านตลาดชื่อยูกัฟของอังกฤษ เชี่ยวชาญการสำรวจประชามติทางอินเตอร์เน็ต มีผลงานการสำรวจประชามติที่แม่นยำหลายครั้ง ระหว่างวันที่ 21 พฤศจิกายน ถึง 9 ธันวาคม 2016 บริษัทนี้ได้สำรวจประชามติของประชาชน 8 ประเทศตะวันตก จำนวนตัวอย่าง 8,000 คน
พบว่าประชาชนจำนวนมากในประเทศตะวันตกคิดว่า เราเข้าใกล้สงครามโลกครั้งใหม่เข้าไปทุกที
ในประเทศใหญ่อย่างเช่นสหรัฐ มีผู้เห็นว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งใหม่ถึงร้อยละ 64 เท่ากับฝรั่งเศส
แต่ในฝรั่งเศสยังมีผู้มองด้านดีว่าจะเกิดสันติภาพมากกว่าในสหรัฐเล็กน้อย คือร้อยละ 18
ขณะที่ในสหรัฐมีเพียงร้อยละ 15 ในเยอรมนีมีผู้เห็นว่าจะเกิดสงครามโลกร้อยละ 63 เห็นว่าจะมีสันติภาพร้อยละ 18 อังกฤษเห็นว่ามีสงครามร้อยละ 61 ที่จะเกิดสันติภาพร้อยละ 19
สำหรับประเทศอีก 4 ประเทศ ที่มีขนาดเล็กอยู่ทางยุโรปเหนือ ได้แก่ ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ และเดนมาร์ก เห็นว่าจะเกิดสงครามโลกสูงร้อยละ 52, 48, 46 และ 45 ตามลำดับ
สำหรับประเทศที่คุกคามต่อประเทศยุโรปมากที่สุดได้แก่ รัสเซีย ซึ่งเป็นทางทหารมากกว่าด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ประเทศใหญ่ในตะวันตกเห็นว่าจะมีการโจมตีจากการก่อการร้ายขนาดใหญ่ในปี 2017 สูงกว่าครึ่ง นั่นคือ ฝรั่งเศสร้อยละ 81 อังกฤษร้อยละ 68 เยอรมนีร้อยละ 60 สหรัฐร้อยละ 59
(ดูรายงานการสำรวจของ YouGov โดย Matthew Smith ชื่อ People across the West think we are close to a new world war ใน yougov.co.uk 05.01.2017)
จากการวิเคราะห์และประชามติในประเทศพัฒนาแล้วดังกล่าว ย่อมเห็นได้ว่าโลกปัจจุบันไม่ปกติ การพยายามเข้าใจและอยู่ในโลกแบบนี้ย่อมเป็นการท้าทายมากทีเดียว
ฉบับต่อไปจะกล่าวถึงชีวิตในความเสี่ยงที่ความมั่งคั่งก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก การแปรโฉมใหญ่ และการมองโลกจากความขัดแย้งใหญ่สามประการ

ข่าว3/2/60

เคลื่อนไหวทหาร/ปฏิวัติ

คสช. เชื่อสังคมไม่กังวล วอชิงตัน โพสต์ นำเสนอรายงานห่วงไทยปฏิวัติซ้อน ชี้เป็นเพียงการประเมินทางสถิติ - เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูประชาชนภาคใต้หลังน้ำลด

พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยกับ ถึง กรณีที่ วอชิงตัน โพสต์ สื่อของสหรัฐอเมริกา มีการเปิดเผยรายงานการจัดอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดรัฐประหารในปี 2560 ซึ่งประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับที่ 2 ว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงการประเมินทางด้านสถิติเท่านั้น ซึ่งขณะนี้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย และไม่มีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบให้มีการเกิดรัฐประหารขึ้น เชื่อว่าไม่ทำให้สังคมเกิดความกังวลแต่อย่างใด และมั่นใจว่าประชาชนมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ พ.อ.วินธัย กล่าวถึง สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ว่า ทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ของกองทัพภาคที่ 4 ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมฟื้นฟูพื้นที่ต่าง ๆ หลังน้ำลดแล้ว
----
ผบ.ทบ.เป็นประธานพิธีวันสถาปนา นรด. ครบรอบปีที่ 69 พร้อมมอบแหนบทองคำให้กับผู้บังคับกองผสม

พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานพิธีวันสถาปนาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ครบรอบปีที่ 69 โดยมีพล.ท.วีระชัย อินทุโสภณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ เมื่อผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาถึง ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากทหารแถวต้อนรับ จากนั้นวางพานพุ่มสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และเป็นประธานในพิธีสงฆ์ โดยมีท่านเจ้าคุณธงชัย” หรือ พระพรหมมังคลาจารย์ (ธงชัย ธมฺมธโช) ผู้ช่วยท่านเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

ซึ่งในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารบก จะเป็นผู้มอบแหนบทองคำให้กับ ผู้บังคับกองผสม และมอบโล่ ให้กับผู้บังคับกองสวนสนาม 4 กรม

อย่างไรก็ตาม หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ได้ก่อตั้งขึ้นโดยมีภารกิจเป็นฝ่ายกิจการพิเศษ กองทัพบก ปฏิบัติงานด้านกิจการกำลังพลสำรอง รวมทั้งยังเป็นหน่วยงานที่ฝึกวิชาทหารให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เพื่อเตรียมการด้านกำลังพล สำหรับความมั่นคงของประเทศ
----------
องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก จัดพิธีวางพวงมาลาประจำปี 2560 เพื่อเชิดชูเกียรติทหาร

บรรยากาศที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เช้านี้ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อสดุดีและรำลึกถุงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต ปกปักรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติไว้ตราบเท่าถึงทุกวันนี้

โดยตั้งแต่เวลา 07.50 น. ได้ทำพิธีจุดตะเกียงตามประทีปดวงวิญญาณและสักการะอัฐิ จากนั้น ผู้แทนส่วนราชการ หน่วยงาน ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ สมาคม ชมรม และทหารผ่านศึกนอกประจำการกรณีสงครามต่าง ๆ เดินทางมาพร้อมเพรียงกัน และเริ่มวางพวงมาลาตามลำดับที่จัดไว้ 13 ชุด เริ่มจาก พล.อ.อำนาจ รอดสวัสดิ์ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ตามด้วย อดีตผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และเป็นลำดับชุด อาทิ ทหารผ่านศึกนอกประจำการกรณีสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารผ่านศึกนอกประจำการกรณีสงครามอินโดจีน กองทัพไทย
--------
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ "พล.อ.สุรยุทธ์" องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2560

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา เนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2560 ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก ทหารนอกประจำการและผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงของชาติ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญของทหารผ่านศึก ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต อีกทั้งเป็นการเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชนชาวไทย

ส่วนในเวลา 14.50 น. ได้จัดพิธีสวนสนามเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะนายกสภาทหารผ่านศึกเป็นประธานในพิธี รับการแสดงความเคารพจากขบวนสวนสนามของกำลังพล 3 เหล่าทัพ
----------------
นายกฯ ตรวจสอบอยู่ถูกขู่ลอบสังหารในสื่อโซเชียลมีเดีย ยันไม่ประมาท ย้ำยึดประชาธิปไตย เชื่อเป็นกลุ่มละเมิดสถาบันที่อยู่ต่างประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีมีการโพสต์ขู่ลอบสังหารตนเอง และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ขณะนี้กำลังเร่งหาตัวผู้โพสต์ขู่ลอบสังหารในสื่อโซเชียลมีเดีย โดยเชื่อว่าเป็นกลุ่มละเมิดสถาบันที่อยู่ต่างประเทศ และไม่กลัวที่มีคนขู่ลอบสังหาร แต่ก็ไม่ประมาท ไม่ได้ท้าทายใคร เพราะทุกคนมีชะตากรรม ชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง และไม่ได้ห่วงชะตาชีวิตตนเอง เพราะทำความดีเพื่อประเทศชาติ แต่ห่วงประเทศมากกว่า
------------------
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัดข่าวรวบมือขู่ฆ่า"บิ๊กป้อม" - ยัน มีมาตรการดูแลเข้มงวดอยู่แล้ว 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธข่าวการจับกุม 1 ผู้ต้องสงสัย ที่โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ในลักษณะข่มขู่เอาชีวิต พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุเพียงว่า ยังไม่มีการควบคุมตัวบุคคลใด และกรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร แต่หากพบว่า เชื่อมโยงถึงบุคคลใด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งหมด

ส่วนด้านมาตรการดูแลบุคคลสำคัญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า มีมาตรการดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่จะต้องเพิ่มกำลังหรือไม่นั้นก็ ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร หรือบุคคลสำคัญคนอื่น

-----------
โฆษกรัฐบาล เผย พบข้อมูลอดีตนักการเมืองหนุนชาวนา เตรียมเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐบาล ช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์หลังน้ำท่วม 

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีอดีตนักการเมืองใน จ.สงขลา พยายามเป็นแกนนำชักชวนเกษตรกรในพื้นที่ให้รวมตัวกันกดดันรัฐบาล เพื่อให้ช่วยเหลือด้านเมล็ดพันธุ์ภายหลังน้ำท่วมคลี่คลายแล้ว โดยมีนัยทางการเมืองแอบแฝง โดยจากการพูดคุยของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ออกเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือประชาชนอยู่เสมอ พบว่า ชาวนาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว

ทั้งนี้ พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทุกหน่วยงานที่ทำงานกับเกษตรกร เข้าใจดีถึงความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย โดยได้ออกมาตรการต่าง ๆ และลงไปกำกับติดตามการให้ความช่วยเหลือด้วยตนเองอย่างเต็มที่
---------------
คอมเพรสเซอร์แอร์ รัฐสภาระเบิด ควันโขมง ขณะเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเข้าซ่อม

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา เมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. ซึ่งเป็นช่วงพักกลางวัน ช่างไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง ได้ขึ้นไปซ่อมคอมเพรสเซอร์แอร์ บนดาดฟ้าของอาคารสถานีโทรทัศน์รัฐสภา โดยขณะซ่อมมีเสียงดังระเบิดถึง 2 ครั้ง ทำให้ควันพวยพุ่งขึ้นมาโดยรอบบริเวณดังกล่าว สร้างควมตกใจให้กับเจ้าหน้าที่และคนที่เห็นเหตุการณ์

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าหน้าที่การไฟฟ้า ระบุว่า เป็นเพียงไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้เกิดไฟชอร์ต ซึ่งสามารถดำเนินการแก้ไขแล้ว และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือสิ่งของเสียหายแต่อย่างใด

-----------
โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สนช. 3 คน มี "พล.อ.ชัยชาญ - พล.อ.สสิน - พล.ท.ธนเกียรติ"

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งสมาชิก สนช. เพิ่มเติม ตามมาตรา 6 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว 2557 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับ 3 พ.ศ. 2559 ดังต่อไปนี้ คือ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สสิน ทองภักดี เสนาธิการทหารบก และเป็นสมาชิก สปท. ด้วย และ พล.ท.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ทำให้ขณะนี้สมาชิก สนช. ครบ 250 คน

ด้าน พล.อ.สสิน ซึ่งเดิมเป็นสมาชิก สปท. เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาแล้ว ขณะที่ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ระบุว่า ยังไม่ได้รับการแจ้งหรือติดต่อใด ๆ จึงไม่ทราบรายละเอียด
------------

/////////////
พรบ.สื่อ

สปท. ยันไม่มีเจตนาควบคุมสื่อ - กมธ. เร่งพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพสื่อ นำเสนอที่ประชุม วิป สปท.

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่ 1 (สปท.) เปิดเผยถึง กรณีตัวแทน 30 องค์กรสื่อ ยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ว่า ได้นำหนังสือเข้าที่ประชุม วิป สปท. เพื่อใช้ประกอบการพิจารณา ซึ่งกรรมาธิการบางส่วนยังคงมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม จึงได้ให้นำไปปรับปรุงแก้ไข ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 2 - 3 สัปดาห์ จึงจะสามารถนำเเข้าเสนอที่ประชุมได้อีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า สปท. ต้องการปฏิรูปในหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้ประเทศพัฒนาและก้าวไปข้างหน้า โดยขอยืนยันว่าไม่มีเจตนาจำกัดสิทธิเสรีภาพในการควบคุมสื่อ แต่กลับต้องการที่จะส่งเสริมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพเพิ่มมากขึ้น และยกระดับมาตรฐานจรรยาบรรณและวิชาชีพสื่อด้วย

////////////
การทุจริต

นายกฯ ชี้ อาจใช้ ม.44 คุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูลทุจริต ยันไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลัง เสนอให้ใช้มาตรา 44 ลดโทษให้ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลการทุจริต ว่า ได้สั่งให้หามาตรการป้องกันปราบปรามการทุจริต ทั้งในส่วนการเสนอราคากลาง การมีส่วนร่วมต่าง ๆ ขณะที่กฎหมายไทยมีบทลงโทษทั้งผู้ให้และผู้รับ จึงทำให้ไม่กล้าให้ข้อมูล ซึ่งมีคน 2 พวก คือ คนที่ไม่อยากให้แต่ต้องให้ กับคนเต็มใจให้สินบน ดังนั้น จึงต้องหามาตรการคุ้มครองผู้ที่เปิดเผยข้อมูล โดยอาจจะเป็นความผิดทางแพ่งก่อน เพื่อคุ้มครอง เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีผู้ใดให้ข้อมูล ซึ่งระหว่างที่มีการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวอาจจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ก่อน เพื่อนำไปแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร แต่เป็นการเสนอเพื่อแก้ไขปัญหา
--------------
ผู้ตรวจฯ ย้ำ ครบกำหนด "พล.ต.ท.ศานิตย์" ส่งเอกสารชี้แจงวันนี้ เร่งพิจารณาใน 7 วัน ปัดตอบผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ 

พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงกรณีมีรายได้จากการเป็นที่ปรึกษา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ว่า จะครบกำหนด พล.ต.ท.ศานิตย์ ต้องส่งหนังสือชี้แจงกลับในวันนี้ และเมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะดำเนินการพิจารณาภายใน 7 วัน แต่จะมีมติหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากต้องดูข้อมูล และเอกสารประกอบการพิจารณาก่อน และการพิจารณา ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่เร่งรัดจนเกินไป

ส่วนเรื่องของการละเมิดจริยธรรม เรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน ต้องรอฟังความชี้แจงของ พล.ต.ท.ศานิตย์ และทางบริษัท ไทยเบฟฯ ก่อน รวมถึงสอบถามจาก ป.ป.ช. ว่า มีคำร้องเรียนอย่างนี้ ที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.ศานิตย์ ที่ ป.ป.ช. หรือไม่ ซึ่งหากข้อมูลครบถ้วนก็สามารถวินิจฉัยได้ทันที
--------------
สนช. เห็นชอบ 3 วาระรวด ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เพื่อความคล่องตัวในการบริหารราชการกระทรวงกลาโหม

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นการพิจารณา 3 วาระรวด โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงหลักการและสาระสำคัญของร่างกฎหมายว่า เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 เพื่อเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการในกระทรวงกลาโหม ให้มีมาตรา 23/1 โดยการเปลี่ยนชื่อส่วนราชการในกระทรวงกลาโหมให้สามารถกระทำได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และกรณีที่ชื่อตำแหน่งของส่วนราชการในส่วนราชการนั้นเปลี่ยนไปให้ระบุชื่อไว้ในกฤษฎีกานั้นด้วย เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารราชการกระทรวงกลาโหม มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การพิจารณาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่มีสมาชิกอภิปรายแสดงความเห็น ล่าสุด ที่ประชุมเห็นชอบวาระ 3 ในประกาศใช้เป็นกฎหมาย ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 200 เสียง และงดออกเสียง 4 เสียง
---------
ผู้ตรวจฯ เร่งติดตามสอบจริยธรรม "ธีรวัฒน์" รับตั้งกรรมการสอบยาก เชื่อไม่ส่งผลกระทบการทำงานในอนาคต 

พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดินปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้มูลให้ กกต. ตรวจสอบจริยธรรม นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กรรมการ กกต. ว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ติดตามว่าคืบหน้าทราบว่า ต้องตั้งคณะกรรมการโดยผู้บังคับการ คือ ประธาน กกต. แต่เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งระดับสูง การจะหาผู้มาเป็นกรรมการสอบไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในอนาคตอำนาจผู้ตรวจฯ ในเรื่องจริยธรรมจะเปลี่ยนไปนั้น พล.อ.วิทวัส จึงเชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบ เพราะไม่ว่าผู้ตรวจฯจะไม่มีอำนาจเรื่องจริยธรรม กรณีการละเมิดจริยธรรมที่ร้ายแรงก็จะต้องถูกส่งไปที่ ป.ป.ช. อยู่ดี จะไม่หายไปกับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
------------
พล.อ.อนุพงษ์ ไม่รู้ข่าวลอบสังหาร "บิ๊กป้อม" ขอทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ชี้ การใช้ความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุมีคนโพสต์ข้อความปองร้าย ลอบสังหารลงในโซเชียลมีเดีย ว่า ตนเองยังไม่ได้พบกับ พล.อ.ประวิตร จึงยังไม่ทราบว่าใครจะลอบสังหาร แต่หากถามความเห็นของตนเกี่ยวกับเรื่อง ความขัดแย้งของคนในชาตินั้น มองว่า พัฒนามาตั้งแต่การประท้วงไปจนถึงการใช้อาวุธ หากจะมีการใช้ความรุนแรง ถึงขั้นการลอบสังหาร ย่อมไม่ดีต่อสังคมไทย ดังนั้น จะทำอะไรควรจะอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เพื่อประเทศชาติเดินหน้า การใช้ความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ไม่น่าจะเกิดขึ้นในสังคม เพราะการอยู่ร่วมกันต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย
/////////////
การเมือง/ปยป.

--------
"ยิ่งลักษณ์" รอฝ่ายนายกฯ ยื่นคำชี้แจงศาลปกครองปมยึดทรัพย์สินชดใช้คดีข้าว ใน 30 วัน พร้อมขอศาลทุเลาคำสั่ง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการฟ้องร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพวก รวม 4 คน กรณีการออกคำสั่งทางปกครองให้ยึดทรัพย์สินเพื่อชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าวโดยมิชอบ ว่า ขณะนี้รอให้ฝ่ายผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงต่อศาลปกครอง ภายใน 30 วัน ขณะที่ฝ่ายตนเองได้ยื่นคำชี้แจงเพิ่มเติมซึ่งเป็นสำคัญคือ ขอให้ศาลทุเลาคำสั่งทางปกครอง เนื่องจากการไต่สวนคดีความของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น หากมีการยึดทรัพย์อาจเป็นการชี้นำศาลได้

ส่วนไต่สวนพยานที่อยู่ในกระบวนการของศาลฎีกานั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ได้ต่อสู้อย่างเต็มที่ พยานทุกคนได้พยายามอย่างดีที่สุด
---------------
"ยิ่งลักษณ์" บอกไร้ทาบทามประชุม ป.ย.ป. ขออย่าปฏิวัติ - เชื่อไม่มีการปรองร้าย "พล.อ.ประวิตร"

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปองร้าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ในช่วงที่เป็นนายกรัฐมนตรี จึงมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงกระแสในโซเชียลมีเดียเท่านั้น ไม่มีคนคิดปองร้ายต่อ พล.อ.ประวิตร จริง แต่อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่อยากให้ใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือ เนื่องจากส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ส่วนกรณีที่วอชิงตัน โพสต์ มองว่า ประเทศไทยมีโอกาสจะเกิดรัฐประหารอีก เป็นอันดับ 2 ของโลก

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต่างประเทศมองเจ้ามา ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่จะสร้างความมั่นใจให้กับสังคมโลก การรัฐประหารไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าทั้งในอดีตและอนาคต ขอให้รัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นครั้งสุดท้าย

พร้อมกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับการทาบทามเข้าร่วมกระบวนสร้างความปรองดองจากคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
--------
"ยิ่งลักษณ์" ขึ้นศาลฟังไต่สวนพยานฝ่ายจำเลยคดีจำนำข้าว - ประชาชนปักหลักให้กำลังใจ พร้อมนำของมามอบให้

วันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานจำเลย ครั้งที่ 10 คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวที่มีการทุจริตจนทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท โดยในวันนี้ทนายความฝ่ายจำเลยเตรียมพยาน 1 ปาก คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โดยบรรยากาศในช่วงเข้ามีประชาชนจำนวนหนึ่งมาปักหลักรอให้กำลังใจอดีตนายกรัฐมนตรีและนำข้าวของมามอบให้ ขณะที่บางส่วนได้สวมเสื้อเขียนว่า "รักนะปู" มาให้กับกำลังใจแก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย
----------
"กิตติรัตน์" เบิกความคดีจำนำข้าวยันจ่ายเงิน ธ.ก.ส. ไม่ใช่การนำเงินหมุนเวียนโครงการ ย้ำปรับโครงสร้างหนี้ไม่สะท้อนว่าการบริหารมีความเสี่ยง

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงคำเบิกความต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า กรณีที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ นำเงินที่ได้จากการระบายข้าว จ่ายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่ใช่การนำเงินหมุนเวียนโครงการ แต่ ธ.ก.ส. ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีสถานะเป็นผู้กู้เงินที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน มีกรรมสิทธิจากรายได้ดังกล่าว ส่วนเงิน 9 หมื่นล้านบาท ที่ ธ.ก.ส. สำรองจ่าย ไม่นับเป็นหนี้สาธารณะ เนื่องจากไม่เข้าข่ายหนี้สาธารณะตาม ม.4 ของ พ.ร.บ. บริหารหนี้สาธารณะ

ส่วนการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้สะท้อนว่าการบริหารหนี้ของรัฐบาลมีความเสี่ยง เพราะเป็นการกู้เงินไปชดใช้หนี้เดิม เพื่อขยายระยะเวลาการชำระหนี้เท่านั้น ซึ่งไม่กระทบกับยอดหนี้จากการกู้ยืมเดิม ที่กำหนดไว้ในงบประมาณขาดดุลตั้งแต่ต้น
////////////
คดีไซชะนะ

นายกฯ บอกจับกุมเครือข่ายไซซะนะ ยึดตามกฎหมาย ขออยากขัดแย้งเรื่องเล็กน้อย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีการจับกุมตัว นายไซซะนะ แก้วพิมพา หัวหน้าเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติชาวลาว ว่า เป็นการจับกุมตามกฎหมาย ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่หลักฐานว่าเชื่อมโยงไปถึงใคร ซึ่งกลุ่มนี้เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ จึงเป็นความร่วมมือของกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และเป็นการจับกุมตามกฎหมายไทย

อย่างไรก็ตาม แสดงให้เห็นว่า บ้านเมืองยังมีเรื่องอันตรายอีกมาก ทั้งปัญหายาเสพติด ผู้มีอิทธิพล และการทำผิดต่าง ๆ จึงขออย่ามาขัดแย้งกันเรื่องเล็กน้อย
-----------
"พล.อ.ประวิตร" บอกตำรวจสอบอยู่คดีไซซะนะ โยงดารา ยัน เข้มชายแดนสกัดสิ่งผิดกฎหมาย 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี 60/1" ปิดล้อมจับกุมตัว นายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดที่อาจพัวพันกับคนมีชื่อเสียง ว่า กรณีดังกล่าวทางทหาร และตำรวจได้บูรณาการดูแลตามแนวชายแดนอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะยาเสพติดเพียงอย่างเดียว รวมทั้งสิ่งผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่ลักลอบเข้ามาประเทศด้วย ทางเจ้าหน้าที่ก็ดูแลอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องเน้นย้ำอะไรมาก ส่วนเครือข่ายดังกล่าวจะพัวพันกับดาราคนมีชื่อเสียงหรือไม่นั้น ตนคิดว่าต้องรอทางตำรวจกำลังดังเนินการสอบสวนอยู่
---------
"แพท ณปภา" ยังไม่พร้อมตอบสื่อกรณีตำรวจปรายปรามยาเสพติดเข้าตรวจค้นร้านแต่งรถของเบนซ์ ริซซิ่ง ระบุเตรียมกลับบ้านย่านพระราม3 เพื่อดูแลมารดาและเตรียมพร้อมคลอดบุตรวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้

นายจิรัฏฐนนท์ จันโยธา ผู้จัดการส่วนตัวนางเอกสาวแพท ณปภา ตันตระกูล ภรรยานายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้นางเอกสาวยังคงเก็บตัวอยู่ภายในชั้น5 ของแมนชั่น ซอยอินทมาระ51 ส่วนสภาพจิตใจปกติดี แต่ยอมรับว่านางเอกสาว มีอาการเครียดอยู่บ้างหลังจากตำรวจปราบปรามยาเสพติดนำกำลังเข้าตรวจค้นร้านแต่งรถจักรยานยนต์และห้องพัก ของเบนซ์ เรซซิ่ง สามี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ขณะที่ยืนยันว่า นางเอกสาว ยังไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในตอนนี้ และหลังจากนี้จะเดินทางกลับบ้านพัก ย่านพระราม3 เพื่อไปดูแลมารดา รวมถึงจะพักอยู่ที่บ้านเพื่อเตรียมคลอดบุตร ตามกำหนดในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ที่โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
--------------
ปส. รอ "เบนซ์" แจงรถ เชื่ออยู่ กทม. ไม่มาหมายเรียก - มั่นใจโยงไฮโซ คนมีสี  

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. เปิดเผยว่า ขณะนี้ "เบนซ์ เรซซิ่ง" ผู้ต้องสงสัยพัวพันคดีเครือข่ายค้ายาเสพติด "ไซซะนะ" ยังไม่ประสานหรือเตรียมเข้าชี้แจงที่มาของรถลัมร์โบกินี 20 ล้าน และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ตรวจยึดได้วานนี้แต่อย่างใด ส่วนกระแสข่าวที่ระบุจะเดินทางมาในวันนี้เวลา 15.00 น. นั้น ก็เป็นเพียงการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนเท่านั้น พร้อมระบุแม้ว่าเบนซ์ จะเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยและยังไม่ถูกออกหมายจับ แต่หากไม่มาชี้แจงที่มาของทรัพย์สินต้องสงสัย ทางเจ้าหน้าที่ก็อาจจะพิจารณาออกหมายเรียกให้มาให้ข้อมูลได้เช่นกัน

โดยจนถึงขณะนี้ ยังเชื่อว่า เบนซ์ อยู่ในกรุงเทพมหานคร จึงอยากให้มาชี้แจงโดยเร็ว พร้อมระบุจากการแนวทางการสืบสวนและร่วมมือกันกับทางการของ สปป.ลาว ของเจ้าหน้าที่เชื่อว่ายังมีคนในวงการบันเทิง ไฮโซดัง และคนมีสี มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ โดยเป็นลักษณะการให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ค้า ซึ่งรายละเอียดอยู่ระหว่างการสืบสวน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทนายของเบนซ์ ได้ติดต่อผ่าน พี่ชายของ แพท ณปภา ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์กับเบนซ์ ว่า วันนี้จะยังไม่เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ โดยอ้างว่าเอกสารต่าง ๆ ยังไม่พร้อม
--------------
รอง ผบช.ปส. เผย "เบนซ์ เรซซิ่ง" ยังไม่ประสานแจงรถลัมโบร์กินี - จ่อพิจารณาออกหมายเรียก

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยเรื่องการเชิญ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามี ของ น.ส.ณปภา ตันตระกูล หรือ แพท นักแสดงสาวชื่อดัง มาให้ข้อมูลการถือครองรถยนต์หรูลัมโบร์กินี ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาเสพติดนายไซซะนะ ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่รับการประสานจาก นายเบนซ์ ว่าจะเข้ามาพบเวลาใด เพียงแต่ทราบมาจากสื่อมวลชนเท่านั้น ซึ่งหาก นายเบนซ์ จะเข้ามาให้ข้อมูลและชี้แจงที่มาของรถ จะต้องมาพบที่กองบัญชาการปราบปราบยาเสพติด (บช.ปส.) ถ.วิภาวดี

ทั้งนี้ หาก นายเบนซ์ ไม่มาในวันนี้ คณะทำงานก็จะนำไปพิจารณาข้อขัดข้องว่า ติดภารกิจอะไร จึงจะเตรียมออกหมายเรียกต่อไป

ส่วนรถบิ๊กไบค์ Ktm Supper duke1290 สีส้ม ที่อยู่กับรถลัมโบร์กินี ที่ บช.ปส. นั้น มีผู้หวังดีแจ้งมาว่า จอดอยู่ย่านรามอินทรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรับมาที่เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. เมื่อวานนี้ ซึ่งคาดว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถที่เบนซ์ขับออกจากแมนชั่นย่านอินทรมะระ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าบุกค้น
----------------
รอง ผบช.ปส. เตรียมห้องสอบปากคำ "เบนซ์" ไว้ที่ บช.ปส. แล้ว หากไม่มาวันนี้ จะพิจารณาออกหมายเรียก ส่วน "แพท ณปภา" ไม่พบเกี่ยวข้อง แต่ต้องเชิญมาให้ข้อมูล ระบุมีข้อมูลพบดารา ไฮไซ เอี่ยว

พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจค้นร้านแต่งรถจักรยานยนต์ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) เจ้าหน้าที่มีข้อมูลระดับหนึ่ง แต่ต้องรอให้ นายเบนซ์ มาให้ข้อมูลก่อน ซึ่งวันนี้ได้เตรียมห้องสำหรับสอบปากคำ นายเบนซ์ ไว้แล้ว ที่ชั้น 2 กองบัญชาการปราบปราบยาเสพติด หากเวลานัดหมายตามที่สื่อมวลชนระบุ คือ 15.00 น. นายเบนซ์ ไม่เข้ามาให้ข้อมูล คณะทำงานก็จะพิจาณาให้เวลาพอสมควร ก่อนเตรียมออกหมายเรียกตามขั้นตอน ส่วน น.ส.ณปภา ตันตระกูล หรือ แพท ดาราสาวภรรยา เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็จะมีการชิญตัวมาให้ปากคำเช่นกัน เพราะอยู่ในแมนชั่นขณะที่เข้าตรวจค้น

นอกจากนี้ พล.ต.ต.พรชัย ยังกล่าวอีกว่า จากคำให้การของผู้ตองหาที่จับกุมไปก่อนหน้านี้ ยังไม่มีใครซักทอดไปถึงดารา หรือไฮโซ แต่ข้อมูลสืบสวนของตำรวจ พบมีคนในแวดวงบันเทิง รวมถึงสถานบันเทิงเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้การช่วยเหลือ แต่ทั้งนี้ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดก่อน

สำหรับความสัมพันธ์ นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย ผู้ต้องหาที่ถูกขับกุมไปก่อนหน้านี้ ทราบว่ารู้จักกับ นายเบนซ์ มานานกว่า 3 ปี เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบรถจักยานยนต์เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รถของกลางที่เจ้าหน้าที่ยึดมาจาก นายเบนซ์ มีรถลัมโบร์กินี และรถจักรยานยนต์บิ๊คไบค์อีก 1 คัน ขณะที่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ KTM สีส้ม มีผู้หวังดี นำมาคืนเมื่อวานนี้ เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่าเป็นรถของใคร ส่วนกรณีที่ นายอัครกิตติ์ มีการประกาศขายรถสปอร์ตหรู และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ หลายคัน ในส่วนนี้ หากผู้ที่ซื้อรถหรือรถจักรยานยนต์ไปจาก นายอัครกิตติ์ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อแจ้งข้อมูลไว้ได้
---------
รองโฆษก ตร. เผย เร่งขยายผลเครือข่าย "ไซซะนะ" ลั่น หากพบ ดารา - ไฮโซ เอี่ยวดำเนินการโดยไม่ข้อยกเว้น 

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการขยายผลเครือข่ายยาเสพติดของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังเครือข่าย โดยมีการประสานความร่วมมือในทั้งและต่างประเทศ ส่วนกรณีการตรวจค้นบ้าน นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีนางเอกสาว "แพท ณปภา" เมื่อวานนี้นั้น เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่าพบดารา คนดัง ในวงการไฮโซของไทย เข้ามาพัวพันกับเครือข่ายค้ายาของ นายไซซะนะ นั้น ตนไม่ขอเปิดเผย เกรงจะกระทบสำนวนคดี เพราะเรื่องนี้ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. กำลังดำเนินการขยายผลหาเครือข่ายทุกมิติ แต่ตนยืนยันว่า คนที่มาพัวพันไม่ว่าจะเป็นใคร ดารา คนดัง หรือไฮโซ หากพบการกระทำความผิดไม่ว่าจะสนับสนุนด้วยลักษณะใด ก็ต้องดำเนินการโดยไม่มีข้อยกเว้น
-----------
"เบนซ์ เรซซิ่ง" พร้อมทนายความ พบตำรวจแล้ว ชี้แจงทรัพย์สิน หลังพบเชื่อมโยงผู้ต้องหาคดียาเสพติด

นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง สามีนางเอกสาว แพท ณปภา ตันตระกูล นักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วยทนายความ เข้าพบ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สโมสรตำรวจ เพื่อชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน รวมถึงรถยนต์หรู ยี่ห้อลัมโบร์กินี กัลลาร์โด (Lamborghini Gallardo) รุ่นย่อย SuperLeggera LP 570-4 สีเทาดำ ที่พนักงานร้านคาร์แคร์แห่งหนึ่งย่านรามอินทรา ติดต่อและนำมามอบให้ตำรวจเมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) หลังตำรวจนำกำลังเข้าค้นห้องพัก และร้านจำหน่ายอุปกรณ์บิ๊กไบค์ ภายในซอยอินทามระ 51 ซึ่งเป็น 1 ในกว่า 40 จุด ตามแผนปฏิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี 60/2" เมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจมีหลักฐานว่าทรัพย์สินบางส่วนของ นายอัครกิตติ์ เกี่ยวข้องกับ นายณัฐพล นาคคำ หรือ นายบอย ที่อยู่ในเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา ที่ถูกจับก่อนหน้านี้

ซึ่ง นายอัครกิตติ์ มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชน และขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยมีสื่อมวลชนจำนวนมากติดตามสถานการณ์

รัฐประหารน่ะ "มันอยู่ในสายเลือด":เปลว สีเงิน

"มีอะไรแปลก ๆ " แฮะ?
พลเอกประวิตรวงษ์สุวรรณรองนายกฯ ออกมาบอก
มีคนโพสต์ "จะลอบสังหาร"
กระทั่งกับนายกฯ ประยุทธ์นักข่าวก็ยังไปถาม "พลเอกเฉลิมชัยสิทธิสาท" ผบ.ทบ. ว่า "มีคนโพสต์ขู่ฆ่านายกฯ ประยุทธ์" จริงไหม?
ก่อนหน้านี้สื่อนำบทวิเคราะห์ของ "นายไมเคิลดี. วอร์ดและนายแอนเดรสบีเกอร์" ในวอชิงตันโพสต์มาเผยแพร่
เขาทำนายว่าในปี 2560 "ทั่วโลก" เสี่ยงจะเกิดรัฐประหารใน 161 ประเทศ
"ประเทศบุรุนดี" ในแอฟริกามีความเสี่ยงเกิดรัฐประหารอยู่ที่ 12% มากอันดับ 1
"ประเทศไทยมีอัตราความเสี่ยงอยู่ที่ 11% เป็นอันดับ 2
เฉพาะไทยเขาทำนายว่า ......
"มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าที่จะล้มเหลว"!?
เหตุผลที่ใช้ฟันธง ......
"รูปแบบของการคาดการณ์ว่าจะเกิดความพยายามก่อรัฐประหารนั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าต้นเหตุของการก่อรัฐประหารที่แท้จริงคืออะไร แต่ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงส่วนใหญ่เกิดจากความไม่มีเสถียรภาพอย่างเช่นประเทศบุรุนดีซึ่งเกิด วิกฤติมาตั้งแต่ พ.ค. 58
เมื่อประธานาธิบดีปิแยร์อึงกูรุนซีซาต้องการให้ได้มาซึ่งการดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่ 3 และประสบความสำเร็จในที่สุด
ส่วนของประเทศไทยนั้น ..........
ปัจจุบันยังคงมีการ จำกัด สิทธิเสรีภาพของพลเรือนนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 โดยมีการผ่านร่างรัฐธรรมนูญใหม่เมื่อปี 2559
คาดว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี 2560 แต่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการเลือกตั้งมักจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นที่จะทำให้เกิดความพยายามในการก่อรัฐประหาร "
สรุปเขาให้เหตุผล 2 อย่างที่จะเกิดรัฐประหาร
1. การ จำกัด สิทธิเสรีภาพพลเรือน
2. การเลือกตั้ง
ท่านฟังแล้วคิดว่าไง?
สำหรับผมฟังทั้ง 2 เรื่องนั้นแล้วบอกได้คำเดียว
"เพ้อเจ้อ"!
เป็นอาการเพ้อเจ้อของ "แก๊งรอนายกลับ" ที่อกหักและกำลังถูก "เสาร์เช็กบิล" อยู่เวลานี้
ถ้าจะฆ่า - จะลอบสังหาร "พี่ใหญ่ - น้องเล็ก" แล้วเที่ยวโพสต์ตามโซเชียลมีเดียมันมีคนอยู่ 3 จำพวกเท่านั้น
1. บ้า 2. เมาและ 3. อยากวางบิล!
ท่านนายกฯ และรองประวิตรนั้นไม่ต้องไปฆ่าหรอก
ทุกวันนี้ท่านก็อยากฆ่าตัวตายวันละหลายร้อยหนกับเรื่องที่สั่งไปแล้วแทนที่จะเดินหน้ากลับถอยหลังกลับมาสุม
สูงท่วมหัว!
พูดถึงความกลัวทั้งพี่ใหญ่ - น้องเล็กจะต้องไปกลัวทำไม?
ขนาด "ทรัมป์" .......
พูดกันตรงๆทั้งต้นทุนชีวิตและการเมืองสูงกว่าเป็นไหน ๆ แต่ทรัมป์กลัวซะที่ไหน
พูดถึงอัตราเสี่ยงถูกลอบสังหารทรัมป์มีแรงจูงใจมากกว่า "ประยุทธ์ - ประวิตร" ระดับ 90 ต่อ 10%
แต่ทรัมป์ยังกล้าตายดังนั้นมีเหตุผลใดที่นายกฯ เรากับรองฯ ในเมื่อกล้ายึดอำนาจประเทศเข้ามา "ไทยแลนด์เฟิร์ส" แล้วมีหรือจะไม่กล้าตาย
ต่างกันนิดตรงที่ว่า ..........
ทรัมป์เมื่อเข้ามาก็ซ่า "ครบเครื่อง - ครบรส" ตั้งแต่หยดแรกถึงตายตอนนี้ถือว่าคุ้มราคาพาร์
แต่ของเราซ่าหยดแรก แต่หยดกลางๆ - ปลาย ๆ ได้ แต่ติ๋งๆเดือดปุด ๆ ความซ่าฟองพรูพรายหายไป
แบบนี้ถ้ามีอะไรไม่แน่ ... ราคาอาจต่ำกว่า IPO!
ในเรื่องรัฐประหารผมว่าไอ้ฝรั่งขี้นก "วอชิงตันโพสต์" คนนี้รับงานมาวิเคราะห์เจาะที่ไทยมากกว่าวิเคราะห์ด้วยข้อมูลครบด้านตามหลักวิชาการ
แถมไม่รู้จริงเรื่องเมืองไทยใช้ข้อมูลสไตล์ "ขี่ม้าชมดอกไม้" วิเคราะห์ - ทำนายเรื่อยเปื่อย
นี่ ... ผมจะบอกให้ ........... !
รัฐประหารที่เมืองไทยน่ะไม่ใช่มีความเสี่ยงระดับ 11% หรอก
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 เรื่อยมาถึงวันนี้ประเทศไทยมีความเสี่ยงรัฐประหารคงที่อยู่ที่ระดับ 110% ตะหาก!
ไม่ต้องไก๋ยกบุรุนดีมาบังหน้าว่าเสี่ยงอันดับ 1
ไทยนี่แหละอันดับ 1/1 จะบอกให้!
ไอ้เรื่องสิทธิเสรีภาพ - เรื่องเลือกตั้งนั่นน่ะมันใช่สาเหตุที่ไหนมันเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุเอาประชาธิไตยไซส์ฝรั่งมาตัดเสื้อให้คนไทยใส่ตะหาก
มันผิด แต่วันนั้น .........
ฉะนั้นเงื่อนไขมันก็จะมีอยู่ตลอดไปจนกว่าจะมีใคร "วัดตัวไทย" แล้วใช้ไซส์ไทยตัดเสื้อใหม่ให้ใส่นั่นแหละ
สาเหตุรัฐประหารที่นักวิเคราะห์วอชิงตันโพสต์ยกมาถ้าจะพูดให้เห็นภาพขอบอกว่า .......
"อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่"!
ก่อนอื่นต้องรู้ชาติกำเนิดก่อน "วอชิงตันโพสต์" นั้นสื่ออยู่ในข่ายเครือไหน?
วอชิงตันโพสต์คือสื่อเครื่องมือเครือข่ายองค์การ CFR ที่ทำโลกปั่นป่วน - วุ่นวายขณะนี้ด้วยเป้าหมาย "อำนาจเดียวครองโลก"!
พวกบุชโซรอสขบวนการเชิดโอบามา - ฮิลลารีคลินตันเป็นตัวแทนอำนาจที่พังคาตีนให้ทรัมป์ในศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีไปหมาด ๆ นั่นแหละ
พวกแอมเนสตีฮิวแมนไรต์วอตช์พวกแก๊งทูตอเมริกันถนนวิทยุที่หนุนหลังพวกจานมหาลัยพวกการเมืองระบอบทักษิณพวกคราบนักศึกษากองหลอนที่ออกมาปฏิบัติการหลอกล่อให้จับ
เพื่อจะได้แหกปากว่าวะ ๆ เหวย ๆ จงมาดู .........
"รัฐบาลทหาร" ปราบปรามประชาชนผู้ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น!
มันก็มีแก๊งนี้แก๊งเดียวที่สายสะดือโยงไปถึงไอ้ฝรั่งวอชิงตันโพสต์ผู้ทำนายไทยเสี่ยงรัฐประหารปีนี้ ........
เหตุมาจากคุกคามสิทธิเสรีภาพและการเลือกตั้ง
ถามว่าเรื่องเลือกตั้งใคร - พรรคไหน - พวกไหนล่ะที่มีปัญหามากที่สุด?
ก็ไอ้พวกระบอบทักษิณประชาธิปไตยโกงเอามาแบ่งกันและวันวันคิด แต่จะเปลี่ยนประเทศ - ล้มสถาบันนั่นแหละ
ลองเลือกตั้งแล้วไม่ได้กลับมาครองอำนาจตามฝัน "เดโมแครตโมเดล" เป็นเงื่อนไขให้รัฐประหารทันที!
ก็ทำไมล่ะ .....
ทางเดียวที่ระบอบทักษิณจะไม่แห้งตายเหมือนเขียดถูกรถทับคาถนนก็คือทางเลือกตั้งที่ยืดคอยาวเป็นอีแร้งรออยู่
เขาหวังว่า "เลือกเมื่อไหร่ - กูก็มา" แต่ถ้าเลือกแล้วไม่มาประชาชนกลบฝังคาป่าช้าเลือกตั้งมันก็ต้องตะโกน
"ทหารโกงเลือกตั้ง" ปลุกให้สาวกแห่ออกมาเผาบ้าน - เผาเมืองเหมือนที่ฮิลลารีแพ้ทรัมป์
แล้วไอ้พ่อมดโซรอส - เดโมแครตก็ปลุกระดม "ประชาธิปไตยแพ้ CFR ไม่แพ้" ป่วนไปเกือบทุกรัฐตอนนี้
สื่ออเมริกันทุกวันนี้อยู่ค่ายไหนเขาจะระบุตัวเองชัดเจนและทำตามทิศทางนั้นในเรื่องหลัก ๆ
แต่เรื่องรอง ๆ ในภาวะ "สื่อไอทีครองโลก" สื่อกระดาษล้มหายตายจากรายวันการรับจ้าง "เขียนข่าว - ลงข่าว" จึงเป็นบทบาทใหม่ของสื่อในยุค "เสาะเนื้อกินเอง"
อย่างที่ 2 ฝรั่งวอชิงตันโพสต์ถ้าวิเคราะห์ตามวิชาชีพจะรู้ทันทีเรื่องสิทธิเสรีภาพกับเรื่องเลือกตั้งสำหรับประเทศไทยเป็น "ปลายเหตุ"
คนดีๆคนซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมืองคนใช้เสรีภาพโดยสุจริตไม่มีใครเดือดร้อนในการแสดงออกไม่ว่าบ้านเมืองยุคทหารหรือยุคพลเรือน
มี แต่พวก "คิดชั่ว - ทำชั่ว" ต่อสังคมชาติบ้านเมืองหาเหตุจ้วงจาบหยาบช้าต่อสถาบันบ้างใช้ความรู้มากรับใช้โจรแสดงบทกวนเมืองล่อให้จับบ้างพวกนี้แหละ
จับแล้วจะอาศัยเหตุนั้น ...........
ให้พวกรับงานด้วยกัน "แยกกันเดิน - รวมกันตี" ด้วยประเด็นสิทธิมนุษยชนทั้งในและนอกประเทศ
แล้วมันจุดติดที่ไหนชาวบ้าน "รู้เช่นเห็นสันดาน" หมดแล้ว
มันก็มี แต่แก๊งเดียว - แก๊งเดิมต่อให้พ่อ - แม่ดรามาน้ำตาแตกท่วมตาตุ่มชาวบ้านก็ไม่เอาด้วย
พูดกันตรงๆชัด ๆ ในยุคประชาธิปไตยเบ่งบานการคุกคาม - ควบคุมสิทธิเสรีภาพประชาชนทั้งลับ - ทั้งแจ้งมากกว่ายุคไอ้โอ๊ป
แค่พูดว. 5 ชั้น 7 เอกยุทธเป็นไง?
........... ถึงตาย!
พูดถึงการเลี่ยงภาษีอุปกรณ์สื่อสารชิปปิ้งหมูเป็นไง?
........... ถึงตาย!
แล้วยุคเผด็จการประชาธิปไตยมีใครตาย - ใครหาย - ใครถูกอุ้มจากการใช้สิทธิเสรีภาพบ้างมั้ย?
เห็นชุมนุมกันโครม ๆ จิกกระบาลด่านายกฯ กันโครม ๆ ขนาดองค์กรสื่อไม่พอใจร่างพ. ร. บ. เห็นยกทัพจับศึกออกมาราวีรัฐบาลเหย็ง ๆ
แล้วมีใครในรัฐบาลออกมาดีดไข่สื่อซักแปะมั้ย?
แบบนี้แล้ววิเคราะห์ออกมาได้ไงว่าเรื่องสิทธิเสรีภาพจะเป็นเงื่อนไขรัฐประหาร?
กระทั่งเรื่องเลือกตั้งมี แต่ชาวบ้านออกมาตะโกน ... อย่าเพิ่งเลือกยาวไปเลยลุงตู่ ... ยาวให้พวกมันลงแดงไปเลยลุงตู่
เนี่ย ... ลักษณะสังคมการเมือง - การปกครองไทยวันนี้มันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่อย่างที่ฝรั่งวอชิงตันโพสต์ "ตดเอง - ดมเอง"
จะมีรัฐประหารก็ต่อเมื่อ .........
1 2 แก๊ง แต่พฤติกรรมคือทั้งพฤติกรรมสิทธิเสรีภาพกวนโอ๊ยกับพฤติกรรมเลือกตั้งไม่เป็นดังใจ
แล้ว "ก่อการณ์ - กวนเมือง" ขึ้น ..........
นั่นแหละคือ 110% ของเงื่อนไขรัฐประหารที่มีความสำเร็จสูง!
อย่าไปจ้องตาเขียวใส่นายกฯ ประยุทธ์เขาล่ะ
รู้ไว้ด้วยอำนาจสั่งเคลื่อนย้ายอาวุธ - เคลื่อนย้ายกำลังพลตอนนี้นายกฯ ไม่มีแล้วสั่ง 3 + 1 เหล่าทัพไม่ได้แล้ว
โน่น ......
"พลเอกเฉลิมชัยสิทธิสาท" ผบ. ทบ. ในฐานะเลขาฯ คสช. โน่นเป็นผู้มีอำนาจสั่งเคลื่อนย้ายกำลัง แต่เพียงผู้เดียว!
เพราะพลเอกประยุทธ์ในฐานะประธานคสช "มอบอำนาจ" นี้ให้ผบ. ทบ. ท่านนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
สรุป ... เลิกซะทีไอ้ลัทธิบูชาฝรั่งมันพูดอะไร - เขียนอะไรก็ทึกทักปักใจเชื่อไปกันหมด
"ฝรั่งหลอกแดก" ยุคนี้มันเป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแก๊งกวนเมืองเห็นกระสุนภายในด้านก็เลยให้ฝรั่งรับจ้างยิงตูมตามภายนอก
ผมตอกฝาโลงแบบไม่อ้อมให้ก็ได้ ...........
ที่ปล่อยข่าวกันว่า "ปรองดอง" รอบนี้ด้วยมีธง "นิรโทษคนแดนไกล" นั่นน่ะ
มึงฝันไปเต๊อะ!