PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

"ไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย!" ถ้าไม่ยอมมอบตัวก็ตายสถานเดียว

ดูเตอร์เต้ประกาศชัด "ไม่เจรจากับผู้ก่อการร้าย!" ถ้าไม่ยอมมอบตัวก็ตายสถานเดียว, ไอซิสฟิลิปปินส์กลัวตายยอมมอบตัวแล้ว 8 ตัว กองทัพยึดสะพานได้สองแห่งปิดทางหนีของพวกไอซิสในมาราวี
----------
1.) มาติดตามสถานการณ์ที่มาราวี มินดาเนา ฟิลิปปินส์กันหน่อยนะครับ วันที่ 31 พ.ค.60 ABS-CBN News พาดหัวข่าวว่า "ขณะนี้ปธน.ดูเตอร์เต้ปฏิเสธการเจรจากับพวกผู้ก่อการร้าย" (Duterte now rejects dialogue with terrorists)
สื่อฟิลิปปินส์รายงานว่าประธานาธิบดีโรดริโก้ ดูเตอร์เต้ แห่งฟิลิปปินส์ได้กลับคำพูดจากที่พูดก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการเชิญให้พวกผู้ก่อการร้ายกลุ่มเมาเต้ในมาราวีเข้าร่วมการเจรจา โดยดูเตอร์เต้กล่าวว่ารัฐบาลของตนเองจะเจรจาเฉพาะกับกลุ่มกบฏโมโรกลุ่มต่างๆที่ไม่ใช้ความรุนแรงเท่านั้น
[ใครอยากจะเจรจาก็วางอาวุธก่อนและเข้ามาเจรจา ดูเตอร์เต้ก็ไม่ได้ปิดทุกประตูนิ แต่ถ้าถือปืนมาเจรจาและเที่ยวสังหารพลเรือนในระหว่างทางการมาเจรจา ดูเตอร์เต้ก็สั่งให้ทหารฟิลิปปินส์อย่าไว้ชีวิตพวกมันเลยเท่านั้นแหละ - ผู้แปล]
"ผมจะไม่คุยกับใครทั้งนั้น ผมจะไม่คุยกับพวกผู้ก่อการร้าย" ปธน.ดูเตอร์เต้กล่าวในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองดาเวา (Davao City) และสัญญาว่าจะราดทรัพยากรที่สำคัญของรัฐบาลเข้าไปในการต่อสู้พวกผู้ก่อการร้ายเหล่านั้นซึ่งยึดเมืองมาราวีอยู่ในขณนี้
ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวว่าลัทธินิยมความรุนแรง (radicalism) ที่รับหลักการโดยกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ "ได้แทรกเข้าไปคุกคามต่อวิถีชีวิตของชาวฟิลิปปิโน่"
"พวกมันพยายามที่จะกำหนดแนวทางในการดำเนินชีวิตของทุกๆคน และพวกมันก็กระทำด้วยการเข่นฆ่าประชาชนโดยการเรียกชื่อของพระเจ้า และนั่นก็เป็นอุดมคติที่น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง" ดูเตอร์เต้กล่าว
[วันนี้ลงข่าวรัสเซียยิงจรวดร่อนถล่มเหล่าปีศาจไอซิสใกล้เมืองพัลไมร่าในซีเรีย ก็มีขี้ข้าไอซิสตัวหนึ่งรับไม่ได้โผล่เข้ามาเกรียนในเพจนี้เป็นรอบที่สอง เจอแอ็ดมินจัดหนักให้ มันส์ กลับไปดูอีกที มันลบเม้นท์หนีไปแล้ว วันก่อนี้มันก็แอบมาหยอดแบบนี้แหละ พอเจอสวนกลับแรงมันก็รีบลมเม้นท์หนี
พฤติกรรมของมันเหมือนพวกโจรใต้อีแอบไม่มีผิด โผล่มาบึ้มใส่พลเรือน แล้วก็ล่องหน พอถูกจับตัวได้มันก็อ้างว่าถูกบังคับบ้าง เป็นผู้หลงผิดบ้าง ทางการน่าจะอ้างบ้างว่า อัยย๊ะ ลูกกระสุนของทหารและตำรวจก็หลงผิด มันวิ่งไปเจาะกระโหลกของโปรไอซิสเอง แล้วก็อ้างแบบสหรัฐอ้างว่า "ผมไม่ผิด ผมเป็นคนดี" บ้างสิ อ้อ… ไอ้โปร-ไอซิสตัวนี้มันใช้ชื่อเล่นในเฟซมันว่า "กล้วย น้ำหว้า" นะครับคุณหน่วยข่าวกรองและฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ - ผู้แปล]
ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้กล่าวอีกว่า "มันไม่รู้จักอะไรเลย ยกเว้นการทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตมนุษยชาติ"
[วันนี้เกิดเหตุการณ์ระเบิดขนาดใหญ่ที่กรุงคาบูลประเทศอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80-90 คน รวมทั้งนักข่าวของ BBC คนหนึ่งด้วย มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 380 คน ไอซิสอ้างว่าเป็นฝีมือของตนเอง ตอนที่พวกปีศาจเหล่านี้มันร่ายมนต์งงงวยใส่ชาวมุสลิมเพื่อให้หลงผิดไปรับใช้ซาตาน มันก็บอกว่า "พวกเราชาวมุสลิมเป็นพี่น้องกัน เรือนร่างเดียวกัน" นี่คือวาทกรรมเด็ดของพวกมัน แต่คนที่ตายส่วนมากในการก่อการร้ายในตะวันออกกลางส่วนมากด้วยฝีมือของปีศาจสมุนซาตานเหล่านี้ก็คือชาวมุสลิมนั่นเอง - ผู้แปล]
2.) วันเดียวกันนี้สื่อฟิลิปปินส์รายงานอีกว่า เจ้าหน้าที่ในกองทัพของฟิลิปปินส์ยืนยันว่ามีผู้ก่อการร้ายอย่างน้อย 8 คนซึ่งมีส่วนร่วมในการโจมตีเมืองมาราวี ยอมมอบตัวกับกองทัพฝ่ายรัฐบาล นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีการยอมมอบตัวตั้งแต่มีการปะทะกันมาได้ 9 วัน สำนักข่าว ABS-CBN News อ้างคำพูดของพลจัตวา Restituto Padilla โฆษกองทัพฟิลิปปินส์ว่า "สิ่งที่พวกเราได้มาจากหน่วย General (Custodio) Parcon ก็คือมีสมาชิกผู้ก่อการร้ายจำนวน 8 คนที่ยึดเมืองมาราวีได้มอบตัวกับกองกำลังของหน่วยนั้น"
รายงานข่าวกล่าวอีกว่า ขณนี้มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 129 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกผู้ก่อการร้ายที่ถูกสังหารโดยกองทัพฝ่ายรัฐบาล ยอดการเสียชีวิตของพลเรือนยังอยู่เท่าเดิม (19 คน และอีก 9 คนที่ถูกสังหารในวันแรกที่พวกไอซิสเมาเต้ยึดเมืองมาราวี) วันที่ 30 พ.ค.ทางกองทัพฟิลิปปินส์รายงานว่ายอดเสียชีวิตของผู้ก่อการร้ายอยู่ที่ 69 คน วันต่อมารายงานว่าอยู่ที่ 89 คน
พลจัตวา Restituto Padilla กล่าวว่ายังมีพลเรือนติดอยู่ภายในเมืองมาราวีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่พวกผู้ก่อการร้ายยึดครอง กองทัพพบว่าในจุดนั้นพวกผูก่อการร้ายได้ทำการต่อต้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสงบอย่างเข้มแข็ง (ทางการถล่มพวกไอซิสทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศ)
กองทัพฟิลิปปินส์กล่าวว่าวันพุธนี้ทางกองทัพสามารถยึดสะพานทั้งสองแห่งที่นำไปสู่กลางเมืองมาราวีจากพวกไอซิสเมาเต้ได้แล้ว วันก่อนนี้สื่อท้องถิ่นรายงานว่าสะพานยังอยู่ในการยึดครองของผู้ก่อการร้ายเนื่องจากยังมีธงของสีดำที่มีตราสัญลักษณ์ของขบวนการก่อการร้ายไอซิสปักอยู่
http://news.abs-cbn.com/…/duterte-now-rejects-dialogue-with…
The Eyes
เพจ: ปอกเปลือก ทรราช
https://www.facebook.com/fisont
https://vk.com/theeyesproject
31/05/2560

เจ้าสัวซีพีรวยเพิ่มอีกหนึ่งแสนล้านบาท กระทิงแดงโกยเพิ่ม 9.5 หมื่นล้านบาท

เจ้าสัวซีพีรวยเพิ่มอีกหนึ่งแสนล้านบาท กระทิงแดงโกยเพิ่ม 9.5 หมื่นล้านบาท

เขียนวันที่
วันพฤหัสบดี ที่ 01 มิถุนายน 2560 เวลา 16:51 น.
เขียนโดย
BBA-Thai
หมวดหมู่


นิตยสารฟอร์บส์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลการจัด 50 อันดับมหาเศรษฐีไทยโดยในปีนี้ ตระกูลเจียรวนนท์ ผู้ดำเนินธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงรั้งตำแหน่งอันดับหนึ่งมหาเศรษฐีที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูงที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 2.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 7.32 แสนล้านบาท เพิ่มจากมูลค่าของปีที่แล้วกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราวหนึ่งแสนล้านบาท
ส่วนมหาเศรษฐีที่สามารถเพิ่มความมั่งคั่งใหักับธุรกิจได้มากรองๆ ลงมา ที่น่าสนใจคือนายเฉลิม อยู่วิทยา เจ้าของกิจการเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง โดยมีสินทรัพย์ 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 9.5 หมื่นล้านบาท จากปีที่แล้ว โดยสาเหตุมาจากราคาหุ้นของสินคัาคู่แข่งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์สูงขึ้น จึงทำให้การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ของกระทิงแดงปรับตัวสูงขึ้นตาม
แม้ว่านายเฉลิม มีมูลค่าจะมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอยากมาก แต่ยังคงอยู่ในอันดับที่ 4 ใน 50 มหาเศรษฐีไทย ตามการจัดอันดับของนิตยสารฉบับดังกล่าว
ที่ผ่านมาครอบครัวอยู่วิทยายังต้องเผชิญกับข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอสหลานของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2555 แต่นายวรยุทธได้เลื่อนนัดพบอัยการคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนท้ายสุดก็หลบหนีออกไปต่างประเทศ ก่อนที่ศาลอาญากรุงเทพใต้จะมีการออกหมายจับอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่ผ่านมา
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการจากข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์คือ แม้ว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจโดยรวมจะลดลง แต่เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์รวมของบรรดา 50 มหาเศรษฐีของไทยแล้ว จะพบว่ามีมูลค่าทั้งหมด 1.235 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากมูลค่ารวมของปีก่อน ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงกว่าการเติบโตของมูลค่าหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาอีกด้วย
"ทักษิณหลุด 10 อันดับแรก
นายทักษิณ ชินวัตร นักธุรกิจ และอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งปัจจุบันลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ถูกปรับอันดับลงหนึ่งอันดับ จากอันดับ 10ในปีที่แล้วมาเป็นอันดับ 11 ในปีนี้ โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ราว 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับมหาเศรษฐีไทยที่มูลค่าสินทรัพย์ลดน้อยลงมากที่สุด คือ นายประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ซึ่งมูลค่าลดลงจากเดิมกว่า600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาล สายการบินทำกำไรได้น้อยลง
ขณะที่ทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยได้ต้อนรับมหาเศรษฐีหน้าใหม่ปีแรก ได้แก่ นายอิทธิพัฒน์ พีระเดชาพันธุ์ จากธุรกิจสาหร่ายทอดเถ้าแก่น้อย มีสินทรัพย์ 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดในรายชื่อ นอกจากนี้ยังมีนายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ จากธุรกิจอาหาร บริษัทไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป มีสินทรัพย์ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอีกคนคือ ..ณัฐชไมถนอมบุญเจริญ จากธุรกิจเครื่องดื่มบำรุงกำลัง คาราบาว กรุ๊ป ซึ่งสินทรัพย์ 590 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สุเทพ ชัดเจน! ชี้ บิ๊กตู่ เป็นนายกฯต่อได้โดยไม่มีพรรค โดยให้ส.ว.ลงคะแนนเลือก

“สุเทพ” ชี้ “บิ๊กตู่” ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองก็เป็นนายกฯได้ โดยใช้เสียงส.ว. โว ปชช.หนุน “ประยุทธ์” อยู่ต่อแน่นอน ฝาก นักการเมืองคิดเอง ต้องใช้เสียงในสภาฯให้สอดคล้องความต้องการประชาชน
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิฯและอดีตเลขาธิการ กปปส กล่าว ถึงกรณีที่มีการพูดว่านายสุเทพ ส่งคนไปยึดพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ว่า แกนนำกปปส.กลับเข้าไปทำหน้าที่ เพราะมีความคิดปฏิรูปพรรคการเมือง เพื่อให้พรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองของประชาชน ส่วนที่ตนแสดงออกอย่างเปิดเผยสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นนายกฯต่อไป เพื่อทำการปฏิรูปประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไป ก็หวังให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไปด้วย ตนก็ตรงไปตรงมาอย่างนี้ ส่วนพรรคปชป.จะมีความรู้สึกอย่างไร ก็คงไม่เกี่ยวกัน
เมื่อถามว่า อยู่กับพรรคปชป.มากว่า 40 ปี นั้น ทำให้ไม่เชื่อว่าระบบที่เราเป็นมา จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ทันสถานการณ์ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ตนยังเชื่อในระบบประชาธิปไตย ยังเชื่อในระบบพรรคการเมือง แต่เราต้องปฏิรูปการเมือง เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนอยู่ในพรรค ก็คิดแบบคนในพรรค แต่เมื่อออกมาใช้ชีวิตร่วมเป็นร่วมตายกับมวลมหาประชาชน ก็ได้หลอมความคิดร่วมกับประชาชน คิดทำการเมืองภาคประชาชนที่ต่างออกไป แทนที่จะกังวลอยู่เฉพาะเรื่องผลประโยชน์ เรื่องความเป็นไปของพรรคการเมืองเราก็คิดเรื่องความอยู่รอดของประเทศ เราก็คิดว่าประชาชนจะได้อะไรจากพรรคการเมือง วิธีคิดเปลี่ยนไป
“สัญญานแรกที่เข้าสู่โรดแมปกาารเลือกตั้ง คือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา การลงมติประชาชนก็สนับสนุน ร่างพ.ร.บ.กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็กำลังร่างและหลายอย่างก็อยู่ระหว่างการพิจารณา วันนี้ยังไม่มีใครมาดึงเกมตรงนี้ กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายกกต. คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เขาก็ร่างเสร็จแล้ว ไม่เห็นมีใครถ่วงเวลา ขอร้องว่า อย่าสร้างกระแสหรือมาปั่นข่าวว่า มีเจตนาเลื่อนการเลือกตั้ง ตนเชื่อมันว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ยกเว้นว่ามีอะไรขึ้นอย่างเช่น การมีระเบิดก็เป็นอีกเรื่อง เพราะถ้าบ้านเมืองไม่สงบก็จัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วมาเจอเรื่องแบบนี้แย่แน่นอน” นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ หากมาเป็นนายกฯโดยไม่มีพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุน ต้องอาศัยเสียงจากพรรคเล็กพรรคน้อยจะสามารถบริหารประเทศได้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญมีบทเฉพาะกาลที่จะให้ส.ว.ลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯได้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯได้ต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 251 เสียง และที่พูดทั้งหมด ก็เพื่อบอกบรรดานักการเมืองว่า ประชาชนสนับสนุนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองก็ได้หากมีนักการเมืองและวุฒิสมาชิกสนับสนุนแต่พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งพรรคการเมืองก็ได้ หรือใครจะตั้งพรรคการเมืองแล้วประกาศสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ก็ได้
เมื่อถามอีกว่า ทำไมมั่นใจว่า พรรคร่วมจะสนับสนุน เอาพล.อ.ประยุทธ์ ด้วย นายสุเทพ กล่าวว่าที่ผ่านมาตนเคยเป็นผู้จัดการรัฐบาลรวบรวมเสียงการจัดตั้งรัฐบาลมาจากหลายพรรค เคยอยู่ในรัฐบาลผสมที่ทำงานร่วมกันได้ คิดว่า วันนี้เชื่อว่า นักการเมืองน่าจะตระหนักว่า ประชาชนตื่นตัวเป็นห่วงบ้านเมืองเขาจับตามอง คิดว่านักการเมืองคิดถึงประชาชน เคารพประชาชนก็ควรที่จะปรับปรุงตัวเอง ให้สอดคล้องเสียงของประชาชน

“วิษณุ" เผยต้องเลื่อนเลือกตั้งเป็นต้นปี 61

“วิษณุ" เผยต้องเลื่อนเลือกตั้งเป็นต้นปี 61

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายImage copyrightROYAL THAI GOVERNMENT
คำบรรยายภาพนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย
"วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย เผยต้องเลื่อนการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นต้นปี 2561 อ้างเป็นไทม์ไลน์ที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว
วันนี้ (8 ก.พ. 2560) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ระบุผ่านเวทีเสวนาแห่งหนึ่ง ว่าการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นในช่วงเวลาอีก 1 ปีนับจากนี้ หรือช่วงต้นปี 2561 ว่า ไทม์ไลน์นี้ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างนั้น แต่อย่าไปเอาเป็นเอาตายว่าต้อง 365 วัน หรือจะมีขึ้นภายในเดือน ก.พ. 2560 โดยขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อนำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. .... ฉบับที่ผ่านการทำประชามติ ไปแก้ไขตามข้อสังเกตพระราชทานเสร็จสิ้น ซึ่งตามกำหนดจะต้องไม่เกินวันที่ 18 ก.พ. 2560 ก็จะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งขั้นตอนหลังจากนั้น รัฐธรรมนูญฯ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 90 วัน หากพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย จะให้ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญฯ ใช้บังคับได้
"เมื่อรัฐธรรมนูญฯ ประกาศใช้ หลายอย่างต้องดำเนินการทันที ที่ใช้คำว่า 1 ปี ไม่ได้ต้องการให้รู้สึกว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญฯ ประกาศใช้ กว่าจะทำอะไรได้อีกตั้งนาน ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะมีเรื่องที่ต้องทำทันทีอีกหลายเรื่อง เช่นในร่างรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 77 ที่บัญญัติไว้ว่าการตรากฎหมายทุกฉบับให้รัฐเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงวิเคราะห์ผลกระทบอย่างรอบด้าน ที่จะทำให้ขั้นตอนการออกกฎหมายต่อไปมีขั้นตอนที่มากขึ้น" นายวิษณุกล่าว
หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2561 จริง จะเกินจากระยะเวลาตามโรดแมปเดิมที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดมาตลอดว่าการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นภายในปี 2560
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยImage copyrightWASAWAT LUKHARANG / BBC THAI
ทั้งนี้ ในร่างรัฐธรรมนูญฯ ได้กำหนดสิ่งที่ต้องทำก่อนการเลือกตั้ง ไว้ 4 ขั้นตอน ประกอบด้วย
  1. ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งรวม 4 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ภายในระยะเวลา 240 วัน
  2. ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าว ภายในระยะเวลา 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับร่างจาก กรธ.
  3. ให้นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวาย ร่าง พ.ร.ป.ดังกล่าว เพื่อทรงพระปรมาภิไธย และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลใช้บังคับ
  4. ให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ภายใน 150 วัน นับแต่วันที่ร่าง พ.ร.ป.เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้ง 4 ฉบับ มีผลใช้บังคับ
ด้าน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ระบุว่า เรื่องการเลือกตั้งยังไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะกรอบเวลาการเลือกตั้งจะเริ่มนับหนึ่งได้ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญฯ มีผลใช้บังคับ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เริ่ม แต่ กรธ. จะเดินหน้าจัดทำ พ.ร.ป. หรือกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งยืนยันว่าจะสามารถเสนอต่อ สนช. ได้ทันที หลังจากร่างรัฐธรรมนูญฯ มีผลใช้บังคับ

"เลื่อนเลือกตั้ง ทำยากแต่เป็นไปได้"

"เลื่อนเลือกตั้ง ทำยากแต่เป็นไปได้"

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
กลายเป็นวาระร้อนขึ้นมาทันที ภายหลังสิ้นเสียงระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าไม่ทันไร ปรากฏว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ส่งสัญญาณเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเลื่อนเลือกตั้งขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ
“สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกคนคำนึงถึง คือถ้าบ้านเมืองยังเป็นอยู่แบบนี้ ทั้งการวางระเบิด การใช้อาวุธสงคราม การทำให้เกิดความขัดแย้งในภาคประชาชน แล้วมีปัญหาเหมือนเดิมที่ผ่านมา แล้วจะเลือกตั้งกันได้หรือไม่ ผมกำหนดไปก็เท่านั้น อยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อเดินไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน อย่าให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดทั้งหมด
“ผมเคยบอกไว้แล้วว่าเร็วที่สุดจะได้อย่างไร แต่ถ้าไม่ได้ ประชาชนก็ต้องว่ากันมา ผมบังคับใครไม่ได้ในการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ขอร้องว่าอย่ามาอ้างกลับไปกลับมาเสียเวลาเปล่า รัฐธรรมนูญ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ระยะเวลาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างก็ยังเป็นไปตามนั้นทุกอย่าง เว้นแต่บ้านเมืองไม่สงบสุข” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา
พิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นได้ว่านายกฯ ก็ไม่ได้พูดในลักษณะตบโต๊ะว่าจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปชัดเจนมากนัก โดยเป็นลักษณะของการโยนหินถามทางมากกว่า เพราะลึกๆ แล้วแน่นอนว่า  พล.อ.ประยุทธ์ ก็รู้อยู่แก่ใจว่าการเลือกตั้งถูกล็อกด้วยเงื่อนไขทางกฎหมายไว้หมดแล้วนับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา        
อย่างที่ทราบกันดีว่ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนดให้มีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง จำนวน 10 ฉบับ โดยมีเงื่อนไขว่าหากกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเลือกตั้ง จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย การเลือกตั้ง สส.การได้มาซึ่ง สว.พรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศใช้เมื่อไหร่ จะต้องมีการกำหนดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน
ร่างกฎหมายจำนวน 2 ฉบับ คือ พรรคการเมืองและ กกต.นั้นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ส่งไปให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยอยู่ระหว่างการแก้ไขเนื้อหาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของ สนช.ก่อนส่งมาให้ที่ประชุม สนช.ลงมติเห็นชอบในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 
เมื่อร่างกฎหมายทั้งสองฉบับดังกล่าวเสร็จแล้วทาง กรธ.จะดำเนินการทยอยส่งร่างกฎหมายเลือกตั้ง สส.และการได้มาซึ่ง สว.ให้กับ สนช.เป็นลำดับถัดไป
ด้วยเงื่อนไขเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีการบิดพลิ้ว ดังนั้น ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดการเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นได้ราวกลางปี 2561
ทว่านั่นเป็นเพียงการมองในเชิงทฤษฎีเท่านั้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วหากถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่การเลือกตั้งจะถูกเลื่อนออกไป ก็ต้องบอกว่าพอมีทางเป็นไปได้ไม่น้อยเช่นกัน
1.กรณีกฎหมายไม่ผ่าน สนช. เป็นสถานการณ์พิเศษที่มีโอกาสขึ้นพอสมควร กล่าวคือ หาก สนช.ลงมติเห็นชอบกับร่างกฎหมายเลือกตั้งแล้ว แต่ กรธ.หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องไม่เห็นด้วยกับการแแก้ไขเนื้อหาของ  สนช.จะนำมาซึ่งการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่าง สนช. กรธ. และองค์กรอิสระ
จากนั้นต้องส่งให้ที่ประชุม สนช.เห็นชอบอีกครั้ง ทีนี้หาก สนช.มีมติเกิน 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิก สนช.ทั้งหมดไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขของคณะกรรมาธิการ 3 ฝ่าย จะส่งผลให้เกิดปัญหาขึ้นมาทันที คือ ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้กำหนดว่าถ้าเกิดสถานการณ์เช่นนี้แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไปด้วย ทำให้สุญญากาศทางกฎหมายที่กระทบต่อโรดแมปอย่างแน่นอน
2.ใช้อำนาจมาตรา 44 ต้องไม่ลืมว่าแม้ประเทศจะมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้ว แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังรับรองให้ คสช.มีอำนาจเหมือนกับที่เคยมีตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ทุกประการ หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะหยิบมาตรา 44 มาใช้เมื่อไหร่ก็ได้
มาตรา 44 เป็นยาสามัญประจำบ้านของ คสช.ทุกครั้งเวลาที่ คสช.มีปัญหา เพราะมีพลานุภาพที่ทำให้อยู่เหนืออำนาจฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติและตุลาการ
แน่นอนว่าด้วยอำนาจที่ทรงพลังเช่นนี้ย่อมสามารถใช้เพื่อยกเว้นการใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 บางมาตราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทเฉพาะกาลที่เกี่ยวกับการกำหนดขั้นตอนการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ มีคำถามว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่าด้วยการเลื่อนเลือกตั้งออกไปอย่างไม่มีกำหนดหรือไม่
คำตอบที่ได้ คือ มีความเป็นไปได้ เพราะถ้า คสช.มองว่าความไม่สงบที่เกิดขึ้นไม่มีทีท่าจะลดลง ประกอบกับ เป็นระยะเปลี่ยนผ่านที่สำคัญที่ต้องอาศัยความราบรื่นและเสถียรภาพทางการเมืองที่เข้มแข็งที่ไม่อาจทำได้ตามระบอบประชาธิปไตยปกติ ก็อาจใช้อำนาจที่ตัวเองมีทำให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย
ดังนั้น มาถึงจุดนี้โอกาสที่จะมีการเลือกตั้งตามที่ได้ประกาศไว้อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว