PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561

หลักประกันสู้เกมโหด

รับ “วัคซีน” เสริมภูมิต้านทาน “ไข้ทรพิษการเมือง” โดยอัตโนมัติ
ตามปรากฏการณ์ โฟกัสพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม แทบทุกฉบับ รับมุกนักการเมืองอาชีพ ยี่ห้อพรรคเพื่อไทย ค่ายประชาธิปัตย์ ที่ตีปี๊บโห่ฮา
ดาหน้ารุมอัด รุมถล่ม รุมสกรัม
“รับน้อง” นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ว่าที่รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ว่าที่โฆษกพรรค
ไล่ไขก๊อกจากเก้าอี้รัฐมนตรี จี้อย่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ไม่ได้เหนือจากการคาดหมายแต่อย่างใด ตามเงื่อนไขสถานการณ์ตั้งแต่นาทีแรกที่นายอุตตมประกาศชัดๆภายหลังการเปิดตัวร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ
ยืนยันรัฐมนตรี 4 คนได้คุยกันแล้วว่า เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมจะลาออกพร้อมกัน จะไม่เอาเปรียบพรรคอื่น ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐไปในทางที่ผิด ไม่ใช้อำนาจไปข่มคนอื่น และพร้อมให้ทุกคนตรวจสอบ
“4 รัฐมนตรี” รู้ข้อสอบล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเจอเกมเขี้ยวยังไง
เรื่องของเรื่อง ย้อนอดีตรัฐบาลเลือกตั้งไม่ว่าจะคิวของพรรคเพื่อไทยหรือยี่ห้อประชาธิปัตย์ตอนเป็นรัฐบาล มาตรฐานเรื่องสปิริตสะกดกันไม่เป็นอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีน้ำหนักเท่าไหร่
มันก็แค่ “เขย่าขวัญ” ตีกินกันตามฟอร์ม
และบังเอิญ “อุตตม-สนธิรัตน์-สุวิทย์-กอบศักดิ์” ก็ล้วนแต่เป็นพวก “เด็กเนิร์ด” โดยบุคลิกไม่ต่อปากต่อคำกับใคร ภาพไม่ใช่พวกท้าทายกระแสที่จะยั่วต่อมหมั่นไส้
ใครจะด่าก็ลำบาก ลากมาตบตีด้วยก็ไม่สนุก
สรุป บวก ลบ คูณ หาร การก่อกำเนิดค่าย “พลังประชารัฐ” ยังไงก็กำไรมากกว่าขาดทุน
เพราะถ้าขืนไม่ตั้งพรรคพลังประชารัฐมาเป็นต้นทุนชัวร์ๆ แต้มหน้าตักส่วนตัวของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.
มัวรอความหวังให้เพื่อนแบกเสลี่ยงมาหาม
ตามอาการแบบที่ยี่ห้อประชาธิปัตย์ ภายใต้ขาเฮี้ยวอย่าง “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จ้องขี่คอ “ลุงตู่” อยู่ทุกจังหวะ บวกกับลูกเขี้ยวของปรมาจารย์ชวน หลีกภัย
ถ้า “อภิสิทธิ์” ยอมโดยดี ประชาธิปัตย์คงไม่สู้กันพรรคแตกขนาดนี้
ยิ่งรายของ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ยิ่งแล้วใหญ่ เปิดไพ่หงายแต้มชัดๆ ภูมิใจไทยกลายเป็นตัวจริงเสียงจริง ยี่ห้อไดโว่ซิโน-ไทย พลังดูดแรงสูง กวาดดะ
สะท้อนแรงจูงใจคั่วไพ่สองหน้า “อนุทิน” จั่วได้ทั้ง “ทักษิณ” และตีน็อกท็อปบูต
แนวร่วมอย่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ มีแต่พวกที่รอเก็งกำไรจากสถานะ “ตัวแปร”
ถ้าไม่มีพลังประชารัฐ ไม่มีทีมของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”
“นายกฯลุงตู่” โดนบีบหน้าดำหน้าเขียวแน่
และเหนืออื่นใด ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เดิมพัน ยิ่งนานยิ่งเสื่อมมนต์ขลัง
เกมบีบ “นายใหญ่” รบทุกรูปแบบ บุกทุกทาง
สถานการณ์อย่างที่ล่าสุดมีการก่อกำเนิดพรรคเพื่อธรรม ที่นำโดยมวยเก๋าระดับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวขบวนกลุ่ม 16 แกนนำขาใหญ่ ยุคก่อตั้งพรรคไทยรักไทย
ซ่อนเงาไม่พ้น “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่เมืองเหนือพรรคเพื่อไทย
นัยว่า เป็นค่ายสำรองหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบ
แต่อีกทางก็เป็นยุทธการ “แยกกันเดิน รวมกันตี” ถึงตรงนี้กองทัพของ “นายใหญ่” แปรรูปขบวนรบ แตกออกเป็นกองทัพย่อย โดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นทัพหลวง พรรคเพื่อธรรม ที่เพิ่งตัดริบบิ้น พรรคประชาชาติ ภายใต้การนำของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภา พรรคอนาคตใหม่ของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
นี่แค่ขุมข่ายฝ่ายต้านทหารที่เปิดดีลอำนาจ เชื่อม “นอมินี” กันไว้
ไม่นับคิวของ “เสี่ยหนู” ที่คั่วไพ่สองหน้า หรือแม้แต่มุกชาติหน้าตอนบ่าย การเปิดทางให้ “อภิสิทธิ์” ขึ้นแท่นนายกฯแลกกับการ
ชิงพลิกขั้วอำนาจมาจากฝ่ายท็อปบูต คสช.
“ทักษิณ” ดักรอทวงแค้น ชิงอำนาจในสงครามถนัดสมรภูมิเลือกตั้ง
ขืนไม่ระวังนักการเมืองเหยียบตีน เกม “ฮั้ว” ล้มทหาร ลำพังหวังพึ่งตัวแปรอย่าง “อภิสิทธิ์-อนุทิน”
“ลุงตู่” เสี่ยงถูกหามไปเชือดอย่างโหด.

ทีมข่าวการเมือง

ส่องดูปูมหลัง 25 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ

ส่องดูปูมหลัง 25 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ



พรรคพลังประชารัฐประชุมใหญ่ไปแล้วเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมกันอย่างคับคั่งท่ามกลางความสนใจของสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไป เพราะพรรคการเมืองนี้ตกอยู่ท่ามกลางกระแสข่าวตลอดเวลาว่าจะเป็นพรรคการเมืองที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จะมาสังกัด
และยังเป็นพรรคที่มีข่าวว่าจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีกลุ่ม 3 มิตร ซึ่งตระเวนไปพบปะนักการเมืองเพื่อชักจูงให้มาร่วม และลงสมัครรับเลือกตั้งในที่สุด

ผลการประชุมของพรรคพลังประชารัฐปรากฎว่า ที่ประชุมโหวตหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ดังนี้
1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิก ที่ปรึกษา รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม รองอธิการบดี ฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
4. นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิก ที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์ อดีตปลัดกระทราวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
5.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์
6. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค อดีต กปปส. และอดีตส.ส.กทม. พรรคปชป.
7.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
กรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย
8.นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและการกีฬา แกนนำพรรคพลังชล
9.นายกรัณย์ สุทธารมณ์ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเพชรบุรี จำกัด
10.นายชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ
11.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก
12. นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย
13. นางนฤมล สอาดโฉม ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง
14. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอ็นจีเนียริงฯ (IEC)
15. ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ คณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
16. นายวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)
17. นายชาญวิทย์ วิภูศิริ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
18.นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม
19.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล อดีตพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
20.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ ผจก.เพชรล้านนาฟาร์ม ศูนย์การเรียนรู้การเกษตรอินทรีย์ ตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง
21.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ อดีตแกนนำ กปปส. อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
22.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย
23.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ผู้ก่อตั้งและครีเอทีฟไดเรคเตอร์ แบรนด์ D.O.C. (ดีโอซี) หรือ Debutante O’ Couture
24.นายสรวุฒิ เนื่องจำนง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
25.นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่ม 3 มิตร และ อดีตส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย