PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

คดียุบพรรค2549

คดียุบพรรค


คดียุบพรรคการเมืองเนื่องจากการเลือกตั้ง 2 เมษายน พ.ศ. 2549 เป็นคดีประวัติศาสตร์ที่พรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย ในคดีกลุ่มที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์และพรรค
ประชาธิปไตยก้าวหน้าในคดีกลุ่มที่ 2 ถูกฟ้องร้องเป็นจำเลยในข้อกล่าวหา เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และกระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการไต่สวนพยานครบถ้วนเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2550 ต่อมาตุลาการรัฐธรรมนูญแต่ละคน ได้มีคำวินิจฉัยส่วนตนออกมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 และคณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยกลางในช่วงบ่ายจนถึงเกือบเที่ยงคืนของวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 เริ่มจากคดีกลุ่มที่ 2 ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า โดยมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์และวิทยุตลอดการอ่านคำวินิจฉัย

คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ สรุปว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความผิดในทุกข้อกล่าวหา ส่วนอีก 4 พรรคมีความผิดจริง จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคไทยรักไทย รวมทั้งให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 พรรค มีกำหนด 5 ปี

ระหว่างการอ่านคำวินิจฉัย รัฐบาล ทหาร และตำรวจ ได้เตรียมพร้อมรองรับกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจออกมาเคลื่อนไหว โดยเตรียมพร้อมประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในกรณีเกิดสถานการณ์รุนแรง แต่ในที่สุดไม่มีเหตุการณ์เคลื่อนไหวรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น
-----
คดียุบพรรคมีจุดเริ่มต้นจากวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2549 และการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ต่อมานายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พรรคไทยรักไทยได้จ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ยังได้ปลอมแปลงเอกสารฐานข้อมูลสมาชิกพรรค พรรคไทยรักไทยร้องเรียนกลับว่าถูกพรรคประชาธิปัตย์จ้างพรรคเล็กใส่ร้ายพรรคตนกกต. มีความเห็นว่าทั้ง 5 พรรค กระทำความผิดตามมาตรา 66 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2541 และได้ส่งสำนวนต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมี
คำสั่งยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 พรรค

หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ส่งผลให้คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดเก่าถูกยกเลิกไปด้วยกัน และได้ตั้งคณะตุลาการรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่มีจำนวน 9 คน [1] ขณะเดียวกันได้ออกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 กำหนดให้ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ยังคงบังคับใช้ต่อไป และกรณีที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองใด ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรคนาน 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง

เอกสารแถลง สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เปิดโปง 7 คนร้ายชายชุดดำ คดีฆ่า "พล.อ.ร่มเกล้า"ปี53

เอกสารแถลง สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เปิดโปง 7 คนร้ายชายชุดดำ คดีฆ่า "พล.อ.ร่มเกล้า"ปี53

จากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปี 2553 กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง มีความขัดแย้งทางด้านการเมืองกับฝ่ายรัฐบาล มีการชุมนุมเรียกร้องในเขตกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด

สถานการณ์มีความรุนแรงจนต้องมีการประกาศ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเขตกรุงเทพมหานครและบางพื้นที่ในเขตปริมณฑล มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ร่วมกันปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ต่าง ๆ

โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 เวลาประมาณ 20.00 น. มีการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณข้างเคียง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ขณะนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายแต่งกายเป็นชายชุดดำ ใช้อาวุธสงครามยิงและขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชน จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย อันได้แก่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม กับพวก เป็นต้น

พฤติกรรมคนร้ายชายชุดดำดังกล่าว เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสังคมตลอดมาว่า มีตัวตนจริงหรือไม่ และเป็นกองกำลังของฝ่ายใด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 ,พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารนำโดย พล.ต.เทพพงษ์ ทิพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ,พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการกองกฏหมาย กอ.รมน. หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฏหมายส่วนรักษาความสงบ คสช.กับพวก ได้ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวน รวมรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จนเป็นที่แน่ชัด เชื่อได้ว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นชายชุดดำร่วมกันก่อเหตุร้ายในคดีนี้ จึงได้เสนอขออนุมัติต่อศาลและศาลได้ออกหมายจับบุคคลดังต่อไปนี้

1.นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 2 ซ.รามอินทรา36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา 1600/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 (จับกุม)

2.นายธนเดช หรือไก่รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพ ฯ หมายจับศาลอาญาที่ 16001/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (หลบหนี)

3.นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 17 ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญาที่ 1602/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (หลบหนี)

4.นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 9 ต.อินทขิล ต.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลอาญาที่ 1603/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุม)

5.นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ต.กลางใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี หมายจับศาลอาญาที่ 1604/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุม)

6.นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญาที่ 1605/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุม)

7.นางปุณิกา หรืออร ชูศรี อายุ 39 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญาที่ 1606/2557 ลงวันที่ 10 กย.2557 (จับกุม)

สำหรับกลุ่มชายชุดดำที่ร่วมก่อเหตุดังกล่าว ถูกตั้งข้อหาว่า ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ,พกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุอันควร รวมผู้ต้องหาจำนวน 7 คน จับกุมได้แล้วจำนวน 5 คน หลบหนี 2 คน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ป. ดำเนินคดี ตามคดีเลขที่ 156/2557 ลงวันที่ 8 กย.2557
///////////////
ย้อนรอยคดีชายชุดดำ

ในที่สุดคดีฆ่า “พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม” อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์(พล.ร.2 รอ.) หรือ “เสธ.เปา” ที่เป็นคำถามมาตลอดนับตั้งแต่เมื่อปี 2553 ว่า “ใครบงการ”??? และเงียบหายไปนานกว่า 4 ปี ก็กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง.....

เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง นำคณะนายตำรวจ แถลงว่าสามารถจับ “ชายชุดดำ” ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี
2553 ได้จำนวน 5 ราย และยังอยู่ระหว่างการหลบหนี 2 ราย ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาที่จับกุมได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ “เสธ.เปา”

กล่าวสำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นในคืนวันที่ 10 เม.ย.2553 ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองกำลัง “ระอุ” ที่เวที นปช.ตรงบริเวณสี่แยกคอกวัว ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าเกิดกับประเทศไทย เมื่อมี “
ชายชุดดำ” ทั้งซุ่มยิง ทั้งถล่มด้วยจรวดใส่ทหารที่มาทำหน้าที่ควบคุมความสงบให้บ้านเมือง จนเป็นเหตุให้มีทหารทั้งบาดเจ็บ และเสียชีวิตอีกหลายนาย หนึ่งในนั้น คือ “พล.อ.ร่มเกล้า”

ถ้อยแถลงของ คณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามความคืบหน้าของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ ในคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่
ได้ตรวจสอบหลักฐาน พยานบุคคลกว่าร้อยปาก คลิปวิดีโอเหตุการณ์ ช่วงปี 2553 เน้นเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. ที่ พล.อ.ร่มเกล้า เสียชีวิต ได้ข้อสรุปว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพราะการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในขณะนั้นกำลังบานปลาย

จากหลักฐานซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่อนุ กมธ.ได้รับ ก็ปรากฏภาพ “ชายชุดดำ” ได้เข้ามาทำงานร่วมกับกลุ่ม นปช. และมีพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่และชาวบ้านระบุว่ามีรถตู้ขับมาส่งชายชุดดำ จากนั้นกลุ่มชายชุดดำก็ได้เดินเข้าไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งในขณะนั้นมีนักข่าวอิสระจากต่างประเทศสามารถบันทึกภาพไว้ได้ แต่ก็ถูกชายชุดดำกลุ่มดังกล่าวใช้ปืนจี้หัวและยึดกล้องที่บันทึกภาพไป

ดังนั้น เมื่อมีบุคคลที่พบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวหลายคน จึงเชื่อได้ว่า “กลุ่มชายชุดดำ” มีส่วนร่วมในการใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหาร โดยอยู่ในพื้นที่ของกลุ่ม นปช.ถ้อยแถลงของอนุ กมธ. ยังระบุว่า ในวันเกิดเหตุ มีผู้เก็บกระเดื่องระเบิดชนิดเอ็ม 67 ได้ 2 ลูก ถูกขว้างมาจากบ้านซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งเป็นบริเวณที่กลุ่ม นปช.มีการชุมนุม แต่ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือดีเอสไอ กลับไม่ดำเนินการสอบสวน ทั้งๆที่ตอนนั้นด้วยเทคโนโลยีต่างๆ โลกโซเชียลมีเดีย รวมถึง “คลิป” ทางอินเทอร์เน็ตที่แพร่ไปทั่วโลก และภาพจากข่าวของสถานีโทรทัศน์ ก็เผยภาพให้เห็นกันชัดๆว่า.....

“ชายชุดดำ” ที่ซุ่มยิงทหาร มีตัวตนจริง!!!

'ชายชุดดำ'สารภาพอ้างก่อเหตุปี53ยิงมั่วไม่เจาะจงใคร

'ชายชุดดำ'สารภาพอ้างก่อเหตุปี53ยิงมั่วไม่เจาะจงใคร 

หนึ่งใน"กลุ่มชายชุดดำ"สารภาพ อ้างก่อเหตุปี53ยิงไม่เจาะจงใคร ไม่เคยฝึกมา ด้าน"สมยศ"ชี้เกี่ยวโยงแดงฮาร์ทคอร์

กรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผบ.ตร. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.บผบช.ภ.1 พล.ต.เทพพงศ์ ทพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการกฏหมาย กอ.รมน.หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฏหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีความมั่นคงจับกุมนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 2 ซ.รามอินทรา 36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1600/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.57 นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยุ่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมุ่ที่ 9 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1603/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 นายชำนาญ หรือเล้ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยุ่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1605/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557

นางปุณิกา หรืออร ชูศรี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1606/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 นอกจากนั้นยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนรอีก 2 คน คือ นายวัฒนะโชค หรือโบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 17 ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญาเลขที่ 1602/2557 ลงวันที่ 10 ก.ย.2557 และนายธนเดช หรือไก่รถตู้ เอกอภิวัชร์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมุ่ที่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหักสี่ กทม. ตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 1601/2557 พร้อมของกลางอาวุธปืน เอ็น 79 จำนวน 1 กระบอก โดยแจ้งข้อหา ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ พกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่มีเหตุอันควร จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อดำเนินคดี

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันแต่งกายเป็นชายชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงและขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ทหารและประชาชน จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย จำนวนหลายราย รวมทั้งพล.อ.ร่มเกล้า ธุวกรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณใกล้เคียง เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 เวลาประมาณ 20.00 น.

ในการปกิบัติการขอคืนพื้นที่กลุ่มผู้ชุมนุม การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานทำงานอย่างรอบคอบจนศาลอนุมัติหมายจับกุม ทำให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมว่าชายชุดดำที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีจริง และทุกคนก็ให้การรับสารภาพ หลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง มีใครร่วมลงมือ มีใครให้การสนับสนุน

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่าผู้สั่งการคือ นายจักรรินทร์ (เสธ.ไก่) เรืองศักดิ์วิชิต  ซึ่งตอนนี้ถูกศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับแล้วเลขที่ จ.8 ก./2557 เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนั้นการสอบสวนขยายผลยังพบความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือเปิ้ล จากการตรวจค้นบ้านของเปิ้ลก่อนหน้านี้พบหลักฐานว่ามีการโอนเงินให้กลุ่มคนเหล่านี้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวเลข บอกได้แค่ว่าจำนวนมาก สำหรับสาเหตุนั้นเป็นลักษณะขบวนการมีหัวโจ๊ก มีอุดมการณ์ มีความเกลียดชัง มีค่าจ้างจึงได้ร่วมกันทำ

สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการขออนุญาตทางดีเอสไอ ให้คณะทำงานเข้าร่วมการสอบสวนครั้งนี้ด้วย เพื่อนำคดีดังกล่าวเป็นคดีหลักต่อไป สำหรับการสืบสวนจับกุมว่าสามารถจับกุมได้อย่างไรที่ไหนนั้นไม่ขอเปิดเผยเป็น เรื่องที่ตำรวจต้องทำงาน จะเอาวิธีไปบอกโจรไม่ได้ ต่อไปจะทำงานลำบาก หลังจากนี้หากมีตำรวจคนไหนเปิดเผยวิธีการจับกุมคนร้ายก็ต้องถูกลงโทษบ้าง

สำหรับเส้นทางการดำเนินการของกลุ่มคนร้ายมีทั้งหมด 8 คน รวมนายธรรมรัตน์(ดำ) สุ่มสี ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้วางแผนและรับมอบอาวุธกันที่คอนโดบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 จากนั้นทั้งหมดได้อาศัยรถตู้ สีขาว เพื่อเดินทางไปที่เกิดเหตุ จากนั้นทั้งหมดได้ขับรถขึ้นทางด่วนรามอินทรา มาลงยมราช และจอดรถที่ซอยวัดมหรรพาราม ถ.ตะนาว เมื่อลงจากรถก็เดินไปตามถนนตะนาวมุ่งหน้าไปที่แยกคอกวัว ก่อนถึงแยกคอกวัวได้ผ่านจุดคัดกรองเจอการ์ดซึ่งมีตำรวจร่วมด้วยแต่ตำรวจจุดนั้นไม่มีอาวุธ ตรวจุดนี้พบว่ากลุ่มคนร้าย 3 คนมีอาวุธไปด้วย การ์ดเข้ามาตรวจถ่ายรุป

จากนั้นได้ปล่อยเข้าไปด้วยรหัสผ่าน"พิราบขาว" คนร้ายไปตรงธนาคารออมสิน จากนั้นเริ่มใช้อาวุธยิง ระดมยิงใส่ชุดทหารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากยิงเสร็จได้ถอนย้อนกลับมาที่จุดรถตู้จอด ระหว่างทางนายธรรมรัตน์ซึ่งถืออาวุธปืน เอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อคไว้ ยึดปืนเอาไว้ได้ ส่วนคนร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมใช้คนมากดดันแย่งตัวไปได้ 

จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้งที่รถตู้จอดไว้ขับรถอ้อมไปถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ มาสวนกันเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้รถฮัมวี จุดนั้นคนค่อนข้างเยอะก็เบียดกันคนร้ายได้ลดกระจกลงมา 1 ในผู้ต้องหาตะโกนด่าทหาร "ไปทำเหี้ยอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติการที่ภาคใต้" คำพูดนี้ทำให้ทหารสามารถจำหน้าได้ 1 คนที่อยู่ในรถ 

หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายหลบหนีกันไปหลายปี ตำรวจทหารก็เฝ้าสืบสวนสอบสวนต่อเรื่องจนมีหลักฐานแน่ชัดขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับจนจับกุมได้

ด้านนายกิตติศักดิ์ ให้การรับสารภาพว่า ได้กระทำการดังกล่าวจริงโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกันเพราะมาร่วมทำงานนี้ โดยได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมนุม เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ จากนั้น นายธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่าทำแบบไหน แล้วก็ตามๆกันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ

สำหรับวันเกิดเหตุโดยนายกิตติศักดิ์ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิด เอ็มเค-2 นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดช ใช้อาวุธปืน เอ็ม 203 นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายปรีชาใช้อาวุธปืน เอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง เอ็ม100
ขอบคุณข้อมูลจา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

จับ 10 ประเด็นชายชุดดำ!


Cr.สุริยะใส กตะศิลา 
จับ 10 ประเด็นชายชุดดำ!
คงชัดแจ้งกันไปแล้วกับชายชุดดำ 5 คน ยังไล่ล่าอีก 2 คน นี่เป็นเฉพาะกรณีสังหาร พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เท่านั้น แต่ถ้าฟังการแถลงของตำรวจ และคำใหัการสราภาพของคนร้ายแล้ส มีประเด็นให้คิดต่ออย่างน้อย 10 ประเด็นดังนี้ครับ
1. เลิกเถียงและต้องยอมรับความจริงกันแล้วว่ามีชายชุดดำจริง
2. ขบวนการนี้ใหญ่โตกว่าที่คิด เทียบเท่ากองกำลังติดอาวุธ
3. ไม่ได้ก่อเหตุแค่ครั้งเดียว แต่มีปฏิบัติการเกี่ยวเนื่องมาจนถึงช่วงชุมนุม กปปส.
4. หลังปี 53 การตามล่าชายชุดดำสะดุด เพราะ DSI ไม่ทำงาน รีดข้อมูลจากคุณธาริต คดีอาจง่ายขึ้น
5. เข้าใกล้ตัว "ผู้บงการ" มากขึ้น ผู้ซึ่งเป็นทั้งท่อน้ำเลี้ยงและผู้ปกป้องคุ้มครองอีกชั้นหนึ่ง
6. ปฏิบัติการก่อเหตุ มีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้อง
7. กลุ่มติดอาวุธนี้ ไม่ใช่แค่มือปืนรับจ้างแต่บูชาความคิดความเชื่อทางการเมืองบางอย่าง
8. ขบวนการนี้เป็น 4 ประสาน คิอ นายทุน กลุ่มการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และคนร้าย
9. ศักยภาพในการก่อเหตุเทียบเท่ากลุ่มก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้
10. หัวหน้าขบวนการนี้อำมหิตโหดเหี้ยมจริงๆ

คำสสรภาพแดงเกลียดแกนนนำ

คำสารภาพจากแดงเกลียดแกนนำ แฉความหลัง สิ่งนี้มันยาวมากแต่อยากให้อ่าน
Posted by Bunjerds จาก Oknation

คำสารภาพจากแดงเกลียดแกนนำ แฉความหลัง
สิ่งนี้มันยาวมากแต่อยากให้อ่านนะ
Robert Garcia อดีตสหายเสื้อแดงได้ฝากมาให้พี่น้องเสื้อแดงได้อ่านกัน

https://www.facebook.com/profile.php?id=100007214621280
ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะว่าทำไมคนสนับสนุนเสื้อแดงทำไมลดลง

ผมนี่แหละ คือ กลุ่มอดีตเสื้อแดงที่เคยร่วมม็อบในปี53
จะขอเล่าไปถึงกำเนิดที่มาของคนเสื้อแดงให้ฟังกันก่อน

แรกเริ่มเดิมทีนั้นคนสนับสนุนทักษิณจะมีกลุ่มคนรักทักษิณเท่านั้น
แต่ว่าทักษิณมองว่ากลุ่มริเบอรัลต่อต้านระบอบบกษัตริย์ที่มีอยู่ปัจจุบันก็มีไม่น้อย
เลยชักชวนพวกนั้นมาร่วมด้วยเพราะริเบอรัลอยากให้ประเทศไทยไม่มีระบอบกษัตริย์
เพื่อต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแบบอเมริกามีประธานาธิบดีมีอำนาจสูงสุด
ซึ่งมันตรงใจกับทักษิณที่อยากจะเป็นประธานาธิบดีอยู่แล้วแต่ขาดแรงหนุน

กลุ่มริเบอรัลมีไม่น้อยแต่ออกตัวลำบาก มีมานานสมัย6ตุลาแล้ว มีทั้งนักกฎหมาย เด็กนอก นักวิชาการ นักธุรกิจ พวกนักศึกษาหัวก้าวหน้าและอดีตนักโทษยุคคอมมิวนิสต์ที่ได้รับอภัยโทษออกมาหมดแล้ว
หลักๆ ดังๆ ก็มี ชูพงษ์ ถี่ถ้วน .. ใจ อึ้งภากรณ์ .. สุรชัย แซ่ด้าน .. ก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นแกนนำกลุ่มริเบอรัล

พวกริเบอรัลเห็นว่าคนๆเดียวที่มีพาวเวอร์ล้มระบอบกษัตริย์คือทักษิณเท่านั้น
ที่ผ่านมาไม่มีใครที่ทำได้ใกล้เคียงเลยจึงตัดสินใจร่วมมือกัน

ในขณะนั้นเองได้เกิดปฏิวัติรัฐประหารปี49 ก็ได้กลุ่มคนที่รังเกียจการปฏิวัติมาเพิ่มเป็นพวกด้วย
ในยุคแรกๆ ทักษิณและริเบอรัลจึงร่วมมือกันปล่อยข่าวว่า ในหลวงเป็นคนสั่งปฏิวัติ
เพื่อดึงกลุ่มคนต่อต้านปฎิวัติมาเป็นพวกด้วย

เมื่อได้กลุ่มใหญ่มากพอซึ่งประกอบด้วย กลุ่มคนรักทักษิณ กลุ่มริเบอรัล กลุ่มต่อต้านปฏิวัติ
แกนนำจากทั้ง3กลุ่มนี้จึงตกลงใจก่อตั้งกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อช่วยกันสู้กับกลุ่มคนเสื้อเหลืองในขณะนั้น

เมื่ออภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเหตุเพราะกลุ่มเนวินที่เคยสนับสนุนทักษิณได้หักหลัง มาสนับสนุนยกมือโหวตอภิสิทธิ์เป็นนายก ซึ่งถ้าตามกฎหมายก็ถูกแล้วถือว่าเป็นนายกด้วยจำนวนโหวตของสส.เสียงข้างมาก
แต่แกนนำคนเสื้อแดงจะบอกเสมอว่า อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเพราะทหารแต่งตั้ง

เรื่องนี้ถ้าจะด่าต้องด่าพวกสส.ที่หักหลังถึงจะถูก แต่แกนนำก็สั่งให้ด่าทหารกับในหลวง
และบอกคนเสื้อแดงว่าทุกเรื่องรวมถึงคดีทักษิณต่างโดนอำนาจนอกรัฐธรรมนูญใส่ร้ายทั้งนั้น

ปี52 จึงได้รวมคนเสื้อแดงมาปั่นป่วนแต่ไม่สำเร็จ อภิสิทธิ์ไม่ยอมลาออก เพราะคนไม่มากพอ
แม้จะใช้ความรุนแรงยังไงก็สู้ไม่ได้ เพราะยิ่งเสื้อแดงยิ่งใช้ความรุนแรงเผายาง ปิดถนน เผารถ
ทุบสถานที่สำคัญ ป่วนการประชุมอาเซี่ยน อภิสิทธิ์ก็ยิ่งมีความชอบธรรมที่จะใช้พรบ.มั่นคงและฉุกเฉิน ในการสั่งทหารมาปราบคนเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรงได้ตามกฏหมาย

แต่แน่ละปี52 ไม่มีคนตายมีแต่คนเจ็บ

ปี53 จึงเป็นการวางแผนแก้เกมส์ของทักษิณด้วยการประกาศรวมพลังครั้งใหญ่
แต่งานนี้มีแผน2คือต้องมีศพ ใช่แล้วถ้ามีศพรัฐบาลกับทหารจะหมดความชอบธรรมโดยทันที

คิดดูสิมีคนตายใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์
ยิ่งมีศพมากยิ่งมีประโยชน์ต่อคนเสื้อแดงมาก
ทุกครั้งที่มีเสื้อแดงตายสิ่งที่แกนนำสั่งก็คือให้แห่ศพคนตายไปทั่วๆ
ให้ทุกคนได้เห็นว่ารัฐบาลและทหารใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมจนถึงแก่ชีวิต

เท่านั้นแหละคนเสื้อแดงก็ออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลมากขึ้นและรุนแรงขึ้น
ผมจะไม่บอกแล้วกันว่าคนเสื้อดำที่ออกมายิงกับทหารคือใคร
แต่แกนนำจะพูดในม็อบทุกครั้งว่า คืนนี้จะเตือนรัฐบาลว่าจะมีชายชุดดำมาสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายคนเสื้อแดง

ประเด็นคือ มันโผล่มายิงกับทหารทุกครั้งที่แกนนำพูด เหมือนนัดกันมา
ทีนี้ทั้งทหารก็ตาย คนเสื้อแดงก็ตาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ใช่เสื้อแดงก็ตาย
แต่ทุกๆคนที่ตาย แกนนำจะมาพูดบนเวทีว่า ทุกคนที่ตายคือการยิงของทหาร
ทั้งๆ ที่มีชายชุดดำออกมายิงด้วยแต่ไม่ด่าชายชุดดำ แถมชมชายชุดดำอีกที่มาช่วยคนเสื้อแดง
แต่แกนนำมักจะพูดเสมอว่าชายชุดดำมาช่วยคนเสื้อแดง
แต่ไม่ใช่พวกเดียวกันกับเสื้อแดง คนฟังอยู่ล่างเวทีก็เฮกันใหญ่

จุดหักเหและหักหลังได้เริ่มต้นขึ้น

ในช่วงวันที่มีสลายการชุมนุม หลายๆจังหวัดก็มีคนเสื้อแดงออกมาเผาศาลากลาง
โดยที่แกนนำเคยบอกว่ากลุ่มคนในจังหวัดไหนที่เผาศาลากลางได้ จะได้เงินคนละ1.5ล้าน
ส่วนในกรุงเทพก็เผาได้ทุกที่ แน่นอนใครๆก็อยากได้เงินออกไปเผากัน เพราะแกนนำบอกว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว การทำลายทรัพย์สินสามารถทำได้เลย
เพราะอภิสิทธิ์ต้องชดใช้ค่าเสียหาย คนแพ้สงครามเป็นคนจ่ายเผาได้เต็มที่
พวกเราชาวเสื้อแดงก็ทำตาม เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องด้วย ได้เงินด้วย

และเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิร์ล และบิ๊กซีราชดำริ เราก็ทั้งเผาและเสียดายของในห้าง
หยิบอะไรได้ก็หยิบกันเพราะเสียดาย ถ้ามันจะไหม้ไฟ

หลังเหตุการณ์สลายชุมนุม มีคนเสื้อแดงมากมายถูกจับด้วยข้อหา ม.112 บ้าง
ข้อหาบุกรุกเผาสถานที่ราชการบ้าง พกอาวุธบ้าง ส่วนชาวบ้านที่ตกค้างอยู่แยกราชประสงค์ที่แกนนำทอดทิ้งไปในตอนนั้น ตอนแรกนึกว่าจะโดนฆ่าแล้วเอาขึ้นรถบรรทุกไปฝังดินแล้ว แต่รัฐบาลพานั่งรถทัวร์พาส่งกลับบ้าน

บางคนอยากกลับนานแล้วแต่แกนนำบอกไม่ให้กลับ
ให้เงินมาแทน และบอกว่าขออยู่ช่วยกันวัน2วันก็ได้กลับแล้ว
สรุปไม่ได้กลับซักที อยู่มาเป็นเดือน

เสื้อแดงที่เข้าคุกมีหลายคนมาก ตอนแรกแกนนำรับปากว่าจะช่วย
ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ขอให้พี่น้องช่วยกันสนับสนุนเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

ทางพรรคสัญญาว่า ทันทีที่เป็นรัฐบาลจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมช่วยคนเสื้อแดงทุกคนให้ออกจากคุก และจะให้เงินชดเชยคนที่ตายให้ครอบครัวละ10ล้าน ไม่ว่าคนที่ตายนั้นจะเป็นคนเสื้อแดงหรือไม่

พวกเราคนเสื้อแดงไม่อยากให้คนเสื้อแดงด้วยกันต้องติดคุกฟรีๆ ตายฟรีๆ
พวกเราคนเสื้อแดงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเพื่อจะช่วยเยียวยาคนสูญเสียโดยเร็วที่สุด
เพราะทุกคนที่เข้าคุกมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวตัวเองพลอยลำบากไปด้วย

แต่หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล พวกเราก็รอว่าเมื่อไหร่กฏหมายนิรโทษจะออก
น่าแปลกใจที่แกนนำที่เป็นคนพูดว่าจะรับผิดชอบแทนพวกเราถ้าพวกเราโดนจับได้ กลับออกจากคุกก่อน
ทั้งๆที่คุณเป็นคนสั่งเผา คุณเป็นคนบอกให้เราตะโกนด่าในหลวง คุณบอกพวกเราว่าในหลวงสั่งทหารยิงพวกเรา

แต่คนที่โดนจับคือพวกเราที่ตะโกนด่า คุณเป็นต้นเสียงบนเวที
แต่ได้ออกจากคุกไปก่อน ได้เป็น ส.ส. ได้เป็นรัฐมนตรี

ดีอยู่บ้างที่ให้เงินชดเชยคนตายแต่ให้เพียง7.5ล้าน
ทั้งๆที่ตอนแรกสัญญาจะให้10ล้าน
แต่หลายๆครอบครัวก็ต้องรับไปดีกว่าไม่ได้อะไร
แค่ไม่เข้าใจว่าไหนๆมันก็เงินภาษีอยู่แล้วทำไมถึงไม่ให้เต็มตามสัญญา

คนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกก็อยู่ลำบาก โดยเฉพาะข้อหา ม.112
โดนคนคุกที่นี่รุมซ้อมและกลั่นแกล้ง นักโทษในคุกที่มีข้อหาฆ่าคนตายเตะคนที่ติดคุกเพราะด่าในหลวง
เตะไปพูดสั่งสอนไปว่า ถึงกูจะฆ่าคนตาย ก็ไม่เลวเท่าคนเสื้อแดงอย่างพวกมึง
คนเสื้อแดงที่ติดคุกก็ได้แต่ร้องขอและสำนึกผิด แล้วรอเมื่อไหร่จะมีกฏหมายนิรโทษจะได้ไปให้พ้นนรกที่นี่

แกนนำที่ตอนแรกที่พ้นโทษออกไปก่อนก็มาเยี่ยมแค่ช่วงแรกพร้อมนักข่าว
และต้อนให้พวกเรามาต้อนรับแต่พอเขาได้เป็น สส. ได้เป็นรัฐมนตรีเขาไม่เคยกลับมาเลย

นี่หรือคนที่บอกว่าผมจะรับผิดชอบเอง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นักโทษคดี112แกนนำจะไม่ให้เข้าใกล้
และออกไม่ให้มาต้อนรับด้วย ไม่รู้เพราะอะไรๆ ทั้งๆที่ตอนอยู่ในม็อบพวกคุณมาเล่าแทบข้างหูพวกเราทุกคนว่า ในหลวงทำอะไรบ้าง แกล้งอะไรเราบ้าง

จนกระทั่งถึงวันที่รัฐบาลจะผ่านกฎหมายนิรโทษเพื่อจะช่วยคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
แต่รัฐบาลกลับแอบเปลี่ยนเนื้อหาในนั้น ให้นิรโทษอภิสิทธิ์กับสุเทพและทหารทั้งหมด แต่ใครที่ผิดมาตรา 112 ไม่นิรโทษ

และที่สำคัญคือแอบแทรกนิรโทษคดีทุจริตของทักษิณตอนปี 47 มาด้วย
พวกเสื้อแดงในคุกถึงกับโกรธแค้นในสิ่งที่รัฐบาลหักหลังเรา

ไหนคุณบอกว่าจะช่วยทุกคน ไหนคุณบอกจะเอาผิดอภิสิทธิ์กับสุเทพ เอาผิดกับทหาร
แต่คุณกลับหักหลังคนเสื้อแดง และทอดทิ้งกลุ่มคดี 112
ทั้งๆ ที่ณัฐวุฒิกับก่อแก้ว เป็นคนที่สอนให้เราด่าในหลวงแท้ๆ กลับได้ดิบได้ดีเป็นสส.

นี่จึงเป็นเชือกเส้นสุดท้ายที่เสื้อแดงที่เป็นกลุ่มต่อต้านปฏิวัติ
และกลุ่มคนรักทักษิณหลายคนทนไม่ได้ ที่แกนนำหักหลังเรา
คุณเอาพวกริเบอรัลมาร่วมด้วย แต่คนรับโทษกลับเป็นพวกเราที่เรียกร้องประชาธิปไตย
พวกแกนนำทอดทิ้งเรา หักหลังเรา แทนที่จะช่วยพวกเราก่อน กลับเลือกช่วยทักษิณก่อน

พอฉบับของวรชัยไม่ผ่าน คุณก็ใช้ฉบับที่ช่วยเฉพาะประชาชนก่อนก็ได้ แต่ไม่ทำ
มันหมายความว่าอะไร แปลว่าถ้าช่วยทักษิณไม่ได้ คุณจะเอาพวกเราอยู่ในคุกต่อไป
เพื่อเป็นตัวประกันใช่หรือไม่ นี่หรือคือความจริงใจ

สิ่งที่คุณป้าปาริชาติพูดที่ราชดำเนิน เป็นความจริง
แต่แกนนำกลับให้เงินผัวป้าปาริชาติเพื่อปกปิดข่าวของเสื้อแดงในคุก
ตอนนี้แกนนำมองเห็นเสื้อแดงเป็นเบี้ยเท่านั้นเอง

ล่าสุดคุณเรียกคนเสื้อแดงมาที่ราชมังคลา
ปากบอกว่าปกป้องรัฐบาล แต่แท้จริงปกป้องตำแหน่งตัวเอง

ผมจะไม่รู้สึกแย่เลยถ้าคุณอยู่เฉยๆ ในราชมังคลาด้วยความสงบเหมือนอีกม็อบนึง
แต่คุณใช้แผนเดิมอีกแล้วที่ต้องการได้ศพคนเสื้อแดง เพื่อสร้างความชอบธรรม
ในการออกมาปกป้องรัฐบาล มันพลาดตรงไหนรู้ไหมครับ

พลาดตรงที่ว่า อีกฝ่ายไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักศึกษารามคำแหง
คุณให้การ์ดนปช. กับนักรบพระองค์ดำไล่ยิงนักศึกษา
คุณไม่รู้เหรอว่าคุณได้เปิดศึกกับคนเสื้อแดงสายในรามคำแหงด้วย

ในรามคำแหงมีเสื้อแดงมากนะครับ
ถ้าคุณสังเกตุดูวันที่หลายมหาวิทยาลัยออกมาต้านนิรโทษกรรม
มหาวิทยาลัยที่ไม่เคลื่อนไหวเลยคือ รามคำแหง

แต่ที่เขาออกมาวันที่ 30 เพราะคุณส่งเสื้อแดงไปรบกวนชาวบ้านนักศึกษา
ไปกรีดรูปพ่อขุนยั่วยุให้เกิดการปะทะ ให้มีศพ
โดยไม่สนใจว่าถึงเป็นเสื้อแดงก็รักสถาบันศึกษา
ทั้งที่ๆณัฐวุฒิกับจตุพรก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่มีสายสัมพันธ์กับรามคำแหง

สิ่งที่คุณทำครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการถอนตัวของคนเสื้อแดงจำนวนมาก
เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆ ชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้
หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้วไม่เอาแล้ว
คุณหักหลังคนเสื้อแดงที่ติดคุก เสื้อแดงรามคำแหง เสื้อแดงริเบอรัล
แต่คุณกลับขอเครื่องราช
เสื้อแดงคดีม.112 ที่คุณรับปากจะช่วยแต่กลับถอดออกจากนิรโทษ

เสื้อแดงที่เอามาทิ้งขว้างในกรุงเทพแล้วปล่อยให้กลับเองทั้ง2ครั้ง
เสื้อแดงที่คุณใช้ให้ไปเผาแต่กลับไม่รับผิดชอบอย่างที่คุณพูดไว้
เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้
หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้ว ไม่เอาแล้ว

ถ้าตอนนี้จะมีฐานเสียงหนุนก็มีแค่พวกเสื้อแดงที่นั่งกดคีย์บอร์ดในโลกไซเบอร์เท่านั้น
แต่คนเสื้อแดงที่เคยเป็นโล่ให้แกนนำในปี53 ที่เคยออกมาลุยด้วยกันจะไม่มีใครออกไปอีกแล้ว

พอกันที เสื้อแดงได้หันไปเข้าร่วมกับม็อบเป่านกหวีด เพราะคุณไม่ฟังเสียงเราเลย
พวกเรายังอยู่ในม็อบนี้ตลอด แต่ไม่สามารถโพสต์อะไรในเฟซบุคได้เลย

ป้าปาริชาติเป็นตัวแทนในกลุ่มพวกเรา ที่กล้าออกหน้าไปพูดบนเวทีราชดำเนินคืนนั้น
โดนเสื้อแดงที่ไหนไม่รู้รุมด่าในเฟซบุค ยังกับไม่เคยมีอุดมการณ์เดียวกัน

ถ้าคุณคิดว่าพวกเราถูกสุเทพจ้างมา คุณจะมาพูดคุยและถามหาในม็อบนกหวีดนี้ก็ได้
ป้ายเสื้อแดงกลับใจในโทรทัศน์ช่องบลูสกายคือพวกเรา
เราจะพาคุณไปพูดคุยเรื่องจริงจากคนในคุก และเสื้อแดงในรามคำแหง

ไอ้อ้วนหรือกบวีรบุรุษกางเกงในนั้นก็คือ พวกเราอดีตกลุ่มเสื้อแดง53
พวกเราเคยเป็นทั้ง2ม็อบ พูดได้เลยว่าต่างกันมากจริงๆกับความจริงใจของคนในม็อบ
การมาเข้ากลุ่มนี้หลายๆคนแสดงตัว ต่างก็โดนคนเสื้อแดงที่เคยรู้จักข่มขู่จะเอาชีวิต
แต่เราไม่กลัว ถ้าคุณอยากจะฆ่าเราเราก็พร้อมจะสู้

ผมรู้คุณจะใช้วิธีเดิมส่งคนเสื้อแดงมาชนกับเรา แต่ขอบอกไว้เลยใจพวกเราไม่เคยยอมแพ้เช่นกัน

สุดท้ายนี้เพื่อนเก่าเสื้อแดงส่งข่าวมาว่าณัฐวุฒิจะรวบรวมคนเสื้อแดงมาชนม็อบนกหวีดในเร็วๆนี้ ถ้าคุณคิดว่ารัฐบาลนี้จริงใจกับคุณ คุณก็มาได้เลย เราไม่ห้าม
เพราะจะได้มีคนอย่างพวกผมมากขึ้น จะได้รู้ทันแกนนำชั่วๆอย่างพวกมันเสียที

คำสารภาพจากแดงเกลียดแกนนำ แฉความหลัง สิ่งนี้มันยาวมากแต่อยากให้อ่าน
Posted by Bunjerds จาก Oknation

คำสารภาพจากแดงเกลียดแกนนำ แฉความหลัง
สิ่งนี้มันยาวมากแต่อยากให้อ่านนะ
Robert Garcia อดีตสหายเสื้อแดงได้ฝากมาให้พี่น้องเสื้อแดงได้อ่านกัน

https://www.facebook.com/profile.php?id=100007214621280
ผมจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะว่าทำไมคนสนับสนุนเสื้อแดงทำไมลดลง

ผมนี่แหละ คือ กลุ่มอดีตเสื้อแดงที่เคยร่วมม็อบในปี53
จะขอเล่าไปถึงกำเนิดที่มาของคนเสื้อแดงให้ฟังกันก่อน

แรกเริ่มเดิมทีนั้นคนสนับสนุนทักษิณจะมีกลุ่มคนรักทักษิณเท่านั้น
แต่ว่าทักษิณมองว่ากลุ่มริเบอรัลต่อต้านระบอบบกษัตริย์ที่มีอยู่ปัจจุบันก็มีไม่น้อย
เลยชักชวนพวกนั้นมาร่วมด้วยเพราะริเบอรัลอยากให้ประเทศไทยไม่มีระบอบกษัตริย์
เพื่อต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแบบอเมริกามีประธานาธิบดีมีอำนาจสูงสุด
ซึ่งมันตรงใจกับทักษิณที่อยากจะเป็นประธานาธิบดีอยู่แล้วแต่ขาดแรงหนุน

กลุ่มริเบอรัลมีไม่น้อยแต่ออกตัวลำบาก มีมานานสมัย6ตุลาแล้ว มีทั้งนักกฎหมาย เด็กนอก นักวิชาการ นักธุรกิจ พวกนักศึกษาหัวก้าวหน้าและอดีตนักโทษยุคคอมมิวนิสต์ที่ได้รับอภัยโทษออกมาหมดแล้ว
หลักๆ ดังๆ ก็มี ชูพงษ์ ถี่ถ้วน .. ใจ อึ้งภากรณ์ .. สุรชัย แซ่ด้าน .. ก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นแกนนำกลุ่มริเบอรัล

พวกริเบอรัลเห็นว่าคนๆเดียวที่มีพาวเวอร์ล้มระบอบกษัตริย์คือทักษิณเท่านั้น
ที่ผ่านมาไม่มีใครที่ทำได้ใกล้เคียงเลยจึงตัดสินใจร่วมมือกัน

ในขณะนั้นเองได้เกิดปฏิวัติรัฐประหารปี49 ก็ได้กลุ่มคนที่รังเกียจการปฏิวัติมาเพิ่มเป็นพวกด้วย
ในยุคแรกๆ ทักษิณและริเบอรัลจึงร่วมมือกันปล่อยข่าวว่า ในหลวงเป็นคนสั่งปฏิวัติ
เพื่อดึงกลุ่มคนต่อต้านปฎิวัติมาเป็นพวกด้วย

เมื่อได้กลุ่มใหญ่มากพอซึ่งประกอบด้วย กลุ่มคนรักทักษิณ กลุ่มริเบอรัล กลุ่มต่อต้านปฏิวัติ
แกนนำจากทั้ง3กลุ่มนี้จึงตกลงใจก่อตั้งกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อช่วยกันสู้กับกลุ่มคนเสื้อเหลืองในขณะนั้น

เมื่ออภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเหตุเพราะกลุ่มเนวินที่เคยสนับสนุนทักษิณได้หักหลัง มาสนับสนุนยกมือโหวตอภิสิทธิ์เป็นนายก ซึ่งถ้าตามกฎหมายก็ถูกแล้วถือว่าเป็นนายกด้วยจำนวนโหวตของสส.เสียงข้างมาก
แต่แกนนำคนเสื้อแดงจะบอกเสมอว่า อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกเพราะทหารแต่งตั้ง

เรื่องนี้ถ้าจะด่าต้องด่าพวกสส.ที่หักหลังถึงจะถูก แต่แกนนำก็สั่งให้ด่าทหารกับในหลวง
และบอกคนเสื้อแดงว่าทุกเรื่องรวมถึงคดีทักษิณต่างโดนอำนาจนอกรัฐธรรมนูญใส่ร้ายทั้งนั้น

ปี52 จึงได้รวมคนเสื้อแดงมาปั่นป่วนแต่ไม่สำเร็จ อภิสิทธิ์ไม่ยอมลาออก เพราะคนไม่มากพอ
แม้จะใช้ความรุนแรงยังไงก็สู้ไม่ได้ เพราะยิ่งเสื้อแดงยิ่งใช้ความรุนแรงเผายาง ปิดถนน เผารถ
ทุบสถานที่สำคัญ ป่วนการประชุมอาเซี่ยน อภิสิทธิ์ก็ยิ่งมีความชอบธรรมที่จะใช้พรบ.มั่นคงและฉุกเฉิน ในการสั่งทหารมาปราบคนเสื้อแดงที่ใช้ความรุนแรงได้ตามกฏหมาย

แต่แน่ละปี52 ไม่มีคนตายมีแต่คนเจ็บ

ปี53 จึงเป็นการวางแผนแก้เกมส์ของทักษิณด้วยการประกาศรวมพลังครั้งใหญ่
แต่งานนี้มีแผน2คือต้องมีศพ ใช่แล้วถ้ามีศพรัฐบาลกับทหารจะหมดความชอบธรรมโดยทันที

คิดดูสิมีคนตายใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์
ยิ่งมีศพมากยิ่งมีประโยชน์ต่อคนเสื้อแดงมาก
ทุกครั้งที่มีเสื้อแดงตายสิ่งที่แกนนำสั่งก็คือให้แห่ศพคนตายไปทั่วๆ
ให้ทุกคนได้เห็นว่ารัฐบาลและทหารใช้ความรุนแรงปราบผู้ชุมนุมจนถึงแก่ชีวิต

เท่านั้นแหละคนเสื้อแดงก็ออกมาร่วมขับไล่รัฐบาลมากขึ้นและรุนแรงขึ้น
ผมจะไม่บอกแล้วกันว่าคนเสื้อดำที่ออกมายิงกับทหารคือใคร
แต่แกนนำจะพูดในม็อบทุกครั้งว่า คืนนี้จะเตือนรัฐบาลว่าจะมีชายชุดดำมาสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายคนเสื้อแดง

ประเด็นคือ มันโผล่มายิงกับทหารทุกครั้งที่แกนนำพูด เหมือนนัดกันมา
ทีนี้ทั้งทหารก็ตาย คนเสื้อแดงก็ตาย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ใช่เสื้อแดงก็ตาย
แต่ทุกๆคนที่ตาย แกนนำจะมาพูดบนเวทีว่า ทุกคนที่ตายคือการยิงของทหาร
ทั้งๆ ที่มีชายชุดดำออกมายิงด้วยแต่ไม่ด่าชายชุดดำ แถมชมชายชุดดำอีกที่มาช่วยคนเสื้อแดง
แต่แกนนำมักจะพูดเสมอว่าชายชุดดำมาช่วยคนเสื้อแดง
แต่ไม่ใช่พวกเดียวกันกับเสื้อแดง คนฟังอยู่ล่างเวทีก็เฮกันใหญ่

จุดหักเหและหักหลังได้เริ่มต้นขึ้น

ในช่วงวันที่มีสลายการชุมนุม หลายๆจังหวัดก็มีคนเสื้อแดงออกมาเผาศาลากลาง
โดยที่แกนนำเคยบอกว่ากลุ่มคนในจังหวัดไหนที่เผาศาลากลางได้ จะได้เงินคนละ1.5ล้าน
ส่วนในกรุงเทพก็เผาได้ทุกที่ แน่นอนใครๆก็อยากได้เงินออกไปเผากัน เพราะแกนนำบอกว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว การทำลายทรัพย์สินสามารถทำได้เลย
เพราะอภิสิทธิ์ต้องชดใช้ค่าเสียหาย คนแพ้สงครามเป็นคนจ่ายเผาได้เต็มที่
พวกเราชาวเสื้อแดงก็ทำตาม เพราะคิดว่าสิ่งที่ทำถูกต้องด้วย ได้เงินด้วย

และเหตุการณ์เผาเซ็นทรัลเวิร์ล และบิ๊กซีราชดำริ เราก็ทั้งเผาและเสียดายของในห้าง
หยิบอะไรได้ก็หยิบกันเพราะเสียดาย ถ้ามันจะไหม้ไฟ

หลังเหตุการณ์สลายชุมนุม มีคนเสื้อแดงมากมายถูกจับด้วยข้อหา ม.112 บ้าง
ข้อหาบุกรุกเผาสถานที่ราชการบ้าง พกอาวุธบ้าง ส่วนชาวบ้านที่ตกค้างอยู่แยกราชประสงค์ที่แกนนำทอดทิ้งไปในตอนนั้น ตอนแรกนึกว่าจะโดนฆ่าแล้วเอาขึ้นรถบรรทุกไปฝังดินแล้ว แต่รัฐบาลพานั่งรถทัวร์พาส่งกลับบ้าน

บางคนอยากกลับนานแล้วแต่แกนนำบอกไม่ให้กลับ
ให้เงินมาแทน และบอกว่าขออยู่ช่วยกันวัน2วันก็ได้กลับแล้ว
สรุปไม่ได้กลับซักที อยู่มาเป็นเดือน

เสื้อแดงที่เข้าคุกมีหลายคนมาก ตอนแรกแกนนำรับปากว่าจะช่วย
ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ขอให้พี่น้องช่วยกันสนับสนุนเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

ทางพรรคสัญญาว่า ทันทีที่เป็นรัฐบาลจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมช่วยคนเสื้อแดงทุกคนให้ออกจากคุก และจะให้เงินชดเชยคนที่ตายให้ครอบครัวละ10ล้าน ไม่ว่าคนที่ตายนั้นจะเป็นคนเสื้อแดงหรือไม่

พวกเราคนเสื้อแดงไม่อยากให้คนเสื้อแดงด้วยกันต้องติดคุกฟรีๆ ตายฟรีๆ
พวกเราคนเสื้อแดงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเพื่อจะช่วยเยียวยาคนสูญเสียโดยเร็วที่สุด
เพราะทุกคนที่เข้าคุกมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก บางคนเป็นหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวตัวเองพลอยลำบากไปด้วย

แต่หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล พวกเราก็รอว่าเมื่อไหร่กฏหมายนิรโทษจะออก
น่าแปลกใจที่แกนนำที่เป็นคนพูดว่าจะรับผิดชอบแทนพวกเราถ้าพวกเราโดนจับได้ กลับออกจากคุกก่อน
ทั้งๆที่คุณเป็นคนสั่งเผา คุณเป็นคนบอกให้เราตะโกนด่าในหลวง คุณบอกพวกเราว่าในหลวงสั่งทหารยิงพวกเรา

แต่คนที่โดนจับคือพวกเราที่ตะโกนด่า คุณเป็นต้นเสียงบนเวที
แต่ได้ออกจากคุกไปก่อน ได้เป็น ส.ส. ได้เป็นรัฐมนตรี

ดีอยู่บ้างที่ให้เงินชดเชยคนตายแต่ให้เพียง7.5ล้าน
ทั้งๆที่ตอนแรกสัญญาจะให้10ล้าน
แต่หลายๆครอบครัวก็ต้องรับไปดีกว่าไม่ได้อะไร
แค่ไม่เข้าใจว่าไหนๆมันก็เงินภาษีอยู่แล้วทำไมถึงไม่ให้เต็มตามสัญญา

คนเสื้อแดงที่อยู่ในคุกก็อยู่ลำบาก โดยเฉพาะข้อหา ม.112
โดนคนคุกที่นี่รุมซ้อมและกลั่นแกล้ง นักโทษในคุกที่มีข้อหาฆ่าคนตายเตะคนที่ติดคุกเพราะด่าในหลวง
เตะไปพูดสั่งสอนไปว่า ถึงกูจะฆ่าคนตาย ก็ไม่เลวเท่าคนเสื้อแดงอย่างพวกมึง
คนเสื้อแดงที่ติดคุกก็ได้แต่ร้องขอและสำนึกผิด แล้วรอเมื่อไหร่จะมีกฏหมายนิรโทษจะได้ไปให้พ้นนรกที่นี่

แกนนำที่ตอนแรกที่พ้นโทษออกไปก่อนก็มาเยี่ยมแค่ช่วงแรกพร้อมนักข่าว
และต้อนให้พวกเรามาต้อนรับแต่พอเขาได้เป็น สส. ได้เป็นรัฐมนตรีเขาไม่เคยกลับมาเลย

นี่หรือคนที่บอกว่าผมจะรับผิดชอบเอง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นักโทษคดี112แกนนำจะไม่ให้เข้าใกล้
และออกไม่ให้มาต้อนรับด้วย ไม่รู้เพราะอะไรๆ ทั้งๆที่ตอนอยู่ในม็อบพวกคุณมาเล่าแทบข้างหูพวกเราทุกคนว่า ในหลวงทำอะไรบ้าง แกล้งอะไรเราบ้าง

จนกระทั่งถึงวันที่รัฐบาลจะผ่านกฎหมายนิรโทษเพื่อจะช่วยคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
แต่รัฐบาลกลับแอบเปลี่ยนเนื้อหาในนั้น ให้นิรโทษอภิสิทธิ์กับสุเทพและทหารทั้งหมด แต่ใครที่ผิดมาตรา 112 ไม่นิรโทษ

และที่สำคัญคือแอบแทรกนิรโทษคดีทุจริตของทักษิณตอนปี 47 มาด้วย
พวกเสื้อแดงในคุกถึงกับโกรธแค้นในสิ่งที่รัฐบาลหักหลังเรา

ไหนคุณบอกว่าจะช่วยทุกคน ไหนคุณบอกจะเอาผิดอภิสิทธิ์กับสุเทพ เอาผิดกับทหาร
แต่คุณกลับหักหลังคนเสื้อแดง และทอดทิ้งกลุ่มคดี 112
ทั้งๆ ที่ณัฐวุฒิกับก่อแก้ว เป็นคนที่สอนให้เราด่าในหลวงแท้ๆ กลับได้ดิบได้ดีเป็นสส.

นี่จึงเป็นเชือกเส้นสุดท้ายที่เสื้อแดงที่เป็นกลุ่มต่อต้านปฏิวัติ
และกลุ่มคนรักทักษิณหลายคนทนไม่ได้ ที่แกนนำหักหลังเรา
คุณเอาพวกริเบอรัลมาร่วมด้วย แต่คนรับโทษกลับเป็นพวกเราที่เรียกร้องประชาธิปไตย
พวกแกนนำทอดทิ้งเรา หักหลังเรา แทนที่จะช่วยพวกเราก่อน กลับเลือกช่วยทักษิณก่อน

พอฉบับของวรชัยไม่ผ่าน คุณก็ใช้ฉบับที่ช่วยเฉพาะประชาชนก่อนก็ได้ แต่ไม่ทำ
มันหมายความว่าอะไร แปลว่าถ้าช่วยทักษิณไม่ได้ คุณจะเอาพวกเราอยู่ในคุกต่อไป
เพื่อเป็นตัวประกันใช่หรือไม่ นี่หรือคือความจริงใจ

สิ่งที่คุณป้าปาริชาติพูดที่ราชดำเนิน เป็นความจริง
แต่แกนนำกลับให้เงินผัวป้าปาริชาติเพื่อปกปิดข่าวของเสื้อแดงในคุก
ตอนนี้แกนนำมองเห็นเสื้อแดงเป็นเบี้ยเท่านั้นเอง

ล่าสุดคุณเรียกคนเสื้อแดงมาที่ราชมังคลา
ปากบอกว่าปกป้องรัฐบาล แต่แท้จริงปกป้องตำแหน่งตัวเอง

ผมจะไม่รู้สึกแย่เลยถ้าคุณอยู่เฉยๆ ในราชมังคลาด้วยความสงบเหมือนอีกม็อบนึง
แต่คุณใช้แผนเดิมอีกแล้วที่ต้องการได้ศพคนเสื้อแดง เพื่อสร้างความชอบธรรม
ในการออกมาปกป้องรัฐบาล มันพลาดตรงไหนรู้ไหมครับ

พลาดตรงที่ว่า อีกฝ่ายไม่ใช่ทหาร แต่เป็นนักศึกษารามคำแหง
คุณให้การ์ดนปช. กับนักรบพระองค์ดำไล่ยิงนักศึกษา
คุณไม่รู้เหรอว่าคุณได้เปิดศึกกับคนเสื้อแดงสายในรามคำแหงด้วย

ในรามคำแหงมีเสื้อแดงมากนะครับ
ถ้าคุณสังเกตุดูวันที่หลายมหาวิทยาลัยออกมาต้านนิรโทษกรรม
มหาวิทยาลัยที่ไม่เคลื่อนไหวเลยคือ รามคำแหง

แต่ที่เขาออกมาวันที่ 30 เพราะคุณส่งเสื้อแดงไปรบกวนชาวบ้านนักศึกษา
ไปกรีดรูปพ่อขุนยั่วยุให้เกิดการปะทะ ให้มีศพ
โดยไม่สนใจว่าถึงเป็นเสื้อแดงก็รักสถาบันศึกษา
ทั้งที่ๆณัฐวุฒิกับจตุพรก็เป็นศิษย์เก่าที่นี่มีสายสัมพันธ์กับรามคำแหง

สิ่งที่คุณทำครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดการถอนตัวของคนเสื้อแดงจำนวนมาก
เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆ ชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้
หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้วไม่เอาแล้ว
คุณหักหลังคนเสื้อแดงที่ติดคุก เสื้อแดงรามคำแหง เสื้อแดงริเบอรัล
แต่คุณกลับขอเครื่องราช
เสื้อแดงคดีม.112 ที่คุณรับปากจะช่วยแต่กลับถอดออกจากนิรโทษ

เสื้อแดงที่เอามาทิ้งขว้างในกรุงเทพแล้วปล่อยให้กลับเองทั้ง2ครั้ง
เสื้อแดงที่คุณใช้ให้ไปเผาแต่กลับไม่รับผิดชอบอย่างที่คุณพูดไว้
เสื้อแดงที่รับโทษ ญาติๆ เพื่อนๆชาวเสื้อแดงที่ถูกหักหลังครั้งนี้
หลายพันคนต่างก็เลิกสนับสนุนรัฐบาลนี้แล้ว ไม่เอาแล้ว

ถ้าตอนนี้จะมีฐานเสียงหนุนก็มีแค่พวกเสื้อแดงที่นั่งกดคีย์บอร์ดในโลกไซเบอร์เท่านั้น
แต่คนเสื้อแดงที่เคยเป็นโล่ให้แกนนำในปี53 ที่เคยออกมาลุยด้วยกันจะไม่มีใครออกไปอีกแล้ว

พอกันที เสื้อแดงได้หันไปเข้าร่วมกับม็อบเป่านกหวีด เพราะคุณไม่ฟังเสียงเราเลย
พวกเรายังอยู่ในม็อบนี้ตลอด แต่ไม่สามารถโพสต์อะไรในเฟซบุคได้เลย

ป้าปาริชาติเป็นตัวแทนในกลุ่มพวกเรา ที่กล้าออกหน้าไปพูดบนเวทีราชดำเนินคืนนั้น
โดนเสื้อแดงที่ไหนไม่รู้รุมด่าในเฟซบุค ยังกับไม่เคยมีอุดมการณ์เดียวกัน

ถ้าคุณคิดว่าพวกเราถูกสุเทพจ้างมา คุณจะมาพูดคุยและถามหาในม็อบนกหวีดนี้ก็ได้
ป้ายเสื้อแดงกลับใจในโทรทัศน์ช่องบลูสกายคือพวกเรา
เราจะพาคุณไปพูดคุยเรื่องจริงจากคนในคุก และเสื้อแดงในรามคำแหง

ไอ้อ้วนหรือกบวีรบุรุษกางเกงในนั้นก็คือ พวกเราอดีตกลุ่มเสื้อแดง53
พวกเราเคยเป็นทั้ง2ม็อบ พูดได้เลยว่าต่างกันมากจริงๆกับความจริงใจของคนในม็อบ
การมาเข้ากลุ่มนี้หลายๆคนแสดงตัว ต่างก็โดนคนเสื้อแดงที่เคยรู้จักข่มขู่จะเอาชีวิต
แต่เราไม่กลัว ถ้าคุณอยากจะฆ่าเราเราก็พร้อมจะสู้

ผมรู้คุณจะใช้วิธีเดิมส่งคนเสื้อแดงมาชนกับเรา แต่ขอบอกไว้เลยใจพวกเราไม่เคยยอมแพ้เช่นกัน

สุดท้ายนี้เพื่อนเก่าเสื้อแดงส่งข่าวมาว่าณัฐวุฒิจะรวบรวมคนเสื้อแดงมาชนม็อบนกหวีดในเร็วๆนี้ ถ้าคุณคิดว่ารัฐบาลนี้จริงใจกับคุณ คุณก็มาได้เลย เราไม่ห้าม
เพราะจะได้มีคนอย่างพวกผมมากขึ้น จะได้รู้ทันแกนนำชั่วๆอย่างพวกมันเสียที

บันทึกมอเตอร์ไซค์ เอร์เนสโต ‘เช’ เกวารา

บันทึกมอเตอร์ไซค์ เอร์เนสโต ‘เช’ เกวารา

บางส่วนของคำสรรเสริญ บันทึกมอเตอร์ไซค์’ โดยสื่อมวลชน:

- - - - - - -
“นี่คือการเดินทางเพื่อค้นพบซึ่งกลายเป็นการค้นพบตนเองไปด้วยเรื่องนี้เกี่ยวกับการเลือกสรรทางอารมณ์หรือทางการเมืองเรื่องของการค้นหามิตรภาพเรื่องของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในที่สุดแล้วนี่คือการแสวงหาที่ทางของใครก็ตามในโลกนี้– ที่ทางที่มีคุณค่ามากพอแก่การต่อสู้เพื่อให้ได้มา”
–วอลเตอร์ซัลเลสผู้กำกับภาพยนตร์บันทึกมอเตอร์ไซค์   
- - - - - - -

ดาสคาปิตัล เจอกับอีซี่ ไรเดอร์
– Times
- - - - - - -

“เจมส์ดีนภาคละตินอเมริกัน หรือ แจ็ค คาโรแอค”
– Washington Post
- - - - - - -

“เรื่องเล่าโดยประสบการณ์ของผู้เขียนเองที่น่าสนใจยิ่งหากโลกรู้จักเชเกวาราในฐานะ‘คนใหม่’ อย่างที่เขาเป็นอยู่แล้วในบันทึกมอเตอร์ไซค์นี้เราจะได้รู้จักบุคคลนี้ขณะกำลังก่อร่างขึ้นมันช่วยเสริมภาพของเขาขึ้นอีกเท่าตัวส่อแสดงให้เห็นว่ามนุษยชาติมีแง่มุมอันหยาบกร้านมากพอเชิญชวนให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน”
– Los Angeles Times
- - - - - - -

“ในทุกๆการเผ่นหนีด้วยอาการตัวตลกแสบของคู่หูพเนจรเจ้าสำราญยังมีชั่วขณะแห่งการตาสว่างปะปนอยู่ด้วยอย่างสมน้ำสมเนื้อกันในพัฒนาการของอนาคตผู้นำการปฏิวัติคนนี้เมื่อจบสิ้นการระหกระเหินพเนจรเที่ยวนี้ลงเกวาราผู้ถูกการเมืองเข้าสิงก้าวปรากฏตัวออกมาพยากรณ์อนาคตอันเป็นตำนานของเขาเอง”
– Time
- - - - - - -

“มีลักษณะน่าเวทนาแทรกอยู่ในหน้าเหล่านี้– ความน่าเวทนาของเชเอง ซึ่งช่างครุ่นคิดไม่สร่างซายินดีจะสละทุกสิ่งอยู่ไม่คลายร้อนรุ่มอยู่ด้วยความผิดบาปต่อความมีอภิสิทธิ์ของตนเองและไม่เคยยอมให้ความทุกข์ร้อนของตนเองมาขวางกั้นหนทางของเขา”
– New Yorker
- - - - - - -

“นักปฏิวัติผู้ขายดีสุด... ใช่แล้ว บางทีพวกมาร์กซิสต์ก็อยากเล่นสนุกบ้าง”
– Guardian
- - - - - - -

บันทึกมอเตอร์ไซค์ผสมผสานบทนิราศการผจญภัยของวัยเยาว์และการวิเคราะห์ทางการเมืองวิพากษ์จักรวรรดินิยมเข้าไว้ด้วยกัน... ข้อเขียนอันจริงใจเล่มนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการค้นพบตนเองส่วนหนึ่งเป็นงานฝึกภาคสนามเรืองรองอยู่ด้วยเค้าลางของอนาคตนักปฏิวัติ”
– Publishers’ Weekly
- - - - - - -

“สิ่งที่ทำให้บันทึกเหล่านี้โดดเด่น... คือมันเผยให้เห็นด้านที่เป็นมนุษย์ของ‘เอลเช’ ซึ่งเป็นด้านที่พวกนักประวัติศาสตร์ได้กดทับมันไว้จนสำเร็จในหลายๆหน้าของบันทึกอันน่าทึ่งอย่างยิ่งนี้... ทำให้ใครก็ตามรู้สึกถึงความศรัทธาของ‘เอลเช’ ว่าความมุ่งมั่นและสำนึกหนักแน่นเป็นสิ่งเพียงพอเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองและผู้อื่น... บันทึกนี้คือความสุขหรรษาสำหรับการอ่านจากต้นจนจบ”
– Financial Times
- - - - - - -

“เห็นได้ชัดว่าการตระเวนครั้งนี้เป็นการก่อร่างอิทธิพลของแนวคิดแพนอเมริกันของเชขึ้นและเป็นพัฒนาการสำนึกแห่งนักปฏิวัติของเขา... เนื่องจากผลของความผิดบาปทางการเมืองมีอยู่ทุกหนแห่ง... หนังสือเล่มนี้น่ามีส่วนอย่างมากในการให้ภาพมนุษย์แก่ชายคนหนึ่งที่ถูกจับขึ้นแท่นบูชาเสมือนเทพเจ้าในฐานะรูปเคารพทางวัฒนธรรมระหว่างปลายทศวรรษที่60 และช่างบังเอิญเหลือเกินที่เป็นหนังสือท่องเที่ยวเกี่ยวกับอเมริกาใต้ที่ดีอีกด้วย”
The Scotsman
- - - - - - -

“โลกทัศน์ของพวกนอกรีตในแบบสูงสง่า ไม่ว่าเป็นนักรบเพื่อเสรีภาพหรือนักมอเตอร์ไซค์... เติมความหวังให้แก่พวกเบื่อโลกทั้งที่เป็นนักปฏิวัติและไม่ได้เป็นพอกัน”
– Weekend Telegraph
- - - - - - -

“วีรบุรุษนักปฏิวัติด้านการเมืองที่ถูกควรน่ะหรือ?อาจเป็นได้แต่ต้องหลังจากนั้นหลายปีแต่โดยเนื้อหาเรื่องนี้เชเกวาราก็คือเจ้าหนุ่มน้อยคนหนึ่งในหมู่พวกเรา”
– Bike (จักรยานยนต์)
- - - - - - -

“แน่นอนว่าเชคือผู้สังเกตการณ์สายตาแหลมคมต่อสิ่งที่เขาเรียกว่าชาติพันธุ์มนุษย์ที่‘แปลกประหลาด’ อย่างยิ่ง... ความยิ่งใหญ่ของหนังสือนี้อยู่ตรงที่ว่า เช เกวาราไม่เคยทำตัวน่าเบื่อหน่าย  มันสร้างความพึงใจให้ทั้งด้านเรื่องเดินทางท่องเที่ยวที่น่าเพลิดเพลินและตำนานหนึ่งที่แสดงถึงพัฒนาการของบุคคลสำคัญที่สุดแสนโรแมนติกคนหนึ่งในศตวรรษนี้”
– Literary Review
- - - - - - -

“หนังสือนี้ควรค่าแก่การอ่านมากกว่าเรื่องคุณสมบัติความแปลกใหม่ของมันระหว่างสัญจรไปทั่วละตินอเมริกาผ่านเทือกแอนดีสและป่าฝนหนาทึบบันทึกของเชเต็มไปด้วยการสังเกตการณ์ตามแบบฉบับของเขาเองความผิดพลาดที่น่าขันและความเข้าใจมนุษย์”
– Briefing
- - - - - - -

“เชเขียนหนังสือด้วยไหวพริบและทักษะสูงให้ความเห็นแจ้งแก่โลกที่ส่งอิทธิพลหล่อหลอมความเชื่อของเขา... ผู้อ่านสามารถมองเห็นเขาผสมผสานมโนทัศน์ด้านต่างๆ มาเชื่อมโยงกัน ซึ่งจะก่อร่างอนาคตทางการเมืองของเขาในเวลาต่อมา”
– Impact

"ผู้ตรวจการแผ่นดินแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมในการตรวจสอบของภาครัฐ"

รสนา โตสิตระกูล

รายงานผลการตรวจสอบของผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อวันที่ 4กันยายน 2557สวนทางกับคำแก้ตัวของปตท.ในประเด็นเรื่องคืนท่อก๊าซธรรมชาติให้รัฐครบถ้วนแล้ว

ความตอนหนึ่ง ผู้ตรวจการแผ่นดินบรรยายว่า "แต่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กลับยื่นคำร้องรายงานสรุปการดำเนินการตามคำพิพากษาโดยรายงานต่อศาลว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลแล้ว แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าข้อมูลการแบ่งแยกทรัพย์สินที่ส่งคืนให้กระทรวงการคลังที่รายงานต่อศาลยังไม่ได้รับการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน และลัดขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญในการแบ่งแยกทรัพย์สิน อำนาจ และสิทธิดังกล่าวออกจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ จึงเป็นกรณีที่กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี"

และผู้ตรวจการแผ่นดินได้ระบุอีกตอนหนึ่งว่า "ดังนั้นการกล่าวอ้างของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในคำร้องที่ยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดที่ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดครบถ้วนแล้ว จึงเป็นการรายงานที่เป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดที่ส่งผลต่อการพิจารณาการบังคับคดีของศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้"

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ระบุอีกว่า "การไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีอาจมีผลเป็นความผิดวินัยตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.๒๕๕๑ เป็นความรับผิดทางแพ่ง (ละเมิด) ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.๒๕๓๙ เป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา หรือเป็นความรับผิดในคดีปกครองที่อาจถูกฟ้องต่อศาลปกครองให้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้เพิกถอนการกระทำที่ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีได้ ซึ่งการที่กระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานไม่ดำเนินการทบทวนการแบ่งแยกทรัพย์สินดังกล่าวตามความเห็นและผลการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งคณะรัฐมนตรีมอบหมาย จึงเป็นการที่หน่วยงานดังกล่าวไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี"

สำหรับท่อส่งก๊าซในทะเลที่ปตท.อ้างว่าเป็นของตนเอง โดยยกข้ออ้างทางกฎหมายว่าอยู่นอกเขต12ไมล์ทะเลจึงไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทยบ้างล่ะ หรืออ้างว่า ท่อก๊าซไม่ได้ติดตรึงกับที่ดินจึงไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์บ้างล่ะ หรืออ้างไปว่าใช้เงินของปตท.สมัยที่ยังเป็นการปิโตรเลียมสร้างเองบ้างล่ะ ผู้ตรวจการแผ่นดินได้หักล้างด้วยข้อกฎหมายดังนี้

" สำหรับท่อส่งก๊าซในทะเลเพื่อใช้ในการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อเป็นการวางอยู่บนดินใต้ทะเลโดยที่ดินที่ใช้ในการวางท่อในทะเลถือเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามมาตรา ๑๓๐๔ (๒) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์การที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยดำเนินการวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในทะเลบนที่ดินดังกล่าวจึงเป็นการอาศัยอำนาจมหาชนเหนือเอกชนในการวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในทะเลตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๑ และเป็นกรรมสิทธิ์ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยตามมาตรา ๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงอนุมานได้ว่าระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในทะเลเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน โดยเฉพาะตามมาตรา ๑๓๐๔ (๓) เเห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ไม่ส่งมอบระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อในทะเลให้กับกระทรวงการคลัง จึงขัดกับหลักการแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๐๕ที่บัญญัติว่าทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันมิได้"

ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสือถึงพล.อ.อ ประจิน จั่นตองรองฯคสช.ฝ่ายเศรษฐกิจขอให้

" 1) ทบทวนการแบ่งแยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สิทธิการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกจากอำนาจและสิทธิของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ด้วยการหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษา ตามความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในประเด็นทรัพย์สินที่ยังไม่ได้แบ่งแยกเนื่องจากการใช้อำนาจมหาชนตามพระราชบัญญัติการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๒๑ และประเด็นเรื่องความเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะของท่อก๊าซทั้งบนบกและในทะเล และให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับรองความถูกต้องในการแบ่งแยกทรัพย์สินให้เป็นไปตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ ต่อไป

2) ดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินและโอนทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยให้กระทรวงการคลังตามมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๔ จำนวน ๖๘,๕๖๙,๖๙๐,๕๖๙.๘๒ บาท ทั้งจำนวน รวมทั้งค่าตอบแทน ผลประโยชน์อื่นใดจากการใช้ทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ได้แก่ ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร อุปกรณ์และทรัพย์สินอื่น และสิทธิหรือสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้อาศัยใช้ประโยชน์ในการประกอบกิจการ พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายให้ครบถ้วนต่อไป

3) พิจารณานำข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียน ความเห็นและข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดินดังกล่าวไปเป็นข้อมูลประกอบในการปฏิรูปพลังงานต่อไป "
ปัญหาการคืนทรัพย์สินท่อก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์ที่รวมกันเป็นระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อที่ไม่ครบถ้วนนั้นเกิดจากการที่ข้าราชการในหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษา และตามมติคณะรัฐมนตรี ไปมีตำแหน่งเป็นกรรมการในบริษัทปตท.จึงเป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ส่วนรวมของข้าราชการเหล่านั้น

จึงฝากเป็นข้อสังเกตเรื่องที่จะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ตีความคำพิพากษานั้น โปรดเลือกบุคคลที่ไม่เคยเป็นบอร์ดปตท.มาเป็นผู้พิจารณา เพื่อป้องกันความเอนเอียงที่เกิดจากผลประโยชน์ทับซ้อน ดังจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเป็นกรรมการในบมจ.ปตท. จึงสามารถตัดสินเรื่องการคืนสาธารณสมบัติของชาติได้อย่างอิสระ และเที่ยงธรรม

ขอขอบคุณสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ผู้ตรวจการแผ่นดินที่ได้แสดงความกล้าหาญทางจริยธรรมในฐานะองค์กรภาครัฐในการตรวจสอบอย่างเที่ยงธรรม และคุ้มครองสาธารณสมบัติของแผ่นดินแทนประชาชนคนไทย

ปรับเปลี่ยนรายการคืนความสุข?

น่าสนใจอย่างยิ่งในวันแถลงนโยบายรัฐบาล 12 ก.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์จะร่ายยาวนโยบาย 11 ด้าน จำนวน 23 หน้าคนเดียว แล้วในช่วงเย็นจะมีการจัดรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” อีกหรือไม่อย่างไร เพราะรัฐบาลโดยโฆษกจำเป็นช่วงนี้อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกฯ บอกเองว่า คสช.จะลดบทบาทลง การจัดรายการดังกล่าวของหัวหน้า คสช.ก็น่าจะปรับเปลี่ยนไปด้วยจริงไหม..

พูดถึงตำแหน่งต่างๆ ที่จะติดตามจากรัฐมนตรีต่างๆ นั้นที่น่าสนใจคือ “เก้าอี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” หรือโฆษกรัฐบาล ซึ่งก็เป็นกระบอกเสียงและหน้าตา กระแสที่มาแรงช่วงนี้คงไม่พ้น “พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” โฆษกกองทัพบก แต่ที่ราศีจับกว่าใครๆ คงไม่พ้น “พล.อ.วิลาศ อรุณศรี” อดีตผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ที่มาแรงเหลือเกินในตำแหน่งเก้าอี้นายกฯ เล็ก อย่าง “เลขาธิการนายกรัฐมนตรี” เพราะดูง่ายๆ ขนาด “บิ๊กตู่” เหยียบย่างเข้าทำเนียบฯ ครั้งแรกในการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “พล.อ.วิลาศ” ก็มารอต้อนรับที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว งานนี้เก้าอี้คงไม่หนีไปไหนจริงไหม