PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว10ก.พ.58

ความมั่นคง

ประชุม ครม. วันนี้ พล.อ.ประวิตร นั่งหัวโต๊ะ ขณะ นายกฯ มีกำหนดกลับถึงไทยช่วงค่ำวันนี้ 

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ ในเวลาประมาณ 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยังคงอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ ในระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ.นี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการเดินทางกลับถึงประเทศไทย ในเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันนี้  

ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นที่น่าสนใจนั้น ในเวลาประมาณ 14.30 น. นายมาร์ค แอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนต์ (H.E. Mr. Mark Andrew Geoffrey Kent) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้า
เยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1
-------------
ทนายความ นปช. เตรียมยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง-ขอปล่อยตัวชั่วคราว "กฤษณ์" ต่อศาลทหาร

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ มีความเเน่นอนแล้วว่า ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จะนำตัว นายกฤษณ์ บุดดีจีน ผู้เผยแพร่แถลงการณ์ปลอม มาขออำนาจศาลทหารฝากขัง จากข้อกล่าวหาตาม มาตรา 112 เเละ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) (4) (5) โดยวันนี้ทนายความจะยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง พร้อมคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่หากศาลไม่อนุมัติจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศาล เพราะจากการสอบถาม นายกฤษณ์ พบว่าไม่มีเจตนาอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน เป็นเพียงการแชร์ข้อมูลทั่วไป แต่เมื่อไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการ จึงลบข้อความออกจากโซเชียลมีเดีย สำหรับช่วงเวลาที่ นายกฤษณ์ ถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก ได้รับการดูแลจากทหารภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นอย่างดี
---------------
เครือข่าย ปชช. ปกป้องประเทศ-สภาปฏิรูปพลังงานไทย ยื่น ป.ป.ช. สอบ "ณรงค์ชัย-คกก.ปิโตรเลียม-อารีพงศ์-คุรุจิต-พวงทิพย์"

บรรยากาศที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในช่วงเช้าวันนี้ กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ สภาธรรมาภิบาล สภาปฏิรูปพลังงานไทย นำโดย น.ส.สมนึก คำผ่อง เดินทางมายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, คณะกรรมการปิโตรเลียม, นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน, นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน และ นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิง ว่า เข้าข่ายมีความผิดทุจริตต่อการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในพฤติการณ์ที่ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากกรณีที่สนับสนุนให้เปิดสัมปทานปิโตรเลียม ครั้งที่ 21 หรือไม่

ทั้งนี้ ทางกลุ่มฯ ได้บอกว่าถึงแนวทางการเคลื่อนไหวด้วยว่า ขอเรียกร้องให้มวลชนออกมาแสดงพลังครั้งใหญ่ใน 16 ก.พ. 58 ที่ทำเนียบรัฐบาล และยืนยันจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ จนกว่าจะได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
---------------------
ทูตสหราชอาณาจักรเผยอังกฤษยังเป็นมิตรกับไทยทุกด้าน พร้อมร่วมมือเขียน รธน. หากเป็นประโยชน์ 

นายมาร์ค แอนดรูว์ เจฟฟรีย์ เคนต์ (H.E. Mr. Mark Andrew Geoffrey Kent) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการเข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่
ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า ความสัมพันธ์และท่าทีของประเทศอังกฤษยังคงเป็นมิตรกับประเทศไทยในทุกด้าน

นอกจากนี้ การเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญที่อังกฤษยินดีร่วมมือกับไทย หากเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะไทยเป็นประเทศต้องเดินหน้าพัฒนาต่อไป อย่างไรก็ตาม การปกครองเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและประชาชนไทย ซึ่งหากประเทศอังกฤษมีความเป็นห่วงสิ่งใดจะส่งข้อความมายังรัฐบาลไทยให้รับทราบต่อไป
-------------------------
โฆษก สตช. เผย คืบหน้าคดีความมั่นคง ทั้ง ระเบิดพารากอน แถลงการณ์ปลอม ไฟไหม้ไทยพาณิชย์ ไม่โยงกลุ่มเดียวกัน ยันคดีคืบหน้าทุกคดี

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะ โฆษก สตช. เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ตามที่เกิดคดีที่ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เกี่ยวเนื่องกับความมั่นคง ทั้งคดีวางระเบิดทางเชื่อมสยามพารากอน คดีแถลงการณ์ปลอม หรือ คดีเพลิงไหม้ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ยืนยันว่า ทั้ง 3 คดี ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เป็นคนละกลุ่มที่ก่อเหตุ คดีเพลิงไหม้ไทยพาณิชย์ ก็เช่นกัน ยังชี้ชัดว่าจากอุบัติเหตุ หรือลอบวางเพลิง

โฆษก สตช.กล่าวอีกว่า คดีระเบิดพารากอน นั้น มีความคืบหน้ามากแล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่า ผู้ก่อเหตุ 2 คน ที่ออกหมายจับไปแล้วคือใคร และไม่ชัดเจนว่ายังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ แต่ ตร.ก็พยายามที่จะหาตัวมาให้ได้ เพื่อคลี่คลายคดีถึงคนบงการ ส่วนคดีแถลงการณ์ปลอมนั้น หลังจากจับตัวการระดับหัวได้ 1 คน ก็เริ่มจะเข้าใกล้คนบงการตัวจริงเช่นกัน ส่วนคดีเพลิงไหม้ ธ.ไทยพาณิชย์ นั้น ไม่ใช่เรื่องการสร้างสถานการณ์แน่ แต่จะเป็นอุบัติเหตุ ความประมาท หรือวางเพลิงนั้น ต้องรอผลพิสูจน์ของ พฐ. อีกครั้งหนึ่งก่อน
--------------------
ผกก.อีโอดี เผย ผบ.ตร. กำชับเฝ้าระวังดูแลจุดเสี่ยง กทม. ป้องเหตุป่วนเมือง ไม่ได้เข้าตรวจเหตุระเบิดที่สรรพาวุธ 

พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี กองบังคับการสายตรวจ ปฏิบัติการพิเศษ บช.น. เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ตามที่ทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกับกำลังพลในสังกัดวานนี้นั้น ได้กำชับให้ ทาง อีโอดี ดูแลเฝ้าระวังตรวจตราวัตถุต้องสงสัย ในจุดเสี่ยงใน กทม. ให้เข้มข้นมากขึ้น และได้ชมเชยหน่วยงานอีโอดี ว่า เป็นหน่วยงานของตำรวจที่ประชาชนรักไว้ใจ ซึ่งขณะนี้ได้สั่งกำลังพล เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชม. อยู่แล้ว

นอกจากนี้ กรณีเหตุระเบิดที่กรมสรรพาวุธทหารบก วานนี้นั้น ทางทหารไม่ได้ประสานอีโอดี เข้าไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุแต่อย่างใด เพราะทางทหารมีหน่วยงานอีโอดีอยู่แล้ว จะมีเพียง ตร.ท้องที่ ที่เขาไปเก็บรายละเอียดในการลงบันทึกประจำวันเท่านั้น
----------------------
โฆษก สตช. เผย ยังไม่นำตัว "หัสดิน" มาแถลงข่าววันนี้ ระบุ ทหารควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก 7 วัน ก่อนส่งตัวให้ ตร.ดำเนินการต่อ

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก สตช. เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า ตามที่ ทาง ตร.ปอท. และทหาร ได้เข้าจับกุมตัว นายหัสดิน อุไรไพรวัน นามแฝง "บรรพต" Banpodj ผู้ที่เป็นหัวหน้าขบวนการและผลิตคลิปเสียงหมิ่นสถาบัน โดยจับกุมได้ที่ห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศูนย์วิจัย ค่ำคืนวานนี้นั้น ตร. จะยังไม่นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวในวันนี้แต่อย่างใด เนื่องจากทหารได้ควบคุมตัวไปสอบสวนตามกฎอัยการศึก เป็นเวลา 7 วันก่อน จึงจะนำตัวมาให้ตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อ ดังนั้น จึงยังไม่สามารถเปิดเผยถึงการขยายผลสอบสวนในคดีนี้ ว่า ผู้บงการคือใครกันแน่
------------------------
ทนาย นปช. เตรียมยื่นคัดค้านฝากขังพร้อมขอปล่อยตัวชั่วคราวมือเผยแพร่แถลงการณ์ปลอม ด้านอดีตผู้ดูแลเว็บ ASTV รับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท.แทน

นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่ม นปช. เปิดเผยว่า ในวันนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. จะนำตัว นายกฤษณ์ บุดดีจีน ผู้เผยเเพร่แถลงการณ์ปลอม มาขออำนาจศาลทหารฝากขัง จากข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เเละ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) (4) (5)

ทั้งนี้ นายวิญญัติ บอกว่าจะยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง พร้อมคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่หากศาลไม่อนุมัติจะทำหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศาล เพราะจากการสอบถาม นายกฤษณ์ พบว่า ไม่มีเจตนาอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน เป็นเพียงการแชร์ข้อมูลทั่วไป แต่เมื่อไม่มีประกาศออกมาเป็นทางการ จึงลบข้อความออกจากโซเชียลมีเดีย สำหรับช่วงเวลาที่ นายกฤษณ์ ถูกควบคุมตัว
ตามกฎอัยการศึก ได้รับการดูแลจากทหารภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นอย่างดี

ขณะที่วันนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของ นายนิรันดร์ เยาวภา อดีตผู้ดูแลเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการ ผู้ต้องหาเผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เปิดเผย
ว่า วันนี้จะได้พาผู้ต้องหามาขึ้นศาลทหาร เพื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวน และจะมีการยืนรับคำร้องต่อศาล กรณีขอเพิกถอนหมายจับ ล่าสุด มีรายงานว่า ทางศาลทหาร  กรุงเทพฯ ไม่อนุญาตในการเพิกถอนหมาย จึงจะนำตัว นายนิรันดร์ ไปรับทราบข้อกล่าวหากับตำรวจที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. แทน
----------------------------
โฆษก สตช. เผย หัสดิน ยอมรับว่าเป็น บรรพต หมิ่นเบื้องสูง ประสาน ปปง. สอบเส้นทางการเงินขบวนการนี้

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมตัว นายหัสดิน อุไรไพรวัน เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกับเจ้าที่ทหารเข้าควบคุมตัว นายหัสดิน ภายในม่านรูดแห่งหนึ่ง ย่านมักกะสัน โดยขณะนี้มีการควบคุมตัวไว้ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยใช้อำนาจตามประกาศกฎอัยการศึก เพื่อทำการสอบปากคำหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า นายหัสดิน เป็นหัวหน้าขบวนการที่ใหญ่ที่สุดในเครือข่าย บรรพต ยืนยันว่า นายหัสดิน เป็นผู้ใช้นามแฝง "บรรพต" Banpodj ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการผลิตคลิปเสียงหมิ่นสถาบัน

และก่อนหน้านี้ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกับเครือข่ายบรรพตไปแล้วจำนวน 6 คน ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายหัสดิน เป็นระดับผู้สั่งการ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบการกระทำผิดที่เชื่อมโยงกับกลุ่มใด

อย่างไรก็ตาม ได้มีการประสานไปยัง ปปง. เพื่อให้ทำการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าว พร้อมทั้งติดตามผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อไป
------------------------
เว็บมาสเตอร์เอเอสทีวี เตรียมเดินทางมอบตัวกับ ตร.ปอท. คดีเผยแพร่แถลงการณ์ปลอม จ่อยื่นประกันตัวต่อศาล

นายนิรันดร์ เยาวภา เว็บมาสเตอร์เอเอสทีวีผู้จัดการ พร้อม นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ เตรียมเดินทางเข้ามอบตัวตามหมายจับในคดีที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ฟ้องข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีโพสต์แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ปลอม โดย นายสุวัตร ได้ยืนขอต่อศาลเพื่อขอยกเลิกหมายจับ แต่ทางศาลได้ปฏิเสธการยกเลิกขอหมายจับตามที่ทนายยื่นคำร้อง จึงได้นำตัว นายนิรันดร์ ไปที่ ปอท. เพื่อมอบตัวและสอบปากคำ และคาดว่าในช่วงบ่ายของวันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ปอท. จะพาตัว นายนิรัดร์ กลับมายังศาลทหารเพื่อยืนขอการประกันตัวต่อไป
--------------------------
ทนายความ พร้อม บก.เว็บไซต์ เอเอสทีวี มอบตัวต่อ ตร.ปอท.แล้ว คดีแถลงการณ์ปลอม เตรียมฝากขังศาลทหารต่อไป

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ขณะนี้ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ พร้อม นายนิรันดร์ เยาวภา อดีตผู้ดูแลเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ ผู้ต้องหาหมิ่นสถาบัน ได้เข้ามามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) พร้อมรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว หลังเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ได้ขอศาลออกหมายจับในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีที่ นายนิรันดร์ ได้โพสต์แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ปลอม เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา

และคาดว่า หลังจากการสอบปากคำแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมทนายความมายังศาลทหาร กรุงเทพฯเพื่อยืนขอประกันตัวต่อไป ซึ่งจะอนุมติหรือไม่ อย่างไรนั้น อยู่ที่ดุลพินิจของศาล
----------------------
ทนายความ หนุ่มเพชรบูรณ์ คดีแถลงการณ์ปลอม เตรียมหลักทรัพย์ 2 ล้าน เพื่อขอยื่นประกันตัว ต่อศาลทหาร

นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการกลุ่มนักกฎหมายอาสาเพื่อสิทธิมนุษยชน หรือ กนส. เปิดเผยถึง กรณีเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ

ปอท. จะนำตัว นายกฤษณ์ บุดดีจีน ผู้ต้องหาเผยเเพร่แถลงการณ์ปลอม มาขออำนาจศาลทหารฝากขัง ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เเละความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่า

ในวันนี้จะได้มีการยื่นคำร้องขอคัดค้านการฝากขัง พร้อมคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พร้อมเตรียมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 2 ล้านบาท เพื่อยื่นขอประกันตัว

โดยจากการสอบถาม นายกฤษณ์ ให้การภาคเสธ แต่ยืนยันว่า ได้โพสต์แถลงการณ์ดังกล่าวจริง เนื่องจากเอกสารดังกล่าวผิด แต่เมื่อทราบว่าเป็นแถลงการณ์ปลอม ไม่ถึง 30 นาที นายกฤษณ์ ก็ได้ลบ

ข้อมูลทิ้ง แต่ข้อมูลลิงค์ที่จากแหล่งที่มายังค้างในแอพพลิเคชั่น ทำให้เจ้าหน้าที่ออกหมายจับตามมา

โดย นายวิญญัติ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะได้มีการดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงาน เพราะเห็นว่าการปฏิบัติดังกล่าวไม่เป็นธรรมกับผู้ต้องหา ทั้งการเข้าจับกุมโดยไม่มีหมายจับ ไม่ว่า

จะบอกว่าทำตามกฎอัยการศึก ก็ตาม ถึงอย่างไรก็ต้องมีขอบเขตของกฎหมายบ้าง รวมทั้งการใส่กุญแจทั้งๆ ที่ยังไม่มีการแจ้งกล่าวหา ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับกรณีของ นายนิรันดร์ เยาวภา อดีต
ผู้ดูแลเว็บไซต์เมเนเจอร์ แล้วมีความต่างกันมาก รวมทั้งการเอาผิดกับคนที่แชร์นั้น ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะอาจจะแชร์ไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ ซึ่งทาง ปอท. ควรจะมีการตรวจสอบผู้ที่จัดทำให้ได้แน่

ชัดก่อน หรือมีการส่งหมายเรียกมาสอบปากคำ หรือเรียกปรับทัศนคติก่อนการแจ้งข้อหาด้วย
/////////////
ปปช./ยิ่งลักษณ์

ประธาน ป.ป.ช. เผย ส่งหนังสือเรียกตัว "ยิ่งลักษณ์" รายงานตัวกับ อสส. แล้ว

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า ในกระบวนการดำเนินคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก

รัฐมนตรี ที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ในวันนี้ เลขาธิการ ป.ป.ช. ได้ส่งหนังสือเรียกตัวให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อแจ้งให้ไปรายงานตัวต่อ

อัยการสูงสุด ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 10.00 น. เพื่อนำตัวส่งฟ้องต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ส่วนความคืบหน้า ในการส่งสำนวนคดีอาญา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

โดยมิชอบ ให้แก่ อสส. ว่า ขณะนี้ กรรมการ ป.ป.ช. ได้ลงลายชื่อในสำนวนเสร็จหมดแล้ว ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่รีบประสานกับฝ่าย อสส. อยู่ เนื่องจากต้องส่งสำนวนหลังวันที่ประชุม มีมติ

รับรองภายใน 14 วัน คาดว่าจะส่งสำนวนให้ อสส. ได้ภายในสัปดาห์หน้า
-----------------------
เลขา ป.ป.ช. เเถลงสำนวนกล่าวหา อภิสิทธิ์-พระสุเทพ สลายการชุมนุม ปี 53 ยังไม่สมบูรณ์ นำกลับพิจารณาส่งพิจารณาอีกครั้งใน 2 สัปดาห์

นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการพิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงข้อ

กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี สั่งให้สลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อเดือนเมษายนถึง

พฤษภาคม พ.ศ. 2553 ว่า คณะกรรมการเห็นว่าข้อเท็จจริงในสำนวนยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ และยังมีประเด็นข้อกฎหมายตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่

ต้องพิจารณา จึงให้คณะกรรมการไต่สวนฯ กลับไปพิจารณาอีกครั้ง และนำมาเสนอต่อที่ประชุมคฯะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลา 2 สัปดาห์
--------------------
แม่ทัพภาค 3 ยัน ไม่ได้ค้นรถ ยิ่งลักษณ์ เเค่ตั้งจุดตรวจดูความมั่นคง ป้องกันหากมีคนร้ายขนยาเสพติดเท่านั้น

พล.ท.สาธิต พิธรัตน์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าทหารตรวจค้นรถ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ขอยืนยันว่าทหารไม่ได้ตรวจค้นรถของอดีตนายกรัฐมนตรี

แต่อย่างใด แต่ทางทหารของมณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยตั้งจุดตรวจจุดสกัดดูแลความมั่นคงเท่านั้น

ด้าน พล.ต.ธนา จารุวัต เสนาธิการกองทัพภาคที่ 3 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า เป็นการตั้งจุดตรวจ-จุดสกัด หรือด่านตรวจความมั่นคงตามปกติ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะ

ตั้งด่านตั้งแต่เวลา 22.00-12.00 น. ของอีกวัน เพื่อรักษาความปลอดภัย ประกอบกับมีกระแสข่าวเรื่องยาเสพติดและความเคลื่อนไหวที่จะก่อความวุ่นวาย จึงต้องมีความเข้มงวดกวดขัน โดยไม่ได้

เป็นการเจาะจงบุคคลแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับ พล.ต.ศรายุทธ รังษี มณฑลทหารบกที่ 33 ยืนยันทหารไม่ได้ตรวจค้นรถของอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นการให้เกียรติดูแลรักษาความปลอดภัยเมื่อเข้ามาในพื้นที่ แต่ยอมรับว่ามีการ

ตรวจค้นรถในขบวน แต่ไม่ได้แตะต้องรถอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมปฏิเสธข่าวที่ว่ามีการตามประกบรถ เป็นเพียงแค่ดูแลรักษาความปลอดภัยเท่านั้น
---------------------------
พล.อ.ประวิตร ยัน คสช.ไม่ได้สั่งค้นรถยิ่งลักษณ์ ไม่ได้สั่งตามประกบกันหลบหนีออกนอกประเทศ เชื่อเจ้าหน้าที่ตรวจปกติรักษาความปลอดภัย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (

คสช.) ถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ทหารของกองทัพภาคที่ 3 เข้าตรวจค้นรถยนต์ของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

โดยยืนยันว่าทาง คสช.ไม่ได้มีการสั่งการ แต่เป็นการดำเนินการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตามปกติเมื่อมีบุคคลสำคัญเดินทางเข้าไปในพื้นที่ เพื่อป้องกันการก่อกวนจากมือที่ 3 พร้อม

ยืนยันไม่มีการสั่งให้ติดตามประกบเพื่อป้องกันว่าอดีตนายกรัฐมนตรีจะหลบหนีออกนอกประเทศ เพราะเชื่อว่าอดีตนายกรัฐมนตรีมีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะต่อสู้คดีความ

ขณะที่ในที่ประชุมได้มีการแสดงความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ภัยแล้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งก็ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งหาวิธีการดำเนินการให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน
--------------------
(ข่าวด่วน) ระทึกเจอระเบิดลูกเกลี้ยง ในโรงงานหลอมเหล็กย่านเพชรเกษม คาดคนขายของเก่ามาขาย แจ้ง อีโอดี มาเก็บกู้แล้ว

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ในโรงงานหลอมเหล็ก เบื้องต้น พบเป็นระเบิดลูกเกลี้ยง จำนวน 1 ลูก ห่อด้วยผ้าขนหนู ในโรงงานหลอมเหล็กไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ในซอยเพชรเกษม 51 โดยเบื้องต้น จนท.ตร.ของ
สน.ภาษีเจริญ ได้มาถึงที่เกิดเหตุแล้ว คาดว่าน่าจะมาจากคนที่ขายของเก่านำมาขายให้ ซึ่งล่าสุดกำลังรอให้ จนท.อีโอดี มา
ตรวจสอบและทำการเก็บกู้ต่อไป
--------------------
ผบช.น. ชี้ การสอบสวนคดีวางระเบิดพารากอนคืบไปกว่า 70% ลั่น ขออนุมัติหมายศาลจับเพิ่มอีก 1 คน

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยภายหลังการประชุมความคืบหน้าเหตุระเบิดบริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ว่า ขณะนี้การสืบสวนทางคดีมี

ความคืบหน้าไปมากกว่า 70% แล้ว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมที่สามารถเห็นรูปพรรณ ใบหน้าของผู้ต้องหาชัดเจน เพียงพอที่จะใช้เป็นหลักฐานในการ

วินิจฉัยส่งฟ้องต่อศาลได้

ขณะเดียวกัน ได้ขออนุมัติศาลอาญารัชดา ออกหมายจับ 2 ผู้ต้องสงสัยตามการซัดทอด ซึ่งเป็นระดับปฎิบัติการและเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์จับกุมระเบิดไปป์บอม จำนวน 23 ลูก ในพื้นที่ สน.บางเขน

เมื่อปี 57 ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับไปแล้ว จำนวน 1 คน แต่อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คนนี้ไม่ใช่บุคคลที่เจ้าหน้าที่เคยควบคุมตัวมาสอบสวน

ส่วน 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับตามภาพไปก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำให้

เร่งรัดจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วที่สุดเพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชน

/////////////
สปช.

"พีระศักดิ์" ระบุ สนช. ติดตาม คืบหน้า ยกร่าง รธน. ต่อเนื่อง ประชุมวิป วันนี้ หารือ เกี่ยวกับการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ครั้งต่อไป

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ในส่วนของ สนช. ได้มีการขอความคืบหน้า ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต่อ กรรมาธิการยกร่าง

รัฐธรรมนูญ อย่างต่อเนื่อง และมีการเสนอความเห็นกลับไป เป็นระยะๆ เพื่อความรัดกุม ในการดำเนินการ ส่วนการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นครั้งต่อไปในช่วงต้นเดือนหน้า จะไปยังจังหวัดภาคใต้

หลังจากนั้นก็จะเป็นจังหวัดทางภาคกลาง และภาคเหนือ ต่อไป

ส่วนการประชุมกรรมาธิการกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) ในวันนี้จะมีการหารือเกี่ยวกับการประชุมแม่น้ำ 5 สาย ครั้งต่อไป รวมถึง การบริหารการประชุมจัดวาระการประชุม แต่ยังไม่

แน่ใจ จะมีการนำเรื่องประเด็นการถอดถอน 38 อดีต ส.ว. หารือด้วยหรือไม่ แต่เบื้องต้น ได้มีการกำหนดวันแถลงเปิดคดีชัดเจนแล้ว
--------------
อนุ กมธ.ปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและองค์กรอิสระ เชิญ ปธ. กสม.หารือ ปม ควบรวม กับผู้ตรวจการแผ่นดิน 

บรรยากาศความเคลื่อนไหวล่าสุดที่รัฐสภา คณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและองค์กรอิสระ ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง นัดสมาชิกประชุม โดยมีวาระการประชุมเพื่อ

พิจารณาโครงสร้างขององค์กรอิสระ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและองค์กรอิสระ จึงได้เชิญ ศาสตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ

เลขาฯ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวเข้ามาร่วมหารือ เนื่องจากมีหลายกลุ่มออกมาคัดค้านการควบรวมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)
และผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าด้วยกัน อีกทั้ง ยังเป็นแนวทางที่คณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องการฟังความเห็นเพิ่มเติมในขั้นกรรมาธิการ
--------------------
อนุ กมธ.ปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง-องค์กรอิสระ ไม่เห็นด้วย ควบ กสม.กับผู้ตรวจฯ เตรียมเชิญองค์กรอิสระอื่นๆ หารือ

นายดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและองค์กรอิสระ ในคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง กล่าวว่า การประชุมวันนี้ ได้เชิญ ศาสตราจารย์อมรา พงศาพิชญ์

ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และเลขากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมผู้เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวเข้ามาร่วมหารือ จากกรณีที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีข้อเสนอให้มี

การควบรวบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้าด้วยกัน ว่า กสม. ได้ให้ข้อมูลและตอบข้อซักถามอย่างละเอียด โดยเห็นว่า ไม่ควรควบรวม และให้เป็น กสม.

เหมือนเดิม ดังนั้น คณะอนุกรรมาธิการจะเก็บข้อเสนอของ กสม. มาเป็นข้อมูลในการพิจารณาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะส่งความเห็นดังกล่าวให้แก่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายในเดือนกุมภาพันธ์ นี้ และนอกจากนี้ ทาง คณะอนุกรรมาธิการฯ จะเชิญองค์กรอิสระต่างๆ รวมถึงผู้

ตรวจการแผ่นดิน เข้ามาหารือร่วมกัน ทั้งนี้ นายดิเรก ยืนยันว่า พร้อมรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ไม่ได้ทำงานแบบคิดเอง และเชื่อว่าข้อเสนอต่างๆ จะไม่ขัดแย้งกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
---------------------------
ผบ.ตร. เผย การปฏิรูป ตร. ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นในองค์กรมากขึ้น

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวเปิดงานสัมมมาปฎิรูปตำรวจ ว่า มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธาน พิธีเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบงาน

ตํารวจ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์และมีความทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง ในวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสการปฏิรูปโครงสร้างและองค์กรต่างๆ ของประเทศเป็น

กระแสหลักอยู่ในสังคมไทยในขณะนี้ เนื่องจากเป็นความคาดหวังของประชาชนทั่วประเทศที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ตนเคยกล่าวไว้

เสมอว่า การปฏิรูปประชาชน ต้องได้รับประโยชน์และในการปฏิรูปขอให้ตํารวจเข้าไปมีส่วนรับรู้และแสดงความคิดเห็นด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าไม่มีใครรู้จักตํารวจดีเท่าตํารวจด้วยกันเอง

ขณะเดียวกันในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบงานตํารวจในวันนี้ เป็นการจัดกิจกรรมทางวิชาการที่สอดรับกับแนวความคิดการจัดทําแนวทางปฏิรูปของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ เป็น

อย่างดี และจะสามารถนําผลการสัมมนาซึ่งได้จากความคิดเห็นของข้าราชการตํารวจซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกหน่วยงานในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ รวมถึงนักวิชาการที่มีชื่อเสียง และตัวแทนสื่อ

มวลชนไปใช้ประโยชน์ในคณะทํางานกําหนดแนวทางปฏิรูป สํานักงานตํารวจแห่งชาติ ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในการสัมมนาฝากให้ทุกคนได้ถกแถลงและพิจารณาให้ครบถ้วนในทุกมิติ

และทุกองค์ประกอบ ตามทฤษฏีการบริหารงานบุคคลและองค์กรเพื่อจะได้สะท้อนให้เห็นสภาพปัญหา ที่แท้จริงและนําไปสู่การกําหนดแนวทางการพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงได้อย่างครบถ้วน
สมบูรณ์
----------------------
ผบ.ตร. เปิดสัมมนา การพัฒนาวงการตรำวจ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิรูปต่อไป แนะช่องทางในการร่วมปฏิรูป

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาระบบงานตำรวจ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดย ผบ.ตร. กล่าวว่า งาน

สัมมนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำข้อมูลที่ได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เสนอแนะแนวทางการปฏิรูประบบงานตำรวจและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อ

ระดมความคิดเห็นใน 4 ประเด็นสำคัญ คือ การจัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง แนวทางการกระจายอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การให้ประชาชนมี

ส่วนร่วม ในกิจการตำรวจ และการถ่ายโอนภารกิจและงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปให้หน่วยงานอื่นของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อสรุปและนำเสนอผลการสัมมนาต่อที่

ประชุมในวันที่ 11 ก.พ. 2558 ต่อไป

ขณะเดียวกัน ผบ.ตร. กล่าวว่า การปฏิรูปนี้ประชาชนต้องได้รับประโยชน์และในการปฏิรูปขอให้ตํารวจเข้าไปมีส่วนรับรู้และแสดงความคิดเห็นด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าไม่มีใครรู้จักตํารวจดีเท่าตํารวจ

ด้วยกันเอง พร้อมขอเชิญชวนประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แสดงความคิดเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ ผ่านช่องทางต่อไปนี้ website : http://reform.police.go.th E-Mail: policereform@police.go.th เฟซบุ๊ก

https://www.facebook.com/thaipolicereform หรือ Twitter: https://twitter.com/thpolicereform
////////////
นายกฯ

นายกฯ พร้อมคณะเดินทางดูงานสถานีรถไฟโตเกียว ชื่นชมความทันสมัยของเทคโนโลยี ยืนยัน อยากให้มี ชินคันเซ็น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปยังอาคาร Sapia Tower สถานีรถไฟโตเกียว เพื่อรับฟัง
บรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานีรถไฟโตเกียว รถไฟสายต่าง ๆ และการพัฒนาด้านระบบรางของญี่ปุ่น โดยมี Mr.Hiroshi Muto
รองปลัดด้าน Transport, Tourism and International Affairs, Ministry of Land, Infrastructure, Transport
and Tourism (MLIT) รอให้การต้อนรับ

โดย Mr.Hiroshi Muto แสดงความยินดีที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้บรรยายสรุปให้แก่นายกรัฐมนตรี
และคณะ พร้อมยืนยันว่า ประสบการณ์และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น สามารถนำมาพัฒนาแผนระบบรางของไทยได้

ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ชื่นชมความทันสมัยของเทคโนโลยีญี่ปุ่น และกล่าวว่า ประเทศไทย มีแผนในการพัฒนาเส้นทางรถไฟ โดย
เริ่มจากพัฒนารางรถไฟขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร ซึ่ง ประเทศไทย ก็อยากให้มีชินคันเซ็น เช่นกัน อย่างไรก็ดี ต้องขึ้นกับการ
ให้ความสนับสนุนของญี่ปุ่น

ทั้งนี้ ภายหลังการบรรยายเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี และคณะ เยี่ยมชมศูนย์ควบคุมรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น ณ ชั้น 10 สถานี
รถไฟโตเกียว ก่อนทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น จากสถานีโตเกียว ไปยังนครโอซากา
-------------------
การประชุม ครม.เริ่มแล้ว พล.อ.ประวิตร ทำหน้าที่ประธาน แทน นายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการเยือนญี่ปุ่น 

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด ในช่วงนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี แทน พล.อ.

ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังคงอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ. โดยมี คณะ

รัฐมนตรี รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ มีวาระการประชุมที่น่าสนใจ อาทิ ทาง กระทรวงแรงงาน เสนอการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม กระทรวงยุติธรรม เสนอร่าง

พ.ร.บ.ล้มละลาย (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ขณะที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอร่าง พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... และเสนอการดำเนินงานตามโรดแมปการจัดการขยะ

มูลฝอยและของเสียอันตราย

ส่วนทางด้าน กระทรวงมหาดไทย เสนอขอความเห็นชอบการปรับปรุงสวัสดิการด้านค่ารักษาพยาบาลของการประปานครหลวง (กปน.) และขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย

ประจำปีงบประมาณ 2557
-------------------------
เครือข่ายสลัม 4 ภาค ยื่นหนังสือถึง นายกฯ เรียกร้องแก้ปัญหาชุมชนแออัดถูกกลุ่มนายทุน-หน่วยงานรัฐรุกที่ดิน

เครือข่ายสลัม 4 ภาค นำโดย นายจำนง หนูพันธ์ ประธานเครือข่ายฯ พร้อมด้วย ชาวชนตลาดบ่อบัว จ.ฉะเชิงเทรา และชุมชนโรงหวาย เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ว่า 30 คน มายื่นหนังสือแถลงการณ์

คืนความสุขให้แบบไหนคนไทยยังมีไล่ที่ ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมี นายพันศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการส่วนประสาน

มวลชน เป็นผู้มารับหนังสือ

ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าว มีการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาสลัม หรือชุมชนแออัดถูกกลุ่มนายทุน หรือหน่วยงานรัฐรุกที่ดิน ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องขับไล่คนในพื้นที่ จนทำให้ถูกดำเนินคดี หรือเกิด

ความรุนแรงจนเกิดการปะทะกันขึ้น

นอกจากนี้ ทางชุมชนยังได้ประสานงานกับ กระทรวงคมนาคม ให้ชะลอการบังคับคดี และให้เปิดประชุมเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาโดยการแบ่งปันที่ดินเพื่อให้ชาวบ้านได้อยู่ในพื้นที่เดิม และ

ทางบริษัทฯ สามารถดำเนินการพัฒนาที่ดินได้
---------------------------
นายกฯ พอใจเยือนญี่ปุ่น เสนอแนวทางร่วมทุนพัฒนาระบบราง เชื่อหากไทยมีรถไฟความเร็วสูง ช่วยส่งเสริมการค้าช่วยผู้มีรายได้น้อยยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย ระหว่างการเยือนญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ ว่า พอใจการเดินทางเยือนครั้งนี้

เพราะญี่ปุ่น ให้เกียรติไทยอย่างเต็มที่ และได้มีการพูดคุยกันในหลายมิติ ขณะที่เรื่องการพัฒนาระบบรางของไทย ได้นำเสนอแนวทางการร่วมทุน โดยเชื่อว่าหากไทยมีรถไฟความเร็วสูง จะทำให้ได้

รับประโยชน์ในด้านการค้าขาย ที่จะส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยได้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เนื่องจากตลอดเส้นทางการเดินรถไฟ และสถานีจะสามารถทำการค้าขายได้

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ในส่วนของสถานการณ์การเมืองของไทยนั้น ญี่ปุ่น เข้าใจและเชื่อมั่นด้วยดี โดยได้ชี้แจงว่า ไทยเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตยตามแผนโรดแมปที่วางไว้

โดยการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ที่จะใช้เวลาอีกไม่นาน และคาดว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้ ในช่วงต้นปี 2559 พร้อมยืนยันว่า ตนเองเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งให้ประเทศไทย เดินไป

ข้างหน้ามีประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน
///////////
คดีอญก./ตำรวจ

ผบก.น.2 เผยคืบเหตุเพลิงไหม้ไทยพาณิชย์ ตร. เชิญคนฉีดยากันยุงให้ปากคำ 4 คน ไม่พบพิรุธ วสท.เข้าตรวจสอบอีกครั้งวันนี้

พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงษ์สุเมธ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุเพลิงไหม้ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ หรือ SCB Park ว่า เมื่อวานที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.

พหลโยธิน ได้เชิญเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นยากันยุง มาสอบปากคำจำนวน 4 คน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้หรือไม่ แต่ในเบื้องต้น จากการสอบปากคำยังไม่พบพิรุธและยังไม่พบความผิดปกติ และ

ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปแล้วกว่า 50 ปาก แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับใคร

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เวลาประมาณ 12.30 น. ศ.ดร.สุชีชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. พร้อมเจ้าหน้าที่จะเดินทางเข้าตรวจสอบโครง

สร้างของธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ตั้งแต่ชั้น 10 และชั้น 11 ซึ่งเป็นจุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้
-----------------------
 โรคจิตวางขวดน้ำกรดป้ายรถเมล์ถนนเพชเกษม รถเมล์เหยียบแตกกระจายใส่ชาวบ้านบาดเจ็บหลายราย เร่งนำส่ง ร.พ.

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่ามีคนนำเอาขวดน้ำกรดร้ายแรงไปวางไว้ที่ป้ายรถเมล์ และมีรถเมล์เหยียบแตกกระจายใส่ประชาชนที่กำลังรอรถเมล์จนได้รับบาดเจ็บหลายราย โดยจุดเกิดเหตุนั้นเป็น

ป้ายรถเมล์ถนนเพชรเกษมในท้องที่ของ สน.ภาษีเจริญ จากการสอบถามผู้บาดเจ็บ ทราบว่า ขณะที่กำลังรอรถเมล์ในป้ายดังกล่าว โดยมีทั้งประชาชน เด็ก นักเรียนนับสิบคน รออยู่ด้วย รถเมล์วิ่งเข้า

ป้าย และเหยียบขวดน้ำกรดแตกกระจายใส่คนที่รออยู่ ได้รับบาดเจ็บนับสิบราย บางรายเจ็บหนัก แผลพุพองตามแขนขา เบื้องต้นนำส่ง ร.พ.บางไผ่ แล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบว่าใครเป็น
ผู้นำมาวางต่อไป
---------------------------
รรท.ผบก.ป. เผย คืบคดีสาวราชบุรีร้องกล่าวโทษ อภิรุจ วันทนีย์ สอบเพิ่มอีก 1 ปาก พรุ่งนี้สอบลุงอีกครั้ง

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้า นางสวิตา มณีจันทร์ อายุ 31 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษว่า นายอภิรุจ และ นางวันทนีย์ สุวะดี บิดาและ

มารดาของ ท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ใช้อิทธิพลกลั่นแกล้ง จนได้รับโทษทางอาญาติดคุก 1 ปี 6 เดือน ว่า หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมาให้ข้อมูลแล้ว พร้อมกับให้การปฏิเสธ พนักงาน

สอบสวน จึงแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ในความผิดฐานตาม ม.112, ใช้เจ้าพนักงานแจ้งความเท็จ และ เป็นผู้ใช้ผู้อื่นกระทำความผิด เพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลอื่นได้รับโทษ ก่อนจะปล่อยตัวไป เพราะ

เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน โดยที่ยังไม่มีการออกหมายจับแต่อย่างใด

ส่วนการสอบปากคำพยานในคดีนี้ พนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำพยานไปจำนวน 3 ปาก วันนี้ ได้สอบข้าราชการตำรวจเพิ่มอีก 1 ปาก และในวันพรุ่งนี้ ตำรวจกองปราบปราม จะเดินทางเข้า

สอบปากคำ ด.ต.สุรินทร์ ศุขกมลนัส ลุงของผู้เสียหาย ที่ จ.ราชบุรี
-------------------------------
รรท.ผบก.ป. เผย คืบคดียักยอกเงิน สจล. อธิการบดี นำเอกสารเพิ่มเต้มมาให้ รอผล พฐ.ตรวจลายเซ็น

พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาราชการผู้บังคับการปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการยักยอกเงินจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. ว่า เมื่อวานที่ผ่านมา

ศาสตราจารย์ ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ รักษาการอธิการบดี สจล. ได้เดินทางให้ข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ มามอบให้พนักงานสอบสวน และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เรียกประชุม

คณะพนักงานสอบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าว และมีการนำสำนวน บางส่วนมาตรวจสอบ ทั้งเอกสารจากธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ที่ส่งมาให้อีก 3-4 รายการ เกี่ยวกับเส้น

ทางการเงิน ในส่วนของลานมือชื่อในคำขอเปิดบัญชี ขณะนี้ได้มาครบทุกคนแล้ว อยู่ระหว่างส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ทำการตรวจสอบลายเซ็นดังกล่าว

สำหรับเหตุเพลิงไหม้ ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ นั้น ยังไม่ได้รับรายงานว่า มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีของ สจล. อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์

หลักฐานและเจ้าของคดีอย่าง สน.พหลโยธิน
----------------------
นายกวิศวกรรมสถาน ตรวจสอบเหตุไฟไหม้ไทยพาณิชย์ แสกนโครงสร้างแข็งแรงพอหรือไม่ อีก 3-4 วันรู้ผล

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ (วสท.) พร้อมทีมงานวิศวกร เดินทางเข้าสำรวจ ชั้น 9-11 โซน A ของอาคารธนาคารไทยพาณิชย์

สำนักงานใหญ่ หรือ SCB Park หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา

โดย นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วสท. ได้รับการประสานจากธนาคารไทยพาณิชย์ให้เข้าตรวจสอบโครงสร้างของอาคาร ในเบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าเพลิงได้ไหม้พื้นชั้น 10 และชั้น 11 ซึ่งทาง

วิศวกรได้สั่งปิดพื้นที่ตั้งแต่ชั้น 9 จนถึงชั้น 11 เพื่อใช้เครื่องมืออัลต้าโซนิคสแกนพื้นคอนกรีท ที่เกิดเพลิงไหม้ นอกจากนี้ ยังต้องใช้เครื่องมือดังกล่าวตรวจสอบโครงเหล็กแกนกลางของเสา 2 ต้น

ภายในอาคารที่ได้รับความเสียหายอยากหนัก เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้เป็นเวลานาน ว่า ยังมีความแข็งแรงอยู่หรือไม่ เพราะต้องแบกรับน้ำหนักอีก 20 ชั้น เพราะมีความกังวลเรื่องการรับน้ำหนักดัง

กล่าวด้วย

อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบโครงสร้างดังกล่าว จะใช้เวลาตรวจสอบ 3-4 วัน และจะรายงานผลให้กับทางธานาคารฯ ทราบภายในสัปดาห์หน้า
------------------
ผกก.1 บก.ปอศ. นำกำลังเข้าตรวจสอบบริษัทรถหรู ของ บอย ยูนิตี้ พร้อมประสานกรมทางบกตรวจสอบรถ



พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กัลยาวัฒนเจริญ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
หรือ ปอศ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอศ. เข้าตรวจสอบรถหรู ภายใน บ.ยูนิตี้ ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ปากซอยรัชดาภิเษก 16 หลังได้
รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ว่า ซื้อรถยนต์ปอร์เช่ รุ่น 911 มาในราคาประมาณ 10 ล้านบาท แต่ไม่สามารถนำไปจดทะเบียนได้ เนื่อง
จากรถยังไม่ได้เสียภาษีนำเข้าอย่างถูกต้อง

โดย พ.ต.อ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับร้องเรียนแล้ว ปอศ.ได้ทำการตรวจสอบขยายผล จนกระทั่งวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจค้น
พร้อมกัน 4 จุด คือ ที่ ซ.รัชดาภิเษก 16 โชว์รูมรถยนต์ ที่ สุขุมวิท 26 ที่บ้านพักย่านรามคำแหง และ ใกล้กับ ซีดีซี เลียบทางด่วนราม
อินทรา

จากการตรวจสอบ ที่ บ.ยูนิตี้ ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เป็นของ บอย ยูนิตี้ ไฮโซชื่อดัง เมื่อก่อนเปิดเป็นโชว์รูมหรู แต่ปัจจุบันเปิดเป็นอู่
ซ่อมรถ ซึ่งจากการตรวจสอบพบรถยนต์หรู กว่า 10 คัน ที่ลูกค้านำมาจอดไว้เพื่อรอการซ่อมบำรุง บางคันมีเอกสารแสดงถูกต้อง
แต่มีรถลัมโบร์กีนี 2 คัน ที่ยังไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่จึงต้องอายัดไว้เพื่อทำการตรวจสอบที่มาของรถคันดังกล่าว

พร้อมกันนี้ ปอศ.จะประสานข้อมูล กับ กรมการขนส่งทางบก เพื่อตรวจสอบรถยนต์ที่อายัดไว้ว่ามีการนำเข้าและจดทะเบียนอย่างถูก
ต้องหรือไม่
----------------
นายกสมาคม วสท. ชี้ อาคาร SCB หลังเกิดไฟไหม้เสียหายเพียงชั้นที่ 9-11 เท่านั้น ลั่นขอปิดชั้น 1-11 ก่อนเพื่อตรวจสอบ

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ (วสท.) เผยเปิดภายหลังนำทีมงาน
วิศวกรเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารของธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่าน ว่า ชั้น
10 ของอาคารต้นเพลิง พบว่าได้ติดตั้งระบบแก๊สไพโรเจน ซึ่งติดอยู่ด้านบนเพดานเมื่อเกิดเพลิงไหม้ แก๊สไพโรเจนที่ติดอยู่จะ
แตกตัวออกมาดับไฟทันที ซึ่งหากใช้ระบบสปิงเกอร์ที่ใช้น้ำดับไฟ อาจทำให้เกิดไฟช็อตและชั้นดังกล่าวเป็นที่เก็บเอกสารซึ่งหากใช้
ระบบน้ำเกรงว่าเอกสารจะได้รับความเสียหาย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า แก๊สไพโรเจนจะทำปฏิกิริยากับยาฉีดยุงจนเกิด
เพลิงลุกไหม้หรือไม่

ส่วนโครงสร้างตัวอาคารพบว่ามีความแข็งแรงคงทน ซึ่งมีเพียงชั้น 9-11 ที่ได้รับความเสียหาย เช่น พื้น เพดาน และเสา หลังจากนี้
ได้สั่งปิดชั้น 1-11 ก่อนเพื่อตรวจสอบหาความยืดหยุ่นอีกครั้ง

นายก วสท. ยังกล่าวอีกว่า การตรวจสอบชั้น 10 พบว่า มี 1 ใน 3 เสา เสียหายมากที่สุด ทางวิศวกรจะนำวิธีทางวิทยาศาสตร์ เข้า
ตรวจสอบ โดยใช้ค้อนเคาะตามเสา เพื่อดูแรงดันว่ามีความหนาแน่นอยู่หรือไม่

นอกจากนี้ ทางวิศวกรจะใช้เครื่องมืออัลต้าโซนิคยิงเอ็กซเรย์ตามเสาทุกจุดที่ได้รับความเสียหาย เพื่อดูความหักเหของเสียง และนำ
ไปวิเคราะห์อีกครั้ง

ด้าน นายการุณ จันทรศุ วิศวกรผู้ออกเเเบบโครงสร้างธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวเสริมว่า อาคาร SCB Park เป็นอาคารคอนกรีตที่
เสริมด้วยเหล็ก สร้างมาประมาณ 20 ปี ซึ่งอาคารมีความทันสมัยและแข็งแรงมาก และโครงสร้างอาคารได้ออกแบบให้ทนความร้อน
แม้จะเกิดเพลิงไหม้ 3 ชั่วโมง ซึ่งในส่วนการแก้ไขหลังจากนี้มีเพียงเสา เหล็ก เพดาน ที่เสียหายเล็กน้อย ซึ่งสามารถซ่อมแซมได้

คดี112 จารุวรรณ 85วันอิสรภาพที่หายไป

112 the series
จารุวรรณ: 85 วันที่เสียไป
คดีหมิ่นเบื้องสูงของจารุวรรณกลายเป็นข่าวดังกลางเดือนพฤศจิกายน หลังจากนายทหารพระธรรมนูญเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตำรวจดำเนินคดี กับ "เฟซบุ๊คหมิ่นฯ" ที่โลกออนไลน์แชร์ต่อกันเกือบหมื่นครั้ง และ 2-3 วันให้หลัง ก็มีข่าวจับกุมเพื่อนชายที่เกี่ยวข้องกับคดีเพิ่มอีก 2 คน
9 กุมภาพันธ์ 2558 อัยการทหารสั่งไม่ฟ้องจารุวรรณและเพื่อนอีก 2 คน น่ายินดีกับทั้งสามคนที่ไม่ต้องถูกจองจำไร้ซึ่งอิสรภาพอีกต่อไป แต่กว่าจะมาถึงวันที่ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ พวกเขาต้องถูก "ควบคุมตัวระหว่างการสอบสวน" เป็นเวลาถึง 85 วัน โดยที่ทั้งสามคนก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนโพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูงที่เป็นต้นเหตุให้พวกเขาต้องถูกกักขัง และกลายเป็นที่กังวลใจให้กับครอบครัวของทั้งสาม
ดูรายละเอียดคดีของจารุวรรณได้ที่http://freedom.ilaw.or.th/th/case/641#detail
คดีนี้ดูผิวเผินอาจเป็นคดีโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นเบื้องสูงไม่ต่างจากหลายคดีก่อนหน้านี้ แต่เอาเข้าจริงกลับลากผู้ต้องหามาขังอยู่ในเรือนจำอย่างน้อย 3 คน คือ “จารุวรรณ” สาวผู้มีชื่อนามสกุลเดียวกับเฟซบุ๊กที่มีการโพสข้อความ “บอล” สามีของจารุวรรณ และ “ชาติ” เพื่อนของบอลซึ่งจารุวรรณสงสัยว่าอาจเป็นผู้แฮ็คเฟซบุ๊กของเธอ
จารุวรรณเป็นหญิงสาวอายุ 26 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พ่อมีอาชีพทำไร่ พี่น้องของจารุวรรณต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานโรงงานตามต่างจังหวัด ก่อนถูกจับจารุวรรณทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี และอยู่กับสามีที่ชื่อบอล จารุวรรณมีลูกสองคนกับสามีคนแรก โดยลูกทั้งสองได้เรียนหนังสือและอยู่กับพ่อของจารุวรรณที่เพชรบูรณ์
หลังถูกจับกุม ข่าวหลายสำนักรายงานว่าจารุวรรณให้การปฏิเสธ และสงสัยว่า "ชาติ" ซึ่งเป็นเพื่อนของบอล โกรธเธอ ที่เธอกันไม่ให้บอลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด จึงกลั้นแกล้งเธอด้วยวิธีการนี้
เช้ามืดของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 ทหารและตำรวจบุกเข้าจับกุมตัวบอลที่บ้านพักในจังหวัดราชบุรี บอล อายุ 22 ปี เป็นสามีของจารุวรรณและเป็นเพื่อนกับชาติ บอลเป็นชาวราชบุรี เรียนจบชั้นป.6 อ่านและเขียนหนังสือไม่ได้ ในช่วงเย็น ชาติก็ถูกตำรวจและทหารบุกเข้าจับกุมที่บ้านเช่นเดียวกัน ชาติ อายุ 20 ปี เป็นเพื่อนของบอล ชาวราชบุรี สัญชาติไทย-พม่า สามารถอ่านเขียนภาษาไทยได้ ปัจจุบันชาติมีลูกและภรรยาแล้ว โดยทำประมงอยู่กับพ่อตาที่ประจวบคีรีขันธ์
จารุวรรณให้การปฏิเสธตั้งแต่ถูกจับกุม ถูกสอบสวน และตั้งใจจะต่อสู้คดีในชั้นศาล บอลและชาติก็เช่นเดียวกัน แต่พวกเขายังไม่มีเงินจ้างทนายความ สำหรับการต่อสู้คดีในศาลทหาร และเป็นคดีต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะเพราะเกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ตัวตนทางเทคนิคคอมพิวเตอร์
จารุวรรณเล่าว่า ก่อนหน้าจะมีการโพสต์หมิ่นเบื้องสูง 2-3 สัปดาห์ เฟซบุ๊กของเธอถูกแฮ็คไปใช้ในทางเสื่อมเสีย และเคยแจ้งความไว้ที่ สภ.ราชบุรีแล้ว ซึ่งนี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการต่อสู้คดีของเธอ
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2557 เวลาประมาณบ่ายโมง พนักงานสอบสวนนำตัวจารุวรรณมาขออำนาจศาลทหารฝากขังผลัดแรก จารุวรรณไม่มีญาติมาเยี่ยม ไม่มีเงินสำหรับยื่นขอประกันตัว ไม่มีทนายความและไม่มีความรู้กฎหมาย เธอลุกขึ้นคัดค้านการฝากขัง แต่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังโดยให้เหตุผลว่า คดีนี้เป็นที่รับรู้ทั่วราชอาณาจักร หากปล่อยตัวไป เกรงว่าผู้ต้องหาจะไม่ปลอดภัย
วันต่อมา บอลและชาติ ผู้ต้องหาอีกสองรายในคดีนี้ ถูกนำมาฝากขังที่ศาลทหารเช่นกัน
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 หลังจากถูกขังได้ 12 วัน เจ้าหน้าที่จากราชทัณฑ์นำตัวจารุวรรณ บอล และชาติ มาฝากขังอีกผลัดที่ 2 จารุวรรณเล่าว่าชีวิตในเรือนจำ แม้จะมีทีวีให้ดู มีหนังสืออ่าน และมีเพื่อนคุยด้วย แต่เธอยังคงรู้สึกเหงา เธอคิดถึงพ่อและลูกๆ ของเธอ แต่เมื่อสอบถามว่า อยากให้พ่อและลูกๆ ของเธอมาเยี่ยมหรือไม่ จารุวรรณกลับมีท่าทีลังเล เนื่องจากเธอทราบดีว่า การเดินทางมากรุงเทพเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และอาจต้องพาลูกๆ มาด้วย
ด้านบอลและชาติ ถึงจะพบกับความยากลำบากบ้าง โดยเฉพาะบอลซึ่งยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าข้อกล่าวหาของเขาคืออะไร แม้เขาจะได้สำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องมาจากตำรวจด้วยแต่เขาก็อ่านหนังสือไม่ออก ยังดีที่ตอนเข้าไปใหม่ๆ ทั้งสองคนยังได้อยู่แดนเดียวกัน จึงคอยช่วยเหลือกัน และยังได้รับความช่วยเหลือจากนักโทษการเมืองในเรือนจำชายที่อยู่มาก่อนจำนวนมาก
ในวันดังกล่าวพ่อของบอลเป็นญาติคนเดียวที่เดินทางมาเยี่ยมบอลและจารุวรรณที่ศาลทหารกรุงเทพ แต่ก็ไม่ได้ยื่นขอประกันตัวทั้งสองคน เนื่องจากไม่มีเงินประกันตัว ส่วนชาติ ตั้งแต่ถูกจับยังไม่สามารถติดต่อกับญาติได้ ถึงปัจจุบันผู้ต้องหาทั้งสามคนยังไม่มีวี่แววว่าจะมีหลักทรัพย์สำหรับยื่นเรื่องประกันตัว เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวทั้งสามค่อนข้างยากจน
เดือนมกราคม 2558 พ่อ พี่สาว และลูกชายคนเล็กของจารุวรรณ เดินทางจากต่างจังหวัดเพื่อมาเยี่ยมจารุวรรณและบอลที่ศาลทหารกรุงเทพ โดยพักค้างคืนอยู่ที่บ้านของพี่สาวจารุวรรณที่คลองเตย
ทนายความเล่าว่า พ่อของเธอต้องทำไร่และขายถั่วเพื่อให้ได้ค่ารถเดินทางมาเยี่ยมลูกสาวที่เรือนจำในกรุงเทพ ขณะที่ทนายความก็ยังไม่สามารถติดต่อญาติของชาติได้
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 ครบกำหนดฝากขัง 85 วัน ทางการหมดอำนาจตามกฎหมายที่จะกักขังทั้งสามคนได้อีกต่อไป อัยการทหารมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามรายในคดีนี้ จารุวรรณ บอล และชาติได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำที่กรุงเทพ ใบหน้าของทั้งสามยิ้มแย้มต้อนรับอิสรภาพที่ได้คืนมา
พี่สาวของจารุวรรณนั่งรถทัวร์จากเพชรบูรณ์ไปรับเธอที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งสองคนกอดกันเมื่อได้เห็นหน้ากัน พี่สาวบอกกับน้องว่าพ่อดีใจมากเมื่อทราบข่าวว่าลูกจะได้รับการปล่อยตัว และขอให้รีบกลับบ้านที่เพชรบูรณ์ในวันนี้ทันที โดยหลังจากนี้จารุวรรณจะหางานใหม่ เนื่องจากคดีนี้ทำให้เธอต้องออกจากงานที่โรงงานในจังหวัดราชบุรี
ทางด้านบอลก็มีพ่อเดินทางมารับกลับบ้านของเขาที่ราชบุรี ส่วนชาติ แม้จะไม่มีใครเดินทางมารับเขากลับบ้าน แต่เขาก็ได้โทรศัพท์ติดต่อทางบ้านเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่กล่าวว่า หลังจากนี้จะกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวตามปกติ
คดีของ จารุวรรณ บอล และชาติ เป็นตัวอย่างของผู้ต้องขังตามมาตรา 112 จากการถูกกล่าวหาว่าโพสต์เฟซบุ๊กหมิ่นเบื้องสูง เช่น คดีของพงษ์ศักดิ์http://freedom.ilaw.or.th/case/650#detail คดีของชโยhttp://freedom.ilaw.or.th/th/case/652#detail
ในประเทศที่มีประชากรจำนวนมากใช้เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ในการสื่อสารและแสดงความคิดเห็น แต่กลับมีการจองจำผู้คนจากการมีข้อความปรากฏอยู่บนเฟซบุ๊กของตน การกักขังผู้ต้องสงสัยสามคนในคดีจารุวรรณเป็นเวลาถึง 85 วัน โดยไม่มีหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัด มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้ใช้เฟซบุ๊กและคนรอบตัวทุกคนในประเทศนี้

มือมืด วางสารเคมีให้รถเมล์เหยียบแตก กระเด็นเจ็บเพียบ

มือมืด วางสารเคมีให้รถเมล์เหยียบแตก กระเด็นเจ็บเพียบ
Cr:kapook
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 บริเวณป้ายรถเมล์ประจำทางปากซอยเพชรเกษม 25/1 ขาออก มุ่งหน้าตัดถนนราชพฤกษ์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ เกิดเหตุประชาชนที่มายืนรอใช้บริการรถเมล์ได้รับบาดเจ็บ จากการถูกสารเคมีกระเด็นใส่ หลังรถเมล์สาย 84 วิ่งมาเหยียบขวดสารเคมีจนขวดแตก เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสารดังกล่าว 5 ราย สาหัส 1 ราย จึงนำส่งโรงพยาบาลบางไผ่ 2 ราย ซึ่งได้รับบาดเจ็บเป็นแผลพุพองบริเวณต้นขาและท้อง แพทย์ได้ทำการรักษาและอนุญาตให้กลับบ้านได้
ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ ได้เดินทางมาตรวจสอบพบที่บริเวณป้ายโฆษณา และตามพื้นถนน ต้นไม้ มีคราบสารเคมีสีขาวกระจายอยู่โดยรอบ และจากการสอบถามประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ได้ให้การว่า ขวดดังกล่าวเป็นลักษณะคล้ายขวดน้ำกลั่นร่วงอยู่บนกลางถนน ประกอบกับจังหวะที่รถเมล์สาย 84 วิ่งผ่านมาพอดี จึงเหยียบขวดที่บรรจุสารเคมีแตก และกระเด็นเข้าใส่ประชาชนที่ยืนรอรถเมล์อยู่บริเวณป้ายพอดี
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรอให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า สารเคมีดังกล่าวเป็นสารชนิดใด


พบระเบิดสังหารMK2 พร้อมใช้งานที่เพชรเกษมแจ้งEODกู้

ตร.เพชรเกษม รับแจ้งพบระเบิดอยู่ในโรงหล่ออะลูมิเนียมย่านบางแค จากการตรวจสอบเป็นชนิดขว้างสังหารแบบ MK2 พร้อมใช้งาน ที่เกิดเหตุเป็นห้องที่ใช้พักคนงานและมีคนงานสลับกันเข้าออกตลอดเวลา เจ้าหน้าที่เร่งเก็บกู้เพื่อนำไปทำลายต่อไป
       
       วันนี้ (10 ก.พ.) พ.ต.ท.อมรพิพัฒน์ วงศ์ไชย สวป.สน.เพชรเกษม ได้รับแจ้งพบวัตถุคล้ายระเบิดอยู่ในโรงหล่ออะลูมิเนียมชื่อเอ็งฮั่วเส็ง เลขที่ 28 ซอยเพชรเกษม 51 แขวงและเขตบางแค กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่เก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด บก.สปพ.เข้าตรวจสอบ
       
       ที่เกิดเหตุพบระเบิดขว้างสังหารแบบ MK2 หรือระเบิดน้อยหน่าสภาพเก่า พร้อมใช้งานเนื่องจากสลักยังไม่ถูกดึงออกอยู่ในห้องเก็บของของโรงหล่อดังกล่าว ชุดเก็บกู้จึงทำการนำออกจากสถานที่มาไว้ในจุดปลอดภัย
       
       จากการสอบสวนนายสรรพชัย อรัญทรวานิช อายุ 44 ปี เจ้าของโรงหล่อกล่าวว่า ระเบิดดังกล่าวถูกพบภายในห้องเก็บของในระหว่างที่ตนและคนงานกำลังช่วยกันทำความสะอาด โดยแรกพบนั้นถูกห่อด้วยผ้าสีขาวซุกไว้ในมุมห้องอย่างมิดชิด เมื่อตนเปิดดูพบเป็นลูกระเบิด สำหรับที่มาของระเบิดลูกนี้ตนไม่ทราบแน่ชัดเนื่องจากห้องเก็บของห้องนี้เคยใช้เป็นที่พักคนงานมาเยอะ เคยมีคนงานสลับกันเข้าออกตลอดในระยะยี่สิบกว่าปีที่ดำเนินธุรกิจมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อรอหาตัวเจ้าของและนำไปทำลายต่อไป

วุ่นกันใหญ่ !! เด้ง“นภดล”กลับไทย ส่งผล “เด็กแม้ว”นั่งฑูตกีวีเต็มตัว

วุ่นกันใหญ่ !! เด้ง“นภดล”กลับไทย ส่งผล “เด็กแม้ว”นั่งฑูตกีวีเต็มตัว
เด้ง“นภดล เทพพิทักษ์”กลับไทย ส่งผล “เด็กแม้ว”นั่งเอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอํานาจเต็มประจำนิวซีแลนด์ เต็มตัว เผยถูกย้ายกลับในช่วงที่ “ตั้ง อาชีวะ”ได้รับ “วีซ่าถาวรเมืองกีวี”
วันนี้ (9ก.พ.) มีรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ พ้นจากตําแหน่ง และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จํานวน 2 ราย ดังนี้
1. นายนภดล เทพพิทักษ์ พ้นจากตําแหน่ง เอกอัครราชทูตวิสามัญ ผู้มีอํานาจเต็มประจํานิวซีแลนด์ และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง รองปลัดกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวง
2. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ พ้นจากตําแหน่ง อธิบดีกรมยุโรป และแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่ง อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต จำนวน 12 ราย
ในส่วนของนายนภดล เทพพิทักษ์ เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง สืบแทนนายมนัสวี ศรีโสดาพล ที่เกษียณอายุราชการ
โดยได้โยกย้ายนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ จากเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ สำนักงานปลัดกระทรวง สืบแทนนายนภดล
ขณะที่ นายมาริษ นั้นสังคมออนไลน์ ระบุว่า มีความใกล้ชิดกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ
รายงานระบุว่า นายนภดล ถูกย้ายจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ กลับประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2557 ซึ่งตรงกับช่วงที่มีกระแสข่าวว่า นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ได้รับวีซ่าถาวร (Permanent Residence visa) ของรัฐบาลนิวซีแลนด์ และนายเอกภพได้เข้าไปอยู่ในนิวซีแลนด์ได้ ตามโควต้า ข้อตกลงระหว่าง UN กับรัฐบาลนิวซีแลนด์ ที่ UN มีโควต้าจะส่ง refugee ไปอาศัยในนิวซีแลนด์ได้ปีละ 750 คน
ส่วนนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ อธิบดีกรมยุโรป (นักบริหาร ระดับสูง) ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก (นักบริหาร ระดับสูง) สืบแทนนายดำรง ใคร่ครวญ ที่เกษียณอายุราชการ


เผย "ผังเครือข่ายบรรพต" ชี้มีผู้บงการอยู่เบื้องหลังอีกต่อ

ภายหลังจากที่วานนนี้ (9 ก.พ.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายหัสดิน อุไรไพรวัน ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ และอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลถึงเครือข่ายการกระทำผิด ยืนยันว่า นายหัสดิน เป็นผู้ใช้นามแฝง "บรรพต" Banpodj ซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการผลิตคลิปเสียงหมิ่นสถาบัน
http://www.matichon.co.th/online/2015/02/14235387171423538727l.jpg

ทั้งนี้ ตำรวจจับผู้ต้องหาที่ร่วมกับเครือข่ายบรรพตไปแล้ว 6 คน ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า นายหัสดิน เป็นระดับผู้สั่งการ แต่ยังไม่พบการกระทำผิดเชื่อมโยงกับกลุ่มใด โดยจากนี้ จะสืบสวนขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องพร้อมกันนี้ อยู่ระหว่างการส่งข้อมูลให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของนายหัสดิน















กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมดำเนินคดีอาญา นางสาววิลดา อินฉัตร ส.ว.ศรีสะเกษ

วันนี้ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวน สำนักงาน กกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต.มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งพร้อมดำเนินคดีอาญา นางสาววิลดา อินฉัตร ส.ว.ศรีสะเกษ ที่เลือกตั้งเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2557 กรณีให้นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นำแผ่นซีดีไปแจกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2556 ของสมาคมฌาปณกิจสงเคราะห์ ของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรห้วยทับทัน จำกัด อำห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้ และกรณีรู้เห็นเป็นใจให้นายอริสมันต์ และนายพรชัย มณีนิล หาเสียงด้วยวิธีการใส่ร้ายคู่แข่งและหลอกหลวงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มาประชุม เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนให้กับตนเอง และ กกต.ได้สั่งให้มีการดำเนินคดีอาญาแก่นายอริสมันต์ด้วย
.....นอกจากนี้ ยังสั่งให้มีการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญาแก่นายศักดิ์ดา ศรีวิริยะไพบูลย์ ส.ว.ระนอง จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2557 จากกรณีรู้เห็นเป็นใจให้ผู้สนับสนุนนำปฏิทินประจำปี 2557 ที่มีภาพตราสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ภาพนายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง และภาพของตนเอง พร้อมข้อความใต้ภาพว่า "อดีตผู้สมัคร ส.ว.ระนอง อดีตผู้ชำนาญการประจำตัว ส.ส.วิรัช ร่มเย็น พรรคประชาธิปัตย์" ไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในจังหวัดระนอง เพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
.....โดยทั้ง 2 กรณี กกต.จะส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา หากศาลมีความเห็นตามที่ กกต.เสนอ ก็จะดำเนินคดีอาญาต่อไป
.....ทั้งสองกรณีดังกล่าวเหตุเกิดต้นปี 2557 กกต. ใช้เวลาพิจาณาประมาณ 1 ปี จึงแล้วเสร็จ
.....ส่วนกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐในการเดินทางไปหาเสียงเลือกตั้งหรือที่เรียกกันว่า คดีทัวร์นกขมิ้นและคดีการใช้สื่อของรัฐหาเสียงเลือกตั้งทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย(เอ็นบีที) เหตุเกิดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2556 ทั้งกรณีที่เกิดขึ้นสื่อมวลชนทุกแขนงก็เสนอข่าวกันให้ประชาชนได้รู้เห็นกันทั่วประเทศ ไม่มีความลี้ลับอะไรที่จะต้องใช้เวลามากมายในการสืบสวนสอบสวน แต่จนกระทั่งบัดนี้เป็นเวลา 1 ปี 2 เดือนแล้ว กกต. ก็ยังพิจารณาไม่เสร็จ ไม่รู้มีเหตุจูงใจอะไรหรือไม่ จึงพิจารณาไม่เสร็จเสียที
.....ดังนั้นการที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีแนวคิดจะให้ กกต.เป็นเพียงผู้ควบคุมการเลือกตั้งเท่านั้น โดยให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาให้ใบเหลืองหรือใบแดงแก่ผูสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว.
.....ก็เป็นเหตุผลที่สมควรและน่าจะถูกต้องแล้ว ครับ

"ยิ่งลักษณ์"โดนตร.ทหารค้นรถที่เขียงใหม่

“ยิ่งลักษณ์” โผล่เชียงใหม่ เผยทหาร-ตร.ประกบแน่น หลัง คสช.ห้ามออกนอกประเทศ
Cr:ผู้จัดการ
วันนี้ (10 ก.พ.) มีรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษร่วมกับญาติๆ ที่วัดโรงธรรมสามัคคี
ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางออกนอกประเทศตามคำว่า อดีตนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่เมื่อบ่ายวันที่ 9 ก.พ.เพื่อร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษ
อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาค 3 ได้เข้ามาสืบข่าวถึงบ้านพักที่กรีนวัลเล่ย์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตามปรากฎว่าเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 10 ก.พ.ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมผู้ติดตามและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกำลังออกจากบ้านพักกรีนวัลเลย์เพื่อร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษร่วมกับญาติๆที่วัดโรงธรรมสามัคคี อำเภอสันกำแพง ปรากฎว่าได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 3 และตำรวจ ตั้งด่านตรวจค้นรถของอดีตนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่ติดตามเพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งอยู่ในรถโฟล์กตู้ ทะเบียน กธ 77 เชียงใหม่ ซึ่งก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้น อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ยังได้ติดตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ ตลอดทั้งวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการถูกตรวจค้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยังคงเดินทางไปร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษที่วัดโรงธรรมสามัคคีตามปกติ รวมทั้งได้เดินที่ตลาดสันกำแพงด้วย ซึ่งก็ยังคงได้รับการต้อนรับอย่างดี


ประวัติ บรรพต ผู้ผลิตคลิปหมิ่น กว่า 400 ตอนในอินเตอร์เน็ต

------------------------------------------
สืบเนื่องจากในปัจจุบันได้มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เป็นสื่อในการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความวุ่นวาย และความเกลียดชังขึ้นในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการหมิ่นสถาบันฯ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคง สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาลงโทษตามกฎหมาย
จากความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและ หน่วยงานทหาร และหน่วยงานความมั่นคง ได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “บรรพต” มีการร่วมกันกระทำความผิดเป็นเครือข่าย ที่มีลักษณะในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความวุ่นวาย และความเกลียดชังขึ้นในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการหมิ่นสถาบันฯ ซึ่งในเครือข่ายนี้ได้แบ่งหน้าที่ในการดำเนินการอย่างเป็นขบวนการ ประกอบด้วย ผู้บงการ, ผู้ผลิตแนวคิด/วิทยากร, ผู้ปฏิบัติการ, แนวร่วม และผู้แสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจับกุมกลุ่มบุคคลที่อยู่ในส่วนผู้ปฏิบัติการ, แนวร่วม และผู้แสวงหาผลประโยชน์ ได้หลายราย ได้แก่

- กลุ่มปฏิบัติการ ประกอบด้วย นายดำรงค์ ชาญสิทธิโชค, นางศิวาพร ปัญญา, นายเงินคูณ อุดมคุณากร, นายไพศิษฐ์ จิรประดับวงศ์ ,นายสุรัช สมิตชาติ และนางอัญชัญ ปรีเลิศ
- กลุ่มแนวร่วม ประกอบด้วย นายชโย อัญชลีพัชระ,นายราชกวี ปรางค์ชัยกุล, นายเฉลียว จันเขียด และนายพงษ์ศักดิ์ ศรีบุญเพ็ง
- กลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์ ได้แก่ นายธารา วานิชพงษ์พันธุ์
ต่อมาจากการสืบสวนขยายผลจนสามารถทราบตัวบุคคลระดับ ผู้ผลิตแนวคิด/วิทยาการ และจับกุมตัวผู้ต้องหาระดับ กลุ่มผู้ปฏิบัติการ ได้เพิ่มอีกจำนวน ๒ ราย ได้แก่
ผู้ผลิตแนวคิด/วิทยาการ
๑) ผู้ที่ใช้นามแฝงว่า “บรรพต” คือ นายหัสดิน อุไรไพรวัน จึงได้ดำเนินการออกหมายจับนายหัสดินฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ได้มีการสนธิกำลังกันระหว่างเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ เข้าตรวจค้นบ้านที่นายหัสดินฯ หรือ บรรพต ใช้เป็นที่พักและที่ผลิตสื่อ ได้ตรวจพบทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสื่อที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค อุปกรณ์ การบันทึกเสียง เอกสารร่างเพื่อใช้ในการบันทึกเสียง เอกสารทางการเงิน เอกสารของกลุ่มเครือข่าย และแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จำนวนมากที่นายหัสดินฯ หรือ บรรพต ใช้ทำสำเนา จำหน่ายให้กับกลุ่มแนวร่วมเมื่อเป็นทุนในการเคลื่อนไหว

ประวัติ "บรรพต"

ผลการสืบสวนสามารถระบุตัวตนที่แท้จริงของบรรพต คือนายหัสดิน อุไรไพรวัน ซึ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญคอมเมิรซ์ และไม่ได้จบการศึกษาปริญญาใดๆ นอกจากการไปใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในต่างประเทศ เมื่อกลับมาได้เข้าทำงานที่โรงแรมวินเซอร์ และย้ายสถานที่ทำงานหลายครั้ง นายหัสดินได้ร่วมกับนางสายฝน อินทรสร ผู้ต้องหาอีกคนหนึ่ง จัดตั้งบริษัท แต่ประสบขาดทุนจึงเลิกกิจการ ต่อมาเมื่อปี 2548 ได้ถูกฟ้องล้มละลาย นายหัสดินจึงไม่ได้ประกอบสัมมาชีพใดๆ นอกจากขอเงินจากบุตรทั้ง 3 คน ทั้งที่บุตรทั้งสามคนไม่เคยได้รับการเลี้ยงดูจากนายหัสดินตั้งแต่ยังเยาว์วัยเลย ปล่อยให้ภรรยาเก่าเป็นผู้เลี้ยงดู ขณะที่นายหัสดินกลับใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ใช้ของราคาแพง เมื่อเกิดสถานการณ์ทางการเมือง 

นายหัสดินเคยไปร่วมชุมนุมของกลุ่ม นปช. และมีความคิดต่อต้านสถาบันฯ จึงเลียนแบบการจัดรายการวิทยุของบุคคลต่างๆ อาศัยที่นายหัสดินเป็นผู้ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา จึงนำข้อมูลต่างๆ มาเรียบเรียงและแต่งเรื่องเพิ่มเติมขึ้นใหม่ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง เพื่อให้มีเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจ แล้วชี้นำปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แสร้งทำเป็นบุคคลที่เทิดทูนต่อพระราชวงศ์บางพระองค์ เพื่อให้เกิดภาพว่าตนเองมีความจงรักภักดี แต่ที่แท้จริงนายหัสดินมีทัศนะที่ต้องการล้มล้างสถาบันหลักของชาติ การเผยแพร่คลิปเสียงจึงต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและใช้เวลาหลายปีจนถึงปัจจุบัน
นายหัสดินอวดอ้างกับเครือข่ายว่า ตนเองใช้ชีวิตหรูหราเพราะมีพื้นฐานทางครอบครัว แต่ที่แท้จริงเป็นบุคคลล้มละลาย หย่าขาดกับภรรยาคนแรกกว่า 30 ปี เนื่องจากภรรยาจับได้ว่านายหัสดินมีภรรยาคนใหม่ และนายหัสดินยังมีผู้หญิงอื่นอีกหลายคนเพื่อหลอกขอเงินใช้ตลอดมา รวมทั้งใช้ให้เครือข่ายตัวเองหลอกลวงบรรดาสมาชิก ให้หลงเชื่อ จัดทำสินค้า ยาดมสมุนไพรจำหน่าย เพื่อเอาเงินมาใช้ในการเช่าบ้านอยู่ และค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อสุราดื่มทุกวัน ทำให้นายหัสดินมีโรคประจำตัวหลายอย่าง โดยเฉพาะโรคเบาหวานที่ต้องกินยาควบคุม และเป็นโรคปวดหลังต้องนอนกับพื้นห้อง ขณะที่นายหัสดินกลับโฆษณากับสมาชิกว่า สมุนไพรที่ตนเองแนะนำสามารถรักษาได้ทุกโรค
กลุ่มผู้ปฏิบัติการ
๑) น.ส. สายฝน อินทสร เป็นผู้ดำเนินการเปิดบัญชีธนาคาร ธนาคารกรุงเทพ ชื่อบัญชี แววทราย อินทสร เพื่อให้ผู้อื่นโอนเงินมาช่วยเหลือการกระทำผิด
เป็นการสนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิดในการโพสต์คลิปเสียงชื่อว่า“บรรพต” (Banpodj) ทางเวปไซต์เฟสบุ๊กที่ใช้ ชื่อว่า “บรรพต” (Banpodj) มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันทำการอัพโหลดคลิปเสียง และโพสต์ต่อกันไปอีกหลายทอดในลักษณะของเครือข่ายกระจายกันออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
๒) นายนที ผสมทรัพย์ เป็นผู้ส่งสินค้าและซีดีคลิปเสียงบรรพต โดยได้รับค่าจ้าง เป็นการ สนับสนุนให้การช่วยเหลือผู้กระทำผิด ในการโพสต์คลิปเสียงชื่อว่า“บรรพต” (Banpodj) ทางเว็บไซต์เฟสบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า “บรรพต” (Banpodj) มีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาด ร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้ต้องหากับพวกได้ร่วมกันทำการอัพโหลดคลิปเสียง และโพสต์ต่อกันไปอีกหลายทอดในลักษณะของเครือข่ายกระจายกันออกไปทางสื่อสังคมออนไลน์ อันเป็นการเสื่อมเสียพระเกียรติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการนำเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ทั้ง นางสาวสายฝนฯ และนายนทีฯ สองคนมีความผิดฐานสนับสนุน ผู้กระทำผิดกรณี หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร และในวันที่ ๗ ก.พ.๒๕๕๘ ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้นำตัวไปศาลทหารเพื่อฝากขังเรียบร้อยแล้ว
สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอเรียนว่า นายหัสดินมิได้เป็นบุคคลที่มีอุดมการณ์ หรือเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีเทิดทุนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แต่อย่างใด ตรงกันข้ามนายหัสดินเป็นบุคคลที่เป็นภัยอันตรายอย่างยิ่ง สำหรับบุคคลที่ใกล้ชิดและผู้ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ทั้งจากการบริจาคเงิน หรือการโพสต์แสดงความคิดเห็นสนับสนุน ซึ่งจะถือว่ามีความผิดในฐานะผู้ร่วมในเครือข่ายบรรพตด้วย

ทั้งนี้ล่าสุด (9 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. ยืนยันว่า ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายมั่นคงได้จับกุม นายหัสดิน อุไรไพรวัน เจ้าของนามแฝง "บรรพต" ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี 112 ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ผลิตคลิปเสียงหมิ่นสถาบันเบื้องสูงได้แล้วที่โรงแรมเอวัน ย่านพระราม9 โดยจะนำตัวไปสอบสวนก่อนสืบหาผู้บงการต่อไป

ที่มา เพจ V For Thailand


ศาลฎีกาของมาเลเซียพิพากษายืนคุก5ปี"อันวาร์ อิบราฮิม"

ศาลฎีกาของมาเลเซียพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านของมาเลเซีย ต้องโทษจำคุกห้าปีในความผิดข้อหารักร่วมเพศ ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่ามีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ช่วยคนสนิทเมื่อปี 2008
ก่อนหน้านี้ นายอันวาร์ถูกตัดสินจำคุกห้าปี เมื่อเดือนมีนาคม 2014 หลังรัฐบาลมาเลเซียยื่นอุทธรณ์ให้กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นเมื่อปี 2012 ที่ระบุว่าไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะชี้ว่านายอันวาร์กระทำความผิด
นายอันวาร์กล่าวว่า คดีความนี้เป็นความพยายามของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะกีดกันเขาออกจากการเมือง
นายอันวาร์นั้นเป็นผู้นำพันธมิตรร่วมสามพรรค ซึ่งเขาถูกมองว่าเป็นคนเดียว ที่อาจท้าทายต่อการครองอำนาจของพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน หรือ บาริซาน แนชันแนลได้ โดยในการเลือกตั้งปี 2013 บาริซาน แนชันแนลสูญเสียคะแนนเสียงไปมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นายอันวาร์วัย 67 ปีกล่าวกับบีบีซีว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และคดีความนี้เป็นการตัดสินใจทางการเมืองที่จะให้เขาต้องโทษจำคุก และในเมื่อเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดอีก ก็จะไม่สามารถลงสมัครในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในปี 2018