PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

"วีระ"จี้นายกฯสอบทหารพันสร้างตลาดฯภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา

Veera Somkwamkid ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 9 ภาพ
โกงชาติ ขายชาติ กันอีกแล้ว
รัฐบาล คสช. ปล่อยให้มีการย่ำยี
อธิปไตยของชาติได้อย่างไร ?
เมื่อวานนี้(อังคารที่ 7 มีนาคม 2560)
ผมได้รับแจ้งจากทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองว่าจะมีการประชุม ระหว่างจังหวัดบุรีรัมย์ ของไทย กับจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา
หัวข้อหลักในการเจรจา เกี่ยวกับการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าขายช่องสายตะกู(เขมรเรียกช่องจุ๊บกากี) และการที่เขมรจะขอซื้อไฟฟ้าจากไทย เพื่อใช้ในบ่อนกาสิโนและจังหวัดอุดรมีชัย(กฟผ.อ้างว่าไฟฟ้าของไทยไม่พอ ต้องรีบก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ แต่กลับมีไฟฟ้าไปขายให้เขมรเพิ่มขึ้น นี่คือหลักฐานสำคัญว่าไฟฟ้าของไทยไม่ได้ขาดแคลนจริง)
กรณีนี้มีทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในจังหวัดบุรีรัมย์ ยื่นเรื่องให้ผมตรวจสอบ
ตั้งแต่ปลายปี 2559
เนื่องจากเชื่อว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
ก่อสร้างตลาดฯภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา โดยยังไม่ได้รับการอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์พืช
หลังจากก่อสร้างตลาดฯเสร็จแล้ว
จึงมีการทำรายงานวิจัยผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในภายหลัง ซึ่งขัดต่อกฎหมาย
ที่สำคัญ นอกจากเป็นพื้นที่อุทยานแล้ว
พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นพื้นที่มรดกโลกอีกด้วย
การที่เทศบาลจันทบเพชรไปบุกรุก
และก่อสร้างตลาดฯรวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ
บนพื้นที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา และบนเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์มรดกโลก โดยผิดกฎหมาย
จึงเป็นการกระทำความผิดสำเร็จแล้ว
ไม่สามารถจะแก้ไขให้พ้นไปจากความผิดได้
ได้ทราบว่ามีทหารใหญ่ใน คสช.
ช่วยวิ่งเต้นให้ผู้ใหญ่ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ รีบทำเรื่องอนุญาตย้อนหลังให้
เพื่อให้ช่วยหลุดพ้นจากความผิด
ก็ขอเตือนนะ ถ้าผู้ใดไปเซ็นอนุญาตย้อนหลังให้ มีสิทธิ์ติดคุกแน่
สิ่งที่อธิบดีกรมอุทยานฯสมคววรทำ คือรีบดำเนินคดีกับทุกคนที่บุกรุกที่อุทยานในทันที
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ก็เช่นกัน ต้องหยุดการร่วมกระทำความผิดในทันที
กรณีนี้จะต้องมีการยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการมรดกต่อไป
เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบกรณีเชื่อว่า
เจ้าหน้าที่รัฐของไทยกระทำความผิดเสียเอง
ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ของมรดกโลก
มีข้อมูลว่า กรณีที่ต้องรีบผลักดัน
ให้มีการเปิดจุดผ่านแดนจุดนี้
ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรโดยเร็ว เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐไทย หลายหน่วยงาน
ไปรับเงินก้อนโตจากนายทุนเจ้าของบ่อนกาสิโนมาแล้ว เพื่อให้รีบเปลี่ยนจากจุดผ่อนปรนการค้าฯ
เป็นจุดผ่านแดนถาวร
เนื่องจากขณะนี้บ่อนกาสิโนขนาดใหญ่ ก่อสร้างใกล้จะเสร็จแล้ว(ดูรูปที่ผม ถ่ายหน้าจุดผ่านแดนด้านขวามือ ของผมคือบ่อนการสิโนชื่อ Resort) ก่อสร้างติดหน้าด่านเลย เดินข้ามเขตแดนไม่กี่ก้าว ก็เดินเข้าบ่อนกาสิโนได้เลย
ที่สำคัญ บริเวณที่ก่อสร้างจุดผ่านแดนนี้
เป็นบริเวณที่เขมรบุกรุกเข้ามายึดครอง
ยังเป็นพื้นที่ ที่มีการอ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่
ที่สำคัญ ยังอยู่ในระหว่างการเจรจาของทั้งสองประเทศ
อยากทราบว่าผู้มีอำนาจคนใด
ที่ไปยอมให้เขมรเข้ามาก่อสร้างบ่อนกาสิโน และยอมให้ทหารและพลเรือนเขมร
เข้ามาก่อสร้างตลาด อาคาร ร้านค้า และบ้านเรือน ติดจุดผ่านแดน
บนพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้มีนายทหารที่รับผิดชอบ ชื่อสนธยา ได้ทำการประท้วงและสั่งให้ชุมชนเขมร รื้อถอนอาคารบ้านเรือน ออกไปจากจุดพิพาทในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน แต่เรื่องทำไมเงียบหายไป
มีบิ๊ก คสช.คนใดไปสั่งปิดปาก
หรือเขาได้เลื่อนตำแหน่งให้ใหญ่ขึ้น จึงเหมือนถูกปิดปาก
เรื่องนี้ชัดเจนมาก ไปดูได้เลย ไปที่ด่านจะมองเห็นชุมชนเขมร ตั้งอยู่ติดริมรั้วของด่าน
ทหารไทยที่เฝ้าอยู่ที่นั่นทำอะไรกันอยู่
ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อย่างไร?
เสียอธิปไตยให้เขมรอีกแล้ว
กรณีนี้เชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ทำผิดกฎหมายเสียเอง
และเชื่อว่ามีการทุจริต
และเชื่อว่ามีการขายชาติอีกด้วย
นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา
จะอ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้แล้วนะ
ผมนำมาเปิดเผยอย่างชัดเจนขนาดนี้
ต้องรีบจัดการตามกฎหมายจนถึงที่สุด
กับผู้กระทำความผิดทุกคนในทันที
มิฉะนั้น คนทั่วไปอาจเข้าใจว่านายกฯประยุทธ์ รู้เห็นเป็นใจด้วย หรือช่วยปกป้องผู้ที่กระทำความผิด ไม่ให้ต้องได้รับโทษ
ในอดีตสมัยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
มีการกล่าวหากันถึง การโกงชาติและการขายชาติของรัฐบาลในขณะนั้น
ไม่น่าเชื่อว่าในยุครัฐบาลทหาร คสช. การโกงชาติ และการขายชาติก็ยังไม่หมดไป
(ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง)

รู้จักแวตที่นายกฯพูดถึงอีก1%

รู้จัก VAT ภาษีที่คนจนอาจเสียมากกว่าคนรวย ก่อนที่อาจจะขึ้นเป็น 8% เมื่อนายกฯโยนหินถามทางขอปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม กลายเป็นประเด็นร้อนในทุกวงสนทนา
เมื่อการบริหารประเทศเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เสนอไอเดียเข้าใจง่ายแต่กระเทือนไปทุกวงการ เมื่อรัฐบาลมีรายจ่ายที่สูง รายรับที่ไม่เพียงพอ ก็ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มกันไปเลยและย้ำว่ารัฐบาล "ไม่ได้ตูดขาด" ถ้าอย่างนั้นเราไปรู้จัก "ภาษีมูลค่าเพิ่ม"หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า VAT กันดีกว่า
VAT ภาษีทางตรงที่คนจนอาจเสียแพงกว่าคนรวย
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจ หากจะทำความเข้าใจรายได้ของรัฐบาลมาจาก การจัดเก็บภาษีทั้งสรรพสามิต ศุลกากร และสรรพากร ค่าธรรมเนียมและค่าปรับ การให้สัมปทานต่างๆ กำไรและรายได้จากการบริหารรัฐวิสาหกิจ ทั้งหมดนี้เรียกว่า รายได้ของรัฐบาล (Public Revenue) ซึ่งในตัวภาษีเองก็ยังแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ภาษีทางตรง เช่น ภาษีเงินได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และอีกประเภทคือภาษีทางอ้อม เช่น ภาษีการค้า ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น
ในครั้งนี้เราจะขอพูดถึงภาษีทางอ้อมที่เรียกว่า "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" หรือ Value Added Tax นั่นคือภาษีที่จะถูกรวมไปในเมื่อเราซื้อสินค้าและบริการบางประเทศเรียกว่า "ภาษีการบริโภค" (Consumption Tax) ซึ่งไม่ว่าใครจะจับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีจะถูกรวมไปด้วยแล้ว พอฟังเผินๆดูเหมือนว่าภาษีดังกล่าวมีความเท่าเทียมถ้วนหน้าระหว่างคนรวยและคนจน
แต่มีรายงานจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่น่าสนใจ ข้อค้นพบคือ "คนจนอาจซื้อของได้แพงกว่าคนรวย"โดยมีการยกตัวอย่างเช่น การซื้อกระดาษทิชชู่คนรวยสามารถซื้อแบบเหมาแพ็คในราคาลดได้ แต่คนจนไม่มีเงินเพียงพอจึงซื้อกระดาษทิชชู่ปลีกแบบทีละม้วนทำให้ได้ราคาที่แพงกว่า หากเทียบกับการซื้อกระดาษทิชชู่แบบแพ็ค เราจะเห็นว่าเงินในมือของคนรวยและค่าคนจนมีค่ามากไม่เท่ากัน
ภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศไทย แพงไปจริงหรือ?
แท้จริงแล้วในประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 10% แต่ทั้งนี้ ตั้งแต่  2540 เป็นต้นมา แต่ไม่มีรัฐบาลใดที่กล้าเก็บตามจำนวนเพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งย่อมกลัวการกระทบกับฐานเสียงประชาชน คณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% เป็นประจำทุกปี ซึ่งจะมีการแบ่งสรรปันส่วนว่า1ส่วนจาก10 ส่วนจะตกเป็นขององค์กรปกครองท้องถิ่น ส่วนที่เหลือก็จะไปเข้ารัฐบาลกลาง
หากเปรียบเทียบประเทศในอาเซียน ที่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสิงคโปร์เก็บที่ 7% มาเลเซีย 5% ส่วนชาติที่เก็บมากกว่าไทยคือกัมพูชา 10% อินโดนีเซีย 10% ลาว 10% ฟิลิปปินส์ 12% และเวียดนาม 10% น่าสนใจว่าค่าเฉลี่ยถือว่าไม่สูงนักหากเทียบกับ ประเทศพัฒนาแล้วเช่น ในแถบสแกนดิเนเวีย อย่าง นอร์เวย์ 25%และ เดนมาร์ก 25%หรือประเทศในกลุ่มยุโรป เช่นเยอรมนี 19% และฝรั่งเศส 20% ส่วนชาติมหาอำนาจอื่นๆ  เช่น จีนเก็บเฉลี่ยที่ 17% ญี่ปุ่น 8% และสหราชอาณาจักร 20%
ตัวเลขระดับของภาษีมูลค่าเพิ่มอาจไม่สำคัญเท่ากับว่า เงินภาษีมูลค่าเพิ่มถูกนำไปใช้เพื่อพัฒนาประเทศอย่างไรบ้าง เพราะถึงแม้สมมุติไทยจะปรับเป็น 8% เท่ากับญี่ปุ่น แต่หากการบริหารงานภาครัฐของไทยมีประสิทธิภาพด้อยกว่าญี่ปุ่น 8%ที่เท่ากันอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน และสำคัญที่สุดก็คือเงินที่ถูกจัดเก็บไปในสามารถโปร่งใสและตรวจสอบได้หรือไม่ในการใช้งาน? ซึ่งจะโปร่งใสที่สุดก็ต่อเมื่อมีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลที่เข้มแข็ง และ มีตัวแทนประชาชนเช่นผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประชาชน และร่วมวางแผนพัฒนาประเทศ
ดังนั้นคำถามที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่ว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะปรับขึ้น VAT เป็น 8%แล้วหรือยัง? แต่คือแผนการบริหารประเทศของรัฐบาลที่จะนำภาษีของประชาชนไปใช้อย่างคุ้มค่ามีอะไรบ้าง? และเราสามารถตรวจสอบถ่วงดุลการนำภาษีของเราไปใช้ได้อย่างไร ในยุคที่การตรวจสอบถ่วงดุลในปัจจุบันไม่สามารถทำได้ และประชาชนไม่มีตัวแทนที่เป็นปากเป็นเสียงในการนำเสนอแนวทางการบริหารประเทศเช่นนี้ เพราะเท่าที่เห็นในยุคปัจจุบันมีการปรับลดสวัสดิการประชาชนไปพอสมควร

‘สุริยะ-วิเชษฐ์-ทนง-กนก’โดน ป.ป.ช.สอบคดีสินบนโรลส์รอยซ์-‘บวรศักดิ์-วิโรจน์’ติดโผด้วย

มติที่ประชุม กก.ป.ป.ช. ตั้งองค์คณะไต่สวนคดีโรลส์-รอยซ์ จ่ายสินบน จนท.รัฐ เอื้อการบินไทยซื้อเครื่องยนต์ปี’47-48 รวม 26 ราย ‘สุริยะ-วิเชษฐ์’ 2 รมต.คมนาคมยุค ‘ทักษิณ’ ‘ทนง-กนก’ รวมบอร์ดการบินไทย 15 ราย คณะอนุฯพิจารณาแผนฯอีก 9 ราย ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ-วิโรจน์ นวลแข-ชาติศิริ โสภณพนิช-พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์’ ติดโผด้วย
PIC binthairollroyce 9 3 60 1
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2560 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 ราย เป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาบริษัท โรลส์-รอยซ์ จ่ายสินบนเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อเอื้อประโยชน์บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการจัดซื้อเครื่องยนต์ของบริษัท โรลส์-รอยซ์ ในช่วงที่ 3 เมื่อปี 2547-2548 โดยมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 26 ราย ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี อดีต รมช.คมนาคม นายทนง พิทยะ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท การบินไทยฯ นายกนก อภิรดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท การบินไทยฯ พร้อมกับบอร์ดการบินไทยยกคณะในช่วงปี 2547-2548 รวม 15 ราย และคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท การบินไทยฯ อีก 9 ราย
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติตั้งองค์คณะไต่สวนกรณีกล่าวหานายสุริยะ นายวิเชษฐ์ นายทนง นายกนก รวมถึงผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องรวม 26 ราย เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในช่วงปี 2547-2548 ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 26 ราย เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง B777-200ER พร้อมเครื่องยนต์สำหรับติดตั้งเครื่องบิน และการจัดซื้อเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบินแอร์บัส A340-500/600 จำนวน 6 ลำ เพิ่มเติมรวม 7 เครื่อง จากบริษัทโรลส์-รอยซ์ ซึ่งทั้งหมดมีหน้าที่ทำ และจัดการเกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินและเครื่องยนต์ดังกล่าว ร่วมกันใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้บริษัทโรลส์-รอยซ์ ได้รับประโยชน์ในการทำสัญญาขายเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินให้แก่บริษัท การบินไทยฯ โดยนอกเหนือจากกรรมการ ป.ป.ช. เป็นองค์คณะไต่สวนแล้ว ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกร่วมเป็นองค์คณะไต่สวนด้วย ได้แก่ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อธิบดีอัยการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นต้น
ส่วนกรณีการจัดซื้อช่วงที่ 1 ปี 2534-2535 และช่วงที่ 2 ปี 2535-2540 การแสวงหาข้อเท็จจริงของพนักงานเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รายละเอียดพอรับฟังได้ว่ามีใครเข้าไปร่วมกระทำความผิดบ้าง จึงให้แสวงหาข้อเท็จจริงต่อไป
ส่วนการไต่สวนกรณีการจ่ายสินบนนั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า เบื้องต้น ป.ป.ช. ได้ชื่อคนกลางเป็นเอกชน ที่ทำหน้าที่ประสานระหว่างบริษัท โรลส์-รอยซ์ และผู้ถูกกล่าวหาแล้ว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่า เชื่อมโยงกับใคร อย่างไร ขณะนี้มีคณะทำงานที่กำลังดูเรื่องกระแสทางการเงินว่า ถ้าเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเชื่อมโยงกับใคร สามารถเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวนเพิ่มเติมได้ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนร่วม หรือช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการกระทำความผิด
เมื่อถามว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตสหราชอาณาจักร (SFO) ส่งข้อมูลให้กับ ป.ป.ช. หรือยัง นายสรรเสริญ กล่าวว่า SFO ยังไม่ได้ส่งรายละเอียดมาให้ คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ส่วนข้อมูลอย่างเป็นทางการจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ ผ่าน อสส. เพราะพยานหลักฐานในสำนวนที่จะส่งฟ้องศาลต้องได้มาอย่างถูกต้อง ขณะนี้ ป.ป.ช. กำลังดำเนินการ คาดว่าจะส่งเรื่องให้ อสส. ในเร็ว ๆ นี้ 
เมื่อถามว่า หากท้ายสุด SFO ไม่ส่งข้อมูลมาให้ จะทำให้การตรวจสอบเรื่องรับสินบนลำบากขึ้นหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ยอมรับว่ายากขึ้น แต่ถ้าโชคดีไปจ๊ะเอ๋เจอเส้นทางการเงิน อาจตามจับเรื่องการรับสินบนได้ โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลจาก SFO
ส่วนกรณีบริษัท โรลส์-รอยซ์ ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. สำรวจและปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. จัดซื้อเครื่องยนต์ของโรลส์-รอยซ์ นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แยกข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเลขที่เรื่องกล่าวหาใหม่ เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ถูกกล่าวหาเบื้องต้นนอกเหนือจากรายชื่อข้างต้นแล้ว ยังปรากฏชื่อ นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญปี 2557 นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย (ปัจจุบันถูกคำพิพากษาศาลฎีกาฯจำคุก 18 ปี ในคดีทุจริตปล่อยสินเชื่อให้กับเครือกฤษดามหานคร) นายโอฬาร ไชยประวัติ คณะทำงานฝ่ายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และ พล.ต.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการการบินไทย เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย

#สินบนโรลส์รอยซ์

"บิ๊กโด่ง" เผย จีน - ยูเครน เล็งลงทุนสร้าง โรงงานผลิตอาวุธ-อะไหล่ ในไทย

มาแน่.....จีน -ยูเครน
"บิ๊กโด่ง" เผย จีน - ยูเครน เล็งลงทุนสร้าง โรงงานผลิตอาวุธ-อะไหล่ ในไทย หลังกองทัพซื้อรถเกราะ BTR ยูเครน และรถถังจีน VT4 มีพื้นที่รองรับแล้ว ชี้ ต้องแก้ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดทาง ยันไม่ใช่ผูกขาดซื้ออาวุธ จีน -ยูเครน ขออย่ามองอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ในแง่ลบ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ฟัง สรุปผลการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่องการพัฒนากิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและมอบนโยบายการพัฒนากิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม
โดยมี บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฐิตินันท์ ธัญญสิริ ผอ.ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร DTI ร่วม

โดยผลการสัมมนาสรุปว่า การจัดตั้งโรงงานซ่อมสร้างอาวุธนั้น จะตั้งคณะกรรมการเพื่อกำหนด ข้อปฏิบัติให้ชัดเจน ข้อดีข้อเสียและเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณา ใน 3 รูปแบบ คือ 1.ให้ส่วนราชการจัดตั้ง 2.ภาคเอกชนและส่วนราชการร่วมกันจัดตั้ง 3.ภาคเอกชนจัดตั้ง
สำหรับผู้ลงทุนต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานซ่อมสร้างในไทยนั้น ต้องเสนอให้ ครม.เพื่อแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร. วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม เรื่องการพัฒนากิจการด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการวิจัยพัฒนาเพื่อมุ่งไปสู่การผลิตใช้ในราชการและเพื่อการพาณิชย์ ให้เกิดผลเป็นรูปประธรรมภายใน 2560
และยังเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านความมั่นคงและลดภาระงบประมาณในการนำเข้าจากต่างประเทศ ด้วยการส่งเสริมและแสวงหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ภายในและภายนอกประเทศ
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า การผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้เป็นรูปธรรม และขอให้หน่วยขึ้นตรง กระทรวงกลาโหมให้ความร่วมมือในด้านการผลิต
โดยกำหนดความต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์ล่วงหน้า 5 ปี หรือในระยะยาว พร้อมให้ความสำคัญเข้าร่วมประชุมกับศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหารทุกครั้ง
พร้อมบูรณาการความต้องการ ทั้ง กระสุน วัตถุระเบิด ซ่อมยานยนต์ทุกประเภท และทำให้ผลผลิตการวิจัยมีมาตรฐานไปสู่สายการผลิต จัดทำโครงการ 5 ปี ให้เสร็จเดือนเมษายนนี้

พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า สำหรับการตั้งโรงงานซ่อมสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์กับมิตรประเทศนั้น ขอให้ศึกษาถึงความเป็นไปได้โครงการ หนทางการปฏิบัติที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมและขอให้ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้เช่นกัน
ในเรื่องการแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ต่างๆซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลา แต่ในส่วนการปรับแก้ไขประกาศกระทรวงกลาโหมเรื่องรายการยุทธการทางทหารสามารถดำเนินการได้เร็วกว่า
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ในเรื่องของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศประชาชนมักจะมองในด้านลบเป็นส่วนมาก ซึ่งอยากชี้แจงว่า การดำเนินดังกล่าวมีผลดีในหลายด้าน ทำให้กองทัพสามารถพึ่งพาตนเองได้
สำหรับความร่วมมือกับมิตรประเทศในการตั้งโรงงานซ่อมสร้างกับจีนยูเครน อยู่ในระหว่างการดำเนินการ เพื่อหาแนวทาง ซึ่งก็มีหลักการอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาศึกษาอีกสักระยะหนึ่งก็จะทำให้หนทางในการปฏิบัติมีความชัดเจน และนำเสนอรมว.กลาโหมได้

พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า การร่วมมือกับมิตรประเทศในการตั้งโรงงานซ่อมสร้างนั้น มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากว่าในอนาคตเมื่อเรามีอุปกรณ์จากมิตรประเทศเข้ามา หากชำรุด ต้องเข้ารับการซ่อมบำรุง หากเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือผลิตชิ้นส่วนอะไหล่บางอย่างที่มีความจำเป็นต้องใช้ สามารถลดปัญหาในเรื่องการใช้งบประมาณได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ ทางประเทศจีน และยูเครน มีความพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว เพียงแต่เขารอแนวทางความชัดเจน
ทั้งนี้การตั้งโรงงานซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์จะต้องมีการแยกว่า ยุทโธปกรณ์ชนิดไหนซื้อมาจากประเทศไหน อย่างของจีนหรือยูเครนก็ต้องแยกกัน. จะนำมารวมกันไม่ได้
รวมทั้งความยินยอมของมิตรประเทศหากยอมรับในข้อตกลงได้ก็สามารถดำเนินการเข้ามาลงทุนได้ทันที ไม่จำเป็นที่จะต้องทำพร้อมๆกันทุกประเทศ
ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ มีห้วงระยะเวลาในการดำเนินการอยู่แล้ว รวมทั้งสำรวจ ยุทโธปกรณ์ต่างๆที่เราใช้อยู่ หากของประเทศใดมีจำนวนไม่มากนักก็ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานซ่อมสร้าง
และยืนยันว่าการจัดตั้งโรงงานซ่อมสร้างจะไม่เป็นการผูกขาดว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่อไปจะต้องมาจากประเทศนั้นๆ
ส่วนพื้นที่ที่จะตั้งโรงงานซ่อมสร้างนั้นได้ลงพื้นที่ดูเบื้องต้นเอาไว้แล้ว

ไม่ขอให้ใคร มารักกัน เข้าใจมั้ย?

"บิ๊กตู่"กลับถิ่น บูรพาพยัคฆ์ ปราจีนบุรี ลั่น 
ผมไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง ไม่ต้องการให้ใครรัก แต่ต้องการความร่วมมือ และไม่ได้มาหาเสียง พูดแล้ว ทำได้เพียงส่วนน้อย ...ชี้ ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาพยายามทำทุกอย่างเต็มที่ แต่มีการต่อต้าน ไม่เข้าใจ แต่เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ว่าอะไรเพราะทุกคนเป็นคนไทย
ระบุ วันหน้าต้องเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว แต่ต้องดูว่าจะเป็นประชาธิปไตยอย่างไร จึงขออย่าให้บิดเบือน ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศไทยที่ต้องยอมรับ ไม่ใช่แก้ด้วยกฎหมาย แต่ต้องแก้ด้วยทุกคน
"ขอทุกคนอย่าคิดแต่เรื่อง อยากมีอำนาจให้คนเคารพนับถือ เพราะทุกวันนี้ปั่นป่วนกันแต่เรื่องอำนาจ ทุจริต จึงต้องคิดว่าอำนาจต้องได้มาจากประชาชน ที่มีความเข้าใจ ไม่ใช่เข้ามาแล้ว ใช้อำนาจมาแล้วทำอะไรก็ได้ แต่ต้องมีธรรมาภิบาลในการบริหารด้วย
ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าชุมนุมที่ใดก็ต้องใช้กฎหมายเดียวกัน ต้องขึ้นศาลและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่ผิดก็ต้องต่อสู้คดี ไม่สามารถยกโทษให้ใครได้ เพราะจะเสียหายไปหมดทุกเรื่อง ซึ่งทุกคนคงเข้าใจว่าผมพูดถึงอะไร
หากวันนี้ ผมไม่อยู่อาจจะสบายหู แต่อาจจะไม่สบายใจ แต่ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุดในช่วงที่ยังสามารถทำให้ได้
"ขออย่าให้ใครนำเรื่องรัฐธรรมนูญมาอ้าง เพราะรัฐธรรมนูญเขียนเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน แต่การบังคับใช้รัฐธรรมนูญมาจากกฎหมายลูกที่กำหนดไว้หลายพันฉบับ อย่าให้ใครอ้างว่ารัฐบาลหรือ คสช. ละเมิดสิทธิมนุษยชน
รัฐบาลไม่ต้องการใช้กำลังหรือกฎหมาย แต่ขณะนี้มาตรา 44 ก็ใช้ไม่ได้ หากคนไม่เชื่อก็จะเกิดการใช้กำลัง จนเจ้าหน้าที่ถูกต่อว่าอยู่แบบนี้ จึงขอให้ทุกคนร่วมมือและมีหลักคิด
ส่วนกรณีวัดพระธรรมกาย ผิดถูกหรือเปล่า เป็นเรื่องของศาสนา แต่ไม่มีใครฝ่าฝืนกฎหมายได้

“ลีลาวดี” บุกยื่นหนังสือถึงนายกฯ สะอื้นขอให้ยกเลิกคำสั่ง ม.44

“ลีลาวดี” บุกยื่นหนังสือถึงนายกฯ สะอื้นขอให้ยกเลิกคำสั่ง ม.44 ชี้หมดความชอบธรรมหลังไม่พบตัวธัมมชโย ลั่นขอทวงคืนวัดพระธรรมกายคืนให้พุทธศาสนา
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 มีนาคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ลีลาวดี วัชโรบล ในฐานะตัวแทนวัดพระธรรมกาย เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกฯ โดย น.ส.ลีลาวดีกล่าวว่า อยากให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว เพราะขณะนี้ถือว่าเป็นวิกฤตของศาสนาเลยทีเดียว เพราะตามหน้าหนังสือจะเห็นว่า ศรัทธาของชาวพุทธถูกลิดรอนไป ทั้งนี้ สำหรับข้อเสนอที่อยากเรียกร้องต่อนายกฯวันนี้คือ มาตรา 44 ที่ออกมาเพื่อสนับสนุนหมายค้น และนำไปสู่หมายจับนั้น ขณะนี้หมายค้น และหมายจับพระธัมมชโยหมดอายุไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นั่นหมายความว่า ความชอบธรรมของมาตรา 44 นั้นหมดไปแล้ว เพราะการเขียนกฎหมายต้องมีวัตถุประสงค์ และเจตนารมณ์กำกับ ในเมื่อเจตนารมณ์ของการออกกฎหมายอันนี้หมดอายุไปแล้ว แต่ทั้งทหารและตำรวจก็ยังอยู่รอบๆ วัดพระธรรมกาย ซึ่งถือเป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชน เพราะพี่น้องที่อยู่รอบๆวัดพระธรรมกายก็ได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะโดนตัดสัญญาณมือถือ ไม่กล้าออกไปไหนเพราะกลัวจะกลับเข้าบ้านไม่ได้ เป็นต้น จึงอยากฝากนายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศว่า ขณะนี้มาตรา 44 ไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 โดยเร็ว
เมื่อถามว่า รัฐบาลบอกการออกมาตรา 44 ก็เพื่อควบคุมพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากพื้นที่ น.ส.ลีลาวดีกล่าวว่า ตลาดฝั่งตรงข้ามเห็นด้วยว่าไม่มีพระธัมมชโยอยู่แน่ๆ ทำไมจึงมีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจอยู่ ประเด็นคือ หากใช้อำนาจมาตรา 44 เกินขอบเขต จนละเมิดสิทธิมนุษยชนแบบนี้ไม่เหมาะ ไม่ควร ตนในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งรู้สึกอาย และความอายนี้ท่านไม่สามารถมาแก้ได้ วันนี้พวกเราขอทวงคืนวัดพระธรรมกายคืนให้พุทธศาสนา อย่าให้พวกเราต้องหมดความอดทน เพราะความอดทนของแต่ละคนมีขีดจำกัด ประเทศชาติอยากเดินไปข้างหน้า ท่านบอกจะคืนความสุขให้พี่น้องประชาชน ขอคืนความสุขให้กับพวกเราด้วย
เมื่อถามว่า หากยังไม่มีความคืบหน้า หรือตอบรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำอย่างไรต่อไป น.ส.ลีลาวดีกล่าวว่า เนื่องจากประเทศมีกฎหมายเป็นบรรทัดฐาน เราก็ร้องขอให้ผู้นำยึดตามกฎหมาย เมื่อมาตรา 44 ไม่ชอบธรรมแล้วในขณะนี้ เราก็ต้องทำไปทีละขั้นตอน ส่วนตอนนี้ต้องบอกว่า วัดพระธรรมกาย ไม่ว่าพระ เณร อุบาสก อุบาสิกา สู้ด้วยมือเปล่ามาตลอด เราอดทนอดกลั้น ตอนนี้ข้าว 1 ห่อ พระ เณรต้องฉันกันสิบรูป ไม่มีอาหารแล้ว ไม่รู้ว่าชาวพุทธทั้งประเทศยังทนกันอยู่ได้อย่างไร วันนี้ตนในฐานะที่เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง ตนอายเวลาที่ต้องไปตอบคำถามคนที่อยู่ต่างประเทศแล้วเขาถามว่า ไทยเป็นเมืองพุทธจริงไหม ทำไมปล่อยให้พระ เณรต้องอดอยาก ตนจึงมาร้องขอต่อนายกฯ ตนขออ้อนวอน เพื่อเห็นแก่พระพุทธศาสนาในผืนแผ่นดินนี้ ได้โปรดยกเลิกมาตรา 44 ห้ามไม่ให้เอาน้ำเข้า ห้ามสวดมนต์ อย่าใจดำนักเลย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน น.ส.ลีลาวดีได้กลั้นสะอื้นและพยายามข่มอารมณ์ในการตอบคำถามผู้สื่อข่าวเป็นบางช่วง ก่อนที่จะยกมือไหว้ขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยทวงถามนายกรัฐมนตรีให้ด้วย

นายกฯ ขอขึ้นภาษี 1% เพิ่มรายได้รัฐ 1 แสนล้าน วอนปชช.ช่วยกันเสียสละ ยันรัฐบาลไม่ได้ตูดขาด

นายกฯ ขอขึ้นภาษี 1% เพิ่มรายได้รัฐ 1 แสนล้าน วอนปชช.ช่วยกันเสียสละ ยันรัฐบาลไม่ได้ตูดขาด


          9 มี.ค. 60 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงบประมาณของประเทศว่า ประเทศไทยอยู่ด้วยระบบทุนนิยมเสรี ซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ และมีภาษีจากข้าราชการ ที่มีการเสียภาษีเต็มจำนวนทั้งหมด ขณะที่ประชาชนจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ vat ซึ่งยังอยู่ที่ร้อยละ 7 มาหลายปี แต่หากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 จะทำให้รายได้ประเทศเพิ่มขึ้นกว่าแสนล้านบาท 
          "อยากขอร้องว่าจะมีการเสียสละได้หรือไม่ เพราะทำให้งบประมาณของรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อเอางบประมาณดังกล่าวไปทำในสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง ขณะเดียวกันราคาสินค้าไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ตูดขาด เพราะเดินด้วยความระมัดระวังและมีภูมิคุ้มกันอยู่ตลอด สามารถบริหารจัดการได้ เงินกู้ต่างๆ อยู่ในกรอบทั้งหมด และหนี้สาธารณะลดลง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว  
          นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่กำลังลงทุนจะเกิดมูลค่าและรายได้ในปีหน้าและปีต่อไป ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ หลายอย่างรัฐบาลไม่สามารถทำเร็วมากได้ เพราะยังติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย ขออย่าทำอะไรตามใจมากนัก.