PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ไม่เกี่ยวกับ "ม็อบ"ใต้

ไม่เกี่ยวกับ "ม็อบ"ใต้
"บิ๊กป้อม" แจง ครม.แค่ต่ออายุ "พรบ.ความมั่นคงฯ" ไม่เกี่ยว ออกมา ปราบม็อบโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็น พรบ.ที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่ของใหม่ แต่จะหมดอายุ30พย.นี้ จึงต่ออายุ อีก1 ปี ในการดูแลความสงบใน 4อำเภอ จ.สงขลา และ อ.แม่ลาน ปัตตานี ไม่ได้ออกมา เพื่อคุมพื้นที่เริ่อง สร้างโรงไฟฟ้า หรือม็อบ
ส่วนแกนนำ ผู้ชุมนุมนั้น พลเอกประวิตร ตอนนี้อยู่ในขั้นศาลแล้ว เพราะความผิด เรื่องการใช้ความรุนแรงกับจนท. กีดขวางจราจร นี่ไม่ได้ใช้พรบ.การชุมนุม ตอนนี้เป็นเรื่องศาล เพราะเราใช้กม.ปกติ ไม่ได้ใช้กม.การเมือง
ส่วนจะรอมชอมได้หรือไม่นั้น ต้องไปพูดกับศาล เพราะเป็นขั้นตอนการพิจารณาของศาลแล้ว และ จนท.ตำรวจ
เมื่อถามว่า อาจนำเรื่องนี้ ไปจุดประเด็นโจมตีรัฐบาล หรือไม่นั้น พลเอกประวิตร คิดว่า ไม่ เพราะเราไม่ได้ใช้พรบ.การชุมนุม และก่อนหน้านี้ ก็บอกผู้ชุมนุม แล้วว่า อย่าไป อย่าเข้ามา แค่ส่งหนังสือมา พอ แต่นี่เข้าไปใกล้ที่พักนายกฯ จะเข้าไปได้ยังไง
ส่วนการที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ปล่อยตัวนั้น. พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับ สิทธิมนุษยชน เพราะเขาทำผิดกม. ถ่าทุกคนไม่ทำตามกม. บ้านเมือง จะอยู่ได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องกม.การขัดขวางการทำงานของ จนท. กีดขวางการจราจร
แต่เชื่อว่า ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่มี ไม่มี และจะไม่กระทบภาพลักษณ์ของรัฐบาล -คสช.เพราะ จนท. ทำตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ทำตามคำสั่งใคร
และไม่กลัวว่า จนท.วางยา รัฐบาล "ไม่มี ไม่กลัว" เพราะเราไม่ได้ใช้ พรบ.การชุมนุม
ส่วนคนในพื้นที่ จะรวมพลังกดดัน รัฐบาลนั้น จะกดัันได้ยังไง เพราะเราทำตามกม.
ไม่อย่างนั้น ก็ไปกดดันทางศาลสิ
ทั้งนี้ ต้องการทำให้เป็นนคดีตัวอย่าง สำหรับการชุมนุมอื่นๆด้วยว่า ทุกคนต้องทำงานภายใต้กม.เดียวกัน

"บิ๊กป้อม" ไม่รอมชอม "ม็อบ โรงไฟฟ้า"

"บิ๊กป้อม" ไม่รอมชอม "ม็อบ โรงไฟฟ้า" ส่งขึ้นศาลแล้ว ยันยึดกม. เหตุทำรุนแรงกับจนท. ไม่เกี่ยวสิทธิมนุษยชน ไม่กลัววางยา โจมตีรัฐบาล ไม่กระทบภาพลักษณ์ รัฐบาล
แจงครม.แค่ต่ออายุ "พรบ.ความมั่นคงฯ4อำเภอ ชายแดนใต้. ไม่เกี่ยวกับ "ม็อบ"ใต้
"บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมชี้แจง ครม.แค่ต่ออายุ "พรบ.ความมั่นคงฯ" ไม่เกี่ยว ออกมา ปราบม็อบโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็น พรบ.ที่มีอยู่แล้ว ไม่ใช่ของใหม่ แต่จะหมดอายุ30พย.นี้ จึงต่ออายุ อีก1 ปี ในการดูแลความสงบใน 4อำเภอ จ.สงขลา และ อ.แม่ลาน ปัตตานี ไม่ได้ออกมา เพื่อคุมพื้นที่เริ่อง สร้างโรงไฟฟ้า หรือม็อบ
ส่วนแกนนำ ผู้ชุมนุมนั้น พลเอกประวิตร ตอนนี้อยู่ในขั้นศาลแล้ว เพราะความผิด เรื่องการใช้ความรุนแรงกับจนท. กีดขวางจราจร นี่ไม่ได้ใช้พรบ.การชุมนุม ตอนนี้เป็นเรื่องศาล เพราะเราใช้กม.ปกติ ไม่ได้ใช้กม.การเมือง
ส่วนจะรอมชอมได้หรือไม่นั้น ต้องไปพูดกับศาล เพราะเป็นขั้นตอนการพิจารณาของศาลแล้ว และ จนท.ตำรวจ
เมื่อถามว่า อาจนำเรื่องนี้ ไปจุดประเด็นโจมตีรัฐบาล หรือไม่นั้น พลเอกประวิตร คิดว่า ไม่ เพราะเราไม่ได้ใช้พรบ.การชุมนุม และก่อนหน้านี้ ก็บอกผู้ชุมนุม แล้วว่า อย่าไป อย่าเข้ามา แค่ส่งหนังสือมา พอ แต่นี่เข้าไปใกล้ที่พักนายกฯ จะเข้าไปได้ยังไง
ส่วนการที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้ปล่อยตัวนั้น. พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกับ สิทธิมนุษยชน เพราะเขาทำผิดกม. ถ้าทุกคนไม่ทำตามกม. บ้านเมือง จะอยู่ได้อย่างไร เพราะเป็นเรื่องกม.การขัดขวางการทำงานของ จนท. กีดขวางการจราจร
แต่เชื่อว่า ไม่มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่มี ไม่มี และจะไม่กระทบภาพลักษณ์ของรัฐบาล -คสช.เพราะ จนท. ทำตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ทำตามคำสั่งใคร
และไม่กลัวว่า จนท.วางยา รัฐบาล "ไม่มี ไม่กลัว" เพราะเราไม่ได้ใช้ พรบ.การชุมนุม
ส่วนคนในพื้นที่ จะรวมพลังกดดัน รัฐบาลนั้น จะกดดันได้ยังไง เพราะเราทำตามกม.
ไม่อย่างนั้น ก็ไปกดดันทางศาลสิ
ทั้งนี้ ต้องการทำให้เป็นคดีตัวอย่าง สำหรับการชุมนุมอื่นๆด้วยว่า ทุกคนต้องทำงานภายใต้กม.เดียวกัน

"บิ๊กป้อม" เมิน พรรคประชาธิปัตย์-เพื่อไทย จับมือ สกัด บิ๊กตู่-คสช.

"บิ๊กป้อม" เมิน พรรคประชาธิปัตย์-เพื่อไทย จับมือ สกัด บิ๊กตู่-คสช. ชี้ อยากจับมือกัน ก็ให้เขาจับไป อยากจับก็จับไป เราก็ทำงาน เราไม่เกี่ยวนี่ เราไม่ใช่นักการเมือง ยันไม่ใช่ คู่แข่ง ปชป.-เพื่อไทย" ปัด ตั้งพรรคทหาร
พลเอกประวิตร กล่าวถึงการที่พรรคประชาธิปัตย์-เพื่อไทย อาจจับมือกันเพื่แสกัด บิ๊กตู่-คสช. ว่า อยากจับมือกัน ก็ให้เขาจับไป อยากจับก็จับไป เราก็ทำงาน เราไม่เกี่ยวนี่ เราไม่ใช่นักการเมือง
เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนว่า 2 พรรค มอง คสช.เป็นคู่แข่ง หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ๆ เพราะทหารยังไม่ได้ทำอะไรเลย จะมาเป็นคู่แข่งอะไร
ส่วนที่มีข่าวว่า ท่านจะตั้งพรรคทหารนั้น พลเอกประวิตร กล่าวว่า ใครลือ สื่อลือเหรอ
ส่วนกรณีที่ นายอเนก เหล่าธรรมทัศน์ระบุว่า ปชช. ต้องการให้ ทหารเข้ามาแก้ปัญหา แค่ระยะหนึ่ง ไม่ได้ต้องการ ให้ ทหารอยู่ยาว นั้น พลเอกประวิตร ไม่ตอบ แต่ให้ไปถาม นายอเนก เอง

ทำไมต้องต่ออายุ พรบ.มั่นคงชายแดนใต้

ทำไมต้องต่ออายุ พรบ.มั่นคงชายแดนใต้
"กอ.รมน."แจง ต่ออายุ "พรบ.ความมั่นคง ฯ"4 อำเภอ สงขลา-แม่ลาน ปัตตานี แก้ไฟใต้ ตั้งแต่ปี2552 ส่วน ปัตตานี ยะลานราธิวาส ใช้ "พรก.ฉุกเฉิน"/ยัน ไม่เกี่ยว ม็อบต้านโรงไฟฟ้าเทพา วอนอย่าเชื่อมโยงกัน

พล.ต.พีรวัชฌ์ แสงทอง โฆษกกอ.รมน. กล่าวถึงกรณีประกาศ พื้นที่ปรากฎเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ2551 ในพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี กับ อ.จะนะ อ.นาทีวี อ.เทพา และอ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ว่า มีการใช้กฎหมาย มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2552 ซึ่งกฎหมายนี้มีอายุ 1 ปี และจะสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 ดังนั้นจึงต้องขอต่ออายุ เพื่อขยายเวลาเป็นช่วงๆ
โดยกอ.รมน.เสนอต่อคณะรัฐมนตรี จากนั้น พิจารณาอนุมัติขึ้นมา ให้ขยายเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561
ส่วนเหตุผลนั้น เพื่อรักษาความปลอดภัย การดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่ให้สภาวะแวดล้อมในการประกอบอาชีพของประชาชนได้อย่างสันติสุข
พล.ต.พีรวัชฌ์ กล่าวว่า การประกาศต่ออายุกฎหมายฉบับนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องม็อบต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน อ.เทพา แต่อย่างใด เพราะเรื่องนั้นเป็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐตามปกติ หากใครผิดก็ว่าไปตามผิด ซึ่งไมได้เกี่ยวข้องกับกฎหมายนี้
อีกทั้งการประกาศใช้กฎหมายนี้ สอดคล้องนโยบายการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขออย่าให้ไปเชื่อมโยงกับเรื่องม็อบ จะทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
ต่อข้อถามที่ว่ามีการต้องข้อสังเกต หากมีการชุมนุมในพื้นที่ 5 อ. จะใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ กับผู้ชุมนุม ได้หรือไม่ พล.ต.พีรวัชฌ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกฎหมายพิเศษ 3 ฉบับ คือ1. กฎอัยการศึก ซึ่งเวลานี้ไม่ได้มีใช้ใน3 จังหวัดใช้แดนภาคใต้แล้ว
2. พ.ร.ก. บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ใช้อยู่ใน3 จ.ใต้
และ3. พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ ที่ใช้ในอำเภอแม่ลาน ปัตตานี และ4 อำเภอของ สงขลา
ซึ่งทั้ง 5 อำเภอ เป็นพื้นที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่รัฐสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ ดังนั้นจึงบังคับใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่รัฐ แก้ไขปัญหา ไม่ให้ขยายปัญหาความมั่นคงออกนอกพื้นที่
"ขอให้เข้าใจว่ากฎหมาย ที่มีไว้เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ พื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และพื้นที่ อ.จะนะ , อ.เทพา , อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในพื้นที่ 5 อำเภอนี้ เป็นพื้นที่ที่ยังคงปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ได้ระดับหนึ่ง
จึงได้มีประกาศกำหนดพื้นที่ความมั่นคง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้มีประกาศกำหนดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ในการประกาศมีการกำหนดเป็นระยะเวลา 1 ปี
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน รวมทั้งการบริหารจัดการรักษาความสงบและความปลอดภัยให้มีเอกภาพและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ยังคงต้องกำหนดมาตรการป้องกันไว้เช่นเดิม เพื่อให้สามารถดำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ มีสภาวะแวดล้อมสังคมที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ประกอบอาชีพได้อย่างปกติสุข และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถ อำนวยการ และยุติหรือแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้โดยเร็ว
ส่วนการเกิดเหตุการณ์เมื่อ 27 พ.ย.60 กรณีกลุ่มต่อต้านโรงไฟฟ้าเทพานั้น เป็นการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายปกติของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศฉบับนี้ อย่าได้นำมาเชื่อมโยงกันซึ่งจะทำให้สังคมเข้าใจผิดและนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมได้
จึงขอชี้แจงให้ประชาชนรับทราบถึงเจตนารมณ์ของการประกาศฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้สังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความปลอดภัย ปราศจากเงื่อนไขความรุนแรง และมีกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน
ส่วนเหตุการณ์ม็อบ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จะดำเนินการตามกฎหมายปกติของพนักงานสอบสวน ดังนั้นอย่านำมาเชื่อมโยงกัน เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน

9.00 INDEX : ‘ความหมาย’ ฉัตรชัย สาริกัลยะ จากมุมของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

9.00 INDEX : ‘ความหมาย’ ฉัตรชัย สาริกัลยะ จากมุมของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา


การออกมาการันตี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทรงบทบาทและมีความหมาย
เพราะยืนยันว่า “ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”
“พล.อ.ฉัตรชัยก็อยู่กับผมอยู่แล้ว ผมสามารถสอบถามติดตามเรื่องต่างๆได้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวล ยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น”
แต่ที่จำเป็นต้องปรับออกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพราะ
“ต้องการคนใหม่เข้ามาเพื่อให้เกิดภาพของการเปลี่ยนแปลง”
คำว่า”ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”จึงครอบคลุม 1 ไม่มีเรื่องทุจริต และ 1 ไม่ได้บกพร่องในทางการบริหารใดๆทั้งสิ้น
ตรงนี้แหละ “สำคัญ”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ดำรงอยู่ในสถานะ ใดสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูง
ไม่ไว้วางใจคงไม่ได้รับมอบหมายให้ไปคุมงานสถานีโทรทัศน์ กองทัพบก ช่อง 5
เมื่อทำรัฐประหารก็คุมงาน”เศรษฐกิจ”ของ”คสช.”
จึงไม่แปลกที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ทั้งยังรับผิดชอบงาน”บริหารจัดการน้ำ”
ต่อมาก็ได้รับการ”อัพเกรด”ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์
และปัจจุบัน คือ รองนายกรัฐมนตรี

แม้ว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ มิได้อยู่ระนาบเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
แต่ก็อยู่ในความเป็น”เพื่อน”
เพื่อนที่เรียนร่วมกันตั้งแต่”เตรียมทหาร”กระทั่ง”จปร.” สัมพันธ์มาอย่างยาวนานกระทั่งเรียกว่าเป็น “กล่องดวงใจ”
สถานะความเป็น”รองนายกรัฐมนตรี”จึงมิได้เป็นการรอเพื่อที่จะโละออกเหมือนรองนายกรัฐมนตรีบางคนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
ขอให้จับตา พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ให้ดี

เหลือแค่ 14 คน

เหลือแค่ 14 คน


เก้าอี้รัฐมนตรีก็เป็นสมบัติผลัดกันชม ถ้าคนเก่าไม่ออกไป คนใหม่ก็ไม่ได้เข้ามา เพราะโควตา ครม.มีจำกัดไม่เกิน 35 คน

การปรับ ครม.ทุกครั้งจึงต้องมีคนออกคนเข้าเป็นของธรรมดา

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควบเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช. ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2557

นับถึงวันนี้ก็ 3 ปีกับ 97 วัน

เริ่มจากจุดสตาร์ต “ครม.ประยุทธ์ 1” ซึ่งมีคณะรัฐมนตรีชุดเปิดซิงรวมทั้งสิ้น 32 คน มีการปรับ ครม.เล็กแก้ฟันหลอ 2 ครั้ง และปรับ ครม.ชุดใหญ่ 2 ครั้ง ดังนี้คือ...

ปรับใหญ่ครั้งแรก “ครม.ประยุทธ์ 3” เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2558 โละทีมเศรษฐกิจชุดหม่อมอุ๋ยออกไป แล้วตั้งทีมเศรษฐกิจชุด “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เข้ามารับหน้าเสื่อแทน

และปรับ ครม.ใหญ่ครั้งล่าสุด คือ “ครม.ประยุทธ์ 5” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

“แม่ลูกจันทร์” สำรวจรายชื่อ “ครม.ประยุทธ์ 1” เพื่อหาคำตอบว่ายังมี ครม. ชุดแรกกี่คน?? ที่ยังครองเก้าอี้เหนียวหนึบจนถึง ครม.ชุดปัจจุบัน??

คำตอบคือมี ครม.ชุดประยุทธ์ 1 ยังอยู่ยงคงกระพันเขย่าไม่หลุดเหลืออยู่อีก 15 คน!!

ส่วน ครม.ชุดแรกอีก 18 คน โดน “นายกฯบิ๊กตู่” ปล่อยลงกลางทาง

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่าในบรรดา ครม.ชุดเปิดซิงทั้ง 14 คนที่ยังอยู่รอดปลอดภัย

มีเพียง 7 คนเท่านั้นที่ยังนั่งเก้าอี้ตัวเดิมอย่างมั่นคงถาวร ได้แก่...

1, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม
2, ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายเนติบริกร
3, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
4, นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย
5, พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ
6, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ
7, นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม

นี่คือ “7 รัฐมนตรี สายแข็ง” ที่ยึดครองเก้าอี้รัฐมนตรีตัวเดิมอย่างแข็งโป๊กไม่โยกไม่คลอน

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่ายังมี ครม.ประยุทธ์ชุดเปิดซิงอีก 7 คน ที่ตกค้างมาถึง ครม.ชุดปัจจุบัน แต่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมได้แก่...

1, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เปิดตัว ครม. ประยุทธ์ 1 เป็น รมว.คมนาคม ปัจจุบันเป็นรองนายกฯ ควบเก้าอี้ รมว.ยุติธรรม
2, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เปิดตัวเป็น รมช.คมนาคม ปัจจุบันอัพเกรดเป็น รมว.คมนาคม
3, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เปิดตัวเป็น รมว.การพัฒนาสังคมฯ ปัจจุบันย้ายข้ามห้วยเป็น รมว.แรงงาน
4, นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ เปิดซิงเป็น รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ปัจจุบันโยกไปเป็น รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
5, พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ เปิดตัวเป็น รมว.แรงงาน ปัจจุบันสลับเก้าอี้เป็น รมว.ทรัพยากรฯ
6, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เปิดตัวเป็น รมว.พาณิชย์ แล้วถูกปรับย้ายไปเป็น รมว.เกษตรฯ ปัจจุบันขึ้นชั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรี
7, นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เปิดซิงเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แล้วขึ้นชั้นเป็น รมว.ยุติธรรม ล่าสุดโดนลดชั้นกลับไปเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ อย่างเดิม

เอาน่า...ได้กลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมยังดีกว่าปิ๋วนะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”

หงายไพ่เข้าทาง ‘ลุงตู่’

หงายไพ่เข้าทาง ‘ลุงตู่’


“ลุงตู่ ภาค 5” ตอน “จอมยุทธ์กวงถล่มฐานเลือกตั้ง”
ยุทธการยกเครื่องปรับ ครม.รอบล่าสุด นับว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจทิ้งไพ่ใบสำคัญ และก็เห็นผลแบบทันทีทันใด
กับการทำให้เกิดปรากฏการณ์ “หงายไพ่เล่น” กันทั้งวง
ตามอาการที่มวยหลักของพรรคเพื่อไทยระดับนายจาตุรนต์ ฉายแสง ออกมาโยนทุ่น ประเด็นการจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลเพื่อสกัดนายกรัฐมนตรีคนนอก สอดรับกับมวยเก๋าของค่ายประชาธิปัตย์อย่างนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่แบะท่ารับมุกยุทธการเซ็ตซีโร่ คสช.
ยี่ห้อเพื่อไทยกับค่ายประชาธิปัตย์ผวากอดคอกันอัตโนมัติ
เป้าหมายร่วมในการสกัดเส้นทางของ “นายกฯลุงตู่” ที่เล่นแต้มสำคัญ เผยไต๋ให้เห็นยุทธศาสตร์ในการเดินหน้าไปต่อ ด้วยการปรับ ครม.เปิดพื้นที่ให้ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ เดินหน้าปั่นแต้ม ชิงกระแสคะแนนนิยม
สะสมแต้มเป็นฐานรองรับ พล.อ.ประยุทธ์คุมเกมยาวอำนาจช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศ
และสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ในหมู่นักเลือกตั้งอาชีพก็รู้มือกันดี กับประสบการณ์ครั้งอดีตที่การันตี “สมคิด” เคยทำให้ยี่ห้อ “ทักษิณ” ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายมาเมื่ออดีตยุคไทยรักไทย
“จอมยุทธ์กวง” ไม่ได้ “กลวง” แบบที่คนเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์พยายามเบิ้ลบลัฟตามเกม
กับตัวเลขที่เป็นรูปธรรมการันตี ผลการออกแรงลากเศรษฐกิจที่ติดลบจากวิกฤติการเมือง แถมบรรยากาศยังอยู่ในห้วงรัฐบาลทหาร แต่ดันจีดีพีโตต่อเนื่องมาอยู่ที่ 4.3 เปอร์เซ็นต์
ยิ่งมองกันในทางยาวๆ ยังเป็นการวางแผนอนาคตประเทศอย่างเป็นระบบ ทั้งเมกะโปรเจกต์รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ นโยบายเอสเอ็มอี ดิจิทัลไทยแลนด์ ไทยแลนด์ 4.0 ไทยแลนด์สตาร์ต อัพ ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อินเตอร์เน็ตประชารัฐ สวัสดิการบัตรคนจน อี เพย์เมนต์ ฯลฯ
นี่คือสิ่งที่สะท้อนว่า “สมคิด” พาประเทศมาถูกทาง
เรื่องที่คนมองอย่างเป็นกลางทางการเมืองก็เริ่มยอมรับ แม้แต่คนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็รู้อยู่เต็มอกว่า นี่คือยุทธศาสตร์ในการวางฐานให้ประเทศไทยเข้าสู่โลกอนาคต
ถ้าเป็นรัฐบาลทีมงาน “นายใหญ่” ก็ต้องทำเหมือนกัน
และจุดที่จะพลิกเดิมพันก็คือยุทธศาสตร์เป้าหมายที่ “ลุงตู่” กับ “สมคิด” ตั้งแท่นให้เห็นจากคิวปรับ ครม.รอบนี้ มุ่งไปที่การฟื้นเศรษฐกิจฐานราก อัดฉีดแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนคนมีรายได้น้อย
เคลียร์จุดด้อยที่ถูกนักเลือกตั้งอาชีพรุมถล่มตีกินมาตลอด
“สมคิด” ส่งสัญญาณล่วงหน้าแล้ว สารพัดมาตรการ งบประมาณนับแสนล้านจะถูกส่งลงไปแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า ชาวบ้านร้านตลาด กู้สภาวะฝืดเคือง ไม่นับแต้มสำคัญ เรื่องที่จะมีการใช้งบประมาณองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นนับแสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเศรษฐกิจในท้องถิ่น
“จอมยุทธ์กวง” จะทำให้ประชาชนฐานรากรู้สึกว่า รัฐบาล คสช. ก็กินได้ ไม่ใช่แค่นักการเมือง
หนีไม่พ้นสั่นสะเทือนฐานคะแนนพรรคเพื่อไทยกับค่ายประชาธิปัตย์
นี่คือเงื่อนไขสถานการณ์ที่บีบให้คนการเมืองของเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์นั่งเฉยไม่ได้ ถ้าปล่อยไปตามยุทธศาสตร์แบบนี้มีแต่รอวันโดนดองจนเกลือขึ้น
ต้องรีบสกัด “ลุงตู่” เจาะยาง “สมคิด” กันทุกวิถีทาง
แต่ก็อีกนั่นแหละ คิดได้ ทำยาก การจูบปากระหว่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยก็แค่เพ้อฝัน
เพราะยังไม่ทันไร ก็มีเสียงจากฝั่งประชาธิปัตย์ สไตล์กัดจิกแบบนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค ออกตัวเลยว่า การร่วมงานกับเพื่อไทยเป็นไปได้ยาก ถ้ายังคบกับพวกเผาบ้านเผาเมือง ขณะที่ฝ่ายเพื่อไทยก็แสบเหมือนกัน ยืนยันไม่เอาด้วยกับพรรคที่จ้องรับใช้เผด็จการ
เกมเกี้ยเซียะเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์สกัด “ลุงตู่” เป็นหมันตั้งแต่ยังไม่เริ่มปฏิสนธิ
ที่แน่ๆมันก็ตอกย้ำภาพการเมืองพันธุ์เก่า มุ่งชิงเหลี่ยมอำนาจ คิดแต่เอาการเมืองนำชาติมากไป จนสร้างความเสียหาย ลากประเทศเข้าสู่ภาวะรัฐเกือบล่มสลาย
ทำให้ประชาชนเข็ดหลาบพฤติกรรมมาแล้ว
แนวโน้มมันจึงยิ่งเพิ่มแรงส่งไหลไปทางฝั่ง “ลุงตู่” มากขึ้นอีก.
ทีมข่าวการเมือง