PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เปิดตัวรองเต่า คนสนิท "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์"

ผู้ต้องหาในคดีสำคัญมาแล้วมากมาย ขีดเส้นตายเจอไล่ออก หากขาดอายุราชการติดต่อกัน 30 วัน
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป.รักษาการ ผบก.ป. กล่าวถึงกรณีของ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รอง ผกก.6 บก.ป. หรือรองเต่า ที่หายตัวไปหลังจาก พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และรักษาราชการแทน ผบช.ก.มีหนังสือเรียกให้เข้ารายงานตัวก่อนหน้านี้ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ได้ ไม่ว่าทางใด อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผกก.6 บก.ป.ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ เป็นผู้ประสานติดต่อและเรียกตัว พ.ต.ท.ทรงรักษ์ เพื่อเข้ารายงานตัวกับตน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้กำหนดระยะเวลาที่ให้ทาง พ.ต.ท.ทรงรักษ์ติดต่อเข้ารายงานตัวไว้หรือไม่ พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า กรณีนี้ตนยังคงให้เวลากับทางผู้ใต้บังคับบัญชา ได้ประสานเพื่อติดต่อ พ.ต.ท.ทรงรักษ์อีกระยะหนึ่งก่อน แต่หากว่าทาง พ.ต.ท.ทรงรักษ์ยังไม่เข้ามารายงานตัว หรือติดต่อได้ก็จะพิจารณาดำเนินการอีกครั้ง โดยจะรายงานต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น
มีรายงานข่าวว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ได้ช่วยราชการอยู่ที่ บช.ก. แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้นทางผู้บังคับบัญชาได้มีคำสั่งให้ พ.ต.ท.ทรงรักษ์มาปฏิบัติหน้าที่ยัง กก.6 บก.ป.ทุกวัน โดยห้ามออกไปทำงานนอกพื้นที่อย่างเด็ดขาด จากนั้น พ.ต.ท.ทรงรักษ์ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่และเซ็นชื่อเข้าทำงานตามปกติ แต่ภายหลังรักษาการ ผบช.ก.มีหมายเรียกให้เข้าพบต คาดว่า พ.ต.ท.ทรงรักษ์คงรู้สึกตกใจและเกรงว่าจะต้องเกี่ยวพันกับกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.จึงได้หายตัวไป ขณะนี้ไม่ทราบว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
ทั้งนี้ สำหรับ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ นับว่าเป็นนายตำรวจที่มีฝีมือดีลำดับต้นๆ คนหนึ่งของกองปราบปราม มีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะด้านการสืบสวนตามหลักพฤติกรรมศาสตร์ เคยผ่านการอบรมหลักสูตรขหน่วยงานสอบสวนกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเอฟบีไอ มีผลงานร่วมกับตำรวจ บก.ป.จับกุมนายวิคเตอร์ บูท สัญชาติรัสเซีย อดีตเคจีบี พ่อค้าอาวุธสงคราม ที่ทางการสหรัฐฯ ต้องการตัว, ร่วมกันจับกุมนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ที่หนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว รวมทั้งคดีที่ซับซ้อนเช่นฆ่าเอาประกันอีกหลายคดี อย่างไรก็ตาม หาก พ.ต.ท.ทรงรักษ์ขาดการติดต่อครบ 30 วันก็จะต้องถูกไล่ออกจากราชการซึ่งเป็นที่น่าเสียดายถึงอนาคตในชีวิตราชการเป็นอย่างมาก
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx…

คสช.เชิ่อ "ปู" ไม่หนี....

คสช.เชิ่อ "ปู" ไม่หนี....
ผบ.กกล.รักษาความสงบ คสช. ยัน ยังไม่เห็นหนังสือ “ยิ่งลักษณ์” ขออนุญาตคสช.ไปต่างประเทศ ช่วงปีใหม่ ระบุทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ใช้มาตรฐานเดียว ไม่เชื่อว่า หากขอคสช.ไปต่างประเทศครั้งนี้ แล้ว"ยิ่งลักษณ์"จะไม่เดินทางกลับประเทศไทย หนีคดีถอดถอนจำนำข้าว
พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาค 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือส่งถึงคสช. เพื่ออนุญาตเดินทางไปต่างประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ 2558 ว่า ยังไม่เห็นหนังสือดังกล่าว แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎกติกาของบ้านเมือง ซึ่งไม่มีอะไรมาก
ส่วนการพิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่ขึ้นคณะกรรมการดำเนินการเป็นผู้พิจารณา
ส่วนที่มีความกังวลว่าการเดินทางไปต่างประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น จะเป็นการเดินทางไปแล้วไม่กลับ เพราะในช่วงนั้นทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะมีการพิจารณาดำเนินกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีป.ป.ช.ชี้มูลความผิดฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว นั้น
"ผมไม่เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปต่างประเทศแล้วจะไม่เดินทางกลับมาประเทศไทย" แม่ทัพ1 กล่าว
อย่างไรก็ตามการดำเนินการทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ กติกาและมีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อเดินหน้าประเทศไทย หากใช้สองมาตรฐานก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก

จากเพจ วาสนา นาน่วม

กลัวซะทีไหน

ไม่กลัว.....
"นายกฯประยุทธ์" ไม่กลัว พวกใช้ความรุนแรง ต้าน คสช. พ้อ ถ้าเอาแต่ต้านวันหน้าลำบากกันเอง ฝากไปถามกลุ่มการเมืองว่ากลัวอัยการศึกหรือไม่ ลั่น ไม่กลัวคนทำผิดกฎหมายเพราะเป็นผู้รักษากฎหมาย/ ฮือฮา ทีม รปภ. กระชับเข้า รปภ. นายกฯ ตอนไฟดับ ในห้องแถลงข่าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ หน. คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มประชาชนต่อต้านรัฐบาลในต่างประเทศที่เดินทางไปเยือนเสมอว่า เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรค เขาจะประท้วงก็ประท้วงไป ผมถามว่า ผมได้ทำเสียหรือทำดี ถ้าผมทำดีแล้วอยากให้ทำต่อก็ดูแลหน่อย แต่ถ้าคิดว่าผู้ที่ออกมาต่อต้านนั้นทำถูกแล้ว ก็ออกมาว่า ผมไปเรื่อยๆ วันหน้าก็ลำบากกันเอาเองแล้วกัน
ส่วนกรณี พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ระบุว่า กลุ่มนักศึกษา 5 คนที่ออกมาชู 3 นิ้วประท้วงนายกรัฐมนตรีที่จังหวัดขอนแก่นก่อนหน้านี้นั้นได้รับจ้างมาจากนักการเมืองท้องถิ่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างสอบสวนต้องดูว่ามีหลักฐานหรือไม่
ถามถึงกรณีที่กลุ่มการเมืองยังออกมาเคลื่อนไหวภายใต้กฎอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะมาถามตนทำไม กลุ่มการเมืองเขาไม่รู้เรื่องเลยหรือ ต้องไปถามกลุ่มการเมืองว่ากลัวกฎอัยการศึกหรือไม่ ถ้าไม่กลัวเดี๋ยวตนจะได้รู้ว่าไม่กลัว
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าการต่อต้านรัฐบาล อาจไม่ใช้แค่สัญลักษณ์ แต่จะลามไปถึงการใช้ ความรุนแรง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่กลัว ผมเป็นผู้รักษากฎหมาย กลัวคนผิดกฎหมายไม่ได้ จะกลัวคนทำผิดกฎหมายทำไม
"ผมถามหน่อยว่า แล้วจะเข้าข้างใคร จะเขียนให้ใคร ต้องตักเตือนให้คนอยู่ในความสงบ ให้กำลังใจรัฐบาลทำงาน"
วันนี้รัฐบาลกำลังทำอยู่ ทั้งดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ ปัญหาราคาข้าว ยางพารา เดี๋ยวก็ไปพูดกับต่างประเทศในเรื่องการค้าขายสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจ ปีใหม่ก็จัดหาสินค้ามาขายในราคาถูก เราขับเคลื่อนทุกวัน กับอีกฝ่ายที่เอาแต่ประท้วง เรื่องการเมือง เรื่องเลือกตั้ง ท่านจะเลือกใคร ไปคิดเอาเอง
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้มีการขอเดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะ กลั่นกรองส่งขึ้นมาเองหากมี
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดินเข้ามาในห้องแถลง ข่าว ที่เต็มไปด้วย สื่อมวลชน ที่ บน.6 ทอ. ดอนเมือง นั้น ปรากฏว่าไฟบริเวณหน้าห้อง และโพเดียมได้ดับลง ซึ่งระหว่างนั้นทีมรักษาความปลอดภัยได้ ใช้มือตบไปเอวอยู่ในท่าเตรียมพร้อม และได้ขยับเข้าไปประชิดใกล้ตัวนายกรัฐมนตรี เพื่อรักษาความปลอดภัยที ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอกว่า “ไปไฟสิ ใครไปกดปิด”. จากนั้นไฟหลังห้อง ก็ดับ อีก มืดทั้งห้องเลย. แต่แค่ไม่กี่วินาที ไฟก็สว่าง

สถานการณ์ข่าว1ธ.ค.57

สปช.

เทียนฉาย สั่งงดประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ เปิดโอกาสกรรมาธิการเดินหน้าทำงาน ขณะการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา เช้านี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีคำสั่งงดประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติในวันที่ 1 ธันวาคม2557 เพื่อให้สมาชิกในฐานะกรรมาธิการชุดต่าง ๆ ได้ทำงานอย่างเต็มที่ รวบรวบข้อมูล ข้อคิดเห็นเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุมก่อนส่งต่อให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 19 ธันวาคมนี้

โดยในเวลา 09.00 น. คณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็น นัดประชุมที่ห้องกรรมาธิการ 2 อาคารรัฐสภา 2 เพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะอนุกรรมาธิการกำหนดรายละเอียดใน
การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ

ขณะที่การรักษาความปลอดภัย ทั้งในและนอกอาคารเป็นไปอย่างเข้มงวดถึงแม้ไม่มีการประชุมใหญ่ มีตำรวจรัฐสภายืนประจำทุกประตูเข้าออก และผู้มาติดต่อต้องติดบัตรแสดงตนชัดเจน
--------------
พล.อ.อนุพงษ์ เชื่อ เลือกตั้งตามที่ "วิษณุ" คาด เผย เตรียมของขวัญปีใหม่มอบให้ ปชช. แล้ว ย้ำ ขรก. ทำงานตามคำขวัญของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ 

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังพิธีวางพวงมาลาสักการะ พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า อยากให้ทุกคนในกระทรวงมหาดไทยทำงานตามคำขวัญของกรมพระยาดำรงราชานุภาพที่ว่า 'บำบัดทุกข์ บำรุงสุข’ ให้กับประชาชน ส่วนของขวัญที่จะมอบให้กับประชาชนในช่วงปีใหม่นั้น มีหลายเรื่องได้เตรียมไว้หมดแล้ว

นอกจากนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ออกมากล่าวว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นในช่วง ก.พ. 2559 ว่าเป็นที่ทราบกันว่ารัฐธรรมนูญจะร่างเสร็จภายในปี 2558 แต่หลังจากนั้นจะมีการร่างกฎหมายลูกและกฎหมายประกอบการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงมองว่าคงเป็นไปตามที่นายวิษณุได้คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม สำหรับการรับฟังความคิดเห็นในการยกร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้คงต้องปรึกษาหารือกันอีกหลายเรื่องซึ่งยังไม่มีข้อยุติในเรื่องนี้ จึงต้องรับฟังนายกรัฐมนตรีว่าจะมีนโยบายอย่างไร
----------
กมธ. มีส่วนร่วมรับฟังความเห็น สภาปฏิรูปแห่งชาติ เลื่อนประชุมเป็น 3 ธันวาคม ขณะบ่าย พรเพชร ให้การต้อนรับเลขาธิการสหภาพรัฐสภา

บรรยากาศที่รัฐสภา ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อพิจารณาการตั้งคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ประจำจังหวัด ได้ขอเลื่อนประชุมจากวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม เป็นวันพุธที่ 3 ธันวาคม 2557 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ 220อาคารรัฐสภา 2 ด้านคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ร่วมกับกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดสัมมนาเรื่อง “เตรียมความพร้อมให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกฎหมายการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง”

ขณะที่เวลา 15.00 น. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้การรับรอง นายมาร์ติน จุนกอง (Mr. Martin Chungong) เลขาธิการสหภาพรัฐสภา
-----------
กรรมาธิการปฏิรูปสังคมฯ เตรียมเสนอ 7 ประเด็นเพิ่มในรัฐธรรมนูญใหม่ เน้นสร้างสิทธิเสรีภาพ

นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปด้านสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส แถลงข่าวว่า เตรียมเสนอเพิ่มเติมอีก 7 ประเด็น เพื่อบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ อาทิ เสนอให้ขยายขอบเขตความคุ้มครองไปยังคนทุกกลุ่ม และเสนอให้จัดสรรบุคคลลงตำแหน่งต่าง ๆ ในกลไกของรัฐ ต้องมีสัดส่วนเพศตรงข้ามไม่น้อยกว่า 3 ใน 10 เพื่อให้เกิดความเสมอภาค รวมถึงให้กำหนดทิศทางเรื่องสิทธิชุมชนให้ชัดเจนและให้ชุมชนสามารถเป็นนิติบุคคลได้ แต่รัฐจะต้องสนับสนุนกิจการสาธารณะ สัมมาอาชีพด้วย และเสนอให้จัดระบบกลไกที่ทำให้สังคมเกิดความมีคุณธรรม เคารพสิทธิเสรีภาพ ขจัดการทุจริตประพฤติมิชอบ

ทั้งนี้ การประชุมคณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านสังคมฯ จะพิจารณาปรับปรุงข้อเสนอดังกล่าวอีกครั้ง เพื่อเตรียมเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการต่อไป
------------
อนุ กมธ.ขับเคลื่อน ยช.เพื่อปฏิรูป - จัดทำ รธน. เชิญชวน เสนอความเห็น "ทำอย่างไรให้เยาวชนและอนาคตคนไทยที่ดีขึ้น"

นายวีระ วีระไวทยะ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยและจัดทำรัฐธรรมนูญเพื่ออนาคตที่ดีกว่า แถลงข่าวว่า ขอเชิญชวนเยาวชนทุกกลุ่ม ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียน หรือในสถาบันการศึกษา สามารถเสนอแนะความคิดเห็นเกี่ยวกับการ "ทำอย่างไรให้เยาวชนและอนาคตคนไทยที่ดีขึ้น" เนื่องจาก ปัจจุบันเยาวชนในสังคมไทยติดเชื้อ HIV กันมาก โดย
ไม่มีการป้องกัน ขาดความปลอดภัย ดังนั้น จึงอยากให้เยาวชนร่วมกันหาแนวทางและเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ โดยทางคณะกรรมมาธิการฯ จะส่งอีเมล์ไปยังสถาบันการศึกษาเพื่อให้เยาวชน
ทุกกลุ่ม สามารถเสนอแนวคิดได้

ทั้งนี้ จะมีการจัดเวที 8 เวที แบ่งเป็นภาคละ 2 เวที เพื่อรับฟังความเห็นจากเยาวชนในเรื่องการป้องกันปัญหาเอดส์ และมีการเชิญเยาวชนมาร่วมแสดงความเห็น โดยสามารถเสนอความเห็นได้ที่ช่องทางที่ E-mail : youth.opinion@parliament.go.th และไปรษณีย์ ตู้ ปณ.11 ปณฝ.รัฐสภา กรุงเทพฯ 10305
----------
คำนูณ เผย อนุกรรมาธิการด้านเนื้อหา 10 คณะ เตรียมส่ง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ วันนี้ ยังไม่ชัดกฎหมายนิรโทษกรรม

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า วันนี้คณะอนุกรรมาธิการด้านสารัตถะทั้ง 10 คณะ จะส่งข้อเสนอกรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญมายังคณะกรรมาธิการชุดใหญ่ โดยหลังจากนี้ คณะกรรมาธิการชุดใหญ่จะเริ่มประชุมตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมเป็นต้นไป เพื่อพิจารณาเนื้อหาที่ส่งมา ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงเรื่องใด อนุกรรมาธิชุดนั้น ๆ ต้องเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นเดือนธันวาคมรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีกรอบโครงสร้างและทิศทางที่ชัดเจน จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2558 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเป็นรายมาตรา โดยหยิบยกหมวดหมู่ที่มีปัญหาน้อยขึ้นมาพิจารณาก่อน ซึ่งจะแล้วเสร็จภายสิ้นเดือนมีนาคม ตลอดจะมีการเปิดให้สื่อมวลชนเข้ารับในบางมาตราและบางหมวดหมู่ได้ ส่วนการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น ยังไม่เห็นรายละเอียด เชื่อว่า เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการของการนิรโทษกรรม
-----------
 คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมประชุมตรวจรายงานสรุปความเห็น ของคณะอนุกรรมาธิการด้านเนื้อหาทั้ง 10คณะ พรุ่งนี้

 นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นัดกรรมาธิการร่วมประชุมในวันที่2ธันวาคม 2557เวลา 10.00 น. เพื่อตรวจรายงาน ข้อคิดเห็นของคณะอนุกรรมาธิการด้านสารัตถะ หรือด้านเนื้อหา ทั้ง10คณะ เพื่อประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงเรื่องใด อนุกรรมาธิชุดนั้นๆ ต้องเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมด้วย ทั้งนี้ คาดว่า ภายในสิ้นเดือนธันวาคม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีกรอบ โครงสร้าง และทิศทางที่ชัดเจน จากนั้นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมกราคม 2558 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเป็นรายมาตรา

นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวขิงคณะกรรมาธิการชุดอื่น หลายคณะ เริ่มจาก นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ ประธานกรรมาธการปฏิรูปด้านสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส แถลงข่าวว่า เตรียมเสนอเพิ่มเติมอีก 7ประเด็น เพื่อบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ อาทิ เสนอให้ขยายขอบเขตความคุ้มครองไปยังคนทุกกลุ่ม และเสนอให้จัดสรรบุคคลลงตำแหน่งต่างๆ ในกลไกของรัฐ ต้องมีสัดส่วนเพศตรงข้ามไม่น้อยกว่า3ใน10 เพื่อให้เกิดความเสมอภาค รวมถึงให้กำหนดทิศทางเรื่องสิทธิชุมชนให้ชัดเจนและให้ชุมชนสามารถเป็นนิติบุคคลได้ แต่รัฐจะต้องสนับสนุนกิจการสาธารณะ สัมมาอาชีพด้วย และเสนอให้จัดระบบกลไกที่ทำให้สังคมเกิดความมีคุณธรรม เคารพสิทธิเสรีภาพ ขจัดการทุจริตประพฤกติมิชอบ

 ด้านนายวีระ วีระไวธยะ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทยและจัดทำรัฐธรรมนูญเพื่ออนาคตที่ดีกว่า แถลงข่าวว่า ขอเชิญชวนเยาวชนทุกกลุ่ม ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงเรียนหรือในสถาบันการศึกษา สามารถเสนอแนะความคิดเห็นเกี่ยวกับการ "ทำอย่างไรให้เยาวชนและอนาคตคนไทยที่ดีขึ้น" เนื่องจากปัจจุบันเยาวชนในสังคมไทยติดเชื้อ HIV กันมาก โดยไม่มีการป้องกัน ขาดความปลอดภัย ดังนั้น จึงอยากให้เยาวชนร่วมกันหาแนวทางและเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
-----------
"ประสาร" เผย กมธ.ปฏิรูปการเมือง  เห็นควรให้บรรจุการปฏิรูปพรรคการเมืองไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เน้นประเด็นการยุบพรรค 

นายประสาร มฤคพิทักษ์ โฆษกคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการเมือง เปิดเผยถึงการประชุมและข้อเสนอแนะจากคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูประบบพรรคการเมือง และคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปการเรียนรู้การปรองดองและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการเมือง มีข้อเสนอแนะเห็นสมควรให้บรรจุการปฏิรูปพรรคการเมือง ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย การพัฒนาสถาบันพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง พรรคการเมือง มีหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติ การยุบพรรคจะทำได้เฉพาะกรณีที่พรรคการเมืองทำผิดร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์แห่งชาติ โดยประเด็นในการยุบพรรคการเมืองนั้น กรรมาธิการได้มีความเห็นเป็น 2 แนวทาง ประกอบด้วย ควรให้ยุบพรรคการเมืองในกรณีหัวหน้าพรรค หรือกรรมการพรรค มีการกระทำผิดบทบัญญัติมาตรา 237 แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และไม่ยุบพรรคการเมือง ในกรณีหัวหน้าพรรค หรือกรรมการพรรคมีการกระทำผิดบทบัญญัติมาตรา 237 แห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 เนื่องจากเห็นว่าที่ผ่านมา การยุบพรรคการเมืองแก้ปัญหาไม่ได้ แต่ให้ถือเป็นการรับผิดเฉพาะตัว
---------
"อภิสิทธิ์" ขอทุกฝ่ายอย่าพยายามหยิบประเด็นปัญหามาซ้ำเติมบ้านเมือง ชี้ นิรโทษควรมีหลังได้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอที่จะให้มีการนิรโทษกรรมว่า ขอให้ระวังเพราะที่ผ่านมามีการนำคำว่า "ปรองดอง" ไปดำเนินการและมีการตีความหมายรวมไปถึงนิรโทษกรรม จนนำมาซึ่งวิกฤตของประเทศ ซึ่งวันนี้บ้านเมืองมีปัญหามากพอแล้วจึงไม่ควรหยิบยกประเด็นที่จะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก การนิรโทษกรรมควรจะอยู่ในประเด็นที่เป็นกระบวนการขั้นตอนขององค์กรที่บรรจุไว้ในอนาคตมากกว่า และการนิรโทษกรรมควรจะได้มาหลังได้ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ความวุ่นวายแล้ว

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการฟ้องร้องให้ผู้กระทำผิดชดเชยเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายของส่วนรวม ดังนั้นเมื่อได้ตัวบุคคลที่กระทำความผิดก็จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องดำเนินตามกฎหมายเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ยังแนะให้รัฐบาลยอมรับถึงปัญหาด้านเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งรัฐบาลควรเร่งใช้โอกาสนี้ในการหาทางแก้ปัญหาและเร่งคืนอำนาจซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องพลังงานที่ประเทศไทยมีเป็นของตัวเองก็ควรบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนอย่างสูงสุด
----------------
"อภิสิทธิ์" เน้นย้ำ รธน.ใหม่ ต้องออกแบบให้ดี มีความสมดุล ออกแบบระบบการตรวจสอบให้มีความสอดคล้องกับการทำงาน 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งว่า ที่ผ่านมาตนเคยให้ความเห็นไปแล้วว่าขอให้ตั้งโจทย์ให้ชัดเจนเพราะปมปัญหาที่ผ่านมาเกิดจากการที่ไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจได้ ดังนั้น จึงต้องมาร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อให้การใช้อำนาจสามารถตรวจสอบได้เพื่อป้องกันบุคคลที่ได้รับเลือกจะแอบอ้างไม่ให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจ สิ่งสำคัญคือควรออกแบบระบบการตรวจสอบให้มีความสอดคล้องกันกับการทำงาน

ส่วนที่มีการเสนอให้ประเทศไทยใช้การเลือกตั้งแบบประเทศเยอรมนีนั้น ส่วนตัวมองว่าการเลือกตั้งแบบประเทศเยอรมนีมีทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งในเรื่องของการลงคะแนนที่จะได้ในสัดส่วนของสภาที่ชัดเจนและสะท้อนเสียงตามความเป็นจริงส่วนข้อเสียก็จะเป็นในเรื่องของรายละเอียดที่มีความซับซ้อน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำได้คือต้องออกแบบรัฐธรรมนูญให้ดีและเกิดความสมดุล
/////////
สนช.

กมธ. รวบรวมความเห็น สนช. เตรียมสรุปข้อมูลนำเข้าที่ประชุมใหญ่รับรอง ก่อนส่ง สปช. ภายใน 15 ธ.ค. นำเสนอ กมธ.ยกร่าง รธน.

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า จากการที่ สนช. ได้มีการตั้ง กมธ. รวบรวมความเห็นเกี่ยวกับการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอต่อ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งมีตนเอง เป็นประธาน กมธ. นั้น ล่าสุด กมธ. ของ สนช. ทั้ง 16 คณะ ได้ส่งความเห็นมาเรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ กมธ. จะสรุป ประมวลผลเพื่อทำรายงานเสนอต่อ ประธาน สนช. นำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อรับรองเป็นข้อเสนอของสภา ก่อนที่จะส่งให้กับ สปช. ภายในวันที่ 15 ธ.ค. นี้

ทั้งนี้ นายสุรชัย ยังกล่าวด้วยว่า การทำงานหลังจากนี้ไป ของ สนช. จะมีความเข้มข้นมากขึ้น เพื่อเร่งพิจารณากฎหมาย สนองตอบนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และของรัฐบาล หลังจาก ในช่วงที่ผ่านมา สามารถออกกฎหมายไปแล้ว กว่า 30 ฉบับ และยังมีอีกจำนวนมาก ที่จะทยอยส่งมาจากรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ยืนยันการพิจารณากฎหมายทุกฉบับ ทุกขั้นตอน ด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงปรโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
----------
"สุวพันธุ์" เตรียมประชุมวิปรัฐบาล ขณะการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดเหมือนเดิม 

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล เช้านี้ยังคงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ขณะที่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 4/2557 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยโดยรอบทำเนียบรัฐบาลยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำตามประตูทางเข้า-ออก และจุดตรวจต่าง ๆ คอยตรวจตราบุคคลและยานพาหนะที่ผ่าน

เข้าไปด้านในอย่างละเอียด ซึ่งยังคงมีสื่อมวลชนทยอยมาติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
---------------
"สุวพันธุ์" เผย วิปรัฐบาล ร่าง พ.ร.บ.หอพัก แก้ไข ม.89 และ พ.ร.บ.การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่ง คสช. เข้า ครม.พรุ่งนี้

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุม มีมติเสนอร่าง พ.ร.บ. จำนวน 2 ฉบับ ให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบ เพื่อส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประกอบด้วย ร่าง พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. ... โดยเห็นควรให้พิจารณาแก้ไขร่างมาตรา 89 ในประเด็นความรับผิดชอบของนิติบุคคลและผู้จัดการ เพื่อไม่ให้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปี 2555 และเพื่อดูแลนักศึกษาและเยาวชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และแยกหอพักชาย-หญิงให้เป็นสัดส่วนชัดเจน

อีกฉบับคือ ร่าง พ.ร.บ.การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับ พ.ศ. ... เพื่อทำให้คำสั่งของ คสช. จำนวน 5 ฉบับ เป็นกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ นโยบายด้านพลังงานและกลุ่มเอสเอ็มอี โดยไม่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคงแต่อย่างใด

ขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. ... วิป สนช. เห็นควรให้คณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามร่างกฎหมายในกระบวนการนิติบัญญัติ พิจารณาอีกครั้ง ก่อนส่งไปยัง วิป สนช. เนื่องจากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคำนิยามของสื่อยั่วยุอันตรายที่ยังไม่ชัดเจน
/////////////////
นายกฯ/เคลื่อนไหวกลุ่มต้าน

ภริยานายกฯ พร้อมคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ น้อมถวายพระราชกุศลเจริญพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมด้วยคู่สมรสของคณะรัฐมนตรี ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ น้อมถวายพระราชกุศลเจริญพระชนมพรรษาพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2557 ที่ ธรรมสถานเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 วัดพระราม 9

กาญจนาภิเษก โดยมี เยาวชนที่เตรียมบรรพชาโครงการ "รากแก้ว ศาสนทายาท" และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ นางนราภร และคณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี ได้ร่วมปลูกต้นไม้ถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นได้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยโดยพระภิกษุสงฆ์ให้ศีลและเจริญพระพุทธมนต์ ก่อนร่วมกันถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และถวายปัจจัยไทยธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์ด้วย
--------------
แม่ทัพภาค 1 อ้างการข่าว นักศึกษา ม.ขอนแก่น ชู 3 นิ้ว ถูกจ้างมา 50,000 บ. ทำความเข้าใจกลุ่มประชาคมจุฬาฯ แล้ว 

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มประชาคมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อประชาชน ออกแถลงการณ์
ให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยุติการประกาศใช้กฎอัยการศึกว่า ทาง คสช. ได้มีการพูดคุยกับอธิการบดี และคณบดีของจุฬาฯ แล้ว เพื่อทำความเข้าใจกับนิสิตกลุ่มดังกล่าว ขณะนี้บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ ปัจจุบันเราต้องพูดคุยกับผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่าง แต่ก็มองในแง่บวกว่าทุกคนมีความหวังดีต่อประเทศ

พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาค 1 ยังกล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบกลุ่มนักศึกษา ม.ขอนแก่น 5 คนที่ออกมาชูนิ้วแสดงสัญลักษณ์ ในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น นั้น จากการข่าวพบว่ากลุ่มนักศึกษาดังกล่าวถูกว่าจ้างมา 50,000 บาท จากนักการเมืองในพื้นที่ เพื่อต้องการแย่งชิงพื้นที่สื่อของนายกรัฐมนตรี
----------------
"นาจิ๊บ ราซัค" เลี้ยงอาหารเที่ยง รับรอง พล.อ.ประยุทธ์ หลังหารือทวิภาคี ขณะมีรายงาน ส.ส.มาเลเซีย และภาคประชาชนออกแถลงการณ์ต่อต้าน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ในโอกาสเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ หลังจากมีการหารือทวิภาคีกันที่ทำเนียบรัฐบาล

รายงานระบุว่า มีรัฐมนตรีของมาเลเซียหลายคนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันด้วย เช่น ดาโต๊ะฮิชามมุดดิน ตัน ฮุสเซน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ดาโต๊ะศรี มุสตาฟา โมฮัมเหม็ด รัฐมนตรีกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมของมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ มี ส.ส.มาเลเซีย และองค์กรภาคประชาสังคมในมาเลเซีย 18 กลุ่ม ได้นัดประท้วงหน้าสถานทูตไทย ถ.อัมปัง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ออกแถลงการณ์ เรื่อง "

ประชาธิปไตยเพื่อประเทศไทย! เผด็จการจงออกไป" โดยมีข้อเรียกร้องหลักให้รัฐบาลมาเลเซียปฏิเสธการยอมรับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จนกว่าจะมีการปฏิบัติตามเงื่อนไข

1. ยกเลิกกฎอัยการศึกในทันที
2. หยุดการทำลายและจับกุมผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง และปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหมด
3. มีการเลือกตั้งและให้ประชาชนไทยเลือกตั้งได้อย่างเสรีตามระบอบประชาธิปไตย

http://www.nst.com.my/node/58122?
-------------------
พล.อ.ประยุทธ์ หารือทวิภาคีเต็มคณะ นายกฯ มาเลซีย กระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ส่งเสริมร่วมมือด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าหารือทวิภาคีเต็มคณะกับ นายดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย โดยภายหลังการหารือ ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรัฐบาลมาเลเซีย พร้อมชื่นชมวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในการพัฒนาประเทศสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงตามวิสัยทัศน์ ปี 2563 หรือ Vision 2020

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ย้ำความสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์กับมาเลเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในฐานะหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและมาเลเซีย ให้มีการแลกเปลี่ยน และการเยือนระหว่างทุกภาคส่วนของทั้งสองประเทศ พร้อมส่งเสริมความเชื่อมโยงความร่วมมือด้านการพัฒนาพื้นที่ชายแดน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความพอใจกับผลการพบหารือกลุ่มเล็กกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐบาลไทยยืนยันที่จะเดินหน้าสานต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก โดยจะได้มีการหารือในรายละเอียดกันต่อไป เพื่อให้กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขมีความคืบหน้าอย่างแท้จริง
------------------
ไทย-มาเลย์ เร่งผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา-ปาดังเบซาร์ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน สร้างรายได้ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าเป็น 1 ลล.บาท ในปี 58

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าหารือทวิภาคีเต็มคณะกับนายดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ทำเนียบรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งในด้านเศรษฐกิจไทยกับมาเลเซียต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันทั้งรถและราง โดยเฉพาะการเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดน ซึ่งไทยได้มีการเร่งรัดพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา-ปาดังเบซาร์ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่

โดยไทยและมาเลเซียเห็นพ้องกันในการตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น จาก 8 แสนล้านบาทในปี 2556 ให้ได้ถึง 1  ล้านล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งไทยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI) ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนของต่างประเทศด้วย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ไทยและมาเลเซียที่มีมายาวนาน และมีความร่วมมือกันรอบด้านอย่างลึกซึ้ง มาเลเซียได้สนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยได้มอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนไทยทั้งสายอาชีวะ การศาสนา และวิชาสามัญ และจะเดินหน้าโครงการความร่วมมือด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวสนับสนุนนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เกี่ยวกับความร่วมมือไทยและมาเลเซียในการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยจะส่งเสริมการลงทุนที่เน้นการพัฒนาทุกภาคส่วนทั้งสิ่งปลูกสร้างที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกในการประกอบอาชีพและกิจกรรมอื่น รวมทั้งการส่งเสริมการเชื่อมโยง (Connectivity) ด้วยเส้นทางถนนและรถไฟจากไทย-มาเลเซีย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้า อาจเชื่อมต่อไปยังอินเดียและจีนในอนาคตด้วย
/////////////
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์

ป.ป.ช. ลุยสอบบัญชีทรัพย์สิน "พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์" ชี้ จงใจปกปิดทรัพย์สิน - ร่ำรวยผิดปกติ

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. กล่าวถึงการดำเนินการตรวจสอบบัญชีทรัพย์และหนี้สินของ พลตำรวจโทพงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินในเชิงลึกว่ามีความจงใจปกปิดทรัพย์สิน รวมถึงร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ส่วนกรณีการปฏิบัติหน้าที่มิชอบต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเรื่องมา ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบก่อน เนื่องจากเป็นการดำเนินการทางคดีอาญา

นอกจากนี้ นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีที่อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเตรียมเสนอให้ ป.ป.ช. สามารถส่งฟ้องคดีต่อศาลเองได้ว่า ส่วนตัวเห็นว่าควรส่งฟ้องคดีผ่านอัยการเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะถือเป็นการกลั่นกรองสำนวนให้มีความถูกต้องครบถ้วน และแม้ว่าอาจมีปัญหาในเรื่องความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในบางกรณี แต่ฎหมายได้เปิดช่องให้ ป.ป.ช. สามารถส่งฟ้องต่อศาลได้โดยตรง
----------------
ผกก.สน.วัดพระยาไกร เผย บ่ายวันนี้ 2 ผู้ต้องหาขบวนการพงศ์พัฒน์ เข้ามอบตัวกับ ตร. ที่ บช.น. 

พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร เปิดเผยว่า คดีที่เกี่ยวพันกับ อดีต ผบช.ก. โดย ผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ สิบเอกณธกร ยาศรี และ สิบเอกธีรพงษ์ ช่อจำปี ที่เกี่ยวพันกับคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง และข่มขู่กรรรโชกทรัพย์ ขณะนี้ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวในช่วงบ่ายของวันที่ 1 ธ.ค. นี้ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ทำให้ขณะนี้เหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่อีกเพียงรายเดียวคือ นายวิทยา เทศขุนทด ซึ่งรายนี้มีอาวุธปืนพกติดตัวถึง 3 กระบอก โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
---------------
โฆษก สตช. เผย ไม่มีชื่อ 10 นายพล ตร. เอี่ยวส่วยน้ำมันเถื่อน คดีอดีต ผบช.ก. แน่ เปิดตู้เซฟ 3 ตู้รอประสานช่างมาเปิดวันนี้

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร. และรรท. ผบช.ก. ในฐานะโฆษก สตช. เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กรณีที่มีกระแสข่าวทำนองว่ามีรายชื่อของ 10 นายพล ตร. ที่เกี่ยวข้องกับการปราบ
ปรามน้ำมันเถื่อน เกี่ยวข้องกับขบวนการของ อดีต ผบช.ก. เรื่องส่วยน้ำมันเถื่อนนั้น กรณีดังกล่าวยืนยันว่าไม่มีรายชื่อดังกล่าวแน่ และตนเองก็ไม่เคยให้ข่าวว่ามีนายพล ตร. นายใด มาเกี่ยวข้องอีก นอกเหนือจากที่ได้ออกหมายจับไปแล้วเท่านั้น ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีที่ ตร. สามารถยึดตู้เซฟขนาดใหญ่จากบ้านเครือข่ายของ อดีต ผบช.ก. ได้ 3 ตู้นั้น ขณะนี้กำลังรอประสานช่างมาเปิดตู้เซฟดังกล่าวอยู่ โดยจะประสานสื่อมวลชนเพื่อมารายงานข่าวอีกครั้งหนึ่ง ภายในวันนี้
---------------------
ผบ.ตร. เผยคืบคดี พงศ์พัฒน์ สอบนายพลเอี่ยวน้ำมันเถื่อนดูตามเหมาะสม ย้ำ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายชื่อนายตำรวจเกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเถื่อนภาคใต้เครือข่ายขบวนการของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ว่า เบื้องต้นได้มอบอำนาจให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการพิจารณาเรียกนายตำรวจที่เข้าข่ายว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมาสอบปากคำตามความเหมาะสม

สำหรับบุคคลที่เรียกมาสอบนั้นยังไม่ถือว่ามีความผิดจนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันชัดเจน เบื้องต้น นายตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจน้ำที่มีส่วนเกี่ยวข้องชัดเจนยังมีเพียงคนเดียวคือ พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. ส่วนจะมีคนอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในการสืบหาข้อเท็จจริง หากพบมีว่าความผิดก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐานยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้งหรือล้างบาง แต่จะให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทุกนาย

ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ที่ยึดมาได้ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวน เพื่อส่งให้ทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบเพื่อเข้าสู่กระบวนการยึดทรัยพ์โดยคาดว่าจะสามารถส่งให้ได้เร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเร่งดำเนินการกวาดล้างความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบน เช่น บ่อนการพนัน การซื้อขายตำแหน่ง รวมถึงผู้ที่แอบอ้างสถาบันเรียกรับผลประโยชน์
---------------
สื่อมวลชน รอทำข่าว 2 ผู้ต้องหาเอี่ยวพงศ์พัฒน์ มอบตัวอีก 2 ราย ยังไม่ยืนยันจะเข้ามอบตัวเวลาใด

ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ขณะนี้ สื่อมวลชนจากหลายสำนัก ทยอยมารอทำข่าว กรณีที่ ผู้ต้องหาเอี่ยวเก็บส่วย อดีต ผบช.ก. อีก 2 ราย คือ สิบเอก ณธกร ยาศรี และสิบเอก ธีรพงษ์ ช่อจำปี ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ในช่วงบ่ายของวันนี้  ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำยืนยันจากทางเจ้าหน้าที่อย่างแน่ชัดว่า จะเข้ามามอบตัวเวลาใด

ก่อนหน้านี้ นายณัฐนันท์ ทานะเวช และ นายชลัช โพธิราช ผู้ต้องหาร่วมขบวนการ ได้เข้ามอบตัวกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และมีการแถลงข่าวไปแล้ว ทำให้ขณะนี้เหลือผู้ต้องหา ที่ยังหลบหนีอยู่อีกเพียง 1 ราย คือ นายวิทยา เทศขุนทด ซึ่งรายนี้ มีอาวุธปืนพกติดตัวถึง 3 กระบอก โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
-----------------
ผบ.ตร. เผย นายกฯ กำชับเร่งรัดคดี อดีต ผบช.ก. ให้ยึดหลักกฎหมาย อย่ากลั่นแกล้งใคร ไม่พบ 10 นายพล เอี่ยวน้ำมันเถื่อน

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ให้โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ให้เร่งรัดและติดตามผู้ที่มีส่วนในการกระทำความผิดเครือข่ายของ พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์  อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) อย่างเป็นธรรม ยึดหลักกฎหมาย อย่ากลั้นแกล้งหรือใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใด แต่ให้ยึดหลักความถูกต้อง พร้อมปฏิเสธว่าไม่มี 10 นายพลตำรวจ เกี่ยวข้องกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ แต่รายชื่อที่ตรวจสอบและเจอในบัญชีรายชื่อยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังได้เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผู้กำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม ซึ่งเป็นนายตำรวจที่มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มาแสดงความบริสุทธิ์ใจและเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน หากยังคงหลบหนีก็อาจจะถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและเกรงว่าจะไมได้รับความปลอดภัย ทั้งนี้ ตามระเบียบราชการแล้ว หากไม่มารายงานตัวภายใน 15 วัน ก็จะมีความผิดฐานขาดราชการ ซึ่งมีโทษถึงขั้นไล่ออกด้วย
---------------
อดีต ส.ส.ปชป. ยื่นหนังสื่อ ผบ.ตร. ให้จับกุม อดีตนายกฯทักษิณ  และทำการถอดยศด้วย

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการจับกุม อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และให้ดำเนินการถอดยศด้วย เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้กระทำความผิดตามหมายจับของกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 5 หมายจับ รวมทั้ง ยังมีอีกหลายคดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังไม่เสร็จสิ้น แต่อดีตนายกรัฐมนตรี กลับหลบหนีความผิดออกนอกประเทศ โดย คณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะดำเนินการได้

ประกอบกับ พล.ต.อ.สมยศ ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า จะดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดทุกรายโดยไม่ละเว้น จึงมีความต้องการเห็นการดำเนินการจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณ รวมถึง อยากเห็นการถอดยศด้วย
-------------
อธิบดีดีเอสไอ เผย รายชื่อ จนท.ดีเอสไอ รับสินบนน้ำมันเถื่อน จากเสี่ยโจ้ ได้ตั้ง กก.สอบแล้ว ยังไม่รู้ตัวว่าใคร

นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยกรณีที่มีรายชื่อของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อยู่ในบัญชีรายชื่อรับสินบนขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนของ นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ
เสี่ยโจ้ นักธุรกิจภาคใต้ ที่พัวพันกับเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ว่า ขณะนี้ ดีเอสไอ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงตามที่มีการกล่าว
หาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอรับสินบนแล้ว ซึ่งจะต้องดูข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ประกอบไปด้วย โดยล่าสุดยังไม่ได้รับการรายงานว่าเจ้าหน้าที่ 3 คนที่ถูกระบุนั้นเป็นใคร หรือ อาจจะมีการอ้างว่าเป็นเจ้า

หน้าที่ดีเอสไอก็เป็นได้ โดยยืนยันจะเร่งทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อทำการเอาผิดทางวินัยต่อไป
-------------------
ผกก.สน.วัดพระยาไกร เผย 2 ผู้ต้องหาคดีพงศ์พัฒน์ขอเลื่อนเข้ามอบตัว โดยไม่บอกเหตุผล รอยืนยันอีกครั้ง

พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงความคืบหน้ากรณี 2 ผู้ต้องหา คือ สิบเอกณธกร ยาศรี และ สิบเอกธีรพงษ์ ช่อจำปี ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในช่วงบ่ายของวันนี้ ว่า หลังจากการประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบื้องต้นได้รับแจ้งว่าผู้ต้องหาทั้งสองได้ขอเลื่อนเข้ามอบตัว โดยที่ไม่ทราบเหตุผลใด ๆ และไม่ทราบว่าจะเข้ามอบตัวเมื่อใดด้วย

โดยจากกระแสข่าวขณะนี้บ้างก็ว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารได้มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองไว้แล้ว บ้างก็ว่ายังไม่มีการควบคุมตัวผู้ใดไว้ อยู่ในขั้นตอนติดต่อขอมอบตัวเท่านั้น ซึ่งต้องรอการยืนยันอีกครั้ง

ด้านผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวที่มีกองบัญชาการตำรวจนครบาล ขณะนี้ต่างก็ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อรอการยืนยันจาก พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ถึงกรณีดังกล่าว เพื่อความชัดเจนอีกครั้ง
---------------------
ผบช.น. เผย เร่งประสานทาหาร ส่งตัว 2 ผู้ต้องหา เอี่ยว อดีต ผบช.ก. พร้อมเร่งจับผู้ต้องหาอีกรายที่ยังหนี

พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี 2 ผู้ต้องหา คือ สิบเอก ธณธกร ยาศรี และ สิบเอก ธีรพงษ์ ช่อจำปี ผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในวันนี้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และรอการประสานจากทางกองทัพอีกครั้ง ในการทำสำนวนคดีต่าง ๆ

โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการควบคุมตัวของผู้ต้องหาทั้งสอง ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้มีควบคุมตัว ไว้แล้วใช่ไหม พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตอบเพียงว่า อยู่ที่กองทัพในการประสานเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล เท่านั้น ด้านการเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่แน่ชัดว่าที่ใด เมื่อไร แต่คาดว่าจะเข้ามามอบตัวภายในวันนี้

ส่วนผู้ต้องหาอีกคน คือ นายวิทยา เทศขุนทด ผู้ต้องหาอีก 1 ราย อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องเพิ่มเติ่มอีกหรือไม่ ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพิ่มเติ่มต่อไป ซึ่งก็ต้องรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอีกครั้ง
----------
โฆษก สตช. เผย มีผู้ให้เงินนำจับเสี่ยโจ้ จำนวน 1 ล้านบาทจริง ชี้ พบเคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้าน - ออสเตรเลีย พร้อมเตือนคนแชร์ข่าวลือ!

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมอบเงินรางวัล 1 ล้านบาท ให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุม นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ เสี่ยโจ้ นักธุรกิจที่มีอิทธิพลและหลบหนีคำพิพากษาศาลจังหวัดปัตตานีในคดีการปลอมแปลงเอกสารตราประทับ ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง

ซึ่งเงินดังกล่าวมีผู้มีจิตศรัทธาสนับสนุนจำนวนเงิน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยตำรวจในการหาข้อมูลเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมตัวเสี่ยโจ้ และจากข้อมูลการข่าวพบว่า เสี่ยโจ้ ยังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้มีการตาวจสอบข้อมูลกับผู้ที่ใกล้ชิดเสี่ยโจ้แล้วแต่ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากนัก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าเสี่ยโจ้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับส่วยจากการค้าน้ำมันเถื่อน โดยขอให้รีบเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ยังกล่าวถึงที่ปัจจุบนสังคมได้มีการแชร์ข้อมูลข่าวลือที่แพร่สะพัดในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่าประชาชนควรจะมีการตรวจสอบ เนื่องจากหลายครั้งพบว่ามีคนจำนวนมากต่างแชร์ข้อมูลเท็จ ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ รวมทั้งกรณีคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นี้ด้วย จึงควรใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูล อย่าหลงเชื่อง่าย ๆ
-----------------
"แพทย์" เข้าตรวจร่างกาย "อดีต ผบช.ก." ที่เรือนจำ หลังการคุมขังครบ 15 วัน จะจำแนกแยกแดนขัง

นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แพทย์จากสถานพยาบาลของเรือนจำได้เข้าไปตรวจสุขภาพของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ในแดนแรกรับ เพื่อทำบันทึกประวัติสภาพร่างกายว่ามีโรคประจำตัวหรืออาการเจ็บป่วยหรือไม่

โดยผลตรวจสุขภาพไม่พบว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มีโรคประจำตัว มีเพียงโรคผู้สูงอายุเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้มีผู้ต้องขังคดีเดียวกันมีอาการเจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลภายในเรือนจำ คือ ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง มีโรคประจำตัวทั้งโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้นแต่ยังคงรักษาตัวอยู่ในแดนพยาบาล ขณะที่ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ ที่เคยมีอาการเครียดจนต้องส่งไปรักษาถูกส่งตัวกลับเข้าแดนแรกรับแล้ว

ทั้งนี้ ภายหลังคุมขังในแดนแรกรับครบ 15 วัน เรือนจำจะเตรียมพิจารณาเรื่องการจำแนกไปคุมขังในแดนอื่น ๆ ขณะนี้ การควบคุมยังเป็นไปด้วยความเข้มงวดด้วยการให้อยู่ในห้องติดกล้องวงจรปิดเพื่อให้อยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำแล้ว 12 คนนั้น ได้มีญาติและกลุ่มตำรวจทยอยติดต่อขอเข้าเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง

///////////
ปปช.

"รองฯ วิษณุ" ย้ำ ปราบทุจริตเป็นนโยบายสำคัญ จะถูกบัญญัติไว้ใน รธน. ทุกฝ่ายต้องร่วมกัน ชี้ ทุจริตในระบบราชการส่งผลกระทบเศรษฐกิจ 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง นโยบายการป้องกันการทุจริตในภาครัฐ ว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็นสิ่งที่คณะรักษาความสุขแห่งชาติ (คสช.) กำหนดเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่มีการประกาศยึดอำนาจ โดยได้กำหนดให้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเป็นหนึ่งใน 11 หัวข้อของการปฏิรูปประเทศ ซึ่งการแก้ไขการทุจริตจะแก้เพียงด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ เพราะการทุจริตแทรกอยู่ในทุกส่วน

นอกจากนี้ ในนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ยกให้การปราบปรามการทุจริตเป็นวาระใหญ่และแทรกไว้ในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการกระบวนการยุติธรรม ระบบราชการ และกฎหมาย ซึ่งนโยบายของรัฐบาลเน้นดำเนินการ 3 แนวทาง คือ 1. แก้กฎหมายและระเบียบกติกาเพราะเป็นที่มาของอำนาจ 2. ระดมสรรพกำลัง ปัญญา และงบประมาณแบบบูรณาการ ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น 3. การสร้างคุณธรรมในการมีจิตสาธารณะและค่านิยมที่ดีแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน

อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ กล่าวว่า จากผลจากการสำรวจของต่างประเทศ พบว่า การทุจริตในระบบราชการส่งผลกระทบต่อการลงทุนในประเทศไทยด้วย
--------------------
"ภักดี" ปาฐกถาบทบาทของภาคีทุกภาคส่วนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ชี้ ต้องตระหนักถึงพิษภัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ 

นายภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทบาทของภาคีทุกภาคส่วนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ว่า แนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นที่จะเสนอต่อรัฐบาล  4 ประการ  คือ

1. การกำหนดให้นโยบายการต่อต้านการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ
2. การกำหนดแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานภาครัฐ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างเพียงพอและทั่วถึง
3. กำหนดให้มีกลไกกำกับดูแล ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภายในส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
4. ส่งเสิรมสนับสนุนและดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่จำเป็นในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้สอดรับทันต่อสถานการณ์การทุจริตและแนวทางปฏิบัติสากล รวมทั้งพัฒนากลไก

ต่อต้านการทุจริตข้ามชาติ รองรับเออีซี

นายภักดี กล่าวว่า ส่วนในภาคเอกชนต้องนำหลักบรรษัทภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคมมาใช้ และภาคประชาสังคมและสื่อ ควรสร้างความตื่นตัวให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงพิษภัยจา

การทุจริตที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของการมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต
-----------------------
พล.อ.ไพบูลย์ ชี้ สังคมปัจจุบัน ลังเลและไม่เชื่อมั่น ต่อ ป.ป.ช.-อัยการสูงสุด แนะ ต้องเร่งทำความเข้าใจ ปรับทัศนะคติเยาวชน

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สังคมวันนี้ลังเลและไม่เชื่อมั่นที่จะศรัทธากับหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการปราบปรามทุจริตทั้งรัฐบาล ป.ป.ช. อัยการสูงสุด โดยเฉพาะทัศนคติของเยาวชนที่ยอมรับได้กับการทุจริต ถือเป็นเรื่องน่าห่วง การแก้ปัญหาการทุจริตให้ได้ผล จะต้องเอาคนระดับรัฐมนตรีมาติดคุก ไม่ใช่มีแต่ระดับข้าราชการ

โดยรัฐบาลจะจัดตั้งภาคีเครือข่ายภาครัฐทั้งหมดทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันในการต่อต้านการทุจริต โดยการตั้งศูนย์อำนวยการต่อต้านและการทุจริตแห่งชาติ หรือ ศอตช. ให้มีอำนาจในการตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น จากที่แต่เดิมหน่วยงานเหล่านี้มีอำนาจตรวจสอบที่จำกัด

ยิ่งลักษณ์ร่วมงานศพพ่อสุดารัตน์



วันที่ 30 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมพิธีรดน้ำศพ นายสมพล เกยุราพันธุ์ บิดาคุญหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน หลังถึงแก่กรรมระหว่างเดินทางไปพักผ่อนยังต่างประเทศ 

http://www.matichon.co.th/online/2014/11/14173480231417348055l.jpg

ทั้งนี้ได้มีบุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทยเดินทางมาร่วมงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ  นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ นายการุณ โหสกุล นายยุรนันท์ ภมรมนตรี นายเสนาะ เทียนทอง และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ร่วมในงานครั้งนีด้วย

http://www.matichon.co.th/online/2014/11/14173480231417348076l.jpg