PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

เตือนคนไทยไปอังกฤษระวังISวินาศกรรมระบบขนส่ง

วันที่ 9 ม.ค.58 เตือนคนไทยไปอังกฤษ ระวังอัล-กออิดะห์เตรียมก่อเหตุใหญ่ขนส่งมวลชน
ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับ MI-5 ของอังกฤษ แถลงที่สำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน ออกมาเตือนกลุ่มประเทศตะวันตก ว่าพบเบาะแสกลุ่มอัล-กออิดะห์ในซีเรีย เตรียมก่อวินาศกรรมครั้งใหญ่ในประเทศแถบตะวันตก
มีเป้าหมายเป็นระบบขนส่งมวลชน ซึ่งเป็นสถานที่มีประชาชนรวมอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง ทั้งในและต่างประเทศมีเบาะแสในเรื่องนี้เป็นของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถหยุดทุกสิ่งได้ในเวลาเดียวกัน แต่ยังมีประชาชนหัวรุนแรงในประเทศอังกฤษราว 500 ราย เดินทางเข้าไปในซีเรีย เพื่อร่วมรบกับกลุ่มหัวรุนแรง IS แล้วคนกลุ่มนี้ ก็เดินทางกลับมาประเทศตนเองอีกครั้ง พร้อมความคิดที่ยากจะแก้ไข

-------------------------------->
ชักเริ่มสนุกขึ้นทุกวันแล้ว ร้อนระอุเหงื่อแตกไปทั่วยุโรป เมื่อกลุ่มก่อการร้าย IS ที่มะกัน และชาติตะวันตก เคย โอ๋ หนักหนา จะเอาอะไรก็ให้หมด ทั้งเงิน อาวุธ อาหาร ยา ฯลฯ มะกันและพันธมิตร ขนไปประเคนให้จนอิ่มแปร้
เท่านั้นยังไม่พอ ยังส่งทหารมะกัน อังกฤษ ฯลฯ ไปฝึกกลุ่มก่อร้าย IS พวกนี้จนเก่งกาจ มาวันหนึ่งเริ่มคุมไม่อยู่ซะแล้ว เพราะกลุ่มพวกนี้เริ่มอยากใหญ่ขึ้น จึงยึดแท่นขุดเจาะน้ำมัน เอามาขายใต้ดินผ่านพ่อค้าตุรกี เพียง 25-30 US ต่อบาร์เรล มีวิศวกรเป็นของตนเอง มีรายได้ และทรัพย์สินมากราว 3 หมื่นล้านบาท
มะกัน อังกฤษ จึงมองว่า IS เป็นลูกนอกคอก หาญกล้ามาค้าน้ำมันตัดราคาผู้ยิ่งใหญ่ ต้องทำลายทิ้งเสีย จากนั้นจึงลงมือทิ้งระเบิดบอบ์มใส่ ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ยิ่งกลับทำให้คนหัวรุนแรง จากชาติตะวันตก ยิ่งหลั่งไหลไปร่วมเป็นนักรบ IS มากขึ้นไปเรื่อยๆ
จน IS มีกองกำลังมากถึง 30,000 คน จึงเปลี่ยนแผนการสู้กับชาติตะวันตก โดยส่งหนอนร้ายเหล่านั้นกลับถิ่นดินแดนประเทศตนเอง แล้วสั่งการให้ก่อการร้ายกับประเทศนั้นๆ อย่างรุนแรนสุดขั้ว
ตอนนี้ในอังกฤษ มีกลุ่มก่อการร้าย IS ที่เป็นชาวอังกฤษเองอยู่ราว 500 ราย ที่พร้อมจะก่อเหตุในระบบขนส่งมวลชน ซึ่งเป็นสถานที่มีประชาชนรวมอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เตือน นักท่องเที่ยวชาวไทย คิดให้หนักถ้าจะต้องไปท่องเที่ยวชาติตะวันตกที่มีนักรบ IS ไปร่วมรบ อีกไม่นาน เสียงดังกัมปนาทปานฟ้าถล่ม เปลวไฟ และควันไฟ จะลุกโชนเหนือท้องฟ้าของประเทศตะวันตกเหล่านั้น
พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยของประชาชน ที่เลือกตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยตะวันตก ที่ดำเนินนโยบายอิงกับอเมริกา
@ เสธ น้ำเงิน2
http://www.facebook.com/thailandcoup


สถานการณ์ข่าว9/1/58

Jab09Jan15

พล.อ.อุดมเดช ระบุถอดถอน "ยิ่งลักษณ์" เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ไม่กังวลเสื้อแดงมาสภา ขออย่าทำผิดกฎหมาย 

พลเอก อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พลเอก ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อเป็นประธานจัดกิจกรรมวันเด็กและมอบถุงยังชีพพระราชทานแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4

ทั้งนี้ พลเอก อุดมเดช ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนจะเดินทาง ถึงกรณีที่ในวันนี้ทางสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. จะแถลงเปิดคดีถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนกรณีที่จะมีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมาให้กำลังใจที่รัฐสภานั้น ผู้บัญชาการทหารบก ไม่มีความกังวล แต่ได้มีการกำชับกับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความเรียบร้อยไว้แล้ว ส่วนจะมีการใช้กฎอัยการศึกกำชับในพื้นที่หรือไม่นั้น พลเอก อุดมเดช กล่าวว่า จะใช้กฎอัยการศึกเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พลเอก อุดมเดช ยังได้ขอให้ผู้ที่จะเดินทางมาให้กำลังใจกับอดีตนายกรัฐมนตรีว่า อย่าทำในสิ่งที่ผิดกฎหมายและเชื่อว่าทุกคนมีความเข้าใจดี
------------------
"วิชา" ยัน คำโต้แย้ง "ยิ่งลักษณ์" เป็นสำนวนเดิมถือเป็นการยอมรับกักตุนข้าวเพื่อให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดจริง ย้ำ ถอดถอนไม่ซ้ำซ้อน

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวภายหลังแถลงเปิดคดีถอดถอนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า คำโต้แย้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นสำนวนเดิมที่เคยกล่าวไปแล้ว ซึ่งถือเป็นการยอมรับว่าได้มีการกักตุนข้าวเพื่อให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดจริง ซึ่งต้องรอดูการซักถามของคณะกรรมการว่าจะเป็นอย่างไร โดย ป.ป.ช. ยินดีที่จะตอบทุกอย่าง พร้อมยืนยันว่ากระบวนการถอดถอนในครั้งนี้ไม่ได้เป็นการดำเนินการซ้ำซ้อนเพราะมีเรื่องการตัดสิทธิ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด 5 ปีด้วย

ซึ่งหากผลการพิจารณาของ สนช. เห็นว่าไม่สมควรถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่กระทบกับ ป.ป.ช. เพราะการปฏิบัติตามหน้าที่ และเข้าใจว่าเป็นกระบวนการทางการเมืองที่ดูว่าบุคคลนั้นยังมีความ
เชื่อถืออยู่หรือไม่เท่านั้น ไม่เหมือนกับกระบวนการของศาลที่ต้องมีการสืบพยาน

ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้คาดเดาล่วงหน้าเพราะยังไม่เสร็จกระบวนการ
---------------------
"ยิ่งลักษณ์" ระบุ สบายใจขึ้น หลังชี้แจงข้อกล่าวหาแต่ละประเด็นต่อ สนช.แล้ว ย้ำไม่กังวล หนักใจ ทำดีที่สุดแล้ว 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเข้าชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในข้อกล่าวหา ส่อว่ามีพฤติการณ์ว่าทุจริตต่อหน้าที่ในกรณีไม่ระงับยับยั้งในโครงการรับจำนำข้าว ว่า สบายใจที่ได้ชี้แจงในข้อกล่าวหาแต่ละประเด็นให้สภานิติบัญแห่งชาติ และประชาชนได้รับทราบทั้งหมด พร้อมกันนี้หวังว่าการแถลงดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณา

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ไม่มีความกังวลและหนักใจเพราะถือว่าตนเองได้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว

ขณะที่นายพิชิต ชื่นบาน ทีมทนายความนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในประเด็นที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงวันนี้มี 2 ประเด็น คือที่ไม่สามารถชี้แจงได้ว่า โครงการรับจำข้าวมีการขาดทุนอย่างไร และ โครงการดังกล่าวไม่ได้มีความเสียหายแก่ประเทศแต่เป็นการให้ประโยชน์แก่ประชาชนดังนั้นจึงต้องมีผู้รับผิดชอบในการกล่าวหาครั้งนี้
---------------------
"ยิ่งลักษณ์"  ขอ สนช. พิจารณาถอดถอนเป็นธรรม ไม่ตกเป็นเครื่องมือการเมือง 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา กล่าวในช่วงท้ายว่า ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และมีความตั้งใจริงในการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ โดยทำเพื่อประชาชนเป็นหลัก ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว ขณะเดียวกัน ย้ำว่าตนเองพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา จะมาถอดถอนผู้ไม่มีตำแหน่งได้อย่างไร จึงไม่อยากให้การดำเนินการนี้ ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง อีกทั้งรัฐธรรมนูญปี 2550 ยังถูกยกเลิกจาก คสช. ไปแล้ว ทั้งนี้ การที่รัฐบาลปัจจุบันต้องการเห็นการปฏิรูป ความปรองดอง และประเทศจะเดินหน้าได้นั้น ต้องมีความยุติธรรมก่อน และหวังว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะพิจารณาอย่างเป็นธรรม ไม่อคติ นอกจากนี้ ยังย้ำต่อที่ประชุมอีกว่า ตลอดเวลาที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มุ่งมั่น ทุ่มเทและปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต

ทั้งนี้ ที่ประชุม สนช. ได้ตั้ง กรรมาธิการซักถามจำนวน 9 คน พร้อมนัดประชุมซักถามในวันที่ 16 มค.นี้
------------------------
พล.อ.ประวิตร มั่นใจปมถอดถอน "ยิ่งลักษณ์-สมศักดิ์-นิคม" ไร้วุ่นวาย รุนแรง คงอัยการศึกเพื่อความสงบ ชมมหาดไทยทำงานครบถ้วนตามนโยบาย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกรณีการพิจารณาถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงพิจารณาถอดถอนอดีตประธานวุฒิสภา และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เชื่อว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายหรือความรุนแรงใด ๆ เกิดขึ้น ทั้งนี้ ควรให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการไปตามขั้นตอน ขณะเดียวกัน หากต้องการให้กำลังใจสามารถโทรศัพท์ให้กำลังใจโดยไม่ต้องเดินทางมาจนรัฐบาลไม่สามารถทำงานได้

ส่วนกรณีการที่รัฐบาลยังคงประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่นั้น เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสงบ

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการมอบนโยบายและตรวจเยี่ยมกระทรวงมหาดไทยในวันนี้ว่า กระทรวงมหาดไทยได้ปฏิบัติงานครบถ้วนตามที่ได้รับมอบหมายตามที่นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้บูรณาการในพื้นที่ในการดำเนินการให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่าประชาชนมีความต้องการให้เกิดความปรองดอง และเฝ้าติดตามว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรให้เกิดประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งขณะนี้รัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ทำให้ประเทศเดินหน้าไปข้างหน้าได้
----------------
สนช. ทยอยเดินทางถึงสภา เตรียมประชุมเปิดคดีถอดถอน ยิ่งลักษณ์ ยังไม่พบผู้สนับสนุน อดีตนายกฯ แต่อย่างใด

บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่รัฐสภาล่าสุด สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เริ่มทยอยเข้าเตรียมตัวประชุมที่จะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. แล้ว โดยมีวาระเพื่อดำเนินการถอนถอด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง จากกรณีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นการแถลงเปิดสำนวนคดีตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งมา

ทั้งนี้ ทาง ป.ป.ช. จะเป็นผู้เริ่มแถลงเปิดคดีแต่ละสำนวนและหลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นผู้แถลงคัดค้านคำแถลงเปิดสำนวนหรือรายงานของ ป.ป.ช. พร้อมชี้แจงข้อกล่าวหา

อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ และทีมทนาย จะเข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาด้วยตัวเอง และนอกจากนี้ ยังได้ขอให้ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล นายยรรยง พวงราช นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ นายวราเทพ รัตนากร เข้าร่วมแถลงเปิดคดีด้วย หากมีการชี้แจงจะขออนุญาตประธานในที่ประชุมก่อน ขณะที่ด้านรักษาความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจประจำจุดต่าง ๆ อย่างเข้มงวด และยังไม่มีผู้สนับสนุนอดีตนายกฯ อยู่บริเวณหน้าทางเข้าอาคารรัฐสภาแต่อย่างใด
-------------------
ปชช. เดินทางมายังบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา พร้อมเตรียมดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเข้าชี้แจงต่อ สนช.

บรรยากาศล่าสุด บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา ยังคงมีประชาชนบางส่วนเดินมาให้กำลังใจพร้อมนำดอกกุหลาบสีแดงมารอมอบให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในการเข้าชี้แจงข้อกล่าวหากรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำหน้าเป็นประธานการประชุม สำหรับมาตรการรักษความปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่กำกับการควบคุมฝูงชน ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่าเข้มงวดประจำจุดต่าง ๆ โดยรอบ

นอกจากนี้ ยังมีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก เฝ้าจับตารอฟังการชี้แจงของ นางสาวยิ่งลักษณ์ เนื่องจากการพิจารณาในวันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญและประชาชนให้ความสนใจ

ทั้งหมดนี้ คือความเคลื่อนไหว ล่าสุด บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภา
---------------------
"ยิ่งลักษณ์"  ขอ สนช. พิจารณาถอดถอนเป็นธรรม ไม่ตกเป็นเครื่องมือการเมือง 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ถูกกล่าวหา กล่าวในช่วงท้ายว่า ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์และมีความตั้งใจริงในการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ โดยทำเพื่อประชาชนเป็นหลัก ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว ขณะเดียวกัน ย้ำว่าตนเองพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมา จะมาถอดถอนผู้ไม่มีตำแหน่งได้อย่างไร จึงไม่อยากให้การดำเนินการนี้ ทำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง อีกทั้งรัฐธรรมนูญปี 2550 ยังถูกยกเลิกจาก คสช. ไปแล้ว ทั้งนี้ การที่รัฐบาลปัจจุบันต้องการเห็นการปฏิรูป ความปรองดอง และประเทศจะเดินหน้าได้นั้น ต้องมีความยุติธรรมก่อน และหวังว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะพิจารณาอย่างเป็นธรรม ไม่อคติ นอกจากนี้ ยังย้ำต่อที่ประชุมอีกว่า ตลอดเวลาที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มุ่งมั่น ทุ่มเทและปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต

ทั้งนี้ ที่ประชุม สนช. ได้ตั้ง กรรมาธิการซักถามจำนวน 9 คน พร้อมนัดประชุมซักถามในวันที่ 16 มค.นี้
--------------------
"ยิ่งลักษณ์" ระบุ สบายใจขึ้น หลังชี้แจงข้อกล่าวหาแต่ละประเด็นต่อ สนช.แล้ว ย้ำไม่กังวล หนักใจ ทำดีที่สุดแล้ว 

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเข้าชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในข้อกล่าวหา ส่อว่ามีพฤติการณ์ว่าทุจริตต่อหน้าที่ในกรณีไม่ระงับยับยั้งในโครงการรับจำนำข้าว ว่า สบายใจที่ได้ชี้แจงในข้อกล่าวหาแต่ละประเด็นให้สภานิติบัญแห่งชาติ และประชาชนได้รับทราบทั้งหมด พร้อมกันนี้หวังว่าการแถลงดังกล่าวจะถูกนำไปพิจารณา

นางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ไม่มีความกังวลและหนักใจเพราะถือว่าตนเองได้ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว

ขณะที่นายพิชิต ชื่นบาน ทีมทนายความนางสาวยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ในประเด็นที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้แจงวันนี้มี 2 ประเด็น คือที่ไม่สามารถชี้แจงได้ว่า โครงการรับจำข้าวมีการขาดทุนอย่างไร และ โครงการดังกล่าวไม่ได้มีความเสียหายแก่ประเทศแต่เป็นการให้ประโยชน์แก่ประชาชนดังนั้นจึงต้องมีผู้รับผิดชอบในการกล่าวหาครั้งนี้

////////////////////
กมธ.ยกร่าง

"คำนูณ" ย้ำกระแสนิรโทษกรรมไม่มีกระทบเขียน รธน. ยันแยกจัดการกับตรวจสอบเลือกตั้ง ไม่ถอยหลัง กมธ.ยกร่าง เตรียมความพร้อมพิจารณารายมาตรา

นายคำนูณ สิทธิสมาน กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อเตรียมความพร้อม ทำความเข้าใจในขั้นตอนรูปแบบสำหรับการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา ในวันที่ 12 ม.ค. นี้ หลังจากฝ่ายเลขานุการที่มี นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เป็นประธานในการยกร่างเบื้องต้น ดำเนินการเสร็จในภาค 1 แล้ว ซึ่งจะมีความเข้มข้นในเรื่องของเนื้อหาเป็นอย่างมาก ว่าถูกต้องตรงตามที่ กมธ. มีมติไปแล้ว หรือตรงตามข้อเสนอแนะ คิดเห็น ที่มีเข้ามาอย่างไรบ้าง หรือหากมี กมธ.คนใด มีความเห็นแย้ง ก็จะต้องเสนอแก้ไข เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

ทั้งนี้ นายคำนูณ ยังกล่าวด้วยว่า กรแสข่าวเรื่องปรองดอง หรือนิรโทษกรรม ไม่มีผลกระทบต่อการพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ จะมีหมวดเกี่ยวกับการปรองดอง และการปฏิรูปบรรจุอยู่ แต่จะไม่ใช่เป็นข้อสรุปว่าจะต้องไปในรูปแบบใด แต่จะเขียนเพื่อสร้างกลไกให้ฝ่ายเห็นต่าง คู่ขัดแย้ง มีเวทีในการแสดงออก เพื่อให้เกิดการตกผลึกทางความคิดร่วมกัน

ซึ่งจะเห็นตรงกันในเรื่อง นิรโทษกรรม การเยียวยาอย่างไรนั้น เป็นขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการหลังการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับ เรื่องของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้มีการถอยหลังอย่างแน่นอน เพราะ กมธ. เสนอให้มีการแบ่งแยกหน้าที่ระหว่าง การจัดการเลือกตั้ง กับการควบคุม และตรวจสอบความบริสุทธิ์ยุติธรรม ออกจากกันเท่านั้น
------------------
"บวรศักดิ์" มอบร่างรัฐธรรมนูญเป็นของขวัญวันเด็ก-ให้เยาวชนเข้าสัมผัสห้องทำงานคณะกรรมาธิการยกร่าง

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้มอบของขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2558 เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวให้มีสิทธิได้รับความคุ้มครองและช่วยเหลือจากรัฐให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เพียงพอ และมีมาตรฐานการครองชีพที่เหมาะสมตามที่กฎหมายบัญญัติ นอกจากนี้ มารดามีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองเป็นพิเศษและได้รับสวัสดิการตามสมควรจากรัฐและนายจ้าง ทั้งก่อนและหลังการให้กำเนิดบุตร รวมถึงรัฐต้องส่งเสริมบำรุงการศึกษาที่เหมาะสม และสอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

ซึ่งในวันพรุ่งนี้ นายบวรศักดิ์ จะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามาสัมผัสห้องทำงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติอีกด้วย
------------------------
"บวรศักดิ์" เผย ประเด็นถอดถอนใน รธน.ใหม่ มี 2 แบบ-ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต หากถูกถอดถอนโดย ปชช.

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงประเด็นการถอดถอนนักการเมือง ว่า จะนำความคิดเห็นของประชาชนบรรจุเข้าในรัฐธรรมนูญ ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ ถอดถอนผู้ที่ยังคงดำรงตำแหน่งทางการเมือง และผู้ที่พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไปแล้ว โดยจะใช้วิธีของระบบรัฐสภา หากมีมติไม่ถอดถอน จะส่งเรื่องให้ประชาชนเป็นผู้ลงมติถอดถอน ซึ่ง จะสามารถลงมติถอดถอนได้พร้อมกับการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น และต้องมีเสียงคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ทั้งนี้ หากถูกถอดถอนจากประชาชนจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

ส่วนกรณีการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในขณะนี้ มองว่าเป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายซึ่งไม่มีผลกระทบต่อประชาชน และไม่ก่อให้เกิดความอคติต่อประชาชนต่อการทำหน้าที่ แต่หากมองในแง่ทางการเมือง อาจจะเกิดความไม่พอใจขึ้นได้
----------------------
///////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ/วันเด็ก

สำนักโฆษกฯ เตรียมแสตนดี้ภาพเหมือนนายกที่ตึกนารีสโมสร ตึกไทยคู่ฟ้า ให้เด็กร่วมถ่ายรูปวันพรุ่งนี้

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุด บริเวณด้านหน้าตึกนารีสโมสร ซึ่งเป็นซุ้มกิจกรรมสำหรับวันเด็กของสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการนำแสตนดี้ภาพเหมือนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในชุดผ้าไหมพระราชทานอิริยาบถต่าง ๆ จำนวน 4 แบบ มาตั้งไว้เพื่อให้เด็ก ๆ และเยาวชนได้ถ่ายภาพในวันพรุ่งนี้ โดยจะนำไปจัดแสดงให้เด็กและเยาวชนได้ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกบริเวณตึกนารีสโมสร ตึกไทยคู่ฟ้า และตึกสันติไมตรี ส่วนแสตนดี้ภาพเหมือนนายกรัฐมนตรีในชุดทหารจะมีการนำมาจัดตั้งในวันพรุ่งนี้
------------------
ดุสิตโพล เด็กอยากได้ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก โทรศัพท์มือถือ เป็นของขวัญมาสุด อยากขอนายกฯ สนับสนุนเรื่องการเรียน กีฬา  มองการเมืองดีขึ้น

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของเด็กและเยาวชน หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กว่า "ความรู้ คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต" เรื่อง "วันเด็ก 2558" เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศ จำนวน 1,275 คน พบว่าของขวัญที่เด็ก ๆ อยากได้มากที่สุด ร้อยละ 93.25 แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ, ของขวัญหรือสิ่งที่เด็ก ๆ อยากขอจากนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 91.84 สนับสนุนเรื่องการเรียน กีฬา ทุนการศึกษา, ร้อยละ 89.33 ดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข น่าอยู่ ส่วนของขวัญหรือสิ่งที่เด็ก ๆ อยากขอจาก “คุณพ่อคุณแม่” คือ ร้อยละ 94.04 ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น, ร้อยละ 92.94 คอมพิวเตอร์ เกม มือถือ แท็บเล็ต ของเล่น หุ่นยนต์, ร้อยละ 89.65 เพิ่มเงินค่าขนม

ขณะที่ เมื่อถามว่า เด็ก ๆ คิดอย่างไรกับ “การเมืองไทย” ณ วันนี้ พบว่า ร้อยละ 91.22 การเมืองไทยเริ่มดีขึ้น สงบมากขึ้น, ร้อยละ 89.02 วุ่นวาย ปัญหาเยอะ, ร้อยละ 84.94 ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน

อยากให้สามัคคีกัน, ร้อยละ 83.84 ยังมีคนโกงกิน คอร์รัปชั่น และเมื่อถามว่า รู้จักนายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน หรือไม่ พบว่า ร้อยละ 96.55 รู้ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ร้อยละ 3.45 ไม่รู้
----------------------
รอง ผบช.น. เผยจัดกำลังดูแลทุกด้าน ในช่วงจัดงานวันเด็ก 2558 เต็มกำลัง ชี้ผู้ปกครองให้เขียนชื่อเบอร์โทรติดตัวบุตรหลานด้วย

พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. แถลงการดูแลความเรียบร้อยเนื่องในเทศกาลวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2558 ว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 มกราคม 2558) เป็นวันเด็กแห่งชาติ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ดำเนินการสำรวจสถานที่จัดงานวันเด็กในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งหมด 96 แห่ง โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลดภัยในพื้นที่ที่จัดงานเต็มกำลัง พร้อมอำนวยความสะดวกทางด้านการจราจร รวมทั้งมีการตั้งศูนย์อำนวยการในทุกจุดที่มีการจัดงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้แจ้งเหตุต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณีเด็กหายหรือพลัดหลง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากที่สุด โดยขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาเที่ยวงานให้มีการเขียนชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรศัพย์ของผู้ปกครองใส่กระเป๋าติดตัวให้บุตรหลานด้วย เพื่อความสะดวกในการติดตามตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์พลัดหลง รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ คอยตรวจบริเวณโดยรอบงานตลอดช่วงเวลาจัดงานอีกด้วย

สำหรับสถานที่จัดงานวันเด็กที่น่าสนใจในปีนี้มีหลายที่ด้วยกัน อาทิ สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า), ทำเนียบรัฐบาล, รัฐสภา, สวนสัตว์ดุสิต และศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เป็นต้น
///////////////
คดี112

รมว.ยธ. เตรียมตั้งอนุกรรมการ 4 ด้านใหม่ ดูคดี 112 หลังที่ผ่านมาไม่มีความครอบคลุม คาดรู้ผลภายใน 2-3 วันนี้ - จ่อประชุมอีก

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินการกับผู้ต้องหาในคดี 112 โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงว่า ในวันนี้ตนได้เรียกส่วนราชการทั้งหมดมารับทราบว่าที่ผ่านมาใครไปอยู่ในคณะกรรมการชุดไหนบ้าง มีขอบเขตแค่ไหน เพื่อเป็นการทบทวนการทำงานที่ผ่านมา จากนั้นจะให้แต่ละหน่วยงานได้ชี้แจงงานและปัญหาข้อขัดข้องในการเชื่อมโยงกัน เพราะที่ผ่านมาคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นมานั้นเป็นคณะกรรมการที่ไม่ครอบคลุม จึงเตรียมตั้งคณะกรรมการใหม่ทั้ง 4 ด้าน อาทิ เรื่องเกี่ยวกับต่างประเทศ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปราม การทำความเข้าใจทั้งภายในและภายนอก พร้อมเพิ่มช่องทางทางไอที และช่องทางอื่น ๆ โดยการตั้งอนุกรรมการเฝ้าติดตามนั้น ตนได้มีการร่างคำสั่งคร่าว ๆ แล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 วันนี้ ก่อนจะส่งเรื่องให้หน่วยงานต่าง ๆ

ส่วนกรณีผู้ต้องหาในคดี 112 นั้น อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน และประสานไปยังต่างประเทศเพื่อให้มีการติดตามผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากที่ผ่านมาการติดตามตัวผู้ต้องหานั้นจะต้องมีการประสานส่งเอกสารข้อมูลการขอหมายจับ ซึ่งใช้ระยะเวลานานกว่า 3-4 วัน ทำให้งานป้องกันและปราบปรามไม่ทันโซเชียลมีเดีย

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่าหลังจากนี้จะมีการประชุมอีกครั้งแต่ยังไม่สามารถระบุวันเวลาได้ แต่ตนอยากให้มีการดำเนินการอย่างเร็วที่สุด


/////////////////////
โยกย้ายตร.

ผบ.ตร. เผยจะมีการพิจารณา แต่งตั้ง ตร. ระดับผู้กำกับการ ถึง ผู้บังคับการ วาระปี 57 วันนี้ - มีผลแต่งตั้ง วันที่ 15 ม.ค.นี้

พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 2/2558 ว่า วันนี้มีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับการ ถึง ผู้บังคับการ วาระประจำปี 2557 ซึ่งเป็นการพิจารณาในขั้นตอนทางธุรการ โดยไม่ได้มีการเปลี่ยนรายชื่อ จำนวน 1,711 ตำแหน่ง ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ก.ตร. ไปแล้ว แต่มีเพียงบางรายชื่อที่ขอสละสิทธิ์ไม่รับตำแหน่งสูงขึ้น เช่น ในส่วนของสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ไม่มีวาระเข้าประชุม

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการออกคำสั่งให้มีผลแต่งตั้งพร้อมกัน วันที่ 15 มกราคมนี้ ส่วนการแต่งตั้งระดับรองผู้กำกับการ ถึงสารวัตร มอบหมายให้แต่ละกองบัญชาการไปดำเนินการในลำดับถัดไป
-----------------------
ผบ.ตร. เด้งผู้การ ปอศ. เข้า ศปก.ตร. ให้รอง ผบช.ก. รักษาการ-มีผลวันนี้

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 5/2558 ลงวันที่ 8 ม.ค. 2558 เรื่อง พล.ต.ต.ธงชัย วงศ์ศรีวัฒนกุล ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. ให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร. ในวันที่ 9 ม.ค. 58 เวลา 10.00น. และให้ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ รอง ผบช.ก. ไป รรท.ผบก.ปอศ. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. เป็นต้นไป
///////////////
คดียักยอกพันล้าน

เลขาธิการ ปปง. ระบุ ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับคดีโกงเงิน สจล. ไว้ตรวจสอบแล้ว - เตรียมเรียกดาราดังเจ้าของรถหรูเข้าชี้แจง

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยว่า ปปง. มีการดำเนินการร่วมกับกองปราบปรามในการตรวจสอบและวิเคราะห์เส้นทางการเงินเพื่อดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบังหรือ สจล. กว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ว่า ขณะนี้มีการออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องไว้ชั่วคราว 6 คำสั่ง จำนวน 178 รายการ ซึ่งอยู่ในความครอบครองของ 21 คน กับ 3 บริษัท มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท

โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 90 วัน อาทิ บัญชีเงินฝากธนาคาร ที่ดินสิ่งปลูกสร้าง รถยนต์หรู โดยในจำนวนนี้คือรถยนต์แลมโบกินี่ของ นายปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ นักแสดงชื่อดัง ที่เข้าชี้แจ้งที่มาของรถกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งนี้ พ.ต.อ.สีหนาท ระบุว่า ปปง. มีความจำเป็นต้องอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบถึงแม้บางรายการจะมีการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนแล้วก็ตาม เนื่องจากถึงแม้ผู้ครอบครองจะไม่ถูกออกหมายจับ

ในคดีดังกล่าว แต่ทรัพย์สินนั้น ๆ มีความเชื่อมโยงกับคดีจึงมีความจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มโดยใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

โดยหลังจากนี้เตรียมเรียกนายปกรณ์ เข้าชี้แจงที่มาของรถดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ ปปง. อีกครั้ง และเตรียมขยายผลยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก
------------------
ศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติหมายจับ 2 ผู้ต้องหาเอี่ยว ยักยอก สจล. กว่า 1,600 ล้านบาท เพิ่มแล้ว รวม โอ๊ต พราด้า ด้วย

ศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติหมายจับ นายภาดาบัวขาว นายธวัชชัย ลิ้มเจริญ ผู้ต้องหา ร่วมยักยอกเงิน 1,600 ล้านบาท จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. แล้ว หลังจาก พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับจากศาล เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ทางด้าน พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. นายภาดา บัวขาว หรือ “โอ๊ต พราด้า” เป็นคนสนิทของ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และ นายธวัชชัย ยิ้มเจริญ ซึ่งเบื้องต้นพบว่า นายภาดา นั้น มีพฤติการณ์ร่วมกระทำความผิดกับ นายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีที่ยังคงหลบหนีการจับกุมอยู่ต่างประเทศ โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกัน

พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า นายภาดา มีชีวิตความเป็นอยู่ที่หรูหราใช้รถยนต์หรูซูเปอร์คาร์ ใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งจะต้องตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้ต่อไป และขณะนี้อยู่ระหว่างส่งฝ่ายสืบสวน เร่งติดตามตัวมาทำการสอบสวน
-----------------------
รอง ผบก.ป. เผย ศาลออกหมายจับ โอ๊ต ภาดา ส่ง ตร.ไปจับกุมตามหมายแล้ว สอบสวนก่อนนำตัวมากองปราบ เตรียมแจ้ง ปอท. เอาผิดด้วย

พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวว่า ภายหลังที่ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับ นายภาดา บัวขาว ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์เงิน 1,600 ล้านบาท จากสถาบันเทคโนโลยีเจ้าจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หรือ สจล. แล้ว ชุดสืบสวน กองปราบปราม ได้ลงพื้นที่ทำการจับกุมตัว นายภาดา ได้แล้ว ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง แถวเชียงรากน้อย จ.ปทุมธานี พร้อมกับสอบปากคำในเบื้องต้น และค้นหาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับคดีนี้ พร้อมกับเตรียมคุมตัวเข้ามาสอบสวนอย่างละเอียดที่กองปราบปราม

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายภาดา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวชื่อ pada buakhao ในทำนองว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ และโพสต์ภาพการแจ้งความที่ ปอท. ดำเนินคดีกับบุคคลที่นำภาพของนายภาดา ไปโพสต์ประจาน ทางเฟซบุ๊ก จนมีคนเข้าไปคอมเม้นท์ในลักษณะต่อว่า และด่าทออย่างหยาบคาย
////////////////////
คดีค้างศาล

ศาลอาญา ระบุ คดีการชุมนุมทางการเมือง ใช้มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณา แต่มีการฟ้องคดีเพิ่มเข้ามาในข้อเท็จจริงเดียวกัน ทำให้คดีล่าช้า

นายอธิป จิตต์สำเริง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา แถลงสรุปสถิติคดีของศาลอาญาประจำปี 2557 มีคดีที่รับเข้ามากว่า 13,000 คดี มีคดีที่เข้าสู่การประนอมข้อพิพาท 774 คดี ประนอมสำเร็จ 444 คดี

นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามข้อสงสัย ในประเด็นต่าง ๆ โดย นายโชคชัย รุจินินนาท รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับ คดีก่อการร้าย จากการชุมนุมทางการเมือง ทั้งของกลุ่มพันธมิตร และกลุ่ม นปช. โดยสรุปว่า ในส่วนของกลุ่มพันธมิตร แม้ว่าจะมีการยื่นฟ้องคดีกันมาประมาณ 1 ปีเศษ ดูเหมือนะจไม่มีความคืบหน้า เพราะเมื่อมีการฟ้องคดีแรกเข้ามา ก็มีการยื่นฟ้องคดีอื่น แทรกเข้ามาอีก แต่เป็นเหตุการณ์เดียวกัน ข้อเท็จจริงเกี่ยวเนื่องกัน และมีจำเลยจำนวนมาก จึงต้องขอรวมสำนวน เข้าเป็นคดีเดียวกัน ทำให้ต้องใช้เวลาในการพิจารณาค่อนข้างนาน และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพยานหลักฐาน

ส่วนคดีของกลุ่ม นปช. มีการฟ้องคดีเข้ามาเร็วกว่ากลุ่มพันธมิตร และไม่ค่อยมีการฟ้องคดีแทรกเข้ามา ทำให้การพิจารณาคดีไปได้เร็วกว่า ทั้งที่ขั้นตอนการพิจารณาคดี ทั้ง 2 คดี ก็ใช้มาตรฐานเดียวกัน
------------------------
///////////////////
คดีพงศ์พัฒน์

อัยการ ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 5 “พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ อดีต ผบช.ก. กับพวก” หมิ่นสถาบันฯ และ พ.ร.บ.ฟอกเงิน

พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 9 ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 5 พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก., พล.ต.ต. โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก. และ พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีต

ผกก.4 บก.ปคบ. ผู้ต้องหาที่ 1-3 คดีร่วมกันหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ และเรียกรับผลประโยชน์ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

พร้อมกันนี้ อัยการยังได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 4 ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา และ ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือ จักรินทร์ เหล่าทอง ผู้ต้องหาในคดีเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ และเป็นเจ้าพนักงาน

ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ขณะเดียวกันทางพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 ก็ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 5 พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีต ผบก.รน. ผู้ต้องหา คดีเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผล

ประโยชน์ฯ โดยมิชอบ นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวน ยังได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 5 นางปิยพรรณ ชินนะประภา และ นายชอบ ชินนะประภา น้องสาวและน้องเขยของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ผู้

ต้องหา กระทำความผิดฐานฟอกเงินด้วย
------------------
ศาลอนุญาต ปล่อยตัวชั่วคราว อดีต ผกก.2 ปอท. พัวพันบ่อนพนัน อาบูบาก้า หลังยื่นประกัน 6 แสนบาท

จากกรณี พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้ควบคุม พ.ต.อ.สุพัฒน์ ลิ้มอิ่ม อายุ 48 ปี ผกก.2 บก.ปอท. ผู้ต้องหาคดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรียกรับส่วยบ่อนพนันออนไลน์ อาบูบาก้า มายื่นคำร้อง

ฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 - 20 ม.ค.นี้ โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง อยู่ในความสนใจของประชาชน และอาจไปยุ่งเหยิงกับ

พยานหลักฐาน ซึ่งคดีนี้ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ขณะที่ ญาติผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นเงินสด 1 ล้านบาท ขอปล่อยชั่วคราวนั้น ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าผู้ต้องหาเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนเอง จึงไม่มีเหตุที่จะหลบหนี และ

จากข้อเท็จจริงตามคำร้องก็ไม่ปรากฏว่า ผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งหลักทรัพย์ที่ขอประกันตัวก็เป็นเงินสด ซึ่งมีความมั่นคงน่าเชื่อถือ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยตี

ราคาประกัน 600,000 บาท
//////////////////////
เป้าก่อการร้าย

รอง ผบช.น. เผย ประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายก่อการร้าย แต่สั่งการสายตรงเพิ่มความเข้มงวดแหล่งคนต่างชาติแล้ว

พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สายตรวจหลายพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดการตรวจตราสถานที่ท่องเที่ยวและย่านที่พักอาศัยที่มีชาวต่างชาติจำนวนมาก

อาทิ ถนนข้าวสาร ซอยนานา ซอยคาวบอย โดยเน้นย้ำเรื่องการตั้งจุดตรวจอาวุธ สิ่งของต้องสงสัย หลังเกิดเหตุกราดยิงสำนักงานชาร์ลี เอ็บโด ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้าย

ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่นครบาลลุมพินี และทองหล่อ ซึ่งมีสถานทูตและบ้านพักทูตอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ให้เพิ่ม

ความถี่ในการตรวจสอบให้มากขึ้น แต่ยังไม่มีประเทศใดร้องขอกำลังตำรวจดูแลเพิ่มเติม และจากการข่าวยืนยันว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือเชื่อมโยงกับเหตุฝรั่งเศส มายังประเทศไทย
////////////////////
เศรษฐกิจ

สบน. แถลงยอดหนี้สาธารณะสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2557 แตะร้อยละ 46.12 ของ GDP คิดเป็นวงเงินกว่า 5.62 ล้านล้านบาท

นายกฤษฎา อุทยานิน ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. แถลงยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 พบว่า มีจำนวน 5,626,390.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ

46.12 ของ GDP และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าหนี้สาธารณะลดลงสุทธิ 14,214.40 ล้านบาท โดยเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,949,560.49 ล้านบาท ลดลง 4,282.52 ล้านบาท เป็นหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่

เป็นสถาบันการเงิน 1,078,200.99 ล้านบาท ลดลง 5,792.77 ล้านบาท เป็นหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 589,670.89 ล้านบาท ลดลง 2,648.71 ล้านบาท และเป็นหนี้หน่วย

งานอื่นของรัฐ 8,957.80 ล้านบาท ลดลง 1,490.40 ล้านบาท
----------------------
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน เดือนมกราคม อยู่ที่ 88.27 มีแนวโน้มทรงตัว ค่อนข้างซบเซา โดยปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 35.06

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนคาดการณ์ในอีก 3 เดือน

ข้างหน้า ในเดือนมกราคม 2558 มีค่าดัชนีเท่ากับ 88.27 ปรับตัวลดลงร้อยละ 35.06 จากเดือนที่ผ่านมา ที่ดัชนีเท่ากับ 119.22 ดัชนีมีแนวโน้มทรงตัว ค่อนข้างซบเซา ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อ

มั่นนักลงทุน ได้แก่ สถานการณ์ต่างประเทศเป็นปัจจัยหลัก รองลงมาเศรษฐกิจในประเทศ และนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐ แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่นักลงทุนมองว่ายังมีที่ผลต่อตลาด คือ ราคาน้ำมัน

ดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาก นโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากธนาคารกลางยุโรป การเพิ่มเม็ดเงินข้าสู่ระบบของญี่ปุ่น ภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนสภาพคล่องในประเทศ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่
-----------------------------
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย คาด เศรษฐกิจปี 2558 โต 3-3.5% โดยมีการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานคณะกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2558 คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ จะอยู่ในระดับร้อยละ 3-3.5

โดยมีการลงทุนและการใช้จ่ายของภาครัฐเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก และยอมรับว่ายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเบิกจ่ายของภาครัฐที่ยังคงมีปัญหาความล่าช้า จึงคาดหวังให้รัฐบาลเร่ง

รัดการลงทุนระบบขนส่งทางราง และระบบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจในปี 2558 ให้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ ขณะที่แรงผลักดัน

เศรษฐกิจด้านอื่นๆ อาทิ เช่น การบริโภคในประเทศ การส่งออก และการท่องเที่ยว รวมทั้งการลงทุนของภาคเอกชน เชื่อว่าจะยังคงอยู่ในภาวะฟื้นตัวช้า
-------------------
พล.อ.อ.ประจิน เผย 20-22 ม.ค. หารือ MOU ร่วมกับจีนสร้างรถไฟไทย-จีน ครั้งแรก ลั่น 2 ปีเสร็จ

พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU กับรัฐบาลจีน ด้านการพัฒนารถไฟระหว่างประเทศไทย-จีน

ว่า ในวันที่ 20-22 มกราคมนี้ ทางรัฐบาลไทยและจีนจะมีการหารือกรอบการทำงานครั้งแรกของทั้ง 2 ฝ่าย อาทิ เรื่องการตั้งคณะกรรมการบริหารงานร่วมกัน การแบ่งแผนงาน การออกแบบและ
ประมาณการณ์ด้านราคาและกำหนดหน้าที่การทำงานของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งประเด็นสำคัญคือ การเวนคืนที่ดินและเส้นทางจะใช้เส้นทางเดิมหรือเส้นทางใหม่ที่จะต้องพิจารณา จากนั้นในเดือน

กุมภาพันธ์ระหว่างวันที่ 5-7 จะเป็นการหารือครั้งที่ 2 ด้านแหล่งเงินกู้ โดยจีนจะเป็นผู้นำรายชื่อสถาบันการเงินที่จะเข้าโครงการพร้อมเงื่อนไขมานำเสนอและพิจารณาร่วมกัน ซึ่งขั้นตอนการดำเนิน

งานต่าง ๆ ของโครงการฯ คาดว่าจะใช้ระยะเวลา 6 เดือนตั้งแต่มีนาคม-สิงหาคม จะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับรูปแบบการศึกษาและแหล่งเงินกู้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในแผนดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวนั้นมีระยะการดำเนินงาน 4 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2562 แต่ทางไทยจะดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภาย

ใน 2 ปี ภายในปี 2559-2560
-----------------------
พณ. จับตาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมัน หากขายราคาเกินควรจะใช้กฎหมายควบคุม

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสินค้าที่เกี่ยวเนื่องจากการผลิตปิโตรเลียม หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับตัวลดลง อาทิ สินค้าปุ๋ยเคมี ว่า ขณะ

นี้ยังตอบไม่ได้ว่าผู้ประกอบการจะลดราคาสินค้าลงได้หรือไม่ แม้ไทยต้องนำเข้าแม่ปุ๋ย และขณะนี้แม่ปุ๋ยราคาลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก แต่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง อาจทำให้ราคาแม่ปุ๋ยลดลง

ไม่มากนัก จึงต้องวิเคราะห์ต้นทุนให้ละเอียดก่อน

แต่หากวิเคราะห์ต้นทุนแล้ว และผู้ประกอบการไม่ให้ความร่วมมือลดราคาลง กรมจะใช้มาตรการเชิงบริหาร โดยจะเชิญมาหารือก่อน แต่หากยังไม่ให้ความร่วมมืออีก จะใช้มาตรการทางกฎหมาย

โดยหากขายสินค้าราคาสูงเกินควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
--------------------
นายกสมาคมส่งออกข้าว ชี้ การตัดสินคดี "ยิ่งลักษณ์" ไม่มีผลกับผู้ส่งออก แนะรัฐบาลเร่งระบายข้าวหอมเก่าเพราะตลาดมีความต้องการสูง

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการพิจารณาคดีทุจริตจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า การตัดสินจะเป็นอย่างไรคงไม่กระทบกับผู้

ส่งออกทุกอย่างก็ต้องเดินไปตามกฏหมายผู้ส่งออกมีหน้าที่ขายข้าวรัฐบาลที่มาทำหน้าที่ก็จะต้องดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาดไม่บิดเบือนเกินไปโดยการระบายข้าวของรัฐบาลขณะนี้เห็น

ว่าควรเร่งระบายข้าวในส่วนของข้าวหอมมะลิเก่าออกมาเพราะตลาดกำลังมีความต้องการนำมาผลิตเป็นข้าวถุงจำหน่ายในประเทศขณะที่ข้าวใหม่ก็จะต้องผลักดันส่งออก ซึ่งราคาในการระบายข้าว

นั้นหากได้ราคาใกล้เคียงกับราคาข้าวใหม่ก็ถือว่าหน้าพอใจเพราะตลาดรู้ว่ารัฐบาลมีข้าวมากการระบายสต๊อกให้หมดคงใช้เวลา 3-4 ปี



ชะตา"ปู"ชะตาตู่

วันชี้ "ชะตาตู่" มากกว่า "ชะตาปู"

    เป็นไง...ดูและฟังการแถลงเปิดคดีถอดถอน "สมศักดิ์-นิคม" ไปเมื่อวาน พอมองเห็นอะไรๆ นอกเหนือจากที่ "เห็นด้วยตา" บ้างมั้ย?
    นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ สละสิทธิ์การแถลงแจงโต้ ปล่อยให้นายนิคม ไวยรัชพานิช เก่ง-กร่างกลางสภา สนช.คนเดียว
    แต่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คงไม่ได้ดูซักเท่าไหร่ เพราะโทรทัศน์โดยเฉพาะช่อง ๑๑ กรมประชาสัมพันธ์ ไม่ได้ถ่ายทอดสด
    คงมีแต่คอการเมืองและผู้ถือหางแต่ละฝ่ายเท่านั้นกระมังที่ต้องตะกายหาดูกันทางโทรทัศน์ดาวเทียมช่องรัฐสภา
    ทีนิวส์ ของเสี่ยต้อยเพื่อนผมก็ถ่าย ผมดูแวบๆ รำคาญตัวเองที่ดูไป เห่าไป คือไอไม่หยุด เลยหนีไปนอนหลบไข้ส่งเดชไปเลย
    ทันได้ดูนายนิคมแสดงบทพระเอกผู้พิทักษ์ศักดิ์ศรี "สภาทาสระบอบทักษิณ" ในสมัยนั้น ด้วยโวว่าไม่ยอมให้ใครมาลบหลู่อยู่หน่อย
    ยังพองและพูด "คำโต" เหมือนเดิม!
    และในการประชุมเมื่อวาน ก็ยังช่วยทำให้พอรู้จักและพอใจเข้าใจตัวตนของคนที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติชัดเจนขึ้นหลายคน อย่างเช่น พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์
    ในเรื่องที่ควรให้ประชาชนได้รับรู้-รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง จากการแถลงเปิดคดี พล.ต.อ.สมจิตรกลับเสนอให้ "ประชุมลับ" ซะงั้น
    ทำเอางันและงง ทั้งในและนอกสภาฯ ไปเลย!?
    พล.ต.อ.ชัชวาลย์ยืนยันในเหตุผลควรประชุมลับว่า..........
    "แม้สถานการณ์บ้านเมืองเหมือนจะเข้าสู่ปกติ แต่ในความเป็นจริงกลับยังมีประชาชนที่เฝ้าติดตามที่แบ่งเป็นสองฝ่าย และหากปล่อยให้มีการประชุมในเปิดเผย ก็อาจนำมาความแตกแยกในบ้าน

เมือง ซึ่งผมเชื่อว่าจะสร้างผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน"
    ทำให้ต้องโหวตเสียงว่าจะลับ-ไม่ลับ ซึ่งผลโหวตออกมา
    ๑๐๗ เสียง ไม่เห็นด้วยกับการประชุมลับ
    ๗๐ เสียงเห็นด้วย
    งดออกเสียง ๑๙ เสียง
    ไม่ลงคะแนน ๑ เสียง
    ก็ถือเป็นการ "เช็กเสียง-เช็กฝ่าย" ไปโดยปริยาย ไม่ใช่ "ฝ่ายป้อม-ฝ่ายตู่" หากแต่เป็นฝ่ายจะถอดหรือไม่ถอดน่ะ!
    จำนวน สนช. มี ๒๒๐ คน แต่ดูจากเสียงโหวตเมื่อวาน มาประชุมกันแค่ ๑๙๗ คนเท่านั้นเอง
    แถมยังเป็นพวก บี้-บอด-ใบ้ อีก ๑๙ หน่อ มีแต่ร่าง แต่ไม่มีจิตวิญญาณอีก ๑ หน่อ
    เห็นอย่างนี้แล้ว จะถอดได้ที่ต้องใช้เสียง ๓ ใน ๕ คือ ๑๓๒ เสียง มันยากเย็นยิ่งกว่าเข็นให้ทักษิณกลับมาสร้างฮวงซุ้ยในประเทศไทย!
    แต่ สนช.ประเภท "บี้-บอด-ใบ้" กลับเป็นกลุ่มที่เหนียวแน่น และเติบโตเร็วเกินคาด จำได้มั้ย ตอนโหวตว่าจะรับเรื่องถอดถอนหรือไม่รับ "งดออกเสียง" มีแค่ ๑๕
    เมื่อวาน เพิ่มอีกตั้ง ๔ เป็น ๑๙ แน่ะ!
    อย่างนี้ ยิ่งลักษณ์น่าจะแถลงโต้ข้อกล่าวหา ป.ป.ช.ในสภาฯ วันนี้ (๙ ม.ค.๕๘) ได้แฉล้มแช่มช้อยสำออยสำอาง ด้วยมั่นอก-มั่นใจยิ่งขึ้นว่า...
    "ต่อให้โหวตถึงชาติหน้าบ่ายๆ ก็ยังได้เสียงไม่ถึง ๑๓๒"!
    ถ้าเป็นในศาล ยึดบรรทัดฐานกฎหมายชี้ขาด
    แต่ใน สนช.รัฐบาล คสช.ตั้ง...........
    ยึดกฎหมาย หรือยึดฝ่าย เป็นตัวชี้ขาด.........เดี๋ยวก็รู้ มือนายพล นายหมื่น ในสภา สนช. กับมือราษฎรเต็มขั้นนอกสภาฯ ในความมาก-น้อยกว่ากันนั้น
    มือฝ่ายไหนจะกร้านและแกร่งกว่ากัน?
    จากการแถลงเปิดคดี ทำให้รับรู้-รับทราบว่า ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนำมาสู่การถอดถอนสมศักดิ์-นิคมมีอะไรบ้าง ก็ยกมาจากที่ "ท่านวิชา มหาคุณ" แถลงเปิดคดีในสภาฯ ดังนี้
    นายนิคม ไวยรัชพานิช สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานฯ มูลความผิด ฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓ วรรคสอง และมาตรา ๒๙๑
         เนื่องจากใช้อำนาจรับญัตติให้ปิดอภิปราย ทั้งที่มีผู้ขอแปรญัตติ ผู้สงวนคำแปรญัตติ และผู้สงวนความเห็น รอการอภิปรายอยู่ จึงเป็นการตัดสิทธิ์โดยใช้เสียงข้างมากในที่ประชุมปิดการอภิปราย

จึงเป็นมูลเหตุให้ถอดถอนจากตำแหน่ง
    ขอให้ดำเนินการถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา ๖ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.๒๕๕๗ ประกอบมาตรา ๖๘ ของ พ.ร.บ.

ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ.๒๕๔๒
    ส่วนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภานั้น เมื่อวานไม่มาและไม่ส่งตัวแทนมา ประธาน สนช. "นายพรเพชร วิชิตชลชัย" สรุปว่า ถือว่าไม่ประสงค์แถลงคัดค้านข้อกล่าวหา
    ขั้นตอนแถลงเปิดคดีถอดถอน "สมศักดิ์-นิคม" จึงจบแค่นี้ เหลืออีก ๒ ขั้นตอนก็จะลงมติถอด-ไม่ถอด ประมาณปลายเดือนมกรานี้
    สำหรับมูลความผิดนายสมศักดิ์ ตามที่ท่านวิชา มหาคุณ ป.ป.ช.แถลงเปิดคดี เป็นดังนี้
    "เป็นการกระทำที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๓ วรรคสอง มาตรา ๑๒๕ วรรคหนึ่งและวรรคสอง และมาตรา ๒๙๑ อันเป็นมูลเหตุให้ถูกถอดถอนออกจาก

ตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗๐ และมาตรา ๒๗๔
    ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๕๖ มาตรา ๕๘ มาตรา ๖๑ และมาตรา ๖๒"
    สรุปแล้ว การชี้มูลความผิด หรือพูดง่ายๆ ว่า ข้อกล่าวหาที่ ป.ป.ช.ตั้งกับนายสมศักดิ์และนายนิคม ไม่เพียงปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ ที่ยกเลิกไปแล้วเท่านั้น
    ยังผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ คือ พ.ร.บ.ป.ป.ช.ที่ยังใช้อยู่ปัจจุบันด้วย
    ฉะนั้น ถึงไม่มีรัฐธรรมนูญ ปี ๕๐ ก็ยังมี พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๔ เป็นบทลงโทษได้อยู่
    ก็ไปหา พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.๒๕๔๒ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.๒๕๕๔ อ่านในมาตราตามข้อหานี้เอาเองละกัน ช่วยเปิดอ่านแทนด้วย ผมขี้เกียจเปิดตอนนี้
    สรุปอีกที เป็นอันว่าจบปฐมบทถอดถอน "สมศักดิ์-นิคม" ไปเมื่อ ๘ ม.ค.๕๘ รอชี้ขาดถอดได้-ไม่ได้ ปลายเดือนมกรา
    และขอนำคำแถลงปิดท้ายของท่านวิชา มหาคุณ มาบันทึกเป็นเครื่องกระตุกสำนึกไว้ด้วย ดังนี้....
     “คดีของนายนิคมและสมศักดิ์ถือเป็นอนาคตของชาติในการตรวจสอบทุจริตและประพฤติมิชอบของประเทศที่ไม่ใช่แค่รับสินบน หรือผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
    แต่ยังหมายถึงจริยธรรมและคุณธรรม ที่เป็นหลักในการปกครองประเทศ ดังเช่น มหาตมะ คานธี นักต่อสู้สันติวิธีของประเทศอินเดีย เคยพูดไว้”
    ก็เอาละ......!
    ส่วนวันนี้ ๙ ม.ค. ถึงคิวถอดถอนแม่เนื้อนิ่ม "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ในมูลความผิด.....
     ปล่อยปละละเลยโครงการรับจำนำข้าว จนทำให้เกิดความเสียหายเป็นประวัติการณ์-ประวัติศาสตร์ชาติ
    คงไม่ต้องนำมาจิ้ม-มาไชอีกกระมัง เพราะแจกแจงให้ทราบไปแล้วแต่วาน อยากบอกกันแต่เพียงว่า
    จาก "ท่าที" สมาชิก สนช.ในสภาฯ ที่รู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ แต่เมื่อวาน ก็ทำให้เรารู้ทั้งหน้า-รู้ทั้งใจ ได้พอสมควร
    ผมไม่ห่วงหรอกว่า เมื่อผลโหวตออกมา ถ้าถอดถอนใครไม่ได้เลย แล้วจะเกิดปฏิกิริยาสังคมเป็นมุมลบต่อรัฐบาล คสช.
    เพราะหมู่นี้ ได้ยิน "บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เปล่งสีหนาทผงาดโลกบ่อยเหลือเกินว่า...เอาอยู่
    แต่ห่วง "สมอลตู่"!
    เพราะเป็นผู้นำยึดอำนาจประเทศ เป็นผู้ให้คำมั่นสัญญาประชาชน "ไม่ปรองดองกับโจร" และมุ่งปราบพวกกินบ้าน-โกงเมืองทุกรูปแบบ
    ประชาชน "ยอมทน" ทุกอย่างถึงวันนี้............
    เพราะรักนายกฯ ลุงตู่ ไว้ใจและเป็นกำลังใจให้นายกฯ ลุงตู่
    แต่ถ้า....เหล่าคนที่ท่าน "ตั้งมากับมือ".........
    ทำเหมือน "เอาเท้าลบ" คำมั่นสัญญาของท่านต่อประชาชน
    จะเหลือคน "ทนเพื่อท่าน" ซักเท่าไหร่
    ........ใจผมก็ยากคำนวณจริงๆ.

เราไม่ได้ไปกำลังจะไปทำสงคราม เรามาถึงสงครามแล้ว

เราไม่ได้ไปกำลังจะไปทำสงคราม เรามาถึงสงครามแล้ว
Chris Martenson แห่งwww.peakprosperity.com เขียนบทความยาวให้ชื่อว่าถนนไปสู่สงครามกับรัสเซีย เขาสรุปว่าเราไม่ได้กำลังจะไปทำสงคราม เราได้มาถึงสงครามแล้ว
การก่อวิกฤติยูเครนโดยสหรัฐฯ การก่อสงครามเย็นรอบใหม่ การแซงชั่นรัสเซีย การถล่มค่าเงินรูเบิ้ล การทุบราคาน้ำมัน การออกกฎหมายติดอาวุธให้ยูเครนเพื่อรบกับสหรัฐฯโดยสภาสหรัฐฯ The Ukraine Freedom Support Act และการออกHouse Resolution758 ประกาศสงครามกับรัสเซีย การที่Victoria Nuland ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯและนายDaniel Glaserผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯแถลงต่อคณะกรรมธิการด้านการต่างประเทศของสภาสหรัฐฯว่าเป้าหมายของการแซงชั่นรัสเซีย คือการล้มปูติน ล้วนแล้วแต่เป็นความพยายามที่จะจุดปะทุการเผชิญหน้าทางทหารกับรัสเซีย
Christ Martensonบอกว่า ถ้ามันดูเหมือนเป็นสงคราม กระทำการเหมือนเป็นสงคราม และมีกลิ่นไอเหมือนเป็นสงคราม มันต้องเป็นสงครามแน่ๆ
ทำไมต้องทำอย่างนั้น?
เขาบอกว่ารัสเซียคิดว่าพวกนีโอคอน หรือพวกเหยี่ยวขวาจัดที่มีอิทธิพลในสหรัฐฯไม่ใช่เป็นพวกที่จะพุยคุยเจรจากันรู้เรื่อง พวกสายเหยี่ยวคิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบรัสเซีย พวกนี้มีอำนาจล้นฟ้าบนโลก ไม่ต้องการเจรจา แต่ต้องการสั่งให้ทุกคนทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ
ปัญหาคือสหรัฐฯกำลังเสื่อม ไม่ได้มีอำนาจเหมือนเดิม และมิตรประเทศกำลังตีจาก เพราะว่าขาดการลงทุนในพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหรือโครงสร้างพื้นฐาน
ถ้าจะต้องมีการเผชิญหน้ากันต่อไปในรูปแบบนี้ระหว่างสหรัฐฯและรัสเซีย จะไม่มีใครชนะ แต่คำถามง่ายๆที่คนอเมริกันไม่ตั้งคำถามกัน คือทำไมถึงปล่อยให้ผู้นำเล่นเกมนิวเคลียร์รัสเซี่ยนรูเล็ทท์กับรัสเซีย โดยที่คนอเมริกันไม่ได้อะไรเลย?
thanong
9/1/2015

นักวาดการ์ตูนหญิงยอมรับให้รหัสกลุ่มมือปืนเข้าไปกราดยิง

นักวาดการ์ตูนหญิง “กดรหัส” เปิดประตูให้คนร้ายเข้าไปยิงถล่มสนง. “ชาร์ลี เฮบโด” หลังถูกขู่ทำร้ายลูกสาว
Cr:ผู้จัดการ
เอเจนซีส์ – นักเขียนการ์ตูนหญิงรายหนึ่งออกมายอมรับว่า เป็นผู้ “กดรหัสเปิดประตู” ให้กลุ่มชายฉกรรจ์ปิดหน้าบุกเข้าไปสังหารทีมงาน 12 คนภายในสำนักงานนิตยสาร ชาร์ลี เฮบโด เมื่อวานนี้(7) โดยระบุว่าที่ทำไปเพราะมือปืนข่มขู่จะทำร้ายตนและลูกสาว
กอรีน เรย์ ซึ่งวาดการ์ตูนให้กับนิตยสารเสียดสีรายสัปดาห์ ชาร์ลี เฮบโด เปิดใจต่อสื่อฝรั่งเศสว่า เธอถูกคนร้ายบังคับให้ใส่รหัสความปลอดภัยหลังเดินทางกลับจากรับลูกสาวที่สถานดูแลเด็กช่วงกลางวัน (เดย์แคร์)
“ฉันเพิ่งไปรับลูกสาวที่เดย์แคร์ พอมาถึงประตูอาคารก็มีชาย 2 คนที่ถือปืนและปกปิดหน้าเข้ามาข่มขู่เราอย่างหนัก” เธอให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ L'Humanité
“พวกเขาจะเข้าไปในอาคารให้ได้ ฉันเลยต้องยอมกดรหัสให้”
เรย์ ซึ่งใช้นามแฝงว่า “โคโค” เล่าว่า เธอวิ่งเข้าไปหลบใต้โต๊ะตัวหนึ่งขณะที่มือปืนกราดยิงใส่พนักงานสิบกว่าคนภายในสำนักงาน และได้เห็นเหตุการณ์ขณะที่ จอร์จ โวลินสกี และ ฌอง กาบูต์ สองนักวาดการ์ตูนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอเอง ถูกคนร้ายจ่อยิงเสียชีวิต
“พวกเขายิง โวลินสกี กับ กาบูต์... เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในราวๆ 5 นาที”
เรย์ ระบุว่า กลุ่มก่อการร้ายซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเครือข่ายอัลกออิดะห์สามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว
ชาร์ลี เฮบโด เป็นสื่อรายสัปดาห์ที่มักจะหยิบยกประเด็นทางศาสนาหรือการเมืองขึ้นมาวิพากษ์เสียดสี โดยเฉพาะการวาดการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของชาวมุสลิม ซึ่งทำให้ทีมงานได้รับคำขู่จากกลุ่มก่อการร้ายมาแล้วหลายครั้ง
สำนักงาน ชาร์ลี เฮบโด เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดเมื่อปี 2011 หลังจากเผยแพร่ภาพล้อศาสดามูฮัมหมัดลงหน้าหนึ่ง ทว่าทีมงานยังคงไม่หวั่นเกรงและตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดาของชาวมุสลิมอีกครั้งในปีต่อมา และล่าสุดสัปดาห์นี้ ก็ได้พิมพ์การ์ตูนล้อเลียนนักรบญิฮาดโดยใช้ชื่อตอนว่า “ยังไม่มีการโจมตีในฝรั่งเศส”