PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

8 เดือนก่อนเลือกตั้ง

8 เดือนก่อนเลือกตั้ง



รัฐบาล คสช.ให้สัญญา ว่าจะเร่งปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง
แต่ผ่านไป 4 ปี การปฏิรูปประเทศยังไม่เกิดผล สำเร็จอย่างที่ฉายหนังโฆษณา
เพราะการปฏิรูปประเทศไม่ใช่ทำปุ๊บเสร็จปั๊บเห็นผลทันที บางเรื่องต้องใช้เวลาเป็นปี บางเรื่องต้องใช้เวลา 10 ปี บางเรื่องต้องลากยาวไปอีก 20 ปี
แต่ล่าสุด...การปฏิรูปบางเรื่องเริ่มจะเกิดผลเป็นรูปธรรม
เช่น...ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป พี่น้องประชาชนที่จะไปติดต่อหน่วยราชการ ไม่ต้องถ่ายสำเนาบัตรประชาชน ถ่ายสำเนาทะเบียนบ้านให้วุ่นวายขายปลาช่อนอย่างเดิม
“แม่ลูกจันทร์” ให้เครดิต นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐได้สะดวกรวดเร็ว
โชว์บัตรประชาชนใบเดียว...ไฟเขียว ผ่านตลอด 100 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า การปฏิรูป อีกเรื่องที่รัฐบาลเร่งให้เสร็จก่อนสิ้นปีนี้ คือการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลาง หรือ “บิ๊กดาต้า” เพื่อดึงข้อมูลประชาชน 68 ล้านคนไว้ในมือรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการทำมาหากิน ข้อมูล การถือครองทรัพย์สิน ข้อมูลภาระหนี้สิน ข้อมูลการเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ข้อมูลการทำธุรกรรมการเงิน ข้อมูลการติดต่อสื่อสาร ข้อมูลการรักษาพยาบาล ฯลฯ
แม้กระทั่งเรื่องปลีกย่อย เช่น ข้อมูลการชำระค่านํ้า ค่าไฟ ฯลฯ
ข้อดีคือ...รัฐบาลจะได้นำข้อมูลประชาชน จากบิ๊กดาต้า ไปวิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนได้ถูกจุด และติดตามประเมินผลได้ครบวงจร
แต่ข้อเสียคือ...การดูดข้อมูลส่วนตัวของประชาชนไปรวมไว้ในบิ๊กดาต้าของ รัฐบาล จะละเมิดสิทธิส่วนบุคคลที่รัฐธรรมนูญให้ความคุ้มครองหรือไม่??
และจะมีระบบเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวประชาชนอย่างไร?
รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าข้อมูลส่วนตัวจะไม่รั่วไหล? หรือถูกนำไปใช้ผิดที่ผิดทาง??
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า มาถึงประเด็นสำคัญ คือเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าจะถึงกำหนดเลือกตั้งใหญ่ตามโรดแม็ป คสช.
ทำให้ นายกฯพล.อ.ประยุทธ์ สั่งเร่งสปีดให้การปฏิรูปประเทศเห็นผลสำเร็จภายในเวลาที่เหลืออีก 8 เดือน!!
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.สำนักนายกฯผู้รับหน้าเสื่อขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ แถลงว่า รัฐบาลมีแผนการปฏิรูปประเทศพร้อมดำเนินการกว่า 2,000 เรื่อง
แต่ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มอีก 8 เดือนก่อนเลือกตั้ง
รัฐบาลจะเร่งลุยถั่วปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆให้สำเร็จก่อน 5 เรื่อง
1,ปฏิรูปให้ประชาชนได้รับบริการจากภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ
2,ปฏิรูปปัญหาปากท้องและคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น
3,ปฏิรูปการแก้ปัญหาทุจริตและปราบปรามคอร์รัปชัน
4,ปฏิรูปลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาคในสังคมไทย
5,ปฏิรูปการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยให้ยอมรับกฎกติกา และแก้ปัญหาขัดแย้งโดยสันติวิธี
“แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาลจะเร่งปฏิรูปประเทศให้เห็นผลสำเร็จก่อนเลือกตั้ง
แต่ไม่มั่นใจ (ไม่เชื่อ) ว่ารัฐบาลจะปฏิรูปเรื่องสำคัญทั้ง 5 เรื่อง ในเวลาแค่ 8 เดือนให้เกิดผลสำเร็จได้
โดยเฉพาะการปฏิรูปปัญหาปากท้อง การปฏิรูปปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ฯลฯ เป็นเรื่องใหญ่แก้ไขยาก
ถ้าพูดแล้วทำไม่ได้...เสียหายบานแห้วเชียวนะคุณท่าน.
"แม่ลูกจันทร์"

ใครดูดใครโหนกันแน่

ใครดูดใครโหนกันแน่



สถานการณ์พลิกผัน ต้องแก้โจทย์กันใหม่เลย
เมื่อ “สวนดุสิตโพล” สะท้อนตัวเลขประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ตื่นเต้นกับกระแสดูดที่นักการเมืองทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์กำลังตีฆ้องร้องป่าวประจานพรรคทหาร
แต่ชาวบ้านมองการย้ายพรรคเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมืองทุกยุคทุกสมัย ตามระบบนิเวศการเมืองแบบไทยๆเป็นเรื่องต่อรองอำนาจและผลประโยชน์
กลายเป็นโจทย์ยากของนักการเมืองยิ่งไปกันใหญ่
น่าสนใจ ถ้าโพลนี้ทำหลังจากเจ้าตำรับวาทกรรมดูดอย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ส่งสัญญาณจากประเทศสิงคโปร์มาเบิ้ลบลัฟพรรคทหาร ดูดมากๆระวังกลายเป็นสีเทา
ตัวเลขจะออกมาเซอร์ไพรส์กว่านี้หรือไม่
ในอารมณ์แบบที่รู้ๆกัน “ทักษิณ” คือเจ้าตำรับพลังดูดอันลือเลื่องในยุคพรรคไทยรักไทย เคยสร้างตัวอย่างไว้ แต่สุดท้ายก็ใช้เสียง ส.ส.ในการยึดสภา เอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้ตัวเองและพวกพ้อง
จนต้องเจอกระแสต้าน ถูกโค่นกระดานอำนาจ
แต่ ณ วันนี้ยังถือเป็นโอกาสของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่จะไม่เดินย่ำซ้ำรอยอดีต ในการใช้ทฤษฎีขนมชั้นของ “ทักษิณ” ดึงนักการเมืองที่มีฐานเสียงแข็งๆมาเป็นฐานประกันความชัวร์ในสนามเลือกตั้ง
ตีตั๋วกลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คุมเกมอำนาจเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูปประเทศ
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ไปสู่เป้าหมาย มันคนละเรื่องกันเลย
เบื้องต้น ว่ากันตามผลโพลที่ออกมาถือว่าเข้าทางสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ยกประโยคอมตะของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” อดีตผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่ แมวขาวหรือแมวดำขอให้จับหนูได้ และไม่ใช่แมวสกปรก
วาทกรรม “ตกเขียว” ไม่มีผล กระแสดูดไม่ทำให้แผนตั้งพรรคหนุน “ลุงตู่” สะเทือน ตรงกันข้าม ตามรูปการณ์ออกมาแบบนี้น่าจะทำให้พวกที่กำลังชั่งใจ กล้าๆกลัวๆ ตัดสินใจง่าย
นักการเมืองกระโดดโหน “นายกฯลุงตู่” ตัวลอยแน่
และก็อย่างที่เห็นภาพ ในการประชุม ครม.สัญจรล่าสุด ที่ พล.อ.ประยุทธ์นำคณะลงพื้นที่มุ่งพัฒนากลุ่มจังหวัด “นครชัยบุรินทร์” นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์
ลุยแก้ปัญหาความยากจนในโซนพื้นที่ที่ประชากรรายได้ต่ำลำดับต้นๆของประเทศ
เน้นยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
แต่อีกมุมมันก็หนีไม่พ้นถูกลากเข้าฉากการเมือง ตามท้องเรื่องไฮไลต์อยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ กับอาการขยับตัวอย่างแรงของเจ้าถิ่นยี่ห้อ “เสี่ยเน” นายเนวิน ชิดชอบ ที่สั่ง “จัดเต็ม” เกณฑ์พลพรรคภูมิใจไทย ไล่ตั้งแต่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ลูกพรรค ไปยันชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงเรือนหมื่นคน
รอต้อนรับ “นายกฯลุงตู่” เยือนถิ่น “เซราะกราว”
เร้ากระแส “ดูด” ตามทิศทางข่าวในสื่อจับตาดีล ดึงภูมิใจไทยเข้าพรรคหนุน “ลุงตู่”
แต่เรื่องของเรื่อง งานนี้ดูจากปรากฏการณ์ของ “เสี่ยเน” และ “เสี่ยหนู” ที่เทกแอ็กชันแรงกว่าการประชุม ครม.สัญจรในพื้นที่อื่น
ที่ผ่านๆมา ที่นักการเมืองเจ้าของพื้นที่จะเป็นฝ่ายถูกเชิญให้เข้าวงเสวนากับรัฐบาล
อาการมันฟ้อง งานนี้ไม่ใช่ “ลุงตู่” ไปไล่ดูด
แต่เจ้าภาพอยากได้ “ลุงตู่” มาเพิ่มแต้ม เสริมเครดิตซะมากกว่า
ตามประสาอดีตคนคุ้นเคยกับ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม แตะมือหัก “นายใหญ่” ตั้งรัฐบาลในค่ายทหารมาก่อน
ตอนนี้ถึงเวลาระลึกความทรงจำ ย้ำความเป็นพันธมิตรใกล้ชิด
เหนืออื่นใด โดยบทเรียนจากการเลือกตั้งรอบที่แล้ว ยี่ห้อ “เนวิน” ทุ่มสรรพกำลัง เปิดคลังกระสุนดินดำไม่อั้นบวกกับอำนาจในมือ แต่ค่ายภูมิใจไทยไม่ได้ ส.ส.ตามเป้า เพราะไร้กระแส
มารอบนี้ “เจ้าพ่อเซราะกราว” เลยน่าจะหวังใช้ต้นทุน “นายกฯลุงตู่” ช่วยดันหลัง
เพิ่มพลังเจาะฐานพรรคเพื่อไทยของ “นายใหญ่”
เรื่องของเรื่อง เบื้องหลังเครื่องดูดยี่ห้อภูมิใจไทยก็เดินพลังแรงไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน ตามสถานการณ์ปั่นแต้ม ส.ส.เพื่อเพิ่มราคาต่อรองในดีลตีตั๋วร่วมขบวน “ลุงตู่”
แว่วๆแรงดูดเซราะกราวแรงไปถึงประจวบคีรีขันธ์ เป้าหมายอยู่ที่ “เสี่ยต่อ” นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน มวยระดับขาใหญ่ของค่ายประชาธิปัตย์ ผ่านดีลฟุตบอลไทยลีก รวมถึงหลายจังหวัดในอีสานที่ฐานเสียงเพื่อไทยไม่แน่น อย่างนครราชสีมา อุบลราชธานี บึงกาฬ ฯลฯ
“เนวิน” พยายามปั่นแต้ม สร้างขุมพลังภูมิใจไทยตีคู่กับพรรคหนุน “ลุงตู่”
ดูแล้ว เข้าฟอร์มพรรคทหารมากกว่ายี่ห้อ “พลังประชารัฐ”เสียอีก.
ทีมข่าวการเมือง

เรียนจบก็ไม่มีใครรับทำงาน

เรียนหนังสือไม่จบ หรือ จบไป ก็ไม่มีใครกล้ารับทำงาน!!

"บิ๊กตู่" เรียกร้องสังคม ช่วยหาข้อมูล มีอะไรอยู่เบื้องหลัง "กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง"หรือเปล่า  ยันมีโรดแมพอยู่แล้ว อ้างต่างชาติ ก็ยอมรับ ชี้ดูพฤติกรรมที่ผ่านมา  เผย ห่วงเรียนหนังสือไม่จบ หรือ จบไป ก็ไม่มีใครกล้ารับทำงาน ให้เลิกซะ!!

พล.อ ประยุทธ์ กล่าวถึง "กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง" ทีจะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล22พค.นี้ เพื่อเรียกร้องให้คสช.ยุติบทบาท และจัดการเลือกตั้งภายในพย.นี้ ว่า พูดหลายครั้งแล้ว ว่าคนเหล่านี้เป็นเยาวชน นักศึกษา ขอให้ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร วัตถุประสงค์ และเจตนารมย์ ในการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร

“เขาเป็นนักศึกษา มีความรู้ น่าจะฟังรู้เรื่องว่าเราวางโรดแมพไปแล้วว่า เราจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ เวลาใด ซึ่งต่างประเทศเขาก็ยอมรับ แล้วทำไมคนเหล่านี้ จึงไม่ยอมรับอะไรเลย เขาต้องการอะไรไปดูสิ ช่วยหาข้อมูลให้ผมหน่อยว่า มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า“

ทั้งนี้ เป็นห่วงว่า วันหน้าถูกดำเนินการทางกฎหมายขึ้นมา เรียนหนังสือก็ไม่จบ จบมา ก็ไม่มีคนรับทำงาน พฤติกรรมแบบนี้ ผมว่าไม่มีใครกล้ารับหรอก ก็อยากให้เขาเลิกซะ มันไม่ได้เกิดผลดี กับใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับพ่อแม่ผู้ปกครอง

ไม่ใช่ว่าจะให้หมด

"พี่เนฯ" ได้ยินมั้ย!!? ...ไม่ใช่ใครดีด้วยแล้ว ผมต้องให้ ทุกอย่าง

"บิ๊กตู่"ยัน ให้ไม่ได้ เป็นหมื่นล้านหรอก ไม่ใช่ขอมาเท่าไหร่ แล้วได้หมด ไม่ใช่ใครดีด้วยแล้ว ผมต้องให้ ทุกอย่าง ต้องยึด หลักการบริหารแผ่นดิน ยัน มาบุรีรัมย์  ไม่ใช่การเมือง

พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวในที่ประชุมครม. ที่บุรีรัมย์ ว่า การเดินทางลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่ได้มาด้วยเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น  

ส่วนงบประมาณนั้น ไม่สามารถให้ทุกคนได้หมด ตามที่ร้องขอ แต่ต้องมีการพิจารณาและปรับลดงบประมาณด้วย 

"ไม่ใช่ขอมาล้านล้าน หรือหมื่นล้าน แล้วจะได้หมด เพราะต้องผ่านการพิจารณาจาก ครม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นไปตามหลักการบริหารแผ่นดิน"

"ไม่ใช่ใครดีด้วยแล้ว ผมต้องให้หรือให้ทุกอย่าง ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะต้องให้คนทั้งประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมในสังคม"

ท้าแฉ

แฉมาเลย ข้อมูลลับ!!

"บิ๊กตู่" ท้า "สันธนะ" ส่ง ข้อมูลลับ มาเลย บิ๊กทหารคนไหน ในรัฐบาลคสช. ทุจริต อยากรู้ความลับที่ว่า น่ะอะไร พร้อมให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา ชี้แจง. ขู่ ถ้าไม่ใช่ ก็โดนคดีอีก  แฉ มีคดีเพียบ เผย รับไม่ได้ พฤติกรรม ไม่อยากเชื่อว่า เป็นอดีตตำรวจ

พล.อ ประยุทธ์  กล่าว ถึงกรณี  พ.ต.ท สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจ ขัดขวางการทำหน้าที่ตรวจค้นตลาดใหม่ ดอนเมือง ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอ้างถูก กลั่นแกล้ง เพราะไปรู้ข้อมูลทุจริตของ  ทหารใหญ่ในรัฐบาล ว่า 

"ผมว่าเขา คงไม่ใช่อดีตตำรวจหรอก ผมคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้ ผมรับไม่ได้ ตำรวจเอง ก็รับไม่ได้"

และเท่าที่ตรวจสอบประวัติ และ ที่ได้รับรายงานมา ก็พบว่าไม่ดีนัก เพราะฉะนั้นก็อย่าไปขยายความให้กับเขา เขาอาจจะคิดในมุมที่ไม่ค่อยสนใจกฎระเบียบ 

“ผมเสียดาย ที่เป็นตำรวจมา กริยาท่าทางมันไม่ได้ และก็เห็นมีคดีอยู่  6-7คดี มันอาจจะยิ่งพูด ก็ยิ่งคดีเยอะ ก็ได้ ดูถูก ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูถูกมผบ.ตร ดูถูกองค์กรตำรวจ 
เดี๋ยวผมพูดไป ก็มาดูถูกผมอีก 

เพราะฉะนั้นที่มาอ้างว่ากำความลับของคนโน้นคนนี้ มาบอก ส่งมาสิความลับที่ว่าน่ะอะไร ผมจะให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา มาชี้แจงว่าใช่-ไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่ ก็โดนอีก ก็ต้องตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานให้ชัดเจน”

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีใครมากดดัน เจ้าหน้าที่รัฐ หรือ รัฐบาลได้โดยเด็ดขาด ไม่มี เพราะผมเข้ามาแบบนี้ ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเรื่องงานการเมืองอะไรก็ตาม ผมจำเป็นต้อง ทำให้ถูกต้องชัดเจน

กลัวสื่อซ้ำตอนล้ม

"บิ๊กตู่" เผย ขี่ Big Bike เมื่อวาน รู้ว่าอันตราย แถมสื่อจ้อง  รอถ่ายตอนล้ม จึงต้องระวังตัวอย่างมาก หวั่น ขี่เร็ว จะหลุดโค้ง

พล.อ ประยุทธ์  กล่าวถึงการขี่Big Bike จักรยานยนต์  ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต วานนี้ ว่า ผม
เคยขี่รถจักรยานยนต์อยู่บ้าง 

"แต่ยอมรับว่าอันตราย คือระหว่างช่วงการเข้าโค้ง ทั้งหมด การควบคุมรถ และการถ่วงน้ำหนักอะไรต่างๆ คือถ้าขี่เร็วมากๆ ผมก็สามารถหลุดโค้งได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็ต้องระมัดระวัง"

ที่สำคัญ ผมรู้ว่าทุกคนจ้องถ่ายรูปผมอยู่ตอนนั้น  เพราะตอนขี่ดีๆสื่อ ไม่ค่อยถ่ายหรอก ผมรู้

คือ แบบว่า จะถ่าย. แต่ตอนล้ม นั่นแหล่ะ!!