PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2557

โหรเจษฎา"ฟังธงรัฐบาลเสี่ยงล่มสลาย หลังดวง"ยิ่งลักษณ์"เสี่ยงหนักช่วงเม.ย.นี้

2โหราศาสตร์ชื่อดังทำนายดวงประเทศ ช่วงสถานการณ์การเมืองร้อนแรง"โหรเจษฎา"ฟังธงรัฐบาลเสี่ยงล่มสลาย หลังดวง"ยิ่งลักษณ์"เสี่ยงหนักช่วงเม.ย.นี้

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนา "อนาคตเศรษฐกิจไทย 2557 : นักเศรษฐศาสตร์ ปะทะ โหราจารย์" วานนี้ (17 ม.ค.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เพื่อวิเคาะห์ถึงสถานการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยรวมถึงปัจจัยต่างๆ และการร่วมพยากรณ์ดวงเมืองปี 2557
โดย รศ.ดร เจษฎา โลหอุ่นวิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อิสระด้านโหราศาสตร์ชื่อดังและเป็นเจ้าของคอลัมน์ถอดรหัสลับดวงดาว กล่าวว่า ดวงชะตาประเทศในปี 2557 นั้น ดาวพลูโตตั้งฉากกับดาวนเปจูนตั้งแต่ปลายปีที่แล้วและได้เคลื่อนเปลี่ยนมุม ทำให้ความขัดแย้งจากพรรคการเมืองที่มีเพิ่มมากขึ้นในปีที่ผ่านมา นำมาสู่ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาล พรรคการเมือง และประชาชน ซึ่งดาวมฤตยูที่เคลื่อนมาเล็งดาวเนปจูนโพเกรซ และทำมุม 180 องศากับดวงเมือง ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกันอย่างรุนแรง จนอาจทำให้เกิดความสูญเสีย อย่างไรก็ตามความสูญเสียที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะไม่ร้ายแรงมากนัก โดยความขัดแย้งทางการเมืองนั้น มองว่าน่าจะผ่อนคลายลงได้ในครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งสถานการณ์ที่ผ่อนคลายลมาได้ น่าจะมาจากการองค์กรอิสระอย่างศาล ที่จะทำหน้าที่ในการตัดสินคดีความต่างๆ ขณะที่ในส่วนองค์กรอย่างทหารนั้น ก็เชื่อว่าจะไม่มีการทำปฏิวัติรัฐประหาร
"สิ่งที่น่าจับตามองคือการทำสุริยุปราคาในวันที่ 29เมษายน ซึ่งจะกระทบกับดาวเนปจูนตั้งฉากกับดาวพูลโต มองว่าจุดดังกล่าวนั้นจะกระทบโดยตรงกับผู้นำหญิง รวมไปถึงบุคคลแดนไกล และเสถียรภาพของรัฐบาล ทำให้ต้องจับตาดูว่า รัฐบาลจะถึงกาลอวสานในช่วงนั้นหรือไม่" รศ.ดร.เจษฎากล่าว
รศ.ดร.เจษฎากล่าวว่า จากการตรวจสอบดวงดาวนั้นพบว่า รัฐบาลจะไม่ถูกโค่นล้มด้วยกำลังของทหาร เพราะในดวงของผู้นำหญิงยังคงเดินนำหน้าทหารอยู่ แต่จะเผชิญกับการตัดสินคดีต่างๆขององค์กรอิสระอย่างศาล ซึ่งจะเข้ามาดำเนินการส่วนการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มองว่าจะอ่อนแรงลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 หลังจากนั้นศาลจะเข้ามามีอิทธิพลทางการเมือง ทำให้มองว่าปัญหาความวุ่นวายทางการการเมืองจะจบในครึ่งแรกของปีนี้ และครึ่งปีหลังจะเป็นการปฏิรูปประเทศวางกฏเกณฑ์ประเทศใหม่
ส่วนดวงชะตาของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ รวมไปถึงบุคคลสำคัญทางการเมือง อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรงกลาโหม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกรัฐมนตรี พบว่าดาวเสาร์ตกทั้งหมด หรืออยู่ในช่วงขาลง ซึ่งบุคคลเหล่านี้ควรจะถอยออก เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ ขณะที่ในดวงของนายอภิสิทธิเองนั้น ก็ยากที่จะได้กลับขึ้นเป็นผู้นำประเทศ
ด้านนายชูศักดิ์ จงธนะพิพัฒน์ โหราศาสตร์เจ้าของคอลัมน์ astro celeb นิตยสารกายใจ กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่ในรอบของดาวเสาร์รอบที่ 7 ซึ่งเป็นรอบของธุรกิจครอบงำการเมือง ซึ่งจะมีอายุวงรอบ 30 ปี สิ้นสุดในปี 2561 โดยผลจากรอบดังกล่าว ทำให้เกิดนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ขึ้นมามากมาย ที่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ และโครงการประชานิยมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลคือ ในช่วงต้นเดือนเมษายนจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่เกิดการปะทะกันทางความคิดอย่างรุนแรง หลังจากนั้นจะมีการคลี่คลายสถานการณ์ในทางที่ดีมากขึ้น และจะเริ่มเข้าสู่การปฏิรูปครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ปัจจุบันอยู่ในช่วง 10% สุดท้ายของวงรอบ หรือช่วงทำลายร้าง สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งทำให้ไทยจะเข้าสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจในปี 2558 โดยวิกฤติจะมาจากหนี้สินต่างๆ หรือมาจากการเปิดโปงการกระทำต่างๆของภครัฐในอดีต โดยในส่วนของดวงเมืองนั้น น่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และจะเข้าสู่การปฏิรูปและร่างกติกาใหม่ซึ่งใช้เวลาในการปฎิรูปและวางกติกาประเทศใหม่เป็นระยะเวลา 3ปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา:หากกำลังพลเข้าไปร่วมชุมนุมโดยมีการพกอาวุธนั้นถือว่าทำให้กองทัพเสียชื่อเสียง จะต้องได้รับโทษทางอาญาและทางวินัย

มีรายงานว่า ในการประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นประธานในการประชุม วันนึ้นั้น

หน่วยข่าวได้รายงานความเคลื่อนไหวของการชุมนุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ รวมถึงพูดถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศชุมนุมครั้งใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค.

และการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 5 เม.ย.นี้

โดยที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์และเป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงในช่วงเดือนเม.ย. ซึ่งผบ.ทบ.ได้สั่งให้หน่วยข่าวติดตามการชุมนุมของกปปส.และกลุ่มนปช. พร้อมให้กรมพระธรรมนูญเร่งรัดในคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมที่ยังไม่มีความคืบหน้า

ส่วนกรณีที่มีกำลังพลมักถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม พร้อมอาวุธหลายครั้งในช่วงนี้ ผบ.ทบ.สั่งการในที่ประชุม ว่า การเดินทางในยามค่ำคืนของกำลังพล แม้เป็นเรื่องส่วนตัวและอยู่นอกเวลาราชการ แต่หากถูกจับกุมก็ต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งทางหน่วยต้นสังกัดไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว
"หากกำลังพลเข้าไปร่วมชุมนุมโดยมีการพกอาวุธนั้นถือว่าทำให้กองทัพเสียชื่อเสียง จะต้องได้รับโทษทางอาญาและทางวินัย"

นอกจากนี้ ผบทบ.ได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยเพ่งเล็งเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยให้ผบ.หน่วยดูแลและควบคุมการใช้อาวุธในคลังอาวุธ หากกำลังพลนำอาวุธของกองทัพออกมาใช้โดยไม่มีคำสั่งทางราชการ ทางผู้บังคับหน่วยต้องรับผิดชอบ
ขอขอบคุณแหล่งข่าวมา™ณ ที่นี้
:::: สำนักข่าวโอไอเอ็น ::::
ปล. สามชั่วโมงเต็ม เป็นผลหรือไม่?????


แกะรอย “แปซิฟิค คลับ” ต้นเรื่องเจรจาลับ “นายกฯเถื่อน” เผย “สุเทพ”เพิ่งซื้อ 60ล้าน !! เบื้องหลัง โยงใยยุบยั่บ “ปชป.-บลูสกาย-ทีนิวส์”

แกะรอย “แปซิฟิค คลับ” ต้นเรื่องเจรจาลับ “นายกฯเถื่อน” เผย “สุเทพ”เพิ่งซื้อ 60ล้าน !! เบื้องหลัง โยงใยยุบยั่บ “ปชป.-บลูสกาย-ทีนิวส์”
จากกรณีที่ “นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ “10 นายกฯเถื่อน” ที่มีกระแสข่าวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาว่าได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นผู้เข้ามาครองตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” โดยวิธีพิเศษ ซึ่งไม่จำเป็นต้องผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน 
ประกอบด้วย เต็ง 1 พลากร สุวรรณรัฐ
เต็ง 2 ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เต็ง 3 อานันท์ ปันยารชุน 
โดยมีตัวสอดแทรก
ตัวที่ 1 หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล
ตัวที่ 2 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
และมี “ม้ามืด” 
ตัวที่ 1 สุรเกียรติ์ เสถียรไทย
ตัวที่ 2 อาสา สารสิน
ตัวที่ 3 วิกรม กรมดิษฐ์
รวมไปถึง “อัศวินม้าขาว” อย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และอีก 1 ตัวกระเสือกกระสน ที่ชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”นั้นได้ปรากฎข้อมูลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ กรณี “เต็ง 1 นายกฯเถื่อน” ที่ชื่อ “พลากร สุวรรณรัฐ” ซึ่งขณะนี้เป็น “องคมนตรี” อยู่นั้น มีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวหลุดออกมาว่า ครั้งหนึ่ง “พลากร สุวรรณรัฐ” ได้มีการเจรจาพูดคุยกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการ กปปส. ภายใน “แปซิฟิก คลับ” ย่านสุขุมวิท
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า “แปซิฟิค คลับ” จดทะเบียนในนาม “บริษัท แปซิฟิค เอ็กซ์คลูซิฟ ซิตี้ คลับ จำกัด” เมื่อ 11 ตุลาคม 2555 ทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท 
ตั้งอยู่ที่ 142 อาคารทูแปซิฟิคเพลส ชั้น 11,12,28,29,30 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
โดยมี “นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง”, “นายสมศักดิ์ วงศ์ยืน” , “น.ส.อัญชลี จิวะไพบูลย์ศักดิ์” , “นายสุเมธ แผลงประพันธ์” และ “น.ส.น้ำทิพย์ เทือกสุบรรณ” บุตรสาวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็น “กรรมการบริษัท”
จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” นั้นถือเป็น “คีย์แมน” สำคัญ ที่เกี่ยวโยงกับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” และ เครือข่าย “พรรคประชาธิปัตย์”มากมาย
โดย “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” นั้นเป็น “อดีตอัยการอาวุโส” ที่มีชื่อเข้ามาแสดงบทบาทในพรรคประชาธิปัตย์อย่างเป็นทางการ เมื่อครั้งร่วมกับ “ถาวร เสนเนียม” ในการทำคดียุบพรรคไทยรักไทย (พ.ศ.2549-2550) ในยุคที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็น “เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์”
ล่าสุด “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” ก็ปรากฏตัวเป็นทนายความของ “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” แกนนำ กปปส. ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ที นิวส์ ภายหลังจากถูกจับกุมตัวระหว่างหลบออกจากการชุมนุมเพื่อเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้าบริเวณแยกลาดพร้าว
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” ทำธุรกิจหลายอย่างร่วมกับ “คนในตระกูลเทือกสุบรรณ” ของ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อาทิ “บริษัท ร้อยเกาะ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด” ที่เป็น “กรรมการบริษัท” ร่วมกับ “นางสาวแขแสง เทือกสุบรรณ และ “นายวิภาส ปิยะสมบัติกุล”
โดย “บริษัท ร้อยเกาะ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด” นั้น ประกอบธุรกิจบริการขายหรือให้เช่าบ้านพัก อสังหาริมทรัพย์ ตั้งอยู่ที่ 194/7 หมู่ที่ 2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
ถุย
ล่าสุดเมื่อ 20 ตุลาคม 2555 เว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง “ชำแหละบลูสกาย ชาแนล ทีวีแมลงสาบ”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9550000128445 )
ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง-สุเทพ เทือกสุบรรณ-พรรคประชาธิปัตย์-บลูสกลาย แชนแนลและสำนักข่าวทีนิวส์ ของสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” เอาไว้อย่างน่าสนใจ ตอนหนึ่งว่า “…ผู้ถือหุ้นของบลูสกายแชนแนลนั้น มีบริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด มาร่วมถือหุ้นด้วยตั้งแต่ต้น โดยถือหุ้นใหญ่ โดย บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด นั้น จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยมี “นายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ทั้งนี้ นายทวีศักดิ์นั้นเป็นนักกฎหมายที่มีความใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายทวีศักดิ์จะเป็นผู้ดูแลด้านกฎหมายให้นายสุเทพ นอกจากนี้ นายทวีศักดิ์ยังไปร่วมแถลงข่าวกับนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ กรณีรุกที่เขาแพงที่เกาะสมุย ในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมายของนายแทนด้วย
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ “บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด” นั้น นอกจากควักเงินมาลงทุนในบลูสกายแชนแนล 3 ล้านบาทแล้ว บริษัทแห่งนี้ยังลงทุนในสำนักข่าวทีนิวส์ จำกัด ผู้ผลิตข่าวช่องทีนิวส์ อีก 11 ล้านบาท…”
จากการตรวจสอบพบว่า “บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด” มี “ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” เป็น “กรรมการบริษัท” ร่วมกับ “สมศักดิ์ วงศ์ยืน , นายสุเมธ แผลงประพันธ์ และ นางสาวอัญชลี จิวะไพบูลย์ศักดิ์” ซึ่งเป็นบุคคลในชุดเดียวกับที่เป็น “กรรมการบริษัท แปซิฟิค เอ็กซ์คลูซิฟ ซิตี้ คลับ จำกัด” ต้นสังกัด “แปซิฟิค คลับ” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ปรากฎว่ามีข่าวคราวความเคลื่อนไหว “พลากร สุวรรณรัฐ” พบปะเจรจากับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” แกนนำ กปปส. !!!
โดย “บริษัท เทเลคาสน์ มีเดีย จำกัด” ซึ่ง “เว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์” ระบุว่า “ถือหุ้นใหญ่ บลูสกายแชนแนล” และ ควักเงินลงทุนในสำนักข่าวทีนิวส์อีก 11 ล้านบาท” จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ประกอบธุรกิจ “การออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นทางออนไลน์)”
และตั้งอยู่ที่ “142 อาคารทูแปซิฟิคเพลส ชั้นที่ 17 ห้องเลขที่ 1707 ถนนสุขุมวิท คลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร” ซึ่งเป็นอาคารเดียวกันกับ “แปซิฟิค คลับ” บริษัท แปซิฟิค เอ็กซ์คลูซิฟ ซิตี้ คลับ จำกัด อีกด้วย555
ที่สำคัญ เว็บไซด์ผู้จัดการออนไลน์ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 ยังเผยแพร่ข่าว “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ควัก 60 ล้านซื้อ แปซิฟิก คลับ มาบริหารเล่นๆ” http://www.manager.co.th/celebonline/viewnews.aspx?NewsID=9550000151495 )
ระบุว่า “ ** นั่งเป็นฝ่ายค้านไม่ค่อยมีอะไรทำ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลยแก้เหงาด้วยการควักเงิน 60 ล้านบาท ซื้อแปซิฟิก คลับ มาบริหารเล่นๆ…”
สุเทพ เทือกสุบรรณ และ ม็อบ กปปส. …. ไม่มีอะไร “เกี่ยวข้อง” กับ “พรรคประชาธิปัตย์-บลูสกาย” และ “ที นิวส์” เล๊ยยยย !!!! 

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์:บ้านป่าเมืองเถื่อน

บ้านป่าเมืองเถื่อน
แต่ก่อนสุเทพเดินเรียกแขกบริจาคเงิน คนให้แบงค์พัน เดินวันเดียวคุยว่าได้สองล้าน แต่ตอนนี้เดิน ได้แบงค์ยี่สิบ แบงค์ห้าสิบ เดินทั้งวันบอกได้แปดแสน ลดไปกว่าครึ่ง ยิ่งเดินยิ่งลด อีกหน่อยคงเหลือไม่กี่หมื่น ไม่ได้ลดเฉพาะจำนวนเงิน จำนวนคนในม็อบก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง กระแสหดหาย คนกรุงเทพฯหูตาสว่างขึ้น
กว่าสี่เดือนที่ผ่านมา คุณสุเทพไม่ประสบความสำเร็จในการล้มรัฐบาล แต่ประสบความสำเร็จในการทำลายประเทศ หากคุณสุเทพยกระดับการชุมนุมขึ้นอีก คงได้มีคนบาดเจ็บล้มตาย วางเทียนจุดธูปร้องห่มร้องไห้น้ำตาไหล เสร็จแล้วก็กลับไปเดินเรียกแขกใหม่
ผมฟังคุณสุเทพมาตลอด ยังคิดเหมือนนักการเมือง แสดงเหมือนนักการเมือง และพูดเหมือนนักการเมือง หากจตุพร ณัฐวุฒิพูดอะไร คุณสุเทพต้องเอาไปโต้ตอบบนเวทีทุกครั้ง ไม่ได้แตกต่างกับตอนที่คุณสุเทพอยู่ในสภา เป็น ส.ส. สุราษฎร์ธานี เลขาฯพรรคประชาธิปัตย์เลยสักนิด แตกต่างตรงที่ไม่ได้พูดในสภา แต่พูดอยู่ที่สวนลุมฯเวทีม็อบเท่านั้นเอง
เมื่อคืนมีคนร้ายยิงปืนใส่โรงแรมของผมแถวสุขุมวิทใจกลางเมือง เมื่อสองปีก่อนขณะที่ผมพูดเรื่องบ่อนการพนัน ก็มีคนมาปาระเบิดประทัดยักษ์ใส่โรงแรมข่มขู่ผม ตอนนี้ผมไม่ได้พูดเรื่องบ่อนการพนัน แต่พูดถึงทางออกของประเทศว่าควรไปเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินว่าต้องการอย่างไร
คุณสุเทพไปชี้เป็นชี้ตายให้กับคนไทยทั้งประเทศไม่ได้ ตอนนี้บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ทั้งปาระเบิดที่โน่น ยิงที่นี่ โดนกันทั่วหน้าทั้งศาล ป.ป.ช. ม็อบ จนถึงบ้านเรือนผู้คนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง จับมือใครดมไม่ได้ กฎหมายบ้านเมืองเป็นอัมพาตเพราะคุณสุเทพตั้งตนเป็นใหญ่ ปากบอกอหิงสา ไม่รุนแรง แต่เครือข่ายทั้งพระที่ไม่ยอมละทางโลก หลงกิเลสการเมืองไม่ยอมกลับวัด อีกทั้งพวกอ้างนักศึกษา ประชาชน สารพันกลุ่ม
เมื่อคนหนึ่งทำได้ อีกคนหนึ่งก็ทำบ้าง ไม่ต้องมีกฎกติกา คนไทยทุกคนจึงต้องปกป้องตัวเอง กลับไปสู่ยุคสมัยก่อน ใครมีอาวุธต้องจับขึ้นมาใช้คุ้มครองครอบครัวและทรัพย์สิน
ผมนึกว่ากฎหมายจะคุ้มครองผมได้ แต่เมื่อเป็นอย่างนี้เสียแล้ว ผมคงต้องคุ้มครองตัวเอง