PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563

ไม่ใช่ ไม่มี”น้ำยา” แก้ปัญหา ฝุ่น

ไม่ใช่ ไม่มี”น้ำยา”
แก้ปัญหา ฝุ่น

“มีคนบอกว่า รัฐบาลไม่มีน้ำยา น้ำเยอ อะไร มันมี หมดล่ะน้ำยา ถ้าจะใช้ แต่มันเดือดร้อน ก็ต้องยอมรับกันสิ”

“นายกฯบิ๊กตู่”เผย ยก แก้ PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาตินานแล้ว ย้ำควันดำจับทุกคัน ห้ามวิ่ง ชี้ไอเดียเครื่องฟอกอากาศต้องมีขั้นตอน ยัน รัฐบาลมีน้ำยาแต่ถ้าใช้จะเดือดร้อน-ต่อต้านถามรับได้มั้ย เช่น รถยนต์วิ่งวันคู่-คี่ใน กทม. จะซื้อรถ ต้องมีที่จอด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับสุขภาพประชาชนเป็นอันดับแรก

แต่มาตรการต่างๆ ที่ออกมาจะทำอย่างไรให้ได้รับการยอมรับ ไม่เช่นนั้นเมื่อออกมาตรการหรือบังคับใช้กฎหมายไปแล้วถูกต่อต้าน ก็มีผลทั้งสิ้น

นี่คือปัญหาใหญ่ของประเทศไทย เรามีกฎหมายทุกตัว แต่กฎหมายพื้นฐานบางอัน บังคับใช้ได้ยาก คนได้รับผลกระทบเยอะ

อย่างไรก็ตามหลายคนบอกว่ารัฐบาลไม่มีแผนแก้ปัญหา แต่ในความเป็นจริงมีตั้งนานแล้ว โดยแผนการรับมือฝุ่นพิษมีการกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2562-2567 เพราะปัญหาฝุ่นละอองเกิดขึ้นในประเทศมานานแล้ว เราต้องยอมรับ สมัยก่อนข้อมูลอาจไม่เพียงพอ เครื่องมือตรวจวัดก็ไม่มี ก็เลยไม่ได้ให้ความสำคัญกัน

วันนี้รัฐบาลเข้าไปจัดหาจัดซื้อและแจ้งประชาชนทราบเพื่อให้ระมัดระวัง เฝ้าระวังและให้ความร่วมมือ โดยได้สั่งการให้ตรวจโรงงานอุตสาหกรรมทุกแห่งแล้ว ที่ไหนต้องปรับปรุงก็ปิดปรับปรุงให้เรียบร้อย เมื่อดีขึ้นค่อยเปิดทำงานต่อ

เท่าที่ได้รับรายกงานวันนี้ก็ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน ในส่วนของยานพาหนะก็ได้ย้ำไปอีกครั้ง ให้จับรถทุกคันที่มีความควันดำ ไม่ว่าจะรถกี่ปีก็ว่ากันไป ตอนนี้จับทุกคัน ห้ามวิ่ง หยุดวิ่ง

หลายอย่างที่เป็นยาแรง ๆ ท่านต้องยอมรับว่าเป็นนโยบายสาธารณะ กฎหมายเพื่อประชาชน เราต้องพยายามใช้กฎหมายนี้ ไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนมากที่สุด

วันนี้เราต้องทำความเข้าใจว่า PM 2.5 เกิดจากอะไร เกิดช่วงเวลาไหนมากน้อยเพียงใด พื้นที่ไหน

เพราะฉะนั้นเมื่อมาดูในส่วนนี้ก็มีมาตรการเฉพาะลงไปในแต่ละระดับ ตอนนี้อยู่ในขั้นระดับ 1-2 เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)

สื่อลองเปิดดูในกูเกิล จะได้สร้างการรับรู้ช่วยผมด้วย ว่าเป็นพิษเป็นภัยกับใคร จริงๆ ก็เป็นกับทุกคน ถ้ามีความแข็งแรงพอก็จะต้านทานได้มากหน่อย คนที่มีภูมิคุ้มกันต่างกัน ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง

จึงตองแยกเป็น 2 ส่วน 1.กฎหมายและ 2.การเตรียมการของประชาชน รัฐบาลไม่สามารถสั่งใครได้ทั้งหมด เช่นสั่งให้ใส่หน้ากากทุกคน อะไรทำนองนี้มีผลกระทบทั้งสิ้น

เมื่อถามว่ากรีนพีซเรียกร้องรัฐบาลให้กำหนดการแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ และควบคุมการปล่อยมลพิษนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องวาระแห่งชาติมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไปแล้ว

โดยได้เห็นชอบในขั้นต้น มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 2562-2567 เคยชี้แจงไปครั้งหนึ่งแล้ว

เมื่อถามว่าแนวคิดเรื่องการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ มีความเป็นได้หรือไม่อย่างไรนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ให้มีการตรวจสอบว่าจะได้ผลหรือไม่อย่างไร แต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเรามองประเทศสังคมนิยมก็สั่งหมดทุกอัน เขาสั่งได้หมดทุกอย่าง ไม่มีใครมาถามอย่างนี้ ต้องเห็นใจรัฐบาลบ้าง หลายคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน มีความจำเป็นแต่ละเรื่องแต่ละราว จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน แล้วผลก็ย้อนกลับไปที่รัฐบาล ออกอะไรที่เข้มงวดไป แล้วเกิดการต่อต้านไม่ปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ คิดตรงนี้สิ ต้องสร้างความรับรู้ให้ครบทุกมิติ

สถานการณ์เช้าวันนี้ค่าฝุ่นอยู่ที่ 50-60 มคก./ลบ.ม. จะบอกว่าไม่มีอันตรายก็ไม่ใช่ เพราะมีอันตรายสำหรับคนบางกลุ่ม กรุณาเปิดดูในกูเกิลแล้วว่า PM 2.5 คืออะไร เกิดจากที่ไหนบ้าง

อย่างไรก็ตามการแก้ไขปัญหาของบางประเทศใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่หรือใช้โดรน จะต้องดูว่าเราจะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้นได้อย่างไร ต้องมีขั้นตอน ทำตามลำดับ

โดยบางพื้นที่เราก็มีเครื่องพ่นละอองน้ำอยู่แล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักในภาพรวม เพราะปัญหาฝุ่นเมื่อโดมครอบไว้อยู่

นายกฯ กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้ หาเครื่องมือมีแผนเตรียมการโดยตลอด สิ่งสำคัญคือต้องสร้างการรับรู้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ถ้าจะห้ามเผาไร่นา แล้วจะกำจัดตอซังอย่างไร รัฐบาลก็ต้องหามาตรการเสริมลงไป มีอย่างเดียวถ้าไม่เผาตอซังก็เอารถไปไถ่ไปขุดรากถอนโคนให้เขา แล้วเกษตรกรมีจำนวนเท่าไหร่

วันนี้ก็ทยอยจัดหาเครื่องมือให้ตามลำดับก็ทำไปเยอะแล้ว รัฐบาลช่วยเหลือได้ ถ้ามีการรวมกลุ่มขึ้นมา ส่วนเรื่องการเผาไร่อ้อย บางบริษัทก็ทำดีจัดเครื่องมือไปช่วยตัดอ้อยส่งโรงงานโดยไม่ต้องเผา และวันนี้ก็ลดการรับซื้ออ้อยที่เผาลงในระดับหนึ่ง จนสามารถแก้ปัญหาตรงนู้นได้

“หลายคนก็บอกว่ารัฐบาล ไม่มีน้ำยา น้ำเยอ อะไร มันมีหมดน้ำยา ถ้าจะใช้ แต่มันเดือดร้อน ท่านต้องยอมรับกันสิว่า ประเทศไทยมีคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย คนรายได้มาก รายได้ปานกลาง รายได้น้อย กิจกรรมแต่ละอันมีผลกระทบซึ่งกันและกันทั้งสิ้น

รถบรรทุกก็มีเรื่องการขนสินค้าอุปโภค บริโภค เข้ามาในเขตกรุงเทพฯ รถควันดำก็ต้องหยุดวิ่งได้ไหม มันต้องยอมรับว่า ทำเข้มงวดมากขึ้นต่อไปจะตามด้วยค่าขนส่งที่แพงขึ้น สินค้าอุปโภคแพงขึ้น คิดให้เป็นอย่างนี้ อย่ามาคิดเป็นเสี้ยวๆ เศษๆ แล้วก็ตีกันไปตีกันมา ก็ทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง เข้าใจบ้าง

อย่างไรก็ตามรถยนต์มีกว่า 10 ล้านคันที่วิ่งในกรุงเทพฯ ถ้าเราไปแยกเป็นวันคู่ วันคี่ รับกันได้หรือไม่ ทุกคนซื้อรถต้องมีที่จอดรถในบ้านเอาไหมหล่ะ นี่เป็นนโยบายสาธารณะ ถ้าเอาทุกอย่างมาตีกันอยู่อย่างนี้ไม่ได้”