PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

ข่าวดีต้อนรับปีใหม่ไทย ‘เลือกตั้ง’ เลื่อนอีกแล้ว เป็นรอบที่ 5

The MATTER
2 ชม.
 ข่าวดีต้อนรับปีใหม่ไทย ‘เลือกตั้ง’ เลื่อนอีกแล้ว เป็นรอบที่ 5
.
ถือเป็นข่าวดีๆ ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ วันปีใหม่ของไทยกันเลยทีเดียว เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องที่ สนช.ยื่นขอให้พิจารณาวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มีเนื้อหาที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
.
ซึ่งผลของมันก็คือ จะทำให้การเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง ต้องเลื่อนออกไปอีกครั้งเป็นรอบที่ 5 ส่วนจะเลื่อนนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย (1) ระยะเวลาที่ศาลใช้พิจารณา และ (2) ผลของการพิจารณา หากไม่ขัด ก็ส่งคืนให้ลุงตู่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้ได้ แต่ถ้าขัด ก็ต้องไปดูว่าขัดแค่ไหน หากขัดแค่บางส่วน ใช้เวลาแก้เนื้อหานิดหน่อย อาจจะไม่นาน แต่ถ้าขัดทั้งฉบับ ไปเริ่มต้นจัดทำใหม่ ทีนี้ก็ยาวไปๆ
.
มีข้อน่าสังเกตว่าการเลื่อนเลือกตั้งรอบหลังๆ เกิดจากการกระทำของคน 2 กลุ่ม ได้แก่ ‘คสช.’ ผู้ยึดอำนาจเข้ามา และกลุ่มบุคคลที่ คสช.ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่นิติบัญญัติอย่าง ‘สนช.’ ล้วนๆ
- จากที่เดิม ลุงตู่ไปสัญญากับผู้นำสหรัฐฯว่า เดือนพฤศจิกายน 2561 ได้เลือกตั้งแน่
- แต่พอถึงไทย กลับใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 แก้ไข พ.ร.บ.พรรคการเมือง เลื่อนการปลดล็อกพรรคการเมืองไปอีกครึ่งปี และกำหนดเงื่อนไขสารพัดให้นักการเมืองต้องทำตาม
- สนช.ก็ใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการประกาศใช้ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ไปอีก 90 วัน
- จากนั้น สนช.ก็ทำการแก้ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. หลายประเด็น จนเมื่อมีมติเห็นชอบแล้ว ถูก กรธ. โดยเฉพาะตัวมีชัย ฤชุพันธุ์ ท้วงติง ก็เลยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยตีความ แม้ช่วงแรกจะทำท่าทีอิดออดเล็กน้อยว่าไม่อยากยื่นตีความเลย
- สำหรับประเด็นที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยตีความ มี 2 เรื่อง 1.ให้มีผู้ช่วยคนพิการในการลงคะแนน และ 2.ให้ตัดสิทธิ์คนที่ไม่ไปเลือกตั้ง ไม่ให้เป็นข้าราชการการเมือง ซึ่งเป็นเนื้อหาส่วนที่ สนช.เพิ่มมาภายหลังทั้งสิ้น
.
ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำสั่งรับพิจารณาวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ตามคำร้องของ สนช.ไปแล้ว ซึ่งสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการ กกต. เคยคำนวณว่า การที่ สนช. ยื่นให้ตีความร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับนี้ จะส่งผลต่อการขยับโรดแม็ปเลือกตั้งไประหว่าง 2-6 เดือน
.
การเลื่อนเลือกตั้งออกไป ไม่เพียงทำให้ คสช.ได้อยู่ในอำนาจต่อ ยังจะทำให้ สนช.ได้รับเงินเดือนต่อไปเรื่อยๆ (เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะพ้นจากตำแหน่งก็ต่อเมื่อมี ส.ส.เข้ามาแทน) โดยปัจจุบันรับรวมกันอยู่ที่เดือนละ 28 ล้านบาท และนับแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน เราก็เสียเงินภาษีเป็นเงินเดือนให้กับเหล่า สนช.ไปแล้วมากกว่า 1,079 ล้านบาท
.
.
อ้างอิงจาก
https://voicetv.co.th/read/rJlVdvTDf
.
ที่มาภาพประกอบ

เบื้องลึก เด้ง’สมชัย’พ้นเก้าอี้ปลัดคลัง

เบื้องลึก เด้ง’สมชัย’พ้นเก้าอี้ปลัดคลัง


กลายเป็นประเด็นร้อนก่อนหยุดยาวสงกรานต์ เมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 10 เมษายน มีมติย้ายนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปนั่งเลขาฯสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ซึ่งย้ายไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ยังไม่ทันข้ามวัน นายสมชัยประกาศขอลาออกจากราชการทันที
หนังสือลาออกส่งถึงมือนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 เมษายน ซึ่งนายอภิศักดิ์แสดงความไม่พอใจที่นายสมชัยไปประกาศลาออกกับสื่อมวลชน ก่อนที่หนังสือจะถึงมือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสมชัยไม่เคยแจ้งเรื่องการลาออกกับนายอภิศักดิ์มาก่อน ทำให้นายอภิศักดิ์ไม่ยับยั้งการลาออกดังกล่าว
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อนร่วมรุ่นวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ.รุ่น 50 ซึ่งถือเป็นคนสำคัญทำให้นายสมชัยก้าวขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงการคลังเบียดคู่แข่งอาวุโสคนอื่นๆ ในกระทรวงคลังแบบลอยลำ
แต่คำให้สัมภาษณ์ของเพื่อนร่วมรุ่นกับการลาออกของนายสมชัยถูกกล่าวออกมาชนิดไม่รักษาน้ำใจว่า อยากออกก็ออกไป จะไม่ยับยั้งการลาออกดังกล่าว เพราะเมื่อเป็นข้าราชการพอถูกย้ายแล้วไม่พอใจได้หรืออย่างนี้ก็เป็นข้าราชการไม่ได้
เท่ากับว่าการลาออกของนายสมชัยจะมีผลอย่างเป็นทางการวันที่ 1 พฤษภาคม ตามที่แจ้งไว้ในจดหมายลาออก โดยในระหว่างนี้ขอลาพักยาวจนถึงวันที่ 30 เมษายน โดยนายสมชัยส่งหนังสือลาออกจากการเป็นประธาน และคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจมาพร้อมกันด้วย
ว่ากันว่า นายสมชัยรู้ตัวล่วงหน้าเรื่องการโยกย้าย เพราะเตรียมหนังสือลาออกไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา พอมติ ครม.ออกสั่งให้ลูกน้องส่งหนังสือมายังหน้าห้องรัฐมนตรีทันที ในระหว่างเกิดเหตุเจ้าตัวไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ต่างประเทศ มีกำหนดกลับถึงไทยวันที่ 17 เมษายน
อย่างไรก็ตาม ในการโยกย้ายดังกล่าว นายอภิศักดิ์ให้เหตุผลว่ามีการขอตัวมาจากนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องการนายสมชัยไปช่วยทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ และให้ไปช่วยดูแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งต้องใช้คนมีศักยภาพ คนที่ดีที่สุดไปขับเคลื่อน เพราะแผนดังกล่าวต้องขับเคลื่อนเป็นเวลา 20 ปี
ฉะนั้น ต้องหาคนที่เก่งและพร้อมที่จะสร้างระบบให้เดินต่อไปได้ ซึ่งนายสมชัยมีความรู้ด้านเศรษฐกิจมหภาค รวมถึงเคยอยู่ในหน่วยปฏิบัติ
ดังนั้น รัฐบาลต้องการให้ไปทำแผนเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้จริง เพราะที่ผ่านมามีปัญหาว่าแผนใหญ่ๆ พอมาถึงการปฏิบัติจะติดปัญหา เพราะคนทำกับคนปฏิบัติเป็นคนละคนกัน
นายอภิศักดิ์ยืนยันไม่มีปัญหาการทำงานกับนายสมชัย และการย้ายครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับที่มีข่าวว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีไม่ปลื้ม และไม่ใช่เรื่องการเมือง

อย่างไรก็ตาม คนในกระทรวงการคลังรับรู้ถึงปมโยกย้ายปลัดกระทรวงการคลังมานาน เพราะเรื่องนี้เป็นข่าวลือมาตลอดระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมาว่า นายสมชัยยังไม่เข้าตานายสมคิด ซึ่งนายสมชัยถูกแต่งตั้งเข้ามาทำงานในสมัยที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี และมีนายสมหมาย ภาษี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พอเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจมาเป็นนายสมคิดและนายอภิศักดิ์ แม้ว่านายสมชัยจะสนองนโยบายการทำงานเป็นอย่างดี ข่าวลือปลดและย้ายนายสมชัยก็ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ และเจ้าตัวเหมือนจะรู้ตัวดี เพราะเคยกล่าวถึงการถูกโยกย้ายหลายครั้ง
ทั้งนี้ นายสมชัยมีข้อเสียคือเป็นคนใจร้อน ปากไว ทำให้คำสัมภาษณ์กลายเป็นประเด็นถูกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลนำไปขยายผลทางการเมือง เช่น กรณีเห็บสยามโมเดล เปรียบเปรยประเทศไทยเป็นเห็บต้องกระโดดเกาะประเทศใหญ่ๆ เพื่อให้เติบโต นอกจากนี้ ยังมีคำให้สัมภาษณ์ว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงอะไรบ้าง ขัดกับคำให้สัมภาษณ์ของทีมเศรษฐกิจ รัฐบาลพยายามบอกว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างเต็มที่แล้ว
รวมถึงคำให้สัมภาษณ์เรื่องการโยกเงินสวัสดิการคนจนจากรถเมล์ รถไฟฟรี มาเป็นวงเงินซื้อของร้านธงฟ้า ทำให้รัฐบาลถูกโจมตีว่าประชานิยม
นอกจากนี้ นายสมคิดเคยกล่าวตำหนินายสมชัยในวงประชุมเกี่ยวกับสินเชื่อเอสเอ็มอี ซึ่งนายสมชัยไม่เข้าประชุมด้วย ถึงการให้สัมภาษณ์นายสมชัยว่าควรพูดให้น้อยหน่อย
อย่างไรก็ตาม การจะย้ายนายสมชัยคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนายสมชัยถือเป็นคนทำงาน และมีความสามารถคนหนึ่ง ดังนั้น เมื่อตำแหน่งของปลัด พม.ว่างลง เป็นโอกาสที่รัฐบาลต้องการย้ายนายปรเมธี วิมลศิริ ออกไปจาก สศช. เนื่องจากนายปรเมธีมีปัญหาในการทำงานว่าล่าช้าไม่ทันใจรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เหลือเวลาการทำงานอีกไม่ถึง 1 ปีก่อนเลือกตั้ง
ดังนั้น จึงต้องการทำแผนยุทธศาสตร์ชาติให้แล้วเสร็จโดยเร็ว คนในรัฐบาลจึงเห็นว่านายสมชัยน่าจะเหมาะสุดที่จะไปอยู่ สศช. เพราะเป็นคนทำงานเร็ว ตัดสินใจเร็ว
คนในรัฐบาลเองคงไม่คาดคิดว่านายสมชัยจะลาออกทันทีหลังมีมติโยกย้าย ซึ่งนายสมชัยยังเหลืออายุราชการ 3 ปี 6 เดือน โดยรับตำแหน่งปลัดกระทรวงมา 2 ปี 6 เดือน ซึ่งนายสมชัยก้าวขึ้นมารับตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ในช่วงอายุยังน้อยเพียงกว่า 53 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสมชัยถือเป็นลูกหม้อที่มีความสามารถของกระทรวงการคลัง รับราชการมานานกว่า 28 ปี เริ่มทำงานที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในตำแหน่งเศรษฐกร มีความก้าวหน้าในชีวิตราชการเป็นลำดับ
ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งผู้อำนวยการ สศค. เทียบเท่าอธิบดีกรมตั้งแต่อายุ 40 ปีเศษ หลังจากนั้นถูกย้ายให้ไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมศุลกากร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จนก้าวขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2558
เป็นอีกหนึ่งข้าราชการจากไปในรัฐบาล คสช. แม้จะเป็นคนที่ถูกแต่งตั้งโดย คสช.ก็ตาม

“นิพิฏฐ์” ใจหาย-อวยพร “สกลธี” ลั่น คนปชป.ต้องหนักแน่นสู้แรงดูดพรรคทหาร

“นิพิฏฐ์” ใจหาย-อวยพร “สกลธี” ลั่น คนปชป.ต้องหนักแน่นสู้แรงดูดพรรคทหาร


“นิพิฏฐ์” บอก ปกติก่อนเลือกตั้งมีคนไหลเข้าคนออก ลั่น คนปชป.ต้องหนักแน่นสู้แรงดูดพรรคทหาร

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ กล่าวถึงกรณีนายสกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกลุ่ม กปปส. ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไปรับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.ว่า ก็ขออวยพร ตนไม่ได้ว่าอะไรเขาก็พูดตามเนื้อข่าวเพียงว่า ผู้ใหญ่ทาบทามผ่านผู้ว่ากทม.ให้ไปรับตำแหน่ง ตนจึงไม่รู้ว่าทาบทามตอนไหน จะใช่ตอนที่ไปพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯหรือเปล่า ตนไม่รู้จริงๆ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเป็นส่วนน้อยที่คนของพรรคถูกพรรคอื่นดึงไป ซึ่งก่อนเลือกตั้งทุกครั้งก็มีทั้งคนไหลเข้า ไหลออก โดยตอนนี้มีไหลเข้ามากกว่าไหลออกด้วยซ้ำ เพียงแต่เวลามีคนเข้ามาเสียงไม่ดัง เรามีคนหนุ่มเข้ามาเยอะมาก และเมื่อถึงเวลาเราต้องรวบรวมเชิญคนหนุ่มที่เข้ามาร่วมกับพรรค มาเปิดตัวสักให้คนได้รู้ว่า เรามีคนเดินเข้า มากกว่าคนเดินออก

ฉลองสงกรานต์

ฉลองสงกรานต์



ควันหลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งเด้งด่วน บิ๊กข้าราชการซี 11 รวดเดียว 3 คน
เป็นการเด้ง 3 ชิ่งฉลอง เทศกาลสงกรานต์ไทยนิยมยั่งยืน
1,เด้ง นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯให้ออก จากราชการไว้ก่อน ระหว่างถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีทุจริตเงินสงเคราะห์คนไร้ที่พึ่ง ที่กำลังบานทะโร่หุบไม่ลง
2, เด้ง นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ข้ามห้วยไปเสียบตำแหน่งปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯที่ว่างลง
3, เด้ง นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ข้ามห้วยไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ แทน “นายปรเมธี” ที่โดนเด้งทะลุซอยไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าผู้โดนคำสั่งโยกย้ายสายฟ้าแลบทั้ง 3 คนไม่มีใครอยากสละเก้าอี้ตัวเดิม
เช่น...ดร.ปรเมธี เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ สถานะเทียบเท่าปลัดกระทรวงเกรดเอ ทำหน้าที่เป็นกล่องดวงใจด้านเศรษฐกิจรัฐบาล
โดยเฉพาะในยุค คสช.เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ รับผิดชอบแผนปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน
เป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของ คสช.
การเด้ง ดร.ปรเมธี จากเลขาธิการสภาพัฒน์ฯไปนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมฯซึ่งเป็นกระทรวงเกรดบี
จากที่กำกับดูแลนโยบายเศรษฐกิจ ไปรับผิดชอบด้านสังคมสงเคราะห์ ดูแลคนพิการ คนชรา คนเร่ร่อน อนาถาไร้ที่พึ่งพา
เท่ากับถูกย้ายไปนั่งเก้าอี้ตัวเล็กกว่าเดิม
เสมือนย้ายปลาฉลามให้ไปว่ายในคลอง
หรือถ้ามองอีกแง่...การทำงานของ ดร.ปรเมธี ในตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒน์ฯอาจไม่เข้าตารัฐบาล คสช.??
เมื่อต้องเด้งปลัดกระทรวง พม.ออกจากตำแหน่งจึงสบจังหวะเด้ง เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ พ่วงไปอีกคน
แล้วโยก ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ปลัด กระทรวงการคลัง เพื่อนร่วมรุ่น วปอ. ของ นายกฯบิ๊กตู่ ข้ามห้วยเสียบเก้าอี้เลขาธิการสภาพัฒน์ฯคนใหม่เพื่อให้การทำงานเข้าขารู้ใจยิ่งกว่าเดิม??
หรือถ้ามองอีกมุม การเด้ง ดร.สมชัย หลุดจากปลัดคลังไปเป็น เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ อาจเป็นเพราะการทำงานไม่เข้าขารู้ใจกับ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง??
หรือ อาจไม่เข้าตา ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ แม่ทัพเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช.??
ก็เลยถือโอกาสเดียวกันนี้สอย ดร.สมชัย แถมไปอีกราย
เรื่องมันก็เป็นไปได้ทั้งสองทาง
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าถ้าเลือกได้ “ดร.สมชัย” ยังอยากเลือกนั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงการคลังต่อไป
ไม่อยากย้ายข้ามห้วยไปเป็นเลขาฯสภาพัฒน์ฯแน่นอน!
เพราะ ดร.สมชัย เป็นลูกหม้อกระทรวงการคลัง 100 เปอร์เซ็นต์ และมี ภารกิจที่จะต้องทำต่อเนื่องอีกหลายกระบุง
ข้อสำคัญ การย้ายสังกัดไปอยู่สภาพัฒน์ฯแม้จะเป็นการย้ายระดับเดียว กัน และเป็นสายงานเศรษฐกิจเหมือนกัน
แต่เนื้องานมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ การย้ายข้ามห้วยไปเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ฯคนใหม่ก็เป็นเรื่อง “จำยอม”
นอกจากไม่อยากจำยอม...ก็ต้องตัดสินใจ...ยื่นใบลาออกให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แลเฮย.
“แม่ลูกจันทร์”

เน้น 'จุดขาย' ตีตั๋วต่อ

เน้น 'จุดขาย' ตีตั๋วต่อ



เข้าสู่ห้วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ประชาชนเตรียมชุ่มฉ่ำดื่มด่ำความสุขในวันหยุดยาว
การเมืองไม่ร้อนตามอุณหภูมิเดือนเมษายนอย่างในอดีตที่เคยเป็นมา
เรื่องของเรื่อง มันเป็นสถานการณ์ที่บ่งชี้ถึงข้อดีของรัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่คุมเกมความมั่นคงได้นิ่ง
จำกัดวงม็อบไม่ให้อาละวาดปั่นป่วนวุ่นวาย
แม้จะมีความพยายามจ้องจุดไฟ ขบวนการฉวยจังหวะก่อม็อบกระตุกเกมมวลชนกดดันรัฐบาล
อย่างที่เห็นม็อบคนอยากเลือกตั้ง นำโดย “จ่านิว-รังสิมันต์ โรม-เนติวิทย์” ผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวสถานีรถไฟฟ้าสยาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินสายไปยั่วทหารที่หน้ากองทัพบก
ยั่วยุให้เกิดเงื่อนไขอยู่ตลอดเวลา
ล่าสุดก็ถือเป็นจุดอ่อนไหว ตามสถานการณ์ที่โยงจากประเด็นบ้านพักข้าราชการตุลาการที่ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ที่กลายเป็นปมขัดแย้งฝังรากลึก
นอกจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายอนุรักษ์ป่าแล้ว แนวโน้มตามรูปการณ์มันยังเข้าเหลี่ยมเกมดิสเครดิต ตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
เป็นโอกาสที่นักการเมือง ฝ่ายเสียผลประโยชน์จากการตัดสินของสถาบันตุลาการจะเบิ้ลเอาคืน
ขยายปมความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ในอารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องขอร้องแกมดักคอ ดักทาง ขอให้กลุ่มต่อต้านบ้านพักตุลาการใจเย็น อย่าออกมาเดินขบวน พร้อมยืนยันด้วยว่ารัฐบาลไม่ใช่คู่กรณีของใคร
ที่สำคัญไม่ได้เป็นโครงการที่อนุมัติจากรัฐบาลนี้แต่อย่างใด
ฟังจากนายกฯการข่าวฝ่ายความมั่นคงน่าจะมีข้อมูล ฝ่ายจ้องจุดไฟเตรียมฉวย สถานการณ์อยู่
รู้ๆกันดี เชียงใหม่ฐานที่มั่นใคร
ที่แน่ๆรัฐบาล คสช.ต้องเฝ้าระวังเกมมวลชน บล็อกม็อบป่วนเมืองไม่ให้อาละวาด
เพราะมันเป็นจุดขายของ “นายกฯลุงตู่” ที่จะตีตั๋วต่อเก้าอี้ผู้นำคุมสถานการณ์ห้วงเปลี่ยนผ่าน ตามรูปการณ์ที่ผู้คนส่วนใหญ่พึงพอใจที่ คสช.รักษาความสงบมาได้ตลอด 4 ปี
นี่คือจุดได้เปรียบที่ประชาชนจะมอบความไว้ใจให้ พล.อ.ประยุทธ์มากกว่าคนอื่น
นอกจาก “แต้มต่อ” ด้านความมั่นคง อีกจุดที่จะต้องโชว์ฟอร์มต่อเนื่องก็คือสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ที่กัปตันทีมอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ วิ่งสู้ฟัดจากตัวเลขติดลบเพราะวิกฤติการเมือง “เทกออฟ” ไต่เพดานบินจนติดลมบน
ผิดฟอร์มรัฐบาลทหารโดยทั่วไป
กลายเป็น “จุดขาย” ที่นำมาประกอบการนำเสนอยุทธศาสตร์ตั้งพรรคการเมืองหนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ เพื่อความต่อเนื่องของโครงการ “เรือธง” ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า ฯลฯ
สถานการณ์กำลังเอื้อต่อยุทธศาสตร์ตีตั๋วต่อของ “ลุงตู่”
ดูจากรูปการณ์ก็เข้าใจได้ กับปรากฏการณ์เด้งฟ้าผ่า มติ ครม.โยกย้ายนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปนั่งเลขาธิการสภาพัฒน์ ก่อนที่เจ้าตัวจะร่อนใบลาออกจากตำแหน่ง
แต่ก็เห็นอาการแบบที่ “ลุงตู่” ไม่สนใจ บอกใครอยากออกให้ลาออกไปเลย
นั่นก็เพราะปัญหาสะสมมานาน จนสุดที่จะทนทาน
โดยเหตุหลักของการโยกย้ายก็หนีไม่พ้นเหตุผลไม่สนองตอบนโยบายรัฐบาล
เพราะอย่างที่รู้กัน กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยหลักในการคุมนโยบายบัตรคนจน โครงการสวัสดิการประชารัฐ สารพัดมาตรการช่วยคนจนที่รัฐบาล “นายกฯลุงตู่” โดยทีมงานของนายสมคิดใส่เกียร์ห้าเดินหน้าลุยฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ประคองปัญหาปากท้องชาวบ้าน ช่วยเหลือภาคเกษตรกร
ถ้างานเดินช้า กระบวนการกวาดแต้มหนุน “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อก็พลอยสะดุดไปด้วย
นั่นจึงเป็นที่มาของยุทธการเคลียร์ข้าราชการ “เกียร์ว่าง” รอเลือกตั้ง ไม่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล
ตามสัญญาณเริ่มจากกระทรวงการคลัง ต่อไปคงเป็นจุดที่เป็นปัญหาหนักสุดก็คือกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด พวกใกล้เกษียณไม่กลัวร้อนกลัวหนาว ไม่สนโดนโยกย้าย กั๊กงบประมาณ ส่งผลให้การเบิกจ่ายล่าช้า ทำให้โครงการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสะดุด ไม่เป็นไปตามเป้า
ต้องโดนเรียกเข้ากรุก่อนเกษียณหลายจังหวัดแน่.
ทีมข่าวการเมือง