PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2561

เน้น 'จุดขาย' ตีตั๋วต่อ

เน้น 'จุดขาย' ตีตั๋วต่อ



เข้าสู่ห้วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ประชาชนเตรียมชุ่มฉ่ำดื่มด่ำความสุขในวันหยุดยาว
การเมืองไม่ร้อนตามอุณหภูมิเดือนเมษายนอย่างในอดีตที่เคยเป็นมา
เรื่องของเรื่อง มันเป็นสถานการณ์ที่บ่งชี้ถึงข้อดีของรัฐบาลภายใต้การนำของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ที่คุมเกมความมั่นคงได้นิ่ง
จำกัดวงม็อบไม่ให้อาละวาดปั่นป่วนวุ่นวาย
แม้จะมีความพยายามจ้องจุดไฟ ขบวนการฉวยจังหวะก่อม็อบกระตุกเกมมวลชนกดดันรัฐบาล
อย่างที่เห็นม็อบคนอยากเลือกตั้ง นำโดย “จ่านิว-รังสิมันต์ โรม-เนติวิทย์” ผลุบๆโผล่ๆอยู่แถวสถานีรถไฟฟ้าสยาม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินสายไปยั่วทหารที่หน้ากองทัพบก
ยั่วยุให้เกิดเงื่อนไขอยู่ตลอดเวลา
ล่าสุดก็ถือเป็นจุดอ่อนไหว ตามสถานการณ์ที่โยงจากประเด็นบ้านพักข้าราชการตุลาการที่ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ที่กลายเป็นปมขัดแย้งฝังรากลึก
นอกจากการเคลื่อนไหวของฝ่ายอนุรักษ์ป่าแล้ว แนวโน้มตามรูปการณ์มันยังเข้าเหลี่ยมเกมดิสเครดิต ตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน
เป็นโอกาสที่นักการเมือง ฝ่ายเสียผลประโยชน์จากการตัดสินของสถาบันตุลาการจะเบิ้ลเอาคืน
ขยายปมความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ในอารมณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” ต้องขอร้องแกมดักคอ ดักทาง ขอให้กลุ่มต่อต้านบ้านพักตุลาการใจเย็น อย่าออกมาเดินขบวน พร้อมยืนยันด้วยว่ารัฐบาลไม่ใช่คู่กรณีของใคร
ที่สำคัญไม่ได้เป็นโครงการที่อนุมัติจากรัฐบาลนี้แต่อย่างใด
ฟังจากนายกฯการข่าวฝ่ายความมั่นคงน่าจะมีข้อมูล ฝ่ายจ้องจุดไฟเตรียมฉวย สถานการณ์อยู่
รู้ๆกันดี เชียงใหม่ฐานที่มั่นใคร
ที่แน่ๆรัฐบาล คสช.ต้องเฝ้าระวังเกมมวลชน บล็อกม็อบป่วนเมืองไม่ให้อาละวาด
เพราะมันเป็นจุดขายของ “นายกฯลุงตู่” ที่จะตีตั๋วต่อเก้าอี้ผู้นำคุมสถานการณ์ห้วงเปลี่ยนผ่าน ตามรูปการณ์ที่ผู้คนส่วนใหญ่พึงพอใจที่ คสช.รักษาความสงบมาได้ตลอด 4 ปี
นี่คือจุดได้เปรียบที่ประชาชนจะมอบความไว้ใจให้ พล.อ.ประยุทธ์มากกว่าคนอื่น
นอกจาก “แต้มต่อ” ด้านความมั่นคง อีกจุดที่จะต้องโชว์ฟอร์มต่อเนื่องก็คือสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ที่กัปตันทีมอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ วิ่งสู้ฟัดจากตัวเลขติดลบเพราะวิกฤติการเมือง “เทกออฟ” ไต่เพดานบินจนติดลมบน
ผิดฟอร์มรัฐบาลทหารโดยทั่วไป
กลายเป็น “จุดขาย” ที่นำมาประกอบการนำเสนอยุทธศาสตร์ตั้งพรรคการเมืองหนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ เพื่อความต่อเนื่องของโครงการ “เรือธง” ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า ฯลฯ
สถานการณ์กำลังเอื้อต่อยุทธศาสตร์ตีตั๋วต่อของ “ลุงตู่”
ดูจากรูปการณ์ก็เข้าใจได้ กับปรากฏการณ์เด้งฟ้าผ่า มติ ครม.โยกย้ายนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ไปนั่งเลขาธิการสภาพัฒน์ ก่อนที่เจ้าตัวจะร่อนใบลาออกจากตำแหน่ง
แต่ก็เห็นอาการแบบที่ “ลุงตู่” ไม่สนใจ บอกใครอยากออกให้ลาออกไปเลย
นั่นก็เพราะปัญหาสะสมมานาน จนสุดที่จะทนทาน
โดยเหตุหลักของการโยกย้ายก็หนีไม่พ้นเหตุผลไม่สนองตอบนโยบายรัฐบาล
เพราะอย่างที่รู้กัน กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยหลักในการคุมนโยบายบัตรคนจน โครงการสวัสดิการประชารัฐ สารพัดมาตรการช่วยคนจนที่รัฐบาล “นายกฯลุงตู่” โดยทีมงานของนายสมคิดใส่เกียร์ห้าเดินหน้าลุยฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ประคองปัญหาปากท้องชาวบ้าน ช่วยเหลือภาคเกษตรกร
ถ้างานเดินช้า กระบวนการกวาดแต้มหนุน “ลุงตู่” ตีตั๋วต่อก็พลอยสะดุดไปด้วย
นั่นจึงเป็นที่มาของยุทธการเคลียร์ข้าราชการ “เกียร์ว่าง” รอเลือกตั้ง ไม่ตอบสนองนโยบายรัฐบาล
ตามสัญญาณเริ่มจากกระทรวงการคลัง ต่อไปคงเป็นจุดที่เป็นปัญหาหนักสุดก็คือกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด พวกใกล้เกษียณไม่กลัวร้อนกลัวหนาว ไม่สนโดนโยกย้าย กั๊กงบประมาณ ส่งผลให้การเบิกจ่ายล่าช้า ทำให้โครงการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสะดุด ไม่เป็นไปตามเป้า
ต้องโดนเรียกเข้ากรุก่อนเกษียณหลายจังหวัดแน่.
ทีมข่าวการเมือง

ไม่มีความคิดเห็น: