PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สถานการณ์ข่าว9ธ.ค.57

Jab09Dec14

กมธ.ยกร่าง

คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เตรียมพิจารณาอนุฯ 10 หมวด 2 ว่าด้วยการสร้างความปรองดอง

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภาเช้านี้ งดการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ แต่การรักษาความปลอดภัย ยังเป็นไปอย่างเข้มงวด ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ

ประธานคณะกรรมาธิการ นัดประชุมในเวลา 10.00 น. โดยมีวาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญคณะที่ 10 ในส่วนของภาค 4 หมวด

2 การสร้างความปรองดอง ที่มี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธานอนุกรรมาธิการ จากนั้น เวลา 11.00 น. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูป

แห่งชาติ เตรียมแถลงข่าวผลการประชุมวานนี้ และในช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. คณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ วิป สนช. นัดประชุม เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญที่วิป

รัฐบาลส่งมา
------------
"สุรชัย" เผย เตรียมนำรายงานสรุปความเห็น ข้อเสนอของ สนช. เข้าที่ประชุมใหญ่ รับรอง 12 ธ.ค.นี้ ก่อนส่งให้ กมธ.ยกร่าง รธน.

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 ในฐานะประธานกรรมาธิการรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ในการเสนอกรรมาธิการยกร่าง

รัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า ขณะนี้ ขั้นตอนการรวบรวมความเห็นจาก 16 คณะกรรมาธิการสามัญ และ 1 คณะกรรมาธิการวิสามัญ รวมถึงความเห็นขอสมาชิกทั้งหมด เสร็จสิ้นแล้ว
โดยมีเนื้อหากว่า 400 หน้า ซึ่งจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมของ สนช. เพื่อให้สมาชิกรับรอง ในวันศุกร์ที่ 12 ธ.ค.นี้ ก่อนที่จะส่งต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และจะมีการเปิดเผยรายละเอียดความเห็นต่อ

สาธารณะว่าสมาชิกแต่ละคน หรือคณะกรรมาธิการแต่ละคณะมีความเห็นในประเด็นใดบ้าง อย่างไร ต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย ยังกล่าวด้วยว่า ประเด็นหลักที่ กมธ. และสมาชิก สนช. มีความเห็น และเป็นที่น่าสนใจของประชาชนคือเรื่องของการเข้าสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรี รวมถึง เรื่องการได้มาซึ่ง

ส.ส. และ ส.ว.เหมือนกับ ที่กำลังเป็นประเด็นของสังคม ตามความเห็นของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นั่นเอง

ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุม สนช. ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ธ.ค. นั้น จะมีการพิจารณาเกี่ยวกับกฎหมายสำคัญ 9 ฉบับ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.การยางแห่งชาติ, ร่าง พ.ร.บ.หอพัก ที่จะเข้าสู่สภาเป็นวาระแรก

รวมถึง ร่าง พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร ที่จะพิจารณาในวาระ 2 และ 3 เป็นต้น
----------------
กมธ.ยกร่าง พิจารณาความเห็นอนุฯ ชุดที่ 10 ยังไม่ชัด "เอนก" ชงนิรโทษกรรม ด้วยหรือไม่ ย้ำความเห็นแต่ละคณะ ยังไม่ใช่ มติ กมธ.ชุดใหญ่

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ในวันนี้ว่า จะมีการพิจารณาข้อเสนอขอคณะอนุกรรมาธิการคณะที่ 10 ภาค 4 หมวด

2 ว่าด้วยเรื่องการปรองดอง ที่มี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการ แต่จะยังไม่มีความชัดเจนว่า นายเอนก จะเสนอเรื่องนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ แต่เบื้องต้นเป็นเรื่องกลไก

สร้างความปรองดอง ทั้งนี้ ข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ยังไม่ใช่มติของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เนื่องจากข้อเสนอหลักที่กรรมาธิการจะใช้ประกอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ

ต้องรอความเห็นของทางคณะกรรมาธิการปฏิรูปของ สปช. ทั้ง 18 คณะก่อน
----------------
สชป. เสนอความเห็น ร่าง รธน. ชี้ ต้องตอบสนองประชาชนลดความเหลื่อมล้ำ แนะเปลี่ยนระบบเลือกตั้งเป็นสัดส่วน แทนเสียงข้างมาก

สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูป (สชป.) นำโดย นายเดช พุ่มคชา แถลงข้อเสนอกรอบรัฐธรรมนูญประชาชน ว่า รัฐธรรมนูญต้องตอบสนองประชาชนโดยการลดความเหลื่อมล้ำ โดยเสรีภาพ ในการ

ชุมนุมผู้ที่ชุมนุมโดยสงบ จะต้องได้รับการคุ้มครองจากรัฐ เนื่องจากเป็นสิทธิที่รัฐบาลไม่สามารถออกกฎหมายมาจำกัดได้ นอกจากนี้ ประชาชนต้องมีสิทธิเป็นผู้กำหนดอนาคตในการพัฒนาแต่ละ

ท้องถิ่นของตนเอง ส่วนการกระจายอำนาจ ต้องเพิ่มอำนาจให้ประชาชนในการจัดตั้งองค์กรท้องถิ่น

ทั้งนี้ สำหรับการเลือกตั้ง ขอเสนอให้บุคคลมีสิทธิที่จะเลือกตั้งในพื้นที่ที่ตนเองอาศัยอยู่เป็นสำคัญ และปรับเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งจากระบบเสียงข้างมาก เป็นระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนที่มีสัด

ส่วนสมาชิกผสม และสมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง ตามพื้นที่จังหวัดและกลุ่มอาชีพ ในส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หากมีผู้ไม่ลงคะแนนสัดส่วนมากกว่าผู้ที่ได้รับการ

เลือกตั้งในแต่พื้นที่ จะต้องทำการจัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มยังขอสนับสนุนให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งอีกด้วย
---------------
สชป. เสนอเปลี่ยนรูปแบบสรรหาองค์กรอิสระ ยุบสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมตั้งองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม

สภาประชาชนเพื่อการปฏิรูป (สชป.) นำโดย นายเดช พุ่มคชา แถลงข้อเสนอกรอบรัฐธรรมนูญประชาชน ว่าขอเสนอให้เปลี่ยนระบบสรรหาองค์กรอิสระและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ โดยให้แต่ละ

องค์กรมีระบบการสรรหาเฉพาะตามบทบาทหน้าที่ ในด้านที่เกี่ยวข้องกับองค์กร และยึดโยงกับประชาชน พร้อมเสนอให้มีการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ องค์กรอิสระที่ทำ

หน้าที่จัดจ้างที่ปรึกษา องค์กรอิสระปฏิรูปที่ดินองค์กรเพื่อการปฏิรูปประเทศแทนและต่อเนื่องจากสภาประชาชน โดยมีระยะเวลาที่แน่นอน และองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคเพิ่มเติม

ส่วนองค์กรอิสระที่ยังขอให้คงไว้ ได้แก่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย นอกจากนี้ขอเสนอให้ยุบสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

อย่างไรก็ตาม สำหรับหน้าที่ของพลเมืองต้องถูกยอมรับจากบุคคลที่ตั้งถิ่นฐานถาวรในประเทศแม้ไม่มีบัตรประชาชน รวมถึงไม่ว่าจะเป็นเพศใดต้องมีสิทธิที่ตั้งครอบครัวและครองเรือนตามหลัก

ศาสนา จารีตประเพณี
----------------
"สมบัติ" แถลงสรุปความเห็น กมธ.ปฏิรูปการเมือง ชู เลือกตั้งนายกฯ-ครม. โดยตรง ย้ำไม่ใช่แบบประธานาธิบดี ชี้ลดปัญหาซื้อสิทธิ์ขายเสียง

นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ แถลงข้อสรุปความเห็น เพื่อเตรียมเสนอในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง ใน

ประเด็นสำคัญให้ประชาชนเลือกตั้งคณะรัฐมนตรีโดยตรง โดยให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งคณะ พร้อมยอมรับว่า ประเทศไทยจะเป็นประเทศแรกที่ใช้รูปแบบนี้ แต่ขอ

ให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะสามารถประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้ และจะช่วยลดปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แก้ปัญหาการผูกขาดอำนาจในสภา รวมถึงแก้ปัญหานายทุนพรรคการเมือง
แต่หากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเป็นเสียงข้างน้อยในสภา สามารถเชิญพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมรัฐบาลได้ โดยให้มีรัฐบาลรักษาการทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในระหว่างที่มีพระราช

กฤษฎีกาการเลือกตั้ง พร้อมยืนยันว่า ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดีอย่างที่หลายเป็นฝ่ายกังวล
---------------
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังไม่คุยเชิงลึกนิรโทษกรรม ย้ำยกร่างไร้อคติ ทำควบคู่การปฏิรูปนำสู่ความปรองดอง

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมว่า ได้พิจารณาข้อเสนอขอคณะอนุกรรมาธิการคณะที่ 10 ภาค 4 หมวด 2 ว่าด้วยเรื่องการปรองดอง แต่ยังไม่ได้

พูดคุยแบบลงละเอียดเชิงถึงเรื่องการนิรโทษกรรม ซึ่งหากจะมีการนิรโทษกรรมต้องกำหนดเป้าหมาย เงื่อนไข และห้วงเวลาที่ชัดเจน พร้อมย้ำว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญต้องมีความเป็นธรรม

ปราศจากอคติ เพื่อเป็นพื้นฐานสู่ความปรองดองที่ดี จึงมีความจำเป็นที่การยกร่างจะต้องทำควบคู่ไปกับการปฏิรูป

สำหรับคณะอนุกรรมาธิการฯ เสนอหลักสำคัญโดยกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความปรองดองแห่งชาติขึ้น มีวาระ 5-10 ปี เพื่อให้แสวงหาแนวทางลดความขัดแย้งทุกระดับ การจัด

ทำแผนสร้างความปรองดองทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมถึงการจัดอบรมสร้างแนวสันติวิธี
-----------------
"พีระศักดิ์" รองประธาน สนช. เตรียมลงพื้นที่รับฟังความเห็นประชาชนมุกดาหารและบึงกาฬ 27-29 ธันวาคมนี้

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. คนที่ 2 เปิดเผยว่า ในวันที่ 27-28 ธันวาคม 2557
สมาชิก สนช. บางส่วนจะลงพื้นที่รับฟังความเห็นของประชาชนในจังหวัดมุกดาหาร เพื่อรับฟังความเห็นประชาชนและ
ข้าราชการ และในวันที่ 29 ธันวาคม ลงพื้นที่ในจังหวัดบึงกาฬ เพื่อรวบรวมความเห็นในการปฏิรูปด้านต่าง ๆ รวมถึงรับ
ฟังปัญหาของชาวบ้าน เพื่อนำข้อมูลประสานไปยังกระทรวง ทบวง กรม ให้ลงมาแก้ไขปัญหา รวมถึงลงไปอธิบายในสิ่ง
ที่สภานิติบัญญัติแห่งาติได้ดำเนินการแล้วมีอะไรบ้าง ซึ่งหลังจากนี้ จะกลับมาหารือเพื่อที่จะลงไปทุกภาคส่วน



////////////
ประยุทธ

พล.อ.ประยุทธ์ เข้าทำเนียบแล้ว เตรียมนั่ง หัวโต๊ะประชุม ครม. ขณะการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ล่าสุดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินทางเข้ามาทำเนียบรัฐบาลแล้ว เมื่อเวลา

ประมาณ 08.10 น. โดยเตรียมที่จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ตึกบัญชาการ ในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น.นี้ ขณะที่บรรยากาศโดยทั่วไป เริ่มมีคณะรัฐมนตรีบางส่วน รวมถึงเจ้าหน้าที่

เกี่ยวข้องทยอยเดินทางเข้ามาที่ตึกบัญชาการ เพื่อร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันนี้ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร

รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ส่วนทางด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่เป็นไปอย่างเข้ม
งวดเช่นเคย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทหาร วางกำลังอยู่โดยรอบพื้นที่ พร้อมตรวจบุคคลเข้าออกอย่างละเอียด

-----------------
แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จี้ให้รัฐบาลรับซื้อยางพารา 80 บาท/กก. พร้อมให้ทบทวนการทำงาน รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ

แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง นำโดย นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงาน เดินทางมายื่นหนังสือเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยยืน

ยันเรียกร้องให้รัฐบาลรับซื้อยางพาราในราคากิโลกรัมละ 80 บาท โดยชดเชยส่วนต่างเป็นพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะใช้งบประมาณที่ออกเป็นพันธบัตร 3 - 4 หมื่นล้านบาท เพราะเชื่อว่ามาตรการนี้จะ

สามารถแก้ไขปัญหาราคาได้อย่างครบถ้วน ขณะเดียวกัน จะให้ระยะเวลารัฐบาลในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวจนถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ จะให้ชาวสวนยางเดินทางมา

เพื่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง ขณะเดียวกันยังขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาการทำงานของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ นายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากไม่สามารถบริหารจัดการแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำได้

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือ ซึ่ง นายอำนวย เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี รับทราบ

และเข้าใจปัญหา พร้อมฝากถึงเกษตรกรชาวสวนยางว่า ทุกอย่างจะต้องร่วมกันคิดและแก้ไขปัญหา เพื่อให้การดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นายกฯ ยัน เร่งช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางเต็มที่ เบื้องต้น หวังฉุดราคาไปที่ 50-60 บ./กก. ตั้งคณะกรรมการแก้ไขในระยะยาว

พล.อ.ประยุทธ์ จันทน์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงกรณีที่เกษตรกรชาวสวนยางเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางพาราให้ได้ขั้นต่ำ

กิโลกรัมละ 80 บาท ว่า เบื้องต้นได้มีการพูดคุยกันแล้ว ซึ่งปัญหาคือเงินที่เคยอนุมัติยังลงไปไม่ทั่วถึง โดยได้สั่งการเร่งรัดลงไปแล้ว ส่วนเรื่องการแก้ไขอย่างยั่งยืน จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกัน

รวมถึงการเร่งรัดมาตรการเงินรับซื้อ ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยประเมินว่า ราคาจะไม่ต่ำกว่า 50-60 บาท

ทั้งนี้ ได้มีการพูดคุยกับภาคเอกชนให้ช่วยรับซื้อยางพาราในราคาที่สูงขึ้น โดยจะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด รวมถึงหามาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย โดยรัฐบาลจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ยืนยัน

ว่ารัฐบาลไม่สามารถรับซื้อยางพาราเพิ่มเติมได้อีก และขอให้เห็นใจรัฐบาล ส่วนข้อเสนอเรื่องการออกพันธบัตรมาอุดหนุนราคายางพารานั้นกำลังมีการหารือกันอยู่
-----------------
พล.อ.ประยุทธ์ ปัดแสดงความเห็น ข้อเสนอ ลต.นายกฯ โดยตรง ยันไม่อยากเป็นนักการเมือง มั่นใจไร้ปฏิวัติ หลังปีใหม่ ยังไม่ปรับ ครม.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถึงกรณีที่มีบุคคลเสนอเรื่องการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง โดย

ระบุว่า ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ จึงไม่ขอตอบ แต่ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่คิดลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากไม่อยากเป็นนักการเมือง

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนให้ระวังการปฏิวัติซ้ำ ว่า ถือเป็นคำแนะนำทั่วไป แต่ย้ำว่า ไม่มีการปฏิวัติซ้ำอย่างแน่นอน โดย

ทหารไม่มีการทะเลาะกัน ทั้งนี้ ความเห็นดังกล่าว ไม่เป็นการบั่นทอนกำลังใจ พร้อมกันนี้ ขอยืนยันว่าเสถียรภาพของรัฐบาลยังคงดีอยู่ โดยขออย่าวิจารณ์รัฐมนตรี เนื่องจากคณะรัฐมนตรี
ยังคงช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี ในช่วงหลังปีใหม่นี้
-----------------
ครม. เห็นชอบ 4 มาตรการของขวัญปีใหม่ ก.คลัง ผุดนาโนไฟแนนซ์ภาษีช่วย SME คลังออกพันธบัตรแสนล้าน


นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง 4 มาตรการของกระทรวงการคลังที่จะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับ
ประชาชน ซึ่งผ่านการพิจารณาของ ครม. ในวันนี้ โดยมาตรการแรกเป็นการจัดตั้งสถาบันการเงินเพื่อรายย่อย หรือ นาโนไฟแนนซ์
โดยจะต้องมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท สามารถปล่อยกู้ได้ไม่เกินรายละ 200,000 บาท
อัตราดอกเบี้ย 36% ต่อปี และจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของธนาคารแห่งประเทศไทย

ด้านมาตรการที่ 2 เป็นมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่มีกำไรสุทธิไม่เกิน 300,000 บาท/ปี ไม่ต้องเสียภาษีเงิน
ได้นิติบุคคล ส่วนผู้ประกอบการรายย่อยที่มีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 300,000 - 3,000,000 บาท เสียอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่
ร้อยละ 15 จากเดิม ร้อยละ 20 คาดว่าจะมีเอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้นอีก 28,000 ราย

ส่วนมาตรการที่ 3 เป็นการปรับโครงสร้างภาษีศุลกากรสำหรับวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปและเครื่องจักร เพื่อเพิ่มความสามารถในการ
แข่งขัน โดยปรับลดอากรขาเข้าสำหรับวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป จากเดิม ร้อยละ 1-10 เป็น ร้อยละ 0 ส่วนอากรขาเข้าสำหรับเครื่อง
จักร จะลดเหลือ ร้อยละ 10 จากเดิม ร้อยละ 20-30

ขณะที่มาตรการที่ 4 กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ 100,000 ล้านบาท สำหรับประชาชนทั่วไป โดยแบ่งเป็นพันธบัตร
รัฐบาลสำหรับชดเชยการขาดดุลงบประมาณประจำปี 2558 50,000 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ขณะที่อีก
50,000 ล้านบาทเป็นพันธบัตร ธ.ก.ส. สำหรับการชดเชยการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว ระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดย
จะสามารถเปิดให้ประชาชนจองซื้อในวันที่ 12-16 มกราคม 2558 รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท
--------------
รัฐบาลไทยเตรียมลงนามร่างบันทึกความร่วมมือก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลางกับรัฐบาลจีน ในช่วงระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค.

ร้อยเอกนายแพทย์ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดการลงนามร่างบันทึกความร่วมมือ หรือ
เอ็มโอยู ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่องการก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งมีความเร็ว 160
-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ว่า จะมีการลงนามกันที่ประเทศไทยในช่วงระหว่างวันที่ 19-20 ธ.ค. ซึ่งจะมีการประชุมสุดยอดผู้นำแผน
งานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุม ส่วนการดำเนินการก่อสร้างอย่าง
เร็วที่สุดน่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2559 เนื่องจากในปี 2558 จะเริ่มมีการศึกษาแผนการก่อสร้างต่าง ๆ ร่วมกัน

ส่วนการเดินทางของนายกรัฐมนตรีที่จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนในการเชื่อมสัมพันธ์ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน ล่าสุด
นายกรัฐมนตรี ตอบรับการเดินทางแล้ว ส่วนวันเวลาในการเดินทางทีมโฆษกจะเปิดเผยให้ทราบอีกครั้ง ขณะเดียวกันในวันพรุ่งนี้
นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อร่วมประชุมอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีสมัยพิเศษ และพบปะนักธุรกิจชาวเกาหลี
เพื่อกระชับสัมพันธ์ทางการค้า
--------------
พล.อ.ประวิตร สั่งปรับปรุงการบูรณาการแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัดของกระทรวงมหาดไทย

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้สั่งการให้นำเรื่องการบูรณาการแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่จังหวัดของกระทรวง
มหาดไทยมาปรับปรุง เนื่องจากที่ผ่านมาการปฏิบัติแผนงานของส่วนราชการส่วนกลางไม่ตรงกับแผนงานระดับจังหวัด และไม่ตรงกับ
ความต้องการของประชาชน ดังนั้น เพื่อให้มีการบูรณาการแผนงานและมีการปฏิบัติที่ชัดเจน จึงสั่งการว่าในปีงบประมาณ 2558 ให้ส่วนราช
การแจ้งแผนงานให้ส่วนจังหวัดทราบโดยด่วน รวมถึงแผนงานจะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11
ด้วย ส่วนแผนงบประมาณปี 2559 อยู่ระหว่างการจัดทำให้ส่วนราชการ แจ้งแผนงานกับทางจังหวัด เพื่อให้รับทราบภายใน 30 วัน และให้ทาง
จังหวัดนำแผนงานไปบูรณาการให้เข้ากับแผนของทางจังหวัดเช่นกัน ส่วนงบประมาณ 2560 เป็นต้นไป ให้คณะกรรมการนโยบายการบริหาร
งานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ปรับปฏิทินการทำงานให้เร็วขึ้น สามารถสั่งแผนบูรณาการการทำงานและการใช้งบประมาณให้
สอดคล้องกัน
-----------------
นายกรัฐมนตรีเตรียมลงนามร่วมสร้างรถไฟความเร็วปานกลาง 19-20 ธ.ค. พร้อมเตรียมเยือนจีน 22-23 ธ.ค. นี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เปิดเผยถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการ
ก่อสร้างรถไฟความเร็วปานกลางกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า นายกรัฐมนตรีจีนจะให้เกียรติมาเซ็นบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจใน
อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 19-20 ธันวาคม ที่กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ คาดว่าต้นปี 2559 จะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ ส่วนการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนวันที่ 22-23 ธันวาคมนั้น เป็นการเยี่ยมเยือน
ให้เกียรติซึ่งกันและกัน

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวถึงการขยายเวลาสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
ซึ่งสื่อมวลชนต้องช่วยนำเสนอให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงด้วย พร้อมระบุด้วยว่า ไม่มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงปีใหม่
แต่ผู้ดื่มต้องรู้จักระมัดระวังควบคุมตนเองให้มีความปลอดภัย
-------------------
ครม. เห็นชอบปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้พนักงานราชการ มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557


พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการ
บริหารพนักงานราชการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอให้มีการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวให้
พนักงานราชการที่ได้รับการจ้างวุฒิการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาตรี ที่มีค่าตอบแทนไม่ถึง 13,285 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการ
ครองชีพชั่วคราวเดือนละ 2,000 บาท แต่เมื่อรวมกับค่าตอบแทนแล้ว ต้องไม่เกินเดือนละ 13,285 บาท และกรณีที่รวมกันแล้ว
มีค่าตอบแทนไม่ถึง 10,000 บาท ให้ได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากค่าตอบแทนอีกจนถึง เดือนละ 10,000 บาท
โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2557

ขณะเดียวกัน ให้พนักงานราชการกลุ่มงานบริการ กลุ่มงานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ได้รับ
ค่าตอบแทนเพิ่ม ร้อยละ 4 โดยให้มีผลใช้บังคับ 1 ธันวาคม 2557 และปรับเพดานบัญชีค่าตอบแทนขั้นสูง กลุ่มงานบริการ กลุ่ม
งานเทคนิคทั่วไป กลุ่มงานบริหารทั่วไป และกลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ ร้อยละ 4 และให้มีผลใช้บังคับวันเดียวกับการปรับเพิ่มเพดาน
เงินเดือนขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญ



/////////////////
ปปช.ยิ่งลักษณ์

"ปานเทพ" มั่นใจ คดีฟ้องอาญา" ยิ่งลักษณ์" ได้ข้อสรุปเดือนนี้ ขณะเร่งตรวจสอบทรัพย์สินอดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายก

รัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดการประชุมคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุดครั้งต่อไป ซึ่งผลสรุปว่าใครจะเป็นผู้ส่งฟ้องนั้น ต้องขึ้นอยู่กับคณะทำงานร่วม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน

เดือนธันวาคม นี้

ส่วนกรณีการตรวจสอบทรัพย์สินของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ในคดีหมิ่นเบื้องสูงฯ และเรียกรับผลประโยชน์นั้น ทาง ป.ป.ช. กำลังอยู่ในขั้นตอนของการ

ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินเชิงลึก รวมถึงตรวจสอบว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคนใดในคดีดังกล่าว ต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติมหรือไม่ โดยจะต้องเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่ง

ผู้บัญชาการ และผู้บังคับการ
--------------

ไทกร นอกคุก ศาลไม่รับคำร้อง

ไทกร พลสุวรรณ’นอนคุกศาลไม่รับฎีกา คดี ‪#‎ฉ้อโกง‬ 5ล้านประสานรับเหมาก่อสร้าง***
(สมน้ำหน้าเสือกชี้หน้าด่าคนอื่นโกงใส่ร้ายเค้าดีนัก)
ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 8 ธ.ค.2557 ศาลอ่านคำสั่งศาลฎีกา คดี หมายเลขดำ อ.1987/2555 ที่นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ จำเลยในความผิดฐานฉ้อโกง ยื่นขอให้ศาลรับฎีกาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง (พระนครเหนือ) และนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ผู้เสียหาย เป็นโจทก์ ร่วมกันยื่นฟ้อง นายไทกร ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษายืน จำคุกจำเลย 2 ปี โดยไม่รอการลงโทษ และให้คืนเงินแก่นายวิวัฒน์ โจทก์ร่วม จำนวน 5 ล้านบาท
คดีดังกล่าว พนักงานอัยการและนายวิวัฒน์ ร่วมกันยื่นฟ้อง นายไทกรเป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ 83 เมื่อปี 2555 ซึ่งโจทก์บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ต้นเดือน ต.ค.- วันที่ 4 ธ.ค.52 จำเลยพูดคุยว่า ได้รับงานรับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายโครงการมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งจำเลยอ้างว่ารู้จักผู้ที่สามารถแนะนำให้ร่วมรับเหมาโครงการดังกล่าวได้ แต่ต้องจ่ายเงินเป็นค่าประสานงานและดำเนินการ ให้กับจำเลยและพวกเพื่อนำเอาไปให้แก่ผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่อนุมัติเงินงบประมาณก่อนซึ่งเป็นความเท็จ
ความจริงแล้ว จำเลยกับพวกไม่ได้สนิทสนมกับนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ส.ส.ขอนแก่น และจำเลยกับพวกไม่สามารถหางานรับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆ ของกระทรวงคมนาคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาให้โจทก์ร่วมทำได้ ซึ่งการพูดหลอกลวงของจำเลย ทำให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงได้มอบเงินสดให้แก่จำเลยรับไปหลายครั้ง และยังโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยอีก 1 ครั้ง รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท ทำให้โจทก์ร่วมได้รับความเสียหาย
ขณะที่ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.56 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่ให้รอการลงโทษ และให้คืนเงินแก่นายวิวัฒน์ โจทก์ร่วม จำนวน 5 ล้านบาท ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์สู้คดี แต่เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.57 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น ขณะที่จำเลยได้รับการปล่อยชั่วคราวไป โดยศาลตีราคาประกัน 500,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกา
ทั้งนี้ ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และไม่มีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือศาลชั้นต้นคนใดลงนามรับรองให้ฎีกาได้ ศาลฎีกาจึงไม่รับฎีกา และให้ออกหมายขังจำเลยตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ภายหลังฟังคำสั่งศาลฎีกาแล้ว นายไทกร จำเลย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เดิมขอปล่อยชั่วคราวระหว่างที่จะอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลไม่รับฎีกา ซึ่งศาลแขวงพระนครเหนือรับเรื่องไว้ และเตรียมส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาต่อไป คาดว่าศาลฎีกาจะใช้เวลาพิจารณา 2-3 วัน ทำให้นายไทกรต้องถูกนำตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ด้านนายวิวัฒน์ ผู้เสียหาย กล่าวว่า นอกจากคดีนี้ นายไทกร ยังตกเป็นจำเลยของศาลจังหวัดน่าน สาขาปัว ในคดีฉ้อโกง โดยแอบอ้างโครงการไทยเข้มแข็งในลักษณะเดียวกับที่แอบอ้างกับตน ซึ่งมีมูลค่าความเสียหาย 18 ล้านบาทด้วย ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน


ธงชัยเฉลิมพล

ดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระที่นั่งชุมสาย บริเวณสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง
โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองพระบาท
การประกอบพิธีวันนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีตรึงหมุดธง ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงบรรจุพระกรัณฑ์เส้นพระเจ้าในยอดคันธง ทรงย้ำตรึงหมุดติดผ้าคันธง และเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งชุมสาย บริเวณสนามหน้าศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระราชทานธงชัยเฉลิมพลให้แก่หน่วยทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม จำนวน ๖๓ หน่วย
ประกอบด้วย หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ จำนวน ๓ หน่วย กองบัญชาการกองทัพไทย จำนวน ๑ หน่วย กองทัพบก จำนวน ๓๒ หน่วย กองทัพเรือ จำนวน ๒๕ หน่วย และกองทัพอากาศ จำนวน ๒ หน่วย หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนำทหารถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ธงชัยเฉลิมพล หมายถึง ธงซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะประจำหน่วยทหาร เป็นสิ่งชักนำความองอาจแห่งหมู่ทหารทั้งปวงให้มีชัยชนะต่อข้าศึกด้วยความกล้าหาญ นอกจากนี้แล้ว ธงชัยเฉลิมพลยังประกอบด้วย สิ่งที่แสดงออกถึง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยธงหมายถึง ชาติ บนยอดธงบรรจุพระพุทธรูป หมายถึง ศาสนาและเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศา) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หมายถึง พระมหากษัตริย์
ธงชัยเฉลิมพลเป็นธงประจำหน่วยทหารที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นธงชัยเฉลิมพลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของทหาร เป็นเกียรติยศของหน่วยทหารนั้นๆ เมื่อเวลาเข้าสู่สงครามทหารทั้งปวงต้องพิทักษ์รักษาธงชัยเฉลิมพลของหน่วยตนไว้ด้วยชีวิต ธงชัยเฉลิมพลจึงเป็นเครื่องนำความองอาจ กล้าหาญ แห่งหมู่ทหารทั้งปวงให้เข้าต่อสู้ข้าศึก ศัตรู ให้ได้ชัยชนะกลับมา และเป็นสิ่งที่ทหารทุกคนต้องรักษาไว้ ยิ่งกว่าชีวิต และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นนายทหารหรือพลทหารจะต้องผ่านพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลจึงจะถือว่าเป็นทหารอย่างสมบูรณ์แท้จริง
ธงชัยเฉลิมพลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไปแล้วนั้นเมื่อเกิดชำรุดหรือมีหน่วยทหารเพิ่มขึ้นใหม่ กองทัพไทยจะนำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานเส้นพระเจ้า ขอพระราชทานเชิญเสด็จไปทรงประกอบพิธีตรึงหมุดธง และพระราชทานธงชัยเฉลิมพลที่ได้สร้างขึ้นใหม่ให้แก่หน่วยทหาร เป็นประเพณีสืบมา โดยมีการตรึงหมุดธง ผืนละ 32-36 หมุด
cr คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน

ศาลอุทธรณ์คุก 1 ปี อลิสมันต์

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 12 เดือน
“อริสมันต์“ หมิ่น “อภิสิทธิ์“ ไม่รอลงอาญา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก 12 เดือน "อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง" หมิ่นประมาท "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" โดยไม่รอลงอาญา
คดีนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา
กรณีเมื่อวันที่ 11 และวันที่ 17 ตุลาคม 2552 นายอริสมันต์ ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และหน้าทำเนียบรัฐบาล ถ่ายทอดสดผ่านช่องพีเพิล แชนแนล กล่าวหาทำนองว่า การบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ กู้ยืมเงินมาเพื่อทุจริตคดโกง โดยการหยิบยกเรื่องสถาบันมากล่าวอ้าง และกล่าวหาว่านายอภิสิทธิ์ เป็นผู้หน่วงเหนี่ยวคำร้องฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้ล่าช้า รวมถึงสั่งทหารฆ่าประชาชน
โดยศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 12 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงให้ลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ 2 ฉบับ ติดต่อกัน 7 วัน
ขณะที่ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมพร้อมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่าที่นายอริสมันต์ อุทธรณ์ว่าถ้อยคำปราศรัยเป็นวาทะทางการเมือง เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ติชมด้วยความเป็นธรรม นั้น ศาลเห็นว่าถ้อยคำปราศรัยไม่ใช่การแสดงออกถึงอุดมการณ์ การกระทำของนายอริสมันต์ เป็นการใส่ความนายอภิสิทธิ์ อุทธรณ์ของนายอริสมันต์ ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่นายอริสมันต์ อุทธรณ์ขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้นเห็นว่า นายอริสมันต์ เป็นนักการเมือง ต้องมีความสำนึกในการกระทำของตนเอง มิใช่ปราศรัยใส่ความบุคคลอื่น ฝ่ายตรงข้าม หรือบุคคที่มีความคิดเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน อุทธรณ์ของนายอริสมันต์ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ เห็นพ้องด้วยพิพากษายืนจำคุกนายอริสมันต์ 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ภายหลัง นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความนายอริสมันต์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นประกันชั้นศาลชั้นต้นเป็นเงินสด จำนวน 200,000 บาท และวันนี้เบื้องต้นจะเพิ่มวงเงินประกันเป็นเงินสด อีก 300,000 บาท รวม 500,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล