PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

“สิระ” ปูดใบสั่งพลเอกเปิดบ่อนแลกประโยชน ไล่ “พระพยอม” สึก - จี้สอบ “สมยศ”

ความแตก!!
“สิระ” ปูดใบสั่งพลเอกเปิดบ่อนแลกประโยชน ไล่ “พระพยอม” สึก - จี้สอบ “สมยศ”
สปช.ด้านสังคมเผยมีข้อมูล สปช.กลุ่มรักชาติดันเปิดบ่อน มีใบสั่งจาก “พลเอก” แลกกับได้นั่งสภาขับเคลื่อนปฏิรูป ข้องใจกระแสข่าวเปิดบ่อนได้รับหมื่นล้านตั้งพรรคใหม่ ซัด “พระพยอม” หนุนบ่อนไม่สมควร ไล่สึกไปเล่นพนันดีกว่า พร้อมร้องตั้ง กก.สอบ ผบ.ตร.ผิดวินัยออกหน้าเชียร์ ก่อนสาปแช่งพวกหนุนให้ครอบครัวติดการพนัน
วันนี้ (23 มิ.ย.) นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กลุ่มรักชาติเสนอให้รัฐบาลตั้งกาสิโนเพื่อนำรายได้มาพัฒนาประเทศว่า ตนได้ข้อมูลมาว่าเรื่องดังกล่าวมีใบสั่งให้ออกมาเคลื่อนไหว โดยรับคำสั่งจากพลเอกท่านหนึ่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากสมาชิก สปช.ท่านใดที่กล้าออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่จะมีการตั้งขันในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจาก สปช.ใกล้จะหมดวาระในอีก 2 เดือนจากนี้ จึงทำให้มีสมาชิกบางคนที่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ตัวเองโดยไม่คิดถึงปัญหาของสังคมที่จะเกิดขึ้น
“ผมอยากตั้งคำถามว่า กระแสข่าวที่ระบุว่าคนที่สามารถผลักดันให้เกิดกาสิโนในประเทศไทยได้สำเร็จจะได้รับเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปตั้งพรรคการเมืองพรรคใหม่นั้น จริงหรือไม่” นายสิระกล่าว
นายสิระกล่าวต่อว่า กรณีที่พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กัลยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ได้ออกมาสนับสนุนที่จะมีกาสิโนในประเทศนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่พระที่มีคนนับถือมากมายจะออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะการพนันก็ถือเป็นเรื่องอบายมุขที่ขัดต่อศีล 5 อยู่แล้ว พระพยอมออกมากล่าวเช่นนี้น่าจะสึกออกจากการเป็นพระได้แล้ว และใช้เวลาที่สึกออกไปเล่นการพนันน่าจะเข้าใจดีว่าความฉิบหายคืออะไร หากพระพยอมเล่นการพนัน ตนกล้าท้าเลยว่าโฉนดที่ดินของวัดสวนแก้วก็จะไม่เหลือเช่นกัน
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่สนับสนุนมาก่อนหน้านี้นั้น ตนอยากจะเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย พล.ต.อ.สมยศได้แล้ว เพราะเรื่องดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการผิดวินัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แทนที่จะดำเนินการปราบปราม กลับส่งเสริมให้เกิดสิ่งผิดกฎหมายใรประเทศ ในตอนนี้มีข้าราชการตำรวจชุ้นผู้น้อยหลายคนที่ร้องเรียนเข้ามาหาตน เรียกร้องให้ พล.ต.อ.สมยศเอาเวลาไปพัฒนาองค์กรให้ตำรวจมีความมั่นคงไม่ต้องมาเบียดเบียนเอากับประชาชนน่าจะมีประโยชน์กว่า
“กาสิโนคือสิ่งที่ผิดกฎหมายโดยชัดเจน เราก็รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คืออบายมุข แต่ก็กลับชักชวนให้คนในประเทศวิ่งเข้าไปหา แทนที่จะให้การศึกษากับพวกเขาว่ามันไม่ดีอย่างไร หรือการตั้งกาสิโนในครั้งนี้ทำขึ้นเพื่อต้องการฟอกเงินของผู้ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น” นายสิระกล่าว
ทั้งนี้ นายสิระได้ขอสาปแช่งผู้ที่ออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็น สปช. ตำรวจ หรือพระ ให้ครอบครัวและบุตรหลานของคนเหล่านี้ติดการพนันแล้วจะรู้ว่าคำว่าครอบครัวแตกแยกเป็นอย่างไร


บุกจับสาวใหญ่กุข่าวลือปฏิวัติซ้อนเมื่อ 10 มิ.ย. เจ้าตัวรับสารภาพ

บุกจับสาวใหญ่กุข่าวลือปฏิวัติซ้อนเมื่อ 10 มิ.ย. เจ้าตัวรับสารภาพนำภาพเคลื่อนย้ายรถถังที่แพร่ในไลน์คนเสื้อแดงมาใส่ข้อความว่าปฏิวัติซ้อน และอัพขึ้นเฟซบุ๊กจนเผยแพร่ออกไปวงกว้าง จากการสืบสวนพบเคยโพสต์หมิ่นสถาบันฯ ด้วย 
       
       วันนี้ (23 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยความมั่นคง ร่วมกันจับกุม น.ส.ชญาภา โชคพรบุศศรี อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ ที่ 2/2558 ลงวันที่ 22 มิ.ย. 2558 พร้อมของกลาง อุปกรณ์ โน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ต กล้องถ่ายวิดีโอ โทรศัพท์ มือถือ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 8/32 หมู่ 3 ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
       
       ทั้งนี้ สืบเนื่องจากระยะที่ผ่านมามีผู้โพสต์ข่าวลือว่าจะมีการปฏิวัติซ้อน เผยแพร่ตามสื่อออนไลน์ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวน จนพบว่า มีผู้ที่ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ. chanisa B .... เป็นผู้โพสข่าวลือดังกล่าวพร้อมแนบภาพการเคลื่อนย้ายรถถัง เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. จนเผยแพร่ไปยังสาธารณะเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัว น.ส.ชญาภา มาซักถาม ซึ่ง น.ส.ชญาภา ก็ให้การยอมรับว่าเป็นผู้นำภาพการเคลื่อนย้ายรถถังที่เผยแพร่ในไลน์คนเสื้อแดงซึ่งตนเป็นสมาชิก มาตกแต่งข้อความว่าปฏิวัติซ้อน และอัพโหลดขึ้นเฟซบุ๊กส่วนตัว จากการสืบสวนยังพบว่า น.ส.ชญาภา มีการใช้เฟซบุ๊กชื่อนี้โพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันเบื้องสูงอีกด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 13.00 น.จะมีการแถลงรายละเอียดอีกครั้ง ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

คณะกรรมาธิการสิทธิฯยูเอ็น จี้ไทยแก้ไข ม. 112

คณะกรรมาธิการสิทธิฯยูเอ็น จี้ไทยแก้ไข ม. 112
คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (CESCR) ระบุหลังพิจารณารายงานสถานการณ์ในประเทศไทยวานนี้ ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ว่า ไทยควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าด้วยความผิดกรณีหมิ่นสถาบันกษัตริย์ โดยคณะกรรมาธิการมีความห่วงกังวลถึงผลกระทบทางลบ จากการตีความและบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเกินเลยไป จนส่งผลกระทบต่อสิทธิในชีวิตทางวัฒนธรรมของพลเมือง โดยคณะกรรมาธิการเห็นว่า ไทยควรแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ให้มีความชัดเจนไม่กำกวม และมีบทบัญญัติโทษที่ชัดเจนเหมาะสมกับความผิดที่เกิดขึ้น
ด้านสหพันธ์สากลเพื่อสิทธิมนุษยชน (FIDH) ได้ระบุในแถลงการณ์เช่นกันว่า การบิดเบือนเนื้อหาของกฏหมายอาญามาตรา 112 ทำลายภาพพจน์ของไทยและภาพพจน์ของสถาบันกษัตริย์ ถึงเวลาแล้วที่ไทยควรยอมรับคำแนะนำจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติและแก้ไขกฏหมายมาตรานี้เสีย


เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
22 มิถุนายน 2558 19:29 น. (แก้ไขล่าสุด 22 มิถุนายน 2558 21:41 น.)

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน
อานันท์ ปันยารชุน (ภาพจากแฟ้ม)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ภาพจากแฟ้ม)

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ทางแห่งความเสื่อม! เปิดหนังสือ “อานันท์” ถึง “ทักษิณ” ค้านกาสิโน-ยังดื้อให้ “วิษณุ” รับงาน

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เปิดหนังสือ “อานันท์ ปันยารชุน” สมัยเป็นประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ ถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ปี 2546 ชี้เสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ชี้เป็นทางแห่งความเสื่อม สังคมไทยขาดความพร้อม หนุนนักพนันหน้าใหม่พุ่ง ส่งเสริมมาเฟียท้องถิ่นเป็นระดับชาติ ด้าน ครม. ทักษิณ 1 ยังดื้อ อ้างกลัวกระแสสังคม ตั้ง “วิษณุ” รับงานศึกษาเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์
      
       วันนี้ (22 มิ.ย.) หลังจากที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในนามกลุ่ม สปช. รักชาติ เสนอแนวคิดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กระทั่ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การถอดยศตำรวจแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่มีความคืบหน้า กลายเป็นกระแสสังคมที่ถูกพูดถึงในขณะนี้
      
       ทีมข่าวการเมือง ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ได้รับเอกสารความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศ.) ที่มี นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานในขณะนั้น ได้ตอบกลับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เมื่อเดือนสิงหาคม 2456 หลังมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2545 ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ขอคำปรึกษาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ หรือกิจการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางที่กฎหมายถือว่าไม่ถูกต้อง เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2545
      
       สภาที่ปรึกษาฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการศึกษาเรื่องดังกล่าว โดยมีสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ เป็นคณะทำงานรวม 18 คน ศึกษาประเภทการพนันที่มีผลกระทบกับสังคมไทยมากที่สุด 3 ประเภท คือ บ่อนการพนัน/กาสิโน หวยเถื่อน และ พนันฟุตบอล พบว่า เสียงส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะอนุญาตให้การพนันทั้ง 3 ประเภทดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย เสียงส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจะจัดการให้เปิดบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโนถูกต้องตามกฎหมาย และจัดให้หวยใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยสรุปได้แก่
      
       ไม่เห็นด้วยกับการที่จะจัดหวยใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย (สมาชิกไม่เห็นด้วยจำนวน 57 คน เห็นด้วย 24 คน และไม่ออกเสียง 6 คน) เพราะเป็นการส่งเสริมให้คนในสังคมเล่นการพนันมากขึ้น เป็นการมอมเมาประชาชน เป็นการแย่งชิงรายได้หรืองบประมาณของครอบครัวให้กับเจ้ามือหวย นอกจากนี้หน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎหมายก็ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนในแง่ของความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งระบบตรวจสอบรายได้และหลักเกณฑ์ในการนำรายได้ไปใช้ก็ยังไม่อยู่ในระดับมาตรฐานที่เชื่อถือได้ ด้วยเหตุนี้สภาที่ปรึกษาฯ จึงเห็นว่ารัฐบาลควรมีนโยบายในการควบคุมและปราบปรามหวยใต้ดินอย่างเด็ดขาด มากกว่าที่จะจัดการนำเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกันนี้รัฐบาลก็ควรวางกุศโลบายในการจัดการที่จะก่อให้เกิดผลในการลด ละ เลิก การเล่นหายใต้ดินในระยะยาวต่อไป
      
       ไม่เห็นด้วยกับการเปิดบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมาย (สมาชิกไม่เห็นด้วยจำนวน 52 คน เห็นด้วย 24 คน และไม่ออกเสียง 7 คน) เพราะการพนันเป็นทางแห่งความเสื่อม บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายไม่สามารถทำให้บ่อนผิดกฎหมายหมดไปได้ การควบคุมบ่อนการพนันให้เป็นไปตามเงื่อนไขกระทำได้ยาก บ่อนการพนันไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการจ้างงาน การเปิดบ่อนการพนันให้ถูกต้องตามกฎหมายอาจทำให้มีจำนวนผู้เล่นการพนันเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนทางสังคมเพิ่มสูงขึ้น บรรทัดฐานทางสังคมเสื่อมถอยลง เป็นการดึงเงินงบประมาณจากมือประชาชนเข้าสู่ระบบการพนัน ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาเงินทุนไหลออกนอประเทศได้อย่างสมบูรณ์ และอาจเป็นการส่งเสริมให้กลุ่มอิทธิพลจากระดับท้องถิ่นเติบโตเป็นกลุ่มอิทธิพลระดับชาติ กล่าวโดยสรุปก็คือ จนกระทั่งถึงในขณะนี้ บ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายยังไม่มีความเหมาะสมกับสังคมไทย และสังคมไทยขาดความพร้อมที่จะรองรับสถานกาสิโนที่ถูกกฎหมาย
      
       ไม่เห็นด้วยกับการจัดการให้มีโต๊ะรับพนันฟุตบอลที่ถูกต้องตามกฎหมาย (สมาชิกไม่เห็นด้วยจำนวน 73 คน เห็นด้วย 2 คน และไม่ออกเสียง 5 คน) เพราะการแข่งขันฟุตบอลควรเป็นเกมส์กีฬาจึงไม่ควรให้มีการพนันเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้การทำโต๊ะรับพนันฟุตบอลให้ถูกกฎหมายจะเป็นการกระตุ้นให้มีผู้เล่นการพนันมากยิ่งขึ้น และการจัดเก็บภาษีอาจจะไม่สูงมากนัก
      
       อย่างไรก็ตาม เสียงส่วนหนึ่งเห็นด้วยและสนับสนุนให้รัฐบาลดำเนินการให้หวยใต้ดินและเปิดบ่อนการพนัน หรือสถานกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเห็นด้วยกับการให้หวยใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นการจัดรูปแบบหรือหาวิธีจัดเก็บรายได้จากธุรกรรมที่มีอยู่แล้วในสังคมซึ่งห้ามอย่างเด็ดขาด มิให้การเล่นการพนันประเภทนี้ได้ยาก นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันการเกิดกลุ่มอิทธิพลจากเจ้ามือหวยใต้ดิน และช่วยคุ้มครองผู้เล่นจากการถูกเจ้ามือโกงอีกด้วย
      
       ขณะเดียวกัน ยังเห็นด้วยกับการเปิดบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโนให้ถูกต้องตามกฎหมายเพราะเป็นการสร้างรายได้ให้กับรัฐบาล ส่งเสริมการท่องเที่ยว ป้องกันเงินรั่วไหลออกนอกประเทศ แก้ปัญหาการฟอกเงิน ทำให้มีสถานที่ผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน สร้างงานและธุรกิจต่อเนื่อง ป้องกันและลดปัญหาการคอร์รัปชันจากกลุ่มคนที่เกี่ยวข้อง เป็นการรักษาสิทธิของผู้เล่นการพนัน คุ้มครองผู้เล่นจากการถูกโกง ปราบปรามและกำจัดผู้มีอิทธิพลและกลุ่มมือปืนที่เกิดจากบ่อนการพนัน และสามารถควบคุมกลุ่มผู้เล่นให้เป็นไปตามกติกาที่กำหนด
      
       ส่วนแนวทางจัดการกับธุรกิจหรือกิจการที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางที่ถูกกฎหมายถือว่าไม่ถูกต้อง หากรัฐบาลไม่อนุญาตให้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ควรดำเนินการดังนี้ ได้แก่ แนวทางการบริหารจัดการกับธุรกิจหวยใต้ดินมีข้อเสนอ 2 แนวทางคือ แนวทางแรก ใช้การควบคุม และปราบปรามอย่างเด็ดขาด ส่วนอีกแนวทางหนึ่งเห็นควรจัดเข้าสู่ระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มุ่งเน้นให้ผู้เล่น ลด ละ เลิก ให้ได้ในระยะยาว ที่สำคัญคือรัฐบาลไม่ควรเป็นผู้เข้าไปดำเนินการทำธุรกิจหวยใต้ดินเสียเอง หากแต่ควรให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการภายใต้กฎเกณฑ์ของรัฐ
      
       การควบคุมจัดการกับธุรกิจบ่อนการพนันหรือสถานกาสิโน ควรใช้บทลงโทษอย่างเข้มงวด ทั้งผู้รักษากฎหมายและผู้กระทำผิดกฎหมาย อนุญาตให้เปิดบ่อนการพนันตามประเพณีหรือบ่อนพื้นบ้านเป็นครั้งคราว สร้างสังคมให้มีความพร้อมโดยปลูกฝังคุณธรรมในสังคม ใช้หลักศาสนาเป็นแกนนำในการดำเนินชีวิต และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเห็นถึงโทษภัยของการพนัน เพื่อ ลด ละ เลิก การพนันให้ได้ในที่สุด และ เพื่อควบคุมธุรกิจการพนันให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรศึกษาการเปลี่ยนแปลงและการขยายตัวของตลาดการพนันประเภทนี้อย่างใกล้ชิด โดยการปรับปรุงบทลงโทษทางกฎหมาย และวิธีการควบคุมผู้กระทำความผิดให้สอดคล้องกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
      
       อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2546 นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมเห่งชาติ กรณีความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอนายกรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการ พิจารณาแล้ว เห็นควรนำความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป และเห็นควรมอบให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รับไปจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ. สภาที่ปรึกษาฯ ปี 2543 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบต่อไป และมอบให้หน่วยงานดังกล่าวรับไปศึกษาในเรื่องการกำหนดมาตรการควบคุมหรือเงื่อนไขต่างๆ ในการจะอนุญาตให้เปิดบ่อนการพนัน หวยเถื่อน หรือการพนันฟุตบอล สามารถดำเนินการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
      
       คณะรัฐมนตรี (รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยที่ 1) ได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2546 เห็นว่า โดยที่ความเห็นเกี่ยวกับการจัดการให้ธุรกิจการพนันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ยังเป็นความเห็นที่ยังแตกต่างกันเป็นสองฝ่ายและก้ำกึ่งกันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายที่ยังไม่เห็นด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหวั่นเกรงผลกระทบทางด้านสังคม และยังไม่ทราบว่าภาครัฐจะมีแนวทางและมาตรการที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรให้เหมาะสม ส่วนฝ่ายที่เห็นด้วยก็เห็นว่าจะเป็นผลดีแก่เศรษบกิจและจะช่วยแก้ปัญหาเงินตราไหลออกนอกประเทศได้ส่วนหนึ่งด้วย ประกอบกับการดำเนินธุรกิจการพนันอย่างถูกกฎหมายนี้หลายประเทศได้เปิดให้ดำเนินการอยู่แล้วในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น ในสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และ ออสเตรเลีย เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยบางประเทศก็อนุญาตให้มีการดำเนินธุรกิจการพนันในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนติดกับประเทศไทยอยู่แล้ว สมควรที่ประเทศไทยจะพิจารณาตัดสินใจเกกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องนี้ให้ชัดเจนบนพื้นฐานของข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นที่ยอมรับและเกิดความเข้าใจอันดีแก่ประชาชนโดยทั่วไป โดยยึดเอาประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ
      
       แนวทางที่สมควรดำเนินการ คือ การจัดให้มีศูนย์ความบันเทิงอย่างครบวงจร (entertainment complex) โดยมีการพนันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของศูนย์โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่การท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว ซึ่งจะสามารถกำหนดหลักเกณฑ์และคัดสรรบุคคลที่จะเข้าไปร่วมเล่นพนันได้ รวมทั้งจะก่อให้เกิดรายได้จากธุรกิจต่างๆ เป็นหลัก โดยธุรกิจการพนันเป็นเพียงรายได้ส่วนน้อยเท่านั้น จึงมอบให้นายวิษณุ เป็นประธานคณะทำงาน นายโภคิน พลกุล รองนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย นายวรเทพ รัตนากร รมว.คลัง เป็นคณะทำงาน และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นคณะทำงานเละเลขานุการ เพื่อรับไปพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการชี้แจงทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามความเหมาะสม เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาด้วย 

'ประยุทธ์'ลั่นสื่อเขียนจน'ครม.-ข้าราชการ'หมดกำลังใจ

23062558 'ประยุทธ์'ลั่นสื่อเขียนจน'ครม.-ข้าราชการ'หมดกำลังใจ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
@ เห็นใจนายกประยุทธ ที่โดนสื่อกระทำ
แต่เห็นใจประชาชนมากกว่า ที่พลเอกประยุทธ หัวหน้า คสช. มีอำนาจแล้วไม่ทำอะไร
อีกหน่อย เมื่อลงจากเวที่ไปแล้ว คงจะไปยืมคำพูดท่านปรีดี พนมยงค์ มาพูด
" เมื่อข้าพเจ้ามีอำนาจ ขาดประสบการณ์
เมื่อข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ไม่มีอำนาจ"

"ประยุทธ์"ลั่นไม่เคยเป็นศัตรูกับสื่อ แต่ระบุเขียนจน"ครม.-ข้าราชการ"หมดกำลังใจ แนะให้ไปต่อว่านักการเมืองบ้าง

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2กองบิน 6 (บน.6) กองทัพอากาศดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการเข้าร่วมประชุม ACMECS ที่ประเทศเมียนมาร์ ว่า
ทุกอย่างตนจะพยายามทำให้ดีที่สุด ปัญหาทุกเรื่องทั้งหมดอย่างไรตนก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะต้องทำให้ดีที่สุด วันนี้ไม่ดี วันข้างหน้าก็ต้องดี
หรือจะให้วันนี้ดีแล้ววันข้างหน้าล้มละลาย ก็คงต้องเลือกเอาแล้ว
เงินทองจะได้ใช้กันให้หมดไป เป็นหนี้เป็นสิน สุดท้ายก็ล้มละลาย
อยู่ที่ทุกคน หากต้องการให้ประเทศสงบสุขก็ต้องคิดใหม่
"ผมไม่เคยเป็นศัตรูกับนักข่าว แต่ทุกวันนี้ก็เขียนโจมตีผมทุกวัน แต่ละเล่ม เขียนโจมตีทั้งนั้น
ผมขี้เกียจจะพูด ผมทำเยอะแต่ไม่มีใครเขียนในสิ่งที่ผมทำ หรือเขียนก็น้อยมาก
แต่ให้ความสนใจกับความขัดแย้งมาก ความขัดแย้งก็มาก การเมืองก็แย่
ดินฟ้าอากาศก็แย่ เกษตรกรไม่มีรายได้ คนเรียกร้องจะขึ้นค่าแรง
ผมถามว่าจะเขียนให้บ้านเมืองมันสงบได้หรือไม่
ทุกคนต่างก็รู้ว่าทุกอย่างคือปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของโลก
แต่สื่อไม่เคยลดลาวาศอกในเรื่องเหล่านี้เลย
พอผมพูดก็หาว่าผมปิดบังความจริง ทุกคนรู้กันหมด ต้องช่วยกันคิดและให้เวลาเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน
เพราะปัญหาต่างๆ เกิดมาหลายสิบปีแล้ว เพราะโครงสร้างไม่ได้ทำและแก้ไข
วันนี้เรากำลังเริ่มแก้ที่โครงสร้างทั้งหมด ทั้งภาคการเกษตร น้ำ สาธารณูปโภค กฎหมาย ทุกอย่างแก้หมด
แต่สื่อก็เขียนว่าผมไม่มีผลงานอะไรเลย การปฏิรูปไม่ได้ทำเลย
ผมเสียใจอยู่เหมือนกันแหละ ดันเกิดมาอยู่ประเทศนี้ก็ต้องเสียใจ" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนวิธีการคิดของคนไทย
ไม่ใช่ว่าผมจะไม่สงสารที่ทำทุกวันนี้ก็เพราะสงสารคนจน สงสารผู้ที่มีรายได้น้อย
รู้ดีว่าลำบากแค่ไหน
ถ้าผมไม่สงสารคนจน ผมไม่อยู่หรอกจริงๆ เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์
ไม่รู้จะทำไปเพื่อใครเหมือนกัน
ทุกประเทศที่เดินทางไปร่วมประชุม ต่างก็มีความก้าวหน้า
ไม่เห็นมีใครพูดในเรื่องของความขัดแย้ง
ทุกประเทศอยากให้ยุติความขัดแย้ง มีแต่ประเทศเราที่พยายามจะขุดกันออกมา
ทั้งเรื่องนู้นเรื่องนี้ แล้วบอกว่า เราไปปิดกั้น ถ้าปิดกั้นจริง มันไม่เป็นเช่นนี้หรอก
ผมเองไม่ต้องมาอารมณ์เสียเช่นนี้
ถ้าจะปิดกั้น ก็ปิดไปเลย ปิดทั้งหมด แต่ผมก็ไม่ได้ทำ ซึ่งก็น่าจะเกรงใจผมบ้าง
ไม่มีเลย อยากจะเขียนอะไรเขียน อยากจะด่าอะไรก็ด่า
หลายคนก็ไม่ได้เลือกผมเข้ามาทั้งสิ้น ไม่มีใครเลือกผมเข้ามาอยู่แล้ว
ผมดันอยากเข้ามาเอง คงอยากเข้ามามีผลประโยชน์ หรือเปล่าไม่รู้นะ
สื่อถึงได้เขียนกันนักหนาว่ามีผลประโยชน์ตรงนั้นตรงนี้
ผมเข้ามาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้คนไทยทุกคน ไม่ได้มาเพื่อใครทั้งสิ้น
แต่วันนี้กลับถูกแบ่งพวกกันไปทั้งหมด จนหลายคนหมดกำลังใจในการทำงาน
ข้าราชการเองก็แย่ เพราะผมก็ต้องกวดขัน ขณะเดียวกันก็ถูกโจมตี
เขาก็ไม่รู้จะไปกันอย่างไรแล้ว
ข้าราชการดีๆ ก็มีเยอะ 90 กว่าเปอร์เซนต์ ก็เกิดความท้อแท้
ครม.ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ผลประโยชน์เขาก็ไม่ได้ แต่ก็ถูกด่าถูกว่าทุกวัน
ไม่มีให้กำลังใจ
อยากถามว่าใครจะทำงานให้ แล้วจะมาเอาอะไรจากผม เบื่อ ไม่อยากที่จะบ่น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกอย่างตนคิดเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาสิโน หรือเรื่องอื่นๆ
ถ้าสื่ออยากจะต่อว่า
ก็ขอให้ไปต่อว่าพวกนักการเมืองที่ออกมาพูดบ้างสิ กล้ากันหรือไม่ ไปถามดูซิว่าพูดกันทำไม
ปฏิรูปคืออะไรไปถามกันบ้าง โดยเฉพาะบรรดาอดีตรัฐมนตรีต่างๆ ไปถามเขาสิว่าต้องการให้ปฏิรูปอย่างไร
ไม่ใช่มาไล่ถามตนทุกวันอย่างนี้ บอกทุกวัน ทำให้ทุกวัน แต่ไม่ฟัง
หรือฟังก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
จะถามให้มีเรื่องกันให้ได้ ตนไม่ได้โกรธผู้สื่อข่าว เพราะรู้ว่า ทุกคนก็รับใบสั่งมา
เขียนดีเขาก็ไม่ลงให้ เขียนไม่ดีท่านอาจจะได้สตางค์
ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไม่จ่ายเงินให้พวกท่าน ก็รู้อยู่ บรรณาธิการ รีไรท์เตอร์ ก็ต้องคอยทำหน้าที่ตรวจข่าวอยู่แล้ว ถ้าเขียนดีเขาก็ไม่ลง
ผู้สื่อข่าวชี้แจงว่า นักข่าวทุกคนได้เงินเดือนตามปกติ ไม่ได้รับเงินใคร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังขึ้นว่า “ไม่รู้ จะได้มาอย่างไรไม่รู้ งั้นก็คงรวยกันแล้ว ก็เขียนกันต่อไปซิ
เดี๋ยวประเทศนี้มันก็เจ๊งลงไปเองนั่นแหละ คราวนี้ก็คงไม่มีเงินเดือ
ไม่มีเงินกันทั้งประเทศ ก็ตามใจ
ต่างประเทศพร้อมที่จะลงทุนและเดินหน้า ถามทุกอย่างว่า
ประเทศไทยจะเอาอย่างไร ทั้งเรื่องขนส่ง การท่องเที่ยว และอื่นๆ
มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่พูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่มีประโยชน์ สร้างความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเอาให้ใครชนะ ผมไม่รู้
แล้วเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า
ถ้าผมทำแล้วมันไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ หรือช่างมัน
เดี๋ยวรัฐบาลหน้าก็ทำกันเอง มันก็คงต้องอยู่กันไปแบบนี้
ผมอยากจะบอกกับพวกเราทุกคนให้กลับไปคิดใหม่ ผมไม่ได้ว่าอะไรใคร
แต่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิด
ขอให้คิดถึงคนจนเขาบ้างว่าเมื่อไหร่ฝนจะมา น้ำจะมา จะแก้ปัญหาอย่างไร
ซึ่งผมกำลังคิดกับเขาอยู่ แต่พวกคุณก็เอาปัญหากระจุกกระจิกจากข้างบนมาตีกับไอ้ข้างล่าง จนแก้อะไรไม่ได้ ทำให้รวนไปทั้งหมด ล้มทั้งระบบ ไม่มีประโยชน์
ไม่ว่าจะปฏิรูป หรือปฏิวัติกี่ครั้งมันก็ไม่มีประโยชน์
กลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง
เป็นการบ้านที่ทุกคนจะต้องกลับไปคิด”

รู้ัจัก"วิรไท สันติประภพ"แคนดิเดต ผู้ว่าแบงค์ชาติคนใหม่

ผู้สมัคร แบงก์ชาติ ธปท. คลัง
ดูเส้นทาง 'วิรไท สันติประภพ' แคนดิเดต 'ผู้ว่าการแบงก์ชาติ' โดย ฟองสนาน จามรจันทร์
ดูเส้นทาง 'วิรไท สันติประภพ' แคนดิเดต 'ผู้ว่าการแบงก์ชาติ'  โดย ฟองสนาน จามรจันทร์
Last updated: 18 June 2015 | 04:09
งวดเข้ามาทุกทีกับผู้สมัครผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะเสนอให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่รู้รายชื่อเป็นใคร..แต่ขอขึ้นประวัติไว้ก่อน...เผื่อได้รับเลือกเป็นผู้ว่าธปท..ขึ้นมา

เริ่มต้นจากที่มาของชื่อ ‘วิรไท’ ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันมีความหมายว่า ผู้มีเสรีแกล้วกล้า เกิดและโตในครอบครัวของ ‘ขุนนางตงฉิน’ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ แวดล้อมไปด้วยการเอาใส่ดูแลจากคุณแม่และคุณยายที่ปลูกฝังความละเอียดอ่อนในหลายๆ ด้าน พร้อมๆ กับพี่ชาย คือ ดร.ประทิต และ พ.ญ.จีรันดา ผู้เป็นน้องสาว ซึ่งเรียนเก่งและประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน
ด้วยวัย 18 ปีเศษ ขณะที่คนทั่วไปเพิ่งจะสอบเอ็นทรานซ์แต่เขาเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พร้อมรางวัลทุนภูมิพลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นดุษฎีบัณฑิตที่มีคุณภาพด้วยอายุเพียง 24 ปีซึ่งทั้งธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตอบรับเข้าทำงาน โดยตัดสินใจร่วมงานกับองค์กรหลัง ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายด้านระบบการเงิน ให้แก่ประเทศเกิดใหม่หรือประเทศที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งเมื่อประเทศไทยประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 กระทรวงการคลังต้องการก่อตั้งสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจ (Think Tank) จึงเป็นโอกาสให้เขาได้นำความรู้กลับมาสนองคุณแผ่นดินนับแต่นั้นมา คงไม่แปลกที่คำถามแรกซึ่งหลายคนอยากรู้และเราก็ได้ไขคำตอบมาให้ว่าที่บ้านเลี้ยงอย่างไรและให้กินอะไรถึงทำให้ลูกเก่งกาจทุกคน
“ที่สำคัญคือที่บ้านให้เรียนในสิ่งที่แต่ละคนสนใจและให้ทำในสิ่งที่แต่ละคนชอบ พี่น้องแต่ละคนจึงต่างกันโดยสิ้นเชิงและก็ต่างจากคุณคุณพ่อคุณแม่ คือเราเรียนกันไปคนละทิศละทาง และมีความสนใจที่ต่างกันมาก ผมเชื่อว่าทุกคนมีความเก่ง ความเด่นของตนเอง เพียงแต่ต้องค้นหาตัวเองให้พบ ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้ใช้ศักยภาพของตัวเองเต็มที่ความเก่งนั้นก็จะออกมาเอง ซึ่งโลกเดี๋ยวนี้ก็เปิดกว้างขึ้นเยอะ ความเก่งจะหลากหลายแตกต่างกันได้มากขึ้น”
“หลังจากกระทรวงการคลังขอยืมตัวผมจาก IMF มา 2 ปี สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจกลับมาอยู่ที่เมืองไทยก็เพราะอยู่เมืองไทยสนุกกว่าและอยากอยู่กับบ้านกับเพื่อนมากกว่าที่จะกลับไปใช้ชีวิตที่วอชิงตันฯ อีกจุดหนึ่งคือผมเริ่มเบื่อการเดินทางที่ต้องใช้ชีวิตตะลอนๆ ไปทำงานตามเมืองต่างๆ
“การทำงานที่ IMF ช่วงแรกๆ สนุกมากเพราะได้เห็นโลกทั้งโลก เห็นปัญหาทางเศรษฐกิจจากทวีปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียกลาง หรือยุโรปตะวันออก ซึ่งรวมทั้งประเทศเกิดใหม่ที่เพิ่งแตกตัวออกจากสหภาพโซเวียต หรือประเทศที่เพิ่งสงบจากสงครามกลางเมือง เห็นประเทศที่เริ่มจากศูนย์ และเห็นประเทศที่เคยมั่งคั่งแต่ตกต่ำจากการบริหารงานผิดพลาด งานของผมเกี่ยวกับระบบสถาบันการเงิน และระบบธนาคารกลาง ที่ไหนมีปัญหาก็ถูกส่งไปซึ่งทำให้ต้องเดินทางไปทั่วโลก แต่ละประเทศจะมีปัญหาความซับซ้อน ยากง่ายแตกต่างกันไป จนมาอยู่เมืองไทยช่วงวิกฤติ ได้มีส่วนแก้ปัญหาของประเทศตัวเอง และเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่เริ่มมีอายุมากขึ้น เพื่อนฝูงก็อยู่เมืองไทยซะเป็นส่วนใหญ่ เมื่อครบกำหนดที่ลามาช่วยกระทรวงการคลังจึงลาออกจาก IMF แล้วมาทำงานที่ไทยพาณิชย์”
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาบวกกับความรู้ระดับหัวกะทิ ได้มีส่วนให้ชีวิตการทำงานในสถาบันการเงินไทยมีสีสันที่แตกต่างออกไป ได้รับผิดชอบงานในหลายส่วนขององค์กรจนกระทั่งเมื่อสองปีที่แล้วได้รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยอายุเพียง 36 ปี นับว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งของธนาคาร
“ผมเชื่อว่าการเรียนรู้มันไม่หยุดนิ่ง การทำงานบางอย่างจะรอให้มีความพร้อมก่อนไม่ได้ อาจต้องเรียนไป รู้ไป ปรับปรุงตัวเองไป สิ่งสำคัญที่สั่งสมมาคือผมเป็นคนชอบแก้ปัญหา ตั้งแต่อยู่ IMF งานหลักก็คือการแก้ปัญหา มาอยู่กระทรวงการคลังช่วงที่วิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงมาก มีปัญหาใหม่มาให้ต้องคิดต้องแก้ทุกวัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไม่มีเงิน การเมืองไม่นิ่งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่รู้กี่ครั้ง ธนาคารกับบริษัทเงินทุนหลายแห่งต้องล้มลง ทำให้เป็นนิสัยว่าถ้าพบปัญหาจะต้องคิดและลงไปช่วยจัดการแก้ไข ทักษะนี้กลายเป็นนิสัยที่มีประโยชน์มากต่องานปัจจุบัน”
“ชีวิตการทำงานจะวุ่นวายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจัดตารางอย่างไร งานสมัยนี้ไม่ใช่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น สไตล์การทำงานของผมคือจะทำเต็มที่ แต่เมื่อถึงเวลาพักจะหยุดไปเที่ยวหลายวัน และหยุดเที่ยวปีละหลายครั้ง ลักษณะงานของผมคือเรื่องของกลยุทธ์ การวางแผน ไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเสร็จตอนเย็นก่อนกลับบ้าน บางช่วงมีโปรเจคต์ซึ่งมีกำหนดเวลา วันหยุดก็ต้องทำให้เสร็จ”
“โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันและเป็นความจริงของชีวิตที่หยุดนิ่งไม่ได้ โลกจะ demanding มากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มีแรงก็ทำเต็มที่ ผมว่าคนไม่ได้เกษียณตอน 60 แล้ว คุณพ่อผม 74 ก็ยังทำงานมาก ปัญหาของผมอีกอย่างคือ เป็นคนชอบทำหลายๆ อย่าง ไม่ชอบทำอย่างเดียวที่จำเจ หลายคนรู้จักผมในฐานะที่ทำงานธนาคาร หลายคนรู้จักผมในฐานะนักเศรษฐศาสตร์บ้าง อาจารย์บ้าง และหลายคนรู้จักผมผ่านกิจกรรมสังคม สมาคมต่างๆ ผมคิดว่าการทำหลายอย่างเป็นสีสันของชีวิต เปิดโลกของเราให้กว้างขึ้น อาจจะตรงกับความหมายของชื่อ ‘วิรไท’ ที่ชอบความมีเสรี ผมจะเบื่อถ้าต้องทำงานเพียงอย่างเดียว”
“ผมชอบเดินทางและมีกลุ่มเพื่อน ‘บักก็ทัวร์’ ผมมักเป็นตัวตั้งตัวตีจัดทริปอยู่เรื่อย เมื่อทำงานช่วงหนึ่งก็จะลาไปเที่ยว ตัดตัวเองออกจากงานประจำวันที่มีเรื่องค่อนข้างมาก เวลาเดินทางก็มักจะไปในเมืองที่ถูกถามว่าไปทำไม เช่น โอมาน อินเดีย ศรีลังกา ผมชอบไปเที่ยวในสังคมอีกแบบหนึ่ง ชอบดูพิพิธภัณฑ์ ดูวิถีชีวิตที่ต่างออกไป และธรรมชาติ ที่ทำงานจะพบแต่ปัญหากับคน เมื่อพักก็มักจะไปในที่ที่ไม่ต้องพบคนมาก ผมชอบเมืองที่มีทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติ ในเมืองไทย เชียงใหม่เป็นเมืองโปรด เพราะสามารถเดินเข้าไปดูของเก่าในวัดไหนก็ได้ และเพียง 20 นาทีก็สามารถขึ้นไปอยู่บนดอยได้ เวลาที่ไปอยู่ในที่ที่ต่างออกไป จะช่วยให้เราจัดความคิดที่วุ่นวายเข้าลิ้นชัก เห็นวิถีชีวิตคนอื่น แล้วจะเห็นว่าปัญหาของเราไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ผมจึงหนีไปชาร์ตแบตเตอรี่ให้ตัวเองประจำ แต่วิธีพักของผมไม่ใช่ประเภทที่ไปนั่งๆ นอนๆ ชายหาด”
“ผมมักจะถูกถามว่าชีวิตประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่ พ่อแม่ที่มีลูกเรียนหนังสือดี มักจะถามว่าควรวางแผนให้ลูกอย่างไร ชีวิตผมอาจจะไม่ใช่ชีวิตที่มีการวางแผน แต่เป็นชีวิตที่มีโอกาสดีในแต่ละช่วง และใช้โอกาสเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ตอนม.4 จำได้ว่าไปเล่นดนตรีไทยเป็นเดือนๆ ไม่ชอบเรียนหนังสือ และไม่เคยเรียนพิเศษ แต่พอสอบเทียบได้ และสอบเข้าได้คณะที่ชอบ จึงรู้ตัวว่าไม่มีพื้นความรู้พอ ต้องตั้งใจเรียน จากที่เคยเล่นบ้างเรียนบ้าง ตอนสมัครเรียนต่อปริญญาเอกก็ไม่รู้ว่าจะได้ที่ไหน หลายมหาวิทยาลัยก็ปฏิเสธ ผมไม่ได้วางแผนระยะยาวแต่ผมถือว่าในแต่ละช่วงเวลาจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ให้คุ้มกับโอกาสที่มี”

First posted: 18 June 2015 | 02:55

นายกฯ เบรค "สมยศ"ผบ.ตร. หนุนเปิดคาสิโน แนะ มีสมองคิดเองได้

นายกฯ เบรค "สมยศ"ผบ.ตร. หนุนเปิดคาสิโน แนะ มีสมองคิดเองได้ บอกงง สร้าง บ่อน หรือ Entertainment Complex ลอยตัว บอกเฉยๆให้ได้ข้อยุติก่อน โยนให้ประชาชนตัดสิน จะเอาอะไรก็บอกมา คัดสินเอาเอง
พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการเปิดบ่อนกาสิโนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในขณะนี้ว่า เวลานี้รอฟังเขาดูอยู่ จะให้พูดได้อย่างไร
"ผมเองก็ยัง งงๆอยู่ เขาพูดหมายถึงว่าเป็นเอ็นเตอร์เม้นท์ คอมเพล็กซ์หรือเปล่า ผมอ่านจากที่สื่อมวลชนเขียน หรือจะเป็นการเปิดบ่อนให้คนไทยเล่น ผมก็ยังไม่รู้เลย สับสนไปมาอยู่นั่น ก็ลองฟังเขาดูก่อน ขอให้ได้ข้อยุติ มาก่อนว่า เขาจะเอาอย่างไร จะถูกจะผิดผมไม่รู้"
เมื่อถามว่า ทางพลตำรวจเอกสมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. พยายามผลักดันข้อเสนอนี้ต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กลับไปถามท่านดู
พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า คุณอยากให้มีหรือไม่ ซึ่งสื่อมวลชนบอกว่าไม่อยากให้มี
พลเอกประยุทธ์จึงถามว่า “ทำไมไม่อยากให้มี ก็คือไม่อยาก
"สำหรับผมก็เฉยๆ คนไทยควรจะวางอนาคตตัวเองกันบ้าง อันไหนเอาหรือไม่เอาก็บอกมา ซึ่งผมจะตัดสินใจอีกครั้ง ผมไม่ได้เข้าข้างใครและไม่ได้ลอยตัว มันจะลอยตัวได้อย่างไร เพราะท้ายที่สุด รัฐบาลต้องเป็นคนรับผิดชอบ วันนี้ก็มีปัญหาเยอะแยะเต็มไปหมด ก็ฟังไป เวลาที่เราฟัง คนที่ไม่ได้เรื่องพูด ยังฟังได้เลยใช่ไหม พูดห่วยๆกันเยอะผมก็ยังฟัง ยิ่งกว่านิ้อีกเสียหายกว่านี้อีก ผมก็ยังฟัง เรื่องนี้พอแล้ว ถามเรื่องอื่นเถอะ เอาเรื่องที่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ เรื่องนี้ไม่เกิดหรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผบ. ตร. ได้ประสานมาเพื่อที่จะอธิบายเรื่องการตั้งบ่อนกาสิโนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครประสาน ผบ.ตร. ประสานเรื่องอะไร คงไม่ต้องมาอธิบายอะไร ตนมีสมองคิดเป็น ทุกคนมีความคิดของตัวเอง


ใบสั่งสปช.หนุนคาสิโนแลกเก้าอี้สภาขับเคลื่อน

http://www.matichon.co.th/online/2015/06/14350449171435045276l.jpg

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านสังคม กล่าวถึง กรณีที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)กลุ่มรักชาติเสนอให้รัฐบาลตั้งบ่อนกาสิโนเพื่อนำรายได้มาพัฒนาประเทศว่าตนได้ข้อมูลมาว่าเรื่องดังกล่าวมีใบสั่งให้ออกมาเคลื่อนไหวโดยรับคำสั่งจากพลเอก ท่านหนึ่งที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากสมาชิก สปช.ท่านใดที่กล้าออกมาเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่จะมีการตั้งขึ้นในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากสปช.ใกล้จะหมดวาระแล้ว จึงทำให้มีสมาชิกบางคนคำนึงแต่ผลประโยชน์ตัวเอง โดยไม่คิดถึงปัญหาของสังคมที่จะเกิดขึ้น 

พร้อมทั้งตั้งคำถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า คนที่สามารถผลักดันให้เกิดบ่อนกาสิโนในประเทศไทยได้สำเร็จจะได้รับเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปตั้งพรรคการเมืองพรรคใหม่นั้น จริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่พระราชธรรมนิเทศ(พยอม กัลยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยหากมีการเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศนั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่พระที่มีคนนับถือมากมายจะออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะการพนันก็ถือเป็นเรื่องอบายมุขที่ขัดต่อศีล 5 อยู่แล้ว

นายสิระ กล่าวต่อว่า กรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่สนับสนุนมาก่อนหน้านี้นั้น ตนอยากจะเรียกร้องให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย พล.ต.อ.สมยศ ได้แล้ว เพราะเรื่องดังกล่าวก็ถือว่าเป็นการผิดวินัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แทนที่จะดำเนินการปราบปรามแต่กลับส่งเสริมให้เกิดสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งตอนนี้มีข้าราชการตำรวจชั้นผู้น้อยหลายคนเรียกร้องให้ พล.ต.อ.สมยศ เอาเวลาไปพัฒนาองค์กร ให้ตำรวจมีความมั่นคงไม่ต้องมาเบียดเบียนเอากับประชาชนน่าจะมีประโยชน์กว่า หรือการตั้งบ่อนกาสิโนในครั้งนี้ทำขึ้นเพื่อต้องการฟอกเงินให้ผู้ที่ทำผิดกฎหมายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนขอสาปแช่งผู้ที่ออกมาสนับสนุนเรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็น สปช. ตำรวจ หรือ พระ ให้ครอบครัวและบุตรหลานของคนเหล่านี้ติดการพนันแล้วจะรู้ว่า คำว่า ครอบครัวแตกแยกเป็นอย่างไร