PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561

'บิ๊กตู่'เตือนตัวเอง! ระวังคำพูดออกสื่อ หลังถูกสะกิด'ขี้โมโห-หงุดหงิด'

18 ธ.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม คสช.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การประชุม คสช.เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้เป็นการติดตามสถานการณ์ทั่วไปเรื่องความสงบเรียบร้อย เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่มีประเด็นอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกฯ พยายามเตือนตัวเองให้ระมัดระวังในเรื่องการพูดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการเตือนตัวเอง หลายคนบอกว่าตนขี้หงุดหงิด ขี้โมโห ตนก็ต้องปรับปรุงตัวเอง และทุกคนก็ต้องเตือนตัวเองในการออกสื่อ หรือการให้สัมภาษณ์หรืออะไรอยู่แล้ว การเมือง นักการเมืองทุกคนต้องช่วยกัน อย่าให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างบรรยากาศเดิมๆ เกิดขึ้นมาอีก บ้านเมืองก็ไม่สงบ วุ่นวายต่อไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนทำด้วยเจตนาบริสุทธิ์ มันก็เป็นสิ่งที่ดีกับประเทศชาติไม่ใช่หรือ ตนเองก็ไม่ต้องการให้นำคำพูดของตนไปบิดเบือน พูดอะไรก็เป็นประเด็นไปเสียทั้งหมด ซึ่งอาจจะทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล และต่อนายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องพรรคการเมืองใดๆ ในขณะนี้ทั้งสิ้น ไม่อยากให้มีผลในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลนี้จำเป็นต้องรักษากฎระเบียบเหล่านี้อยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคการเมืองโจมตี 4 รัฐมนตรี ไม่ลาออก ผิดเจตนารมณ์ในรัฐธรรมนูญ และไร้มารยาททางการเมือง จะกระทบการทำงานของนายกฯ และรัฐบาล หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ตนไม่ไปแก้ตัวให้กับใคร ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไร นักการเมืองก็เช่นเดียวกัน ต้องดูตัวเองด้วย ผิดกฎหมายเรื่องอะไรบ้างหรือไม่ ไม่ใช่เป็นนักการเมืองแล้วพูดได้ทุกอย่างมันคงไม่ใช่
"ท่านก็บอกว่าผมเป็นนักการเมือง ในฐานะที่เป็นนายกฯ ผมก็ยอมรับตรงนี้ แต่ผมก็ต้องระมัดระวังในการพูด ผมไม่อยากให้ประชาชนไปหลงเชื่อการหาเสียงต่างๆ ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง จะต้องมีหลักการคิดที่ถูกต้อง ประชาธิปไตยควรจะเป็นอย่างไร ประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกันเสมอไป และขอความร่วมจากสื่อมวลชน ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยด้วย นายกฯ ก็จะระมัดระวังตัวให้มากที่สุด เพราะผมไม่ได้ลงไปเลือกตั้งอะไรกับเขา ดังนั้น ผมก็ต้องรักษาระบบการบริหารราชการแผ่นดินในขณะที่เป็นรัฐบาลให้เรียบร้อยที่สุด ผมบอกแล้วหลายอย่างจะต้องรักษาสถานการณ์ไว้ให้ได้ เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในห้วงเวลาต่อไป ก็สุดแล้วแต่จะทรงโปรดเกล้าฯ ในเวลาใด" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า ที่นายกฯ บอกว่าต้องพยายามระวังเรื่องการพูด และไม่ได้ลงเลือกเลือกตั้ง หมายถึงจะไม่สังกัดพรรคใดเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เข้าใจคำว่าลงเลือกตั้งหรือไม่
ผู้สื่อข่าวยังถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ที่ลาการประชุม ครม.วันนี้ นายกฯ กล่าวว่า ท่านลาประชุม ครม.มีเรื่องส่วนตัวเล็กน้อย คนเราก็มีภารกิจกันบ้าง ที่ผ่านมาทำงานไม่มีวันพักร้อน เมื่อมีภารกิจอะไรก็ลา

'สมศักดิ์'เปรียบเกมฟุตบอลเหมือนการเมือง แพ้-ชนะมีแก้มือ มั่นใจพปชร.ชนะลต.แน่!

18 ธ.ค.61 ที่สนามฟุตบอลกรีนฟิลด์ มัยลาภ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมยุทธศาสตร์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังร่วมเตะฟุตบอลนัดพิเศษกับสื่อมวลชน ว่า เปรียบเทียบการแข่งขันฟุตบอลกับการเลือกตั้ง เกมฟุตบอลหากแพ้วันรุ่งขึ้นก็แข่งขันใหม่ได้ แต่การเมืองหากแพ้ต้องรออีก 4 ปี ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงมีกลุ่มที่รอไม่ไหว แล้วตีรวนตั้งม็อบ ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของการเมือง ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่ระบุว่ากติกาการเลือกตั้งครั้งนี้ถูกสร้างมาเพื่อพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นแค่การวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากกติกาดังกล่าวถูกสร้างมาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ไม่ได้ทำให้พรรคไหนได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงการจับเบอร์ผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย ว่า หลายคนมองว่าการจับเบอร์รายเขตดูเหมือนจะไม่ดี แต่ความจริงแล้วการใช้เบอร์เดียวหาเสียงทั่วประเทศ พรรคที่ได้เบอร์ท้ายๆ จะเป็นทุกข์และได้คะแนนน้อยลง
ส่วนการทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น วันนี้คณะกรรมการบริหารพรรคได้พูดคุยกัน แต่ส่วนตัวไม่ใช่คณะกรรมการบริหารพรรค จึงไม่ทราบรายละเอียด แต่ในวันที่ 23 ธ.ค.จะลงพื้นที่รับฟังความเห็นว่าประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกฯ รวมไปถึงรับปัญหาในพื้นที่เพื่อนำเสนอให้พรรคต่อไป

‘แม้ว-ปู’เย้ย! โผล่โซ้ยอาหาร ห่างสถานทูตไทยในสิงคโปร์ 200 ม.

‘แม้ว-ปู’เย้ย! โผล่โซ้ยอาหาร ห่างสถานทูตไทยในสิงคโปร์ 200 ม.
18 ธ.ค.61 ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก “กรุงเทพ กรุงเทพ” ซึ่งมักรายงานความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีคอร์รัปชั่นที่หลบหนีและอยู่ระหว่างถูกทางการไทยติดตามตัว โพสต์ข้อความระบุว่า “เล่าอะไรขำๆหน่อย วันนี้"ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-อิงค์" ไปทานร้านอาหารที่อยู่ใกล้สถานทูตไทยในสิงคโปร์ ห่างกันแค่ 200 เมตร เอง
ถ้าออกมาจาก สถานเอกอัครราชทูตไทย เดินแค่ไม่ถึง 3 นาทีก็ถึงร้านอาหารแระ แค่เดินมาทางถนน Orchard เลี้ยวซ้ายมาทาง Claymore Hill แล้วเลี้ยวขวาอีกไม่ถึง40 เมตร ก็เจอสองนายกฯแล้ว”
นอกจากนี้ ยังโพสต์ด้วยว่า "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-อิ๊งค์" นายกฯทักษิณ ทำตามสัญญา แวะมาทาน ก๋วยเตี๋ยว Thaksin Beef Noodle ร้านอยู่ที่ ถนน Seah Im ในสิงคโปร์ (Seah Im food centre) เจ้าของร้านชื่อ Jaesen Ng มาต้อนรับ #ทษช

ระวังตัวแจ

นิ่งๆ...ระวังตัว

“นายกฯบิ๊กตู่” ออกอีเว้นท์ ก่อนประชุม ครม. แต่ ดูนิ่งๆ ไม่ค่อย ปล่อยมุข หรือมีส่วนร่วม เท่าใดนัก. แม้จะมี โขน หนุมาน และ มโนราห์ มาเต้นให้ดู ต่อหน้า แต่นายกฯก็ดูเฉยๆ ไม่ได้หยอกล้อ เล่นอะไร กับตัวละคร เช่นที่เคย

ทั้งนี้ คาดว่า พลเอกประยุทธ์  จะระวังตัวมากขึ้น ในการพูด หรือแสดงออกใดๆ หลังจากที่ถูก “อ.วิษณุ เครืองาม” เตือนให้ระวัง การเข้าข่ายหาเสียง จน พลเอกประยุทธ์ ออกตัวว่า “จะให้ผมนอน  อยู่บ้านเฉยๆมั้ง ผมก็ทำหน้าที่ในฐานะนายกฯของผม”

อีกทั้ง วานนี้ นายกฯงดตอบประเด็นการเมือง โดยระบุว่า เดี๋ยวนี้ พูดอะไรจะต้องระวัง

โดยในวันนี้ นายกฯกล่าวตอนหนึ่ง  ว่า หากมีอะไรก็ให้พูดกับรัฐบาล ไปพูดกับการเมืองไม่ได้ 

“รัฐบาลก็คือรัฐบาล พรรคการเมืองก็คือพรรคการเมือง ไม่เกี่ยวกัน” นายกฯระบุ

ระดมทุน

พรุ่งนี้!!...วันงานระดมทุน “พรรคพลังประชารัฐ” แล้วนะฮะ!!....โต๊ะละ 3 ล้าน 200 โต๊ะ  ..เล็งได้ 600 ล้าน!

อันนี้ แค่ ทุน แบบเปิดเผย ......พรรคพลังประชารัฐ จัดงานเลี้ยงระดมทุน “ประเทศไทยหนึ่งเดียว” 19 ธ.ค.61 ที่อิมแพค ฟอรั่ม ฮอลล์ 9 ในรูปแบบโต๊ะจีน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท 

โดยมี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแม่งาน

งานเริ่ม 18.00 น. เปิดให้ลงทะเบียน จากนั้นพบกับกิจกรรม Opening show : ปลุกยักษ์ไทยด้วยพลังไทยแห่งประชารัฐ

 ต่อด้วยการแสดงของศิลปิน โก้ Mr.Sax Man ในเพลง “พลังแห่งความรัก”, คิง The Voice ในเพลง “เราจะไป” 

จากนั้น  นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะขึ้นกล่าวต้อนรับ พร้อมรับชมวิดีโอ : พลังประชารัฐ พลังสู่ทางออกประเทศไทย

จากนั้น พบกับการแสดงของศิลปิน “หรั่ง ร็อคเคสตร้า” ในเพลง “เป็นหนึ่งเดียว” และการแสดงประกอบเพลง “รักเธอประเทศไทย” ต่อด้วยกิจกรรม Interactive Idea Sharing

ต่อจากนั้น นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปาฐกถาเรื่อง “เชื่อมั่นนโยบายพลังประชารัฐ”

พบการแสดงประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ “แผ่นดินของเรา” โดย รัดเกล้า อามระดิษ พร้อมบทเพลงพิเศษ 

ต่อด้วย Entertainment Show โดย “ทาทา ยัง” 

ก่อนจะได้พบกับ “จอห์น นูโว” จอห์น รัตนเวโรจน์  ร้อง เพลง “ส่งมือพร้อมหัวใจ”

จากนั้น นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะขึ้นกล่าวขอบคุณ 

ก่อนร่วมถ่ายภาพ และปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต จาก. วง “นูโว”

คัดเลือกส.ว.ชั้นอำเภอฉลุย




คัดเลือกส.ว.ชั้นอำเภอฉลุย

17 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00:01 น.    
คัดเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ 928 อำเภอ ทั่วประเทศฉลุย "จรุงวิทย์" ระบุทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยัน กกต.ประชาสัมพันธ์ทั่วถึง เตรียมการเลือกระดับจังหวัด 22 ธ.ค.นี้ ก่อนไปเลือกระดับประเทศวันที่ 27 ธ.ค.61
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธ.ค.2561 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ระดับอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 928 อำเภอ มีการลงคะแนนเลือกกันเองใน 197 อำเภอ อีก 52 อำเภอไม่มีการเลือก เพราะไม่มีผู้สมัคร ส่วนอำเภอที่มีผู้สมัครไม่ถึงเกณฑ์ 3 คน จำนวน 679 อำเภอ ผู้สมัครจะไปรายงานตัวอย่างเดียว และจะผ่านไปคัดเลือกระดับจังหวัด ซึ่งภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 

    ที่สำนักงานเขตบางพลัด กทม. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมนายพิชญา นาควัชระ รองปลัด กทม. และ น.ส.วิชชุดา เมฆานุวงศ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร เดินทางมาสังเกตการณ์การเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ ที่สำนักงานเขตบางพลัด ซึ่งเป็นสถานที่เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ระดับอำเภอ โดยเขตบางพลัดมีผู้สมัครจำนวน 7 คน แบ่งเป็นสมัครด้วยตนเอง จำนวน 6 คน สมัครโดยคำแนะนำจากองค์กร 1 คน และเลือกกันเองเพียง 1 กลุ่ม คือ กลุ่มสตรี ซึ่งมีผู้สมัครจำนวน 4 คน โดยผู้สมัครจะทำการเลือกกันเองให้เหลือ 3 คน ตามที่กฎหมายกำหนด

    พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ภาพรวมการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วง เหตุการณ์ปกติทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่อยากฝากไปถึงการเลือกระดับจังหวัดและระดับประเทศ ผู้สมัครต้องศึกษาวิธีการให้ดี เพื่อป้องกันการเกิดบัตรเสีย เพราะบัตรเสียจะไม่นับเป็นคะแนน 

    "ที่พบมีหลายอำเภอไม่ต้องมีการเลือกกันเอง โดยผ่านไประดับจังหวัดมีจำนวนพอสมควร อาจจะเป็นเพราะระบบใหม่ แต่ยืนยันการประชาสัมพันธ์ของ กกต.ทำเต็มที่ทั่วถึงไปทุกจังหวัดและทุกอำเภอ เราได้เชิญชวนให้มีการสมัคร และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของหน้าที่ ส.ว.ว่าต้องทำอะไรบ้าง" พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว

    เลขาฯ กกต.กล่าวว่า ในส่วนกระบวนการเลือกระดับจังหวัดที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.2561 โดยได้เตรียมการไว้หมดแล้ว เชื่อว่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้

    ด้านนายพิชญากล่าวว่า ในส่วนของ กทม. มี 2 เขตที่ไม่มีผู้สมัคร ส.ว.คือ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตสาทร ส่วนเขตที่มีผู้สมัครไม่เกิน 3 คน จะผ่านไปเลือกระดับจังหวัด โดย กทม.มีเพียง 3 เขตที่มีผู้สมัครเกินจำนวน คือ เขตบางพลัด บึงกุ่ม และประเวศ ซึ่งทั้ง 3 เขตต้องลงคะแนนเลือกกันเอง ซึ่งกระบวนการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย คาดว่า กทม.จะสามารถสรุปผลได้ภายในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จากนั้นในวันที่ 22 ธ.ค. จะมีการเลือกระดับจังหวัด ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อเลือกตัวแทนของ กทม. ก่อนนำไปรวมกับอีก 76 จังหวัด และเลือกระดับประเทศในวันที่ 27 ธ.ค.นี้
    สำหรับกรุงเทพมหานคร มีผู้สมัครจำนวนทั้งสิ้น 214 คน แบ่งเป็นสมัครด้วยตนเอง จำนวน 153 คน สมัครโดยคำแนะนำจากองค์กร จำนวน 61 คน มีการเลือกกันเอง จำนวน 3 เขต ประกอบด้วย เขตบางพลัด เขตบึงกุ่ม ซึ่งเป็นการเลือกกันเองในกลุ่มสตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น ประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ ส่วนเขตประเวศ มีการเลือกกันเองในกลุ่มการศึกษา โดยผู้ที่ผ่านการเลือกระดับอำเภอของกรุงเทพมหานคร จะไปทำการเลือกระดับจังหวัดในวันที่ 22 ธ.ค. ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง
    ขณะที่บรรยากาศการคัดเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ ในจังหวัดต่างๆ นั้น ที่ จ.ขอนแก่น ใช้ชั้น 2 หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองฯ จ.ขอนแก่น เป็นสถานที่คัดเลือก ส.ว. นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน พร้อมระบุว่า จ.ขอนแก่นคัดเลือกในระดับอำเภอ 3 คน ในแต่ละกลุ่ม ถ้ากลุ่มไหนเกิน 3 คน ก็จะให้มีการเลือกกันเอง แต่ถ้าไม่เกิน 3 คน ก็สามารถผ่านเข้าไปได้เลย และจะต้องมีการคัดเลือกกันอีกทีในระดับจังหวัด

    จ.กาฬสินธุ์ บรรยากาศการรายงานตัวและเลือก ส.ว.ระดับอำเภอทั้ง 18 อำเภอ เป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สมัครที่ต้องการรับเลือกเป็น ส.ว.ซึ่งคุณสมบัติผ่านครบถ้วน ทั้งการสมัครด้วยตนเอง และจากการแนะนำขององค์กรทั้ง 10 กลุ่ม เดินทางเข้ามารายงานตัวและคัดเลือกกันเองแต่ละกลุ่มจำนวนมาก

    จ.กาญจนบุรี น.ส.สุชัญญา วิมุกตายน ผอ.กกต.กาญจนบุรี กล่าวว่า กาญจนบุรีมีอำเภอที่ต้องเลือกด้วยกัน 4 อำเภอ จากทั้งหมด 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองฯ, อำเภอท่าม่วง, อำเภอไทรโยค และอำเภอบ่อพลอย ซึ่งทุกแห่งเป็นด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม การเลือก ส.ว.อาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควร เนื่องจากผู้มีสิทธิในการเลือกก็คือผู้สมัครด้วยกันเอง

    จ.ปทุมธานี มีการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอทั้งสิ้น 7 อำเภอ โดยมีการเลือก ส.ว.ใน 3 อำเภอ คือ อ.เมืองฯ,  อ.ธัญบุรี และ อ.ลำลูกกา ซึ่งภาพรวมการเลือกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วน อ.คลองหลวง ไม่ต้องมีการเลือกแต่ผู้สมัครต้องมารายงานตัว ณ สถานที่เลือก คือหอประชุมอำเภอคลองหลวง ตามระยะเวลาที่กำหนด คือ 08.00-09.00 น. อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้สมัครไม่มารายงานตัว 2 ราย โดยเป็นผู้สมัครในกลุ่ม 3 การศึกษาและสาธารณสุข และในกลุ่ม 10 อิสระ โดยผู้สมัครทั้ง 2 ราย เดินทางมาถึงสถานที่รายงานตัวในช่วงเวลา 09.05-09.10 น. คณะกรรมการประจำสถานที่เลือก จึงไม่รับรายงานตัวผู้สมัครทั้ง 2 คน เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.พ.ศ.2561 มาตรา 94 (1) กำหนดให้ผู้สมัครต้องมาถึงสถานที่เลือกและแสดงตนภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด และระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือก ส.ว.พ.ศ.2561 ข้อ 87 กำหนดให้มารายงานตัวระหว่างเวลา 08.00-09.00 น.

    จ.ลพบุรี ได้จัดการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอใน 5 อำเภอ ที่มีผู้สมัครแต่ละกลุ่มเกินกว่า 3 คน ได้แก่ อ.เมืองลพบุรี อ.ท่าวุ้ง, อ.ชัยบาดาล, อ.โคกสำโรง และ อ.พัฒนานิคม ซึ่งผู้สมัครในแต่ละกลุ่มแต่ละวิธีการสมัครที่ได้คะแนนสูงสุด 3 ลำดับแรกของแต่ละกลุ่ม และแต่ละวิธีการสมัคร จะเป็นผู้ได้รับเลือกระดับอำเภอ จากนั้นในวันที่ 22 ธ.ค. จะเป็นการเลือก ส.ว.ระดับจังหวัด โดยผู้สมัครจะเลือกกันเองในแต่ละกลุ่มแต่ละวิธีการสมัคร ซึ่งผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด 4 ลำดับแรก จะเป็นผู้ได้รับเลือกระดับจังหวัด

    จ.อุตรดิตถ์ มีผู้สมัคร ส.ว.ทั้ง 9 อำเภอ จำนวน 101 คน โดยมี 4 อำเภอ 5 กลุ่ม ได้แก่ อำเภอเมืองฯ,  ลับแล, ทองแสนขัน และท่าปลา ที่มีผู้สมัครเกิน 3 คน ต้องมีการเลือกระดับอำเภอให้เหลือ 37 คน เพื่อเข้าสู่การเลือกในระดับจังหวัด วันที่ 22 ธ.ค.นี้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

    จ.ยะลา ที่หอประชุมอำเภอเบตง ซึ่งเป็นสถานที่เลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ระดับอำเภอ โดยอำเภอเบตงมีผู้สมัครจำนวน 4 คน ประกอบด้วย 1.นายประสิทธิ์ อ้วนเส้ง ผู้สมัครจากกลุ่มที่ 1 2.นายสุพล แก้วกำเหนิด ผู้สมัครจากกลุ่มที่ 2 3.นายมณเทียร แตปูซู ผู้สมัครจากกลุ่มที่ 5 4.นางจำนงค์ ละอองแก้ว ผู้สมัครจากกลุ่มที่ 8 เป็นผู้สมัครด้วยตนเองทั้งหมด  ได้เข้ารอบสู่ระดับจังหวัด โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกกันเอง เนื่องจากมีจำนวนผู้สมัครไม่เกิน 3 คน ต่อสาขา โดยภาพรวมการเลือก ส.ว.อำเภอเบตง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย.