PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

วิษณุ ชี้หัวหน้า คสช. ไม่ใช่ จนท.รัฐแต่เป็นองค์กรชั่วคราว สามารถเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้

วิษณุ เครืองาม ชี้หัวหน้า คสช. ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ คสช. เป็นเพียงองค์กรชั่วคราว ตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น พร้อมอ้างมติ ป.ป.ช. ที่เห็นว่า คสช. ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ เผย พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมดีเบตได้หรือไม่ต้องรอ กกต. ยืนยัน และเป็นเรื่องของเจ้าตัวที่จะตัดสินใจร่วมวงดีเบตหรือไม่
25 ก.พ. 2562 สำนักข่าวไทย รายงานว่า วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมเวทีดีเบต ว่า พรรคพลังประชารัฐได้ถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วว่าสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งเป็นการดี เพราะเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ผู้สมัครของพรรค และไม่ได้เป็นที่ปรึกษาพรรคด้วย อาจมีปัญหาหมิ่นเหม่ เรื่องข้อกฎหมาย
“หาก กกต.ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเข้าร่วมดีเบตได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยได้มาก หากมีพรรคการเมืองไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ หรือเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ในเรื่องนี้ หาก กกต.ระบุว่า สามารถทำได้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าจะร่วมดีเบตหรือไม่” วิษณุ กล่าว
ลงโฆษณากับประชาไท
ระดมทุน 1 ล้าน พิมพ์หนังสือ ‘รู้ก่อนกา กลเกมเลือกตั้ง 62’ แสนเล่ม
วิษณุ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถดีเบตได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้คำพูด หากพูดไม่เป็น ก็จะเกิดอันตราย ต้องเป็นคำพูดที่เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของตัวเอง สิ่งที่เคยทำในอดีต ทำอยู่ปัจจุบัน และหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรต่อไป แต่ไม่ใช่การพูดนโยบายของพรรค เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ทั้งผู้สมัครและสมาชิกของพรรค 
อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมาปรึกษาเรื่องข้อกฎหมายเกี่ยวกับการดีเบต และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรหรือไม่ควรไปดีเบต แต่ยอมรับว่า ส่วนตัวและประชาชนต้องการเห็นเช่นกัน 
ส่วนกรณีที่เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นร้อง กกต. ให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ จากการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ยังเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าช่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ นั้น วิษณุ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่เข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 98(15 ) ที่ระบุว่า เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานราชการหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ คสช. เป็นแค่องค์กรชั่วคราวที่ถูกตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้ง อ้างประกาศของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีมติออกมาแล้วว่า คสช.ไม่ต้องยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากเป็นองค์กรที่ตั้งมาชั่วคราวตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น 

พรรคยังไม่ส่งนโยบายหาเสียง

พรรคภูมิใจไทยเรียกร้องกกต.ให้พรรคการเมืองส่งนโยบายที่ใช้หาเสียง หวั่นการเลือกตั้งเป็นโมฆะ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการตาม มาตรา 57 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ให้การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการประกาศโฆษณาให้คำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมือง ต้องมีวงเงินที่ใช้ ความคุ้มค่า ประโยชน์ ผลกระทบและความเสี่ยง หากพรรคการเมืองไม่ได้ทำรายการเหล่านี้ ให้คณะกรรมการสั่งดำเนินการให้ถูกต้อง หากไม่ทำจะมีความผิดตามมาตรา 121 ที่มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ปรับวันละหนึ่งหมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้ทำหนังสือสอบถาม กกต.ไปเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม และ กกต.ตอบมาในวันที่ 9 มกราคม ว่าไม่มีกฏหมายกำหนดให้พรรคการเมืองจะต้องแจ้งนโยบายที่จะใช้ประกาศโฆษณาหาเสียงกับ กกต. แต่พรรคภูมิใจไทย ก็เป็นห่วงผลที่จะเกิดขึ้นภายหลัง จึงทำหนังสือแจ้งนโยบายไปยังกกต.เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ซึ่งพรรคการเมืองไม่แจ้งไว้ หากหลังการเลือกตั้งไม่สามารถทำได้อย่างที่หาเสียง ถ้าถูกฟ้องร้อง จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ กกต.ก็จะถูกฟ้องร้องด้วย  #ข่าว3มิติ

ประยุทธเคยเมินดีเบต

(12/2/62)

นายกฯ ไม่กดดันหลังรับนั่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พปชร. ยืนยันไม่ร่วมดีเบต ขอประชาชนอย่าเชื่อ คนพูดเก่ง แต่ตามนโยบายไม่ได้ ย้ำไม่ได้หาเสียงผ่านรายการศาสตร์พระราชาฯ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ยืนยัน ไม่รู้สึกกดดันการทำงาน หลังเป็นเต็งหนึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยยังทำงานเต็มที่ทุกวัน ทั้งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของพรรคการเมืองจะว่ากันไป 

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีปฏิเสธตอบคำถามเรื่อง สถานการณ์วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยกล่าวสั้นๆว่า ไม่มีความเห็น เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อจะดำเนินการ 

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า จากนี้การวางตัวของตนก็ต้องระมัดระวังให้เป็นไปตามกฏหมายของ กกต.กิจกรรมที่เป็นเรื่องของรัฐบาลและความจำเป็นของประเทศ ก็ต้องดำเนินการ อย่านำมาเป็นประเด็นการเมือง เพราะเป็นคนละเรื่องการเมืองและการเลือกตั้งเป็นเรื่องของอนาคต จะกำหนดบทบาทประเทศอย่างไร ประชาชนต้องเรียนรู้ 

ส่วนการลงพื้นที่ของพรรคพลังประชารัฐ จะมีตนร่วมลงพื้นที่ด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินการ แต่ส่วนของจนประชาชนสามารถพบตนในทุกช่องทางอยู่แล้ว อย่าทำให้เป็นประเด็น เพราะมีโอกาสที่จะพบประชาชนไม่ผิดกฏหมาย 

ส่วนเรื่องที่จะให้ตนไปร่วมดีเบต เป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่อยากฝากอย่าไปเชื่อคนที่พูดเก่งอย่างเดียว แต่นำมาทำเป็นนโยบายไม่ได้ เพราะมีผลกระทบกับเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณ อีกทั้งการทำงานไม่ได้ง่าย มีกฏหมายบังคับใช้อยู่แล้ว


พล.อ.ประยุทธกล่าว

จรัญ พงษ์จีน : เลือกตั้ง 24 มี.ค.กลับมาจุดไม่แน่นอน จากเหตุพลิกล็อก-ข่าวลือปฏิวัติซ้อน-หนักแผ่นดิน

“สถานการณ์ 8 กุมภาพันธ์” เอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้กับขั้วเอาทหาร ไม่เพียงแต่“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะพลิกเกมขึ้นมากุมความได้เปรียบ หากแต่ฝั่งของ “พรรคเพื่อไทย” งานเข้าหนัก แผน “แตกแบงก์พัน” ต้องเสียขบวน ไม่ว่า “พรรคไทยรักษาชาติ” จะถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ยุบก็ตาม

ฝั่งของ “บิ๊กตู่” เหมือนจะ “ดี” แต่ตรงกันข้ามกลับเป็น “ไม่ดี”

เพราะมีเรื่องพิกล ประเด็นร้อนสอดแทรกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนแล้วไม่เป็นมงคล เริ่มจาก มือดีนำภาพการขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์-รถยานเกราะมาแชร์ พร้อมโปรยข่าวลือว่าจะมี “ปฏิวัติซ้อน-ยึดอำนาจซ้ำ”

“กองทัพบก” ต้องแก้ข่าวกันพัลวันพัลเก ว่าเป็นการขนย้ายรถถังเพื่อการฝึก จากที่ตั้งหน่วยปราจีนบุรี ชลบุรี ไปฝึกร่วมที่ลพบุรี

ไฟ “ปฏิวัติซ้อน” ยิ่งลามทุ่งหนัก เมื่อเช้าขึ้นอีกวัน มีการเผยแพร่ราชกิจจานุเบกษาปลอม โดยข้อความระบุโดยสรุปว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ในฐานะหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งปลดฟ้าผ่า “3 ผบ.เหล่าทัพ” บก-เรือ-อากาศ ล้างกระดานทั้ง “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์-พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์” และ “พล.อ.อ. ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน”

จน “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องออกโรงดับไฟข่าวลือเองว่า มาตรา 44 ใช้กับทุกตำแหน่งไม่ได้ นอกจากนี้ การทำราชกิจจานุเบกษาปลอม ถือเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นการ “เสี้ยม” ให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ

“การปล่อยข่าวปลด ผบ.เหล่าทัพ ไม่ทราบเหตุผล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นความจริงผมจะต้องแจ้งอยู่แล้วเรื่องการโยกย้ายหรือออกคำสั่ง จะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ม.44 ไม่สามารถใช้ได้ทุกตำแหน่ง ใช้เฉพาะคนที่มีปัญหาเท่านั้น” บิ๊กตู่กล่าว

ขณะเดียวกัน ทาง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ของขึ้น ได้สั่งการให้เร่งติดตามหามือทำคำสั่งปลอมปลด 3 ผบ.เหล่าทัพ โดยขีดเส้นตายให้ 7 วันต้องออกหมายจับ

เมื่อบุคคลระดับ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ออกมาคอนเฟิร์มเอง ข่าวลือ “ปฏิวัติซ้อน-รัฐประหารซ้ำ” เป็นอันจบ

แต่จบแบบไทย-ไทย คือไม่สนิท ตามสำนวน “ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้” คนส่วนหนึ่งเชื่อว่า เรื่องที่เล่าลือกันอยู่ อาจจะมีข้อมูลเป็นจริงอยู่บ้าง เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว อยู่ดีๆ คงไม่มีคนพูดขึ้นมาลอยๆ ได้

 

กลับไปที่ “สถานการณ์เลือกตั้ง” เหลือวันเวลาอยู่ไม่ถึง 30 วันแล้ว วันที่ 24 มีนาคม วันทำศึก พรรคการเมืองทุกพรรคเปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ด่ากันขรม ยกตนข่มท่านกันควั่ก ยังกะตลาดผัก

นักการเมืองจมูกริดสีดวงไม่ได้รับประทาน หัวไวเป็นลิง ฟ้าแลบแปล๊บ คำรามลั่น รู้ว่า ฝนตั้งเค้าใกล้จะตก ยิ่งเมื่อมาประจวบเหมาะกับการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงเลือกตั้งของ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่ง “คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

เกิดรายการกลอนพาไป ชำแหละเอากองทัพ ริจะตั้งกองทุนสร้างเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ หรือสร้าง “เถ้าแก่ใหม่” เลิกการเกณฑ์ทหาร จับชายไทยและผู้สนใจมาเข้าค่ายทำธุรกิจสร้างตัวเองให้เป็นเจ้าของกิจการ โดยใช้งบฯ ของกระทรวงกลาโหม 10 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2 หมื่นบาทต่อปี คาดว่าจะสามารถสร้างนักธุรกิจได้ประมาณ 2-3 หมื่นคน

จริงอยู่ คำปราศรัยของ “หญิงหน่อย” ย่อมถูกอกถูกใจท่านผู้ฟังและผู้ชมที่เป็นกองเชียร์

แต่กระทรวงกลาโหม และโดยเฉพาะ “กองทัพบก” ย่อมไม่สนุกด้วย จึงร้อนถึง “บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผบ.ทบ. มีคิวเดินทางไปเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนา กอ.รมน.ครบรอบ 11 ปี

หลังจบพิธี “บิ๊กแดง” หน้าบอกบุญไม่รับอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวดันไปแหย่รังแตนเข้าไปอีก ยิงคำถามเรื่องที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” ปราศรัยจะตัดงบประมาณทหาร 10 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร

“ผบ.แดง” ยิ่งเพิ่มจุดเดือด ไฟพะเนียงเลยแตก ไล่ผู้พูดให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”เป็นการตอบโต้

ไม่เพียงเท่านั้น วันเดียวกันได้สั่งการให้ “กรมกิจการพลเรือนทหาร” นำเพลงแนวปลุกใจทหาร เช่น เพลงมาร์ชกองทัพบก เพลงความฝันอันสูงสุด และเพลง “หนักแผ่นดิน” ไปเปิดในสถานีวิทยุของกองทัพบก ทุกสถานีจำนวน 126 สถานีทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ

ผลส่งให้บรรยากาศศึกเลือกตั้ง ปะปนระคนนัวเนียกับบรรยากาศปฏิวัติ ไม่รู้ว่าจะออกทางไหน

อุณหภูมิทางการเมืององศาพุ่งปรี๊ด เดือดปุดขึ้นมาทันที โอกาสที่ “ปรอทแตก” อีกครั้งมีความเป็นไปได้สูง

อย่างไรก็ตาม ดังที่บรรยายสรรพคุณว่า คนการเมืองจมูกไวทายาด ได้กลิ่นอะไรรวดเร็ว เห็นฝนตั้งเค้า ตุ๊กแกร้อง “ตับแก” ครั้งเดียวก็รู้ว่าภัยกำลังมา จับกระแสถูก

กอปรกับสถานการณ์ว่าด้วยการเลือกตั้ง นับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ 8 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา มันแกว่งตุปัดตุเป๋ยังไงชอบกล

รวนไปทุกองค์ประกอบ แถมเลือกตั้งเมื่อแล้วเสร็จ ทำท่าจะ “ห่วยแตก” หนักกว่าเก่า

ใต้ร่มเงารัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 ที่กำหนดสูตรเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ไม่มีพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดชนะขาด

จำเป็นต้องฟอร์มรัฐบาลผสม ซึ่งทุกพรรคที่เป็นแกน จะเหนื่อยโคตร ถึงเหนื่อยฉิบหาย และมีความเป็นไปได้สูง เงื่อนไขดังกล่าว จะเป็นห้องเครื่องทำให้ผู้คนในสังคมไทย ซึ่งแตกแยกกันอยู่แล้ว มีเชื้ออยู่แล้ว แตกคอกันหนักกว่าเดิม นำพาประเทศชาติเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง

ด้วยประการดังกล่าว จึงมีข่าวว่า นักเลือกตั้งทุกพรรค เริ่มจะพากัน “หนาว” ก้าวถัดไปต่อจากข่าวลือ “รัฐประหารซ้อน-หนักแผ่นดิน” อาจจะมีเหตุทับซ้อน ดีไม่ดีโปรแกรมเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ซึ่งจะระเบิดขึ้นในไม่กี่วันนี้อยู่แล้ว อาจจะต้องเลื่อน หรือ “ยกเลิก” อีกครั้ง

“หลายพรรคการเมือง” พากันปอดกระเส่า งดจ่าย “ท่อน้ำเลี้ยง” ลงเป็นการชั่วคราว

รอให้เฆมก้อนใหญ่พัดผ่านไปก่อนค่อยมาเดินเครื่องกันใหม่

สรุปว่า ศึกเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม ยังไม่ชัวร์

คลังสะกิดหาเสียง แข่งแจก มีงบแค่แสนล้าน



พปชร.ขู่ "ตู่" ขึ้นเวทีจะรู้คิดผิด ปชป.จี้250ส.ว.ยึดเสียงปชช. พท.ลั่นล้มกม.ทำร้ายชาวนา

แกนนำ พปชร.ยักท่ารอ กกต.การันตีส่ง “ประยุทธ์” ขึ้นเวทีดีเบต ยันถ้าไม่ผิดกฎหมายพร้อมเดินหน้าทันที “ธนกร” ขู่กลับถึงวันนั้นคนท้าจะรู้ว่าคิดผิด “กอบศักดิ์” ฟุ้งกระแสพรรคพุ่งปรี๊ดกวาด ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คนทิ้งขาดคู่แข่ง “องอาจ” ย้ำ “บิ๊กตู่” ตั้ง 250 ส.ว.ผลประโยชน์ทับซ้อนชัดๆ เสียงหนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ส.ว.ต้องยึดเสียงประชาชน “ชัชชาติ” ชี้แคนดิเดตนายกฯไม่ใช่ศัตรู ผู้นำไม่กล้าโชว์กึ๋นจะเสียเปรียบเอง “เจ๊หน่อย-โอ๊ค” บุกเมืองเลยดันเด็กใหม่สู้ “ปรีชา” เลือก พท.สินค้าเกษตรจะดีขึ้นอย่างน้อย 3% ใน 6 เดือน ด้าน “สมชาย” ลั่นยกเลิกแน่ พ.ร.บ.ข้าวทำร้ายชาวนา “ธนาธร” ระดม “ฟิวเจอริสต้า” 9 หมื่นคนกัดติดจับโกง 9 หมื่นหน่วยเลือกตั้ง “จตุพร” ปลุกชาวสกลนคร-มวลชนเสื้อแดง เข้าคูหาขับไล่เผด็จการ

จากกรณีหลายพรรคการเมืองรุมท้าทายให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขึ้นเวทีดีเบตร่วมกับคู่แข่งพรรคอื่น ล่าสุดแกนนำพรรคพลังประชารัฐระบุกำลังรอคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าสามารถทำได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ก็พร้อมจะ เดินหน้าทันที

“กอบศักดิ์” ชูตลาดชุมชนปากเกร็ด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่ตลาดปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นำทีมลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาและลงพื้นที่เขต 4 จ.นนทบุรี เพื่อช่วยนายณรงค์ จันทนดิษฐ ผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี นายกอบศักดิ์กล่าวกับชาวบ้านว่า อ.ปากเกร็ด เป็นพื้นที่ตัวอย่างที่เข้มแข็งมีการรวมตัวของสถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดร่วมใจ เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนทางการเงินต่ำลง เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวดีจากรัฐบาลที่อนุมัติ พ.ร.บ.สถาบันการเงินชุมชนมา รองรับความเป็นนิติบุคคลของสถาบันชุมชน พรรคพลังประชารัฐพร้อมสนับสนุนส่งเสริมให้มีสถาบันการเงินชุมชนในทุกชุมชนและมีนโยบายสนับสนุนให้มีตลาดชุมชนใกล้บ้าน ส่งเสริมอาชีพและรายได้ในชุมชน

มั่นใจยึด 150 ส.ส. ขึ้นทิ้งขาดคู่แข่ง

นายกอบศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่าพรรคยังรอคำตอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของพรรค ทำอะไรได้บ้างที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งการขึ้นเวทีดีเบตและลงพื้นที่ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียง และต้องรอปรึกษาทีมกฎหมายก่อน เพื่อให้ชัดเจน มั่นใจว่าไม่ขัดต่อกฎหมาย จากนั้นจะขอตารางงาน พล.อ.ประยุทธ์เพื่อเดินหน้าทันที เพราะขณะนี้พรรคอื่นได้เปรียบแคนดิเดตนายกฯแต่ละพรรค ลงพื้นที่พบปะประชาชนได้ และจากการลงพื้นที่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่ง ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 150 คน แม้ผลโพลจะเคยระบุว่าแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับหนึ่ง แต่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม ยังมีเวลาเหลืออีก 30 วันจะเดินหน้าลงพื้นที่ขอคะแนน มั่นใจจะชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่างหลายช่วงตัว

รอดูข้อ ก.ม.ลุ้น “บิ๊กตู่” ร่วมดีเบต

ขณะที่เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดแยกทศกัณฑ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 2 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายโกวิทย์ ธารณา ผู้สนับสนุนนพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตบางแค หาเสียง นายณัฏฐพลกล่าวว่า มั่นใจว่า ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่เขตบางแคนี้จะเอาชนะคู่แข่งได้ เพราะมีทีมงานเป็นคนพื้นที่สนับสนุน เราชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจส่งเสริมให้ฝั่งธนบุรีเป็นพื้นที่ศูนย์กลางการค้าและผลักดันให้การคมนาคมทุกรูปแบบเชื่อมโยงกับพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ส่วนกรณีที่หลายพรรคเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีดีเบต เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะมีโอกาสขึ้นเวที ประชันนโยบายแน่นอนแต่ต้องรอให้ กกต.ดูข้อกฎหมายและบอกพรรคก่อนว่าจะทำได้หรือไม่


ขู่ถึงวันขึ้นเวทีคนท้าจะรู้ว่าคิดผิด

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ผลโพลหลายสำนักระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่ออีกสมัย เพราะมีผลงานชัดเจน อยากให้ประเทศสงบ ส่วนกระแสพรรคพลังประชารัฐดีขึ้นมาไล่ๆกับพรรคเพื่อไทย เพราะนโยบายของพรรคจับต้องได้และทำได้จริง แม้ว่าผลโพลจะออกมาดี แต่พรรคยังกำชับให้ผู้สมัครลงพื้นที่หาเสียงให้หนักกว่าเดิม ให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด กรณีพรรคการเมืองเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ร่วมดีเบต ถ้า กกต.แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมาพรรคพร้อมเชิญท่านเชื่อว่าประชาชนจะต้อนรับจนคนท้าจะรู้สึกตัวว่าคิดผิดมาตลอด เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนพูดจริง ทำจริง ไม่ใช่ดีแต่พูด


ปชป.ย้ำ “บิ๊กตู่” ประโยชน์ทับซ้อนชัด

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. เตรียมตั้ง ส.ว.ที่มีอำนาจเลือกนายกฯ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐด้วยว่าถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน เป็นการใช้อำนาจที่ก่อให้เกิดความไม่ชอบธรรม เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. แต่งตั้ง ส.ว.และ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ ส.ว.จะเลือกคนที่แต่งตั้งตัวเองมาคือเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรค

แต้มหนุนไม่ถึงครึ่ง ส.ว.ต้องยึดเสียง ปชช.

นายองอาจกล่าวต่อว่า โดยเฉพาะกรณีพรรค การเมืองที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รวมเสียง ส.ส.ได้ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.จากการแต่งตั้งไม่ควรสนับสนุนบุคคลที่ได้เสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรให้จัดตั้งรัฐบาล แต่ ส.ว.ควรสนับสนุนนายกฯ ที่มีพรรคการเมืองสนับสนุนเกินกว่าครึ่งของสภาฯ เท่ากับ ส.ว.เคารพเสียงของประชาชนข้างมากของประเทศที่ออกมาแสดงเจตนารมณ์ผ่านการใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงอยากเรียกร้องให้ ส.ว. ที่กำลังได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้า คสช.ฟังเสียงข้างมากของประชาชนเคารพการตัดสินใจของประชาชนมากกว่าฟัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ที่แต่งตั้งตัวเองมาเท่านั้น จะก่อผลดีต่อประเทศชาติโดยรวม แต่ถ้า ส.ว.ฟัง พล.อ.ประยุทธ์เป็นหลักเท่ากับผลักประเทศไทยให้เข้าสู่วังวนของปัญหาไม่รู้จบอันอาจทำให้วงจรอุบาทว์หมุนวนเวียนกลับมาเกิดขึ้นกับประเทศไทยอีกวาระหนึ่ง ไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติ

“มาร์ค” ลุยหาเสียงสวนหลวง ร.9

เมื่อเวลา 06.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมลงพื้นที่ทักทายพี่น้องประชาชนที่สวนหลวง ร.9 เขตสวนหลวง เพื่อรณรงค์หาเสียงขอคะแนนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์และนายสามารถ มะลูลีม ผู้สมัคร ส.ส.เขตสวนหลวง-ประเวศ (แขวงดอกไม้-หนองบอน) โดยได้รับความสนใจจากประชาชนผู้มาออกกำลังกายในสวนหลวง ร.9 จำนวนมาก ขอถ่ายรูปและเซลฟี่เป็นที่ระลึก

มั่นใจคนกรุงยังไว้วางใจทีม ปชป.

นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคประชาธิปัตย์ตั้งใจจะทำงานให้ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และทุกจังหวัด เพราะทุกเขตเลือกตั้งของกรุงเทพมหานคร พรรคส่งบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความมุ่งมั่นเต็มที่ลงสมัครครบทุกเขตทั้ง 30 เขตเพื่อคนของพรรคประชาธิปัตย์จะทำงานให้ชาว กทม.ได้ นอกจากนี้ที่ลงพื้นที่หลายจังหวัดทุกภูมิภาค ตัวผู้สมัครเองก็มุ่งมั่นทุกพื้นที่ คนของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการตอบรับมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากพรรคเรามีผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งจากคนทุกรุ่น ผสมผสานทำงานด้วยกันได้ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ทำงานแก้ปัญหาให้ คนทุกรุ่นได้ เชื่อว่าจะได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงเทพฯอีกครั้ง

โปรยยาหอมคนใต้ยางโลละ 60

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต นายอภิสิทธิ์ พร้อมนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร กรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรค เปิดปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงโดยนายอภิสิทธิ์ปราศรัยว่านโยบายเพิ่มรายได้มีทั้งประกันราคาพืชผลไม่ให้ตกต่ำเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ยางพาราหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ราคายางพาราไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 60 บาท หากไม่สามารถทำให้ราคาสูงถึง 60 บาทจะใช้นโยบายประกันแทน รวมไปถึงปาล์มน้ำมันและพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย และจะผลักดันให้ภูเก็ตเป็นหนึ่งในจังหวัดจัดการตนเองเป็นมหานคร เลือกตั้งผู้บริหารสูงสุด มีผู้บริหารท้องถิ่นสนับสนุน เพื่อให้การพัฒนารวดเร็วทันกับการเติบโตทางการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของ จ.ภูเก็ต เมืองท่องเที่ยวระดับโลก สร้างรายได้ปีละมหาศาล พรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ แต่คิดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ต้องถามว่าใครพร้อมจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาลบ้าง

“ชัชชาติ” บุกกรุงเก่าเล็งเพิ่มแหล่งทุน

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดเจ้าพรหม จ.พระนครศรีอยุธยา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสุรเชษฐ์ ชัย–โกศล ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 และนายนพ ชีวานันท์ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา เขต 2 ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ตลาดเจ้าพรหมหาเสียงขอคะแนนพ่อค้าแม่ค้าที่เข้ามาทักทายและมอบดอกกุหลาบให้นายชัชชาติ โดยนายชัชชาติ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พ่อค้าแม่ค้าบอกว่าทุกวันนี้ กำลังซื้อในตลาดน้อยลง ที่สำคัญไม่มีทุนมาหมุนเวียน กู้เงินในระบบยาก เพราะไม่มีผู้ค้ำประกัน ต้องกู้หนี้ นอกระบบ ปัญหาเรื่องทุนและหนี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ไม่ใช่เป็นเพราะธนาคารไม่มีเงิน เพราะจากข่าวธนาคารมีเงินล้นระบบ แต่เงินฝากเหล่านี้ไม่สามารถปล่อยกู้ให้คนตัวเล็ก ปล่อยกู้ให้นายทุนรายใหญ่เป็นพันล้านกลับง่ายกว่า จึงต้องหาวิธีการทำให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งทุน ให้เงินทุนลงมาถึงระดับรากหญ้าในอัตราเหมาะสม จะทำให้เศรษฐกิจหมุนได้ในระดับล่าง

ไปดอนเมืองช่วย “เก่ง การุณ”

ต่อมาเวลา 16.00 น. นายชัชชาติเดินทางกลับเข้า กทม. ไปที่ตลาดนัดปิ่นเจริญ 1 เขตดอนเมือง ลงพื้นที่ช่วยนายการุณ โหสกุล ผู้สมัครเขต 10 พรรคเพื่อไทยหาเสียง ได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้า และประชาชนอย่างมาก โดยนายชัชชาติกล่าวว่าไม่กังวลที่เขตดอนเมืองมีค่ายทหารมาก เชื่อว่าทหารมีอิสระ จะเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของลูกหลานในอนาคต ขณะที่นายการุณกล่าวว่า “ไม่กังวลครับ เพราะทหารส่วนใหญ่เลือกเรา”

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุจะไม่ทำโครงการรับจำนำข้าวต่อ นายชัชชาติกล่าวว่า นโยบายจำนำข้าว เป็นนโยบายที่ดี ช่วยเหลือชาวนา แต่มีปัญหาข้อปฏิบัติการระบายข้าว ตอนนี้ทีมนโยบายด้านการเกษตร กำลังพิจารณาประเด็นลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร นโยบายเรื่องนี้ยังไม่ถือเป็นหมัดน็อก เรามี 14-15 นโยบายที่รอเปิดภายใน 1-2 อาทิตย์ข้างหน้าเน้นลดภาระหนี้ก่อน ไม่ใช่ยกเลิก ที่สำคัญหาทุนให้คนตัวเล็ก

แคนดิเดตนายกฯควรร่วมดีเบต

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯของทุกพรรคควรร่วมดีเบตแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ทุกพรรคควรส่งคนที่เกี่ยวข้องและเชี่ยวชาญในประเด็นที่ดีเบตไปแสดงวิสัยทัศน์ แต่เรื่องสำคัญแคนดิเดตนายกฯควรมาเองเพื่อแสดงความเก่ง ความน่าเชื่อถือให้ประชาชนไว้ใจ หากไม่มาร่วมเวทีดีเบต ควรออกมาชี้แจงเรื่องต่างๆให้ประชาชนรับทราบ ส่วนการแสดงทัศนะของ พล.อ.ประยุทธ์ในปัจจุบันเป็นคนละบริบทกับการเป็นแคนดิเดตนายกฯในการเลือกตั้ง รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจที่มีอยู่จึงไม่เหมือนรัฐบาลจากประชาธิปไตย จะอ้างผลงานของรัฐบาลจากการปฏิวัติเทียบกับรัฐบาลในอนาคตไม่ได้ เพราะท่านมีทั้งกฎหมายพิเศษและสภาพิเศษ การออกรายการทุกคืนวันศุกร์อาจไม่เป็น ประโยชน์ต่อ พล.อ.ประยุทธ์มากนัก ถ้าท่านไม่มา ดีเบตอาจเสียเปรียบด้วยซ้ำ เพราะหากท่านเก่ง มีความสามารถ ท่านน่าจะมาแสดงให้คนเห็น รายการคืนวันศุกร์ไม่รู้ว่ามีคนดูมากหรือน้อย เพราะไม่เคยดู อาจออกบ่อยเกินไป หากออกมาพูดเฉพาะประเด็นคนอาจสนใจมากขึ้นก็ได้ การดีเบตไม่ต้องกลัว ทุกคนไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการแข่งขันเพื่อสร้างอนาคต ส่วนการให้ผู้นำและสมาชิกท้องถิ่นมาช่วยหาเสียงได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐหากยังมีอำนาจอยู่ ไม่ควรมาเกี่ยว ข้องกับการหาเสียง

จากนั้นเวลา 16.40 น. นายชัชชาติและคณะ เริ่มเดินพบปะประชาชนในพื้นที่ดอนเมืองต่อตั้งแต่แนวหน้าอาคารโรงเรียนสีกันถึงแฮปปี้อเวนิว และเดินพบปะประชาชนตลาดนัดบุญอนันต์ ไปสิ้นสุดที่ชุมชนปิ่นเจริญ 3

“เจ๊หน่อย–โอ๊ค” ดันหน้าใหม่สู้ “ปรีชา”

ที่พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยเข้ากราบสักการะพระธาตุศรีสองรักสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ อ.ด่านซ้าย มีนายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทยและบุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯร่วมด้วย ท่ามกลางประชาชนที่มาทำบุญที่พระธาตุศรีสองรักต่างเข้ามาขอถ่ายรูป จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์และคณะเดินทางไปที่เวทีปราศรัยที่ลานอเนกประสงค์หนองคู หลังตลาดเย็น อ.ด่านซ้าย ช่วยหาเสียงให้นายสันติภาพ เชื้อบุญมี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลด่านซ้าย ผู้สมัคร ส.ส.เลย เขต 3 ที่ลงสู้กับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทยหลายสมัยที่ไปลง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ปราศรัยว่าเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.เพราะนายปรีชาทิ้งพรรคเพื่อไทยไปอยู่กับผู้มีอำนาจ ดังนั้นขอให้ประชาชนอยู่สู้กับพรรคเพื่อไทยในอุดมการณ์เดิมที่มีประชาชนในหัวใจอย่างเดิมต่อไป

พืชผลดีขึ้นขั้นต่ำ 3 % ใน 6 เดือน

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่แจกบัตรคนจนแต่จะแจกบัตรคนรวยพรรคเพื่อไทยจะมาเพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชนทุกคน ตลอดเวลา 17 ปีตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไม่เคยทอดทิ้งประชาชน พรรคเพื่อไทยจะพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี อีกหลายอาชีพพรรคเพื่อไทยจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรดีขึ้นใน 6 เดือนต้องสูงขึ้นอย่างน้อย 3 เปอร์เซ็นต์ และอีกมาตรการสุดท้ายอย่างเร่งด่วนจะสร้างสถาบันพัฒนารายได้ประจำจังหวัด เปิดให้กู้เงินในระบบสร้างงานสร้างรายได้เติมพลังให้คนตัวเล็กได้ทำมาหากิน ไม่ได้เป็นการกู้ไปเล่นการพนันแต่กู้ไปทำมาหากิน ทั้งหมดเป็น 3 มาตรการใส่น้ำเกลือให้ประชาชนก่อนทันทีใน 6 เดือนแรก พร้อมขอให้ประชาชนอดทนอีกสักนิด “การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมากเพราะกลไกเลือกตั้งเปลี่ยนไป บัตรเลือกตั้งมีใบเดียวพร้อมขอให้ชาว จ.เลย เลือกพรรคเพื่อไทยและเลือกนายกฯของพรรคเพื่อไทยด้วย” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว


เหลิม” แช่งคนห้ามเก็บพันธุ์ข้าว

ที่ จ.หนองคาย บริเวณลานหน้าวัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานยุทธศาสตร์ปราศรัยหาเสียงพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยหาเสียงให้นายกฤษฎ ตันเทอดทิตย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 น.ส.ชนก จันทาทอง เขต 2 และนายเอกธนัช อินทร์รอด เขต 3 มีประชาชนรับฟังการปราศรัยจำนวนมาก โดย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่ามั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเหมา ส.ส.ภาคอีสานได้ทั้งหมด ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดย ส.ว.250 คน รวมกับ ส.ส.อีก 126 คนเป็นรัฐบาลเป็ดง่อยทำอะไรไม่ได้ การจะห้ามไม่ให้ชาวนาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวจะเอื้อ–ประโยชน์ต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ที่ต้องการผูกขาดสิทธิขายเมล็ดพันธุ์ข้าว ขอสาปแช่งให้คนคิดเช่นนี้ตกนรกทั้งเป็น

“สมชาย” เลิกแน่ ก.ม.ทำร้ายชาวนา

ที่โรงสีไชยกุลพานิช ต.สามแยก อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงให้นายธนกร ไชยกุล ผู้สมัคร ส.ส.ยโสธร เขต 3 โดยนายสมชายกล่าวว่า ดีใจและภูมิใจที่พวกเราชาวอีสานเป็นผู้ให้กำเนิดประชาธิปไตยอย่างยิ่งใหญ่ให้ พี่น้องรู้ดีว่าใครช่วยทำให้ข้าวราคาแพงใครทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ใครส่งเสริมลูกหลานเราให้ได้รับการศึกษา ใครดูแลเราเวลายามเจ็บป่วยใครให้เงินกู้เราเวลาไม่มีเงินประกอบอาชีพ ใครนำสินค้าโอทอปไปจำหน่ายเมืองนอกได้เงินมาจำนวนมาก มีคนเดียวและพรรคเดียวที่ทำได้ ตอนนั้นจะทำรถไฟความเร็วสูงมาภาคอีสานแต่รถไฟตกรางโดนยึดอำนาจ ชาวนาบอกว่าเห็นกฎหมายชื่อ พ.ร.บ.ข้าวที่ระบุว่า ต่อไปไม่ให้ชาวนาสนับสนุนพันธุ์ข้าว เก็บเกี่ยวแล้วจะเอาข้าวปลูกไว้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าสมองใครเป็นคนคิด ถ้าเป็นจริงถือว่าใช้ไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมายที่ทำร้ายชาวนา หากพรรคเพื่อไทยเข้าสภาแล้วจะยกเลิกกฎหมายฉบับนี้ก่อนแน่นอน เราต้องส่งเสริมพี่น้องเราไม่ใช่จะมาทำร้ายพี่น้องชาวนา

“อ๋อย” อัดเวทีดีเบต กกต.ไม่เวิร์ก

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ตลาดรุ่งเจริญ ถนนสาธุประดิษฐ์ กทม. นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ พร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 3 หาเสียง โดยประชาชนให้การต้อนรับทักทายอย่างอบอุ่นและมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจแกนนำและผู้สมัครพรรค โดยนายจาตุรนต์กล่าวถึง กรณี กกต. เปิดให้พรรคการเมืองจับสลากเลือกหัวข้อ การดีเบตว่า เวทีที่ กกต.จัดไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่น่าสนใจของประชาชน การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ไม่เข้าร่วมดีเบตถือว่าเอาเปรียบคู่แข่ง เนื่องจากพูดคนเดียวในทีวีได้ ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่าเวลามีคู่แข่งจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์จะพูดได้หรือไม่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตมีความพยายามจะยุบพรรคฝ่ายประชาธิปไตย พรรคไทยรักษาชาติขอไม่แสดงความคิดเห็น ให้เป็นเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับพรรคอื่นมองว่า คสช.และผู้มีอำนาจใช้อำนาจสกัดกั้นอย่างไม่ชอบธรรม ดังนั้น สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือการใช้อำนาจของ คสช.ที่ไม่จำเป็น เพราะจะทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม

ปลุกหนักแผ่นดินเลวร้ายยุให้ฆ่ากัน

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ระบุว่า นักการเมืองโจมตีกองทัพให้ล่มสลาย นายจาตุรนต์กล่าวว่า เป็นการเข้าใจผิดหรือไม่เข้าใจของฝ่าย คสช. ทุกพรรคมีสิทธิ์แสดงนโยบายไม่ว่า จะปรับลดหรือเพิ่มงบประมาณกองทัพ ถ้าเห็นว่างบฯ กระทรวงกลาโหมสูงเกินไปตัดออกได้ แต่กองทัพไม่มีสิทธิ์มาไล่ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดิน ถ้าพรรคไทยรักษาชาติได้เป็นรัฐบาลและได้ดูแลกระทรวงกลาโหมจะปรับลดงบฯกระทรวงกลาโหมทันที ไม่ใช่ เพราะไม่เห็นความสำคัญของกองทัพ หรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับกองทัพ แต่เป็นเพราะงบฯกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนการปล่อยเพลงประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน เนื้อหาเสียดสีสังคมส่วนใหญ่พูดถึงเรื่องการเมืองยังไม่เคยฟังเพลงนี้ การที่มีคนไม่พอใจรัฐบาลและเสนอเพลงต่างๆออกมาเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่กองทัพเปิดเพลงหนักแผ่นดินเป็นการส่งสัญญาณเลวร้าย ยุยงส่งเสริมให้คนไทยฆ่ากันเอง แสดงให้เห็นถึงภาวะการเป็นผู้นำของกองทัพ

แฟร์หรือ “บิ๊กตู่” คนเดียวจิ้ม 250 ส.ว.

ต่อมาช่วงบ่ายนายจาตุรนต์ลงพื้นที่เขต 24 ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ ช่วยหาเสียงให้ น.ส.นพสรัญ วรรณศิริกุล โดยไปที่สุรชัยคาร์เซ็นเตอร์ พบปะพูดคุย กับประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมร่วมต้อนรับเป็นจำนวนมาก นายจาตุรนต์กล่าวว่าถึงแม้จะมีมรสุมเข้ามาบ้าง แต่พรรคไทยรักษาชาติยังคงออกหาเสียงอยู่ หากเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น เราจะขออยู่ต่อไป หากมีการเลือกตั้งมีรัฐบาลประชาธิปไตย ไปที่ไหนจะมีแต่คนต้อนรับ ทั่วโลกต้อนรับ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเลือก ส.ว. ได้ 250 เสียง เทียบเท่ากับเสียงของประชาชนครึ่งประเทศ แบบนี้มันยุติธรรมไหม ในเมื่อเราต้องสู้กับ ส.ว. 250 เสียง จึงจำเป็นต้องรวมพลังฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อเอาชนะเผด็จการ การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก จะแก้ 2 ปัญหา ใหญ่ของประเทศ ทั้งเอาเผด็จการออกไป และแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขอเชิญพี่น้องประชาชนออกมาสู้กับ รัฐบาลเผด็จการ 24 มี.ค. เข้าคูหาเอาไทยรักษาชาติเข้าไปเป็นรัฐบาล

“อนุทิน” ขอเสียงคนบางเขนให้ลูกทีม

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่เคหะรามอินทรา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้นางปราณี เชื้อเกตุ ผู้สมัครเขตบางเขน เบอร์ 11 โดยนายอนุทินกล่าวว่า พรรคเปิดเวทีวันนี้เพื่อขอพี่น้องให้โอกาสนางปราณี เพราะมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน รับใช้พี่น้องมานับ 10 ปี นอกจากนั้นเราถือโอกาสนี้คุยนโยบายกับประชาชน เราสนับสนุนให้แกร็บเป็นบริการที่ถูกกฎหมาย เราให้ประชาชน เรียนและทำงานที่บ้านสัปดาห์ละ1 วัน เราจะสร้างออฟฟิศไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อลดปริมาณรถเข้ามาในกรุงเทพฯ เราสนับสนุนให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ เราต้องทลายความเชื่อเดิมและมองกัญชาตามความเป็นจริงว่ากัญชามีประโยชน์ ทางการแพทย์ ใช้รักษาโรคมะเร็ง และพาร์กินสัน รวมไปถึงโรคร้ายต่างๆ จากนั้นช่วงบ่ายนายอนุทินพร้อมแกนนำเดินทางไปช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ตลาดบางน้ำผึ้ง จ.สมุทรปราการ พร้อมขี่จักรยานเยี่ยมชนกลุ่มโฮมสเตย์

แคนดิเดตนายกฯต้องกล้าโชว์วิชั่น

นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กกต.ไฟเขียวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ร่วมเวทีดีเบตว่า ตนสนับสนุนถือว่ากกต.ยุติธรรม เปิดโอกาสให้ทุกท่านได้หาเสียง เมื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯต้องมีโอกาสได้แสดงวิชั่น ทุกท่านจะได้ใช้เวทีนี้ สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน ส่วนการดีเบตระหว่างพรรคต่างๆ เราไม่กลัวไม่กังวลอะไร แต่ที่ไม่ค่อยร่วมเพราะเอาเวลาไปรับฟังปัญหาประชาชนดีกว่า เราพูดแต่เรื่องนโยบาย การโต้ไปมา มันไม่สร้างประโยชน์ประชาชน ประชาชนจะได้อะไร หากเลือกใช้วาทกรรมสู้กัน

“หนูนา” ชูปลูกต้นไม้มีค่าขอเงินกู้

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมด้วยแกนนำพรรค ลงพื้นที่ จ.หนองบัวลำภู และ จ.ชัยภูมิ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครณรงค์หาเสียง โดยได้เข้าสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก่อนพบปะประชาชนและขึ้นเวทีปราศรัยย่อย ที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติน้ำเพียงดิน บ้านโนนงาม ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง โดย น.ส.กัญจนาได้สนับสนุนให้ทำถนนลาดยางในทุกพื้นที่เพื่อความสะดวกในการสัญจร และชูนโยบายธนาคารต้นไม้ เพื่อช่วยกันปลูกต้นไม้มีค่าแล้วนำไปเป็นหลักทรัพย์ในการขอกู้เงิน จากนั้นช่วงบ่ายได้เดินทางต่อไปยัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ โดยเข้าสักการะศาลเจ้าพ่อภูเขียวก่อนขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค

“ธนาธร” แปรกระแสเป็นคะแนนได้

เมื่อเวลา 08.20 น. ที่ตลาดปากน้ำ จ.สมุทรปราการ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายชนสิษฎ์ ยอดฉิม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และ น.ส.หนึ่งสตรี ตุ่ยไชย ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 มีประชาชนมารอต้อนรับ มอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง นายธนาธรกล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาแนะนำผู้สมัครของพรรคกับพ่อค้าแม่ค้าย่านตลาดปากน้ำและตลาดสำโรง ขอโอกาสเข้าไปทำงาน เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศยืนยันแม้พรรคอนาคตใหม่จะไม่มีประสบการณ์การเมือง แต่ผู้สมัครทุกคนเป็นผู้ประสบความสำเร็จในแวดวงอาชีพตนเอง และมีความพร้อมจะรับใช้ประชาชนและประเทศไทย ขณะนี้กระแสความนิยมของพรรคอนาคตใหม่ดีขึ้นเรื่อยๆ เราจะเป็นตัวแปรที่ชี้ขาดว่าการสืบทอดอำนาจของ คสช.จะทำได้สำเร็จหรือไม่ เรามั่นใจว่ากระแสที่ดีนี้จะสามารถเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงได้


ระดม 9 หมื่นฟิวเจอริสต้าจับโกง ลต.

นายธนาธรกล่าวอีกว่า พรรคเตรียมรับสมัครชาวอนาคตใหม่หรือเรียกว่า “ฟิวเจอริสต้า” มาทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตในการเลือกตั้งทั้งหมด 90,000 คน เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์การเลือกตั้ง 90,000 หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศไทย เราต้องการอาสาสมัครมาตรวจสอบและระวังการทุจริตในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ และจะช่วยตอบโต้ข่าวลวง ข่าวที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายพรรค และสุดท้ายอยากให้ฟิวเจอริสต้าเป็นหัวคะแนนแบบใหม่ หัวคะแนนแห่งศตวรรษที่ 21 หัวคะแนนที่ไม่ใช้เงินซื้อ แต่เป็นหัวคะแนนที่มาทำด้วยอุดมการณ์

“เดิมพันครั้งนี้สูงมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งเผด็จการ เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามต้องการกลับเข้ามามีอำนาจ พยายามจะสืบทอดอำนาจ สิ่งที่พวกเราเห็นคือชาวบ้านในตลาดที่เราได้พบทั้งหมด ไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับเข้ามา มีวิธีทางเดียวเท่านั้นที่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์และพรรคที่สนับสนุนจะชนะการเลือกตั้งได้ นั่นคืออาจจะมีการทุจริตการเลือกตั้งหรือเปล่า อาจเป็นวิธีเดียวหรือเปล่า ถ้าเดิมพันสูงขนาดนี้ คงไม่ใช่แค่สำหรับ คสช.เท่านั้น แต่เป็นเดิมพันสำหรับอนาคตของประเทศด้วย ประชาชนคงต้องเฝ้าระวังทุกจุด เพื่อไม่ให้เสียงไม่ให้สิทธิของตัวเองสูญหายไป หรือโดนเล่นแร่แปรธาตุไป” นายธนาธรกล่าว

“ภราดรภาพ” ลุยปากน้ำลดขัดแย้ง

ม.ร.ว.ดำรงดิศ ดิศกุล หัวหน้าพรรคภราดรภาพ นายรัตนพัฒน์ ปีวิเศษกุลเดช รองหัวหน้าพรรค พร้อมทีมงานลงพื้นที่ช่วย น.ส.พรปวีณ์ อภิชาติโรจนสกุล ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ เขต 1 หมายเลข 11 หาเสียงและแจกบัตรแนะนำตัวผู้สมัครที่ตลาดปากน้ำ ตลาดบางฆ้องและตลาดวิบูลย์ศรีอย่างเป็นกันเองพร้อมกับรับฟังเสียงสะท้อนราคาสินค้า รวมทั้งชี้แจงอุดมการณ์และแนวนโยบายของพรรคคือจุดเปลี่ยนประเทศ ลดความขัดแย้งสร้างความเท่าเทียมกัน เสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจนำมาเป็นข้อมูลเพื่อแก้ไข โดยมีพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงชาวบ้าน เข้ามาขอถ่ายภาพและนำดอกกุหลาบมามอบให้ และให้กำลังใจ ม.ร.ว.ดำรงดิศและคณะ จากนั้นทั้งหมดขึ้นรถแห่ไปตามถนนบางโปรง ถนนบางด้วน ถนนบางนาเกร็งและเทศบาลตำบลปากน้ำ–ทรัพย์บุญชัย เรียกคะแนนเสียงจากคนในชุมชน

“ตู่” ขอเพื่อนร่วมตายพา พช.เข้าสภาฯ

ที่ จ.สกลนคร นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะผู้บริหารพรรครวมทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติไปหาเสียงช่วย น.ส.วนิดา พรหมชาติ ผู้สมัครเขต 6 อ.อากาศอำนวยและ อ.คำตากล้า โดย เดินขอคะแนนในตลาดสดเทศบาลตำบลคำตากล้า ส่วนตอนเย็นมีพิธีบายศรีสู่ขวัญและเสวนาการเมือง รอบกองไฟกับแกนนำ 200 คน ที่หมู่ 8 บ้านนาเมืองใหญ่ ต.อากาศอำนวย อ.อากาศอำนวย

นายจตุพรกล่าวว่า ตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่นายกฯเศรษฐกิจตกต่ำชาวบ้านเดือดร้อน ถ้าพี่น้องเลือกพรรคเพื่อชาติเข้าสภาฯจะปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็น 2,000 บาทต่อเดือน อสม.1,500 บาทต่อเดือน รถยนต์และเครื่องมือเพื่อการเกษตรไม่ต้องเสียภาษี ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างหาเสียง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ระบุจะเป็นจะตายไม่ร่วมกับพรรคตระกูลเพื่อ แล้วนายสุเทพถามพรรคตระกูลเพื่อหรือยังว่าเขาอยากร่วมกับนายสุเทพหรือไม่ นายสุเทพไม่ยอมรับคำท้าดีเบตกับตนนั้นมองว่าเขารู้ว่าถ้าออกมาโต้กัน จะถูกแฉว่าเพราะเหตุใดบ้านเมืองจึงมาถึงจุดนี้ แต่ละพรรคต่างประกาศจองที่นั่งในสภาฯเต็มไปหมด พรรคเพื่อชาติบอกได้อย่างเดียวว่าเหลือพี่น้องเสื้อแดงเท่านั้นร่วมเป็นร่วมตายจะพาเพื่อชาติเข้าสู่สภาฯให้ได้

ปลุก ปชช.เข้าคูหาขับไล่เผด็จการ

นายจตุพร กล่าวอีกว่าวันนี้ทุกคนต่างมีความหวังว่าวันเลือกตั้งจะได้จัดการเผด็จการออกไป แล้วจะได้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง มาแก้ไขราคาสินค้าเกษตรให้กลับมาขายได้กำไรเช่นเคย เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ได้รับโอกาสอย่างครบถ้วนในการบริหาร เห็นกันแล้วว่ามีศักยภาพอย่างไร วันนี้เราไม่ต้องตัดสินใจอะไรกันมาก ถ้า 5 ปีที่ผ่านมาพี่น้องอยู่ดีมีสุขขายสินค้าเกษตรได้ราคาก็เลือกพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้า 5 ปีนี้ขายสินค้าเกษตรขาดทุนต้องตัดสินใจ วิธีการจัดการเผด็จการที่ดีที่สุดไม่ต้องออกไปรบกับรถถัง แต่เข้าคูหาเลือกตั้งส่งสัญญาณบอกกับเผด็จการว่าทีหลังอย่ามายึดอำนาจ ถือเป็นวิธีเดียวเท่านั้น

แนะนายกฯชิมลางก่อนเจอของจริง

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ไม่ยอมดีเบตกับแคนดิเดตนายกฯของพรรคอื่น ว่า การดีเบตเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย จะเป็นการทำให้ประชาชนรู้จักพรรคนั้นๆดีขึ้น และช่วยให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งตัดสินใจเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเป็นเหมือนการซักซ้อมก่อนเข้าสภาผู้แทนราษฎร จะต้องมีการอภิปรายอยู่เสมอๆ แต่ผู้นำที่มาจากการยึดอำนาจไม่เคยต้องโต้ตอบหรืออภิปรายกับใคร ดังนั้นจึงอยากแนะนำ พล.อ.ประยุทธ์ให้ลองออกมาดีเบตกับพรรคอื่นบ้าง จะได้รู้ว่าเมื่อเข้าไปอยู่ในสภาฯต้องเจอกับอะไร การดีเบตเป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม การอภิปรายในสภาฯจริงยิ่งกว่านี้เยอะ เผื่อลองแล้วอาจจะเปลี่ยนใจ ไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วก็ได้

“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.สอบ “ธนาธร”

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า จากกรณีเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่เผยแพร่ประวัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นถึงประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระหว่างปี 2551-2555 ยาวนานถึง 5 ปี จนประชาชนท้วงติงจนกระทั่งมีการลบแก้ไขไป การเผยแพร่ข้อมูลอยู่ในช่วงเวลาที่มีการประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เชื่อว่าอาจเป็นการจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ผู้ฝ่าฝืนอาจมีความผิดตามมาตรา 159 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลจะสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปีด้วยเรื่องนี้มีผู้ออกมาให้ความเห็นมากมาย ดังนั้นจะไปยื่นให้ กกต.ไต่สวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายวันที่ 25 ก.พ. เวลา 10.00 น.

พ่วงสอย” ปิยบุตร” โพสต์ใส่ร้ายรัฐ

นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะยื่นให้ตรวจสอบกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กวันที่ 18 ก.พ.ด้วยข้อความลักษณะใส่ร้ายด้วยความเท็จหรือไม่ ด้วยข้อความว่า “รัฐจากส่วนกลางจับมือกับสื่อมวลชนบางกลุ่มผลิตสื่อ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้คนอีสานเป็นคนตลก ไม่มีความรู้” อันมีความผิดตามมาตรา 73 (5) ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.

“อดุลย์” โวย บก.อปท.ทำคดีวงเสวนา

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงกรณี บก. ปอท.จะส่งสำนวนคดีของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงานไปยังอัยการวันที่ 12 มี.ค. จากการพูดในงานเสวนาเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาล ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ว่า ภาคประชาชนมีสิทธิวิจารณ์สภาวะการเมืองและเศรษฐกิจได้ จากอดีตถึงปัจจุบันการดูด ส.ส.เป็นสาเหตุหลักของการคอร์รัปชันเพราะดูดคนแล้วต้องเข้าไปถอนทุนจากค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูด ส.ส. ข้อมูลที่นายพิชัยพูดไม่ใช่ข้อมูลใหม่ ปรากฏในสื่อมวลชนทั่วไปก่อนหน้านี้แล้ว นายพิชัยไม่ได้พูดว่า คสช.เป็นผู้ดูด ส.ส. นอกเสียจากว่า คสช.เป็นผู้ดูด ส.ส.เสียเองไม่ใช่พรรคการเมืองเป็นผู้ดูด ส.ส. ถึงได้เดือดร้อนและเร่งดำเนินคดี คาดว่าน่าจะมีธงมาเพื่อกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ โดยเฉพาะอยู่ในช่วงการเลือกตั้งแล้วยังนำคดีประเภทนี้มากลั่นแกล้งอีก คสช.น่าจะละอายใจ เพราะประชาชนส่วนใหญ่อยากฟังนโยบายของพรรคต่างๆมากกว่าจะเห็นการกลั่นแกล้งเช่นนี้ จึงขอคัดค้านถือว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของภาคประชาชน ขอร้องสำนักอัยการสูงสุดพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความเป็นธรรม อย่าเป็นเครื่องมือของผู้ใดเพื่อรักษามาตรฐานระบบยุติธรรมของประเทศนี้ที่ถูกโจมตีมาตลอด

แช่งเครื่องบินตกทรราชคิดมากไปเอง

นายอดุลย์กล่าวต่อว่า รู้สึกแปลกใจและไม่สบายใจกรณีข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ออกมาพูดถึงว่ามีคนแช่งให้เครื่องบินตกซึ่งปกติแล้วไม่น่าจะใช่วัฒนธรรมของชาวไทยถึงแม้จะโกรธเคืองมากขนาดไหนคงไม่ถึงขั้นแช่งให้ถึงขั้นเครื่องบินตกตาย โดยเฉพาะคนดำรงตำแหน่งนายกฯของประเทศไทย หากยังจำได้ครอบครัวญาติวีรชนพฤษภาคม 35 ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปทั้งบาดเจ็บล้มตายและสูญหายจำนวนมาก นอกจากแสดงความโกรธแค้นต่อคณะรัฐประหาร รสช. พล.อ.สุจินดา คราประยูร และพวก แต่ไม่เคยสาปแช่ง ในที่สุดพวกเราได้อโหสิให้บุคคลเหล่านั้นไปแล้ว ครอบครัวญาติวีรชนพฤษภาคม 35 บอกได้ว่ามี 2 ประเด็นเท่านั้นคือคนที่เป็นทรราชที่สร้างความเกลียดชังทั่วแผ่นดิน หรือจิตตกคิดมากไปเอง

ก.คลังชี้งบฯ 62 เหลือแค่ 1 แสนล้าน

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเสนอนโยบายเศรษฐกิจของพรรคต่างๆที่ใช้ในการหาเสียงว่า นโยบายของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังไม่ค่อยกังวล เพราะนโยบายการใช้เงินของรัฐบาลใหม่ มีกรอบกฎหมายบังคับอยู่แล้ว เนื่องจากงบประมาณมีจำกัด ขณะนี้กระทรวงการคลังมีงบปี 2562 ที่ยังเหลืออยู่ไม่เกิน 3%ของเงินงบประมาณทั้งหมด หรือประมาณ 100,000 ล้านบาทเพื่อนำมาใช้สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่หลังเลือกตั้ง ส่วนการดำเนินนโยบายต่างๆ กระทรวงการคลังมี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังคุ้มครองการเบิกงบไปใช้จ่ายว่านำไปจัดสรรเรื่องใดได้บ้าง อาทิ งบลงทุนโครงการต่างๆ หรืองบเงินอุดหนุน เป็นต้น ดังนั้นนโยบายต่างๆที่รัฐบาลใหม่จะออกมาต้องพิจารณาความจำเป็นต่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน โดยกระทรวงการคลังต้องส่งงบ ดังกล่าวเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณอีกครั้งด้วย

เตือน รบ.ใหม่เน้นเฉพาะที่จำเป็น

ปลัดกระทรวงการคลังกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งที่นำมาใช้เพื่อสนับสนุนนโยบายต่างๆ แต่ต้องดูว่าโครงการนี้เป็นที่ต้องการของประชาชนจริงๆ และมีประโยชน์กับทุกฝ่ายหรือไม่ เพราะบางทีนโยบายอาจจะโดนใจประชาชน แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนก็ได้ อีกทั้ง นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่เสนอเข้ามา ถ้าใช้เงินเกินกว่า 1,000 ล้านบาท จะต้องส่งเข้า ครม.พิจารณาก่อนทุกครั้ง และต้องแจ้งให้ประชาชนรับทราบด้วย สำหรับปีงบประมาณ 2563 กระทรวงการคลังได้ตั้งงบประมาณเรียบร้อยแล้ว 3.2 ล้านล้านบาท แต่หากรัฐบาลชุดใหม่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงกรอบงบประมาณสามารถดำเนินการได้


ปชช.เทใจเลือกพรรคที่มีผลงาน

วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “คุณสมบัติของ ส.ส.และพรรคการเมืองที่ประชาชนต้องการ” จาก 1,253 หน่วยตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20-21 ก.พ.พบว่าร้อยละ 36.39 ระบุจะลงคะแนนโดยเลือกพรรคการเมือง ร้อยละ 32.64 ทั้งผู้สมัคร ส.ส.และพรรคการเมือง และร้อยละ 30.97 ระบุผู้สมัคร ส.ส. โดยคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.ที่จะเลือก ร้อยละ 23.71 มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ร้อยละ 22.46 เป็น ส.ส.ลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน ร้อยละ 20.45 มีความรู้ความสามารถ ร้อยละ 10.66 ไม่มีประวัติด่างพร้อย ร้อยละ 9.16 เป็นคนรุ่นใหม่ ร้อยละ 5.65 มีประสบการณ์การเมือง เช่น เป็น ส.ส./ส.ว./ส.จ./ นักการเมืองท้องถิ่น ร้อยละ 3.26 สังกัดพรรคที่เสนอนโยบายถูกใจ ร้อยละ 3.14 สังกัดพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ ร้อยละ 1.38 ระบุเป็นลูกหลานของคนในพื้นที่/อยู่ในท้องถิ่นเดิม และร้อยละ 0.13 ทายาทนักการเมือง/ผู้มีชื่อเสียง ขณะที่คุณสมบัติของพรรคที่จะเลือกร้อยละ 41.97 ระบุนโยบายพรรค ร้อยละ 38.50 ผลงานที่ผ่านมาดีเป็นที่ประจักษ์ ทำได้จริง ร้อยละ 7.63 จุดยืนของพรรค ร้อยละ 6.47 ระบุหัวหน้าพรรค ร้อยละ 3.01 มีผู้สมัคร ส.ส.ที่ชื่นชอบอยู่ ร้อยละ 1.50 เป็นพรรคที่ได้เป็นรัฐบาลหลายครั้ง ร้อยละ 0.92 ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯอยู่ในพรรค

กังวลแข่งดุขอนโยบายทำได้จริง

สวนดุสิตโพล โดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจการหาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.ในทัศนะประชาชน จาก 1,157 ตัวอย่าง ตั้งแต่วันที่ 19-23 ก.พ. เกี่ยวกับความกังวลใจในการหาเสียง ร้อยละ 39.62 ระบุการแข่งขันสูง ใช้วิธีรุนแรง ไม่ถูกต้อง ไม่สร้างสรรค์ ร้อยละ 32.01 ระบุการจ่ายเงินซื้อเสียง ทุจริต ร้อยละ 27.32 ระบุทำไม่ได้ตามที่พูด ชูนโยบายเกินจริง ร้อยละ 20.02 หาเสียงลงพื้นที่เข้าหาประชาชนเฉพาะช่วงเลือกตั้ง และร้อยละ 14.49 ปล่อยข่าวเท็จ ใส่ร้ายโจมตีกันไปมา เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนอยากขอร้องจากนักการเมืองกรณีการหาเสียง ร้อยละ 35.57 นโยบายทำได้จริง พูดจริง ทำจริง ไม่ขายฝัน รองลงมาร้อยละ 24.66 ทำตามกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ทุจริต ไม่ซื้อเสียง ร้อยละ 21.36 ไม่ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง สร้างความวุ่นวาย ร้อยละ 16.02 เป็นแบบอย่างที่ดี รักษาภาพลักษณ์ และร้อยละ 12.50 ติดป้ายหาเสียงในที่เหมาะสม ไม่กีดขวางทางเท้า


พรรคในใจถูกยุบมีตัวสำรองแล้ว

สำนักวิจัยซุปเปอร์โพลเปิดเผยถึงผลสำรวจเรื่อง ถ้าพรรคที่ชอบถูกยุบจะเลือกใคร จากกรณีศึกษา 1,337 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 20-23 ก.พ. ในประเด็นความกังวลต่อความวุ่นวายช่วงเลือกตั้ง พบว่าคนที่กังวลมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 72.5 ในช่วงวันที่ 10-16 ก.พ. เหลือร้อยละ 54.8 ในช่วง 20-23 ก.พ. และกลุ่มคนที่ไม่กังวลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 27.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 45.2 ที่น่าพิจารณาคือร้อยละ 35.3 ตั้งใจจะไปเลือกตั้งแน่นอน ขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 58 ยังไม่แน่ใจ และร้อยละ 6.7 ไม่ไป นอกจากนี้ถ้าพรรคการเมืองที่ชอบถูกยุบจะเลือกพรรคใด พบว่า เกินกว่า 1 ใน 3 หรือร้อยละ 34.1 มีพรรคสำรองในใจแล้ว เช่น พรรคภูมิใจไทย เพื่อไทย อนาคตใหม่ พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ เสรีรวมไทย และไทยรักษาชาติ เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 28.1 ยังไม่มีพรรคใด และร้อยละ 37.8 ระบุอื่นๆ เช่น จะยังเลือกพรรคเดิม ไม่ขอออกความเห็น ไม่เลือก เป็นต้น



แห่ขายฝัน เสี่ยงเสียของ นโยบายหาเสียงเลือกตั้ง "สำลัก" ลดแลกแจกแถม

กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป และจะสิ้นสุดประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2562

คาดหมายว่า ฤดูร้อนปี 2562 จะมีอากาศร้อนมากกว่า 2561 อุณหภูมิสูงกว่าปกติ 1–2 องศาเซลเซียส

แนวโน้มอากาศร้อนทะลักปรอท แปรผันตรงกับอุณหภูมิทางการเมืองที่ส่อแววดีกรีระอุเดือด

ตามสถานการณ์ “อุ่นเตา” ร้อนขึ้นทุกขณะ กับปรากฏการณ์ “หนักแผ่นดิน” ที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก แสดงท่าทีเป็นเชิงตอบโต้การรุกของนักการเมืองเครือข่าย “ทักษิณ”

“ล้ำเส้น” เข้าเขตกองทัพ

จังหวะซัดกลับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง แคนดิเดตนายกฯบัญชีพรรคเพื่อไทย

ที่ประกาศบนเวทีปราศรัยหาเสียงพื้นที่ กทม.

ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะตัดลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม ยกเลิกเกณฑ์ทหาร

ปฏิบัติการ “แหย่รังแตน” ท้าทายท็อปบูตซึ่งๆหน้า

ประกอบกับสถานการณ์คาบเกี่ยวต่อเนื่อง ตามท้อง เรื่องยังสามารถโยงความหมายลึกไปถึงปรากฏการณ์ “แคนดิเดตพิเศษ” บัญชีนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ

บรรยากาศหลัง “พระราชโองการ” คืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์

โดยจังหวะลูกติดพัน ปมล่อแหลมอันตรายที่ต่อเนื่อง

จากปมสถาบันมาถึงการล้ำเขตทหาร จนนำมาซึ่งอาการฮึ่มฮั่มๆของจ่าฝูงกองทัพบก ยกเพลงดังในเหตุการณ์ “6 ตุลา” มาสื่อความหมายเป็นนัย

อาการหมั่นไส้ ชักเริ่มเลยจุดอดรนทนไม่ไหว

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ไหลไปกระตุกต่อมพวก “มโนโซเชียลฯ” ปะติดปะต่อฉากระทึกอกระทึกใจ กระจายข่าวลือรัฐประหารลั่นกระดานโลกออนไลน์

บรรยากาศอึมครึมๆ ส่อพลิกคว่ำพลิกหงาย มาถึงตรงนี้ก็เลยยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่แน่ใจ ไม่ชัวร์กำหนดเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม จะได้เข้าคูหาหรือไม่

“ปัจจัยแทรก” ได้ทุกจังหวะ ยังไม่มีจุด “สิ้นสุดทางเลื่อน”

ถึงแม้จะมาถึงคิวที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จากพรรคการเมืองทั้งสิ้น 81 พรรค โดยเป็นการประกาศรับรองรายชื่อผู้สมัครจำนวน 10,792 คน

มากสุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทย

ขณะเดียวกัน กกต.ได้สรุปยอดจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง ทั้งประเทศ 2,632,935 คน ส่วนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกราชอาณาจักร จำนวน 119,184 คน ใน 67 ประเทศ

ตัวเลขพุ่งสะท้อนอารมณ์คนอยากเลือกตั้ง หลังอั้นมานาน 5-6 ปี

เป้าหมายประชาชนไทยอยู่ที่คูหากาบัตรในสนามประชาธิปไตย

แน่นอนในสถานการณ์กระแสเชี่ยวกรากแบบนี้ ใครก็ไม่อยากเสี่ยงขวางอารมณ์สังคม

ล้มกระดานเลือกตั้ง มีแต่จะโดนด่าจมธรณี

เรื่องของเรื่อง ตามรูปการณ์จะเห็นว่าทหารเองก็ลดโทนทันที ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงภายหลังปรากฏการณ์เพลงหนักแผ่นดินดังกระหึ่มเมือง จากที่สั่งเปิดทางสถานีวิทยุเครือข่ายกองทัพบก ก็เปลี่ยนเป็นการเปิดแค่เสียงตามสายภายในค่ายทหาร ปลุกใจกำลังพล

โดยที่ “บิ๊กแดง” ก็เงียบสงบอยู่ในที่ตั้ง ตามจังหวะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ชี้แจงเป็นเชิงออกตัวแทน “น้องรัก” อย่าง พล.อ.อภิรัชต์

ยืนยัน ผบ.ทบ.ไม่ได้ลงมาเป็นคู่ขัดแย้ง

อีกมุมก็เป็นโทนนุ่มๆแบบที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม แถลงชี้แจงปมงบประมาณกระทรวงกลาโหม เปรียบเทียบกับภาพรวมของประเทศที่เติบโตขึ้น ทำให้สัดส่วนงบฯกลาโหมที่ได้รับโตขึ้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีนัยอะไรแอบแฝง กองทัพไม่ได้มีงบฯลับอะไร

ฝ่ายคุมเกมอำนาจ “ท็อปบูต” รีบหักพวงมาลัย กลับมาอยู่ในเส้นทางเลือกตั้ง

อย่างที่บิ๊ก คสช. พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อภิรัชต์ หรือแม้แต่มือเศรษฐกิจฝ่ายพลเรือนอย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ช่วยกันประสานเสียงกลบกระแสปฏิวัติ ประคองความมั่นใจของนักลงทุน

เห็นๆกันอยู่ ฝ่ายที่ลุ้นความเสียหายจากกระแส “แอ่นแอ๊นล้มเลือกตั้ง” ก็คือทีม คสช.

ในทางตรงกันข้าม ปรากฏการณ์ “หนักแผ่นดิน” ที่ถูกลากไปจุดไฟรัฐประหาร โหมควันกระพือออกมาจากแนวต้าน คสช. เครือข่ายแนวร่วม “ทักษิณ” เปิดแนวรบตีกินเผด็จการ สามารถยึดพื้นที่ข่าวสื่อกระแสหลัก

โชว์เหลี่ยมโคตรเซียน พลิกจากตั้งรับเป็นรุก

กลบปมร้อนบิ๊กเซอร์ไพรส์ “แคนดิเดต” นายกฯบัญชีพรรคไทยรักษาชาติไปเลย

อ่านกันตามมุมนี้ รัฐประหารยังเป็นแค่เรื่อง “มโนโซเชียลฯ”

เกมกระพือควันไฟร้อนกลบกระแสลบ

เหนืออื่นใด โดยสถานการณ์ก็ยังไม่ถึง “ทางตัน” เสียเมื่อไหร่ ในเมื่อทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไปได้ โดยมีหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญให้ยึดเป็นแนวไปสู่เลือกตั้ง

แค่ยกระดับ “บังคับใช้กฎหมาย” ยังไงก็ไม่เสียหลักลงข้างทาง

ทั้งคดียุบพรรคไทยรักษาชาติจากปมบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ทีมบี “ทักษิณ” ตั้งท่าลุยไฟต่อแบบกล้าๆกลัวๆ เพราะคนสั่งอยู่แดนไกล แต่คนเสี่ยงอยู่ในประเทศ

หรือจังหวะลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงายของ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ต้องเผชิญข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ วิจารณ์พลังดูดพาดพิง คสช. ต่อเนื่องกับประเด็นแจ้งประวัติมั่วนิ่มในเว็บไซต์พรรคอนาคตใหม่ ส่อเข้าเงื่อน “หลอกลวง” จูงใจเลือกตั้ง

มาแรงเพราะโซเชียลฯ ส่อพังด้วยโซเชียลฯ

แต่สุดท้ายถูกหรือผิด ต้องว่ากันด้วยข้อกฎหมาย

ที่สำคัญมันก็คือเรื่องความผิดเฉพาะตัว ผลมาจากการกระทำของตัวเอง

ไม่ได้ก่อแรงสั่นสะเทือนเลือนลั่นถึงขั้นพลิกคว่ำพลิกหงาย ระดับความสำคัญถึงขั้นต้องลากเอาไปเกี่ยวโยงกับการเลือกตั้งทั่วไปที่ผูกโยงกับความเป็นอยู่ของคนทั้งชาติแต่อย่างใด

ทั้งหมดทั้งปวง ประเด็นสำคัญจริงๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่มองข้ามไม่ได้ แต่ไม่ค่อยมีการพูดถึงกัน

ทั้งๆที่ถือเป็นผลประโยชน์โดยตรงของประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนน

นั่นคือนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง เรื่องของการบริหารประเทศที่ทุกพรรคต้องโชว์ยุทธศาสตร์ให้ประชาชนได้พิจารณาแนวคิดที่โดนใจ ตรงกับความต้องการ

เป็นพันธสัญญาแลกกับคะแนนเพื่อได้รับเลือกเข้าไปนั่งเป็นฝ่ายบริหาร

ตามสถานการณ์น่าตื่นตาตื่นใจ ผสมกับน่าหนักอกหนักใจ สังเกตได้ว่าการเลือกตั้งรอบนี้แต่ละพรรคพร้อมใจกันนำเสนอนโยบาย ลด แลก แจก แถม

แข่งกันจัดหนักซื้อใจ “คนไทยชอบของฟรี”

แจกดะทั้งที่ดิน ส.ป.ก. เด็กเกิดปั๊บรับแสน จำนำข้าวเกวียนละ 4 หมื่น ฯลฯ

หรือประเภทหวือหวา ชูธงปลูกกัญชาเสรี เสนอ

ทำงานแค่สัปดาห์ละ 4 วัน ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลดขนาดและบทบาทกองทัพและนำงบประมาณไปเพิ่มสวัสดิการของประชาชนแทน ฯลฯ

ในเครื่องหมายคำถามถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ หรือแค่ “ขายฝัน”

ไม่นับความแปลกใหม่ ประเภทเน้นผู้สมัครสวย หล่อ ใช้ “พริตตี้” มาลงสมัครดึงคะแนน บรรยากาศการเลือกตั้งในยุคสื่อออนไลน์ทรงอิทธิพล โซเชียลมีเดียแห่กระแสกันได้ง่ายๆ

มาตรฐานข้อมูลลอยๆ จริง เท็จ ไร้การตรวจสอบ

เข้าทางพวกแห่กระแส เน้นหาเสียงแบบเอามัน ขอแค่ให้ได้คะแนนไว้ก่อน ไม่สนอะไร

แน่นอนในสถานการณ์แบบนี้ เทียบกับความสำคัญของการเลือกตั้งห้วงเปลี่ยนผ่านประเทศ

มันดูว้าเหว่ มืดมน มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์

สำคัญกว่าเหตุพลิกคว่ำพลิกหงายของผู้เข้าแข่งขัน ณ ตรงนี้ ทุกฝ่ายควรต้องรับผิดชอบร่วมกันเพื่อเดินไปสู่การเลือกตั้ง 24 มีนาคมอย่างมีคุณภาพ

ด้วยสำนึกรับผิดชอบ ยึดหลักจริยธรรม แยกแยะ ผิด ชอบ ชั่ว ดี

อันดับแรกเลยคือ พรรคการเมือง นักเลือกตั้งอาชีพ ต้องยกระดับความรับผิดชอบต่อนโยบายที่หาเสียงกับประชาชน สามารถปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่ขายฝัน หลอกเอาแต้มจากชาวบ้าน

อีกด้านหนึ่ง ประชาชนเจ้าของ 1 สิทธิ 1 เสียง ก็ต้องกาบัตรบนพื้นฐานการศึกษาหาข้อมูล

ไม่ใช่เลือกแค่เอามัน แห่กระแสมาก่อนเหตุผล

ที่สำคัญอย่ามองเห็นแต่ “ของฟรี” นโยบายสุกเอาเผากินมาล่อใจ จนมองไม่เห็นเชื้อความขัดแย้งที่แฝงอยู่ภายใต้ผลประโยชน์ ลืมนึกถึงอดีตนักการเมืองหน้าเก่าๆ

เจ้าเดิมๆมีส่วนสร้างวิกฤติทำชาติเสียหาย

ได้โอกาสกลับมาก่อไฟขัดแย้งไม่รู้จบ หนีไม่พ้นวังวนอุบาทว์

5–6 ปีที่ร้างการเลือกตั้งมา จะเสียของฟรี ไม่มีประโยชน์อะไร

เลือกตั้งเสร็จ ก็รอวันกลับมาฝันร้ายรอบใหม่ได้เลย.

“ทีมการเมือง”

ตระกูลเพื่อแห่ย้ำมุกเผด็จการ

    พรรคการเมืองลุยหาเสียง 1 เดือนสุดท้ายคึกคัก "มาร์ค" เดินสาย กทม.-ภูเก็ต ลูกพรรคปชป. "พปชร." ชูแก้ปัญหา ศก. ชุมชนซื้อใจเมืองนนท์ "ชทพ." ไปอีสานขายความจริงใจ "อนุทิน" ปลื้มชาวบางน้ำผึ้งเชียร์นายกฯ "ลุงกำนัน" อ้อนคนชายแดนใต้ "ธนาธร" รับสมัครอาสา 9 หมื่นคนสังเกตการณ์หน่วยเลือกตั้งวัน 24 มี.ค. "ตระกูลเพื่อ" ประสานเสียงขอคะแนนท่วมท้นล้มฝั่งเผด็จการ
    ตลอดทั้งวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นห้วงเวลา 1 เดือนสุดท้ายก่อนจะถึงวันเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ วันที่ 24 มี.ค.62 พรรคการเมืองต่างๆ เร่งลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคัก 
    พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไปที่สวนหลวงช่วยผู้สมัครหาเสียงพื้นที่เขตประเวศ-สวนหลวง ขอคะแนนเสียงจากประชาชนที่มาวิ่งออกกำลังกาย โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่นจะให้ผู้สมัครทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ ยอมรับว่าบางเขตมีความยาก แต่ก็พยายามลงพื้นที่ทุกเขต
    จากนั้นเวลา 14.00 น. นายอภิสิทธิ์ไปที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวปราศรัยกับประชาชนขอคะแนนสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคว่า ภูเก็ตแม้ว่าจะทำสถิติมีรายได้ให้ประเทศมาเยอะ แต่เราเชื่อว่าสามารถทำได้มากกว่านี้ ถ้ารัฐบาลกล้าตัดสินใจ เมืองท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวเป็นเรื่องน่าเสียดายที่รัฐบาลหลายยุคคิดอย่างเดียวคือทำการตลาด แต่ไม่ค่อยสนใจว่าจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวนั้นอย่างไร
    "น่าเจ็บใจที่นักการเมืองที่ไม่มีคุณธรรมมาสกัดกั้นมาล้มหลายโครงการ เช่น โครงการศูนย์ประชุมที่ประชาธิปัตย์พยายามผลักดันให้เกิดศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายกฯ ชวน หลีกภัย พอมีรัฐบาลอื่นมา ก็มีการย้ายไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ พอรัฐบาลอภิสิทธิ์กลับเข้ามา เราได้ผลักดันโครงการศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่จนสำเร็จ และรื้อฟื้นโครงการศูนย์ประชุมที่ภูเก็ต แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลผ่านมาสองรัฐบาล ไม่มีการผลักดันโครงการนี้อีกเลย นี่เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าชาวภูเก็ตต้องเลือกรัฐบาลที่มีแนวทางที่จะมาลงทุนที่จะเพิ่มศักยภาพให้จังหวัดของเรา หารายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่และหารายได้เข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น" นายอภิสิทธิ์กล่าว
    หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า พรรคได้ไปประกาศปฏิญญาทุ่งสง เพราะประชาธิปัตย์เตรียมพร้อมว่าจะต้องยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของภาคใต้ทั้งหมดอย่างไร จากการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมถูกกลั่นแกล้งมาหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องถนน เรื่องมอเตอร์เวย์ เรื่องรถไฟ เรื่องสนามบิน เรื่องของท่าเรือ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้นวันนี้ต้องก้าวไปอีกขั้น ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เป็นอำนาจไปตัดสินใจอยู่ที่กรุงเทพฯ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่คนภูเก็ตมีผู้บริหารที่มาจากการเลือกตั้ง
    ส่วนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค พปชร. ลงพื้นที่เขตบางแค ช่วยนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ช่วยผู้สมัคร ส.ส.กทม.หาเสียงที่ตลาดแยกทศกัณฑ์ โดยชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่งเสริมให้ฝั่งธนบุรีเป็นพื้นที่ศูนย์กลางทางการค้า และผลักดันให้การคมนาคมทุกรูปแบบเชื่อมโยงกับพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ
    ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พปชร. นำทีมล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา และลงพื้นที่เขต 4 จ.นนทบุรี บริเวณตลาดปากเกร็ด และตลาดวัดสะพานสูง ช่วยนายณรงค์ จันทนดิษฐ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จ.นนทบุรีหาเสียง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก 
เร่งลงพื้นที่คึกคัก
    นายกอบศักดิ์กล่าวว่า ปากเกร็ดเป็นหนึ่งในพื้นที่ตัวอย่างที่มีความเข้มแข็ง เพราะมีการรวมตัวของสถาบันการเงินชุมชนปากเกร็ดร่วมใจ ซึ่งช่วยให้ชุมชนเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีข่าวดีจากรัฐบาลที่ได้อนุมัติ พ.ร.บ.สถาบันการเงินชุมชนมารองรับความเป็นนิติบุคคลของสถาบันชุมชน พรรคจึงพร้อมสนับสนุนส่งเสริมให้มีสถาบันการเงินชุมชนในทุกชุมชน
    "นนทบุรีมีตลาดชุมชนที่มีความสำคัญต่อชุมชนหลายตลาด เช่น ตลาดปากเกร็ด ตลาดวัดสะพานสูง ทางพรรคเองก็มีนโยบายสนับสนุนให้มีตลาดชุมชนใกล้บ้าน ให้ชุมชนสามารถซื้อหาอาหารและสินค้าที่ราคาถูก หลากหลายได้อย่างสะดวก รวมทั้งยังส่งเสริมอาชีพและรายได้ภายในชุมชนช่วยให้เศรษฐกิจชุมชนมีความคึกคักมากขึ้น" โฆษกพรรค พปชร.กล่าว  
    พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค และนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ เดินทางไปยัง จ.หนองบัวลำภู และ จ.ชัยภูมิ ช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้ง โดยได้เข้าสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวหนองบัวลำภู ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติน้ำเพียงดิน บ้านโนนงาม ต.ฝั่งแดง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู 
    น.ส.กัญจนากล่าวว่า การเดินทางมาที่บ้านโนนงามแล้วทำให้นึกถึงพ่อบรรหาร ที่เคยพูดจริงทำจริงถึงเรื่องทำถนนลาดยางให้ถึงหัวบันไดบ้านของทุกคน เพราะถ้าถนนหนทางดี การเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก โดยเฉพาะถ้าเจ็บป่วยแล้วต้องเดินทางไปโรงพยาบาล นอกจากนี้ นโยบายธนาคารต้นไม้ ที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ ก็อยากจะผลักดันให้มีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ช่วยกันปลูกต้นไม้มีค่าแล้วนำไปเป็นหลักทรัพย์สามารถขอกู้เงินได้ ซึ่งนโยบายนี้คงต้องนำไปหารือกับทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ 
    "ขอฝากผู้สมัครทั้ง 3 เขตใน จ.หนองบัวลำภูแห่งนี้ ขอให้เลือกพรรคชาติไทยพัฒนาทั้งพรรค พวกเราขออาสามาดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวหนองบัวลำภู" น.ส.กัญจนากล่าว
     ช่วงบ่าย น.ส.กัญจนาและคณะได้เดินทางไปยังอ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ โดยได้เข้าสักการะศาลเจ้าพ่อภูเขียว ก่อนขึ้นเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครของพรรค ได้แก่ เขต 1 นางสังกา แสงฤทธิ์, เขต 2 นายปรีชา พงษ์จตุรา, เขต 3 นายสาโรจน์ คำพิทักษ์, เขต 4 นายชัยชาญ จรรย์โกมล, เขต 5 นายชัยยุทธ จรรย์โกมล, เขต 6 นายพัฒน์ภิรมย์ พิชิตวนคาม 
    พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พร้อมนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค, นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และทีมผู้สมัคร กทม. ได้แก่ นายบวรกิตติ สันทัด, นายบุญมี พิบูลย์คณารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตคลองสามวา, นายศิลปชัย บุญราย ผู้สมัครเขต บางบอน-หนองแขม และนางปราณี เชื้อเกตุ ผู้สมัครเขต บางเขน ปราศรัยบริเวณเคหะรามอินทรา มีประชาชนร่วมรับฟังกว่า 1,000 คน 
    ต่อมานายอนุทินพร้อมคณะไปที่ตลาดบางน้ำผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ช่วยผู้สมัคร ส.ส.
จ.สมุทรปราการหาเสียง โดยทันทีที่นายอนุทินถึงตลาดบางน้ำผึ้ง มีประชาชนทุกเพศทุกวัยเข้ามาขอกอด มอบดอกไม้ และขอถ่ายรูปไม่ขาดสาย ระหว่างทางชาวบ้านได้ตะโกนขอให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ซึ่งนายอนุทินพูดตอบว่า ขอบคุณครับ หากได้เป็นนายกฯ จะทำให้พี่น้องอยู่ดีกินดีแน่นอน บรรยากาศการหาเสียงเป็นไปอย่างคึกคัก และเป็นกันเองอย่างยิ่ง มีการโต้ตอบระหว่างชาวบ้านกับนายอนุทินตลอดทาง
อนค.รับอาสาส่องคูหา
    พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รปช. พร้อมด้วยดาบตำรวจมโน วารีวะนิช ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.นราธิวาส เดินเท้าออกจากที่พักโรงแรมอิมพิเรียล อ.เมืองนราธิวาส เดินคารวะแผ่นดินไปตามถนนภูผาภักดี ถนนพิชิตบำรุง เข้าไปบริเวณตลาดสดเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ขอแรงสนับสนุนจากชาวไทยพุทธและมุสลิม ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เดินทางมาเลือกซื้อสินค้าและอาหารในบริเวณตลาดดังกล่าว จากนั้นได้เดินไปยังชุมชนบริเวณย่านเยาวราช ถนนจำรูญนรา เพื่อทักทายผู้ประกอบการที่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน และลงหาเสียงอีกหลายแห่ง รวมทั้งแหล่งชุมชนในเขตเมืองย่านชุมชนของเมืองนราธิวาส
    นายสุเทพได้อ้อนประชาชนรักลุงกำนัน อย่าลืมเลือก ส.ส.ของพรรค ลงคะแนนพรรคเดียว ขอฝากตัวและช่วยดูแลผู้สมัครของพรรคที่เป็นลูกหลานของคนในพื้นที่ไว้เป็นตัวแทนของคนในพื้นที่ ซึ่งพร้อมจะเสียสละและทำหน้าที่แทนประชาชน เป็นปากเป็นเสียงเพื่อประชาชน เพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้  
    ช่วงเย็น นายสุเทพไปเปิดปราศรัยที่เวทีหาดนราทัศน์ เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส และช่วงค่ำไปปราศรัยที่จุดบริเวณตลาดเทศบาลบ้านตาบา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เพื่อหาเสียงแก่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ และเชิญชวนประชาชนเลือกลงคะแนน ส.ส.พรรครวมพลังประชาชาติไทย
    พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ตลาดปากน้ำอำเภอเมืองสมุทรปราการ ช่วยนายชนสิษฏ์ ยอดฉิม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 สมุทรปราการ หาเสียง และพบพ่อค้าแม่ค้าชาวจังหวัดสมุทรปราการ ที่บริเวณตลาดปากน้ำท่าเรือวิบูลย์ศรี และเดินหาเสียงรอบตลาดปากน้ำ ซึ่งได้รับการต้อนรับจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้า โดยมีการมอบพวงมาลัยและดอกไม้ให้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับขอถ่ายรูปและเซลฟี                                 
     นายธนาธรกล่าวว่า พรรคจะรณรงค์รับสมัครชาวอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นอาสาสมัครจำนวนประมาณ 9 หมื่นคน เพื่อตรวจสอบสังเกตการณ์ตามหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้ โดยเราเชื่อว่าชาวสมุทรปราการต้องการความเปลี่ยนแปลง ทางพรรคมีความพยายามที่จะไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งการเดิมพันการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเดิมพันที่สูง  
    ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) แกนนำพรรคกระจายกำลังลงพื้นที่หาเสียงกันในแต่ละพื้นที่ โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พร้อมนายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย และบุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบประชาชนที่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยพื้นที่เขต 3 จ.เลย พรรคเพื่อไทยส่งนายสันติภาพ เชื้อบุญมี ผู้สมัคร ส.ส.เลย เขต 3 ลงสู้กับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทยหลายสมัยที่ได้ลาออกไปลง ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก่อนที่คุณหญิงสุดารัตน์จะขึ้นเวทีปราศรัย ได้เข้ากราบสักการะพระธาตุศรีสองรัก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ อ.ด่านซ้าย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายพานทองแท้มาถึงตลาดเทศบาล อ.ด่านซ้าย ซึ่งเป็นที่ตั้งเวทีปราศรัย
นายอดิศร เพียงเกษ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประกาศทันทีว่า ตัวแทนนายทักษิณมาพบประชาชนแล้ว และขอให้ประชาชนปรบมือดังๆ และส่งเสียงให้ทักษิณได้ยินด้วย 
    "นักการเมืองต้องไม่ทรยศต่อประชาชน และไม่ขายวิญญาณให้กับเผด็จการ" นายอดิศรกล่าว
    ช่วงบ่าย คุณหญิงสุดารัตน์เดินทางไปปราศรัยที่บริเวณหลังปั๊ม ปตท. อ.หนองหิน จ.เลย เพื่อช่วยนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เลย ซึ่งลงเลือกตั้งสู้กับนางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 
     ส่วนนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย พร้อมนายสุรเชษฐ์ ชัยโกศล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, นายนพ ชีวานันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ตลาดเจ้าพรหม สักการะศาลพระพรหม ลองทำขนมครกและแจกบัตรประชาสัมพันธ์หาเสียงเลือกตั้ง มีพ่อค้าแม่ค้ามอบดอกกุหลาบให้นายชัชชาติ 
ขอเสียงล้มเผด็จการ
    เวลา 16.00 น. นายชัชชาติลงพื้นที่ตลาดนัดปิ่นเจริญ 1 ย่านดอนเมือง ช่วยนายการุณ โหสกุล ผู้สมัครเขต 10 พรรคเพื่อไทยหาเสียง โดยได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในช่วงเย็นเป็นอย่างมาก 
    นายชัชชาติกล่าวว่า ไม่กังวลที่พื้นที่ดอนเมืองเป็นพื้นที่ที่มีค่ายทหารมาก เพราะเชื่อว่าทหารมีอิสระในการเลือกตั้ง เขาจะเลือกตั้งเพื่อประโยชน์ของลูกหลานในอนาคต ขณะที่นายการุณกล่าวว่า ไม่กังวลครับ เพราะทหารส่วนใหญ่เลือกเรา
    ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานยุทธศาสตร์ปราศรัยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ จ.หนองคาย ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตหาเสียง บริเวณลานเอกชน หน้าวัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย 
    ร.ต.อ.เฉลิมขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่า มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะเหมา ส.ส.ภาคอีสานได้ทั้งหมด พรรคอื่นไม่ต้องหาเสียงให้เสียเวลา และไม่ต้องคิดนโยบายด้วย เพราะยังไงก็แพ้การเลือกตั้ง ปีนี้ตนอายุ 72 ปี แล้ว จะเล่นการเมืองเป็นครั้งสุดท้าย จึงอยากเห็นคนรุ่นใหม่ของพรรคเพื่อไทยได้เข้าไปนั่งในสภา โดยนโยบายของพรรคเพื่อไทยวางรากฐานไว้ดีอยู่แล้ว แต่จะทำให้ดียิ่งขึ้น เช่น 30 รักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน, สินค้าโอท็อปกระจายสู่ต่างชาติ ซึ่งทุกวันนี้แทบจะไม่เห็นการลงทุน เพราะต่างชาติขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล จึงต้องแก้ไข 
    "การเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล ก็จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดย ส.ว. 250 คน รวมกับ ส.ส.อีก 26 คน เรียกว่าเป็นรัฐบาลเป็ดง่อย ทำอะไรไม่ได้ หลายคนบอกว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงโจมตีพรรคอื่น ซึ่งก็แน่นอน นั่นเป็นเพราะมีการปฏิวัติยึดอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปโดยไม่ชอบธรรม การจะห้ามไม่ให้ชาวนาเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าวนั้น เป็นเรื่องที่จะเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งที่ต้องการผูกขาดสิทธิ์ในการขายเมล็ดพันธุ์ข้าว ผมขอสาปแช่งให้คนคิดเช่นนี้ตกนรกทั้งเป็น" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
    วันเดียวกัน นายชินวัฒน์ หาบุญพาด อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ภาคตะวันออก ส่งเอกสารพร้อมกับลงนามแจ้งความประสงค์ลาออกจากความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ระบุสาเหตุที่ลาออกจากสมาชิกพรรค เพราะในการเลือกตั้ง 24 มี.ค. พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งใน จ.จันทบุรี ตนในฐานะคนทำงานการเมือง เป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตย เลยไม่มีตัวช่วย แต่ยังอยากไปช่วยสนับสนุนพรรคที่มีอุดมการณ์ ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตย แต่ถ้าจะไปช่วยพรรคอื่นในขณะที่ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ดูยังไงๆ อยู่ เลยขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย เพื่อให้เป็นอิสระในการไปสนับสนุนพรรคอื่นในพื้นที่เขต 3 จ.จันทบุรี มีทั้งพรรคซีกเผด็จการกับฝั่งประชาธิปไตยมาลงแข่งขัน ตนยังคิดว่าตัวเองยังมีประโยชน์ต่อระบอบประชาธิปไตย 
    “การที่ผมลาออกจากสมาชิกพรรค ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับพรรคเพื่อไทย ทั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคทุกท่าน ยังเคารพนับถือเหมือนเดิม ขอบคุณพรรคเพื่อไทย ที่ได้สังกัดมาครบ 10 ปีพอดี" นายชินวัฒน์กล่าว
    พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค ทษช. และนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค พร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายพงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ ผู้สมัครส.ส.กทม. เขตบางคอแหลม ยานนาวา หาเสียงบริเวณตลาดรุ่งเจริญ และซอยสาธุประดิษฐ์ 33 มีประชาชนมอบดอกกุหลาบและพวงมาลัยดาวเรืองตลอดทาง 
    ช่วงบ่าย นายจาตุรนต์พร้อมด้วยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และคณะทำงานพรรค ทษช. ลงพื้นที่เขต 24 ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ ช่วย น.ส.นพสรัญ วรรณศิริกุล ผู้สมัคร ส.ส.หาเสียง โดยเดินทางมาที่สุรชัยคาร์เซ็นเตอร์ เพื่อพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน มีพี่น้องชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิมร่วมให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก 
    นายจาตุรนต์กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวเลือก ส.ว. 250 เสียง เทียบเท่ากับเสียงของประชาชนครึ่งประเทศ แบบนี้มันยุติธรรมหรือไม่ และในเมื่อเราจะต้องสู้กับ ส.ว. 250 เสียง เราจึงจำเป็นจะต้องรวมพลังฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อเอาชนะเผด็จการ 
    "การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญมาก เพราะเป็นการแก้ 2 ปัญหาใหญ่ของประเทศ คือ 1.เอาเผด็จการออกไป และ 2.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ขอเชิญพี่น้องประชาชนออกมาสู้กับรัฐบาลเผด็จการ สู้ไปพร้อมกับเรา สู้ไปพร้อมกับไทยรักษาชาติ 24 มี.ค.นี้ เข้าคูหา เอาไทยรักษาชาติเข้าไปเป็นรัฐบาล เอาเข้าไปแก้ปัญหาประเทศ” นายจาตุรนต์กล่าว
    นายณัฐวุฒิกล่าวว่า จากสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ไม่ต่างไปจากเมื่อปี 2540 นโยบายที่เคยช่วยแก้ไขวิกฤติครั้งนั้น ตอนนี้ก็ยังมีอยู่ มีอยู่จนถึงทุกวันนี้ OTOP, SMEs, 30 บาทรักษาทุกโรค บุคลากรที่อยู่กับเราขณะนี้ ก็มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนั้น ซึ่งรัฐบาลที่อยู่มา 5 ปี บอกว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ที่ผ่านมาเห็นมีแต่มาซ้ำเติมปัญหาให้ประเทศ สร้างปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ส่งเสริมอำนาจตนให้ใหญ่โตขึ้นทุกวัน แต่กลับลดทอนอำนาจประชาชน
    พรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) นายจตุพร พรหมพันธุ์  ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ และประธาน นปช.
พร้อมผู้บริหารพรรค ยกคณะไปหาเสียงที่ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร โดยนายจตุพรปราศรัยว่า นายสุเทพบอกไม่ร่วมกับพรรคตระกูลเพื่อ แต่นายสุเทพไปถามพรรคตระกูลเพื่อหรือยังอยากร่วมกับนายสุเทพหรือเปล่า เมื่อแต่ละพรรคประกาศจองพื้นที่นั่งในสภากันเต็มไปหมด ส่วนพรรคเพื่อชาติเหลือเพียงพี่น้องเสื้อแดงเท่านั้นที่ร่วมเป็นร่วมตายจะพาเพื่อชาติเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรให้ได้
    “ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ในระบอบประชาธิปไตย วันที่ 24 มี.ค. ไม่ว่าคุณจะเป็นพลเอก พลทหาร หรือประชาชน ในวันนั้นเรามีหนึ่งเสียงเท่ากัน พล.อ.ประยุทธ์สามารถแต่งตั้งวุฒิสภา 250 คน เว้น 6 คนที่มาโดยตำแหน่ง แต่เมื่อเข้าคูหาเลือกตั้ง ทุกคนก็มีสิทธิเท่ากับตน คือ 1 เสียงเท่ากัน ซึ่งในวันนี้วิธีการจัดการเผด็จการที่ดีที่สุด เราไม่ต้องออกไปรบกับรถถัง แต่เราไปเข้าคูหาเลือกตั้ง แล้วส่งสัญญาณบอกกับเผด็จการว่า ทีหลังอย่ามายึดอำนาจ ยึดอำนาจแล้วอย่ามาคิดสืบทอดอำนาจต่อ ซึ่งพี่น้องจะทำได้และเป็นวิธีเดียวเท่านั้น” นายจตุพรกล่าว.