PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

‘นิพิฏฐ์’ เตือนคสช.-กกต.คิดให้ดียุบ ‘เพื่อไทย’ ยิ่งเข้าทางช่วยหาเสียงให้

‘นิพิฏฐ์’ เตือนคสช.-กกต.คิดให้ดียุบ ‘เพื่อไทย’ ยิ่งเข้าทางช่วยหาเสียงให้


เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีหากเกิดเหตุการณ์ยุบพรรคเพื่อไทย(พท.) ก่อนการเลือกตั้ง ในประเด็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำลังเก็บข้อมูลเรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีสั่งการครอบงำว่า หากยุบพรรคพท.จริงจะกระทบการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ไม่อยากให้มองไปไกลขนาดนั้น เพราะถ้ามีการยื่นเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญจริง ก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ในการพิจารณาและสอบสวน ที่ต้องระมัดระวังและให้ความเป็นธรรม ให้ทุกฝ่ายได้ชี้แจงอีก มองว่า เวลาคงไม่ทันที่จะไปยุบพรรคพท.ก่อนการเลือกตั้ง ขอให้ผู้เกี่ยวข้องระมัดระวัง ถ้ายังไม่มีเลือกตั้งแล้วไปยุบทำแท้งพรรคเขาก่อนเกิดแบบนั้น อารมณ์ของชาวบ้านจะเป็นอย่างไร จะกลายเป็นผู้ที่ทำไปกลั่นแกล้ง กลายเป็นไปหาเสียงให้พรรคพท.เข้าไปอีก เพราะเขาจะหาว่าไปกลั่นแกล้งเขา เชื่อว่าแกนนำในพท.เขาระมัดระวังเรื่องกฎหมาย ยกตัวอย่างถ้านายทักษิณ พยายามจะพูดจา ครอบงำ สั่งการอย่างไรก็ช่าง แต่แกนนำพท.เขาบอกว่า คนนอกสั่งอะไรก็สั่งไป แต่คนในไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของนายทักษิณ ก็น่าจะถือว่าไม่มีความผิดแล้ว

ใบตองแห้ง: สมคิดกับทฤษฎีสามานย์

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวกับ CEO บริษัทชั้นนำทั่วโลก ในงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ว่า หลังจาก The Lost Decade หรือทศวรรษแห่งการสูญเสียประเทศไทยใช้เวลา 3-4 ปี นำความสงบและเสถียรภาพทางการเมืองกลับคืนมา จากที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ป่วยแห่งอาเซียน จีดีพีต่ำกว่า 1% ผ่านไป 3 ปี จีดีพี 4.8% บังเอิญระฆังจะหมดยก จะมีเลือกตั้งต้นปีหน้า แต่อย่าวิตก แผนงานโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลวางไว้จะไม่สะดุด เพราะมีลางสังหรณ์ว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจจะหน้าตาคล้าย ๆ คนเดิม
ถอดความหมายคือ สมคิดบอกนักลงทุนต่างชาติให้เชื่อมั่น อย่ากังวลว่าการเลือกตั้งจะมีผลให้เปลี่ยนนโยบาย หรือเปลี่ยนรัฐบาล ยังไง ๆ ก็จะมีการสืบทอดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์จะกลับมา สมคิดจะกลับมา ทุกอย่างยังเดินหน้า EEC รถไฟความเร็วสูง ฯลฯ ไม่ชะงัก
ฟัง ๆ ดูก็สร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดีนะ เพียงแต่เสียดาย สมคิดไม่พูดให้ชัดกว่านี้ เช่นอธิบายกับนักลงทุนต่างชาติว่า รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย เอื้อประโยชน์ต่อการสานต่อนโยบายเศรษฐกิจ เพราะจะมี 250 ส.ว.ที่ คสช.แต่งตั้ง เลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ
ยิ่งกว่านั้น ยังมีพรรคพลังประชารัฐ ซึ่ง 4 รัฐมนตรีคนใกล้ตัวก่อตั้ง โดยสมคิดไม่รู้ไม่เห็น แต่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน เป็นหลักประกันว่าทีมเศรษฐกิจเดิมจะกลับมา เพราะมีฐานกลุ่มสามมิตร ที่สนิทกับสมคิดตั้งแต่ยุคไทยรักไทย ไล่ดูด ส.ส. ดูดลูกเจ้าพ่อมาร่วมพรรค แถมมีรองประธาน สนช.เอื้อเฟื้อ พาว่าที่ผู้สมัครร่วมกิจกรรมไทยนิยม
ในขณะเดียวกัน ยังจะเป็นการจัดเลือกตั้งใต้ ม.44 โดย กกต.ที่ตั้งจาก สนช.ชุดนี้ รัฐบาลยังมีอำนาจอนุมัติงบประมาณ โยกย้ายข้าราชการ ไม่เหมือนรัฐบาลปกติ แต่ไม่ต้องมีต่างชาติสังเกตการณ์ ตรวจความโปร่งใส เพราะ “ไม่เป็นมงคล”
สิ่งที่สมคิดพูด เป็นไปตามทฤษฎีที่เชื่อว่านักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ไม่ได้สนใจความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ความเป็นธรรม ขอเพียงมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ควบคุมสังคมให้สงบ เศรษฐกิจการค้าการลงทุนก็จะไปโลด
ที่จำเป็นต้องมีการเลือกตั้ง ก็เพราะต่างชาติ โดยเฉพาะอียู มีข้อบังคับว่าจะเจรจาการค้ากับรัฐบาลจากการเลือกตั้งเท่านั้น จึงต้องแปลงร่างจากรัฐบาลทหารเป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจ โดยอาศัยกลไกรัฐธรรมนูญที่ร่างไว้ให้ตัวเองได้เปรียบ
แน่นอนว่าทฤษฎีนี้จะนำมาโหมประโคม กับกลุ่มทุน ภาคธุรกิจ ตลอดจนคนรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จ เช่นที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดในงาน “สตาร์ทอัพร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย” เราเดินมาถูกทางแล้ว มีแผนงาน มียุทธศาสตร์ชาติ ที่ต้องสานต่อให้เกิดความยั่งยืน
ดังนั้น อย่าไปฟังแร็ป “ประเทศกูมี” ต้องฟัง Thailand 4.0 ตามสุวิทย์ เมษินทรีย์
ฟิลิป คอตเลอร์ คงสอนมาดี จนสามารถใช้การตลาดค้ำจุนสืบทอดอำนาจที่ไม่ชอบธรรม ทศวรรษแห่งการสูญเสียเกิดเพราะรัฐประหาร เพราะการทำลายประชาธิปไตยไม่หยุดยั้ง ประเทศป่วย จีดีพีต่ำกว่า 1% ก็เพราะชัตดาวน์ขัดขวางเลือกตั้ง ปูทางยึดอำนาจ 5 ปี ใช้ปืนใช้คำสั่งบังคับสังคมสงบ เอาโครงการสาธารณูปโภครัฐบาลก่อน ๆ มาทำ แล้วก็บอกประชาชนอย่าวุ่นวาย อย่าต่อต้าน ยอมให้สืบทอดอำนาจอย่างด้าน ๆ เศรษฐกิจจะดีอย่างยั่งยืน
นี่คือทฤษฎีสามานย์ ที่บอกให้โยนทุกอย่างทิ้ง เสรีภาพ ประชาธิปไตย ความยุติธรรม ฯลฯ สยบยอมอำนาจไม่ชอบธรรม แล้วปากท้องจะดี
ภาคธุรกิจไทยคงยอมรับได้ เพราะส่วนใหญ่เติบโตมาในสังคมสามานย์อย่างนี้ แต่ประชาชนสิจะยอมรับได้ไหม แค่ฟังคนหน้าเดิมบ่นว่า คนจนเยอะ เพราะไม่คิดพัฒนาตัวเอง ก็ทุเรศใจ

ใน‘รุก’มี‘รับ’ ของโหมด‘เลือกตั้ง’ แข็งก็มีอ่อน

ใน‘รุก’มี‘รับ’ ของโหมด‘เลือกตั้ง’ แข็งก็มีอ่อน



ไม่ว่าจะเป็น “นักการทหาร” ไม่ว่าจะเป็น “นักธุรกิจ” ไม่ว่าจะเป็น “นักการเมือง” ย่อมตระหนักในลักษณะ 2 ด้านของสรรพสิ่ง

นั่นก็คือ ภายใน “จุดแข็ง” ก็มี “จุดอ่อน”

ตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ ภายในจุดแข็งที่ “รัฐธรรมนูญ” สร้างความได้เปรียบให้กับ คสช.และรัฐบาล แต่ก็จะค่อยๆ ปรากฏจุดอ่อนตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า

อย่าคิดว่าจะมีแต่พรรคตระกูล “พลัง” อย่างเดียว

ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังท้องถิ่นไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังธรรมใหม่

เพราะต่อมาก็คึกคักด้วยพรรคตระกูล “เพื่อ” และพันธมิตรตามมา

เริ่มจากพรรคเพื่อไทยก็แตกแขนงเป็นพรรคเพื่อธรรม และแตกแขนงเป็นพรรคเพื่อชาติ ทั้งยังมีพรรคไทยรักษาชาติ ตีคู่กันไปกับพรรคประชาชาติ

ที่คิดว่าเป็นฝ่าย “รุก” ก็อาจจะไม่ใช่

ถามว่าการคงอยู่ของประกาศ คสช.ฉบับที่ 57/2557 ประสานเข้ากับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 13/2561

คือ จุดแข็งอย่างยิ่งยวด

อย่างน้อยก็ทำให้การขยับขับเคลื่อนของพรรคการเมืองอื่นอันอยู่นอกเหนือจากพรรคตระกูล “พลัง” ไม่คล่องแคล่ว ปราดเปรียว

แต่ยิ่งใกล้วันที่ 26 พฤศจิกายน ยิ่งจะกลายเป็นจุดอ่อน

เหมือนกับที่ คสช.และรัฐบาลรู้สึกว่า การใช้อำนาจแข็งของตนผ่านรัฐธรรมนูญ ผ่านมาตรา 44 คือ การสร้างความสงบให้กับบ้านเมือง

แต่ก็อาจจะเหมาะสมเฉพาะ 1-2 ปีแรก


ขณะที่เมื่อผ่านเดือนพฤษภาคม 2560 และผ่านเดือนพฤษภาคม 2561 หลายๆ ฝ่ายก็เริ่มรู้สึกว่าอำนาจแข็งในแบบนั้นอาจไม่ใช่ อาจไม่เหมาะสม

เห็นได้จากเสียงอันดังมาจาก “ประเทศกูมี”

เช่นเดียวกับ หากสดับตรับฟังจากบรรดารัฐมนตรีอันเป็นแก่นแกนของพรรคพลังประชารัฐ จะสัมผัสได้ถึงผลงานและความสำเร็จของการพัฒนาเศรษฐกิจ

ไม่ว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ว่าการเพิ่มของจีดีพี

หากฟังแต่การประชาสัมพันธ์ทางด้าน “การตลาด” ก็อาจจะอบอุ่นไปกับคำว่า “ฟื้น” แล้ว “รุ่งโรจน์” แล้ว

กระนั้น เมื่อประสบกับเสียงร้องจากหลายๆ ภาคส่วน

ไม่ว่าจะมาจากเกษตรกรชาวสวนยาง ไม่ว่าจะมาจากเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ไม่ว่าจะมาจากเกษตรกรชาวไร่อ้อย ชาวสวนมะพร้าว เป็นต้น

ก็จะสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับการปั่นในเรื่อง “การตลาด”

สิ่งเหล่านี้หากมีการ “ปลดล็อก” เพื่อเข้าสู่โหมดแห่งการเลือกตั้งในทางเป็นจริง ก็จะมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา

แล้วปราสาท “ทราย” ก็จะพังครืนเมื่อปะกับคลื่นลมที่ซัดสาดเข้ามา

การเลือกตั้งจึงเป็นสภาพที่แทบทุกพรรคการเมืองที่มิได้อยู่ในเครือข่ายพรรคตระกูล “พลัง” ต่างรอคอย ขณะที่กล่าวสำหรับ คสช.และรัฐบาลอาจไม่แฮปปี้เท่าใดนัก

การยื้อ ถ่วง หน่วง จึงเกิดขึ้นตลอด 2 รายทาง

เพราะหากปี่กลองการเลือกตั้งเริ่มประโคมขึ้นมาเมื่อใด สภาพที่คิดว่าเป็น “จุดแข็ง” อาจกลับกลายเป็น “จุดอ่อน” ขึ้นมา

ที่คิดว่าเป็นฝ่าย “รุก” ก็อาจกลายเป็นฝ่าย “ตั้งรับ” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้

ศึกชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ ป่วน

ศึกชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ ป่วน /
วันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้การลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้า ประชาธิปัตย์ ในวันนี้ (5พ.ย.) ของพื้นที่ภาคอีสาน และภาคใต้จะดำเนินการได้ แต่ยังมีประเด็นดข้อถกเถียงจากทีม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ผู้สมัครหมายเลข 2 ได้ทำการก็อปปี้ source code ออกไป ซึ่งผิดจากข้อตกลงเดิมที่ให้กรรมการไอทีทั้ง 3 ฝ่ายเข้าถึงร่วมกันได้ แต่ห้ามเอาออกไป เพราะจะเกิดช่องว่าง
อาจเกิดการปลอม source code ยิงคะแนนเข้าสู่ระบบ Blockchain และไม่สามารถตรวจสอบจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ที่แท้จริงได้ ซึ่งจะส่งผลต่อผลคะแนน จนทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตได้
ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครหมายเลข 1 จึงทำหนังสือถึงนายชุมพล กาญจนะ ประธานกกต.พรรค เมื่อวันทื่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา ขอให้ปิดจุดอ่อนของระบบการหยั่งเสียง 3 ข้อ คือ 1.ให้เซ็ตอัพระบบ VPN server เพื่อป้องกันการเจาะระบบราสเบอร์รี่ไพน์ จากคนที่ไม่หวังดี
2.ขอให้มีการเก็บข้อมูลจราจรในคอมพิวเตอร์ จากทุกเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้หยั่งเสียงตามที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 กำหนดไว้ และ 3.ขอให้บันทึกจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ตามหน่วยเลือกตั้ง เพื่อนำข้อมูลมาตรวจสอบกับล็อกไฟล์ซึ่งจะทำให้ทราบถึงจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ที่แท้จริง
โดยที่ประชุมกกต.ใช้เวลาพิจารณานานกว่า 7 ชั่วโมง ตัวแทนทีมนพ.วรงค์ ยังคงไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ โดยในข้อแรก อ้างว่าจะทำให้ระบบเกิดความซับซ้อนจนเกิดปัญหาขึ้นอีก หากยังยืนยันจะดำเนินการ ขอให้นายอภิสิทธิ์ เป็นผู้รับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในประเด็นนี้ กกต.จึงเห็นร่วมกันให้ตกไป
แต่ข้อ 2 และ 3 ที่ประชุมต้องใช้วิธีการลงมติหลังจากเสียเวลาพิจารณานาน โดยเสียงส่วนใหญ่ให้ปฏิบัติตามข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เพราะเห็นว่าจะทำให้การเลือกตั้งตรวจสอบผู้มาใช้สิทธิ์ที่แท้จริงได้ และจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต จนทำให้ตัวแทนทีมนพ.วรงค์ ไม่พอใจถึงขั้นวอล์คเอาต์ออกจากที่ประชุม
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นพ.วรงค์ ยังทำหนังสือถึงประธานกกต.พรรค ขอให้ตรวจสอบบริษัทรับจ้างดำเนินการด้านไอทีให้กับการหยั่งเสียงครั้งนี้ โดยเรียกร้อง 3 ข้อ 1.ไม่ต้องจัดให้ลงลายมือชื่อ ลายพิมพ์นิ้วมือ หรือการนับจำนวนผู้หยั่งเสียง โดยให้เหตุผลว่าการลงลายมือชื่อ หรือการพิมพ์ลายนิ้วมือที่หน่วยเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. ที่ภาคใต้และภาคอีสาน จะทำให้รู้จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ เลือกตั้ง
ทั้งที่การเลือกตั้งยังไม่เสร็จสิ้น ส่งผลให้มีการได้เปรียบเสียเปรียบ ในการเลือกตั้งวันที่ 9 พ.ย. เพราะการเลือกตั้งแต่ละหน่วย ผู้สมัครรู้ดีว่าหน่วยเลือกตั้งไหน เลือกผู้สมัครใด จึงประมาณการคะแนนของตัวเองได้ และจะนำไปสู่การใช้อิทธิพล การเลือกตั้งที่ไม่ชอบได้ โดยขอให้กลับไปใช้มติในวันที่ 30 ต.ค.
2.ให้ลงโทษและมีคำสั่งไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับฐานข้อมูล กับเจ้าหน้าที่พรรคที่ดูแลด้านคอมพิวเตอร์ที่เข้าถึง รับรู้ รับทราบ ตรวจสอบ ฐานข้อมูลของผู้ใช้สิทธิ์หยั่งเสียงเลือกตั้ง ซึ่งได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งไปแล้ว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ 4 ฝ่าย
3.ให้ตรวจสอบความสามารถและคุณสมบัติของบริษัทที่มาจัดทำ OTP เนื่องจากเป็นบริษัทที่ไม่ได้มาตรฐานและโกงการเลือกตั้งได้ เมื่อพบว่าไม่ได้มาตรฐานขอให้เปลี่ยนบริษัทใหม่ทันที และ
4.ให้เรียกบริษัท We ever Co.,Ltd. ที่รับจ้างเขียนโปรแกรมและจัดหาอุปกรณ์ลงคะแนนหยั่งเสียง มาตรวจสอบ
>>>เนื่องจากไม่สามารถจัดให้ลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ตามที่ตกลงกันไว้ทำให้พรรคเสียหาย และเสี่ยงเสียชื่อเสียงเป็นที่วิจารณ์ในการบริหารงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และเป็นที่ไม่พึงพอใจของสมาชิกพรรคที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในกทม. ภาคกลาง และภาคเหนือ<<<
.........
นอกจากนี้ยังอ้างการนำเสนอข่าวของสื่อเกี่ยวกับปัญหาไทม์โซน ว่าเกิดจากทีมนพ.วรงค์ ขอให้ตัดการเช็กเวลาอัตโนมัติในเครื่องราสเบอร์รี่ไพน์ กับ เซิร์ฟเวอร์ จนเป็นเหตุให้ลืมเซ็ตเวลาประเทศไทย ทำให้ยังเป็นเวลาของป.อังกฤษ ทำให้ระบบไม่ทำงาน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง โดยการจัดเลือกตั้งเป็นความรับผิดชอบของบริษัทดังกล่าว จึงเป็นความรับผิดชอบของบริษัท หากพบว่าไม่มีประสิทธิภาพขอให้ปรับลดค่าจ้าง
ด้านนางเจิมมาศ จึ่งเลิศศิริ เลขานุการกกต.พรรค กล่าวว่า กกต.ได้รับหนังสือแล้วแต่ไม่มีเวลาพิจารณา แต่ได้หารือเบื้องต้นว่ากรณีแรก ที่ต้องการให้ยกเลิกพิมพ์นิ้วมือไม่สามารถทำได้ เนื่องจากวันนี้มีการลงคะแนนแล้ว ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทเอกชนจะพิจารณาหลังการหยั่งเสียงเสร็จ สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่พรรคก็พูดคุยกับกรรมการไอทีของทั้ง 3 ฝ่ายนอกรอบไปแล้วว่า เจ้าหน้าที่พรรคไม่มีเจตนา ซึ่งมีการว่ากล่าวตักเตือนไป
KHAOSOD.CO.TH
ศึกชิงหัวหน้าประชาธิปัตย์ ป่วน / วันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้การลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกตั้งหัวหน้า ...

ทหาร-ตร.-ฝ่ายปกครองสนธิกำลังครึ่งร้อย จับ-ยึดปฏิทินปี 62 รูป“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

ทหาร-ตร.-ฝ่ายปกครองสนธิกำลังครึ่งร้อย
จับ-ยึดปฏิทินปี 62 รูป“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”
ทหาร-ตร.-ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังครึ่งร้อย บุกยึดปฏิทินรูป “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” พร้อมคุมลูกชายไป สน.วารินชำราบ ส่วน “ศรีวราห์” ยันไม่ก่อขัดแย้ง ชี้ไม่ผิด กม. มึนตรวจสอบ จับ ยึดทำไม
เมื่อ 6 พ.ย. 2561 ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี สนธิกำลังบุกเข้ายึดปฏิทินปีใหม่ 2562 ซึ่งมีภาพของนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โดยผู้ใช้เฟสบุ๊ก “รัตนา เสรีชน” โพสต์ข้อความว่า “วันนี้ไม่อยู่บ้าน มีแขกมาเยี่ยม มาเอาของฝากไปหมดเลย ปฏิทินเป็นอาวุธร้ายแรง”
สอดคล้องกับนายอานนท์ นำภา ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความระบุว่า “วันนี้ เวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารสนธิกำลังกับฝ่ายปกครองกว่า 50 นาย เข้าตรวจยึดปฏิทินรูป “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” จำนวนหนึ่ง พร้อมคุมตัวลูกชายของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งไปที่ สน.วารินชำราบ จ.อุบลฯ”
วันเดียวกัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ กล่าวถึงการแจกปฏิทินปีใหม่ 2562 ซึ่งมีภาพของ“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” กว่า 2 ล้านชิ้นให้กับประชาชนที่กรุงเทพฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ
“จากการตรวจสอบมีรูปของอดีตนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่านจริง แต่ยังไม่พบหลักฐานว่า บุคคลใดเป็นคนทำแจก พบว่ามีการแจกที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศาลรัฐธรรมนูญ จ.อุดรธานี และ จ.อุบลราชธานี”
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจภูธรภาค 3 ภาค 4 และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กำลังติดตามตรวจสอบให้ชัดเจน ไม่น่าก่อให้เกิดความขัดแย้งเพราะมีการแจกกันมาแล้วก่อนหน้านี้ ตอนนี้ยังตรวจสอบยังไม่พบการกระทำความผิด แต่หากพบว่าทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยืนยันว่าอดีตนายกทั้งสองยังอยู่นอกราชอาณาจักรคงไม่ใช่ผู้ทำแจกแน่นอน อย่างไรก็ตามช่วงนี้ใน กทม. ยังไม่มีกลุ่มใดเคลื่อนไหว ในมิติความมั่นคงการจับตาดู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ให้ขยายพื้นที่ก่อการ
นอกจากนี้ เมื่อ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา ทหารได้บุกเข้าไปตรวจสอบบ้านสาวรายหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานี และยึดปฏิทินรูป “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” เมื่อมีข่าวเผยแพร่ทางสื่ออินเตอร์เน็ต ทหารได้สั่งให้คนโพสต์ลบภาพออก แต่ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Wassana Kenhla ไม่ยอมทำตาม
PEACE NEWS
ติดตามPEACE NEWS ผ่านช่องทาง SOCIAL MEDIA ได้ที่
--------------------------------------------------------
Youtube : https://www.youtube.com/user/thaipeacetv
Line@ : https://line.me/R/ti/p/%40xin4263v
Twitter : https://twitter.com/PeacenewsThai?lang=th
Peace News Page : https://www.facebook.com/PeaceNewsOfficial
Google+ : https://plus.google.com/u/0/+PEACETVTHAI

อยู่พรรคเดียวกันไม่ได้!'เด็กแม้ว'แห่ทิ้งเพื่อไทย หนี'เจ๊หน่อย'ไปไทยรักษาชาติ



6 พ.ย.61- รายงานข่าวจากพรรคไทยรักษาชาติเปิดเผยว่า ในวันที่7พ.ย. พรรคจะมีการเปิดตัวพรรคและผู้ที่จะมาร่วมงานการเมืองด้วยเป็นครั้งแรกที่ โรงแรมรามาการ์เด้น จุดประสงค์การทำพรรคดังกล่าว จะชูภาพความเป็นคนรุ่นใหม่เน้นคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อเป็นหลัก นำคะแนนไม่ทิ้งน้ำมาคำนวนเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนระบบเขตที่พรรคเพื่อไทยมีความแข็งแกร่งด้านผู้สมัคร เน้นทางด้านนี้ไป 
ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานพรรคไทยรักษาชาติ จะเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ จากพรรคเพื่อไทยเดิมและอีกหลายพรรคการเมือง มีทั้งในส่วนที่เป็นลูกหลานทายาทนักการเมือง และคนรุ่นใหม่จากแวดวงนักธุรกิจ ในวัยไม่เกิน45ปี เป็นหลัก 
อาทิ นส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพชร นริพทะพันธ์ บุตรชายนายพิชัย รท.ปรีชาพล พงษ์พาณิชย์ อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย 
ในส่วนของหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาตินั้น กำลังเร่งพิจารณา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือก รท.ปรีชาพลนั้น หรือ นายฤภพ ชินวัตร บุตรชายนายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ยังมีการ ทาบทามนายมิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด บุตรชายนายยงยุทธ ให้มาร่วมงานด้วย
ยังมีรายงานว่า พรรคไทยรักษาชาติ ตั้งขึ้นมาไม่เพียงเน้นคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นหลัก ส่วนหนึ่งยังหวังดึงคะแนนนิยมจากพรรคอนาคตใหม่ ที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรคด้วย ผ่านการชูนโยบายเพื่อคนรุ่นใหม่ที่จับต้องได้ กับอุดมการณ์ที่แน่วแน่ทางประชาธิปไตยไปพร้อมกัน ในส่วนของแกนนำพรรคเพื่อไทยที่ปรากฎชื่อก่อนหน้านี้ทั้ง นายนพดล ปัทมะ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายพิชัย นริพทะพันธ์ ในวันนี้ต่างยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่ในวันข้างหน้า ยังไม่แน่ชัดว่าจะไปร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่
ขณะที่รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า หลังจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เข้ามาทำหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ทำให้แกนนำพรรค อดีตส.ส.หลายคน ที่มีแนวคิดทางการเมือง นโยบาย และยุทธศาสตร์การเลือกตั้งที่แตกต่างออกไป เตรียมลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น ไม่ได้มีเพียงนายพิชัย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่เตรียมไปร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติเท่านั้น ล่าสุด นายพชร นริพทะพันธ์ บุตรชายนายพิชัย ที่เคยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานคุณหญิงสุดารัตน์ อยู่ในระหว่างการตัดสินใจจะไปร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติเช่นกัน 
ก่อนหน้านี้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช นายจตุพร พรหมพันธ์ กองเชียร์คนสำคัญพรรคเพื่อชาติ นายสมชาย นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อธรรม ต่างแยกออกไปทำงานการเมืองของตัวเอง โดยสาเหตุหนึ่ง อันเนื่องมีความคิดเห็นคนละทางกับคุณหญิงสุดารัตน์ ต่างตัดสินใจไป 
ขณะเดียวกันได้ส่งคนสนิทประสาน อดีตส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนที่สนิทสนมกันให้ไปร่วมงานการเมืองอื่นด้วย ส่วนร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย เป็นที่รับรู้มาโดยตลอด มีความแตกแยกทางความคิดกับคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างรุนแรง แม้วันนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่ก็ได้ปรึกษากับคนใกล้ชิดต่ออนาคตทางการเมืองว่าจะยังร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่.

'พุทธิพงษ์'เผยครม.กางโรดแมป ได้รัฐบาลใหม่มิ.ย.62




6 พ.ย.61-นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม ครม.ได้มีการรายงานถึงปฏิทินการทำงานของ ครม. รวมถึงปฏิทินการเลือกตั้ง โดยเข้าคร่าวๆ ที่ได้มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ประกอบและธรรมนูญ ในการกำหนดวันที่เกี่ยวข้องและวันเลือกตั้ง ซึ่งยังคงเป็นไปตามโรดแมป คือ 24 ก.พ.62 ซึ่งในปฏิทินดังกล่าวนอกจากกำหนดวันเลือกตั้งแล้วยังมีวันรับสมัคร และหลังเลือกตั้งไปแล้วยังมีกำหนดภายหลังเลือกตั้ง 15 วัน ที่จะต้องมีการรับรอง ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภา
เขากล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญให้ที่ประชุมทราบอย่างคร่าวๆยาวไปจนถึงกระทั่งมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ในช่วงประมาณเดือนมิ.ย.62 ส่วนจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรนั้นนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายวิษณุไปดำเนินการจัดทำรายละเอียด ช่วงระยะเป็นอย่างไร เช่น ช่วงการสรรหาวุฒิสภา ช่วงวันออกพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ตารางเวลาที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และให้นายวิษณุเป็นผู้แถลงข่าวให้สื่อมวลชนได้ทราบอีกครั้งหนึ่งโดยคาดนายวิษณุว่าจะแถลงภายใน 1-2 วันนี้
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการสอบGAT-PAT นั้น ทาง กระทรวงศึกษาธิการได้รายงานว่าหารือเบื้องต้นแล้วจะขยับให้สอบเร็วขึ้นหนึ่งสัปดาห์ก่อนวันที่ 24 ก.พ.562 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง เพราะวันเลือกตั้งยังคงยืนยันว่าเป็นวันที่ 24 ก.พ.62 ตามโรดแมป.

'พรรคจตุพร-ยงยุทธ'พร้อมหักเพื่อไทย!ร่วมรัฐบาลพปชร.หนุน'บิ๊กตู่'นั่งนายกฯ

18 ต.ค.61 - แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อชาติ เผยว่าระดับแกนนำของพรรค อาทิ นายจตุพร พรหมพันธ์ุ และนายยงยุทธ ติยะไพรัช  ได้ประเมินว่าการเลือกตั้งที่จะถึงพรรคเพื่อชาติจะได้ส.ส.เข้าสภาทั้งระบบบัญชีรายชื่อพรรคและระบบเขต ประมาณ 15-20 ที่นั่ง  ซึ่งฐานเสียงส่วนใหญ่มาจากมวลชนคนเสื้อแดงในจังหวัดภาคอีสาน และภาคเหนือ
"มีหลายคนที่ทำงานในพื้นที่ แต่ที่ผ่านมาผิดหวัง ไม่ถูกส่งลงสมัครส.ส. ในนามพรรคเพื่อไทย  เพราะระบบพรรคเพื่อไทย ถูกเคาะเลือกจากผู้มีบารมีกลุ่มต่างๆภายในพรรค เน้นความใกล้ชิดเป็นสำคัญ เอาประเภทคนของใครคนของมัน ทั้งที่หลายคนมีความโดดเด่นและชาวบ้านให้การยอมรับมากกว่าผู้ที่ส่งลงสมัครด้วยซ้ำ  คนเหล่านี้จะเข้าร่วมกับพรรคเพื่อชาติ"แหล่งข่าวอ้าง
แหล่งข่าวระบุว่า การออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย จะไม่มีพรรคการเมืองใด ได้เสียงเกิน 250 เสียง และดูแล้วเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทย จะสามารถรวบรวมเสียงจากพรรคในเครือข่ายได้เกิน 375 เสียงเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี  ขณะที่อีกฝ่ายมีส.ว.อยู่ในมือแล้ว 250 เสียงหาเพียงอีก 126 เสียงก็โหวตนายกรัฐมนตรีได้แล้ว
"ต้องดูว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา หากตัดสินใจลงเล่นการเมือง จะอยู่อย่างไรในระบบเลือกตั้ง  หากมีชื่ออยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ   ก็ไม่มีปัญหาเพราะเป็นไปกติกา และต้องดูผลการเลือกตั้งด้วยจะออกมาอย่างไรด้วย"แหล่างระบุและย้ำว่าถ้ามาตามระบบกลไกของรัฐธรรมนูญ  พรรคเพื่อชาติก็ไม่มีปัญหาที่จะร่วมทำงาน ไม่งั้นบ้านเมืองไปต่อไม่ได้  เมื่อในสภาไม่จบก็จะกลับสู่ความขัดแย้งกันอีก ไม่อยากให้จบกันบนถนนแบบในอดีตจนนำไปสู่การรัฐประหารอีก

จังหวะวอร์มอัพการเมือง พรรคเล็ก-พรรคใหม่ ก่อนเลือกตั้ง



 การเมืองขณะนี้ ภาพใหญ่อยู่ที่การรอให้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีผลหลังวันที่ 12 ธ.ค. ซึ่งขั้นตอนต่อจากนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องมีการออก พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ภายในไม่เกิน 150 วัน นับจาก 12 ธ.ค.2561 แต่ก่อนหน้านั้นก็มีข่าวว่า ปลายเดือน พ.ย.นี้ กกต.จะนัดประชุมตัวแทนพรรคการเมือง เพื่อหารือ-ขอทราบท่าทีพรรคการเมืองก่อนที่จะมีการออกพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ส.ส.
        ทั้งนี้ เมื่อการเมืองไปถึงช่วงกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้-กกต.มีการออกพระราชกฤษฎีการเลือกตั้ง มันก็เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ คสช.ยากจะยื้อ ไม่ยอม ปลดล็อกพรรคการเมือง ถึงตอนนั้นก็ต้องปลดล็อกไปโดยปริยาย และหากการเมืองไปถึงจุดนั้น ความคึกคักมีมากขึ้นจากตอนนี้แน่นอน
        อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็เห็นความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งพรรคเก่า-พรรคใหม่-พรรคใหญ่-พรรคเล็ก กับการเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง
        หากโฟกัสไปที่การเคลื่อนไหวของ "พรรคใหม่-พรรคเล็ก" ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็พบความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ซึ่งแม้ในหน้าสื่ออาจไม่สามารถชิงพื้นที่ได้มากนัก เพราะโดยหลัก สื่อและสังคมก็จะสนใจไปที่พรรคใหญ่-กลางเป็นหลัก แต่เป็นความเคลื่อนไหวที่ต้องสรุปรีวิวให้เห็นทิศทาง
        เริ่มจาก พรรคพลังธรรมใหม่ ที่คนทำพรรคก็คือ อดีตคนพรรคพลังธรรม ที่เคยมีหัวหน้าพรรคอย่าง พลตรีจำลอง ศรีเมือง-ทักษิณ ชินวัตร และหลายคนในแวดวงการเมืองตอนนี้ก็เคยอยู่พลังธรรมมาก่อน อย่างพรรคเพื่อไทยก็เช่น สุดารัตน์ เกยุราพันธุ, พงศ์เทพ เทพกาญจนา หรือประชาธิปัตย์ ก็อย่าง ชำนิ ศักดิเศรษฐ์, ถวิล ไพรสณฑ์, วิลาศ จันทรพิทักษ์ เป็นต้น
        พลังธรรมใหม่ ยุคนี้มีอดีตคนพลังธรรมคือ นพ.ระวี มาศฉมาดล อดีตแนวร่วม กปปส.เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พลังธรรมใหม่มีการประชุมผู้สมัคร ส.ส.และแกนนำพรรค
        โดย หมอระวี ย้ำว่า พรรคพลังธรรมใหม่พร้อมแล้วสำหรับการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 และสิ่งที่พรรคจะเคลื่อนต่อจากนี้ก็เช่น 20 พ.ย.นี้ พรรคจะทำการปฐมนิเทศ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 350 คน และ ส.ส.สัดส่วน 150 คน โดยตอนนี้พรรคมีสมาชิกพรรคครบ 80,000 คนก่อนการเลือกตั้ง
        "จะเป็นการพิสูจน์ให้ประชาชนทั่วประเทศเห็นว่าพรรคพลังธรรมใหม่ คือพรรคที่ประชาชนเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เราเป็นพรรคที่ประชาชนมาร่วมกันเสียสละเวลา เงินทอง เพื่อที่จะสร้างพรรคของประชาชนจริงๆ โดยเราไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะไปสู้กับพรรคอื่น แต่เราจะใช้อุดมการณ์ ความมุ่งมั่น พยายาม ของสมาชิกทั่วทั้งประเทศที่จะทำการสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายหลักคือ เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นดินแดนที่ปราศจากคอร์รัปชัน และต้องการปฏิรูปพลังงานไทย"นพ.ระวีระบุ
       หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวกับ กปปส.-คปท.สมัยรัฐบาลเพื่อไทย แต่เน้นหนักไปที่การเคลื่อนไหวเรื่องพลังงาน-ทวงคืน ปตท. ยังพูดถึงท่าทีของพรรคต่อการเมืองหลังการเลือกตั้งไว้ว่า สถานการณ์พรรคการเมืองเวลานี้ แบ่งออกไป 3 ก๊ก 1.คือพรรคประชาธิปไตยที่พรรคเพื่อไทยเป็นคนนำ 2.พรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และ 3.ก๊กเสรีประชาธิปไตยที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นธงนำ
        "สำหรับพรรคพลังธรรมใหม่เราขอยืนยันว่าเราไม่ได้อยู่ใน 3 ก๊กนี้ เราไม่ต้องการประชาธิปไตยแบบตะวันตก แต่เราต้องการธรรมาธิปไตย คือประชาธิปไตยที่เป็นธรรม หากเราไม่ประสบความสำเร็จได้คะเนนเสียงตามที่วางเป้าหมายไว้ เราจะให้สมาชิกในพรรคทั่วประเทศลงประชามติเลือกรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคอื่นๆ ที่พวกเราเห็นว่ามีความเหมาะสมมากที่สุดในขณะนั้น"
        ขณะที่อีกหนึ่งพรรคเล็ก อย่าง พรรคภราดรภาพ ที่มีอดีต ส.ส.กทม.ไทยรักไทย ยุคเลือกตั้งปี 2544 ม.ร.ว.ดำรงค์ดิศ ดิศกุลเป็นหัวหน้าพรรคภราดรภาพ ซึ่งเป็นพรรคที่มีกระแสข่าวว่า คนในกลุ่มสามมิตร ของสมศักดิ์ เทพสุทิน เชื่อมต่อเอาไว้ เผื่อเกิดเหตุกรณีไม่คาดฝันกับพรรคพลังประชารัฐ เช่น กกต.รับรองการตั้งพรรคพลังประชารัฐไม่ทันในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ หรือดีลการเข้าพรรคพลังประชารัฐของกลุ่มสามมิตรไม่ลงตัว ทางสมศักดิ์ก็จะขนลูกทีมมาอยู่กับพรรคภราดรภาพ
        อันพบว่า แม้จะเป็นพรรคที่เปิดตัวไม่หวือหวา สื่อไม่ค่อยสนใจมาก แต่ทางแกนนำพรรคก็เริ่มทำกิจกรรมการเมืองกันบ้างแล้ว หลังเห็นพรรคใหญ่เคลื่อนไหวกันอย่างคึกคักผ่านกิจกรรมการรับสมัครสมาชิกพรรค
        อย่างเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน ม.ร.ว.ดำรงค์ดิศ ก็ไปที่ตลาดสดซอยเพชรเกษม 79 เพื่อรับสมัครสมาชิกพรรคในพื้นที่เขตหนองแขม โดยเริ่มจากพื้นที่ตลาดสดซอยเพชรเกษม 79, ตลาดนัดซอยเพชรเกษม 77, ตลาดอุ่นเรือน และตลาดอัศวิน
       หัวหน้าพรรคภราดรภาพ-อดีต ส.ส.ไทยรักไทย บอกว่า ที่ทางพรรคเคยประกาศเป้าหมาย ส.ส.ไว้ที่ 10 คน ไม่ใช่เป้าหมายที่คาดหวังสูงเกินไป พอหลังจากที่พรรคเริ่มออกนโยบายก็คิดว่าจะได้สมาชิกเข้ามาเพิ่ม เพราะเป้าหมายของพรรคคือการทำอย่างไรไม่ให้มีการแบ่งแยกซ้ายขวาเหมือนวันนี้ ซึ่งการเดินหาสมาชิกจะไปทั่วประเทศ แต่คงไม่สามารถลงทุกพื้นที่ได้ พรรคจะมีตัวแทนแบ่งงานกันไป ใครรับผิดชอบภาคไหน ก็ไปหาสมาชิกที่ภาคดังกล่าว
        ม.ร.ว.ดำรงค์ดิศ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวเป็นพรรคสาขาของกลุ่มสามมิตร พลังประชารัฐว่า ผมมาจากพรรคไทยรักไทย และเคยเป็นกรรมการบริหารพรรคมาก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วพรรคของเราจะพยายามเป็นตัวเชื่อมของคนละฝ่ายมาพูดคุยกัน ถอยคนละก้าว หรือถอยได้แค่ไหนเพื่อการพูดคุยกัน
        และปิดท้ายที่ พรรคพลังท้องถิ่นไท ของ ชัช เตาปูน หรือ ชัชวาลย์ คงอุดม อดีต ส.ว.กทม.-ผู้กว้างขวางย่านเตาปูน-บางซื่อ ก็มีการเปิดตัวแกนนำพรรคกันไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
        โดยกรรมการบริหารพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) มีด้วยกัน 29 คน อาทิ ชัชวาลย์ เป็นหัวหน้าพรรค เกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นักการเมืองท้องถิ่นคนดัง เป็นรองหัวหน้าพรรค ธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ อดีต สปช. เป็นเลขาธิการพรรค ชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโฆษกพรรค รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม อดีตนักร้องนักแสดงชื่อดัง เป็นรองโฆษกพรรค
        ชัช เตาปูน ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคนในรัฐบาล คสช.และคนในพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า พรรคพลังท้องถิ่นไทจะได้ ส.ส.อย่างน้อย 20 ที่นั่ง สำหรับเรื่องการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น พรรคสามารถทำงานร่วมได้กับทุกพรรค ถ้ามีนโยบายใกล้เคียงกันก็ไปด้วยกันได้ เราไม่เลือกว่าจะอยู่ฝ่ายใด และเมื่อพรรคตนลงเลือกตั้งแล้ว ก็อยากจะเป็นรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.2562
        เป็นความเคลื่อนไหวของพรรคเล็ก-พรรคใหม่ ที่ค่อยๆ วอร์มอัพการเมือง ก่อนเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งแม้พรรคเหล่านี้อาจไม่ใช่พรรคใหญ่ ที่จะเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง แต่ก็ไม่แน่ พรรคเล็ก-พรรคใหม่ ดังกล่าวและอีกหลายพรรคที่ไม่ได้นำมารีวิว บางพรรคน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแน่นอน.

พท.แตกทัพเข้าไทยรักษาชาติ ดัน "ลูกเจ๊เบียบ-วรวัจน์" หัวหอก

 เมื่อเส้นตายต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 90 วัน หากมีการเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ที่ก็คือต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองที่จะลงเลือกตั้งไม่เกิน 26 พ.ย. แม้หลายคนยังไม่ชัวร์ว่าเลือกตั้งจะเกิดขึ้นตามโรดแมปหรือไม่ แต่เพื่อความไม่ประมาท มาตกม้าตายเพราะขาดคุณสมบัติเรื่องการสังกัดพรรค ทำให้ตอนนี้นักการเมือง-นักเลือกตั้ง-พรรคการเมือง ต่างรีบหาทีมสังกัดกันให้ทันกำหนด
      อย่าง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่แน่ชัดว่าคือพรรคนอมินี-พรรคเครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร-เพื่อไทย ก็จะนัดแถลงเปิดตัว-เลือก หัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค-กรรมการบริหารพรรค-คณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคจำนวน 11 ชื่อ ในวันพุธนี้ 7 พ.ย.ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์
      อันเป็นลักษณะการส่งคนของเพื่อไทยเข้าไป เสียบให้มีชื่อเป็นกรรมการบริหารพรรคอย่างเป็นทางการเพื่อทำศึกเลือกตั้ง เพราะขั้นตอนการจัดตั้งพรรค-การรับรองจาก กกต.ทำไว้เสร็จหมดเรียบร้อยนานแล้ว โดยฝีมือของ เจ๊แจ๋น–พวงเพชร ชุนละเอียด นักการเมืองคนดังจังหวัดเลย ภาคอีสาน เจ้าของฉายา เจ้าแม่วังสะพุง สายตรงดูไบ  ทักษิณ ชินวัตร ที่ให้คนไปจดจัดตั้งพรรคไทยรวมพลังไว้นานแล้ว ก่อนที่จะมีการขอเปลี่ยนชื่อเป็นไทยรักษาชาติ
      การก่อตัวของไทยรักษาชาติ ที่แกนนำพรรควางไว้ชัดเจนให้เป็น พรรคเครือข่าย-พันธมิตร ของเพื่อไทย ตัวจริง-เสียงจริง ในสนามเลือกตั้ง บนเป้าหมายคือ เก็บคะแนนเสียง-เอาเก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์ เป็นหลัก โดยจะให้คนของเพื่อไทย ทั้งระดับแกนนำ-อดีต ส.ส.เพื่อไทย ย้ายออกไปอยู่กับไทยรักษาชาติจำนวนหนึ่ง รวมถึง นักการเมืองรุ่นใหม่-ผู้ขอลงสมัคร ส.ส.เพื่อไทยที่หน่วยก้านพอไปได้ แต่มีปัญหาเรื่องพื้นที่เขตเต็ม ลงไม่ได้ก็จะถูกส่งให้ไปอยู่กับไทยรักษาชาติ”
      รวมถึงพวกเพื่อไทยที่รู้ตัวว่าไม่สามารถทำงานร่วมกับคนในพรรคอย่าง เจ๊หน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการเลือกตั้งของเพื่อไทยที่มีข่าวว่าจะถูกวางตัวให้เป็น แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ก็สามารถไปอยู่ที่ไทยรักษาชาติ ที่เปิดประตูรับคนเพื่อไทยเป็นหลักและรับแบบไม่อั้น เพื่อให้ไปตอกเสาเข็ม สร้างนั่งร้านไทยรักษาชาติให้แลดูเป็นพรรคที่มีราคาค่างวดการเมืองระดับหนึ่งในการสร้างฐานคะแนนได้ในช่วงเลือกตั้ง จนได้เก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกำตามที่ตั้งเป้า จากนั้นก็ให้มาจับมือกับเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
      พบว่ามีแกนนำเพื่อไทยหลายคนตัดสินใจไปร่วมกับไทยรักษาชาติแน่นอนแล้ว เช่น วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต รมว.ศึกษาธิการ อดีต ส.ส.แพร่หลายสมัย สายเจ๊แดง  เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่จะไปร่วมวางนโยบายพรรคในการหาเสียง แต่ก็จะขอลง ส.ส.เขต จ.แพร่ ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่รุ่นใหม่ในพรรคหลายคนก็ตัดสินใจไปอยู่กับไทยรักษาชาติ เช่น ปาล์ม–พชร นริพทะพันธุ์ ลูกชายของ พิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ก็ถูกดึงตัวให้ไปอยู่กับไทยรักษาชาติเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับนักการเมืองหน้าใหม่ของเพื่อไทยอีกหลายคน ที่จะไปเปิดตัวพร้อมกัน วันที่ 7 พ.ย.นี้ รวมถึง เดียร์ ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย-ลูกเสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล  ที่มีข่าวว่าก่อนหน้านี้ก็เคยถูกพรรคอนาคตใหม่ทาบทามให้ไปอยู่ด้วย
      โดยในส่วนของตำแหน่ง หัวหน้าพรรค เดิมที แกนนำพรรคเพื่อไทยสายทักษิณ ที่ทำดีลตั้งพรรคไทยรักษาชาติโดยตรง ได้ทาบทาม ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตประธานบอร์ด บริษัท ปตท. สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร-อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย-อดีตผู้แทนการค้าไทยในยุครัฐบาลไทยรักไทย-หลานเขย พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มาเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับขอคำตอบภายในไม่เกินจันทร์ที่ 5 พ.ย. แต่สุดท้ายจนถึงช่วงสายของวันที่ 5 พ.ย. ก็ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมา
      ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังไม่นิ่งว่า สุดท้ายไทยรักษาชาติอาจต้องสร้างยุทธศาสตร์ใหม่ เอาคนรุ่นใหม่ดันขึ้นมาเป็นแกนนำพรรค ที่มีข่าวว่ามีการทาบ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีต ส.ส.ขอนแก่น บุตรชาย เสริมศักดิ์ อดีต รมช.มหาดไทย-ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ให้มาเป็นแกนนำพรรค เพื่อสร้างภาพลักษณ์พรรคการเมืองรุ่นใหม่ แต่จะถึงขั้นถูกดันให้เป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ ก็ต้องรอติดตาม เพราะข่าวบางกระแสก็อ้างว่า สายพี่น้องตระกูล ชินวัตรในเพื่อไทย ก็ต้องการดัน ฤภพ ชินวัตร บุตรชาย พายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ ให้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค
      ซึ่งแนวคิดการเมืองของคนเพื่อไทยในเรื่องสร้างพรรคพันธมิตรนั้น มีการออกมายอมรับของ ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสานและหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ที่วิเคราะห์กรณีที่มีการมองกันว่า เพื่อไทยอาจไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่าเรื่องนี้คนในพรรคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน บางคนก็บอกว่าหากเพื่อไทยเราทุ่มเทแล้วอยู่กันเป็นหนึ่งเดียว จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เราก็จะได้มาเอง แต่บางคนก็บอกว่า เมื่อ รธน.บีบบังคับให้เราต้องคิดอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ต้องแยกกันเพราะใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว มันบีบบังคับให้พรรคใหญ่ต้องเล็กลง เมื่อกฎหมายบีบให้เราทำ ก็มีความคิดของอีกกลุ่มที่เป็นกลุ่มที่สอง บอกว่า เมื่อมีพรรค ก. เป็นพรรคเขตเลือกตั้ง พรรค ข. อาจจะเป็นพรรคบัญชีรายชื่อ
       “การบริหารจัดการในเรื่องนี้เป็นเรื่องของความละเอียดอ่อน ความประณีตที่ต้องทำกันจริงๆ หากบริหารจัดการในเรื่องนี้ไม่ดีพอ ก็จะเกิดการสูญเปล่าเช่นกัน”ประยุทธ์ ประธานภาคอีสานเพื่อไทย บอกเล่าความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจในเพื่อไทย
      การเปิดตัวคีย์แมนพรรคไทยรักษาชาติ 7 พ.ย.นี้ จึงแสดงให้เห็นถึงการแตกทัพของเพื่อไทย บนเป้าหมายเป็นพรรคเครือข่าย พรรคพันธมิตร ที่แยกกันเดิน แล้วมาจับมือกันหลังเลือกตั้งนั่นเอง.

อีก 110 วัน

ศึกเลือกตั้งใหญ่ตัดสิน อนาคตการเมืองไทยใกล้เข้ามาทุกที

รัฐบาลคสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องเร่งสปีดโครงการสำคัญๆ ของรัฐบาลให้เสร็จก่อนเลือกตั้งใหญ่ที่เหลือเวลาอีกเพียง 110 วัน

วันศุกร์นี้ (9 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จะนั่ง หัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นัดสำคัญเพื่อพิจารณาอนุมัติให้ขยายพื้นที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี จากเดิม 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง บวกเพิ่มอีก 3 จังหวัด คือสมุทรปราการ สระแก้ว และปราจีนบุรี

ขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซีให้โตขึ้นอีกเท่าตัว!!

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการขยายพื้นที่อีอีซีเพิ่มจาก 3 จังหวัดเป็น 6 จังหวัด ก็เพื่อรองรับกองทัพนักลงทุนต่างชาติให้แห่เข้ามาจับจองพื้นที่โครงการอีอีซีของไทยอย่างเพียงพอในระยะยาว

ข่าวระบุว่า ประเด็นในการประชุมนัดนี้คือเร่งสปีดโครงการใหญ่ยักษ์ 5 โครงการให้ปิดจ๊อบพร้อมกัน

1,โครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน

2,โครงการลงทุนพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา

3,โครงการลงทุนศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน

4,โครงการลงทุนพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3

5,โครงการลงทุนพัฒนาขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3

โดยจะเปิดรับข้อเสนอเอกชนผู้เข้าประมูล ประกาศรายชื่อผู้ชนะประมูล และเซ็นสัญญาก่อสร้าง เสร็จทุกขั้นตอนในเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง 4 เดือน

รวดเร็วทันใจไวไวควิกจริงๆ

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าโครงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซี จำเป็นต้องมีรถไฟความเร็วสูง สนามบินพาณิชย์ ท่าเรือน้ำลึก และระบบสาธารณูปโภคทันสมัยครบวงจร

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติให้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นฐานการลงทุน

ถ้าโครงการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซีประสบความสำเร็จตามเป้าที่วางไว้จะพลิกอนาคตประเทศไทยครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี

“แม่ลูกจันทร์” เอาใจช่วยโครงการอีอีซี แต่ขอฝากข้อท้วงติงไว้ 2 ประเด็น

1,การเร่งรีบเร่งรัดเซ็นสัญญาโครงการใหญ่มูลค่าลงทุนหลายแสนล้านบาท พร้อมกันหลายโครงการในเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง 4 เดือน

อาจฉุกละหุกเกินไป และไม่รอบคอบรัดกุมเท่าที่ควร??

ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ มั่นใจว่าจะได้ต่อวีซ่ากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งอีกครั้ง ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ๆให้เสร็จก่อนเลือกตั้งปลายเดือนกุมภาพันธ์

ควรพิจารณาข้อเสนอทุกฝ่ายให้รอบคอบที่สุดแล้วเซ็นสัญญาหลังการเลือกตั้งก็ยังไม่สายเกินเพล

2,“แม่ลูกจันทร์” ไม่เห็นความจำเป็นต้องขยายเขตอีอีซีเพิ่มอีก 3 จังหวัด ในเมื่อเขตเศรษฐกิจอีอีซี 3 จังหวัดเดิมยังไม่เริ่มนับหนึ่งอย่างเป็นทางการ

นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซีจำนวนมากเท่าใด? ต้องการใช้พื้นที่เท่าไหร่? ก็ยังกำหนดไม่ได้ชัดเจน??

ข้อสำคัญ การขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซีเพิ่มอีก 3 จังหวัด ต้องวางแผนจัดการพื้นที่ใหม่ ต้องปรับผังเมืองใหม่ให้สอดคล้องต่อเนื่องเชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดที่ประกาศเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษอีอีซีเดิม

“แม่ลูกจันทร์” ยํ้าว่าการขยายเขตอีอีซีใหญ่โตเกินความจำเป็น จะทำให้การบริหารจัดการยากลำบากขึ้นอีกเท่าตัว!!

ต้องใช้งบอัดฉีดโครงสร้างพื้นฐาน และระบบสาธารณูปโภคเพิ่มอีกก้อนโตมโหฬาร

มันจะเวิ่นเว้อไปกันใหญ่นะคุณโยม.

“แม่ลูกจันทร์”


แต้มจริงเทียบของโชว์

ยุค “ดิจิทัล” ประเทศไทยมาจุดที่สู้กันด้วยเพลงแร็ปในเกมชิงอำนาจการเมือง

ตามท้องเรื่องฝ่ายต้าน คสช.ปล่อยแร็ป “ประเทศกูมี” มาโกยเรตติ้งกระจาย ทำให้รัฐบาลนิ่งอยู่ไม่ได้ ต้อง “ปล่อยของ” ชิงแต้มคืนด้วยแร็ป “ไทยแลนด์ 4.0”

กระตุ้นกองเชียร์ 2 ขั้ว แร็ปกระจาย “เต้นแร้งเต้นกา” แบบเอามัน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูจาก “สวนดุสิตโพล-นิด้าโพล” สองสำนักเปิดตัวเลขสอดคล้องกัน คนส่วนใหญ่มองปรากฏการณ์แร็ป “ประเทศกูมี” เป็นเรื่องสะท้อนสังคมธรรมดาๆ

มีวาระแฝงเหลี่ยมโจมตีทางการเมืองชัดเจน

นั่นหมายถึง คนไทยยุค 4.0 ก็ฉลาด รู้ทันเหลี่ยมการตลาดแฝงเกมเขี้ยวทางการเมืองที่สลับซับซ้อน

เรื่องของเรื่องตามสภาพการณ์ที่ “ของจริง” กับ “ของปลอม” แยกลำบาก มันยังโยงไปถึงภาพ “ฉากหน้า” กับ “ฉากหลัง” ทางการเมือง ณ เบื้องหน้าที่อาจไม่เป็นเหมือนอย่างภาพที่เห็น

ว่ากันตามปรากฏการณ์ “ของจริง” เทียบกับ “ของโชว์”

โฟกัสสถานการณ์ในป้อม “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทยที่กำลังเร่งเรื่องโชว์พลังแชมป์เก่า ตามฉากที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ถือธง “นอมินีภาค 3” เดินสายโชว์ตัวกวาดแต้มตามหัวเมืองใหญ่ ไล่จากเชียงใหม่ ฐานใหญ่ตระกูลชิน ต่อเนื่องกับถิ่นของตัวเองลูกหลานย่าโม โคราช

ประกาศตัวตน “เจ้าแม่เมืองกรุง” คือเบอร์หนึ่ง หลังช็อตประชุมใหญ่

แต่นั่นก็แค่อึดใจ ผ่านไปไม่กี่วัน มันก็มีร่องรอยร้าวๆออกมาให้เห็น แบบที่ “เดอะอ๋อย” นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำระดับขาใหญ่ โพสต์เฟซบุ๊ก ไม่รับมุกกับตำแหน่งประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย

เหมือนไม่สบอารมณ์กับการที่มีคนสั่งการแบ่งงานผ่านสื่อ

ในจังหวะต่อเนื่องสดๆร้อนๆ ก็มีข่าวความเคลื่อนไหวของบรรดาแกนนำขาใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ไม่ “คลิก” กับ “เจ๊หน่อย” ปล่อยชื่อออกมาล้วนแต่มวยรุ่นใหญ่ ทั้งนายจาตุรนต์ “เสี่ยแดง” นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายนพดล ปัทมะ จ่อร่อนใบลาออกจากพรรคเพื่อไทย แหกค่ายออกไปร่วมกับพรรค “ไทยรักษาชาติ” เจ้าของอักษรย่อ “ทษช.”

ชิ่งไปสังกัด “บริษัทจำกัด” สาขาหลักของจริง ที่พะยี่ห้อ “ทักษิณชัวร์”

กลายเป็น “เจ๊หน่อย” ที่ไม่ชัวร์ ได้ถือธงนำทัพพรรคเพื่อไทยที่จ่อเป็น “พรรคร้าง”

กระแสพลิกไปพลิกมา เกมเปลี่ยนแบบรายวัน พลิกผันเป็นรายชั่วโมง และนั่นยังไม่โยงกับสถานการณ์น้ำเลี้ยงดูไบที่กะปริบกะปรอย ไม่รู้จะไหลไปทางไหน

ในเครื่องหมายคำถาม เกมโหด “นายใหญ่” จงใจสลายกองกำลัง ตัดทิ้งตัวปัญหาหรือเปล่า

ตามเงื่อนไขสถานการณ์มันย้อนแย้งกับปรากฏการณ์ตีปี๊บ

รัวกลองสะบัดชัย ลีลาลูกทีม “นายใหญ่” ที่ป่าวร้องตะโกน ปลุกฮึกเหิมกองเชียร์ลูกข่าย กลบรอยร้าว “กลวงใน”

โอกาสลุ้นได้แค่ “บุญเก่า” อย่างเดียว

โดยฟอร์มเทียบกันกับป้อมค่าย “พลังประชารัฐ” ตามฉากสถานการณ์ในทิศทางสื่อออกแนวตื้อๆจากปัญหากระบวนการจัดการภายในไม่เป็นขบวนทัพ ไหนจะขบวนการหมั่นไส้ทหารปั่นกระแสต้านพรรค คสช. ไม่นับแรงเสียดทาน “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

ภาพที่เห็นฉากหน้าเหมือนเครื่องไม่เดิน ตีแต้มไม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าจับจังหวะการขับเคลื่อนให้ดีๆ กลับเห็นทิศทางการจัดการอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกลไกขับเคลื่อนหลักในทีม “รัฐมนตรี 4 กุมาร” ค่ายพลังประชารัฐ

ปรากฏการณ์แบบที่ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เดินหน้ายกเลิกหัวคิวใบ “รง.4” ไม่ต้องต่อใบอนุญาต โรงงานอุตสาหกรรม โชว์ภาพใสๆมือบริหารที่ไม่มี “ใต้โต๊ะ” พร้อมๆกับการเข็นโปรเจกต์ลงทุนเพิ่มในเมกะโปรเจกต์อีอีซี

ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ ก็ลุยเข็นการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษาฯ เพื่อรองรับยุคไทยแลนด์ 4.0 พร้อมดันหลักสูตร“ปัญญาประชารัฐ”ปั้นคนคุณภาพทางการเมืองในเกมยาวๆ

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ก็ได้เหลี่ยมตีปี๊บราคาข้าวที่ไหลขึ้นไปเกวียนละ 1.8 หมื่นบาท แถมยังช่วยจัดหารถเกี่ยวข้าวในราคาที่เหมาะสมช่วยเหลือชาวนา

“รัฐมนตรี 4 กุมาร”ตุนคะแนนหน้าตัก ก่อนไขก๊อกหาเสียงเต็มเวลา

ตามจังหวะยื่นใบลาออกพร้อมกันในช่วงประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง พร้อมๆกับการเปิดตัวกลุ่มสามมิตรร่วมงานอย่างเป็นทางการ พ่วงด้วยมวยเกรดเอจากเพื่อไทยและประชาธิปัตย์

“พลังประชารัฐ”ตุนแต้ม อัดน้ำมันเต็มถัง แถมยังมีปั๊มสำรอง

เห็นกันด้วยตา ไม่ต้องพูดอะไรมาก เจ็บคอ.

ทีมข่าวการเมือง


ทหารบุกบ้านสาวอุดรฯ สงสัยเอา’ปฏิทินทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ (ปี2019) มาจากไหน?

ทหารบุกบ้านสาวอุดรฯ สงสัยเอา’ปฏิทินทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ (ปี2019) มาจากไหน?


วันนี้ (5 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวจากผู้ใช้เฟสบุ๊ก Wassana Kenhla เป็นเหตุการณ์ทหารหลายนาย บุกเข้าไปหา พร้อมถามว่าได้ปฎิทิน ซึ่งมีรูปอดีตนายกฯ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาได้อย่างไร?
“มาหาแต่เช้าเลยมาถามเรื่องปฎิทิน..เอามาจากไหน…ใครให้มาก็เลยย้อนถามกลับไปแล้วมันผิดตรงไหนคะก้อแค่เอาไว้ดูวัน/เดือนนี้หรือประเทศไทย…..ข่อยล่ะงึดหลาย”