PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บิ๊กป้อม ลั่น รบ.ไม่มีแรงกดดันใดๆทั้งสิ้นจากนานาชาติ

‘บิ๊กป้อม’ ยันเหตุ คสช. ปลดล็อกนักการเมือง ไม่ใช่แรงกดดันจากนานาชาติ ระบุเสื้อแดงจัดทริปไปดูไบ คิดว่าดีก็ทำไปไม่ว่าอะไร
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปลดล็อกคำสั่งห้ามบุคคลบินต่างประเทศ มีสาเหตุจากแรงกดดันนานาชาติ และอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยเรื่องเรื่องสิทธิมนุษยชนว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีแรงกดดันอะไรทั้งสิ้น เป็นความคิดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เองทั้งหมด
เมื่อถามว่าแสดงว่ารัฐบาลไม่สนใจข้อห่วงใยของนานาชาติใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่สนใจ ถ้าไม่ฟังต่างชาติ แล้วเขาจะยอมรับเราไหม ตนไปทุกประเทศเขารับตนทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นเขาก็ไล่ตนกลับแล้ว ตนไปประชุมที่ต่างประเทศทุกเรื่อง ซึ่งทุกประเทศรู้เรื่องหมด ไม่เห็นมีใครเขามาพูดกับตนว่า คุณไม่ต้องทำอย่างนั้น หรือต้องทำอย่างนี้ ไม่มีเลย เพราะฉะนั้นจะเอาอะไรอีกล่ะ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวของกลุ่มเสื้อแดงเตรียมจัดทริปไปเที่ยวที่ดูไบ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็แล้วแต่เขา ถ้าเห็นว่าดีก็ทำ ถ้าประชาชนเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องก็เอาเลย ไม่ว่าอะไร เพราะนายกฯปลดล็อกให้แล้ว
เมื่อถามว่าอย่างนี้ก็ไม่มีการห้ามทำกิจกรรมแล้วใช่ไหม พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในเมื่อปลดล็อกให้ทุกคนแล้ว จะทำอะไรก็เอา แต่ตนคิดว่าคนอายุขนาดนี้แล้ว น่าจะรู้ว่าอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และประชาชน ควรจะทำอย่างไรคงไม่ต้องบอก
เมื่อถามอีกว่า ถ้าไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีสามารถทำได้ไหม รองนายกฯกล่าวว่า ตนไม่รู้มันผิดกฎหมายไหม ก็ไปดูกฎหมาย

งัดแผนเผด็จศึก'ธัมมชโย' ล็อกขึ้นฮ. 4กองร้อยรวมพลรอคำสั่ง

งัดแผนเผด็จศึก'ธัมมชโย'

ล็อกขึ้นฮ.

4กองร้อยรวมพลรอคำสั่ง

ดีเอสไอลั่นแค่รอจังหวะลงมือ

บิ๊กต๊อกขู่ฟ้องปูด2พันล.ล้มคดี

ธรรมกายแจกแผนที่มุมสูงเย้ย

'มส.'เมินถกช่วยเจรจามอบตัว
ความคืบหน้ากรณีที่ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ยอมเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาสมคบกันฟอกเงินร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คในคดีฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด จาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์แห่งดังกล่าว กระทั่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต้องทำหนังสือถึง นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) และ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และพระอุปัชฌาย์ของพระธัมมชโย เพื่อขอให้ช่วยประสานกับพระธัมมชโย ให้เข้ามอบตัว
มส.เมินถกช่วยเจรจา“ธัมมชโย”
โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 12/25559 โดยมี สมเด็จช่วง เป็นประธานในที่ประชุม แต่ปรากฏว่า ที่ประชุม มส. กลับไม่มีการหยิบยกเรื่องคำร้องขอให้มีการประสานกับ พระธัมมชโย มาหารือ โดย นายประดับ โพธิกาญจนวัตร รองโฆษก พศ. เปิดเผยว่า ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือเกี่ยวกับ กรณีที่ดีเอสไอจะร้องขอให้ มส.ช่วยเจรจากับพระธัมมชโยแต่อย่างใด เนื่องจากขณะนี้ไม่ทราบว่าหนังสือฉบับดังกล่าวอยู่ในส่วนใด ซึ่งหากอยู่ที่สำนักเลขาธิการ มส. ก็จะต้องมีการพิจารณา โดยอาจจะไม่มีการนำเข้าให้ มส.พิจารณาก็ได้ ส่วนหนังสือที่ดีเอสไอจะส่งถึงสมเด็จช่วง ก็เป็นการส่งตรงถึงทางวัดปากน้ำภาษีเจริญโดยตรง
โยนเป็นเรื่องของฝ่ายบ้านเมือง
นายประดับ กล่าวว่า วัดพระธรรมกาย ถือว่าเป็นวัดราษฎร์ เจ้าคณะปกครองในพื้นที่ มีอำนาจที่จะสั่งการในการถอดถอน ปลด พักงานได้ แต่ปัญหาจะยุติได้ควรต้องใช้วิธีการเจรจา ที่สำคัญขณะนี้ทราบว่า ทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี กำลังดำเนินการช่วยกันหาทางออกอยู่ ซึ่งระบบการปกครองคณะสงฆ์มีวิธีการปฏิบัติที่ชัดเจนตามลำดับชั้นการปกครองอยู่แล้ว หากเจ้าอาวาสไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็ต้องให้เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเจ้าคณะใหญ่หนนั้นๆ มาช่วยแก้ไขตามลำดับชั้น อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นเรื่องคดีของฝ่ายบ้านเมือง ก็ต้องให้ทางฝ่ายบ้านเมืองเข้ามาแก้ปัญหาเป็นหลัก ไม่ได้เป็นคดีทางสงฆ์แต่อย่างใด
ดีเอสไอส่งซิกบุกวัด-ล็อกขึ้นฮ.
วันเดียวกัน มีรายงานว่า สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (สยศ.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 27 พฤษภาคม ถึง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เรื่องดีเอสไอ ขอรับการสนับสนุนกำลังพล สถานที่ และอุปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจ กรณีที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับกุม พระธัมมชโย โดยดีเอสไอขอให้ผู้แทนตำรวจร่วมเป็นคณะกรรมการกองอำนวยการในการปฏิบัติการ พร้อมกับขอรับการสนับสนุนสถานที่เพื่อให้เป็นจุดรวมพล จุดจอดเฮลิคอปเตอร์รวมถึงสถานที่จัดตั้งกองอำนวยการในการปฏิบัติภารกิจนี้โดยใช้สถานที่ของ บก.ตชด.ภาค1 โดยขอเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำพร้อมนักบิน เพื่อขนย้ายผู้ต้องหากรณีฉุกเฉิน
ขอชุดปราบจราจล4กองร้อยลุย
พร้อมกันนี้ ได้ขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามจลาจล 4 กองร้อย ประจำวัดพระธรรมกาย 2 กองร้อย ศาลอาญาถนนรัชดาฯ 1 กองร้อย และกรมสอบสวนคดีพิเศษ 1 กองร้อย รวมถึงเจ้าหน้าที่จราจร และเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลในพื้นที่เกี่ยวข้อง และขอสนับสนุนรถนำขบวน และอำนวยการจราจรตลอดเส้นทางในพื้นที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดวันเวลารายละเอียดการเคลื่อนกำลัง ตามดีเอสไอ กำหนด
ตร.ไฟเขียวสนับสนุนDSI
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ดีเอสไอมีการร้องขอกำลังพลเข้ามาจริง โดย ตร. ได้พิจารณาตามกรอบอำนาจหน้าที่ สามารถทำได้อยู่แล้ว เนื้อหาเป็นการขอกำลังพลสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่ได้ระบุมาว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ลักษณะใด เป็นการขอในกรอบกว้างๆ เท่านั้น โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการในอำนาจหน้าที่แล้ว เมื่อดีเอสไอร้องขอก็ให้ตามนั้น การร้องขอกำลังพลสนับสนุนเป็นเรื่องปกติในการขอความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
“ไพสิฐ”ฮึ่มแค่รอจังหวะลงมือ
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอมีแผนที่จะดำเนินการตามหมายจับ แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้ได้ขอการสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ ยานพาหนะ และสถานที่ ซึ่งมีโดรนและเฮลิคอปเตอร์จากตำรวจ โดยทั้งหมดมีกำหนดรายละเอียดขั้นตอนแผนปฏิบัติการไว้เสร็จสิ้นเรียบร้อยหมดแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในแต่ละวันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ในส่วนการปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายเราก็ดำเนินการอยู่ตลอด โดยทุกวันนี้เราดูจากรายงานการสืบสวนและประเมินสถานการณ์ทุกขั้นตอน การจะเข้าจับกุมต้องประเมินสถานการณ์หลายๆ อย่าง เช่น จะต้องคำนวณว่าคุ้มหรือไม่ หากเข้าไปในวัดแล้วมีผลกระทบและเกิดความสูญเสียเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดต้องประเมินสถานการณ์ว่ามีความพร้อมหรือยัง ซึ่งหากพร้อมแล้วหรือมีจังหวะก็จะได้ดำเนินการตามแผนทันที
บิ๊กต๊อกปัดคสช.เรียก2พันล.ล้มคดี
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการปล่อยข่าวลือว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อรองกับพระธัมมชดยเป็นเงิน 2,000 ล้านบาท เพื่อล้มคดีว่า คนพูดมีตัวตนหรือไม่ จะได้ฟ้องให้ดู คนที่พูดคิดว่าสังคมจะไม่รู้หรือ และละอายแก่ปากตัวเองหรือไม่ คุณกำลังทำลายเจ้าหน้าที่ที่เขาตั้งใจทำงานอยู่ ถ้ามันเป็นความผิดชัดแจ้ง ก็บอกมาได้เลย จะจัดการให้ดู อย่ามาพูดลอยๆ แบบนี้
“บิ๊กตู่”ย้ำยึดกฎหมายไม่รังแก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย อีกทั้งขณะนี้มีการพูดคุยหาทางออกร่วมกับทางคณะสงฆ์ จึงต้องรอฟังผลการหารือก่อน ขออย่าเพิ่งเร่งรัด แต่สิ่งสำคัญคือชาวไทยพุทธต้องพิจารณาว่าอะไรเป็นอะไร และมองถึงความเป็นมา อย่ามองว่าเป็นการรังแก เนื่องจากกรณีดังกล่าวเริ่มมาจากคดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่มีการตรวจสอบทุกบัญชีที่เกี่ยวข้อง หากใครถูกเรียกก็ต้องมาชี้เเจงตามกระบวนการ ดังนั้นต้องช่วยลดความขัดแย้ง เพราะมีผลกระทบต่อพุทธศาสนิกชน
เผยเตรียมแผนเอาไว้หมดแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นเรื่องที่อ่อนไหว อย่างไรก็ตามได้เตรียมการกรณีที่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นไว้อยู่แล้ว โดยดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากทำแล้วเกิดผลกระทบมากอาจจะไม่ทำในวันนี้ อาจทำในวันหน้า จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงในกรณีดังกล่าว เพราะหากไม่ห่วงคงใช้อำนาจไปแล้ว แต่ได้มอบหมาย รมว.ยุติธรรม ดีเอสไอและฝ่ายความมั่นคงไปดำเนินการ ตนไม่ได้สนใจคนส่วนน้อย แต่สนใจคนส่วนใหญ่คือคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ
“ธรรมกาย”แจกแผนที่วัดเย้ย
ส่วนความเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก “สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย” ได้โพสต์คลิปวิดีโอภาพมุมสูงสถานที่ภายในวัดซึ่งสมาชิกเว็บไซด์ยูทูปชื่อ “Psomphet Vajira” นำออกเผยแพร่ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2558 พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ไม่ต้องเอาโดรนมาบินสำรวจให้เสียเวลาและค่าใช้จ่าย” ลูกศิษย์วัดจัดให้...ภาพมุมสูงของวัดพระธรรมกาย เผื่อสื่อมวลชนนำไปใช้ประกอบการรายงานข่าวได้
ศิษย์ร่วมให้กำลังใจล้นหลาม
ขณะที่บรรยากาศภายในวัด มีกลุ่มลูกศิษย์ประมาณ 5,000 คน ได้ปักหลักปฏิบัติธรรมให้กำลังใจพระธัมมชโย ซึ่งทางวัดจะมีอาหารและน้ำดื่มให้รับประทานฟรี ซึ่งศิษยานุศิษย์ต่างตั้งใจปฏิบัติธรรมและนั่งสมาธิอย่างตั้งใจ และส่งกำลังใจช่วยพระธัมมชโยให้หายจากอาพาธในขณะนี้
ธรรมกายขู่คุมลูกศิษย์ไม่อยู่
นายองอาท ธรรมนิทา โฆษกวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า พระธัมมชโย ยังคงมีอาการอาพาธหนัก ทำให้ลูกศิษย์ที่ทราบข่าวปัญหาที่เกิดขึ้น เริ่มมีปฏิกริยาที่ไม่พอจากการถูกกระทำ เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของ พระพ่อธัมมชโย วัดจึงเริ่มมีความหวั่นใจในการควบคุมพฤติกรรมของลูกศิษย์ไม่ได้ แต่ยังยืนยันว่า พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัด ไม่ได้หลบหนีไปไหน
ลือหึ่งเผ่นหนีเข้าพม่าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน มีกระแสข่าวลือในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ระบุว่า พระธัมมชโยได้เดินทางหนีออกนอกประเทศไปที่พม่าเรียบร้อยแล้ว โดยใช้การเดินทางเลาะไปตามแนวชายแดน ส่วนจุดหมายปลายทางอยู่ที่ รัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา ขณะที่แหล่งข่าวด้านความมั่นคงยังไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว แต่ได้ให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องยากลำบากที่จะเดินทางเล็ดรอดออกนอกประเทศโดยใช้เส้นทางป่าเขา เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างลำบาก โดยต้องใช้เส้นทางธรรมชาติบริเวณ อ.แม่สอด จ.ตาก หรือ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี อย่างไรก็ตามหากเจ้าหน้าที่ทหารพบตัวก็จะจับกุมทันที

ทหารบุกคุย 'อนุสรณ์' ของดจ้อการเมือง

ทหารบุกคุย 'อนุสรณ์' ของดจ้อการเมือง ด้าน 'พิชัย' ถาม "พอเถียงเรื่องเศรษฐกิจแพ้ แล้วเล่นแบบนี้เลยหรือ?"
เดลินิวส์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ติดต่อเพื่อขอเข้าพบนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทยที่สถานีโทรทัศน์ TV 24 อิมพีเรียล ลาดพร้าว คาดว่าจะเป็นการพูดคุยเพื่อขอความร่วมมือในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายอนุสรณ์มักแสดงความเห็นวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล และคสช.บ่อยครั้ง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการตรวจจับทุจริต และการร่างรัฐธรรมนูญ โดยในช่วงที่ผ่านมามีประเด็นตอบโต้อยู่กับทีมโฆษกรัฐบาล รวมถึงโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และโฆษกกองทัพ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้นายอนุสรณ์ เปิดเผยภายหลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 1 ชั่วโมง ว่า ทางเจ้าหน้าที่ทหารขอความร่วมมือในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งขอให้ระมัดระวังการแสดงความเห็นตอบโต้ ไปจนถึงการตั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่อาจสร้างบรรยากาศที่ไม่ดี ซึ่งตนก็ได้สอบถามกลับไปว่ามีเรื่องใดที่ตนแสดงความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้องบ้าง ตนจะได้ทำความเข้าใจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ยกเรื่องใดขึ้นมาเป็นพิเศษ เพียงแต่ระบุว่าช่วงนี้ยังไม่เหมาะสมที่ฝ่ายการเมือง จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และอยากให้เข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งขอโอกาสให้รัฐบาลได้ทำงานด้วย
ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังทราบข่าวว่า "พอเถียงเรื่องเศรษฐกิจแพ้ แล้วเล่นแบบนี้เลยหรือ?"

ผบ.ตร.รับเตรียมกำลัง4กองร้อยสแตนบาย ช่วยคุมตัว ‘พระธัมมชโย’ ไม่ชี้ชัดหลวงพ่ออยู่ในวัดหรือไม่

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหนังสือร้องขอกำลังตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติการแจ้งข้อหาและควบคุมตัวพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายตามหมายจับคดีฟอกเงินและรับของโจร ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมให้การสนับสนุนตามที่ได้รับการร้องขอ โดยขณะนี้ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่เอาไว้ประมาณ 4 กองร้อย ประจำการอยู่ในฐานที่ตั้ง หากจำเป็นต้องใช้กำลังตำรวจปฏิบัติหน้าที่ ตนเป็นผู้ตัดสินใจอนุมัติคำสั่งด้วยตนเอง ส่วนเรื่องการดำเนินการเข้าจับกุมดำเนินคดีนั้น เป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในการตัดสินใจดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่ามีผลกระทบตามมาอย่างไรบ้าง สำหรับกรณีที่พระธัมมชโย ยังพำนักอยู่ที่วัดพระธรรมกายหรือไม่ ตำรวจและดีเอสไอ มีการประสานด้านการข่าวมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างต่อเนื่อง แต่ในส่วนของรายละเอียดนั้นยังไม่สามารถชี้ชัดได้ แต่เชื่อว่าข้อมูลที่มีใกล้เคียงกัน รวมถึงประเด็นเรื่องการซ่องสุมกำลังภายในวัดนั้น เห็นว่ายังเป็นหน้าที่ของดีเอสไอในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ผบ.ตร. ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงเรื่องกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งสองฝ่ายที่อาจออกมาเคลื่อนไหวและเกิดกระทบกระทั่งกัน พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวพิจารณาสถานการณ์ และปฏิบัติไปตามขั้นตอน ว่า เป็นเรื่องของในพื้นที่รับผิดชอบติดตามดำเนินการอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว และทราบว่านายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้ามาติดตามดูแลเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อคลี่คลายปัญหาดังกล่าวไปในทางที่ดีขึ้น

'บิ๊กตู่'ลั่นจับธัมมชโยได้แน่ ซัดลวดหนามล้อมวัดเหมือนตั้งค่าย



'บิ๊กตู่'ลั่นจับธัมมชโยได้แน่ ซัดลวดหนามล้อมวัดเหมือนตั้งค่าย
Cr:เดลินิวส์
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของศิษยานุศิษย์และวัดต่างๆ ในกรณีพระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า ต้องรับผิดชอบด้วยกัน เป็นเรื่องของคดีความของคนไม่กี่คน แต่ได้ขยายไม่ยังศิษยานุศิษย์ ลามไปทั้งในและต่างประเทศ สถานีโทรทัศน์ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก จึงถือว่าสมควรจะให้ตนทำอย่างไร หากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เอากำลังเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
"คิดซิ ปี 53 เกิดอะไร ถ้ามีใครสักคนเอาอาวุธยิงใส่แต่ละข้างจะเกิดอะไรขึ้น เอาทหาร ตำรวจเข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีคนยิงเข้ามาทางนี้ก็ต้องป้องกันตัว แล้วไปโดนคนสวดมนต์หรือเปล่า อยากให้เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ถ้าอยากก็เร่ง กดดันเจ้าหน้าที่มาเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ ม. 157 ผมไม่กลัวเพราะเขียนกฎหมายไว้อยู่แล้วว่าถ้าสถานการณ์บานปลายก็รอไว้ก่อนได้ จับวันนี้จับวันหน้าก็เหมือนกัน บางกรณีก็ละเว้นได้ด้วยสถานการณ์ภายใน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันการที่มีการปิดประตู เอาลวดหนามมาล้อมวัดนั้นถูกต้องหรือไม่ เหตุการณ์ดังกล่าวเหมือนการตั้งป้อมตั้งค่ายที่สวนลุมพินี ขอให้เอาอดีตมาเรียนรู้กันบ้าง ทหารก็ต้องไปดูแลหากมีการยิงใช้อาวุธใส่กันแล้วจะให้ทำอย่างไร ต้องการให้เกิดเช่นนั้นอีกหรือไม่ ที่ผ่านมาตายกันมากไม่พอหรืออย่างไร ต่อไปนี้ตนจะไม่รับผิดชอบคนเดียว แต่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะทำให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งหากมอบตัวตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว และอย่าพูดว่ารังแกพระ เพราะมีการโกงในสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น จึงต้องพิสูจน์ทราบตามกระบวนการ
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการกับพระธัมมชโยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ชาตินี้จับได้แน่นอน สื่อมวลชนก็ต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนว่าถูกหรือผิด ตนเห็นมีคนสนับสนุนยืนประกบนักข่าวที่ไปทำข่าว ทำไมต้องให้เขามาคุม ตนยังไม่เคยคุมสื่อเลย เมื่อถามว่า สามารถดำเนินการกับพระธัมมชโยได้เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ชีวิตพวกเธอยังอยู่ ฉันจะทำให้"
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังไม่สามารถบอกระยะเวลาได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเสียงดังว่า ไม่ใช่ไม่สามารถ สามารถทำได้ตลอดเวลาแต่ไม่ทำตอนนี้ เพราะมีเหตุผลและความจำเป็น ไม่อยากให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย แค่นี้ยังเหตุผลไม่พอหรืออย่างไร หรือต้องให้มีคนตายจำนวนมากแล้วพอใจกันทั้งหมด
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายภายหลังรู้ตัวว่าพูดเสียงดังขึ้น โดยกล่าวว่า "เริ่มแล้ว เริ่มเป็นไปตามที่ทำนาย พอแล้ว หมดเวลา" ก่อนที่จะเดินออกจากโพเดียม.

ทำประชามติ มั้ย จับ"ธัมมชโย"....ชี้ ทำป้อมค่ายแบบปี53

ทำประชามติ มั้ย จับ"ธัมมชโย"....ชี้ ทำป้อมค่ายแบบปี53 หวั่นสร้างสถานการณ์ ยิง จนท.ต้องป้องกันตัว หวั่นตายเยอะ
พลเอกประยุทธ์ นายกฯ พูด ทีเล่นทีจริง ให้ทำประชามติ ถามให้จับ"พระธัมมชโย"มั้ย คุยสามารถจับได้ตลอดเวลา แต่ไม่ทำตอนนี้ ไม่อยากให้บาดเจ็บล้มตาย คนจะตายเยอะ..,.,ถามถ้าเอากำลังเข้าไป วัดธรรมกาย จะเกิดอะไรขึ้น จะแบบปี 53 ถ้าใครยิงปืนมา จนท.ก็ยิงป้องกันตัว แล้วยิงไปโดนคนสวดมนต์ ทำยังไง เร่งทำไม
นายกฯ ชี้ วัดธรรมกาย ตั้งป้อมค่าย เหมือนสวนลุมฯปี53 ที่ตอนนั้นทหารต้องไปดูแล ตายไปเยอะ ยังไม่พอหรือ หวั่นเป็นกับดัก ใครยิงปืนใส่ จนท.ต้องยิง...เผยดูภาพที่วัดธรรมกายตลอด ชี้มีคนมาคุมสื่อ แล้วจะทำงานยังไง ขนาดผมยังไม่คุมสื่อเลย ลั่น จับ"ธัมมชโย"ในชาตืนี้

“บิ๊กป้อม” หวังทำภาพSoft ไม่เรียกเข้าค่ายทหาร แต่ ใช้สถานที่อื่น หวังให้ความรู้สึก ซอฟท์ลง



“บิ๊กป้อม” หวังทำภาพSoft ไม่เรียกเข้าค่ายทหาร แต่ ใช้สถานที่อื่น หวังให้ความรู้สึก ซอฟท์ลง แต่ยังไม่คิดถึงขั้น ไม่ต้องให้ทหารคุย ถามทำไมรังเกียจทหาร เผย ยังไม่ยกเลิกเรียกปรับทัศนคติ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวกรณีที่คสช.เตรียมปรับสถานที่เข้ารายงานตัวจากค่ายทหารเป็นศาลากลาง ว่า จะรายงานตัวที่ไหนก็ได้ เพราะถือเป็นสถานที่เหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นสถานที่ใด
"เราพยายามทำให้ทุกอย่างมันดูเบาลงในทุกเรื่อง "
เมื่อถามว่า ยังต้องเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ทหารอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า เป็นการรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ไม่ต้องห่วง เขาทำให้ดี
" ทำไมรังเกียจทหารกันหรืออย่างไร ทหารไม่เคยทำอะไร"
เมื่อถามอีกว่าจะมีการยกเลิกการเรียกปรับทัศนคติหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะขณะนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.ไม่ได้ใช้อำนาจอะไรรุนแรง ไม่เคยใช้มาตรา 44 จับคนไปขัง ไม่เคยใช้อำนาจลิดรอนสิทธิของประชาชน ทั้งๆที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เพราะเป็นหัวหน้าคสช. แต่พยายามเดินตามประชาธิปไตยตลอด
" ดังนั้น ขอว่าอย่าไปจี้อะไรมาก อย่าพยายามพูดให้เกิดความวุ่นวาย รอให้มีการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญ ตอนนั้นอยากทำอะไรก็ทำ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเพราะที่ผ่านมามันมีความยุ่งยาก "

บิ๊กป้อม เขื่อ นายกฯไม่ปรับครม.2ปีรัฐบาล ส่ง"พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ.

บิ๊กป้อม เขื่อ นายกฯไม่ปรับครม.2ปีรัฐบาล ส่ง"พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ. -พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบทบ." ที่จะเกษียณมาเป็นรมต.เผยนายกฯยังไม่เคยพูด ทำงานอย่างเดียว....เชื่อไม่มีปรับครม. ขนาดผมเกษียณยังกลับไปอยู่บ้านเลย ไม่ใช่ว่า ต้องมาเป็นรมต. ผมเองก็ไม่คิดว่า จะมาเป็นรมต....เชื่อโยกย้ายทหาร กย.นี้ไม่มีปัญหา แม้เปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ หลายคน ก็ตาม เคยทำมาแล้ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยจะมีให้"พลเอก ธีรชัย นาควานิช ผบทบ. -พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบทบ." ที่จะเกษียณมาเป็นรมต.ว่า หากเชื่อกระแสข่าวดังกล่าวก็ไปถามคนที่เผยแพร่ ขณะนี้ยังไม่มีการปรับย้ายอะไรทั้งสิ้น นายกฯยังไม่เคยพูดเลย ทำงานอย่างเดียว ตอนนี้รัฐบาลเหลือเวลาอีกปีกว่า พยายามทำสิ่งที่นายกฯวางเอาไว้
เมื่อถามว่า จะมีการนำทหารที่เกษียณอายุราชการเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่มีการปรับย้ายอะไรทั้งสิ้น ไม่มีหรอก ขณะนี้นายกฯทำงานอย่างเดียว ไม่เคยพูดเรื่องดังกล่าวกับผม
เมื่อถามย้ำว่า นายทหารที่เกษียณแล้วจะไปอยู่ที่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนผมเกษียณก็กลับไปอยู่บ้าน
ถามว่าถ้าคนที่เกษียณแล้วยังไม่อยากกลับบ้านจะทำอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงต้องไปถามเขาเอง ผมไม่รู้
ส่วนโยกย้ายทหาร กย.นี้ไม่มีปัญหา แม้เปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ หลายคน ก็ตาม เคยทำมาแล้ว

'สถิติแห่งชาติ' เผยเม.ย.59 ว่างงานเพิ่ม 7.2 หมื่น 'สภานายจ้าง' ชี้ส่งออกติดลบ กระทบลดการจ้าง

'สถิติแห่งชาติ' เผยเม.ย.59 ว่างงานเพิ่ม 7.2 หมื่น 'สภานายจ้าง' ชี้ส่งออกติดลบ กระทบลดการจ้าง

31 พ.ค. 2559 คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานเฉลี่ยในไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 0.97% หรือมีจำนวน 3.7 แสน คน เพิ่มขึ้นจาก 0.94% ในไตรมาส 1/58 ทั้งนี้ โดยปกติ ไตรมาส 1 อัตราการว่างงานจะสูงที่สุด อย่างนี้ทุกปี และจะลดลงในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 และ 4 โดยการจ้างงานภาคเกษตร ลดลง 2.7% จากผลกระทบของภาวะภัยแล้งใน ช่วงที่ผ่านมา แต่การจ้างงานนอกภาคเษตรเพิ่มขึ้น 1.5% ตามการขยายตัวของ เศรษฐกิจในด้านการผลิตอุตสาหกรรม ก่อสร้าง ขนส่ง และบริการท่องเที่ยว 
ผลการสำรวจของสภาพัฒน์ ยังพบว่า ในปี 58 ภาคครัวเรือนมีหนี้ลดลง โดย มีมูลหนี้เฉลี่ยต่อครัวเรือนอยู่ที่ 1.57 แสนบาท ลดลง 1.96% จาก มาตรการแก้ปัญหาหนี้สิน และการเข้มงวดการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน เมื่อเทียบกับ ที่เพิ่มขึ้น 10.0% ในปี 56 โดยหนี้ในระบบ ลดลง 2% มาอยู่ที่ 1.53 แสนบาท แต่หนี้นอกระบบ เพิ่มขึ้น 1.1% มาที่ 3.35 พันบาท ขณะที่สัดส่วนของครัวเรือนที่เป็นหนี้ ลดลงมา อยู่ที่ 49.1% จาก 53.8% ในปี 56

สำหรับแนวโน้มหนี้ครัวเรือนในปี 59 ยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง เห็นได้จากข้อมูลยอดคงค้างการให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคของธนาคาร พาณิชย์ ในไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้น 5.7% ชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้น 6.3% ในปี 58 เนื่องจาก ธนาคารพาณิชย์มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานและ รายได้แรงงาน ได้แก่ สถานการณ์ภัยแล้งที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมา โดยแรงงานภาคเกษตร ยังเป็นกลุ่มที่มี ความเปราะบางมากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนคนจนมากที่สุด และแรงงาน เกษตร 69% มี อายุ 40 ปีขึ้นไป อีกทั้งกว่า 70% ของแรงงานภาคเกษตร มีการศึกษาในระดับประถมและต่ำกว่า รวมทั้งได้รับค่าจ้างต่ำกว่าสาขาอื่น 2.5 เท่า โดยมีรายได้ เฉลี่ย 5,582 บาท/ เดือน ทำให้มีข้อจำกัดในการรับมือกับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งจะซ้ำเติม ต่อปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิต

นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่ ยังเป็นไปแบบช้าๆ และการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านและประเทศจีน ที่เป็น ตลาดส่งออก สำคัญของไทย ซึ่งขณะนี้ภาคธุรกิจยังไม่ได้มีการปลดพนักงาน แต่ใช้วิธี ปรับลดชั่วโมงการทำงานลง

ขณะเดียวกัน การจ้างงานและรายได้แรงงงาน ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการกีดกันทางการค้า จากการทำประมงผิดกฎหมาย และปัญหาแรงงานบังคับที่ส่งผลต่อการส่งออกของธุรกิจประมง และธุรกิจแปรรูปสัตว์น้ำ

ทั้งนี้ แม้ยังไม่พบความรุนแรงในการเลิกจ้างแรงงานในสาขาประมง และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งดำเนินการ ขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อบรรลุเป้าหมาย การส่งเสริมการ ทำประมง ที่ยั่งยืนของสหภาพยุโรป
 

สนง.สถิติแห่งชาติ เผยเม.ย.ที่ผ่านมา ว่างงานเพิ่ม 7.2 หมื่นคน 

สําหรับจํานวนผู้ ว่ างงานในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงาสว่า มีทั้งสิ้น 3.96 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่ างงาน ร้ อยละ 1.0 เมื่อเปรียบเทียบกับช ่วงเวลาเดียวกันของปี 58 จํานวนผู้ว่ างงานเพิ่มขึ้น 7.2 หมื่นคน (จาก 3.24 แสนคน เป็น 3.96 แสนคน) แต่ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือน มี.ค.59 จํานวนผู ้ว่ างงานลดลง 1 พันคน (จาก 3.97 แสนคน เป็น  3.96 แสนคน)
 

สภาองค์การนายจ้างฯ ชี้ส่งออกติดลบ ส่งผลโรงงานลดการจ้างงาน

ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า การส่งออกที่ติดลบ ทำให้แนวโน้มการรับแรงงานในภาคอุตสาหกรรมมีน้อยมาก ทุกภาคส่วนยังคงรัดเข็มขัดเพื่อควบคุมต้นทุน ส่วนข้อเสนอลูกจ้างที่ต้องการให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น มีการหารือ 3 ฝ่าย ทั้งกระทรวงแรงงาน ลูกจ้าง และนายจ้างแล้ว เชื่อว่าปีนี้คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง หากปรับขึ้นจะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ควรขึ้นค่าเงินจ้างตามคุณภาพฝีมือแรงงานมากกว่า
 
ธนิตกล่าวว่า การส่งออกเดือนเมษายน 2559 ที่ติดลบ 8% ส่งผลให้ 4 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบ 1.24% จากสถิติการส่งออกเฉลี่ยระดับปัจจุบัน คาดว่าการส่งออกทั้งปี 2559 จะติดลบอย่างน้อย 2% แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะยังเติบโตในระดับ 3% เนื่องจากได้อานิสงส์จากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ