PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หน่วยใหม่ “กองสงครามไซเบอร์” เสริมทัพไทย สู้ด้วยจิตวิทยา

27ต.ค.58 มติชน

โดย ปรัชญา นงนุช
http://www.matichon.co.th/online/2015/10/14458484291445849313l.jpg

เป็นที่จับตามองอีกครั้งกับการตั้ง “กองสงครามไซเบอร์” หลัง พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  ได้เสนอยังที่ประชุมผบ.เหล่าทัพเมื่อวันที่19ต.ค.ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลสงครามทางไซเบอร์ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และยืนยันว่าจะดูแลเพียงด้านการทหารเท่านั้น

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องมีในอนาคต และเป็นนโยบายที่เกี่ยวกับการปฏิรูปใน 5-20 ปี ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้สั่งการลงไปแล้ว อีกทั้งยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการไปรุกรานใคร แต่ต้องมีไว้เพื่อป้องกัน โดยในขณะนี้ยังไม่มีการประสานความร่วมมือกับประเทศต่างๆ และพล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายซิงเกิลเกตเวย์(Single Gateway) ที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้

กองสงครามไซเบอร์ถือเป็นอีกยุทธศาสตร์ใหม่ของไทย ซึ่งมีการตั้งขึ้นแล้วในหลายประเทศ โดยกองทัพไทยจะมีการจัดตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ไร้ตัวตนและไร้พรมแดน ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของแต่ละเหล่าทัพยาว 5 ปี  และรวมเป็นแผนยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง 20 ปี ภายใต้การดำเนินการของกระทรวงกลาโหม ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาลเพื่อการปฏิรูป

ล่าสุดได้มีการประชุมการจัดตั้งกองสงครามไซเบอร์ไปเมื่อวันที่21ต.ค.ที่ผ่านมา โดยพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เปิดเผยว่า  ศูนย์แก้ไขปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการ (ศบม.) เป็นความร่วมมือของเหล่าทัพและกระทรวงต่างๆ กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเกี่ยวกับการตั้งกองสงครามไซเบอร์ ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) โดยมีภารกิจหลัก คือ การติดตามผู้ที่คุกคามด้านความมั่นคงผ่านระบบออนไลน์ทั้งในและนอกประเทศตามนโยบายของรัฐบาล

อย่างไรก็ตามความท้าทายยังไม่สิ้นสุดหลังมีกระแสข่าวล่าสุดกลุ่ม“แอนโนนิมัส (Anonymous)” หรือขบวนการแฮ็กเกอร์นิรนามระดับสากล รวมตัวกันเพื่อจะล้วงข้อมูลลูกค้าของ บริษัท กสม โทรคมนาคม (แคท เทเลคอม) ออกมาแพร่เผยเพื่อเป็นการคัดค้านแนวทาง ซิงเกิ้ลเกตเวย์ ของรัฐบาลไทย โดยกลุ่มจะมีแนวทางการออกแถลงการณ์ก่อนโจมตี มีจุดยืนเพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม โดยมีสัญลักษณ์หน้ากากขาว(Guy Fawkes) และมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนเปิดเผยข้อมูล เช่น วิกิลีกส์ พร้อมเข้าแฮกเกอร์เว็บไซต์หน่วยงานภาครัฐ-เอกชนทั่วโลก เช่น เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีสิงคโปร์ โดยเรียกร้องให้สิงคโปร์ยอมรับเสรีภาพในการใช้อินเทอร์เน็ตของพลเมืองมากขึ้น เว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรมของอังกฤษ เพื่อร้องร้องให้ยกเลิกนโยบายการเฝ้าติดตามปรชาชนที่มากเกินไปเพราะเป็นการลิดลอนสิทธิ์ อีกทั้งข่มขู่การทำสงครามทางไซเบอร์กับรัฐบาลต่างประเทศมาแล้ว

ด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ติดตามกลุ่มผู้คุกตามเว็บไซด์ต่างๆ และให้แต่ละหน่วยงานดูแลฐานข้อมูลให้ดี

ถือเป็นสงครามเย็นยุคใหม่ที่ใช้วิธีทางจิตวิทยาในการคัดค้านหรือแสดงออกเพื่อต่อสู้กับรัฐ จากการข่มขู่ด้วยกำลังอาวุธ-รุกรานดินแดนมาเป็นการเผยแพร่ข้อมูลสำคัญทางการเมืองและเศรษฐกิจผ่านระบบไซเบอร์ที่สำคัญเป็นยุทธศาสตร์การต่อสู้กับรัฐที่สามารถทำได้ง่ายและได้ผลเร็วขึ้นอีกทั้งยากต่อการติดตามผู้กระทำผิด ซึ่งการพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารด้านไซเบอร์ก็ได้เริ่มใช้มาแล้วในยุคสงครามเย็น แต่สงครามทางไซเบอร์ได้ถูกนำมาใช้หลังจบสงครามเย็นได้ไม่นาน

ในสหรัฐอเมริกาได้มีการตั้ง กองบัญชาการไซเบอร์(United States Cyber Command : USCYBERCOM) ขึ้นในปีค.ศ.2009 ในยุคประธานธิบดีบารัค โอบาม่า เพื่อป้องกันการคุกคามทางไซเบอร์ ภายใต้การกำกับของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โดยมีแนวทางเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลทางเศรษฐกิจ และมีความพยายามจับกุมผู้เข้าร่วมกระบวนการแฮกเกอร์อีกด้วย โดยแบ่งเป็นทั้งหน่วยระดับชาติ หน่วยโจมตี และหน่วยป้องกัน

เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์ไซเบอร์ของกองทัพบก กรมการทหารสื่อสาร กองทัพบก ได้กำหนดการกิจกรรม ArmyCyber Contest 2015 ขึ้นเช่นกัน ถือเป็นการแข่งขันทักษะด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ระหว่างเหล่าทัพขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย เพื่อสร้างบุคลาการที่มีความชำนาญในเรื่องนี้

แสดงให้เห็นว่า ไทยถูกท้าทายกับภัยความมั่นคงที่ไร้ตัวตนมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ทางการไทยจะให้มีการศึกษาเรื่องซิงเกิ้ลเกตเวย์ และเป็นที่ถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวาง จนทำให้มีการรวมพลกดF5บนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ กับเว็บไซด์หน่วยงานราชการหลายแห่ง จนทำให้ไม่สามารถใช้งานได้เพื่อต่อต้านนโยบายนี้มาแล้วก็ตาม โดยกระแสต้านเหล่านี้ ทำให้รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง”ความมั่นคง-สิทธิเสรีภาพ”มากขึ้น

แม้ว่า พล.อ.ประวิตร รมว.กลาโหม และ พล.อ.สมหมาย ผบ.ทสส. จะชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่าการจัดตั้งกองสงครามไซเบอร์มีไว้เพื่อการทหารและความมั่นคง แต่สิ่งสำคัญคือการการชี้แจงต่อสังคมถึงแนวทางการดำเนินงาน ว่า ความมั่นคงนี้เป็นความมั่นคงเรื่องใด หากเป็นเรื่องการเมืองจะเกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพหรืออำนาจหรือไม่ ด้านเศรษฐกิจจะเกี่ยวข้องกับการควบคุม-ปกป้องเศรษฐกิจอย่างไร และด้านสังคมจะนำนโยบายนี้มาป้องกันสิ่งที่รัฐไม่พึงปรารถนาหรือเป็นภัยแก่สังคมอย่างไร

รัฐจึงต้องสร้างความชัดเจนถึงภารกิจหน้าที่ของกองสงครามไซเบอร์ขึ้น ว่าการปฏิบัติการทางทหารและความมั่นคงสุดท้ายแล้วจะลงโจทย์ไหน หรือ คาบเกี่ยวโจทย์ทั้งหมดนี้ อีกทั้งโครงสร้างการบริหารจัดการภายในกองจะแยกย่อยหน่วยงานและมีภารกิจอย่างไรบ้าง ในมาตราการรุกและรับการคุกคามทางไซเบอร์

ที่สำคัญบุคลาการที่จะนำมาใช้ในการป้องกัน จะต้องมีความรู้ทั้งด้านความมั่นคงและเข้าใจถึงความละเอียดละอ่อนของสังคม ในการเข้าใจถึง”พื้นที่ส่วนตัว”พอสมควรที่จะเข้าไปพื้นที่นั้นได้ เพราะ เรื่องของความมั่นคงนั้นเกี่ยวข้องกับความรู้สึกด้วย

ถือเป็นการตั้งกองกำลังใหม่ ที่จับอาวุธรูปแบบใหม่ ผ่านระบบไซเบอร์ ที่สู้ด้วยข้อมูลผ่านระบบจิตวิทยาสังคมนั่นเอง!!

บิ๊กหมู ผบ.ทบ.อนุมัติชุดฝึกพรางใหม่ แล้ว กระเป๋าอกมีฝาปิดตรง ยกเลิกเป๋าเฉียง

บิ๊กหมู ผบ.ทบ.อนุมัติชุดฝึกพรางใหม่ แล้ว กระเป๋าอกมีฝาปิดตรง ยกเลิกเป๋าเฉียง ใช้คอเสื้อปกแแบะ ปลายปก ปักสัญลักษณ์หน่วย แทนใช้ตีนตุ๊กแก ส่วนแขนปรับขยาย เน้นใช้กระดุม มากกว่าใช้ซิป เพิ่มกระเป๋าเฉียงที่กางเกง
มีรายงานว่า หลังจากที่ บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบทบ.ประชุม เรื่องปรับเปลี่ยนชุดฝึกภาคสนาม หรือชุดฝึกลายพราง ไปเมิ่อ 9 ตค. ที่ผ่านมา แล้วมีมติให้ นำชุดฝึกพราง ที่ออกแบบไว้เมิ่อปี 2557 ในยุคที่ พลเอกประยุทธ์ เป็น ผบทบ. มาปรับปรุง ใช้แทน ชุดปี2558 ที่ใช้มาในยุค บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช เป็น ผบทบ. นั้น เมื่อ20 ตุลาคม ที่ผ่านมา พลเอกธีรชัย ได้อนุมัติในคำสั่ง กห.0403/15834 ใช้ชุดฝึกพรางแบบใหม่ตามที่กรมยุทธการทหารบกเสนอมา แล้ว โดยลดการใช้ ตีนตุ๊กแก และยกเลิกกระเป๋าเฉียงหน้าอก เปลี่ยนรูปแบบกระเป๋า ที่กางเกง และรายละเอียดปลีกย่อยอีกหลายจุด.....ทหาร เตรียมเสียตังค์ จัดชุดฝึกใหม่กันอีกแล้ว แม้ ทบ.จะอนุโลมให้ใช้ ชุดเก่าไปก่อน แต่ในความเป็นจริง ทหารคงไม่กล้าใส่ชุดฝึก แบบที่ ผบทบ.ไม่ชอบ ก็คงต้องไปตัดใหม่กัน ชุดละ 1-2พันบาท แล้วแต่ผ้า

บิ๊กต๊อก พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ยันไม่เลิกเรือนจำมทบ.11

เรือนจำ มทบ.11...
บิ๊กต๊อก พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ยันไม่เลิกเรือนจำมทบ.11 อย่าเรียกเรือนจำทหาร เป็นของราชทัณฑ์แค่ใช้สถานที่ทหาร ยังจำเป็นในคดีความมั่นคง.....เฉไฉ บอกไม่รู้ "หมอหยอง"เป็นยังไง ถามราชทัณฑ์ เขาไม่ได้รายงานผม นักโทษกว่า3แสนคนต้องบอกผมหมดหรือ.... เผยที่ส่งตรวจสแกนสมอง ตั้งแต่แรกเข้ามาแล้ว ไม่ใช่เพิ่งตรวจ ไม่จำเป็นต้องบอกส่งไปตรวจที่ไหน เพราะวันไมีผู้ต้องขัง ไปรพ.จำนวนมาก
ฉุนโดนสื่อซักเรือนจำมทบ.11ไม่โปร่งใสยันยึดกฏราชทัณฑ์
ย้ำ ราชทัณฑ์ชันสูตรศพได้ ไม่ต้องส่งนิติเวช ยกเว้นหากญาติข้องใจ ยันเรือนจำมทบ.11 โปร่งใส วอนสื่ออย่าสนใจมาก ไม้รู้ตอบไง เข้าใจคดีคนดัง

'ณัฐวุฒิ' ข้องใจสูตรใหม่เลือกตั้ง เปิดทางให้คนแพ้มีโอกาสชนะ

27ต.ค.2558

'ณัฐวุฒิ' ข้องใจ สูตรใหม่เลือกตั้ง หยิบคะแนนฝ่ายแพ้เลือกตั้งส.ส.เขต นับเป็นคะแนนบัญชีรายชื่อ หวังให้พรรคที่แพ้มีโอกาสชนะ ลดความห่างของที่นั่งในสภาสร้างอำนาจต่อรองตอนตั้งรัฐบาลเพื่อเปิดทางนายกฯ คนนอก จี้เขียนให้คนขวางเลือกตั้ง-กลุ่มเกี่ยวข้องรัฐประหารไม่ควรมีสิทธิ์ทางการเมือง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า หากเจตนาแท้จริงของกรธ.คือการร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยนั้น คงไม่ปรากฏสูตรพิศดารมากมายแบบนี้ เพราะหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องยาก แต่เกมอำนาจในประเทศไทยต่างหากที่ซับซ้อน จนพัฒนาการทางการเมืองเป็นอัมพฤกษ์มากว่า 80 ปี ทั้งนี้ การพยายามเสนอสูตรนำคะแนนฝ่ายแพ้เลือกตั้งส.ส.เขตไปนับเป็นคะแนนบัญชีรายชื่อโดยอ้างว่าเพื่อให้ทุกคะแนนเสียงไม่ถูกทิ้งนั้น เป็นการให้เหตุผลที่ขัดกับข้อเท็จจริง เพราะโดยหลักการ ทุกคะแนนมีความหมายอยู่ในตัวเอง ฝ่ายชนะได้ทำหน้าที่ ส่วนฝ่ายแพ้ก็เห็นมติของประชาชน ทั้งฝ่ายแพ้และชนะมีสิทธิ์แข่งขันกันทำงานในพื้นที่ แสดงบทบาทเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งต่อไป 
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 ก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีคนจำนวนมากลงคะแนนให้ผู้สมัครเขตกับบัญชีรายชื่อคนละพรรคกัน รัฐจะไปมั่วเจตนารมย์ของประชาชนเองไม่ได้ว่าคะแนนเขตเป็นคะแนนบัญชีรายชื่อ ซึ่งถ้าให้ลงคะแนนเพียงใบเดียว ก็เท่ากับลิดรอนสิทธิของประชาชนที่จะได้เลือกตั้งส.ส.ทั้ง 2 ระบบ ทั้งนี้ น่าสงสัยว่า สูตรนี้ห่วงคะแนนฝ่ายแพ้ส.ส.เขต หรือห่วงพรรคที่ผูกปีแพ้มายาวนานให้มีโอกาสชนะหรือลดความห่างของที่นั่งในสภาฯ สร้างอำนาจต่อรองตอนตั้งรัฐบาลเพื่อเปิดทางให้นายกฯ คนนอกกันแน่ 
ส่วนแนวคิดที่ให้ตัดสิทธิ์ผู้สมัครที่แพ้คะแนนโนโหวตตลอดชีวิตนั้น ก็เป็นวิธีคิดแบบหลุดโลก ตนไม่อาจยอมรับได้ว่า การลงสมัครเลือกตั้งแล้วได้คะแนนน้อยนั้นเป็นความผิดฉกรรจ์ถึงขั้นไม่มีสิทธิ์ทางการเมืองต่อไป ประชาธิปไตยต้องเปิดกว้าง ไม่ได้รับเลือกวันนี้ไม่ได้แปลว่าจะพลาดตลอดไป หรือชนะวันนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชนะได้ตลอดกาล ถ้ายึดวิธีคิดนี้ คนขัดขวางการเลือกตั้งหรือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารต่างหากที่ไม่ควรมีสิทธิ์ทางการเมือง
"อยากให้นายมีชัยและกรธ.ตรงไปตรงมา ถ้ารับงานแป๊ะแล้วต้องตามใจแป๊ะ ก็ใส่เต็มที่แล้วไปตัดสินกันในประชามติ การเปิดประเด็นใหม่ตลอดเวลา อย่าเข้าใจว่าประชาชนจะลืมเรื่องคปป.กับนายกฯ คนนอก ถ้าคิดจะใส่แน่ทั้งที่เป็นเหตุให้ฉบับนายบวรศักดิ์ถูกคว่ำก็พูดให้ชัด ดีกว่ากั๊กไว้แล้วประชาชนมาจับได้ทีหลัง"นายณัฐวุฒิกล่าว

ฑูตสหรัฐฯยังไม่ได้เจอ"ประยุทธ"

มาหลายรอบ.....
พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี แจงเหตุที่ ไม่เจอทูตมะกันวันนี้เพราะเวลาไม่ตรงกัน เขาอยากมาพบผมก็ประสานมา ทำไมต้องสนใจ ถาม"เราเป็นเมืองขึ้นเขารึไง" โดยมีกำหนด พบกัน29 ตค. นี้
Glyn Daviesทูตอเมริกาเผยจะพบ พลเอกประยุทธ์ที่ทำเนียบฯพฤหัสฯนี้ เผยในวันนั้นจะคุยกับสื่อ ส่วน วันนี้มาพบ" รองนายกฯ"วิษณุ เครืองาม"ฟังแจงแผนสู่ปชต. การร่างรัฐธรรมนูญ 6-4,6-4 มาจากไหน

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สนช. เพิ่มเติม "ผบ.ทร.-พงศพัศ-พล.ร.อ.พัลลภ"

วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17:52:57 น มติชน


http://www.matichon.co.th/online/2015/10/14459431191445943145l.jpg

27 ต.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดดังนี้

ประกาศ

แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติม

ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติม ตามมาตรา ๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ดังต่อไปนี้

๑. พลเรือเอก ณะ อารีนิจ

๒. พลเรือเอก พัลลภ ตมิศานนท์

๓. พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นปีที่ ๗๐ ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ทหารเชิญนักข่าวประชาไทคุย เตือนภาพประกอบข่าวกำกวม



Tue, 2015-10-27 17:32


27 ต.ค.2558 รายงานข่าวแจ้งว่า ทวีพร คุ้มเมธา ผู้สื่อข่าวของเว็บไซต์ประชาไท พร้อมด้วยทีมงาน 2 คนและตัวแทนจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมพูดคุยหารือกับเจ้าหน้าที่ทหารที่โรงเรียนทหารสื่อสาร สะพานแดง หลังได้รับการติดต่อให้ผู้สื่อข่าวเข้าพบตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ในเรื่องข่าวและภาพประกอบเรื่อง ‘สาระ+ภาพ: ทำอะไรแล้วผิด ม.112 ได้บ้าง’ โดยมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทหารได้เดินทางไปเชิญถึงบ้านด้วยแต่ผู้สื่อข่าวไม่อยู่บ้าน

เนื้อหาการพูดคุยตลอด 1 ชั่วโมงเป็นการท้วงติงเกี่ยวกับภาพประกอบข่าวดังกล่าวที่ลดทอนรายละเอียดและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดำเนินคดีตามมาตรา 112
ในการพูดคุยครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้เชิญตัวแทนจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเข้าร่วมการพูดคุยด้วย เจ้าหน้าที่ย้ำว่าได้รับเรื่องร้องเรียนในกรณีนี้จึงต้องทำการตรวจสอบตามหน้าที่ และการเรียกพบครั้งนี้เป็นเพียงการพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกัน

“บิ๊กต๊อก” ยันผลชันสูตรศพ “สารวัตรเอี๊ยด” ผ่านขั้นตอนโปร่งใส

27 ตุลาคม 2558 15:11 น. ผู้จัดการ

รมว.ยุติธรรม ยันผลชันสูตรศพ “ปรากรม” ผ่านขั้นตอนอย่างโปร่งใส ระบุเรือนจำพิเศษเปิดชั่วคราวคดีเกี่ยวกับความมั่นคง เพื่อสะดวกในการสอบสวน โต้สื่อไม่จำเป็นต้องชี้แจงทุกเรื่อง ย้ำผลหารือปัญหาการใช้งบ สสส. ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน มี 3 มาตราใน กม.สสส. ที่กว้างเกินไปต้องแก้ไข 
      
       พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณี พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องขังระหว่างสอบสวนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ผูกคอตายในเรือนจำ จนถูกมองว่าการดำเนินการต่าง ๆ ยังมีความไม่โปร่งใสว่า อะไรไม่โปร่งใส การเสียชีวิตในกรมราชทัณฑ์ แน่นอนว่า กรมราชทัณฑ์ จะมีการสอบสวน และขั้นตอนต่อไป คือ การแจ้งตำรวจเข้ามาชันสูตรศพเพื่อออกใบมรณบัตร และถึงนำศพออกมาให้ญาติได้ ทุกอย่างทำเรียบร้อย และการชันสูตรนั้นมีสองอย่างคือ ชันสูตรในชั้นพนักงานสอบสวน โดยมีคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ได้แก่ อัยการ กรมการปกครอง แพทย์ และตำรวจ แต่หากมีข้อสงสัยข้องใจให้ส่งไปอีกขั้นหนึ่ง หรือเหมือนกับขั้นสูงคือนิติวิทยาศาสตร์ แล้วถึงออกใบพิสูจน์ความเห็น ถ้าไม่ติดใจสงสัยก็ออกใบมรณบัตรได้ ซึ่งทุกอย่างผ่านขั้นตอนเหล่านี้หมดแล้ว มันไม่โปร่งใสตรงไหน
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า เรือนจำพิเศษดังกล่าวนี้จะมีไปตลอดหรือไม่ หรือมีเฉพาะช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า เรือนจำนี้เปิดสำหรับกรณีพิเศษ คดีความมั่นคงเกี่ยวกับระเบิด แล้วเมื่อมีการขอมาใช้ก็ให้ใช้ เรือนจำลักษณะนี้เป็นความต้องการร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวน กับกระทรวงยุติธรรม อำนาจตนเปิดให้ได้ถ้ามีความจำเป็น อย่างคดีระเบิดที่เปิดให้เพื่อสะดวกในการสอบสวน การประสานต่างประเทศได้ข้อมูลที่รวดเร็ว เมื่อเหตุผลเหมาะสมเราก็เปิด ถ้าจำเป็นต้องปิดก็ต้องพูดกันหลายฝ่ายว่าเห็นพ้องต้องกันไหม ถ้าเห็นพ้องกันตนก็พร้อมจะปิด แต่ในเรื่องของความมั่นคง รองนายกรัฐมนตรียังระบุว่าจำเป็นที่จะต้องเปิดอยู่ ตนก็เห็นว่ายังจำเป็นเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ
      
       เมื่อถามต่อว่า สถานที่มีความพร้อมหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า พร้อม เมื่อเทียบเคียงกับกรณีวางระเบิดที่มีผู้ต้องหาอยู่ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
      
       “เราต้องยอมรับความจริง ทั้งเรือนจำปกติ เรือนจำถาวร การมีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้น การมีอุบัติเหตุ การฆาตกรรมระหว่างผู้ต้องขังก็เคยมี แต่เผอิญเรื่องนี้เป็นบุคคลอยู่ในความสนใจ เลยเป็นประเด็นขึ้นมา ซึ่งผู้ต้องขังกับผู้กักขังมี 4 แสนกว่าคนที่มีการหมุนเวียนกันอยู่ ก็มีเหตุการณ์ตลอด ก็ต้องสอบสวน พนักงานควบคุมเรือนจำก็สอบกันอยู่ มันไม่ใช่ไม่มี มันก็มีข้อบกพร่องภายในของเขาเอง เรื่องการตรวจตราผมเคยถามเขาก็บอกว่าตรวจเหมือนเดิม คดีระเบิดเขาก็ตรวจอย่างนี้ ส่วนจะมีเรื่องความเครียดหรืออะไรก็เป็นเรื่องตัวบุคคล”
      
       ส่วนกรณี นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ “หมอหยอง” ที่ทำทีซีสแกนผลออกมาเป็นอย่างไรนั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า มันเกิดก่อนแล้ว ตอนเข้ามาใหม่ ๆ เขาก็รายงานผมด้วยวาจา เมื่อถามต่อว่า การสแกนทำที่ไหนอย่างไรไม่มีการชี้แจง พล.อ.ไพบูลย์ ย้อนถามนักข่าวว่า “แล้วผมต้องชี้แจง 3 แสนกว่าคนหรือไม่ ผมไม่จำเป็นต้องได้รับรายงานจากคน 3 แสนกว่าคนทุกเรื่อง ทุกวันนี้มีผู้ป่วย แล้วออกไปข้างนอกมากมายผมต้องมารับทราบหรือไม่ แต่คดีนี้เป็นที่น่าสนใจ จริง ๆ แล้วเรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกวัน ผมไม่จำเป็นต้องไปรับทราบทุกวัน เผอิญว่าท่านไปสนใจบุคคล แต่ไม่สนใจระบบปฏิบัติการ ผมใทำงานไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษ มาถามว่าผมมีอะไรต้องเข้มงวดไหม ผมไม่ต้องเข้มงวด ถ้าอธิบดีทำไม่ได้ก็ย้ายกันไป เพราะเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำ อย่าไปจี้พนักงาน อย่าไปจี้ข้าราชการ เขารู้หน้าที่เขาอยู่แล้ว แล้วเป็นรัฐมนตรีต้องไปจี้เขาทุกเรื่องได้อย่างไร สามัญสำนึกไม่มีหรือระดับอธิบดี เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องไปนั่งจี้เขาหรอก และผมไม่ต้องไปรับทราบใครจะไปโรงพยาบาลวันไหน ใครยังไง
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า หมอหยอง ยังสบายดีไหม พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่รู้ ตนไม่ได้ไปเฝ้า ไม่ได้ไปนอนกับเขา ตนไม่รู้จริง ๆ เมื่อถามว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. มีการสอบถามหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มี เขาก็เข้าใจว่าเป็นไปตามนั้น เมื่อถามว่า มีรายงานว่าจะมีจับผู้ต้องหาอีกหลายคน พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตนมีหน้าที่รับ ต้องถามพนักงานสอบสวน ถ้าส่งมาก็ทำไป มีเรื่องอะไรก็ทำตามระเบียบ
      
       พล.อ.ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงผลการหารือศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อพิจารณากรณีการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตยังมีบางประเด็นที่พูดไม่ตรงกันว่า พูดไม่ตรงอะไร ตรงหมด ประเด็นอยู่ที่ 3 มาตรา ใน พ.ร.บ. กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ที่เป็นปัญหาว่ากว้างเกินไป ทั้งหมดเป็นมติที่ประชุมให้นำไปปรับแก้ ส่วนรายละเอียดใครจะไปแจกแจงก็ว่ากันไป ตนได้เรียน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข แล้ว ท่านก็รับทราบและเห็นด้วย ก็ต้องไปว่ากัน แต่จะแก้ขนาดไหนใน 3 มาตรานั้นเป็นเรื่องที่จะต้องคุยกันในรายละเอียด
      
       ผู้สื่อข่าวถามว่า ทาง สสส. มีความเห็นเป็นอย่างอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ทั้ง 3 มาตราเห็นด้วยหมด ทุกคนเห็นด้วยหมด

27102558 อย่าเป็น 'ล้อติดหล่ม' ในทางราบ เปลว สีเงิน

ผมไม่เข้าใจ........... ?

ท่านรองนายกฯ "พลเอกประวิตร" และท่านรัฐมนตรียุติธรรม "พลเอกไพบูลย์" ต้องเข้าไปในกลเกมพวกเปรต "กินข้าว-โกงชาวนา" ทำไม?

วันที่ ๑ พฤศจิกา หรือวันไหนๆ....?

เขาอยากใส่แดง ก็ให้เขาใส่กันไป แดงนอกไม่หนำใจ จะให้แดงตั้งแต่หัวยันตีน ไม่เว้นกระทั่งชั้นใน ก็ให้เขาเอากันให้หนำใจ จะต้องไปต่อความยาว-สาวความยืดกันทำไม

ไม่ทำอะไรผิดกฎหมาย ผิดคำสั่ง คสช.ก็แล้วไป แต่ถ้าผิด....ไม่ต้องพูด ไม่ต้องเกรงพ่อมัน....

ล่อเลย!

พ่อมันบอก "ให้แกล้งตาย" แต่ยังมีส่วนหนึ่ง "อยากตายจริง" แล้วรัฐบาลจะมาเล่นเกม "ต่อปาก-ต่อคำ" อยู่ทำไม

เมื่ออยากตายจริง จะพูดอะไร ไม่เห็นจำเป็นต้องลงไป "เล่นด้วย" ทางที่ควรเป็น ฝ่าย คสช.พูดให้น้อย ทำให้หนัก และทำให้เด็ดขาดเท่านั้น

พวก "อยากลองของ" จะหด!
"ม้วนหางเถอะลูก".......

จำได้มั้ย หนังโฆษณาสมัยโทรทัศน์ขาว-ดำน่ะ ถ้า คสช.จะหาวิธีแก้รำคาญจากพวกตอดเล็ก-ตอดน้อยแบบนี้ละก็ ไม่ต้องพูดมาก
ล้ำเส้นก็ "ป๊อก" เลย...

รับประกัน "ม้วนหาง" เข้าก้นกันแทบไม่ทัน ลูกพี่ อย่างฮิวแมนไรต์ ยูเอ็นเอชซีอาร์ กระทั่ง CIA ในรั้วสถานทูตแถวถนนวิทยุ หมดท่าแล้วตอนนี้ มีสภาพเหมือนเห็บง่อย
เพราะอินทรีลูกพี่ใหญ่ถูกหมีขาวตะปบจนขนร่วง แถมถูกถลกหนังจนเห็นเนื้อแท้

อเมริกา...ไม่ใช่เจ้าโลกประชาธิปไตย
แต่เป็น "อาชญากรสงครามโลก" ผลิตแก๊งก่อการร้าย แก๊งกบฏ ปล้นทั้งทรัพยากร ปล้นทั้งประเทศ ปล้นทั้งสิทธิมนุษยชน ปล้นทั้งสิทธิเสรีภาพ จนโลกป่วนเวลานี้
ถูกจับเปลือยกลางแดด จนเห็นประชาธิปไตยดำๆ เหี่ยวห้อย หมดความชอบธรรมที่จะชูประชาธิปไตย ชูสิทธิเสรีภาพกับใครๆ ได้อีกแล้วในโลกวันนี้
จำกันให้ชัดไว้เลยนะ.....!

แม่นางตะแล้ดแต๊ดแต๋ ไม่ได้ถูกข้อหาโกงรับจำนำข้าว ๖-๗ แสนล้าน อย่างที่ตัวเธอและพวกสมุน-บริวารตะแบงให้หลงเข้าใจว่า ถูกกลั่นแกล้งในข้อหานั้น
แค่หวังใช้ปลุกระดมพวกโง่จริงและแกล้งโง่ ให้ออกมารวมตัวเป็น "มวลชนงั่ง" พิทักษ์แก๊งกินข้าว-โกงชาวนานั่นแหละ

จริงๆ ก็คือ.....
อัยการสูงสุดท่านฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองในข้อหา "ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
และฟ้องในความผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. พ.ศ.๒๕๔๒ ฐานละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า ๕ แสนล้านบาท
พอกหน้าสวยจะตายชัก ใครไปแกล้งเธอลง?

จำได้มั้ย โครงการนี้วิปริตและโกงกินแต่เริ่ม ประชาชนก็บอกให้ ป.ป.ช.จัดการ
ป.ป.ช.โดยท่านวิชา มหาคุณนี่แหละ ก็ทำหนังสือจาก ป.ป.ช.ไปเตือนครั้งแล้ว-ครั้งเล่า
แม่นางก็บ่ฮู้-บ่หัน-บ่ดัน-บ่เข้า ไม่ตรวจ ไม่สอบ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น แถมเดินหน้า เจ๊ทูเจ๊ ลูกเดียว
มากกว่า ๑ หนมั้ง... ที่ ป.ป.ช.เตือนเป็นทางการ?
และดูเหมือน สตง.ใครต่อใครก็เตือนว่า โครงการนี้จะทำให้บ้านเมืองฉิบหาย แถมยังโกงกินกันสะบั้นหั่นแหลก
แม่นางก็ลอยหน้า-ลอยดอกเฉย...
แถมจีบปาก-จีบคอ บริสุทธิ์ โปร่งใส ดมดูได้ทุกจุด!

แต่เมื่อดมแล้วเหม็นโฉ่ทุกจุด ป.ป.ช.จึงชี้มูลความผิด "ละเลย ไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหาย" นั่นแหละ
ด้วยเหตุดังสาธยายให้ญาติโยมเข้าใจ จึงไม่มีเหตุที่จะมาพูดว่า ป.ป.ช.หรือใครกลั่นแกล้ง
เพราะเขาเตือนแล้วเป็นระยะๆ แต่ไม่ฟังเอง ด้วยถือดีในอำนาจรัฐ และอำนาจระบอบโจร!
แล้วตอนนี้ พล่านกันใหญ่........

พี่เขยควงน้องเมีย-น้องเมียควงพี่เขย เลาะตะเข็บชายแดนเหนือ-แดนใต้-แดนอีสาน วุ่นไปหมด ทหารเขาตามไปดูแล ก็หาว่าเขาตามประกบ-กันหนี!

เขาต้องดูแล อดีตนายกฯ ตั้ง ๒ คน จะปล่อยท่อกแท่กได้ไง เดี๋ยวใครมาทำอะไร ก็จะโทษโครมว่า "คสช.ทำ" ฉะนั้น เขาต้องคอยดูริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม

ที่พล่านช่วงนี้ ไม่ได้พล่านประเด็นคดีที่ศาลฎีกาฯ หรอก เพราะยังอีกนาน
คงพล่านเพราะ จะถูกคำสั่งทางปกครอง ให้ชดใช้สินไหมทดแทน ๖-๗ แสนล้านนั่นแหละ!
ตระกูลนี้ "เงินเรื่องใหญ่-คุกเรื่องย่อย" เพราะคุกยังพอหนีได้......
แต่อย่าหนีไปมอนเตเนโกรนะ เพิ่งปฏิวัติกันวานซืน พี่ชายอยู่ที่ไหน ซวยที่นั่นจริงๆ
แต่เรื่องทรัพย์ แบกหนียาก เมื่อหนีไม่ออก เรื่องใกล้ตัวเข้ามา อะไรที่คิดว่าจะใช้พวก-ใช้บริวารเป็นวงแหวนดาวเสาร์ได้ ก็ไขว่คว้าทุกทาง
แต่งแดง ๑ พฤศจิกา สนับสนุนคนทำให้ชาติเสียหาย ชาวนาผูกคอตาย จีทูจีเก๊.....
เอาสิ...ส่งเสริม-ปกป้องคนไม่สุจริตต่อชาติบ้านเมือง ถ้าใครเห็นว่าดี ว่างาม ว่าแก๊งกินข้าวสำคัญและมีค่ากว่าประเทศและสังคมชาติ ก็แต่งแดง-แต่งดำกันไปเลย
อยากรู้-อยากเห็นเหมือนกัน ว่าพี่น้องคนไทย พ.ศ.นี้ คิดอะไร ต้องการแบบไหน กับชาติบ้านเมืองตัวเอง?
แต่งแดงกันมากๆ น่ะ ไม่กลัวหรอก กลัวหะรอม-หะแรมน่ะซี้...จะถูกจับไก่ ตายยกเล้า
ในอีกแง่มุมที่เป็นลาง........!
การที่มีคนนัดแต่งแดงเพื่อนางนั้น ตอนนี้ก็ยังหาหัวโจกเป็นตัวตนไม่ได้ กระทั่งท่านจตุพร พรหมพันธุ์ ของผม ก็ว่าไม่รู้เรื่อง
ตามคติโบราณบอก...นี่คือ "ผีห่าดลใจ" เป็นการส่งสัญญาณถึงยิ่งลักษณ์และแก๊งให้สำนึก-ตระหนัก ในหลัก สุทธิ-อสุทธิ ปัจจัตตัง
สัญญาณถึงอะไร ผมจะไม่พูดเอง "พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" ท่านเคยเล่าไว้ และมีผู้นำมาโพสต์ fb ขออภัยไม่ทราบนาม จะลอกมาให้อ่านกัน
"คุณชายเล่าว่า............
เมื่อสมัยเด็กๆ ได้มีโอกาสไปดูการประหารชีวิต เค้าจะมัดนักโทษไว้กับเสาที่ปักอยู่กับดินเป็นรูปตัว T สูงขนาดไหล่นักโทษ
นักโทษจะถูกมัดมือให้พนมที่หน้าอก ในมือนั้นมีดอกไม้ธูปเทียน และถูกเอาดินเหนียวยัดรูหู เพื่อมิให้ได้ยินเสียงใดๆ
ห่างออกจากหน้านักโทษประมาณ ๗-๘ เมตร มีซุ้มประตูทำด้วยกิ่งไม้ เรียกว่าประตูป่า
สักครู่จะมีเพชฌฆาตแต่งตัวแบบไทย สวมเสื้อแดง กางเกงแดง ถือดาบรำออกมาจากประตูป่า
พอรำมาถึงตัวนักโทษก็กระทืบเท้าชี้หน้านักโทษแล้วก็เงื้อง่าดาบให้นักโทษกลัวเพชฌฆาต
รำไปรำมาอยู่พักใหญ่ เพชฌฆาตคนที่สองก็ถือดาบย่องมาจากทางไหนก็ไม่ทราบ เพราะคนดูมัวแต่จ้องเพชฌฆาตคนที่หนึ่ง นึกว่าจะเป็นคนประหารเสียเอง
พอเพชฌฆาตคนที่สองมาถึงก็เอาดาบฟันฉับเข้าที่คอนักโทษทางด้านหลัง หัวนักโทษไม่ขาดจากตัวทันทีเนื่องจากติดหนังที่ลำคอ หัวจึงพับห้อยไปที่หน้าอก
เพชฌฆาตมือหนึ่ง จึงเข้าไปจิกหัวนักโทษให้เงยขึ้น แล้วก็เอาดาบเชือดหนังที่ติดจนคอขาด แล้วจึงโยนหัวนักโทษทิ้งไป"
เป็นไง...แบบนี้ "แต่งแดง" เพื่อแม่นางทุกวันเลยดีมั้ย?
แบ่งเป็น ๒ ชุด แดงชุดหนึ่งเย้วๆ ชูรูปยิ่งลักษณ์ตะโกน สู้..สู้.. อยู่ข้างหน้า
แดงอีกชุด เข้าทางข้างหลัง...คอยเก็บหัว!
ทำอะไรกันแบบไม่คิด จะเอาความสุข-สงบของบ้านเมืองไปเป็นเครื่องเซ่นพวกเศษเดนความดีงาม ก่อกรรมเข้าข่าย "อนันตริยกรรม" ต่อบ้านเมือง
เป็นกรรมหนัก ยากแก้ไข มีแต่ "สำนึกสุดท้าย" ดังเช่นพระเทวทัตเท่านั้นพอจะผ่อนลึกสุดจากขุม "โลกันตรนรก" ให้มีโอกาสเขยิบหัวขึ้นมาได้บ้าง
เมื่อรู้กันอย่างนี้แล้ว ขอพูดคำเดียว "สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม" ใครจะแดงกันขนาดไหน เชิญแดงตามสบาย!
นายกฯ ประยุทธ์นั้น.........
ตอนนี้ดูท่าน "เครียดลึก" ด้วยครุ่นคิดคำนึง "บางเรื่อง" ที่ขื่นในอก-หมกไหม้ในใจ ก็ไม่อยากพูดอะไรให้ท่านหนักใจไปอีก
กับบางเรื่อง ไม่ได้มีให้แก้ มีให้รักษา ถึงจุด มันจะแก้ด้วยตัวมันเอง เพราะทุกสิ่ง-ทุกเรื่องที่เกิดในโลกนี้ ไม่มีคำว่า "บังเอิญ"
"ถูกกำหนด" ไว้แล้วทั้งนั้น....!?
ทางออกที่ถูกต้อง คือ "รักษาเหตุ" อันเป็น "ปัจจุบัน" ไว้ให้ดีที่สุด แล้วเหตุที่รักษานั้น จะผลิผลเป็น "อนาคต" ที่ถูกต้อง-ดีงามเอง

'ผบ.ตร.'เปลี่ยน'โฆษกตร.' จาก'ประวุฒิ'สู่'เดชณรงค์' | เดลินิวส์


„เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) มีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 595/2558 ลงวันที่ 26 ต.ค. 2558 เรื่องแต่งตั้งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ดังนี้.. 1.พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา เป็นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2.พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3.พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 4.พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5.พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6.พ.ต.ท.ปองพล เอี่ยมวิจารณ์ เป็นรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 โดยมีอำนาจหน้าที่.. 1.ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ แถลงข่าว และชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจเฉพาะเรื่องตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย 2.ปฏิบัติตามกฏหมาย ระเบียบ และคำสั่งเกี่ยวกับการให้ข่าว การแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ การเผยแพร่ภาพต่อสื่อมวลชน และการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 3.การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ สามารถเชิญผู้แทนหน่วย หรือข้าราชการตำรวจจากทุกหน่วยงานมาให้ถ้อยคำหรือชี้แจงข้อเท็จจริงตามเอกสารหลักฐาน หรือให้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณา ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม 4.การขอใช้กำลังพล งบประมาณ เครื่องมือเครื่องใช้ เพื่อให้การปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่สัมฤทธิ์ผล ให้พิจารณาเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามเหตุผลความจำเป็น 5.ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยให้ความร่วมมือในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งนี้ และถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะรับผิดชอบร่วมกัน ในอันที่จะให้การดำเนินการสัมฤทธิ์ผล ตามความมุ่งหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

ทั้งนี้ ให้ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ขัดแย้งกับคำสั่งนี้ และให้ใช้คำสั่งนี้แทน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป.

 มีรายงานว่า ขณะนี้ทาง พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ได้ลาพักร้อนเดินทางไปต่างประเทศ“

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/356913

สอบไฮโซ-20บริษัทยักษ์ แฉ′หยอง′ กับพวก-ร่วมเรียกเงิน บิ๊กแป๊ะ′เล็งแถลงใหญ่

วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 09:56:18 น

แฉ"หมอหยอง"ทำ"เอ๋อ-ปากเบี้ยว" จนท.ส่งโรงพยาบาลสแกนสมองปกติ อธิบดีราชทัณฑ์เผยผลชันสูตรพลิกศพ"สารวัตรเอี๊ยด" ระบุ"ขาดอากาศหายใจจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ" ญาติไม่ติดใจรับศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว
http://www.matichon.co.th/online/2015/10/14459145581445914616l.jpg
ความคืบหน้าคดีจับกุมนายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง อายุ 53 ปี นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท อายุ 39 ปี เลขาฯหมอหยอง ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ และ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อายุ 44 ปี ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ก่อนส่งตัวไปควบคุมที่เรือนจำชั่วคราวมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) พร้อมยึดทรัพย์สินผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นจำนวนมาก ต่อมา พ.ต.ต.ปรากรมเกิดความเครียดผูกคอตายเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมนั้น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวแพร่สะพัดนายสุริยันเสียชีวิตว่า เมื่อช่วงเช้าได้เชิญนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มารายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ทราบว่านายสุริยันยังอยู่ปกติ ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง อีกทั้งขอรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นโจ๊ก ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้จัดการให้ อย่างไรก็ตามคิดว่าเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นและไม่รู้ว่าคนที่ปล่อยข่าวมีเจตนาอย่างไร ส่วนศพของ พ.ต.ต.ปรากรม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางญาติและครอบครัวมาขอรับศพออกจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว

พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตอนแรกมีความสับสนในแถลงการณ์ของกรมราชทัณฑ์เรื่องขั้นตอนทางนิติเวชมี 2 ประเด็น คือ 1.แถลงการณ์ของราชทัณฑ์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ระบุว่าต้องส่งศพให้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่จริงต้องระบุว่าต้องส่งศพให้ตำรวจเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ จากนั้นตำรวจจะรับไปดำเนินการ โดยเชิญคณะกรรมการพิสูจน์ศพ ประกอบด้วย อัยการ ฝ่ายปกครอง แพทย์ และตำรวจ และ 2.กรณีที่ญาติมีความสงสัยสาเหตุการเสียชีวิตจากขั้นตอนแรก จึงจะส่งศพให้นิติเวชไปผ่าชันสูตร ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเรียบร้อยหมดแล้ว มีการออกใบมรณบัตรของผู้ตายแล้วเช่นกัน พร้อมส่งศพ พ.ต.ต.ปรากรมให้ทางญาติรับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ปิดเรือนจำชั่วคราว มทบ.11 พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า เรือนจำดังกล่าวมีความจำเป็นในเรื่องความรวดเร็วเกี่ยวกับการเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน เพื่อลดขั้นตอนของเรือนจำถาวรออกไปและให้การทำงานรวดเร็ว ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการใช้เรือนจำชั่วคราว เพราะบางครั้งอาจต้องประสานไปต่างประเทศ ในบางขั้นตอนอาจเกิดความล่าช้าทางคดีได้ อยากเรียนกับองค์กรสิทธิมนุษยชนว่ามันไม่ได้มองแค่เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเดียว ต้องมองเรื่องการทำงาน ซึ่งเป็นผลประโยชน์ของบ้านเมืองด้วย

ผู้สื่อข่าวถามถึงอาการป่วยของนายสุริยันเกิดขึ้นจากอะไร พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า อธิบดีราชทัณฑ์ได้รายงานให้ทราบว่าได้นำตัวนายสุริยันส่งโรงพยาบาล เนื่องจากความดันกำเริบ เรือนจำได้ดูแลอย่างเต็มที่ ขณะนี้นายสุริยันยังคงถูกคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำชั่วคราวตามปกติ

ด้านนายวิทยาเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันเดียวกันนี้ ญาติ พ.ต.ต.ปรากรมได้มาติดต่อขอรับศพจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไปแล้ว ซึ่งได้ชี้แจงสาเหตุการเสียชีวิตตามที่คณะกรรมการชันสูตรพลิกศพระบุการเสียชีวิตแล้ว ญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต จึงมอบศพให้ไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป โดยไม่ต้องส่งไปผ่าชันสูตรที่สถาบันนิติเวช การตายในขณะถูกควบคุมตัวนั้นตามหลักแล้วต้องมีการชันสูตรพลิกศพโดยพนักงานสอบสวน อัยการ แพทย์ และฝ่ายปกครอง เพื่อหาสาเหตุการตาย หากหาสาเหตุการตายไม่พบ จึงส่งสถาบันนิติเวชเพื่อผ่าพิสูจน์ระบุสาเหตุการตายเพื่อประโยชน์ทางคดี แต่กรณีนี้ผู้ชันสูตรลงความเห็นว่า "ตายเพราะขาดอากาศหายใจจากรอยกดรัดบริเวณลำคอ" หากญาติไม่สงสัยการตายก็รับศพไปจัดการตามประเพณีได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของเรือนจำต้องสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสรุปรายงานและลงโทษเจ้าหน้าที่หากพบว่าบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ต่อไป

นายวิทยากล่าวว่านายสุริยัน มีอาการป่วยเล็กน้อยเป็นความดันตามวัยของผู้สูงอายุ ไม่มีอาการหนักสาหัสตามกระแสข่าวลือแต่อย่างใด ช่วงเช้ารับประทานโจ๊กได้ตามปกติ ทั้งนี้เข้าใจว่ากระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเมื่อกลางคืนวันที่ 22 ตุลาคม หลังรับตัวจากศาลทหาร นายสุริยันมีลักษณะอาการเอ๋อขากรรไกรค้าง ปากเบี้ยว เจ้าหน้าที่ไปพบเลยเกรงว่าจะมีอาการทางสมองหรือไม่ หรืออาจจะป่วยหนัก จึงสั่งให้นำตัวส่งโรงพยาบาลใช้เครื่องเอ็มอาร์ไอสแกนสมอง แต่ไม่ปรากฏอาการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำตามปกติ รวมทั้งนายจิรวงศ์ยังอยู่ในอาการปกติเช่นกัน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ยืนยันว่าอีก 2-3 วัน จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ตั้งแต่ต้นจนจบ ขอทำการบ้านเกี่ยวกับคำถามที่สื่อมวลชนจะถาม ยืนยันจะตอบทุกเรื่องที่ยังค้างคาใจ โดยตนพร้อม พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พร้อมทีมงานทำคดีดังกล่าว สาเหตุที่ขอเวลาอีก 2 วันนั้น เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ชัดเจน รวมถึงหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดได้จากที่พักของผู้ต้องหาด้วย โดยพยายามให้ครบวงจรครั้งเดียวเหมือนคดีของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.

เมื่อถามว่า คดีนี้มีตัวการใหญ่กว่าผู้ต้องหา 3 คนหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ อยู่ในสำนวนทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ มีหน้าที่สอบสวนและดูแลในส่วนนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่าหลักฐานที่มีอยู่เบื้องต้นถือว่าเพียงพอแล้ว แต่ต้องการให้ครบถ้วนที่สุด โดยกำชับกับทีมงานแล้วว่าขอให้สรุปสำนวนคดีดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ขณะนี้ถือว่าสำนวนใกล้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วนที่จะต้องประชุมหารือกัน ส่วนกรณีตำรวจทั้ง 13 นายสังกัด บช.ก.ถูกคำสั่งไปช่วยราชการนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่นั้น ยังไม่ขอตอบ จะตอบในวันแถลงข่าวใหญ่ในอีก 2-3 วันนี้

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า มีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังได้ไม่ครบ เมื่อถามต่อว่าหมายจับที่จะออกอีก 2 วันน่าจะมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ด้วยหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ก่อนที่จะออกหมายจับบุคคลใดต้องหารือกันก่อน

เมื่อถามว่ากรณี พ.ต.ต.ปรากรม จะนำบุคคลภายนอกมารับข้าราชการนั้น จะมีผลประโยชน์เรื่องการวิ่งเต้นในการรับตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่แน่ใจ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ยังไม่เคยได้รับเอกสารอะไรเลย และไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีนายตำรวจระดับสูงเข้ามาช่วยเหลือการร้องขอดังกล่าวหรือไม่ ไม่ทราบว่าเข้าช่องทางใด เพราะช่องทางตนยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีองค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายในกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11) ว่า เรื่องนี้มีทางกรมราชทัณฑ์ดูแลอยู่ หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็ตั้งคณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าอาจจะเป็นผลมาจากกรณี พ.ต.ต.ปรากรมเสียชีวิตหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดา ยืนยันว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องมีเรือนจำดังกล่าวอยู่ และจะใช้เฉพาะในสถานการณ์ช่วงนี้เท่านั้น หากสถานการณ์ปกติแล้วเรือนจำดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่ทั้งหมดทางกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ดูแล

แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้พบข้อมูลว่า นายสุริยันและ พ.ต.ต.ปรากรม มีพฤติกรรมร่วมกันขอเงินสนับสนุนจากบริษัทธุรกิจใหญ่ บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และค่ายเพลงดัง รวมแล้วกว่า 20 บริษัท นอกจากนี้ ยังมีไฮโซอีกหลายคนมอบเงินสนับสนุนด้วย รวมแล้วเป็นเงินกว่า 200-300 ล้านบาท

ขณะที่การสืบสวน สอบสวน ขยายผลคดีหมิ่นเบื้องสูง จากการเข้าค้นที่พักของนายสุริยัน หรือหมอหยอง และคอนโดมิเนียม พ.ต.ต.ปรากรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจพบข้อมูลการครอบครองห้องพัก อาคารคอนโดลาเมซอง 26 ห้อง และมีห้องรอโอนกรรมสิทธิ์อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ ภายในห้องพักพบพระเครื่อง วิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่อง เงินสกุลเยน ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยหลายแสนบาท ในส่วนวิทยุสื่อสารตรวจสอบพบ พ.ต.ต.ปรากรมเบิกจากกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อ้างว่านำไปใช้ในราชการ อีกทั้งยังพบรถยนต์หรูราคาแพง อาทิ โรลส์รอยซ์ เบนท์ลี่ โตโยต้าจอดอยู่บริเวณชั้น 5 ของคอนโด นอกจากนี้ ยังพบพระพุทธรูปอีกหลายรายการ ที่ญาติผู้ต้องหาเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก.ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นสถาบัน ยืนยันกับตำรวจว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกยึดไปในคดีดังกล่าวรวมอยู่ด้วย และจากการเข้าค้นห้องพักของนายสุริยัน ที่พหลโยธินปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 ตำรวจได้ข้อมูลเป็นจำนวนมาก รวมถึงการเรียกเงิน ที่หมอหยองพยายามลบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกู้คืนมาได้ และแกะรอยจนพบข้อมูลการกระทำผิดในคดีนี้

ที่มา : หนังสือพิมพ์ มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 27 ตุลาคม 2558 หน้า1

เรือติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐฯ แล่นเข้าใกล้หมู่เกาะเทียมของจีนในเขตพิพาททะเลจีนใต้

เรือติดขีปนาวุธนำวิถีของสหรัฐฯ แล่นเข้าใกล้หมู่เกาะเทียมของจีนในเขตพิพาททะเลจีนใต้
เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเรือยูเอสเอส ลาสเซน ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถี ของสหรัฐฯได้แล่นล้ำเข้าไป 12 ไมล์ทะเลในเขตน่านน้ำรอบๆ แนวปะการังซูบีและมิสชีฟในพื้นที่หมู่เกาะสแปรตลีย์ที่จีนอ้างกรรมสิทธิ์
การรุกเข้าไปในเขตดังกล่าวเป็นการท้าทายยิ่งต่อการอ้างกรรมสิทธิ์ของจีน ขณะที่ทางการจีนกล่าวว่ากำลังตรวจสอบว่ามีปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่
นายหวัง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวว่า หากปฏิบัติการดังกล่าวของสหรัฐฯ เป็นเรื่องจริง ทางจีนขอแนะนำให้สหรัฐฯ คิดใหม่ก่อนจะลงมือทำการ “อย่าทำอะไรแบบไม่ลืมหูลืมตา หรือสร้างความยุ่งยากจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
จีนอ้างกรรมสิทธิ์พื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลจีนใต้และทะเลตะวันออก ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็อ้างกรรมสิทธิ์ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ หมู่เกาะพาราเซล และสันดอนสการ์โบโรห์ เช่นกัน
จีนเริ่มโครงการขุดลอกขนาดใหญ่โดยใช้แนวปะการังและหินโสโครกที่จมอยู่ใต้ทะเลมาสร้างทะเลเทียม ตั้งแต่ปลายปี 2556 โดยจีนระบุว่าโครงการนี้ถูกกฎหมายและในการพบปะกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อเดือนที่แล้ว นายสี จิ้นผิง ผู้นำจีนกล่าวว่าจีนไม่มีเจตนาที่จะส่งทหารเข้าไปบนเกาะเหล่านี้ แต่ทางสหรัฐฯ เชื่อว่าจีนกำลังก่อสร้างปัจจัยต่างๆ ทางการทหารในการเสริมกำลังพลเข้าไปในพื้นที่ที่อ้างกรรมสิทธิ์ ซึ่งสหรัฐฯ ได้เรียกร้องจีนให้ระงับโครงการดังกล่าวเป็นการถาวรด้วย ‪#‎SouthChinaSea‬

เครียดสถานการณ์บ้านเมืองปีนเสาสปอร์ตไลท์ขู่เผาตัว

Cr:เดลินิวส์
เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ขณะที่ ร.ต.ท.ศรัณยพงศ์ จังพนาสิน รองสวป.สน.ชนะสงคราม กำลังออกตรวจตราพื้นที่ความรับผิดชอบ รับแจ้งมีผู้ปีนขึ้นไปบนเสาไฟสปอร์ตไลต์ของสนามฟุตบอล ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร ไปตรวจสอบพร้อมพ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ รอง ผกก.สส. และชุดสืบสวน ที่เกิดเหตุบริเวณยอดเสาไฟสปอร์ตไลต์ ริมสนามฟุตบอล สูงประมาณตึก 5 ชั้น ฝั่งหน้าอาคารคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พบผู้ที่ปีนขึ้นไปบนเสาไฟฟ้าเป็นชายสูงอายุ ทราบชื่อต่อมาคือนายทอง โพธิ์ดี อายุ 68 ปี ชาวสุโขทัย นั่งเหม่อลอยอยู่บนยอดเสา ข้างตัวมีน้ำมันเบนซินสะพายกระเป๋าลายพรางทหาร ภายในมีขวดน้ำพลาสติกขนาด 600 มล. ใส่น้ำมันเบนซิน 2 ขวด พร้อมไฟแช็ค เจ้าหน้าที่จึงพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้นายทองยอมลงมาเจรจากันด้านล่าง แต่ยังไม่เป็นผล จึงประสานขอเบาะลมจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมา กางเตรียมไว้เพื่อความปลอดภัย โดยนายทองเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการส่งจดหมายร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมโชว์จดหมายเขียนด้วยลายมือในกระดาษเอ 4
เนื้อความของกฎหมายระบุว่า รู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งของคนในชาติที่ไม่จบสิ้นพร้อมตั้งคำถาม 4 ข้อให้นายกฯ คือ
1.การปฏิรูปคืออะไร
2.ประชาธิปไตยคืออะไร
3.ความยุติธรรมคืออะไร
4.ความเป็นธรรมคืออะไร
และยังมีข้อร้องเรียนกับนายกรัฐมนตรีอีกหลายเรื่อง เพื่อประโยชน์ต่อบ้านเมืองซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาผ่านโทรศัพท์มือถืออยู่นานประมาณ 1ชั่วโมง โดยรับปากว่าจะพาไปที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าตัวก็ยอมปีนลงมาด้านล่างแต่โดยดี ก่อนจะมอบน้ำมันทั้ง 2 ขวดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นายทอง กล่าวว่า ตอนนี้ตนตกงานอยู่ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร แต่เปิดแผงเช่าพระเครื่องอยู่ท่าพระจันทร์ สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะต้องการคำตอบหลายอย่างจากนายกรัฐมนตรี เช่นประชาธิปไตยคืออะไร การปฏิรูปคืออะไร ซึ่งหากตนไม่ได้ตามที่เรียกร้องไปนั้นก็ตั้งใจจะจุดไฟเผาตัวเองและกระโดดลงมาด้านล่างโดยหลังจากนี้จะให้สัมภาษณ์อย่างละเอียดกับสื่อที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันอีกครั้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จึงรีบนำตัวซ้อนท้ายรถจยย.เพื่อเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลต่อไป.

ทูตสหรัฐฯ สงสัย ถาม′วิษณุ′ สูตรพิสดาร 6+4,6+4 มาจากไหน

27ต.ค.58

http://www.matichon.co.th/online/2015/10/14459410481445941120l.jpg

27 ต.ค. - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง โดยนายกลิน ที เดวีส์ กล่าวภายหลังการพูดคุย ว่า เป็นการพบปะที่ดีและมีการพูดคุยในหลายเรื่องเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมถึงความร่วมมือในหลายมิติในเชิงสร้างสรรค์ อาทิ ด้านสาธารณสุข การบังคับใช้กฏหมาย ธุรกิจระหว่างของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งยังมีการพูดคุยเกี่ยวกับพัฒนาการการไทยเพื่อกลับมาสู่ประชาธิปไตยในเร็วๆนี้ พร้อมทั้งระบุว่า หากมีโอกาสตนจะพูดคุยกับสื่อมวลชนไทยมากกว่านี้ และยังไม่มีการพูดคุยถึงโรดแมปอย่างเป็นทางการ

ขณะที่นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นการเข้าพบตามปกติหลังเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และจะมีการพบกับนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐตรีอีก2วัน ส่วนการชี้แจงโรดแมปคสช.นั้น ตนได้ชี้แจงเช่นเดียวกับทูตแต่ละประเทศที่เคยเข้าพบแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ความเข้าใจดี แต่ นายเกล็น ทาวน์เซนด์ เดวีส์ได้สอบถามถึงสูตรพิสดาร 6+4,6+4 มาจากไหน ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า โรดแมปจะอยู่ภายในระยะเวลา 20 เดือน และจะมีการเลือกตั้งภายในเดือนพฤษภาคม2560

ทั้งนี้นายวิษณุ เปิดเผยถึงบรรยากาศในการพูดคุยว่าเป็นไปด้วยดีและทูตสหรัฐฯมีการทำการบ้านมาอย่างดีก่อนที่เข้ามาทำงายในประเทศไทย รู้จักและพูดภาษาไทยได้ และมีอารมย์ขัน พร้อมทั้งในการพูดคุยยังมีการกระชับความสัมพันธ์ในการร่วมมือในโครงการต่างๆร่วมกัน อาทิ การปราบปรามการค้ามนุษย์ การต่อต้านยาเสพติด เป็นต้น ซึ่งหากมีการสงสัยในข้อกฏหมายตนพร้อมที่จะชี้แจงข้อมูล

กู้คอมพ์"หยอง"เจอไถเงิน จ่อหมายจับนายพลร่วมวง | เดลินิวส์

จากกรณีการจับกุมตัวนายสุริยัน หรือ "หมอหยอง" สุจริตพลวงศ์ นักโหราศาสตร์ พร้อมด้วยนายจิรวงศ์ หรือ "อาท" วัฒนเทวาศิลป์ เลขานุการของหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม หรือ "สารวัตรเอี๊ยด" วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่11 ซึ่งต่อมา พ.ต.ต.ปรากรม ได้ผูกคอตายจนเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ มีรายงานจากชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นเบื้องสูงกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่พบในที่พักของนายสุริยัน และพ.ต.ต.ปรากรม เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ 

ทั้งนี้จากการตรวจค้นพบทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ รวมทั้งทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และพวกรวมอยู่ด้วย 

ทั้งนี้พบว่า ในอาคารคอนโดลาเมซอง ซึ่งเป็นที่พักของพ.ต.ต.ปรากรม ปรากฏข้อมูลว่า พ.ต.ต.ปรากรมได้ครองครอง ห้องพักในอาคารดังกล่าวถึง 26 ห้อง โดยชั้นที่ 19 เป็นห้องใหญ่สุด ด้านในถูกแบ่งซอยแยกออกเป็น 5 ห้องและยังมีห้องที่ยังไม่ได้โอนเป็นกรรมสิทธิ์ชื่อพ.ต.ต.ปรากรม อีก 4 ห้อง ในราคาห้องละ 5 แสนบาท มูลค่ารวม 2 ล้านบาท 

นอกจากนี้ยังพบว่าภายในห้องพบเงินสกุลต่างประเทศ อาทิ เงินสกุลดอลล่าห์ และเงินสกุลเยน มูลค่าหลายแสนบาท ที่สำคัญในวันตรวจค้น ยังพบวิทยุสื่อสารโมบาย พร้อมเสาวิทยุ 5 ต้นอยู่ในห้อง ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า มีการผูกโยงสัญญาณไปที่อาคารสูง ซึ่งเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมในการลักลอบใช้วิทยุสื่อสาร หรืออาจจะมีการดักฟัง เนื่องจากสารวัตรเอี๊ยดเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้ 

อีกทั้งยังพบว่ามีทรัพย์สินของทางราชการได้หายไปหลายรายการ ส่วนใหญ่เป็นรถของทางราชการ 6 คัน ประกอบด้วย รถของ บก.ทท., บก.ทล. และ บก.ป. ที่ พ.ต.ต.ปรากรม แอบอ้างนำไปใช้ส่วนตัว ประกอบด้วยรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ทะเบียน ฆฬ 7116 กรุงเทพมหานคร และทะเบียน ฆฬ 7119 กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 2 คัน เป็นรถเก๋งสายตรวจโตโยต้า อัลติส ไม่ทราบทะเบียน มีนายตำรวจยศ "พ.ต.ท.คนหนึ่ง" ในตำแหน่ง รองผกก. เป็นผู้เบิกนำรถดังกล่าวไปใช้โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของ "นายพลใหญ่รายหนึ่ง" 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีวิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่อง อยู่ภายในห้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ต.ปรากรมเป็นผู้เบิกวิทยุสื่อสาร จากกองตำรวจสื่อสาร ตร.โดยอ้างว่านำมาใช้ในงานราชการ 

นอกจากนี้ยังพบรถยนต์ ต่างๆ อาทิ เบนท์ลี่ โรลส์ลอย เบนซ์ และโตโยต้า ส่วนใหญ่จอดไว้ที่ชั้น 5 ของคอนโดฯ ส่วนพระเครื่องที่พบ 10 องค์ อยู่ในตู้เซฟ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นพระของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีตผกก.1 บก.ป. เนื่องจากที่ด้านหลังมีตอกโค๊ทเลข 49 ซึ่งเป็นเลขรุ่น นรต. ของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ที่เป็น นรต.รุ่น 49 โดยมีผู้เสียหายมาชี้ยืนยันว่า เป็นพระที่ตำรวจได้ยึดมาและส่งคืน แต่ไม่รู้ว่ามาปรากฏอยู่ที่ห้องของพ.ต.ต.ปรากรมได้อย่างไร 

ในส่วนของกลางในคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก อาทิ พระเครื่องชุดพระเบญจภาคี โดยพบว่ามีพระสมเด็จวัดระฆัง 2 องศ์ พระสมเด็จนางพญา พระกริ่งวัดสุทัศน์เทพวราราม รวมถึงพระเครื่องมีชื่อราคาแพงหลาย รายการ ทองคำ เครื่องเพชร วัตถุโบราณ ภาพวาดพระพุทธรูป ตลอดจนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ เช่น กีตาร์ไฟฟ้า 3 ตัว ราคาแพงสุดเป็นยี่ห้อพอล รีด สมิธ ที่มีราคาสูงถึงกว่า 4 แสนบาท และกีตาร์อีก 2 ตัว ราคาตัวละ 6 หมื่น และ 7 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่ากีตาร์ทั้ง 3 ตัว เป็นของพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ที่ถูกดำเนินคดี ในความผิด มาตรา 112 เบื้องต้นได้ตรวจยึด พร้อมกับประสานทางเครือญาติของกลุ่มเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มายืนยันทรัพย์สินซึ่งทั้งหมดต่างยืนยันว่าเป็นทรัพย์สิน ของอดีตผบช.ก. ที่ถูกยึด ไว้ 

ส่วนการตรวจค้นที่ห้องของนายสุริยันต์ ที่ห้องเลขที่ 127/35 พหลโยธิน ปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 พบว่าห้องพักดังกล่าวแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง ภายในห้องไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง พระพุทธรูปสำหรับทำพิธีกรรมทรงเจ้า เพราะที่ผ่านมานายสุริยัน จะใช้ห้องพักดังกล่าวเปิดเป็นสำนักเข้าทรง อ้างตัวเองเป็นร่างทรงหลอกลวงประชาชนให้น่าเคารพนับถือ 

นอกจากนี้ได้ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของนายสุริยัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีความพยายามลบข้อมูล ทั้งนี้ได้ส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการกู้ข้อมูลคืนมา ทำให้เจอรายละเอียดการติดต่อกับบริษัท ห้างร้าน เอกชนต่างๆ ที่มีการนำกิจกรรมไปแอบอ้าง โดยพบว่า มีการการแอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์จากเจ้าของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้ในกิจกรรมหนึ่ง โดยมีการเตรียมจัดซื้ออุปกรณ์นำเข้ามาในราคาถูก มีเจตนาเพื่อแสวงหาผลกำไรให้กับตัวเองและเครือข่าย 

ทั้งนี้เจ้าของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว ก่อนที่ ตร. จะตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริงในเชิงลับ ปรากฏว่ามีมูลความจริง จึงกลายเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้นายสุริยันและเครือข่าย ถูกดำเนินคดี 

โดยทรัพย์สินที่ได้มาในส่วนนี้นายสุริยัน ได้ยักย้ายถ่ายเทไปให้ญาติห่างๆ รวมทั้งซื้อทรัพย์ ลักษณะเป็นการฟอกเงิน ขณะเดียวกัน ภายในคอมพิวเตอร์ที่กู้ข้อมูลมา ยังพบคลิปเสียงที่นายสุริยัน เก็บไว้เป็นเสียงของพ.ต.ต.ปรากรม เจรจาติดต่อกับบุคคลต่างๆ ลักษณะต้องการเก็บไว้แบล็คเมล รวมอยู่ด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นคลิปเสียงในการติดต่อแอบอ้างเพื่อไปเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการกับผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างๆ เป็นจำนวนหลายรายการ มูลค่าหลายล้านบาท 

รายงานจากชุดคลี่คลายคดียังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังการคลี่คลายคดีลุล่วงไปด้วยดี ทำให้จนถึงตอนนี้พอทราบผู้ร่วมขบวนการในวงกว้างแล้ว โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลทหารเพื่อออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เพิ่มอีกร่วม 20 ราย ในจำนวนนี้ เป็นข้าราชการระดับ "นายพล" รวมอยู่ด้วย.“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/356893
รายงาน: ลิงลพฯ/สื่ออาสา

สหรัฐประกาศส่งเรือพิฆาตพร้อมเครื่องบินลาดตระเวนสองลำ ไปทะเลจีนใต้ภายใน24ชั่วโมง

สหรัฐประกาศส่งเรือพิฆาตพร้อมเครื่องบินลาดตระเวนสองลำ ไปทะเลจีนใต้ภายใน24ชั่วโมง สร้างความกังวลจะเป็นเหตุให้เกิดการเผชิญหน้ากับจีน หลังสหรัฐประกาศไม่รับคำกล่าวอ้างสิทธิ์ของจีนรอบเกาะที่ทางการจีนถมทะเลสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้
กระทรวงกลาโหมสหรัฐประกาศจะส่งเรือพิฆาตล๊าซเซ่น LASSEN พร้อมเครื่องบินลาดตระเวนสองลำ พีแปดเอ และ พีสาม ไปลาดตระเวนยังบริเวเณกาะรีฟและ ซูบี ซึ่งอยู่ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ของทะเลจีนใต้ ที่ทางการจีนได้อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าว หลังดำเนินการถมทะเลรอบเกาะป้องกันไม่ให้เกาะจมน้ำ
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนตั้งข้อสังเกตในรายงานข่าวอาจเป็นสาเหตุนำไปสู่การเผชิญหน้าด้านการทหารกับทางการจีนในทะเลจีนใต้
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกร้องสหรัฐไม่ให้กระทำการใดๆที่จะเป็นการยั่วยุ เพื่อร่วมกันรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค พร้อมระบุสหรัฐต้องไม่นำเรื่องเสรีภาพในการเดินเรือหรือการบินในทะเลจีนใต้เป็นข้ออ้างในการุกล้ำอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศอื่นๆในทะเลจีนใต้
สหรัฐประกาศตลอดช่วงที่ผ่านมาไม่รับคำกล่าวอ้างสิทธิ์ของจีนในพื้นที่รอบเกาะที่จีนสร้างขึ้นจากการถมทะเล พร้อมระบุภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศการอ้างสิทธิ์บนเกาะที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยวิธีการดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้ พร้อมยืนยันสิทธิ์ของสหรัฐในการเดินเรือเสรีในทะเลจีนใต้....

เรียกคืนเครื่องราชฯอดีตขรก.กสม-22 ขรก.กรมที่ดิน-ผู้ตรวจมหาดไทย-นายทหารทร.

เรียกคืนเครื่องราชฯอดีตขรก.กสม-22 ขรก.กรมที่ดิน-ผู้ตรวจมหาดไทย-นายทหารทร.
Cr:ผู้จัดการ
ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อดีตขรก.กรรมการสิทธิ์ ถูกปลดออกจากราชการ พร้อม 22 ข้าราชการกรมที่ดินหลายจังหวัด-ผู้ตรวจมหาดไทย เหตุถูกลงโทษไล่ออก 16 ราย ถูกลงโทษปลดออก 6 ราย ส่วนนายทหารสังกัดกองทัพเรือ ถูกปลดออกจากราชการเนื่องจากกระทําความผิดฐานหนีราชการทหารในเวลาประจําการ
วันนี้ (27 ต.ค.) มีรายงานว่า เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี จำนวน 3 ฉบับ ฉบับแรกเรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ประถมาภรณ์ช้างเผือก มหาวชิรมงกุฎ และเหรียญจักรพรรดิมาลา ซึ่งนายโสภณธีณ์ ตะติโชติพันธุ์ ข้าราชการรัฐสภาสามัญ สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้รับพระราชทาน เนื่องจากถูกลงโทษปลดออกจากราชการ อันเป็นเหตุแห่งการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘
ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี

ฉบับต่อมาประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา จากข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ถูกลงโทษไล่ออก และปลดออกจากราชการ อันเป็นเหตุแห่งการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘ จํานวน ๒๒ ราย ดังนี้
๑. กรณีถูกลงโทษไล่ออก จํานวน ๑๖ ราย
๑.๑ นายจรูญ โคมเมือง เจ้าพนักงานที่ดินชํานาญงาน สํานักงานที่ดินจังหวัดราชบุรี สาขาจอมบึง กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๒ นายธวัชชัย อยู่สุภาพ เจ้าพนักงานพัสดุชํานาญงาน ฝ่ายจัดหา กองพัสดุ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๓ นายอุดม โอชะกลิ่น นายช่างรังวัดปฏิบัติงาน ฝ่ายรังวัด สํานักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขากันทรารมย์ ช่วยราชการสํานักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขากันทรลักษ์ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบญจมาภรณ์ช้างเผือก และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๔ นางสาวพรทิพา วุฒิกุลศักดิ์สิทธ์ิ เจ้าพนักงานที่ดินชํานาญงาน ฝ่ายทะเบียน สํานักงานที่ดินจังหวัดศรีสะเกษ สาขากันทรารมย์ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๕ นายสมภาร นามสีอุ่น นักวิชาการที่ดินชํานาญการ สํานักงานที่ดินจังหวัดสกลนคร สาขาสว่างแดนดิน รักษาราชการแทนเจ้าพนักงานที่ดินอําเภอ สํานักงานที่ดินอําเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๖ นายชาติชาญ ผ่านดอยแดน เจ้าพนักงานที่ดินชํานาญงาน ฝ่ายทะเบียน สํานักงานที่ดิน จังหวัดเชียงราย สาขาพาน ช่วยราชการเป็นการประจําทางกองพัสดุ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๗ นายสุธีร์ เพ็งผ่อง นายช่างรังวัดปฏิบัติงาน ส่วนปฏิบัติการรังวัดและออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน สํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๘ นายปรีดา บุญมาประเสริฐ นักวิชาการที่ดินปฏิบัติการ ส่วนมาตรฐานการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม สํานักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๙ นายถวิล พงษ์สีดา นายช่างรังวัดชํานาญงาน ส่วนส่งเสริมการรังวัด สํานักมาตรฐานและส่งเสริมการรังวัด กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทยจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา
๑.๑๐ นายเจอดศักดิ์ หรือ นายกฤช หรือ นายกฤศ ละอองศรี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) สํานักงานที่ดินจังหวัดฉะเชิงเทรา สาขาบางคล้า กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือกทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา
๑.๑๑ นายชินประเสริฐ หรือ นายเทพชัย เอี่ยมวสันต์ เจ้าพนักงานธุรการชํานาญงาน สํานักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๑๒ นายปฐม หวั่งประดิษฐ์ นายช่างรังวัดชํานาญงาน สํานักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาพุนพิน กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๑๓ นายประวิทย์ รุ่งโรจนารักษ์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) สํานักงานที่ดิน จังหวัดชัยภูมิ สาขาบําเหน็จณรงค์ รักษาการในตําแหน่งนักวิชาการที่ดินชํานาญการ ฝ่ายทะเบียนสํานักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี สาขาพระพุทธบาท กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือกทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก
๑.๑๔ นายวีระวงศ์ สุวรรณวณิช หรือ สุวรรณวนิช ผู้อํานวยการส่วนคุ้มครองที่ดินของรัฐ (นักวิชาการที่ดิน ๘) สํานักจัดการที่ดินของรัฐ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก และตริตาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๑๕ นางสาวณปภัสร์ หรือ นางวาสนา ชุติสรณ์ หรือ ลาอ่อน เจ้าพนักงานธุรการชํานาญงาน งานบริหารทั่วไป กองแผนงาน กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือกและจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
๑.๑๖ นายรัฐสรณ์ หรือ นายสุรรัฐ ภัทร์ประศาสน์ นักวิชาการที่ดินชํานาญการสํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย

๒. กรณีถูกลงโทษปลดออก จํานวน ๖ ราย
๒.๑ นายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา ผู้ตรวจราชการกระทรวง สํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือกทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก และเหรียญจักรพรรดิมาลา
๒.๒ นายสมชาย ศักรางกูร นักวิชาการที่ดินชํานาญการ กลุ่มงานปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหาร ช่วยราชการทางกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือกทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย และจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
๒.๓ นายชาญชัย เธียรวรรณ เจ้าพนักงานที่ดินชํานาญงาน ฝ่ายทะเบียน สํานักงานที่ดิน จังหวัดบุรีรัมย์ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา
๒.๔ นายศิริพงค์ บุญญโรจน์ เจ้าพนักงานธุรการชํานาญงาน ฝ่ายอํานวยการสํานักมาตรฐานการออกหนังสือสําคัญ กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือกและจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย
๒.๕ นายพิพัฒน์ สารเงิน เจ้าพนักงานที่ดินอําเภอ (นักวิชาการที่ดินชํานาญการ)สํานักงานที่ดินอําเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทยตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทยและเหรียญจักรพรรดิมาลา
๒.๖ นายธเนศ อัศวโกวิทพงศ์ นายช่างรังวัดชํานาญงาน ฝ่ายรังวัด สํานักงานที่ดิน จังหวัดเชียงราย สาขาเชียงแสน กรมที่ดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรพรรดิมาลา
ประกาศ ณ วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี

อีกฉบับ ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด เรือเอก ถาวร กล้าหาญ สังกัดกองทัพเรือ ออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งปลดออกจากราชการเนื่องจากกระทําความผิดฐานหนีราชการทหารในเวลาประจําการ (ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก) ทั้งนี้ ตามข้อ ๒ ของระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์พ.ศ. ๒๕๐๗ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย เหรียญราชการชายแดน และเหรียญจักรมาลา ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน
ตามข้อ ๖ และข้อ ๗ (๔) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. ๒๕๔๘
ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๘
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ
รองนายกรัฐมนตรี