PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กู้คอมพ์"หยอง"เจอไถเงิน จ่อหมายจับนายพลร่วมวง | เดลินิวส์

จากกรณีการจับกุมตัวนายสุริยัน หรือ "หมอหยอง" สุจริตพลวงศ์ นักโหราศาสตร์ พร้อมด้วยนายจิรวงศ์ หรือ "อาท" วัฒนเทวาศิลป์ เลขานุการของหมอหยอง และ พ.ต.ต.ปรากรม หรือ "สารวัตรเอี๊ยด" วารุณประภา สว.กก.1 บก.ปอท. ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกควบคุมไว้ที่เรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่11 ซึ่งต่อมา พ.ต.ต.ปรากรม ได้ผูกคอตายจนเสียชีวิต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ มีรายงานจากชุดคลี่คลายคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นเบื้องสูงกำลังรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆที่พบในที่พักของนายสุริยัน และพ.ต.ต.ปรากรม เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ 

ทั้งนี้จากการตรวจค้นพบทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ รวมทั้งทรัพย์สินที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และพวกรวมอยู่ด้วย 

ทั้งนี้พบว่า ในอาคารคอนโดลาเมซอง ซึ่งเป็นที่พักของพ.ต.ต.ปรากรม ปรากฏข้อมูลว่า พ.ต.ต.ปรากรมได้ครองครอง ห้องพักในอาคารดังกล่าวถึง 26 ห้อง โดยชั้นที่ 19 เป็นห้องใหญ่สุด ด้านในถูกแบ่งซอยแยกออกเป็น 5 ห้องและยังมีห้องที่ยังไม่ได้โอนเป็นกรรมสิทธิ์ชื่อพ.ต.ต.ปรากรม อีก 4 ห้อง ในราคาห้องละ 5 แสนบาท มูลค่ารวม 2 ล้านบาท 

นอกจากนี้ยังพบว่าภายในห้องพบเงินสกุลต่างประเทศ อาทิ เงินสกุลดอลล่าห์ และเงินสกุลเยน มูลค่าหลายแสนบาท ที่สำคัญในวันตรวจค้น ยังพบวิทยุสื่อสารโมบาย พร้อมเสาวิทยุ 5 ต้นอยู่ในห้อง ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า มีการผูกโยงสัญญาณไปที่อาคารสูง ซึ่งเชื่อว่าเป็นพฤติกรรมในการลักลอบใช้วิทยุสื่อสาร หรืออาจจะมีการดักฟัง เนื่องจากสารวัตรเอี๊ยดเป็นผู้ที่มีความชำนาญในด้านนี้ 

อีกทั้งยังพบว่ามีทรัพย์สินของทางราชการได้หายไปหลายรายการ ส่วนใหญ่เป็นรถของทางราชการ 6 คัน ประกอบด้วย รถของ บก.ทท., บก.ทล. และ บก.ป. ที่ พ.ต.ต.ปรากรม แอบอ้างนำไปใช้ส่วนตัว ประกอบด้วยรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ทะเบียน ฆฬ 7116 กรุงเทพมหานคร และทะเบียน ฆฬ 7119 กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 2 คัน เป็นรถเก๋งสายตรวจโตโยต้า อัลติส ไม่ทราบทะเบียน มีนายตำรวจยศ "พ.ต.ท.คนหนึ่ง" ในตำแหน่ง รองผกก. เป็นผู้เบิกนำรถดังกล่าวไปใช้โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งของ "นายพลใหญ่รายหนึ่ง" 

นอกจากนี้ยังพบว่ามีวิทยุสื่อสารแบบพกพากว่า 200 เครื่อง อยู่ภายในห้อง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ต.ปรากรมเป็นผู้เบิกวิทยุสื่อสาร จากกองตำรวจสื่อสาร ตร.โดยอ้างว่านำมาใช้ในงานราชการ 

นอกจากนี้ยังพบรถยนต์ ต่างๆ อาทิ เบนท์ลี่ โรลส์ลอย เบนซ์ และโตโยต้า ส่วนใหญ่จอดไว้ที่ชั้น 5 ของคอนโดฯ ส่วนพระเครื่องที่พบ 10 องค์ อยู่ในตู้เซฟ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นพระของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีตผกก.1 บก.ป. เนื่องจากที่ด้านหลังมีตอกโค๊ทเลข 49 ซึ่งเป็นเลขรุ่น นรต. ของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ ที่เป็น นรต.รุ่น 49 โดยมีผู้เสียหายมาชี้ยืนยันว่า เป็นพระที่ตำรวจได้ยึดมาและส่งคืน แต่ไม่รู้ว่ามาปรากฏอยู่ที่ห้องของพ.ต.ต.ปรากรมได้อย่างไร 

ในส่วนของกลางในคดีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และพวก อาทิ พระเครื่องชุดพระเบญจภาคี โดยพบว่ามีพระสมเด็จวัดระฆัง 2 องศ์ พระสมเด็จนางพญา พระกริ่งวัดสุทัศน์เทพวราราม รวมถึงพระเครื่องมีชื่อราคาแพงหลาย รายการ ทองคำ เครื่องเพชร วัตถุโบราณ ภาพวาดพระพุทธรูป ตลอดจนทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ เช่น กีตาร์ไฟฟ้า 3 ตัว ราคาแพงสุดเป็นยี่ห้อพอล รีด สมิธ ที่มีราคาสูงถึงกว่า 4 แสนบาท และกีตาร์อีก 2 ตัว ราคาตัวละ 6 หมื่น และ 7 หมื่นบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่ากีตาร์ทั้ง 3 ตัว เป็นของพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ที่ถูกดำเนินคดี ในความผิด มาตรา 112 เบื้องต้นได้ตรวจยึด พร้อมกับประสานทางเครือญาติของกลุ่มเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ มายืนยันทรัพย์สินซึ่งทั้งหมดต่างยืนยันว่าเป็นทรัพย์สิน ของอดีตผบช.ก. ที่ถูกยึด ไว้ 

ส่วนการตรวจค้นที่ห้องของนายสุริยันต์ ที่ห้องเลขที่ 127/35 พหลโยธิน ปาร์ค ซอยพหลโยธิน 14 พบว่าห้องพักดังกล่าวแบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้อง ภายในห้องไม่มีทรัพย์สินมีค่ามากนัก ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง พระพุทธรูปสำหรับทำพิธีกรรมทรงเจ้า เพราะที่ผ่านมานายสุริยัน จะใช้ห้องพักดังกล่าวเปิดเป็นสำนักเข้าทรง อ้างตัวเองเป็นร่างทรงหลอกลวงประชาชนให้น่าเคารพนับถือ 

นอกจากนี้ได้ยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของนายสุริยัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า มีความพยายามลบข้อมูล ทั้งนี้ได้ส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการกู้ข้อมูลคืนมา ทำให้เจอรายละเอียดการติดต่อกับบริษัท ห้างร้าน เอกชนต่างๆ ที่มีการนำกิจกรรมไปแอบอ้าง โดยพบว่า มีการการแอบอ้างแสวงหาผลประโยชน์จากเจ้าของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้ในกิจกรรมหนึ่ง โดยมีการเตรียมจัดซื้ออุปกรณ์นำเข้ามาในราคาถูก มีเจตนาเพื่อแสวงหาผลกำไรให้กับตัวเองและเครือข่าย 

ทั้งนี้เจ้าของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าว ก่อนที่ ตร. จะตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนขึ้นมาสืบหาข้อเท็จจริงในเชิงลับ ปรากฏว่ามีมูลความจริง จึงกลายเป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้นายสุริยันและเครือข่าย ถูกดำเนินคดี 

โดยทรัพย์สินที่ได้มาในส่วนนี้นายสุริยัน ได้ยักย้ายถ่ายเทไปให้ญาติห่างๆ รวมทั้งซื้อทรัพย์ ลักษณะเป็นการฟอกเงิน ขณะเดียวกัน ภายในคอมพิวเตอร์ที่กู้ข้อมูลมา ยังพบคลิปเสียงที่นายสุริยัน เก็บไว้เป็นเสียงของพ.ต.ต.ปรากรม เจรจาติดต่อกับบุคคลต่างๆ ลักษณะต้องการเก็บไว้แบล็คเมล รวมอยู่ด้วย โดยส่วนใหญ่เป็นคลิปเสียงในการติดต่อแอบอ้างเพื่อไปเรียกเก็บเงินค่าดำเนินการกับผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างๆ เป็นจำนวนหลายรายการ มูลค่าหลายล้านบาท 

รายงานจากชุดคลี่คลายคดียังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังการคลี่คลายคดีลุล่วงไปด้วยดี ทำให้จนถึงตอนนี้พอทราบผู้ร่วมขบวนการในวงกว้างแล้ว โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลทหารเพื่อออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เพิ่มอีกร่วม 20 ราย ในจำนวนนี้ เป็นข้าราชการระดับ "นายพล" รวมอยู่ด้วย.“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/356893
รายงาน: ลิงลพฯ/สื่ออาสา

ไม่มีความคิดเห็น: