PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทหารเรือสูญเสีย....นาวาเอก ดาวรุ่งทร.ดับ รองเสธ.ทหาร ปลอดภัย


รถขบวน พลเรือเอก รองเสนาธิการทหาร บก.ทัพไทย ประสบอุบัติเหตุ ที่สุราษฎร์ รถกระบะแหกโค้งมาชนรถขบวนอย่างแรง ลูกน้อง ฝ่ายเสธ. ตายยกคัน 5 นาย รองเสธ.ปลอดภัย เสียใจมากน้องรักตามมาจากทร. เปรย "มันแย่มากสำหรับชีวิตพี่"
บิ๊กต๊อก พล.ร.อ.ธนะรัตน์ อุบล รองเสธ.ทหาร ซึ่งปลอดภัย เพราะนั่งคันแรก เผยเสียใจลูกน้องเสียชีวิตทั้งหมด 5นาย ใน รถตามขบวน เผยไปตรวจหน่วยทหารพัฒนาเคลื่อนที่ (นพค.)46 ที่ สุราษฎร์ฯ ระบุเป็นฝ่ายเสธ.มือดี2 นาย ลูกน้อง ที่อยู่ด้วยมานาน ตั้งแต่ ทร. 3 นาย ระบุ "มันเป็นเหตุการณ์ที่แย่มาก สำหรับชีวิตพี่"
โดยทหารเรือที่เสียชีวิต คือ น.อ.สาทิพ จิตนาวา เตรียมทหาร รุ่น 30ที่ถิอว่า เป็นนายทหารอนาคตไกล ของทร.เลยทีเดียว
น.อ.สกนธ์ ชัยวนนท์ เตรียมทหารรุ่น35 ที่ถือว่า เป็นคนเก่งในทร.
พ.จ.อ.รณภพ จันทร์ประเสริฐ
จ.อ.โสภณ ศรีพันลม
จ.อ.ภราดร หนุนภักดี
ทั้งนี้เหตุเกิดบนถนนสายสุราษฎร์ฯ-ตะกั่วป่า หลักกิโลเมตรที่ 41 ต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี พบ รถตู้โตโยต้า ฮร.8721 กทม.สีขาว ถูกรถกระบะดีแม็ค 4 ประตู เลขทะเบียน กง 610 ชุมพร ข้ามเกาะมาชน ทำให้รถตู้
บริเวณด้านหน้าพังยับเยิน และยุบเข้าไปถึงกลางลำตัวรถ ทำให้ผู้โดยสารในรถตู้เสียชีวิตทั้งหมด
ขอแสดงความเสียใจ อย่างสุดซึ้ง.......


ชาติเจ้าหนี้กุมขมับ!

ชาติเจ้าหนี้กุมขมับ!
ฝ่ายโหวต “No” จ่อคว้าชัยขาด 60:40 ลงประชามติกรีซ ผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมันนัดถกด่วนหาทางออก
รอยเตอร์ / เอพี / เอเอฟพี -ผลสำรวจความคิดเห็นครั้งสุดท้าย ที่มีการเผยแพร่ภายหลังการปิดหีบลงประชามติในกรีซในวันอาทิตย์ ( 5 ก.ค.) ชี้ ฝ่ายโหวต “No” หรือพวกที่ “ไม่เอาด้วย” กับเจ้าหนี้ต่างประเทศเป็นฝ่ายมีคะแนนนำฝ่ายที่โหวต “Yes” ขณะที่ผลการนับคะแนนการลงประชามติล่าสุดพบว่า ฝ่ายโหวต “No” เป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำฝั่งที่โหวต“Yes”แบบค่อนข้างทิ้งช่วงห่าง ที่ 59.8 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 40.1 เปอร์เซ็นต์ และส่อเค้าว่าอาจได้รับชัยชนะด้วยคะแนนอย่างเป็นทางการที่มากเกินกว่า “61 เปอร์เซ็นต์” เมื่อการนับคะแนนเสร็จสิ้นลง
รายงานข่าวล่าสุดซึ่งอ้างผลการสำรวจความคิดเห็นของ 3 สำนักวิจัย คือ จีพีโอ , เมตรอน อนาไลซิส และเอ็มอาร์บี ที่เพิ่งถูกเผยแพร่สู่สาธารณะหลังปิดหีบการจัดลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ในกรีซ ต่างระบุตรงกันว่า ฝ่ายที่เลือกโหวต “โน” หรือฝ่ายที่ไม่ยอมรับเงื่อนไขและข้อเสนอต่างๆของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศเป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำอยู่ประมาณ“3 เปอร์เซ็นต์ ”
ขณะที่ผลการนับคะแนนการลงประชามติซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปเพียง 10 เปอร์เซ็นต์พบว่า ฝ่ายโหวต “No” เป็นฝ่ายที่มีคะแนนนำฝั่งที่โหวต“Yes” ที่ 59.8 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 40.1 เปอร์เซ็นต์ และมีความเป็นไปได้สูงมากที่ฝ่ายโหวตโนจะเป็นฝ่ายชนะโดยได้เสียงสนับสนุนจากการทำประชามติคราวนี้ทะลุ “61 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งนั่นจะหมายถึงชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของรัฐบาลเอเธนส์ภายใต้การนำของอเล็กซิส ซีปราส
ด้านนิคอส ฟิลิส โฆษกของพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย “ซีริซา” ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งในวันอาทิตย์ ( 5) โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า ผลการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์นี้ จะช่วยเปิดทางให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสสามารถเดินหน้าต่อในการบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้ทรอยก้า 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ในที่สุด
โฆษกพรรคซีริซารายนี้ยังระบุด้วยว่า ผลการลงประชามติซึ่งมีแนวโน้มว่า ฝ่ายโหวต “No” จะได้รับชัยชนะแบบขาดลอย น่าจะช่วยให้ภาคการเงิน-การธนาคารของกรีซกลับเข้าสู่สภาวะปกติ หลังต้องเผชิญกับ “ มรสุมแห่งความไม่แน่นอน” มาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่กาเบรียล ซาเคลลาริดิส โฆษกรัฐบาลกรีซตลอดจนโฆษกกระทรวงการคลังกรีซ ออกมาแถลงในวันอาทิตย์ (5) โดยระบุ ทางกระทรวงการคลังของกรีซเตรียมนัดหารือด่วนกับผู้บริหารของธนาคารพาณิชย์ต่างๆภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อหามาตรการรองรับ “เหตุไม่คาดฝัน” ที่อาจเกิดขึ้นหลังการจัดลงประชามติ
ล่าสุดทางทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกคำแถลงที่ระบุว่า ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำแดนน้ำหอมมีกำหนดพบหารือนัดพิเศษร่วมกับนายกรัฐมนตรีหญิงอังเกลา แมร์เคิลแห่งเยอรมนี เกี่ยวกับอนาคตของกรีซและทางออกที่เหมาะสมต่อปัญหาหนี้สินของกรีซ ในช่วงค่ำคืนวันจันทร์ (6 ก.ค.) นี้ที่กรุงปารีส
ก่อนหน้านี้ กรีซมีอันต้องถูกจารึกชื่อเอาไว้ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลกว่า เป็นประเทศพัฒนาแล้วชาติแรกที่ “ผิดนัดชำระหนี้” ต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หลังไม่สามารถจ่ายคืนหนี้สินจำนวน 1,500 ล้านยูโร (ราว 50,680 ล้านบาท) ที่ครบกำหนดชำระคืนไปเมื่อเวลา 05.00 น.ของวันพุธ ( 1 ก.ค.) ที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย
ที่ผ่านมา รัฐบาลฝ่ายซ้ายของกรีซภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราสและกลุ่มการเมือง “ซีริซา” ได้พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อทาบทามเหล่าเจ้าหนี้นานาชาติจนถึงในนาทีสุดท้าย เพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินในวันอังคาร (30 มิ.ย.) แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องกรีซจากการกลายเป็นประเทศพัฒนาชาติแรก ที่ต้องผิดนัดชำระหนี้ไอเอ็มเอฟนำมาซึ่งความโกลาหลทางการทูตและภาวะตื่นตระหนกตกใจของบรรดานักลงทุนทั้งรายใหญ่รายย่อยทั่วโลก ที่ต่างไม่คาดคิดว่าการเจรจารอบแล้วรอบเล่าระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน จะจบลงแบบพังครืนไม่เป็นท่า และปราศจากข้อสรุปที่เป็นชิ้นเป็นอัน
ด้านหนังสือพิมพ์ “Sddeutsche Zeitung” ของพวกเสรีนิยมหัวก้าวหน้าและพวกกลุ่มการเมืองสายกลาง-ซ้าย ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครมิวนิคของเยอรมนี เปิดเผยข้อมูลซึ่งอ้างเอกสารลับของรัฐบาลเยอรมนี ที่ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะหนี้สินของกรีซนั้นสูงลิ่วกว่าที่หลายฝ่ายคาดคิดเอาไว้ถึงขั้นที่ว่า เมื่อถึงปี ค.ศ. 2030 ยอดหนี้สินของกรีซในเวลานั้นก็จะยังคงพุ่งสูงถึงระดับ 118 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่ากรีซจะยอมถอยด้วยการรับข้อเรียกร้องทั้งหมดของเจ้าหนี้ 3 ฝ่าย
ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า ในเวลานี้กรีซซึ่งต้องแบกรับตัวเลขหนี้สินที่มีสัดส่วนสูงถึง 175 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี ถูกมองว่า กำลังนับถอยหลังสู่การก้าวออกจากกลุ่มยูโรโซนหรือกลุ่ม 19 ประเทศในยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน แต่นั่นก็ถือเป็นผลโดยตรงจากความไร้วินัยทางการเงินการคลังของกรีซตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา


“หลานสุริยะ” หยัน เสื้อแดง-นปช. หลังรัฐประหารเงียบเป็นเป่าสาก ชี้ต้นปีหน้า “ประยุทธ์-คสช.” จบไม่สวยแน่

“หลานสุริยะ” หยัน เสื้อแดง-นปช. หลังรัฐประหารเงียบเป็นเป่าสาก ชี้ต้นปีหน้า “ประยุทธ์-คสช.” จบไม่สวยแน่
“จอม เพชรประดับ” สัมภาษณ์ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อ้างการเคลื่อนไหว 14 นักศึกษาไม่สอดคล้องกับเสื้อแดง-นปช. อัดหลังรัฐประหาร 22 พ.ค. เสื้อแดง-นปช.เงียบเป็นเป่าสาก มีแกนนำออกมาพูดบ้างแต่ก็ไร้นัยทางการเมือง ทำนายต้นปี 59 ถ้าไม่มีเลือกตั้ง วิกฤตการเมืองภายใน-แรงกดดันภายนอก-ปัญหาเศรษฐกิจจะรุมเร้า บีบประยุทธ์-คสช.หาทางลงไม่ได้แน่
เมื่อวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ยูทิวบ์ในชื่อบัญชี jom voice ของนายจอม เพชรประดับ อดีตสื่อมวลชนในซีกระบอบทักษิณซึ่งกำลังหลบหนีออกนอกประเทศหลังการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เผยแพร่คลิปรายการ Thais Voice โดยนำเสนอบทสัมภาษณ์ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ “เอก” ผู้บริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิต หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเป็นการสัมภาษณ์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
ทั้งนี้ นายธนาธรกล่าวว่า จากกรณีจับกุมและคุมขังกลุ่มนักศึกษา 14 คนที่ออกมาต้านรัฐประหาร โดยทั้งหมดปฏิเสธการประกันตัว แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธอำนาจรัฐที่ใช้โดยคณะรัฐประหาร ทั้งนี้ยังยืนยันว่าตนไม่เคยสนับสนุนด้านการเงินอะไรแก่นักศึกษากลุ่มดังกล่าว
เมื่อนายจอมถามต่อว่าเหตุใดการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มดังกล่าวจึงไปสอดคล้องกับแนวคิดและการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หลานชายนายสุริยะก็ปฏิเสธว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษาไม่ได้สอดคล้องอะไรกับกลุ่มคนเสื้อแดงและ นปช. เนื่องจากหลังรัฐประหารตนไม่เคยเห็น แกนนำคนเสื้อแดงหรือคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นรูปธรรมเลย
จอม : มองว่า แนวทางหรือวิธีการการเคลื่อนไหวของนักศึกษาที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้ ทำไมถึงค่อนข้างกับสอดคล้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง หรือแม้แต่ นปช. ในบางส่วน เพราะฉะนั้นจึงถูกตีรวมว่านี่คือกลุ่มพลังที่ถูกกลุ่มอำนาจเก่าของคุณทักษิณ เป็นฝ่ายอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงคุณธนาธรด้วย?
ธนาธร : นี่มันตลกชัดๆ เลย ไม่มีฮะ ... คือ มันไม่มีการสอดคล้องกันระหว่างการทำงานของนักศึกษากับ นปช. แน่นอน เพราะอะไร เพราะ 400 วันที่ผ่านมา นปช.เงียบเป็นเป่าสาก นปช.ไม่เคยออกมาทำอะไรเลย ... ถ้าเราดูช่วง ไม่กี่วันสุดท้ายก่อนเกิดการรัฐประหาร สิ่งที่ นปช.ทำตลอดก็คือ การระดมมวลชนออกมาต้านรัฐประหาร แล้วก็มีการพูดคำใหญ่คำโตมากมาย ว่าถ้าเกิดรัฐประหารเราจะต้องสู้ เราจะอะไร แต่พอเกิดรัฐประหาร หลังจากนั้น เราไม่เห็นบทบาทของ นปช.ในเวทีการเมืองอีกเลย แน่นอน ... มีคุณณัฐวุฒิ (ใสยเกื้อ) คุณจตุพร (พรหมพันธุ์) ออกมาพูดเรื่องการเมืองบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่มีนัยยะสำคัญ ดังนั้นผมคิดว่าการโยงนักศึกษากับทางกลุ่ม นปช. ว่าเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน ผมคิดว่าเป็นเรื่องตลก เพราะผมไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ ของ นปช.เลยที่มีนัยสำคัญต่อการเมืองหลังรัฐประหาร
นอกจากนี้ นายธนาธรยังกล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่ากระแสการต้านรัฐประหารซึ่งจุดขึ้นโดยกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ ถือว่าจุดติดแล้ว แต่อาจจะไม่ได้นำไปสู่การขยายมวลชนเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน แต่ก็ถือเป็นการยกระดับเพดานการต่อต้านเผด็จการรัฐประหาร เพื่อขยายเพดานและเปิดพื้นที่ประชธิปไตยให้กว้างขึ้น โดยกระแสดังกล่าวเมื่อผนวกเข้ากับกระแสกดดันจากต่างประเทศ ตนเชื่อว่าเมื่อถึงช่วงต้นปีหน้าหากไม่มีการเลือกตั้งอย่างเป็นรูปธรรรม และพอวิกฤตการเมืองบรรจบเข้ากับหายนะทางเศรษฐกิจจะเป็นจุดจบที่ไม่สวยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาล คสช. แน่นอน


แนวเคลื่อนอีกฝั่งอัด นศ.ดาวดิน


Vachara Riddhagni ได้แชร์โพสต์
13 ชม. · 
ตามที่ทราบกันว่า "นักศึกษาที่ออกมาต่อต้าน ทหารเพราะต้องการประชาธิปไตย" นั้นในฐานะคนไม่เอาประชาธิปไตยแบบทักษิณ จึงต้องถาม คำถามแรก "เมื่อช่วงที่มวลมหาประชาชนประท้วงและออกมาต่อต้านการเลือกตั้งทั่วไป 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น พวกนักศึกษาและคณาจารย์จอมปลอมเหล่านี้ไปซุกหัวกันอยู่กันที่ไหน ไฉนไม่ออกมาแสดงตัวตนสนับสนุนให้การเลือกตั้ง หากว่าต้องการประชาธิปไตย" คำถามที่ 2 "ลองอธิบายการถูกยุบพรรคการเมือง ได้แก่ พรรคไทยรักไทย-พรรคพลังประชาชน-พรรคมัชฌิมาธิปไตย ว่าถูกยุบพรรคเพราะอะไร ให้รับรู้ด้วย พรรคเหล่านั้นถูกยุบพรรคเพราะโกงการเลือกตั้งอย่างชัดแจ้ง แก้ตัวไม่ได้ใช่ไหม" คำถามเหล่านี้ เป็นเรื่องที่คณาจารย์และนักศึกษา(ม.ขอนแก่น)ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยต้องตอบก่อนที่จะเรียกร้อง เพราะว่า มีนักศึกษาประชาชนอีกเป็นจำนวนมากเป็นล้านๆคนเขาไม่เอาประชาธิปไตยจอมปลอมแบบลัทธิทักษิณที่กำหนดแนวทางระบอบประชาธิปไตยตามระบอบทักษิณ
ไม่ทราบว่าใครเขียนข้อความนี้ครับ เข้าใจว่าเป็นอดีตนักกิจกรรมเช่นเดียวกับที่ผมเคยเป็น. เเละต้องเป็นสื่อสารมวลชนหัวใจรักชาติรักความถูกต้องเเน่นอน.
จะเป็นใครไม่ทราบเเต่ขอบอกในฐานะอดีตนักศึกษากิจกรรมเเละอดีตสื่อมวลชนคนหนึ่ง. ขอบอกว่า. คุณช่างเขียนได้ ตรงใจจริงๆ จึงคัดก้อปมาเเชร์ครับ
(ครู) คนที่ รับจ้าง สอน หนังสือ ใน ตำแหน่ง อาจารย์ 279 คน ออกมา เรียกร้อง ให้ รัฐบาล ปล่อยตัว นักศึกษา
ผม คาดไว้ ไม่ผิด จริง ๆ ครับ ว่าวันหนึ่ง กลุ่มผู้ สูญเสีย ผล ประโยชน์ จากการ เลือกตั้ง จะดึง เยาวชน มาเป็น เครื่องมือ ทาง การเมือง
ด้วยการ ให้ ออกมา เรียกร้อง สิทธิ เสรีภาพ ในทาง การเมือง ด้วย ข้ออ้าง เดิม ๆ คือ ขอให้ จัด ให้มี การ เลือกตั้ง เพื่อ ความ เป็น ประชาธิปไตย
ซึ่ง แผนการ ทำนองนี้ เคยใช้ ได้ผล มาแล้ว หลายยุค หลาย สมัย คือ รัฐบาล คงไม่ โอนอ่อน ผ่อนตาม ง่าย ๆ และคง จัดการ จับกุม ผู้ประท้วง
แล้ว หลังจาก นั้น ก็ จะมี ขบวน การ ของ ผู้ที่ รับจ้าง สอน หนังสือ ใน มหาวิทยาลัย ต่างๆ ตำแหน่ง ครูอาจารย์ หรือ อื่น ๆ ออกมา ช่วย
วันนี้ เราจึง เห็นข่าว ในหน้า หนังสือพิมพ์ ว่า มีคน ที่ รับจ้าง สอน หนังสือ ในตำแหน่ง อาจารย์ 279 คน ออกมา เรียกร้อง ให้ รัฐบาล ปล่อยตัว นักศึกษา
โดยอ้าง ใน แถลงการณ์ ว่า การ ออกมา เรียกร้อง นี้ เป็น ความ ผูกพันธ์ ระหว่าง ครูบา อาจารย์ กับ ลูกศิษย์ และ เห็นว่า ลูกศิษย์ ไม่ได้ ทำผิด อะไร
ผมอ่าน แถลงการณ์ แล้ว อยาก ถาม คนที่ รับจ้าง สอน หนังสือ ใน ตำแหน่ง อาจารย์ เหล่านั้น ว่า พวกคุณ แกล้งโง่ หรือ โง่จน ไม่รู้ อะไร เลย
พวกคุณ ไม่รู้ หรือว่า ขณะนี้ ประเทศ อยู่ ภายใต้ การ ปกครอง ของ รัฐบาล ทหาร ที่ยึด อำนาจ มาจาก รัฐบาล พลเรือน ชั่ว ๆ ที่ โกงบ้าน กินเมือง
พวกคุณ ไม่รู้ หรือว่า หาก คณะ ทหาร ในนาม คสช.ไม่ออกมา อะไร จะเกิดขึ้น ใน บ้านเมือง ของเรา เพราะ ผม เชื่อว่า พวกคุณ คง ไม่ได้ หูหนวก ตาบอด
พวกคุณ ก็ คงรู้ คงเห็น ว่า ก่อน 22 พฤษภาคม 2557 นั้น บ้าน เมือง ระส่ำ ระสาย เพราะ นักการเมือง กลุ่มหนึ่ง ออกมา ลุกไล่ นักการเมือง อีก กลุ่มหนึ่ง
โดยมี ประชาชน ที่ ทนเห็น นักการเมือง สารเลว ปกครอง บ้านเมือง ไม่ไหว ออกมา ร่วม ขับไล่ เป็น ล้าน ๆ คน อย่าง ไม่เคย มีมา ก่อน
แต่ ก็มี คน ใจโฉดชั่ว ออกมา ทำร้าย ประชาชน ที่ร่วม ชุมนุม กับ นักการเมือง จน บาดเจ็บ ล้มตาย ไปเป็น จำนวน มาก และมี แนวโน้มว่า เหตุการณ์ จะรุนแรง ขึ้น
คณะ คสช. จึงเข้า ควบคุม สถานการณ์ ไม่ให้ บานปลาย และ ลงมือ แก้ปัญหา ต่าง ๆ ที่ นักการเมือง สารเลว สร้างไว้ ทีละ เรื่อง – พวกคุณ ไม่เห็น หรือ
พวกคุณ อ้างว่า นักศึกษา ที่ถูก จับ เป็นศิษย์ ที่ พวกคุณ สอน เฮ้ย ! ก็แล้ว พวกคุณ ทำไม ไม่สอน ลูกศิษย์คุณ เล่าว่า คสช. กำลัง ทำ อะไร กันอยู่
คสช. เขา กำลัง แก้ปัญหา บ้านเมือง เขา กำลัง ให้ กมธ. ยกร่าง รธน. ช่วยกัน เขียน รัฐธรรมนูญ ใหม่ หลังจาก นั้น คสช. เขา ก็จะ จัดให้ มีการ เลือกตั้ง
ทำไม พวกคุณ ไม่เสือก สอน ลูกศิษย์ ของคุณ ให้รู้ ความจริง ว่า อะไร เป็น อะไร แล้ว ให้อยู่ ในความ สงบ สัก ระยะ เวลา หนึ่ง แล้ว ตั้งใจ เรียน ให้จบ
อยากบอก พวกคุณ ว่า คนไทย ยุคนี้ ไม่โง่ แม้ จะมี สื่อมวลชน คอย บิดเบือน ข่าว แต่ คนไทย ก็มี สื่อเสรี อย่าง เว็บไซด์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไลน์ สื่อสาร ถึงกัน
และ คนไทย ทุกคน ก็เฝ้า มอง การ ทำงาน ของ รัฐบาล คสช. ทุก ย่างก้าว ผม ก็เป็น คนหนึ่ง ที่ ติดตาม การ ทำงาน ของ รัฐบาลนี้ อย่าง ใกล้ชิด ในฐานะ สื่อ คนหนึ่ง
ผมจึง เชื่อว่า หาก คนไทย ส่วนใหญ่ พบเห็น หรือ รู้ว่า รัฐบาล คสช. กระทำ การใด ๆ ที่ผิด ทำนอง คลองธรรม จ้อง ที่จะ คดโกง เหมือน รัฐบาล พลเรือน
ผม คนหนึ่ง ละ คงยอม ไม่ได้ และ จะต้อง เอามา เขียนบอก ให้ คนไทย คนอื่น ๆ ที่เป็น ผู้อ่าน ของผม ได้ รับทราบ เพื่อ กระทำ การ อย่างใด อย่างหนึ่ง
โดย ไม่ต้อง รอให้ นักศึกษา ซึ่งเป็น ลูกศิษย์ ของ พวกคุณ ออกมา ประท้วง อย่างนั้น หรอก
ในฐานะ เคยเป็น นัก กิจกรรม คนหนึ่ง ในอดีต
อยากบอก พวกที่ รับจ้าง สอน หนังสือ ในมหา วิทยาลัย ต่าง ๆ ว่า
เกมนี้ มันเก่า แล้ว และ อย่า คิดว่า ทหาร เขาจะ โง่จน ไม่รู้ นะครับ
ทหาร ยุคนี้ ฉลาดกว่า พวกคุณ เยอะ ไม่งั้น เขายึด อำนาจ จาก นักการเมือง เลว ๆ ไม่ได้หรอก รู้ไว้ !

ปากท้องน่าห่วงกว่าดาวดินแดง !!

ปากท้องน่าห่วงกว่าดาวดินแดง !!
นาทีนี้แม้ว่าจะพยายามออกแรงเขย่าขย่มกันอย่างไร อย่างมากก็ทำได้แค่มีการพูดถึงกันมาขึ้นเท่านั้น สำหรับการเคลื่อนไหวของ กลุ่มนักศึกษาที่เรียกว่า ดาวดิน หรือพวกประชาธิปไตยใหม่ อะไรนั่นก็ตาม พยายาม จุดไฟ กันมาพักใหญ่แล้ว ตั้งแต่วันครบรอบ 1 ปี รัฐประหาร คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึง ทีเด็ดวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. ก็ทำใด้แค่ปรากฏเป็นข่าวบ้างเท่านั้น แต่ถ้าบอกว่า เป็นกระแส นั้นถือว่า ยังจุดไม่ติด
แม้ว่าจะใช้ท่าไม้ตาย ติดคุก แบบ ไม่ขอประกันตัว หวังกระพือผ่านแนวร่วมข้างนอก แต่ในเมื่อไม่อยากประกัน อยากอยู่ในคุกก็ต้อง จัดให้ ตามคำขอ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ พวกนี้เป็นคนหนุ่มสาวไฟแรง การเคลื่อนไหวแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม มีความตื่นตัวทางการเมืองต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพนับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ยังดีกว่าพวกนักศึกษาส่วนใหญ่ที่ในเวลานี้วันๆ เอาแต่บ้าแฟชั่น ความคิดเรื่องสังคมแบบในอดีตที่ลดน้อยถอยลง ดังนั้นการที่มีบรรดาน้องนักศึกษารุ่นใหม่ ที่มีจิตสำนึกทางการเมืองก็นับว่าเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือ แต่ก็อย่างว่าแหละ อีกด้านหนึ่งแม้จะชื่นชมเด็กๆ นักศึกษาที่ออกมาต่อต้านเผด็จการ แต่คำถามก็คือ คราวนี้มันมีพิรุธ มีเบื้องหลังที่ถูกพวกหัวหงอกหัวดำ ที่ขี้ขลาด ใช้เป็นเครื่องมือเป็นคนจุดไฟสนองตัญหาของตัวเองเท่านั้น
ขณะเดียวกันยังมีพวกเครือข่าย ระบอบทักษิณ ที่คอยแอบอยู่ข้างหลัง ที่เวลานี้ต่างออกมาในแบบ ให้กำลังใจ ซึ่งความหมายก็คือ ยุอยู่ข้างหลัง นั่นแหละ วันก่อนเราเห็นพวก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จตุพร พรหมพันธุ์ วัฒนา เมืองสุข ที่สลอนกันออกมา วันนี้ก็มี พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาร่วมด้วยช่วยขย่มอีกแรง แต่ก็นั่นแหละ อย่างมากมันก็แค่ถูกพูดถึงมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรมันก็จุดเป็นกระแสไม่ติด ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่บ้าจี้ ไม่บ้าอำนาจ รู้จักยืดหยุ่นไม่ตึงไม่หย่อนเกินไปแบบที่กำลังทำอยู่ในเวลานี้ ขณะเดียวกัน ฝ่ายความมั่นคงของ คสช. ที่เป็นผู้อำนวยการผู้นำในทางปฏิบัติเวลานี้น่าจะนำโดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. และเลขาฯคสช. ก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว เมื่อทางโน้นพยายามลากให้ยาว ทางฝ่ายอำนาจรัฐ ก็ต้องรู้จักลากยาวเหมือนกัน นั่นคือเมื่อตึงเครียดก็ ผ่อน อย่าไปยั่วยุ เหยียดหยาม พูดจาให้เกียรติ ให้ความสำคัญแบบที่ทำมาแล้ว เมื่ออยากติดคุกไม่ขอประกัน ก็ต้องบอกว่า เสียดาย ไม่รู้จะทำอย่างไร
ต้องไม่ลืมว่า กระแสถ้าคึกคักจะเกิดขึ้นในช่วงสองสามสัปดาห์แรกเท่านั้น แต่เมื่อผ่านไปสักสามสี่สัปดาห์ หากยังจุดไม่ติด สร้างกระแสไม่ได้ เมื่อมันถึงจุดที่พีคสุดไปแล้ว จากนั้นก็จะค่อยๆ ฝ่อลงเรื่อยๆ คนที่เคยอยากติดคุกต่อไป ก็อยากจะออกจากคุกแล้ว ดังนั้นก็ได้แต่หวังว่าจบลงด้วยดี ฝ่ายความมั่นคง ก็อย่าสร้างอารมณ์โกรธเพิ่ม ขณะที่กลุ่มนักศึกษาเมื่อเวลาผ่านไปก็ต้องออกมาใช้ชีวิตตามปกติ และถือว่าได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว แต่คนที่ต้องประณามก็คือพวก หัวหงอกหัวดำ นี่ต่างหากที่ขี้ขลาด แอบอยู่ข้างหลังเด็กๆ ทุเรศจริงๆ ทุด !!
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่ากลัวกว่าและจะกลายเป็นว่าสิ่งที่พวกเด็กๆ นักศึกษาพวกนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง จะผสมโรง ทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เนื่องจากเวลานี้มองไปทางไหนรอบตัวทุกคนเริ่มมีปัญหาหน้าเครียดขึ้นมามากขึ้นทุกวัน ข้าวของแพง สินค้าเกษตรขายไม่ได้ราคา มีแต่ขาดทุน การส่งออกติดลบ อัตราการขยายตัวลดลงเรื่อยๆ จนอีกไม่กี่วันหน่วยงานด้านเศรษฐกิจสำคัญก็จะปรับลดตัวเลขการเติบโตลงมาอีก นี่แหละเรื่องใหญ่ หลายคนฟันธงว่า ทีมเศรษฐกิจ ของ บิ๊กตู่ ที่นำโดย หม่อมอุ๋ย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ล้มเหลว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าที่จะปรับเปลี่ยน บางทีมันก็วังเวง และนี่คือจุดอ่อนยิ่งกว่าเรื่องเสรีภาพเสียอีก
เชื่อหรือไม่ว่า กระแสที่ทำลายความศรัทธาต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือเรื่องปัญหาเศรษฐกิจนี่แหละ และขอร้องอย่าไปโทษรัฐบาลอื่นๆให้มากนัก แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่บางครั้งพูดมากไปมันก็น่าหมั่นไส้เหมือนกัน และที่สำคัญเวลาก็ผ่านมาเป็นปีแล้ว ยิ่งพูดบางทีมันก็เหมือนประจานตัวเองเหมือนกัน ที่สำคัญสิ่งที่ชาวบ้านเข้าใจก็คือ อำนาจพิเศษที่มีอยู่ในมือมันก็น่าจะทำลายอุปสรรค ทำลายความล้าหลังของระบบราชการได้บ้าง แต่ทำไมเหมือนกับว่ามันไม่ขยับเลยฟะ !!
เกาะกระแส: Politic Manager online


ผลโหวตประชามติ กรีซ "No " ท่วมท้น ไม่รับเงื่อนไขขอเงินช่วยเหลือเจ้าหนี้

ผลโหวตประชามติ กรีซ "No " ท่วมท้น ไม่รับเงื่อนไขขอเงินช่วยเหลือเจ้าหนี้ การลงคะแนนสิ้นสุดลงเมื่อ 051900 กค.58. ผลการนับคะแนนเบื้องต้น ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว 95% ชาวกรีก 61.5% โหวต No ไม่ยอมรับเงื่อนไข ขอเงินช่วยเหลือของเจ้าหนี้ ขณะที่่ฝ่ายโหวต Yes ยอมรับ มีเพียง 38.5% เท่านั้น
กรีซผิดนัดชำระหนี้มูลค่า 1.6 พันล้านยูโรแก่ IMF เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ทำให้ IMF ระงับการให้ความช่วยเหลือ ทางการเงินทั้งหมดแก่กรีซ จนว่าจะยอมชำระหนี้ ขณะที่ รมต.คลัง Eurozone ตัดสินใจไม่พิจารณาคำร้องขอ เงินช่วยเหลือก้อนใหม่จำนวน 2.9 หมื่นล้านยูโรอายุสัญญา 2 ปี ของกรีซ จนกว่าจะรู้ผลประชามติ
วิกฤติทางการเงินในกรีซทำให้รัฐบาลต้องปิดธนาคาร และจำกัดการถอนเงินจากเครื่องกดเงินอัตโนมัติให้ถอนได้เพียง 60 ยูโรต่อวัน


จาก "ต่อต้านรัสเซีย" ก็ลามไปเป็น "ต่อต้านจีน"

จาก "ต่อต้านรัสเซีย" ก็ลามไปเป็น "ต่อต้านจีน" จีนประกาศเตือนพลเมืองของตนที่เดินทางไปยังตุรกีหลีกเลี่ยงกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านจีน
-----------
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา (17 มิ.ย.58) สื่อฯกระแสหลักของตะวันตกพากันเล่นข่าวว่า "จีนสั่งห้ามชาวมุสลิมถือศีลอดในช่วงเดือนรอมฎอน" ซึ่งกล่าวอ้างโดยผู้นำชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์ ที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยไม่มีหลักฐานใดๆจากทางการจีน แต่คนอุยกูร์และชาวต่างประเทศบางคนก็เชื่อข่าวลือดังกล่าวโดยไม่ใช้วิจารณญาณอะไรเลย
เข้าสูตรเดิม "การสร้างความขัดแย้งโดยใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ" มันได้ผลเสมอมา ที่ตุรกีก็มีการลุกฮือประท้วงต่อต้านจีน (anti-China) ขึ้นมา เพราะเป็นประเทศที่ชาวอุยกูร์บางส่วนอพยพจากจีนไปอยู่ที่นั่น และเมื่อวานนี้ (5 ก.ค.58) ทางการจีนจึงออกมาประกาศให้ประชาชนของตนที่จะเดินทางไปยังตุรกีหรือที่อยู่ในตุรกีให้หลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ม็อบผู้ประท้วงดังกล่าว และไม่ควรเข้าไปถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปด้วย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

ข้อสังเกตเวลาสื่อฯตะวันตกเขาเล่นข่าวแบบนี้พร้อมๆกัน เขาจะมีนัยหรือจุดมุ่งหมายบางอยู่ที่แอบแฝงหรือหวังผลอยู่เบื้องหลังด้วยเสมอ ต้องไม่ลืมว่าสมัยนี้จีนกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมาก ทำให้สหรัฐฯไม่พอใจเป็นอย่างมากเช่นกัน จะแปลกอะไรที่สื่อฯตะวันตกและของสหรัฐฯจะนำคำพูดของผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์อุยกูร์ออกมาขยาย เผยแพร่ออกไปในลักษณะนี้ เพราะผู้ที่อุ้มหัวหน้ากลุ่มหัวรุนแรงอุยกูร์ก็คือสหรัฐฯนั่นเอง

การเล่นข่าวแบบนี้ของสื่อฯตะวันตกไม่ได้เป็นการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าโดยผิวเผินภายนอกจะมองอาจจะทำให้บางคนเข้าใจว่าเป็นการเสนอข่าวแบบเข้าข้างชาวอุยกูร์หรือบางศาสนา แต่จริงๆแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือต้องการให้เกิดความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นมา ส่วนพวกหัวรุนแรงหูเบาก็ตกเป็นเครื่องมือของมือที่มองไม่เห็นต่อไป สังเกตดูง่ายๆ เวลาเขานำเสนอข่าวแบบนี้ ส่วนมากเขาจะไม่นำเสนอข่าวหรือภาพอีกมุมหนึ่งของการใช้ความรุนแรงโดยผู้ก่อการร้ายอุยกูร์ที่ไล่เอามีดแทงประชาชนทั่วไปกลางวันแสกๆในมณฑลอุยกูร์ของจีนเลย ซึ่งมีข่าวอยู่บ่อยๆ เพราะถ้าทำอย่างนั้นจุดมุ่งหมายที่ต้องการจะให้มีการลุกฮือต่อต้านจีน โดยมองว่าอุยกูร์เป็นผู้ถูกกระทำแต่ฝ่ายเดียวก็จะไม่มีน้ำหนักมากพอ

ในขณะเดียวกัน ทางตุรกีหรือแม้แต่สื่อฯของสหรัฐฯและตะวันตกเองกลับไม่เคยออกมาประณามการกระทำที่อุยกูร์บางคนเอามีดไล่แทงทำร้ายประชาชนเลย พวกนี้ก็จะทำเป็นไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่เห็น แต่พอมีการปล่อยข่าวลวงออกมาว่าจีนสั่งแบนแค่นั้นแหละ พวกนี้จะพากันกระพือข่าวซะใหญ่โต แม้ว่าทางการจีนจะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง พวกนี้ก็จะไม่สนใจอีกต่อไป เพราะสามารถปลุกคนให้คลั่งได้แล้ว ก้าวต่อไปก็คือเรียกร้องหรือยื่นเงื่อนไขกดดันจีนต่อไป งานนี้มือที่มองไม่เห็นที่ควบคุมสื่อฯกระแสหลักของตะวันตกได้รับผลประโยชน์สองเด้งคือ 1.) สามารถลดความน่าเชื่อถือของจีนได้ในระดับหนึ่ง 2.) ขยายความขัดแย้งทางศาสนาและกลุ่มชาติพันธุ์เพิ่มขึ้นมาได้ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาใหญ่อื่นๆอีกมากมาย

ก็มีหลายคนโดยเฉพาะโปรตะวันตกที่ถูกสื่อฯตะวันตกกรอกหูจนขาดวิจารณญาณในการเสพข่าว ก็เชื่อง่ายๆว่าข่าวที่ออกมาจากสื่อฯตะวันตกนั้นเป็นเรื่องจริงทุกเรื่องๆ แล้วก็พาลโจมตีและต่อต้านจีนในที่สุด วิธีการนี้สหรัฐฯใช้ปลุกระดมปั่นกระแสต่อต้านรัสเซียมาแล้ว วันนี้ก็กำลังขยายออกไปยังการต่อต้านจีน การเมืองโลกก็เป็นอย่างนี้แหละ
The Eyes
06/07/2558
----------


คสช. ส่งทหาร เดินหน้าแก้ข่าวลือ และสร้างการรับรู้กับประชาชน หวั่นเชื่อข่าวลือ โดยเฉพาะจากโซเชี่ยลฯ

คสช. ส่งทหาร เดินหน้าแก้ข่าวลือ และสร้างการรับรู้กับประชาชน หวั่นเชื่อข่าวลือ โดยเฉพาะจากโซเชี่ยลฯ เตือนทหาร เข้มแข็ง อดทน ในการทำหน้สทีา หนุนใครเดือดร้อนร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม

พันเอกหญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษก คสช. เผยว่า พลเอกสุชาติ หนองบัว รองเลขาธิการ คสช. เป็นประธานการประชุมประจำสัปดาห์ของ สำนักงานเลขาธิการคสช.(สลธ.คสช.)เพื่อ นำข้อสั่งการและความห่วงใยของ พลเอก ประยุทธ์ หน.คสช. / นายกฯ มาแบ่งมอบให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลโดยเร็ว

พลเอกสุชาติ ได้แสดงความห่วงใย เรื่องการสร้างการรับรู้ในข้อมูลข่าวสารของประชาชน โดยขอให้ กกล.รส. เดินหน้าเข้าให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชนในทุกพื้นที่ เพื่อให้เข้าใจถึงความคืบหน้าในการบริการราชการ และมาตรการต่างๆของภาครัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน หรือเข้าใจผิด หากเกิดการปล่อยข่าวและสร้างข่าวเท็จ เผยแพร่ผ่านทางโซเซียลมีเดีย รวมถึงการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิรูปของรัฐบาลที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย

พลเอก สุชาติ หนองบัว ได้กำชับให้ฝ่ายต่างๆของ คสช. ย้ำเตือนเรื่องระเบียบวินัยของเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ต่างๆ ให้มีความเข้มแข็ง อดทน และทุ่มเทในการชี้แจงสร้างความเข้าใจในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งประสาน ติดตามความคืบหน้า ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนกับประชาชนอย่างดีที่สุด พร้อมให้คำแนะนำประชาชนที่เดือดร้อนได้ใช้ช่องทางการร้องเรียนกับทางราชการที่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้บริการกับศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัด เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขตามกระบวนการที่ถูกต้อง

นอกจากนี้ จากปัญหาการวิวาทและตีกันของนักศึกษาอาชีวะ ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ หน.คสช. มอบให้ฝ่ายความมั่นคง เข้าไปดูแลให้เกิดความเรียบร้อยนั้น ในส่วนของ กกล.รส. จะเข้าประสานงานกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัยไม่ให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทโดยเร็ว


ไม่ควรสงสัยว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลัง 14 นักศึกษา โดย สมลักษณ์ จัดกระบวนพล

(ที่มา:มติชนรายวัน 6 ก.ค.2558)
http://www.matichon.co.th/online/2015/07/14361632831436167105l.jpg

ผู้ที่ศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นต้องยอมรับว่าเป็นผู้มีมันสมองรู้จักใช้ความคิดของตนเอง และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีบุคคลหนึ่งบุคคลใดมาชี้นำ โดยให้เขากระทำในเรื่องที่เขาเหล่านั้นไม่เห็นด้วย หรือเห็นว่าสิ่งที่ชี้นำนั้นไม่ถูกต้อง 


ดังนั้นสิ่งที่ควรต้องสงสัยจึงมิใช่เรื่องที่มีผู้อยู่เบื้องหลัง14 นักศึกษาหรือไม่ แต่ที่สมควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือพิจารณาว่าการแสดงออกตามความคิดของนักศึกษาเหล่านั้นถูกต้องหรือผิดในความคิดของวิญญูชนโดยทั่วไปทั้งประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ

การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่นักศึกษาเหล่านั้นก็เป็นปัญญาชนและมิได้ใช้ความรุนแรงให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น ปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ ปิดสนามบิน เป็นต้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 หรือ 116

เหตุการณ์จับกุมนักศึกษาในข้อหาตามมาตรา 113 และมาตรา 116 นี้ เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาแล้ว เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งในเวลาดังกล่าวมีสาเหตุจากนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนชุมนุมประท้วงรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร มีประชาชนกรูเข้าไปในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน โดยมีมหาดเล็กเป็นคนเปิดให้เข้าไป 

ในที่สุดจอมพลถนอม กิตติขจร ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสทางวิทยุและโทรทัศน์แก่ประชาชนชาวไทย โดยทรงเรียกวันดังกล่าวว่า "วันมหาวิปโยค" เพราะเกิดการปะทะกันทำให้คนไทยต้องเสียชีวิตจำนวนมาก

ปรากฏในพระราชดำรัสว่า "วันนี้เป็นวันมหาวิปโยคที่น่าเศร้าสลดอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตลอดระยะเวลา 6-7 วันที่ผ่านมาได้มีการเรียกร้องและเจรจากันจนกระทั่งนักศึกษาและรัฐบาลทำข้อตกลงกันได้ แต่แล้วมีการขว้างระเบิดขวดและยิงแก๊สน้ำตาขึ้น ทำให้เกิดการปะทะกันและมีคนได้รับบาดเจ็บหลายคน ความรุนแรงได้ทวีขึ้นทั้งพระนครถึงขั้นจลาจลและยังไม่สิ้นสุด มีคนไทยด้วยกันต้องเสียชีวิตนับร้อย ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้งเพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนสู่สภาพปกติเร็วที่สุด.............."

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นน่าจะเป็นประวัติศาสตร์ที่ชาวไทยทุกคนจดจำได้และไม่ประสงค์ให้เกิดขึ้นอีกโดยนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นหลักในการแก้ปัญหาในการชุมนุมของ 14 นักศึกษาครั้งนี้คือ "ทุกคนจงระงับเหตุแห่งความรุนแรงด้วยการตั้งสติยับยั้ง"

กล่าวคือ ผู้มีอำนาจไม่ควรจะไปสืบค้นหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังนักศึกษา ซึ่งอาจจะเป็นการจุดไฟก่อเหตุรุนแรงขึ้น แทนที่จะเป็นการระงับเหตุด้วยสติดังพระราชดำรัส

ผู้เขียนมีข้อสังเกตเรื่องสงสัยว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังการแสดงออกของนักศึกษาครั้งนี้ดังต่อไปนี้

1.ความคิดดังกล่าวนี้เหมือนความคิดของบุคคลบางส่วนที่ว่าประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่ขายเสียงเมื่อมีการเลือกตั้ง แล้วผู้กล่าวหาหรือฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาแพ้การเลือกตั้ง ความคิดดังกล่าวนอกจากจะเป็นความคิดที่ไร้ประโยชน์แล้วยังเข้าตำราที่ว่า "รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง"

2.หากการแสดงออกของนักศึกษาถูกต้องเพียงแต่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ ผู้มีอำนาจก็ควรใช้วิธีการทำความเข้าใจกับนักศึกษาในลักษณะผู้ใหญ่ตักเตือนเด็ก มิใช่ดำเนินการตามกฎหมายเหมือนดังนักศึกษาเหล่านั้นเป็นผู้กระทำความผิด ซึ่งไม่มีอะไรดีขึ้น กลับจะทำให้สถานการณ์ลุกลามเป็นภัยร้ายแรงต่อไปอีกก็เป็นได้

3.การที่ผู้มีอำนาจให้ความเมตตาและเข้าใจนักศึกษาไม่คิดแต่จะใช้อำนาจและมองเขาในแง่ร้ายว่าพฤติการณ์นี้มีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง และควรคิดว่าผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นชักใยได้น่าจะเกิดขึ้นเฉพาะผู้ที่ไร้สติ ไม่ใช่คนชั้นปัญญาชนพึงกระทำ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนเคยพลั้งพลาดยกตัวบทกฎหมายที่ยกเลิกแล้วมาอ้างแต่มีนักศึกษาเขาทักท้วงว่ามีกฎหมายใหม่ออกมาแล้วเมื่อตรวจดูก็พบว่าเป็นความจริงดังที่นักศึกษาอ้าง

ผู้เขียนจึงยอมรับว่าขอโทษ อาจารย์ผิด นักศึกษาถูก บรรยากาศในห้องบรรยายดีขึ้นจนผิดคาด เหตุการณ์นั้นทำให้เกิดข้อคิดว่านักศึกษาเขามิได้ฟังคนพูดแล้วทำตามไปทุกอย่างโดยไม่ใช้สมองของเขา แม้ผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการให้พวกเขาก็ตาม

ผู้เขียนจึงมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดที่จะมาอยู่เบื้องหลังและชักจูงความคิดอ่านของนักศึกษาได้
4.หากนักศึกษาเหล่านั้นจะนำความคิดอ่านของอาจารย์หรือนักวิชาการที่แสดงออกให้ปรากฏต่อสังคมแล้วนำความคิดนั้นมาไตร่ตรองด้วยสมองของตนเอง และนำแนวความคิดของอาจารย์และนักวิชาการเหล่านั้นเป็นหลักในการแสดงออก ก็หาใช่เป็นเรื่องที่มีบุคคลอยู่เบื้องหลังการแสดงออกของนักศึกษาไม่ เพราะเป็นการแสดงออกอย่างผู้มีสติว่าอะไรผิดหรือถูก

5.วัฒนธรรมทางความคิดหรืออุดมคติที่ยึดถือของบุคคลแต่ละสาขาวิชาชีพย่อมแตกต่างกันเช่น นักกฎหมายย่อมมีความคิดเป็นอิสระ ชี้นำได้ยาก โดยเฉพาะที่เห็นได้ชัดคือผู้พิพากษาตุลาการ ประมุขของศาลต้องให้ความอิสระแก่ผู้พิพากษาตุลาการทุกคนซึ่งเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญทุกฉบับ หากเข้าไปก้าวก่ายสั่งการใดๆ อันกระทบถึงความเป็นอิสระแก่ผู้พิพากษาตุลาการทั้งหลาย เช่น จ่ายสำนวนคดีให้องค์คณะใดแล้ว จะสั่งโอนไปให้คณะอื่นวินิจฉัยเพราะผลไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้เป็นประมุข ต้องถือว่าผู้เป็นประมุขปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพราะเข้าไปก้าวก่ายดุลพินิจของผู้พิพากษาตุลาการ ซึ่งผิดกับวัฒนธรรมทางความคิดของบางอาชีพที่มีวินัย โดยต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะถ้าไปใช้ความคิดของตัวเองไม่ทำตามผู้บังคับบัญชา อาจเกิดผลเสียหายอันเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

6.ถ้าจะตั้งข้อกล่าวหาว่านักศึกษาทั้ง 14 คน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113, มาตรา 116 การกระทำของนักศึกษาดังกล่าวน่าจะยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดเพราะขาดเจตนาล้มล้างการปกครองอันเป็นเจตนาพิเศษเพราะนักศึกษาเพียงแต่มีความประสงค์ที่จะให้ประเทศกลับคืนเข้าสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดมาจากปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงเท่านั้น

ถ้าจะกล่าวว่าฝ่าฝืนประกาศ คสช. ประกาศไม่ใช่กฎหมาย เพียงแต่การออกประกาศต้องอาศัยกฎหมายเท่านั้น ทั้งการกระทำของนักศึกษาที่รวมกลุ่มกันแสดงออกก็มิได้ขัดขวางการจราจรหรือสร้างความเดือดร้อนแก่คนส่วนใหญ่ในประเทศโดยการปิดสถานที่ราชการหรือปิดสนามบินแต่อย่างใด

วิธีการที่จะใช้กับนักศึกษาทั้ง 14 คนจึงควรใช้วิธีการอันละมุนละม่อมโดย ใช้หลัก "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" ดูจะเหมาะสมกว่า

7.การใช้กระบวนการปราบปรามอย่างแข็งกร้าวต่อผู้ที่มีความคิดเป็นของตนเองนั้นบังคับได้แต่เพียงร่างกาย แต่ไม่มีผลต่อจิตใจ เพราะวิสัยบัณฑิตหรือผู้ที่จะเป็นบัณฑิตนั้นย่อมไม่ค้อมหัวให้สิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย

วิสัยบัณฑิตผู้ ทรงธรรม์

ไป่เปลี่ยนไป่แปรผัน ไป่ค้อม

ไป่ขึ้นไป่ลงหัน กลับกลอก

กายจิตวาทะพร้อม เพียบด้วยสัตยา

ศาสตราจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์
อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


สมลักษณ์ จัดกระบวนพล

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการ ป.ป.ช.

สหรัฐฯ เตรียมขยุ้มไทย รู้เขารู้เรา รบ10 ครั้ง ชนะทั้ง 10 ครั้ง


อันธพาลโลกสหรัฐฯ เตรียมขยุ้ม รู้เขารู้เรา รบ10 ครั้ง ชนะทั้ง 10 ครั้ง ......... พญาอินทรีชูด่าวดิ้นขึ้นมา ร่วมกับ แนวร่วมกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย หวังจะให้เป็น Thai Spring ยึดตาม โมเดลฮ่องกง ที่เรียกกันว่า Umbrella Revolution or Umbrella Movement ใช้นักศึกษาออกหน้า วัยรุ่นทั้งนั้น ที่ถูกมองว่าเป็นวัยที่บริสุทธิ์ ที่สนใจการเมือง โดยมีหัวหงอกหัวดำ ที่ลงทุนกราบเด็กโชว์มาแล้ว คอยเตรียมแผน เตรียมอุปกรณ์อยู่เบื้องหลัง รับทรัพย์จากท่อน้ำเลี้ยงใด น่าจะรู้กันดี

หากมองรายตัวถึง ที่มาของ 14 คนแล้ว คนละขั้ว คนละความสนใจ อาทิ "กลุ่ม LLTD " เป็นสายนิติเรด ร่วมในขบวนการ ล้ม ม.112 มี 2 คน คือ รังสิมันต์ โรม นศ.นิติศาสตร์ ปี 4 มธ และ รัฐพล ศุภโสภณ นศ.เศรษฐศาสตร์ มธ." กลุ่ม ศนปท" ประกอบด้วย กลุ่มอิสระมากมากจากหลายสถาบัน มีการแสดงออก ในเชิงสัญลักษณ์มาแล้วหลายครั้ง กิจกรรมกินแซนวิชอ่านหนังสือ ที่โดนจับ คือ ทรงธรรม แก้วพันพฤกษ์ นศ.ม.เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ชลธิชา แจ้งเร็ว นศ. ปี 3 มศว ประสานมิตร พรชัย ยวนยี อดีตเลขาฯ สนนท. ปี 55 "กลุ่มลูกชาวบ้าน ม. บูรพา บางแสน" ปกรณ์ อารีกุล แกนนำกลุ่มลูกชาวบ้านรุ่นสอง " กลุ่มเสรีนนทรี " มก. อภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ อดีตนศ.เศรษฐศาสตร์ "กลุ่มดาวดิน " นศ. นิติศาสตร์ มข. มี วสันต์ เสกสิทธิ์ พายุ บุญโสภณ อภิวัฒน์ สุนทรารักษ์ ศุภชัย ภูคลองพลอย ภาณุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ สุวิชา พิทังกร และ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา

แผนไม่ต่างจาก Arab Spring คือขยายความรุนแรง เกิดสงครามกลางเมือง แล้วแยงกี้จะเข้ามาช่วย อาจส่งติ่ง UN หรือ กกล.ทีจัดตั้งขึ้นมาตามสันดาน หรือทหารแยงกี้ เข้ามาช่วย กลุ่มต่อต้านยึดอำนาจจาก คสช และดำเนินการล้มระบอบการปกครอง ในขั้นสุดท้าย เอาเด็กสร้าง คนตระกูลคู เข้ามาปกครอง เพื่อโกยทรัพยากรให้สหรัฐฯ

นอกจากไทยที่เป็นเป้าหมายแล้ว อเมริกา กำลังทำ Arab Spring ในประเทศรอบบ้านของไทย ทั้งในลาวกำลังหาตัวกลุ่มนำ ในเขมร มี ซัม รังสีแล้ว ในพม่ามีอองซานซูจี เพื่อต่อต้านจีน และยูทธศาสตร์ของอเมริกา
ในไทย อเมริกาเคลื่อนไหวเชิงลึกมานาน ส่ง USAID /Peace corps เข้ามา ทั้งในกลุ่มเสื้อแดง นักศึกษาตามมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งภาคใต้ ในปัญหา จชต โดยสนับสนุน ให้มีการกำหนดใจตนเอง เพื่อแยกดินแดง แม้นแต่องค์กรสิทธิฯ และ NGO มีอเมริกาหนุนหลัง เต็มที่


'ยิ่งลักษณ์' เดินสายอีสาน ตระเวนไหว้พระ ชาวบ้านแห่รับขวัญทำบายศรี

'ยิ่งลักษณ์' เดินสายอีสาน ตระเวนไหว้พระ ชาวบ้านแห่รับขวัญทำบายศรี

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 6 ก.ค. 2558 14:51

"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกฯ เดินสายภาคอีสาน ตระเวนไหว้พระตามคำเชิญเจ้าอาวาส เริ่มจากวัดปากน้ำ จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านแห่มาต้อนรับแน่น จัดพิธีบายศรีฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเดินทางไปต่อศรีสะเกษ ในอีกวัน...

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาไหว้พระ ที่วัดปากน้ำ (บุ่งสระพัง) ตำบลกุดลาด อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.อุบลราชธานี จ.อำนาจเจริญ จ.ยโสธร และ จ.ศรีสะเกษ พร้อมชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาต้อนรับเป็นจำนวนมาก โดยมีการจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญที่วัดปากน้ำ พร้อมปลูกต้นไม้พะยูง 2 ต้น และช่วงบ่ายเดินทางไปไหว้พระที่วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อความเป็นสิริมงคลและเดินทางไป “สามพันโบก” บ้านโป่งเป้า หมู่ที่ 4 ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีลักษณะเป็นแก่งหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง จากนั้นในวันที่ 7 ก.ค. อดีตนายกฯ จะเดินทางไปจังหวัดศรีสะเกษต่อไป

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาไหว้พระตามวัดต่างๆ ตามคำเชิญของเจ้าอาวาส ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าอาวาส มักจะเป็นผู้เชิญผ่านทางอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย หรือญาติพี่น้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และใช้โอกาสดังกล่าวนัดรับประทานอาหารร่วมกัน เนื่องจากขณะนี้ไม่สามารถที่จะจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อพูดคุยหารือกันได้

วงแตก.....ข่าวลือหมื่นล้าน..นักศึกษา .!!!!

วงแตก.....ข่าวลือหมื่นล้าน..นักศึกษา .!!!!
พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. อารมณ์เสีย ให้สัมภาษณ์แค่ 3 นาที หลังถูกรุมซักเรื่อง14นักศึกษา และปูดข่าวลือ โอนเงินหมื่นล้านไปเก็บสิงคโปร์ เตือนสิ่อเลิกถามเรื่องเกี่ยวกับนักศึกษา ได้แล้ว จะถามให้มีเริ่อง ให้อารมณ์เสียให้มันวุ่นวายขึ้นมาให้ได้หรือไง ยันยึดตามกฏหมาย ขึ้นศาลทหาร เหมือนคนอื่น ทั้งพวกผิด ม.112 และขัดคำสั่ง คสช. เพราะคำสั่งคสช. ทุกฉบับเป็นกฏหมาย ....ยันปัญหานศ.ต้องแก้ด้วยกม.กระบวนการยุติธรรม ยันศาลทหารใช้ในยามไม่ปกติใช้อำนาจพิเศษ เขาประกาศมาก่อน ไม่ใช่ประกาศหลังเกิดเหตุการณ์ แต่ดูว่าจะดูแลได้แค่ไหน ในกระบวนการยุติธรรม ยันใช้ศาลทหาร คดีนศ.เขาเขียนกม.มาก็จะแหกทุกดอกหรือไง เพราะทุกคนก็โดน ขึ้นศาลทหารเหมือนกัน ทั้ง ผิด ม.112 และ ขัดคำสั่ง คสช. ทำไมต้องให้พื้นที่ข่าวทุกวันๆ ชอบเหรอ มันจะได้ปลุกขึ้นมาทั้งประเทศหรือไง
นายกฯเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันใด
วงแตก จบข่าว....

ข้อมูล : จากเพจ วาสนา



ผบทบ. ยันรัฐบาล-คสช.ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร มองนักศึกษาเป็นลูกหลาน แต่เมื่อทำผิดกฎหมายจำเป็นต้องดำเนินการ.

ผบทบ. ยันรัฐบาล-คสช.ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร แถมมองนักศึกษาเป็นลูกหลาน แต่เมื่อทำผิดกฎหมายจำเป็นต้องใช้มาตรการทางกม.เพราะเตือนมาหลายครั้งแล้ว และหากปล่อยไว้ อาจพัฒนาจนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ นำไปสู่ความเสียหายต่อชาติได้ในอนาคต เชื่อประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ ติงอาจารย์หนุน14นศ. บางคนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจแต่บางคนก็มีนัยยะแอบแฝง ขอทุกฝ่ายช่วยกันทำสงบสุข ขอร้องอย่าสนับสนุนในสิ่งที่ผิด ยกวาทะนักวิชาการเทียบปัญหาชาติ เหมือนหมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ แต่มีคนหยิบมีดหมอออกไป เหมือนนายกฯ-คสช.เร่งทำให้เกิดประชาธิปไตยเร็วแต่มีบางคนขัดขวาง

พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผบทบ./เลขาธิการ คสช./รมช.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีจับกุมนักศึกษา14 คน ว่า เพราะชุมนุมกระทำการผิดกฎหมายและขัดคำสั่ง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาลต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย หลังจากได้ใช้พูดคุย ประนีประนอม มาตามลำดับแล้ว
"รัฐบาลไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ทั้งยังมองว่านักศึกษาทั้งหมดเป็นลูกหลาน แต่เมื่อทำผิดกฎหมาย ก็จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการ เพราะได้ตักเตือนมาแล้วหลายครั้ง และหากปล่อยไว้ อาจจะเกิดการพัฒนา จนรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ และอาจนำไปสู่ความเสียหายของประเทศชาติได้ในอนาคต"

ผบทบ.มั่นใจว่า ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ดี แต่อาจไม่ได้ออกมาแสดงออกให้เป็นประเด็นเหมือนกับฝ่ายที่ต่อต้าน และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จะสามารถดูแลความสงบสุขเรียบร้อยได้ อีกทั้งตอนนี้หลายฝ่ายต่างกำลังช่วยกันหาทางออกที่เหมาะสมกับนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดี เหล่านี้

ส่วนกรณีที่อาจารย์ออกมาสนับสนุนนักศึกษา และโจมตีรัฐบาล และคสช.ที่จับกลุ่ม 14 นักศึกษานั้น พลเอก อุดมเดช เชื่อว่าบางคนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่บางคนก็มีนัยยะแอบแฝง จึงขอว่า อะไรที่เราต้องช่วยกันให้ประเทศเดินหน้าไปได้ก็ขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายช่วยกันด้วยให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

ส่วนมาตรการการดูแลความสงบเรียบร้อยต่อกลุ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ผบทบ.กล่าวว่า การแสดงออก สามารถทำได้ เป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ขอให้อยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่ใช่ทำสิ่งที่ละเมิดต่อกฎหมายและคำสั่ง คสช.

พลเอก อุดมเดช เผยว่า ส่วนตัวได้ดูรายการทางโทรทัศน์และมีนักวิชาการท่านหนึ่งกล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า หมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ แต่มีคนหยิบมีดหมอออกไป ก็เช่นเดียวกับสถานการณ์บ้านเมืองของเราในขณะนี้ ที่ประเทศกำลังจะเดินหน้าไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง นายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าทหาร ตำรวจ ทุกคน กำลังทำหน้าที่และต้องการให้ประเทศเกิดประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด แต่มีบางกลุ่มขัดขวาง จึงขอร้องว่า ทุกคนอย่าสนับสนุนในสิ่งที่ผิด ต้องช่วยกันดูแลรักษาความเรียบร้อย เพื่อนำไปสู่ความสงบสุขของบ้านเมือง

ผบ.ทบ.ยัน 14 นักศึกษา ไม่ได้เป็นศัตรู แต่ถ้าทำผิดต้องดำเนินการตามกฎหมาย ปล่อยไว้จะบานปลายสู่หายนะ เผยหาช่องใช้กฎหมายเยาวชนผ่อนหนักเป็นเบา เตือนพวกโหนกระแสให้หยุดพฤติกรรม ขออาจารย์อย่าหนุนลูกศิษย์ “เห็นผิดเป็นชอบ”

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก / เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าว ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนักศึกษา 14 คนครบฝากขังผลัดแรกในวันที่ 7 ก.ค.นี้ว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงไม่ได้มองนักศึกษาเป็นศัตรู นักศึกษาก็เป็นลูกหลาน ผมเห็นภาพของแต่ละคนอายุก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องศึกษาเล่าเรียนและเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ต่อไป

แต่การที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนักศึกษาจำนวน 14 คนนั้นเพราะมีการปฏิบัตินอกกรอบ มีส่วนที่ก่อให้เกิดความไม่สงบและขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อระเบียบที่ คสช.วางไว้เพื่อให้เกิดความสงบ

โดยก่อนหน้านี้ก็เริ่มต้นด้วยการตักเตือนมาตามลำดับ แต่ก็ยังกระทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบ และความมั่นคงในอนาคต สุดท้ายปล่อยให้กฎหมายดำเนินการ โดยทางฝ่ายความมั่นคงได้มอบหมายให้ทางตำรวจไปดำเนินการ ภายใต้การกำกับการดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ที่รับคำสั่งมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
“เรื่องนี้จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อกฎหมายและคำสั่งของ คสช.ที่ระบุไว้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไปนำไปสู่กลุ่มก้อนที่มากมายและเกิดความไม่สงบ
เราเห็นหายนะที่อยู่เบื้องหน้าคงไม่อยู่เฉยๆ และปล่อยปละละเลยไป ตนมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจดี แต่ไม่ได้แสดงออก จะมีแสดงออกก็เพียงบางกลุ่มที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษา จะเป็นตัวนำกลายเป็นประเด็นในสิ่งที่จะต่อต้านและต่อสู้รัฐบาล ขอยืนยันว่าทางรัฐบาลและ คสช.ไม่ได้มองเห็นประชาชนทุกกลุ่มเป็นศัตรู จึงไม่ได้ต่อสู้กับใคร เพียงแต่ต้องดูแลความสงบให้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องในอนาคต”
สำหรับกรณีนักศึกษาทั้ง 14 คนที่ถูกควบคุมตัวนั้น ต้องปล่อยให้เป็นตามขั้นตอนตามกฎหมาย ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการต่อไปเพื่อไปสู่ศาลทหาร การรวบรวมสำนวนต่างๆ ต้องดำเนินการต่อไป ทั้งนี้มีคนออกมาแสดงความคิดเห็นมาพอสมควรแล้ว

พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า นักศึกษาทั้ง 14 คน แน่นอนว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ด้วยความเป็นนักศึกษา เป็นเยาวชน ทางออกยังพอมี ในส่วนที่จะพิจารณาในกรณีที่เป็นเยาวชน โทษทัณฑ์ต่างๆ ก็คงไม่มากมายอะไร แต่เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ในแง่มุมของกฎหมายสามารถพิจารณาได้จากการเป็นเยาวชนอยู่ได้บ้าง ผมคิดว่าทางฝ่ายกฎหมาย ตำรวจ และศาล ตลอดจนถึงผู้ควบคุมทางฝ่ายกฎหมาย คงจะมองกรณีนี้อยู่และเร่งคิดหาทางออกที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม ฐานความผิดมีอยู่จริง กลุ่มที่ต่อต้านก็โหนกระแสเข้ามา คณาจารย์ ครูบาอาจารย์ที่ดีๆ หลายท่านคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมก็ทราบ ไม่อยากให้ทำอะไรที่รุนแรง เชื่อว่าทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ฟังอยู่และหาหนทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา แต่จะให้ยกไปเสียเลยก็ทำไม่ได้เพราะเป็นกฎหมาย บางท่านบริสุทธิ์ใจ บางท่านจะมีอะไรอยู่หรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ แต่หลายท่านที่มีชื่อออกมาแสดงความคิดเห็นก็ย่อมรู้ว่าคิดเห็นอย่างไร แต่ขอว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อยขอให้ช่วยกัน
“บางคนก็กระโดดเข้าสู่กระแส โหนไปตามกระแสนั้นๆ เชื่อว่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือรัฐบาลกระเพื่อม ขอให้หยุด ขอเถอะครับ ครูบาอาจารย์ ผมก็เคารพรัก เจอกันภายนอกก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทาย ไม่ได้เป็นศัตรูกัน บางอย่างท่านเอาไปให้ข้อคิดเห็นสนับสนุนจนทำให้คิดว่าสิ่งที่ไม่ดีเป็นสิ่งดี ซึ่งมันไม่ใช่เวลานี้ มีอยู่ท่านหนึ่งพูดผ่านสื่อโดยเปรียบเทียบว่าหมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ และมีคนไปดึงมีดผ่าตัดของคุณหมอออกมา ไม่ให้คนป่วยพ้นจากโรคภัย เทียบกับสถานการณ์ตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่มีคนไปยื้อไว้ ขออย่าสนับสนุนเลย ให้รัฐบาลมีเวลา มีโอกาสทำงานต่อไป อีกไม่นานจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นำไปสู่การเลือกตั้ง ทุกคนอยากไปถึงตรงนั้นทั้งหมด นายกฯ เอง ตำรวจ ทหาร”
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเคลื่อนไหวตาม 14 นักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวเริ่มลามไปในจังหวัดทางภาคเหนือและอีสาน จะรับมืออย่างไร พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า เท่าที่ทราบมีที่ จ.เชียงใหม่ ที่มีส่วนหนึ่งสนับสนุนการเคลื่อนไหวของนักศึกษา 14 คน ประมาณ 30-40 คน รวมกับมวลชนในพื้นที่อีกเท่าตัวกลายเป็น 100 กว่าคน ก็ผสมปนเปกันไป แต่ยังดีว่ายังรับฟังเจ้าหน้าที่ที่ไปขอร้องว่า สามารถแสดงออกได้ แต่ให้อยู่ในห้วงเวลาที่เหมาะสม เขาก็แยกย้ายกันไป ตนก็อยากให้ช่วยกัน แสดงออกให้อยู่ในกรอบพอที่จะรับได้ สามารถทำได้พอเหมาะพอควร แต่ถ้าเป็นการแสดงออกที่มากเกินไปเหมือนในช่วงที่ผ่านมา เช่นไปเขียน หรือนำสิ่งต่างๆ ไปปิดรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แสดงมารยาทไม่ดีก็ต้องเข้าไปสู่กฎหมาย

นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่เห็นว่าการดำเนินการต่างที่กลุ่มนักศึกษากระทำจะทำให้เกิดความไม่สงบ มีการแสดงสัญลักษณ์โดยการติดกระดาษให้ยุติ ขอร้องให้หยุดเคลื่อนไหว ก็ถือเป็นเรื่องดี ตนก็ไม่อยากให้คน 2 กลุ่มนี้มาสู่การปะทะทางความคิดเห็น แต่อยากให้นักศึกษาที่เคลื่อนไหวได้รับทราบความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ด้วยว่าคิดเห็นอย่างไรต่อการกระทำดังกล่าว