PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"นายกฯต้องมาจากบัญชีพรรค" : อภิสิทธิ์

"นายกฯต้องมาจากบัญชีพรรค" : อภิสิทธิ์ 

(EXCLUSIVE) “อภิสิทธิ์” ชี้นายกฯคนต่อไปต้องมาจากพรรคที่เป็นเสียงข้างมากในสภา ระบุถ้าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะต้องสร้างกระแสสังคมกดดัน ส.ส.ให้สนับสนุนรัฐบาล


          18 ส.ค. 59 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษเครือเนชั่นถึงเรื่องการเลือกนายกฯคนต่อไป หลังการเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ไม่ใช่เวลาชี้ชัดเรื่องนี้ แต่ตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาล โดยที่ไม่มีเสียงข้างมาก ส.ส. สนับสนุน นี่คือหลักที่เราพูดได้ชัดเจน
          “ผมสนับสุนให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวบรวมเสียงสนับสนุนข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ เพราะว่าการทำงานของรัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบต่อ ส.ส. มีทั้งเรื่องญัตติ กระทู้คำถาม กฎหมาย ถ้าขาดการสนับสนุนส่วนนี้ ก็จะกลายเป็นรัฐบาลที่ทำงานกับประชาชนได้ยาก ผมคิดว่าแม้โครงสร้างในร่างรัฐธรรมนูญเป็นเช่นนี้ แต่เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็ยังมีความสำคัญมาก” นายอภิสิทธิ์กล่าว
          เมื่อถามย้ำว่านายกฯจะต้องมาจากพรรคเสียงข้างมากใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ใช่ครับ เพื่อให้รัฐบาลสามารถทำงานได้ ทำให้ไม่มีปัญหาในแง่ของการขัดเจตนารมณ์ของประชาชนที่ได้แสดงออกในการเลือกตั้ง”
          เมื่อถามอีกว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในเสียงข้างมากของสภา จะสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ขอพูดเรื่องบุคคล เพราะไม่รู้ว่าสุดท้ายกระบวนการเลือกนายกฯจะเป็นเช่นไร แต่หลักการที่พูดได้ทันที คือ ส.ส. โดยเสียงข้างมากจะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
          “ตอนนี้สิ่งที่พยายามวิเคราะห์กัน พูดถึงแต่จะเอา ส.ว. 250 คนเป็นตัวตั้ง แต่ผมไม่คิดเช่นนั้น เพราะรัฐบาลที่จะทำงานได้ต้องเป็นรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากในสภา และนั่นคือการเคารพผลของการเลือกตั้ง ทั้งนี้ก็ต้องไปคิดต่อว่าเสียงข้างมากของ ส.ส. ควรจะเลือกแบบไหน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
          นายอภิสิทธิ์ มองถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า ตนไม่ได้มองว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่มองสภาพการทำงานของรัฐบาล ซึ่งจะมีอยู่ 3 ลักษณะขึ้นอยู่กับว่าจะวางบทบาท ส.ว. 250 คนไว้อย่างไร แบบแรก ถ้าให้ ส.ว. 250 คนเป็นหลัก ให้ ส.ส. เป็นรอง คือเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา เรื่องนี้อาจไม่ขัดข้อกฎหมาย แต่ถามว่ารัฐบาลจะหนีจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ไหม หากเป็นแบบนี้คนที่เป็นนายกฯจะต้องสร้างกระแสสังคมเพื่อให้มากดดัน ส.ส. ให้สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ทำงานไปก่อน ถ้าทำได้รัฐบาลก็อยู่ได้ แบบที่ 2 ถ้า ส.ส. เป็นหลักในการเลือกนายกฯ และไม่มีปัญหากับ ส.ว. การทำงานของรัฐบาลก็จะไม่ยากมาก แต่ถ้าเป็นแบบที่ 3 คือ ส.ส. เป็นหลักในการเลือกนายกฯ แต่ขัดแย้งกับ ส.ว. แบบนี้ก็จะเหนื่อยอีกแบบ เพราะจะมีความขัดแย้งเป็นระยะ

วันเกิด84ปีอดีตนายกฯอานันท์

วรากรณ์-วีรกร ตรีเศศ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 4 ภาพ — กับ Supachok Wiriyacosol
เมื่อคืนวานนี้ ่คนกันเอง ่จัดงานครบรอบ 84 ปีให้ท่านอานันท์ ปันยารชุนที่สยามสมาคม.งานไม่ใหญ่โตแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความปรารถนาดีต่อท่านผู้อันเป็นที่รักเคารพของผู้ร่วมงาน.อาจารย์ธีรยุทธ์ บุญมีกล่าวแทนผู้ร่วมงานอย่างน่าชื่นชม.ท่านอานันท์ตอบว่าตลอดชีวิตมาไม่เคยจัดงานเลี้ยงวันเกิดและไม่ยอมให้ใครจัดให้ แต่วันนี้เป็น84ปีจึงต้องยอม .ท่านบอกว่าคนไทยเรามีอะไรที่ช่วยบ้านเมืองกันได้ก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ .ประเทศไทยมีสิ่งที่ดีมากมาย ท่านเชื่อมั่นในอนาคตประเทศไทย . เราต้องมีความอดทน อะไรที่แก้ไขวันนี้ไม่ได้ก็ต้องรอไปในอนาคตอย่างมุ่งมั่นไม่ว่าจะเป็น 5 ปีหรือ10 ปีก็ต้องอดทนรอ. คนเราอาจเห็นไม่ตรงกันได้แต่ก็ต้องเคารพความคิดของกันและกัน เป็นเพื่อนกันได้.คนไทยต้องใจกว้าง ไม่เป็นศัตรูกัน. การปรองดองเป็นสิ่งสำคัญ .ท่านเล่าว่าเมื่อไม่นานนัก ลูกสาวท่านถามคุณแม่ว่าช่วงใดของชีวิตที่มีความสุขที่สุด ภรรยาท่านตอบว่าตอนนี้แหละ. ท่านชอบใจมากเพราะตรงกับใจท่าน .มนุษย์ต้องอยู่กับปัจจุบันเสมอ.ภรรยาท่านเป็นผู้หญิงแสนประเสริฐของท่านและครอบครัว. สิ่งสำคัญของมนุษย์คือความรักระหว่างกันในครอบครัว.ท่านมีความหวังในตัวลูกและหลานๆของท่าน....ท่านพูดมากกว่านี้อย่างสนุกสนานและประทับใจมาก.ที่เขียนมานี้คือสิ่งที่สรุปมาเพียงบางส่วน .....ข้อความเหล่านี้น่านำไปไตร่ตรองอย่างมากเพราะมาจากใจของคนอายุ 84ปีที่มีปัญญาและความรักมนุษย์อย่างแท้จริง.ประการสำคัญเป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกว่ามีทั้งคุณธรรมและความสามารถอย่างเต็มเปี่ยม

เผาศพลุงข้วย เพื่อนป๋าเปรม ปิดตำนานเพื่อนไม่มีชนชั้น

18 ส.ค. 59 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศาลา2 วัดสระเกษ อ.เมือง จ.สงขลา นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพ สิบตรี ข้วย พุทธปาน อายุ 97 ปี หรือลุงข้วย เพื่อนรักและเพื่อนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่จากไปอย่างสงบเมื่อวันที่ 13ส.ค. ที่ผ่านมา ด้วยอาการปอดติดเชื้อ และถือเป็นการปิดตำนานอันยิ่งใหญ่ของคำว่า "เพื่อนไม่มีชนชั้น" ระหว่างคนหนึ่งที่เป็นนายกรัฐมนตรีกับอีกคนที่เป็นเพียงแค่ชายปั่นสามล้อมรับจ้างที่หาเช้ากินค่ำธรรมดา
โดยบรรยากาศในพิธีเป็นไปอย่างเรียบง่ายมีบุคคลสำคัญในจังหวัดเช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ดร.ไพโรจน์ ด้วงวิเศษ ประธาน ป.ป.ช. สงขลา  หัวหน้าส่วนราชการและประชาชนทั่วไปที่รักลุงข้วย มาร่วมพิธีและแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจำนวนมาก และนอกจากจะมีการทำพิธีทางศาสนาแล้ว ทางสำนักงานสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเขตสงขลายังได้จัดพิธีทางทหารเพื่อเชิดชูเกียรติ และสดุดีในวีรกรรมอันกล้าหาญของ สิบตรี ข้วยหรือ ลุงข้วย ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการยืนสงบนิ่งและเป่าแตรนอน เพื่อเป็นการไว้อาลัยดวงวิญญาณของ สิบตรี ข้วย เป็นเวลา 1 นาที พร้อมกับมอบเงินอีกจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือครอบครัว
ด้านนางสาวกรชลี พุทธปาน อายุ 55 ปี ลูกสาวคนเดียวของ ลุงข้วย ได้กล่าวถึงพล.อ.เปรม แทนพ่อสั้นๆ ว่า ขอขอบคุณ พล.อ.เปรม ที่ดูแลครอบครัวมาตั้งแต่พ่อยังมีชีวิตอยู่จนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งครอบครัวรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างมาก
สำหรับสิบตรีข้วย หรือลุงข้วย นอกจากจะเป็นผู้สร้างตำนาน "เพื่อนไม่มีชนชั้น" ระหว่างเพื่อนที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีกับอีกคนที่เป็นเพียงชายที่มีอาชีพปั่นสามล้อรับจ้าง จากเหตุการณ์ที่พล.อ.เปรม ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และลงมาปฏิบัติภาระกิจที่วัดดอนรัก อ.เมือง จ.สงขลา ลุงข้วยก็ไปยืนรอรับเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป แต่เมื่อ พล.อ.เปรม เดินผ่านมาและเห็นก็ตรงเข้ามาหาและพูดทักทายเป็นภาษาใต้ ลุงข้วยจึงยกมือไหว้  แต่ พล.อ.เปรม พูดกลับว่า "ข้วยไหว้เราทำไมเราเป็นเพื่อนกันนะ" ลุงข้วยจึงตอบกลับไปว่า "ผมไหว้นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็นนายเปรมผมไม่ไหว้" และทั้งสองจึงสวมกอดกันด้วยรอยยิ้มท่ามกลางความปลาบปลื้มของคนทั้งวัด
ทั้งนี้ ลุงข้วยยังเคยเป็นทหารกล้าซึ่งจากประวัติทางทหาร สิบตรีข้วย เป็นทหารผ่านศึกสงครามมหาเอเชียบูรพาหรือสงครามโลกครั้งที่ 2 เข้ารับราชการทหารเป็นทหารกองประจำการเหล่าทัพทหารบก หมายเลขประจำตัวทหาร 186601216 เริ่มรับราชการเมื่อวันที่1 เม.ย. 2484 สังกัดกองพันทหารราบที่ 41 สวนตูล ค่ายพระปกเกล้าในปัจจุบัน และเคยร่วมรบเพื่อต่อต้านกองกำลังทหารญี่ปุ่นที่ยกพลขึ้นบกที่จ.สงขลา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2484  โดยได้ตั้งจุดสกัดกองกำลังทหารญี่ปุ่นบริเวณหาดเก้าเส้ง สามแยกสำโรง เมืองสงขลา ทำให้กองกำลังทหารญี่ปุ่นได้รับความเสียหายจำนวนมาก และปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทนกล้าหาญ และเสียสละทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายบรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการทุกประการ  ก่อนที่จะปลดประจำการเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2488 รวมระยะเวลาที่รับราชการจำนวน 4 ปี และยังได้รับพระราชทานบัตรเหรียญชัยสมรภูมิ(เอเชียบูรพา)และบัตรประจำตัวทหารผ่านศึกนอกประจำการบัตรชั้นที่2ด้วย

"บิ๊กป้อม "ยังฉุนไม่เลิก ข่าว"ถูกหาม เข้ารพ"ไม่รู้เขียนกันมาได้ไง ยืนทนโท่อยู่นี่



"บิ๊กป้อม "ยังฉุนไม่เลิก ข่าว"ถูกหาม เข้ารพ"ไม่รู้เขียนกันมาได้ไง ยืนทนโท่อยู่นี่ ทำไมไม่เช็คกัน บิ๊กป้อม จะตายช่างแม่ง"!! ลั่นพร้อมพัก....ติง สื่อ อย่าตื่นตัว มากนัก สัมภาษณ์นักเศรษฐศาสตร์ วิเคราะห์ผลกระทบ ระเบิดใต้ต่อ เศรษฐกิจ ยิ่งทำชาติเสียหายไปใหญ่ ปชช.สับสน

พลเอกประวิตร กล่าวว่า สื่อมวลชนเอง ก็อย่าตื่นตัวมากเกินไป เพราะจะทำให้ประเทศเสียหาย เช่น การไปถามนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ให้ประเมินความเสียหายและผลกระทบ เพราะมันส่งผลให้ประชาชนเกิดความสับสนได้
สำหรับผมให้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชนมาโดยตลอด ไม่เคยพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง
“ผมว่าไม่ใช่ใครหรอก ผู้สื่อข่าวนี่แหล่ะสำคัญ การไปถามว่าเกิดระเบิดแล้วจะกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร มันก็ไปกันใหญ่ ประเทศเสียหาย ต่างชาติไม่มาลงทุน สื่อต้องเข้าใจนะ ทุกคนก็จบปริญญาตรี ปริญญาโทมาทั้งนั้น ทำไมไม่ค่อยคิดถึงประเทศก็ไม่รู้ จะเอาแต่ข่าว
"ดูซิเขียนมาได้อย่างไร หามบิ๊กป้อมเข้าโรงพยาบาลกลางดึก ไม่รู้เขียนกันมาได้อย่างไร ยืนทนโท่อยู่นี่ ทำไมไม่เช็คกัน บิ๊กป้อมจะตายช่างแม่ง"
ผู้สื่อข่าวชี้ว่า ที่มีข่าวแบบนี้เพราะมีคนอยากให้ท่านพักหรือเปล่า พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น ผมพร้อมเลย"

บิ๊กตู่ เปรียบ กำลังสร้าง หนังใหญ่ เรื่อง "ปฏิรูปประเทศ" หวังจบแบบ Happy Ending ในอนาคต



บิ๊กตู่ เปรียบ กำลังสร้าง หนังใหญ่ เรื่อง "ปฏิรูปประเทศ" หวังจบแบบ Happy Ending ในอนาคต ยัน ไม่ใช่เพื่อผม ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อคสช.ทำเพื่อ แผ่นดิน ผืนฟ้าและผืนน้ำเป็นของคนไทยทุกคน/ยันผมไม่ได้เกลียดชังใคร และจะไม่รังแกใคร
พลเอกประยุทธ์. กล่าวว่า รัฐบาลนี้กำลังสร้างหนังใหญ่เรื่องการปฏิรูปประเทศ ซึ่งการปฏิรูปประเทศ
ต้องมาจากอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นอนาคตประเทศที่Happy Ending ไม่ใช่เป็นหนังสะเทือนขวัญ สะเทือนใจวันหน้า ไม่เอา ไม่มีโอกาสอีกแล้วทุกเรื่อง
หลายอย่างกำลังเดินหน้า บางอย่างก็ช้า ปัญหาอย่างหนึ่งคือเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน มีจิตใจที่ตอบแทนให้กันและกันด้วยความเสียสละ
"ไม่ใช่เพื่อผม ไม่ใช่เพื่อรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อคสช.ทำเพื่อแผ่นดินของท่านเอง แผ่นดิน ผืนฟ้าและผืนน้ำเป็นของคนไทยทุกคน"
เรามีเวลาในการปฏิรูปจำกัด ประเทศเราต้องเดินหน้า ประเทศไทยมีโอกาสมากมายในการเป็นศูนย์กลางต่างๆ เราใช้โอกาสของเราให้กลายเป็นวิกฤต. ที่วิกฤตแล้วก็ยิ่งวิกฤตกว่าเดิม ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะปล่อยเรื่องนี้ให้ป็นแบบนี้ต่อไปได้อย่างไร อดีตที่ผ่านมาคืออดีต เราต้องเริ่มต้นใหม่ให้ดีที่สุด
"ผมไม่ได้เกลียดชังใคร ไม่ได้อะไรกับใคร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายและกระบวนยุติธรรม เราต้องรักษาสัญญาที่มีในอดีตจนถึงปัจจุบัน ผมจะไม่รังแกใครทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้ก็ใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าไม่ใช้มันก็เกิดไม่ได้ หลายอย่างเป็นปัญหาผมพูดไปก็เท่านั้น
แต่จะทำให้ดีที่สุดในเวลาที่เหลืออยู่ เราคิดถึงสุดท้ายและคิดย้อนกลับมาและคิดถึงจุดเริ่มต้นว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหน ตรงนี้มันคือระหว่างทางที่เราต้องเดิน รัฐบาลคิดแบบนี้ ไม่ได้คิดว่าทำวันนี้เพื่อไปทำให้คนอื่นดูด้อยค่าชนะสิ่งที่เขาทำมาแล้วทุกอย่างมันต้องทำต่อกันทั้งหมด

"บิ๊กตู่"ขอ อย่ากลัว "ผี" กลัวนายกฯคนนอก



"บิ๊กตู่"ขอ อย่ากลัว "ผี" กลัวนายกฯคนนอก
ชี้เพราะเป็นผีที่ยังมองไม่เห็น ขอช่วยกำจัด ผีที่ขึ้นมาจากหลุม ไม่ให้คนไม่ดีมาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ชี้ ถ้าผมใช้อำนาจของผมมันจบไปนานแล้ว ไม่ต้องมาทะเลาะกันถึงวันนี้
"มีใครคิดว่าบ้านเมือง ตอนนี้เป็นสุขแล้ว ไปได้แล้ว ผมก็ต้องอยู่ตามโรดแมพ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คำว่าโรดแมพของผม อยู่ที่ท่านแล้ว ไม่ได้อยู่ที่ผม
"สงสัยไหมล่ะว่า ใครจะเป็นนายกฯคนนอก ไอ้ผีตนนั้น ยังมาไม่ถึง อย่าไปกลัวผีตรงโน้น "
วันนี้มาช่วย ผมทำให้ "ผีมันไม่ผุดจากหลุม"ขึ้นมาก็แล้วกัน คือไม่ให้คนไม่ดีมาทำให้บ้านเมืองเสียหายเท่านั้นเอง
คำว่าดี ไม่ดี เราตัดสินด้วยกระบวนการยุติธรรม ถ้าผมใช้อำนาจของผมมันจบไปนานแล้ว ไม่ต้องมาทะเลาะกันถึงวันนี้ ผมปล่อยให้โอกาสเสมอมา แต่ไม่เคยแก้ไข คนบางคนไม่แก้ไข
วันนี้ใครบอกคนไม่คบผม เขามากันหมดทุกประเทศ เขามาเพราะเห็นศักยภาพของเรามากันทุกอาทิตย์ แต่คนไทยบอกไม่มีใครคบ ต่างชาติเขาบอกว่ารัฐบาลผมรักษาสัญญาและข้อตกลง รวมถึงพยายามเดินตามข้อตกลงมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมา นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นทหารเพราะสัญญาคือสัญญาต้องทำให้ได้” พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี กล่าว

บื๊กตู่ ลั่นจะกำจัด"ผีในหลุม"

บื๊กตู่ ลั่นจะกำจัด"ผีในหลุม" ที่วันนี้ออกมาจากหลุม เที่ยวออกมาวุ่นวาย "ผีในหลุมทั้งนั้น" สักวันก็ต้องกลับหลุมหมด ด้วยกระบวนการยุติธรรม/ เตือน“อย่าบังคับให้ผมใช้อำนาจ ผมพร้อมใช้ แต่ไม่อยากใช้ /ยันรัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ในการสร้างความสงบสุข มีเสถียรภาพด้านความมั่นคง/ชี้ เป็นนายกฯที่พูดมากที่สุด แต่ผมพูดทุกอย่างที่ทำและคิด ไม่มีเรื่องอะไรซับซ้อนในใจ มีแต่คิดว่าอะไรจะต้องทำต่อ ขอกำลังใจให้ผม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยต้องสร้างด้วยคนไทยกันเอง ถ้าเราทำให้คนไทยทั้งหมดมีความรักความสามัคคีได้ นั่นคือการสร้างความมั่นใจที่ดีที่สุด ให้คนทั่งประเทศและต่างประเทศ
“สำหรับคนที่ไม่ร่วมมือก็ปล่อยเขาไป เราอย่าเอามาเป็นอารมณ์ อย่าไปลากเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจะเคลื่อนไหวอะไรก็เรื่องของเขาไป กฎหมายดูแลอยู่แล้ว
อย่าเอาทุกสิ่งทุกอย่างมาพันกัน เพราะจะไม่สามารถเดินหน้าประเทศไปได้ จะทำให้ไม่เกิดความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ "
เพราะในประเทศก็ไม่เชื่อมั่น แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็สูญหายเสียเวลาไปเปล่าๆ ฝากสื่อทุกคนช่วยกันคิด
"ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ในการสร้างความสงบสุข ความมีเสถียรภาพด้านความมั่นคงและด้านอื่นๆในนามของรัฐบาลและคสช. รวมถึงข้าราชการทุกคนจะทำเต็มที่ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกันอีกเลย พอได้แล้ว กม.ว่ากันไป”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ สื่อรู้ดีว่ามีปัญหาหลายอย่างซ้อนกันอยู่ อย่าเพิ่งไปลงความเห็นว่าเกิดจากอะไร เดี๋ยวมันจะเปิดเผยมาเอง กำลังดำเนินการอยู่
"ส่วนผีในหลุมที่ผมพูด มันมีไม่เยอะ และวันนี้ผีพวกนี้ก็ออกมาจากหลุม เที่ยวออกมาวุ่นวายตอนนี้ก็ผีในหลุมทั้งนั้น สักวันก็ต้องกลับหลุมหมด กระบวนการยุติธรรมจะดำเนินการหมด ขอให้ปล่อยกระบวนการยุติธรรมดำเนินการก้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมจะดีกว่า"
“อย่ามาให้ผมใช้อำนาจ ผมพร้อมใช้แต่ไม่อยากใช้ เอาอย่างนี้แล้วกัน อย่าบังคับให้ผมต้องใช้เลย ขอให้สื่อช่วยกันสร้างความเชื่อมัน เพราะทุกฝ่ายช่วยกันทำงานกันอย่างสาหัส "
ทั้งการบินไทย การท่าอากาศยานฯ ศุลกากร ตำรวจ ทหาร ทำกันแทบตาย ถ้ามีข่าวนิดเดียวว่าอย่างนี้อย่างนั้นมันจะไปทั้งหมด เสียแรงเปล่าๆ เราจะทำอย่างนั้นทำไม ไม่เกิดประโยชน์
" สื่อคือปากของประเทศ ผมตั้งให้ท่านเลย ท่านไม่ใช่สื่อ แต่เป็นปาก เป็นหู เป็นตาให้กับประเทศไทย ฉะนั้นเวลาจะพูดจะสื่ออะไรออกไป ดูซักนิดว่าจะมีผลเสียตรงไหนหรือไม่ หรือจะมีผลดีตรงไหน ผมไม่ได้ปิดบังสื่อ "
"ผมอาจจะเป็นนายกฯที่พูดมากที่สุด แต่ผมพูดทุกอย่างที่ทำและคิด ไม่มีเรื่องอะไรซับซ้อนในใจ มีแต่คิดว่าอะไรจะต้องทำต่อ ขอกำลังใจให้ผมแค่นั้น ผมจะร่วมฟันฝ่าไปกับท่าน ถ้าท่านจะคาดหวังข้าราชการ ภาครัฐโดยไม่ช่วยกันเลยคงไม่สำเร็จ จะไม่มีอะไรสำเร็จได้เลยในโลกใบนี้ ทั้งชาตินี้และชาติหน้าจำไว้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“บิ๊กป้อม” ขอเวลาจนท.ทำงาน อย่ากดดันจับมือบึ้ม 7 จังหวัด



“บิ๊กป้อม” ขอเวลาจนท.ทำงาน อย่ากดดันจับมือบึ้ม 7 จังหวัด ลั่น จะจับผู้ต้องหาให้ได้มากที่สุด ปรับระบบการข่าว / ติง สื่อ อย่าตื่นตัวมากนัก ไปสัมภาษณ์นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ผลกระทบเศรษฐกิจ ยิ่งทำชาติเสียหายไปใหญ่ บิ๊กป้อม "ยังฉุนไม่เลิก ข่าว"ถูกหาม เข้ารพ"ไม่รู้เขียนกันมาได้ไง ยืนทนโท่อยู่นี่ ทำไมไม่เช็คกัน บิ๊กป้อมจะตายช่างแม่ง"!!

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนเหตุระเบิดหลายจุดในพื้นที่ภาคใต้ว่า มีความคืบหน้าและความชัดเจนอย่างต่อเนื่อง เราต้องการจับกุมผู้ต้องหาให้ได้มากที่สุด
" แต่ขอว่าอย่ากดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ ต้องให้เวลาในการทำงาน ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทำงานกันไม่ได้หลับไม่ได้นอน "
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในอนาคตนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ด้านการข่าวได้รับรายงานว่าจะมีการก่อเหตุ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้
"ผมยืนยันว่าฝ่ายความมั่นคงระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้ว ทั้งหน่วยงานด้านการข่าว ทหาร ตำรวจ ได้บูรณาการข้อมูลกันอย่างเต็มที่ โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็นหน่วยงานหลัก"
" อยากขอความร่วมมือจากประชาชน เพราะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมให้มาก "
พลเอกประวิตร กล่าวว่า สื่อมวลชนเอง ก็อย่าตื่นตัวมากเกินไป เพราะจะทำให้ประเทศเสียหาย เช่น การไปถามนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ให้ประเมินความเสียหายและผลกระทบ เพราะมันส่งผลให้ประชาชนเกิดความสับสนได้
สำหรับผมให้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชนมาโดยตลอด ไม่เคยพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริง

“ผมว่าไม่ใช่ใครหรอก ผู้สื่อข่าวนี่แหล่ะสำคัญ การไปถามว่าเกิดระเบิดแล้วจะกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร มันก็ไปกันใหญ่ ประเทศเสียหาย ต่างชาติไม่มาลงทุน สื่อต้องเข้าใจนะ ทุกคนก็จบปริญญาตรี ปริญญาโทมาทั้งนั้น ทำไมไม่ค่อยคิดถึงประเทศก็ไม่รู้ จะเอาแต่ข่าว
"ดูซิเขียนมาได้อย่างไร หามบิ๊กป้อมเข้าโรงพยาบาลกลางดึก ไม่รู้เขียนกันมาได้อย่างไร ยืนทนโท่อยู่นี่ ทำไมไม่เช็คกัน บิ๊กป้อมจะตายช่างแม่ง"
ผู้สื่อข่าวชี้ว่า ที่มีข่าวแบบนี้เพราะมีคนอยากให้ท่านพักหรือเปล่า พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ถ้าอย่างนั้น ผมพร้อมเลย"