PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สุธาชัย : เลือกนายกฯโดยตรง

เลือกนายกโดยตรง
เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองได้นำเสนอหลักการใหม่ที่จะให้มีการปฏิรูปการเมืองของประเทศไทย โดยเสนอให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทางตรง หรือ คาบิเนตลิสต์(Cabinet List) หรือ โดยนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง อธิบายเหตุผลว่า เพราะกรรมาธิการฯเสียงข้างมากพิจารณาแล้วเห็นปัญหาจากการเมืองรูปแบบเดิม คือระบบรัฐสภาที่ให้ประชาชนเลือก ส.ส. แล้วให้ ส.ส.เลือกนายกฯนั้น หาก ส.ส.มีความสุจริตเที่ยงธรรม ก็จะมีส่วนทำให้ได้นายกฯที่ดี แต่หากว่าได้ ส.ส.ที่มาจากการซื้อสิทธิขายเสียง จะมีปัญหาตามมาว่านายกฯต้องมาดูแลและคอยอุปถัมภ์ ส.ส.ที่ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อเสียงเข้ามา และหากรัฐบาลมีเสียงข้างมากแบบเด็ดขาดก็จะเข้าครอบงำทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ทำให้การตรวจสอบอ่อนแอ ระบบการตรวจสอบโดยการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่เป็นผล เพราะอภิปรายเมื่อใดก็แพ้ทุกครั้ง ทำให้ฝ่ายบริหารยิ่งเหิมเกริมในการทุจริตคอร์รับชัน
นายสมบัติกล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่จึงเห็นว่าแนวคิดในการให้ประชาชนเลือกคณะรัฐมนตรีโดยตรงน่าจะแก้ไขปัญหาได้ เพราะคณะรัฐมนตรีไม่ต้องไปพึ่งพา ส.ส.หรือยืมมือทำให้ได้เป็นรัฐบาลอีกต่อไป และยังทำให้ประชาชนได้รู้ว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯและรัฐมนตรี มีประวัติมีผลงานน่าเชื่อถือเพียงใด รู้ก่อนตั้งแต่ยังไม่เลือกเข้ามาทำงาน ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องเลือก หากปล่อยให้นายกฯมาเลือกคณะรัฐมนตรีภายหลัง บางครั้งอาจไปเลือกนายทุน ผู้มีอิทธิพล เจ้าของบ่อน เข้ามาเป็นรัฐมนตรีเพื่อเป็นการตอบแทนกันก็ได้ ดังนั้นการที่ประชาชนได้รู้ประวัติและนโยบายคณะรัฐมนตรี จะเป็นประโยชน์กับประชาชน
ข้อเสนออื่นที่ตามมาด้วย คือ การล้มเลิก ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และให้ ส.ส.มาจากเลือกตั้งทั้งหมด ๓๕๐ คน แบ่งเขตไม่เกิน ๓ คน เพราะเขตใหญ่จะลดอิทธิพลเจ้าพ่อท้องถิ่นและลดความเป็นไปได้ในการซื้อเสียง นอกจากนี้จะคงให้มีวุฒิสภามาจากเลือกตั้ง ๗๗ คน และจัดตั้งจากกลุ่มอาชีพหรือองค์กรที่จัดตั้งตามกฎหมายอาทิ แพทย์สภา สภาทนายความ เป็นต้น อีก ๗๗ คน รวมเป็น ๑๕๔ คน
แต่กระนั้น ในคณะกรรมาธิการก็ยังมีเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ เช่น นายประสาร มฤคพิทักษ์ โฆษกกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง อธิบายว่า การเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เป็นการเพิ่มอำนาจนายกรัฐมนตรีมากเกินไปเหมือนเสือติดปีก การตรวจสอบยาก เพราะการมีอัยการอิสระนั้นยังคงมีกระบวนการอีกมากมาย เมื่อขึ้นถึงศาลและใช้เวลานาน รวมถึงการเลือกคณะรัฐมนตรีโดยตรงเป็นวิธีที่ใช้ทุนสูงและไม่แก้ปัญหาการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไม่แก้ปัญหาการอุปถัมภ์ เสียงจากประชาชนจะกลายเป็นอาญาสิทธิ์ในการให้นักการเมืองอยู่ในตำแหน่งถึง ๔ ปี
ความจริงแล้ว ข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปการเมืองโดยให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีทางตรงในสังคมไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๓ ครป. หรือ คณะทำงานรณรงค์เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ที่นำโดย พ.อ.สมคิด ศรีสังคม และ พงศ์เพ็ญ ศกุนตาภัย ก็เคยเสนอว่า การให้ประชาชนเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง จะช่วยป้องกันการรัฐประหารได้ เพราะนายกรัฐมนตรีจะมีความชอบธรรมและมีประชาชนสนับสนุน อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอลักษณะนี้จะถูกคัดค้านเสมอมาจากฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่จะโจมตีว่า เป็น”ระบอบประธานาธิบดี” ซึ่งขัดพระราชอำนาจ ทั้งที่การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเป็นการเลือกฝ่ายบริหาร ไม่เกี่ยวกับองค์พระประมุขแต่อย่างใด ข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรงจากประชาชน จึงต้องถือว่าเป็นวิธีการที่ก้าวหน้า และเป็นการขยายสิทธิประชาธิปไตยให้กับประชาชน น่าที่ฝ่ายประชาชนจะต้องสนับสนุน เพียงแต่ว่า ข้อเสนอนี้มาจากองค์กรที่ขาดความชอบธรรม ภายใต้จินตภาพทางการเมืองที่ผิด และคาดการณ์ได้ว่า ข้อเสนอนี้ไม่น่าจะบรรลุความเป็นจริงได้
ที่อธิบายว่า องค์กรขาดความชอบธรรมเพราะสภาปฏิรูปทั้งชุด ตั้งมาจากคณะรัฐประหารที่ล้มล้างอำนาจประชาชน และยังเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.(คณะรักษาความสงบแห่งชาติ)ที่เขียนเอาเองตามอำเภอใจ หน้าที่หลักของสภาชุดนี้คือการสร้างความชอบธรรมให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งไปตามความพอใจของฝ่ายชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม การเสนอข้อเสนออันน่าสนใจก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำให้สภาชุดนี้ดูมีความชอบธรรมที่จะกินเงินเดือนของประชาชนสูง ๆ ได้อยู่ต่อไป
แต่ปัญหาสำคัญของข้อเสนอในครั้งนี้ อยู่ที่จินตภาพทางการเมืองผิด เพราะเสนอขึ้นมาภายใต้คำอธิบายที่ว่า ระบบการเมืองแบบเดิมเต็มไปด้วยการทุจริต ประชาชนเลือก ส.ส.เพราะอิทธิพลและการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ส.ส.ที่ได้มาจึงไม่มีความสุจริตเที่ยงธรรม และนำมาซึ่งรัฐบาลที่ทุจริต รัฐมนตรีที่เลือกมาก็เป็น “นายทุน ผู้มีอิทธิพล เจ้าของบ่อน” ดังนั้น จึงต้องใช้การเลือกคณะรัฐมนตรีโดยตรงจากประชาชนมาแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่คำอธิบายทั้งหมดนี้เป็นมายาคติ เพราะไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดในอดีตเลยที่เป็นไปตามภาพแบบนี้ ยิ่งกว่านั้น ผลจากการที่มีการเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่หลัง พ.ศ.๒๕๒๒ ทำให้ประชาชนเลือก ส.ส.เป็นระบบพรรคมากขึ้น ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๔ เป็นต้นมา ส.ส.ที่มาแบบ“ซื้อสิทธิ์ขายเสียง”แทบจะไม่มีเหลือ เพราะประชาชนส่วนมากเลือกพรรคมากกว่าบุคคล
ปัญหาในระบบเลือกตั้งแบบเดิมมีเพียงแต่ว่า พรรคที่ประชาชนเลือกมาเป็นรัฐบาล คือ “พรรค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร(ไม่ว่าจะชื่อพรรคอะไร)” เป็นพรรคที่ไม่ต้องใจกลุ่มชนชั้นนำอนุรักษ์นิยม ชนชั้นนำไทยจึงละเมิดกติกาของตนเองโดยสนับสนุนให้กองทัพก่อการรัฐประหารโค่นอำนาจรัฐบาลเลือกตั้ง คือ รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ซึ่งล้มล้างรัฐธรรมนูญเดิม และสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ฉบับ พ.ศ.๒๕๕๐ ที่มอบอำนาจสูงสุดให้กับฝ่ายตุลาการ สร้างการตรวจสอบควบคุมฝ่ายบริหารอย่างไร้เหตุผล โดยหวังที่จะล้มล้างและฆ่าตัดตอนพรรคการเมืองฝ่ายทักษิณ แต่สิ่งที่คณะรัฐประหารและฝ่ายตุลาการล้มเหลวในระยะ ๘ ปีที่ผ่านมา ก็คือ ความล้มเหลวในการเปลี่ยนใจประชาชน ดังนั้น การเลือกตั้งที่มีขึ้นครั้งใด พรรคการเมืองฝ่ายทักษิณจึงชนะการเลือกตั้งเข้ามาทุกครั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้ง เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๔ ที่นำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แต่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังคงไม่เป็นที่พอใจของฝ่ายชนชั้นนำ ทั้งที่การบริหารประเทศก็เป็นไปโดยเรียบร้อย ไม่มีข่าวหรือกรณีทุจริตเหตุการณ์ใด และภาพลักษณ์ระหว่างประเทศของนายกรัฐมนตรีไทยก็สูงเด่นมาก ในที่สุด ชนชั้นนำอนุรักษ์นิยมก็อ้างเหตุความผิดพลาดของพรรคเพื่อไทย ที่เสนอกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งเมื่อปลาย พ.ศ.๒๕๕๖ มาสร้างกระแสประชาชนในการต่อต้านรัฐบาล เพื่อเปิดทางให้ฝ่ายทหารก่อการยึดอำนาจ จนในที่สุด ฝ่ายกองทัพบกที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ก่อการรัฐประหารเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๗ แล้วล้มรัฐธรรมนูญ สถาปนาระบอบเผด็จการ ที่ปิดกั้นความคิดของประชาชน และตั้งสภาเถื่อน เช่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ สภาปฏิรูปแห่งชาติ มาทำหน้าที่รองรับทิศทางการเมืองตามอำเภอใจของฝ่ายชนชั้นนำ ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ดังนั้น จึงขอวิเคราะห์ล่วงหน้าเลยว่า ข้อเสนอเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง จะไปไม่รอด ในสังคมไทยที่ชนชั้นนำมีความคิดอนุรักษ์นิยมจัดเช่นนี้ และยังเป็นเพราะข้อเสนอนี้ไม่สอดคล้องกับแนวคิดการสร้างประชาธิปไตยแบบลดอำนาจประชาชนที่เป็นทิศทางที่ดำเนินอยู่
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ ๔๙๔วันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗

จับยาไอซ์ล็อตใหญ่มูลค่าพันล้านเครือข่าย ยี่เซ

จับยาบ้า-ไอซ์ล็อตใหญ่มูลค่า 1,200 ล้าน
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผบช.ปส. พล.ต.บรรเจิด ฉางปูนทอง ผบ.กกล.ผาเมือง ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจจับยาเสพติดล็อตใหญ่ ประกอบด้วย ยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 30 ก.ก. มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังยึดรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน 2 กข 2759 กทม. รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้าวีออส สีเทา ทะเบียน กพ 1202 เชียงราย และรถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค สีขาว ทะเบียน ศฮ 2299 กทม. หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มาส่งที่บริเวณ รพ.แม่สาย กระทั่งมี น.ส.ณัชญานันท์ มหัทธนสิทธิโชค อายุ 24 ปี ขับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ทะเบียน ศฮ 2299 กทม. มาจอด ก่อนรีบข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพบของกลางดังกล่าว ก่อนขยายผลตามไปตรวจยึดของกลางเพิ่มที่บ้านของ น.ส.ณัชญานันท์
ผบช.ภ.5 กล่าวว่า เครือข่ายดังกล่าวมีนายอั๋นซึ่งเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ที่อยู่กรุงเทพเป็นหัวหน้าเครือข่าย โดยนส.ณัชญานันท์ เป็นภรรยา ซึ่งทำกันเป็นขบวนการมานานแล้ว โดยจะไปรับยามาจากชนกลุ่มน้อยเครือข่าย พ.ท.ยี่เซ และนำยามาไว้ตามสถานที่ราชการใน อ.แม่สาย ก่อนที่นายอั๋นจะให้คนมารับรถที่ซุกซ่อนยาและมีรถนำขับเลี่ยงเส้นทางตั้งด่านในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อนำยาล็อตนี้ส่งให้ลุกค้าในกรุงเทพ ซึ่งเบื้องต้นสามารถสกัดจับเครือข่ายนี้มีผู้ร่วมขบวนการหลายคน อย่างไรก็ตาม จะเร่งขยายผล และประสานทางการพม่าในการตามล่าตัวนายอั๋น และนางณัชญานันท์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..


วิกฤติรูเบิล...เมื่อปูติน กลายเป็นเสือลำบาก

นรัสเซียพุ่งสูงขึ้นอย่างยิ่ง เพราะจุดยืนแข็งกร้าวของเขาในกรณียูเครน..แต่ “วิกฤติรูเบิล” ครั้งนี้อาจสึกกร่อนฐานอำนาจทางการเมือง อย่างรุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยเผชิญมา เพราะหากเศรษฐกิจเสื่อมทรุดต่อหน้าต่อตาเช่นนี้ ปากท้องประชาชนถูกกระทบอย่างแรง ความนิยมชมชอบทางการเมืองก็ไม่อาจจะช่วยให้ป้องกันการล่มสลายของอำนาจที่ศูนย์กลางได้
ที่สร้างความประหลาดใจท่ามกลางวิกฤตเงินสกุลรูเบิล ธนาคารกลางรัสเซียก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 17% ซึ่งสูงที่สุดใน 16 ปี
หากเป้าหมายคือการยับยั้งการทรุดตัวของเงินรูเบิล ความพยายามนั้นก็ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ยิ่งมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของปูตินซ้ำสอง..ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ ย่อมมีผลต่อเศรษฐกิจของรัสเซีย เพราะมอสโกอาศัยรายได้จากน้ำมันเป็นหนึ่งในเสาหลัก
เมื่อราคาน้ำมันดิบโลกหล่นลงไปที่ต่ำกว่า 60 เหรียญต่อบาเรล และไม่มีใครทำนายได้ว่าจะไปนิ่งที่ระดับราคาไหน เงินรูเบิลของรัสเซียก็โหม่งโลก จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 34 รูเบิลเป็น 70 รูเบิลต่อดอลลาร์
ตลอดเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ปูติน อาศัยรายได้จากน้ำมันเป็นปัจจัยหลัก ในการสร้างระบบเศรษฐกิจรัสเซีย แต่เมื่ออัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเช่นนี้ ก็ย่อมมีผลทางลบต่อชาวบ้านทันที เพราะจะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยที่ทั้งครัวเรือนและธุรกิจ
จึงไม่ต้องสงสัยว่าหากรัสเซียต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตีบตันฝืดเคืองในเร็ววัน
ธนาคารกลางของรัสเซียคาดว่าหากราคาน้ำมันลดลงไปที่ 60 เหรียญต่อบาเรล จีดีพี หรือผลผลิตมวลรวมของรัสเซียจะหดตัวลง 4.7% คนจะตกงาน ธุรกิจน้อยใหญ่จะเจ๊ง และการเมืองรัสเซียจะผันผวน
นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศบางคนมีทฤษฎี “สมรู้ร่วมคิด” ระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบีย ในการกดราคาน้ำมันลงต่ำถึงระดับที่จะมีผลต่อรัสเซีย เพื่อกดดันปูตินให้ยอมถอยในกรณียูเครน
ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมเห็นว่า ปูติน จะไม่อยู่เฉย ๆ และจะต้องดิ้นออกจากมุมอับนี้อย่างสุดฤทธิ์ เพราะหากเศรษฐกิจพัง เขาก็อยู่ไม่ได้ และหากเขาอยู่ไม่ได้ ปูติน ก็จะต้องลากเอาสหรัฐลงไปด้วย
เพราะ ปูติน เห็นว่าการที่สหรัฐกับยุโรปตะวันตก ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเขา เป็นการเล่นนอกเกม และจงใจที่จะบีบให้เขาตกจากอำนาจ ปูตินรู้ว่าประชาชนยังชื่นชมเขา แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักว่า ความนิยมทางการเมืองไม่อาจอยู่ยั่งยืนได้ หากปากท้องของชาวบ้านเริ่มมีปัญหา
หากรัสเซียมีอันต้องเข้าสู่ภาวะโคม่าทางเศรษฐกิจ ผลที่ตามมาจะไม่จำกัดแต่เพียงในประเทศ หากแต่จะส่งผลกว้างไกลไปทั่วโลก เพราะรัสเซียค้าขายและลงทุนในต่างประเทศไม่น้อย และจีนซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดก็คงจะไม่อยู่เฉย ๆ ต้องหาทางเข้ามาโอบอุ้มเพื่อคานอำนาจสหรัฐในย่านนี้ด้วยอย่างแน่นอน
ปูติน กำลังเป็นเสือลำบากที่ไม่ยอมล้มหมอนนอนเสื่อง่าย ๆ แน่นอน!

รัสเซียรับมือ

รายงานลับของกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียเปิดเผยว่าประธานาธิบดีปูตินได้สั่งให้ธนาคารกลางของรัสเซียใช้ยุทธวิธีที่เรียกว่า Samson Defense ในการต่อสู้กับพวกเก็งกำไรค่าเงินรูเบิ้ลด้วยการจงใจให้ค่ารูเบิ้ลตกลงไปอย่างรุนแรงในวันอังคารที่ผ่านมา และในขณะเดียวกันมุ่งทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐฯและสหภาพยุโรปไปด้วย
ยุทธวิธีSamson Defenseหรือการป้องกันตัวแบบแซมซั่นนี้แปลได้ง่ายๆคือถ้ากูตาย ต้องตายกับกูด้วย แซมชั่นเป็นตัวละครในพระคำภีร์ไบเบิ้ลเก่า ซึ่งใช้กำลังมหาศาลของตัวเองในการดันเสาของวิหารของพวกฟิลิสตีนพังลงมา ทำให้หลังคาถล่มล้มลงมาทับตัวเองตาย แต่พวกฟิลิสตีนที่จับตัวเขาก็ตายไปด้วยนับพันคน ก่อนตายแซมซั่นประกาศว่า ขอให้ฉันได้ตายไปด้วยกับพวกฟิลิสตีน
พวกอิสราเอลมีศัพท์เฉพาะที่เรียกกันในนโยบายกลาโหม คือSamson Optionคือทางเลือกแซมซั่น ในกรณีที่อิสราเอลถูกโจมตีอย่างมิอาจจะต้านได้ อิสราเอลจะตอบโต้ด้วยการยิ่งขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อให้ศัตรูตายไปพร้อมๆกันกับตัวเอง
เนื่องจากรัสเซียโดนรุมกินโต๊ะจากการถูกแซงชั่นทางเศรษฐกิจการเงิน ราคาน้ำมันโดนสหรัฐฯและซาอุดิฯทุบลงมาทำให้ประเทศขาดรายได้ ประเทศถูกโดเดี่ยว และค่าเงินโดนเก็งกำไรหนัก จึงไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องสู้ตาย ธนาคารกลางรัสเซียได้ขึ้นดอกเบี้ยไปถึง17%จาก10.50%ในวันอังคารเพื่อดัดหลังพวกเก็งกำไรค่าเงิน ความผันผวนของทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยทำให้ผู้เทรดดอลล่าร์/รูเบิ้ลเลิกให้บริการเทรดค่าเงินคู่นี้ พวกที่เล่นอนุพันธ์รูเบิ้ลจะเจ็บตัวจากมาตรการเข้มนี้ของรัสเซีย
ค่าเงินที่ตกหนักไปวันเดียว20% และที่ผ่านมาตกไป57%เมื่อเทียบดอลล่าร์ไม่ได้สร้างความเสียหายให้รัสเซียมากนัก เพราะว่าบัญชีงบดุลการคลังของรัสเซียใช้เงินรูเบิ้ลที่กำลังมีค่าอ่อนตัวลง แต่รายได้จากน้ำมันได้เป็นเงินดอลล่าร์ที่มีค่าสูงขึ้น หมายความว่าราคาน้ำมันที่ตกต่ำที่มีการคาดว่าจะมีผลกระทบต่อภาระการคลังของรัสเซียจะไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะว่ารัสเซียจะได้รายได้ที่เป็นรูเบิ้ลมากขึ้น ก่อนหน้านี้ ปูตินประกาศว่ารัสเซียเตรียมพร้อมแล้วที่จะเผชิญกับหายนะของราคาน้ำมันที่ตกต่ำ
ธนาคารกลางรัสเซียต้องเข้ามาอุ้มRosneft บริษัทน้ำมันยักษ์ของรัสเซียที่มีภาระต้องจ่ายหนี้ต่างประเทศ Rosneftได้ออกบอนด์มูลค่า625,000ล้านรูเบิ้ลให้ธนาคารกลางรับซื้อในราคา$10,000ล้านเพื่อจ่ายหนี้ในเดือนนี้ และอีก$4,000ล้านในเดือนกุมภาพันธ์
ไม่ได้ถือว่าธนาคารกลางของรัสเซียทำQEผ่านการซื้อบอนด์ของบริษัทรัฐบาลเหมือนเฟดหรือธนาคารกลางของญี่ปุ่น เพราะว่าธนาคารกลางของรัสเซียต้องใช้ดอลล่าร์ซื้อ ไม่ได้พิมพ์รูเบิ้ลมาใช้
สหรัฐฯและโอเปคร่วมมือกันจะดันราคาน้ำมันให้ลงต่อไปอีกถึง$40ต่อบาเรลล์เพื่อทำลายเศรษฐกิจของรัสเซียที่พึ่งพารายได้จากน้ำมันเป็นหลัก แต่ผลกระทบคือผุ้ผลิตน้ำมันเชลของสหรัฐฯจะถูกซาอุดิฯที่มีต้นทุนการผลิตน้ำมันต่ำที่สุดในโลก (ประมาณ$30ต่อบาเรลล์)ทำลายไปด้วย เศรษฐกิจสหรัฐฯจะมีปัญหาหนักขึ้นเพราะว่าถ้าหากน้ำมันมีราคาต่ำกว่า$55ต่อบาเรลล์ ภาคพลังงานที่มีการลงทุนสูงและเป็นภาคที่มีการจ้างงานสูงนับล้านคนจะอยู่ไม่ได้
ในการป้องกันตัวเองแบบแซมซั่น รัสเซียต้องยืนหยัดให้ได้ท่ามกลางการล้อมกรอบของสหรัฐฯและสหภาพยุโรป รายงานของกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจของรัสเซียระบุว่าฐานะการเงินของรัสเซียมั่นคงกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯและสหภาพยุโรป สหรัฐฯมีหนี้$18ล้านล้าน ซึ่งในทางคณิตศาสตร์แล้วไม่มีทางลำระคืนได้ ส่วนสหภาพยุโรปมีหนี้พอๆกันคือ$15ล้านล้าน ทั้งสองค่ายรวมกันแล้วมีหนี้$30ล้านล้าน ในขณะที่รัสเซียมีหนี้ต่างประเทศเพียง$678,000ล้าน สัดส่วนหนี้ของรัสเซียต่อจีดีพีอยู่ที่14% เทียบกับ90.9%สำหรับยุโรป 80.2%สำหรับสหรัฐฯ และ227%สำหรับญี่ปุ่น ด้วยฐานะการเงินอย่างนี้ รัสเซียมั่นใจว่ามีเงินพอที่จะสามารถยืนหยัดกับการถูกพันธมิตรตะวันตกแซงชั่นได้
และในSamson Defenseนี้ รัสเซียจะไม่ลดกำลังการผลิตน้ำมัน แต่อาจจะเพิ่มกำลังการผลิตด้วยซ้ำ ค่าเงินรูเบิ้ลอาจจะอ่อนค่าต่อดอลล่าร์ แต่น้ำมันรัสเซียจะถูกที่สุดในโลก
รัสเซียประกาศแล้วตายเป็นตาย แต่พวกคุณต้องตายก่อน
เครดิต Thanong Fanclub
http://www.whatdoesitmean.com/index1825.htm

สถานการณ์ข่าว18ธ.ค.57

Jab18Dec14

สนช.มรดก

พรเพชร นัดสมาชิกประชุม 10.00 น. เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน 12 เรื่อง พร้อมจับตา พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. โดยมีวาระเร่งด่วนให้พิจารณา 12 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องที่คณะรัฐมนตรีเสนอ 5 เรื่อง และเรื่องที่

คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ 7 เรื่อง อาทิ ร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. ....  เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ ได้เลื่อนการพิจารณามาตั้งแต่วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพื่อให้สมาชิกได้ศึกษา

รายละเอียดอย่างถี่ถ้วน ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติหอพัก พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระ

ราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) ร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. ....

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ค้างพิจารณา คือ รายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ 2556 และรายงานประจำปี 2556 สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
--------------------
สมาชิก สนช. ทยอยเตรียมตัวประชุมแล้ว ขณะรายงานข้อเสนอ สปช. และ สนช. นัดส่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพรุ่งนี้

บรรยากาศก่อนการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล่าสุด สมาชิก สนช. ทยอยเดินทางเตรียมตัวประชุมที่จะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น. แล้ว โดยพิจารณาวาระเร่งด่วน 12 เรื่อง ขณะเดียวกัน

ก่อนประชุมมีสมาชิกบางส่วนต้องประชุมกรรมาธิการชุดต่าง ๆ อาทิ คณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรมและการแรงงาน คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความรับ
ผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน คณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน

และการคลัง

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภา 18 คณะ ที่มีมติเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแห่งชาติแล้วเมื่อวานนี้ รวมถึงรายงานข้อเสนอแนะประกอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ

ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะนำส่งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในวันพรุ่งนี้ 19 ธันวาคม 2557
------------------
มาสเตอร์โพล แกนนำชุมชน ร้อยละ 38.5 ระบุเป็นเรื่องของรายได้ คนรวยกับคนจนที่ไม่เท่าเทียมกัน รองลงมาการเข้าถึงสาธารณูปโภค

"มาสเตอร์โพล" ชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ ความคิดเห็นของแกนนำชุมชนต่อความเท่าเทียมกันในสังคมไทย จากกรณีศึกษาตัวอย่างแกนนำชุมชน จำนวน 629

ชุมชน ในระหว่างวันที่ 11-17 ธ.ค. ที่ผ่านมาพบว่าความไม่เท่าเทียมกันที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบัน ร้อยละ 38.5 ระบุเป็นเรื่องของรายได้ คนรวยกับคนจนที่ไม่เท่าเทียมกัน ร้อยละ 21.2 การเข้าถึง

สาธารณูปโภค ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ที่ไม่เท่าเทียมกัน ร้อยละ 20.4 ระบุการประกอบอาชีพ ที่ดินทำกินที่ไม่เท่าเทียมกัน ร้อยละ 18.5 การศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกัน และ ร้อยละ 17.8

ระบุกระบวนการยุติธรรม การได้รับความเป็นธรรมที่ไม่เท่าเทียมกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงการได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมในสังคมต่อกันของชาวบ้านในการใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้าน ชุมชนในปัจจุบัน พบว่า ร้อยละ 6.2 มีการปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมกันมาก

ที่สุด ร้อยละ 54.4 ระบุค่อนข้างมาก ร้อยละ 36.4 ระบุปานกลาง
-------------------
สนช. เริ่มประชุมแล้ว เตรียมพิจารณาวาระเร่งด่วน 12 เรื่อง จับตาร่าง พ.ร.บ.ภาษีมรดก

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล่าสุด ประธานการประชุมกดสัญญาณเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุมแล้ว เตรียมพิจารณาวาระเร่งด่วน 12 เรื่อง โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติ

ภาษีการรับมรดก พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ที่กำหนดให้บุคคลผู้เสียภาษีจะต้องมีสัญชาติไทย หรือหากไม่ใช่สัญชาติไทย ต้องมีภูมิลำเนาในประเทศไทย หรือได้รับมรดกที่
เป็นทรัพย์สินในไทย

ทั้งนี้ การรับมรดกที่ต้องเสียภาษี จะต้องมีมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาท โดยต้องเสียภาษี ร้อยละ 10 เฉพาะส่วนที่เกินกว่า 50 ล้านบาท และหากรับมรดกเพื่อกิจการศาสนา การศึกษา และสาธารณ

ประโยชน์ ไม่ต้องเสียภาษี แต่หากไม่ยื่นเสียภาษี มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมี สมาชิก สนช. ให้ความสนใจ โดยบางส่วนเห็นว่าควรยกเว้นการเสียภาษีสำหรับเกษตรกรที่รับมรดกที่ดินเพื่อใช้ในการเกษตรกรรม ซึ่งที่ประชุมจะพิจารณาอย่างรอบคอบ

เพื่อไม่เกิดปัญหาโต้แย้งในภายหลัง
--------------
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณากฎหมายภาษีการรับมรดกแล้ว ขณะรัฐมนตรีคลัง เข้าชี้แจงหลักการและเหตุผล

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ทำหน้าที่ประธานการประชุม ล่าสุดเข้าสู่การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พศ. .... และร่างพระราช

บัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แล้ว โดย นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า การถ่ายโอนทรัพย์สินทางมรดกใน
ปัจจุบันได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเสียภาษี ไม่ว่าทรัพย์สินจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพราะปัจจุบันเกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม จึงเห็นควรจัดเก็บภาษีตามสมควรจากการรับมรดกที่มีมูลค่า

จำนวนมาก เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศและยกระดับการใช้ชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ทั้งนี้ เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 20-21% และจะพยายามอุดรูรั่วต่าง ๆ ที่

ประเทศพัฒนาแล้วนำเงินไปพัฒนาประเทศ จึงขอให้คนที่หารายได้จำนวนมากเสียสละเพื่อประเทศ
-----------------------
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติรับหลักการวาระแรก พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พร้อมตั้งกรรมาธิการศึกษา 25 คน
แปรญัตติใน 7 วัน

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใช้เวลาการพิจารณากว่า 4 ชั่วโมง ของร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เนื่องจากเนื้อหากฎหมาย 2 ฉบับนี้มีความ
สอดคล้องกัน จากนั้น ที่ประชุมมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก วาระแรก ด้วยคะแนน 160:16
งดออกเสียง 10 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 25 คน กำหนดกรอบการทำงาน 90 วัน และแปรญัตติภาย
ใน 15 วัน และมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร วาระแรก ด้วยคะแนน 172:8 งด
ออกเสียง 7 เสียง พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 25 คน ซึ่งเป็นชุดเดียวกับร่างพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก
ในกรอบการทำงาน 90 วัน แปรญัตติภายใน 15 วัน
---------------
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ รับหลักการ พ.ร.บ.หอพัก พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 17 คน กรอบทำงาน 30 วัน

บรรยากาศการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ล่าสุด ที่ประชุม สนช. มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติหอพัก
ด้วยคะแนน 171 ต่อ 1 งดออกเสียง 5 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 17 คน กรอบการทำงาน 30 วัน
แปรญัตติภายใน 7 วัน

โดยมีหลักการและเหตุผล เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยหอพักที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2507 ไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน
จึงต้องกำหนดแนวทางกำดับดูแลให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษา
พร้อมกำหนดให้หอพักมี 2 ประเภท คือ หอพักชายและหอพักหญิง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้พักชายและผู้พักหญิงปะปนกัน
ซึ่งไม่ได้ตัดสิทธิ์ผู้ประกอบกิจการหอพักที่จะสร้างหอพักชายและหอพักหญิงอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่ต้องแยกอาคาร
และใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักออกจากกัน
----------------
สนช.รับหลักการพ.ร.บ.หอพักวาระแรก กำหนดให้มี 2 ประเภทแยกชายและหญิง ป้องกันไม่ให้ปะปนกัน

ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติหอพัก ด้วยคะแนน 171 ต่อ 1 งดออกเสียง 5 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาจำนวน 17 คน กรอบการทำงาน

30 วัน แปรญัตติภายใน 7 วัน

โดยหลักการและเหตุผล เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยหอพักที่บังคับใช้ตั้งแต่ปี 2507 ไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน จึงต้องกำหนดแนวทางกำดับดูแลให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพ

ของเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษา พร้อมกำหนดให้หอพักมี 2 ประเภท คือ หอพักชายและหอพักหญิง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้พักชายและผู้พักหญิงปะปนกัน ซึ่งไม่ได้ตัดสิทธิ์ผู้ประกอบกิจการ

หอพักที่จะสร้างหอพักชายและหอพักหญิงอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่ต้องแยกอาคารและใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักออกจากกัน

ขณะที่นายตวง อันทะไชย สมาชิก สนช.เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ เพราะเป็นกฎหมายที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้ผู้ปกครองคลายความกังวลมากขึ้น ซึ่งเจตนารมณ์ของ

กฎหมาย ต้องการคุ้มครองสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของเยาวชนให้สะดวก ปลอดภัย และเก็บค่าเช่าที่เหมาะสม พร้อมยอมรับว่า ไม่ห่วงหอพักของรัฐ เพราะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ห่วงหอพัก

เอกชนที่ไม่จดทะเบียน เพราะอาจกลายเป็นแหล่งมั่วสุมแห่งใหม่ได้

ดังนั้น จึงเสนอให้การจดทะเบียนหอพักเป็นไปได้ยาก แต่ยกเลิกหอพักที่จดทะเบียนได้ง่าย เพื่อควบคุมให้หอพักได้ประกอบกิจการอย่างมีมาตรฐาน ปลอดภัย คุ้มครองเด็กที่เป็นนิสิตนักศึกษา พร้อม

เห็นด้วยให้แยกหอพักหญิงและชาย

นอกจากนี้ ยังมีสมาชิก สนช.ที่ต้องการให้กฎหมายระบุชัดว่า หอพักสถานศึกษา จะครอบคลุมถึงหอพักที่สถานศึกษาบริหารจัดการเอง และเอกชนเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการหรือไม่ อีกทั้ง ยัง

ต้องการให้กำหนดเกี่ยวกับจำนวนที่จอดรถ ให้สอดคล้องกับจำนวนห้องพักด้วย

////////////////
สปช.

สปช. เดินหน้าปฏิรูป นัดประชุมทุกวันจันทร์ พิจารณาข้อเสนอเร่งด่วน ส่งคณะรัฐมนตรีดำเนินการพร้อมติดตามการเขียน รธน. ของ กมธ.ยกร่างฯ

นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการกิจการ สปช. (วิป สปช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ว่า หลังจากมีการเสนอแนวคิด ความเห็นต่อ กมธ.

ยกร่างรัฐธรรมนูญไปแล้ว 3 วัน ซึ่งภาพรวมก็เรียบร้อยดี หลังจากนี้ก็จะต้องติดตามดูว่า กมธ.ยกร่างฯ จะนำแนวคิด ข้อเสนอไปเขียนรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร เพื่อให้มีความครอบคลุมการแก้

ปัญหาที่สะสมมานานนับ 10 ปี โดยเฉพาะเรื่องของความแตกแยกในสังคม การเมืองอ่อนแอ ระบบราชการทุจริตคอร์รัปชั่น และพลังงานเป็นต้น  

นอกจากนี้ สปช. จะต้องเดินหน้าในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งได้มีการแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ปฏิรูปเร่งด่วน ปฏิรูปใน 1 ปี และ ปฏิรูปแบบยั่งยืน ซึ่ง สปช. จะมีการประชุมในทุกวันจันทร์ ตั้งแต่วันที่

22 ธ.ค. นี้ เป็นต้นไป เพื่อพิจารณาข้อเสนอเร่งด่วนสำหรับการปฏิรูปเพื่อเสนอให้กับคณะรัฐมนตรีต่อไป
-------------------
ประธานคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน ชี้ ข้อเสนอแนะ 3 ประเด็นควรถูกบรรจุให้อยู่ใน รธน.

นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ได้เสนอแนะข้อมูลที่ได้ศึกษามา ผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติไปยังกรรมาธิการยกร่างรัฐ

ธรรมนูญถึงประเด็นที่น่าสนใจเเละควรถูกบรรจุให้อยู่ในรัฐธรรมนูญ โดยมีเรื่องสำคัญ ๆ คือ 1.จริยธรรมเเละธรรมมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อแก้ปัญหาที่ผ่านมา อันเป็นหัวใจเเละ

ส่วนสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน 2.ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคเเละส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับคณะกรรมาธิการปฏิรูปการปกครองส่วน

ท้องถิ่น โดยเห็นว่าควรปฏิรูปเพื่อให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องให้เกิดผลกับประชาชน เเละให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้นในการแก้ปัญหาเเละการเข้าถึงบริการของประชาชน ต้องไม่มีความ

เหลื่อมล้ำเเละมีความเท่าเทียมมากขึ้น พร้อมให้ความมั่นใจว่าประเด็นของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จะไม่ได้รับผลกระทบจากการอภิปรายวานนี้ เพราะไม่มีวาระในประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ ไม่อยากให้ตื่น

ตระหนกกับข่าวลือเรื่องการยุบกำนันผู้ใหญ่บ้านเพราะข่าวลือดังกล่าวไม่มีมูลความจริงเเละหากมีจริง จะเป็นเพียงการเเก้กฎหมายหรือกฎกระทรวง เพื่อให้มีความคล่องตัวเเละมีประสิทธิภาพใน

การบริหารงานส่วนภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น 3.การปฏิรูประบบงบประมาณเเละการคลัง ซึ่งตนคิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องความมั่นคงของทั้งทางเศรษฐกิจเเละทางทหาร

ทั้งนี้ นอกจากประเด็นดังกล่าว ยังมีเรื่องของการจำกัดอำนาจบทบาทการขยายตัวของภาครัฐ ที่ต้องรอวาระในการอภิปรายในวาระต่อไป
-------------------
กมธ.ยกร่าง รธน. ประชุมรับฟังแนวทางการยกร่าง รธน.ของคณะอนุกรรมาธิการยกร่างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประธานการประชุม โดย นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะ

กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า วันนี้จะมีการประชุมเพื่อรับฟังแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญของคณะอนุกรรมาธิการยกร่างบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ที่มี นางกาญจนรัตน์
ลีวิโรจน์ เป็นประธาน ว่า หลังจากที่รับฟังข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. มาแล้ว จะสามารถนำมาใส่เป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เพราะข้อเสนอที่รับฟังมีจำนวนมาก

แต่รัฐธรรมนูญจะเขียนสั้น ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการชุดนี้ ส่วนใหญ่จะประกอบด้วยฝ่ายกฤษฎีกา ทำหน้าที่เสมือนฝ่ายเทคนิคในการยกร่างรัฐธรรมนูญ
------------------
ไพบูลย์ ระบุประชุม สปช. บรรยากาศดี-ย้ำไม่เร่งรัดประมวลผล ยกร่างรายมาตราอย่างรอบคอบ

นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ เเละคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า การประชุมสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติในสามวันนั้นมีบรรยากาศที่ดี

เเละมีความหลากหลายมากพอสมควรในของเเต่ละกรรมาธิการ ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกรรมาธิการยกร่างอย่างยิ่ง

สำหรับปัญหาที่มีสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติร้องเรียนเรื่องของเวลาในการอภิปรายไม่เพียงพอนั้น ไม่หนักใจ เพราะจะมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมและให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติส่ง

ความคิดเห็นมายังกรรมาธิการวิสามัญติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ตลอดเวลา และยินดีเพิ่มเติมประเด็นในการยกร่าง หากมีประเด็นสำคัญเพิ่มเติม

ทั้งนี้ มีการประชุมกรรมาธิการยกร่างฯ ในเบื้องต้น กรรมาธิการจะไม่เร่งรัดประมวลผลส่วนการร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรานั้น จะร่างทีละมาตราไปก่อน เพราะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบละเอียดถี่

ถ้วน ให้มีการครอบคลุมมากที่สุด เเละรอการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนทุกฝ่ายร่วมพิจารณา ซึ่งตนเชื่อว่าจะร่างได้ตามกำหนดเวลา
---------------------
กมธ.ยกร่าง รธน. ยังไม่สรุปเลือกนายกฯ โดยตรงหรือไม่ ยินดีฟังทุกความเห็น พร้อมเผย นปช. เข้าเสนอความเห็นพรุ่งนี้

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงถึงการประชุมของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ โดยได้มีการรายงานผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูป พิจารณา

ความเห็นข้อเสนอแนะของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พรรคการเมือง และกลุ่มต่าง ๆ โดยแบ่งประเด็นทั้งหมดเป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่จะบัญญัติไว้ในรัฐธรรทนูญ กลุ่มที่จะใส่ไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ กลุ่มที่จะเสนอแนวทางการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีและกลุ่มที่ยังไม่มีข้อยุติ

นอกจากนี้ นายคำนูณ ยังกล่าวถึงการรับฟังประเด็นเลือกนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรงจากคณะอนุกรรมมาธิการปฏิรูปการเมืองว่า คณะกรรมาธิการยกร่างฯ ยังไม่ปิดตายข้อเสนอใน

ประเด็นนี้ ตั้งข้อสังเกตถึงข้อดีและข้อเสียนี้ คณะกรรมาธิการยกร่างยังคงไม่ตัดสินใจในวันนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจกับเกี่ยวข้อเสนอดังกล่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (19 ธ.ค.) นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แนวร่วมประธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเดินทางเข้ามาเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างในฐานะส่วนตัวอีกด้วย
------------
บวรศักดิ์ ยัน ไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง-ย้ำไม่มีพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญ

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งหากจะใช้ระบบนี้ก็ต้องถามความเห็นของคนในสังคม

ก่อน และต้องออกแบบคำถามให้ครอบคลุมทุกประเด็น ทุกกลุ่มคนในสังคมเพื่อให้ได้ความชัดเจนมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้องถามความเห็นของกรรมาธิการยกร่างคนอื่น ๆ ว่าเห็นด้วยกับแนว
ทางนี้หรือไม่

นายบวรศักดิ์ ยังย้ำด้วยว่า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญไม่มีพิมพ์เขียวแนวทางการยกร่างไว้ก่อน ตามที่สมาชิกสภาปฏิรูปบางส่วนอภิปรายไว้ และในวันนี้ได้เชิญสมาชิก สปช. ที่ยังมีข้อสงสัยเข้า

ร่วมรับฟังการประชุมของกรรมาธิการ แต่ก็ไม่มีใครเข้าฟัง

ทั้งนี้ ตนและ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ไม่ได้ขัดเเย้งกัน เป็นเพียงความเห็นต่าง ซึ่งข้อเสนออื่น ๆ ของกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองก็จะนำเอามาพิจารณาไปพร้อม

กัน
////////////////
นายกฯ

พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมต้อนรับ นายกฯ จีน พร้อมเป็นสักขีพยานลงนามความร่วมมือโรงสร้างคมนาคมวันพรุ่งนี้

เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล (http://www.thaigov.go.th) รายงาน ในวันที่ 19 ธ.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดให้การต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง (Mr. Li Keqiang) นายกรัฐมนตรี

แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อร่วมหารือข้อราชการ และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลง ความร่วมมือ 2 ฉบับ ประกอบด้วยความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟใน

กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 - 2565 และความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ระหว่างราชอาณาจักรไทยและ

สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี จะเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำที่เข้าร่วมการการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศ ครั้งที่ 5 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและจีน ทั้ง 2 ฉบับ เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีการพบปะหารือกับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ใน

เวทีการประชุมระหว่างประเทศมาโดยตลอด โดยย้ำให้จีนเห็นถึงความสำคัญของไทยและพร้อมที่จะขยายความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
 --------------
นายกฯ เดินทางเข้าทำเนียบแล้ว ไร้วาระงาน, ประชุมอย่างเป็นทางการ - รองฯ ยงยุทธ ปธ.เผาทำลายยาเสพติด

บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันนี้ ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว โดยคาดว่า

เป็นการปฏิบัติงานตามปกติ เนื่องจากวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีวาระงานหรือการประชุมอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

ส่วนวาระงานของรองนายกรัฐมนตรีอื่นที่น่าสนใจนั้น ในเวลาประมาณ 10.15 น. นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานพิธีเผาทำลายยาเสพติดให้โทษของกลาง ครั้งที่ 44 ที่ ศูนย์

บริหารสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และในเวลา 14.00 น. นายยงยุทธ จะเป็นประธานแถลงข่าวการมอบของขวัญปีใหม่ของกระทรวงวิทยา
ศาสตร์และเทคโนโลยี และเยี่ยมชมนิทรรศการ โครงการคืนความสุขให้ประชาชน ที่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
------------------
นายกฯ ประชุม สมช. คาดวางมาตรการด้านความมั่นคง-รักษาความปลอดภัยเข้ม

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาลล่าสุดในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เดินทางมาที่อาคารสำนักงานสภาความมั่นคง

แห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีบรรดาผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.อนุพงษ์
เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก

เป็นต้น ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวดเช่นเคย

อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมในครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการประชุมในเรื่องของความมั่นคงด้านต่าง ๆ
-----------------------
นายกฯ พร้อมดูแลความปลอดภัย ปชช. ช่วงปีใหม่ มั่นใจไร้ก่อการร้าย พร้อมให้ความเป็นธรรมคนผิด ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า สำหรับการรักษาความปลอดภัยในช่วงปีใหม่นี้ ทางรัฐบาลพร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

มีมาตรการดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะมาตรการด้านการป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งจะมีจุดพักรถต่าง ๆ คอยบริการประชาชนและเชื่อว่าไม่มีเหตุก่อการร้ายในประเทศไทยในช่วงดังกล่าว และ

ขอให้ใครก็ตามอย่าคิดสร้างความวุ่นวายและจะมีการดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงผู้กระทำความผิดที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศว่า ได้มีการชี้แจงและขอความร่วมมือ

ให้ส่งตัวมาโดยตลอด แต่ยอมรับว่าบางเรื่องยังมีมุมมองที่แตกต่างกันในข้อกฎหมาย ซึ่งต้องให้ความเคารพในกระบวนการของแต่ละประเทศ ทั้งนี้ ขอสื่อมวลชนอย่าไปขยายความขัดแย้ง โดยเฉพาะ

เรื่ององค์กรเสรีไทยของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมยอมว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมกับผู้กระทำความผิดที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ตาม ขอฝากว่าทุก

คนสามารถมีความคิดเห็นต่างแต่ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้
-------------------
"อนุสิษฐ์" เผย นายกฯ ย้ำ สมช. ทำแผนเชื่อมโยงงานด้านความมั่นคง พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม พร้อมจับตาความเคลื่อนไหว ขั้วอำนาจในโลก

นายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยภายหลังการประชุม สมช. ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือกำหนดนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ตั้งแต่ปี 2558-2564 ซึ่งนายก

รัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ สมช. จัดทำแผนที่สามารถเชื่อมโยงการดูแลงานด้านความมั่นคง การพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม เนื่องจากที่ผ่านมางานด้านความมั่นคงจะตามหลังงานด้านอื่น ๆ

ขณะเดียวกันจะต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของขั้วอำนาจในโลก ที่ขยายอิทธิพลไปในแต่ละภูมิภาค ส่งผลให้ประเทศไทยต้องปรับบทบาทความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความสมดุลมากขึ้น ส่วนในระดับ

ภูมิภาคเอเชีย ประเทศไทยจะต้องพัฒนาความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียน เพื่อให้มีอำนาจต่อรองกับนานาประเทศ พร้อมกันนี้ต้องวางมาตรการในการดูแลการหลบหนีเข้า

เมือง โรคอุบัติใหม่ และภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศในปีหน้าจะมีคนหลั่งไหลเข้ามาในประเทศจำนวนมาก ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ ความปรองดองของคนในชาติ ปัญหา 3

จังหวัดแดนภาคใต้ และสถาบันหลักของชาติ ซึ่งเป็นแก่นหลักด้านความมั่นคงที่จะต้องเฝ้าระวัง

ทั้งนี้ ในช่วงปีใหม่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ได้เน้นย้ำให้จัดหามาตรการดูแลความปลอดภัย โดยจะมีการตั้งศูนย์บูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานไว้ที่

กระทรวงกลาโหม ซึ่งถือเป็นมาตรการตามปกติ ส่วนการข่าวด้านความมั่นคงขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ ส่วนในเรื่องของการประกาศใช้กฎอัยการศึก เห็นว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่ว

ไป
--------------
นายกรัฐมนตรีไม่ตกใจกิ่งไม้ใหญ่หล่นใส่ขบวนรถ-ยอมรับปี 2558 ห่วงความมั่นคงทุกด้าน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ยืนยันว่า ไม่รู้สึกตกใจ
กับเหตุการณ์ที่มีกิ่งไม้ขนาดใหญ่หล่นใส่ขบวนรถ ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยบาดเจ็บ 2 นาย ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ
ที่ท้องฟ้าจำลอง กรุงเทพฯ เมื่อวานที่ผ่าน เนื่องจากไม่ใช่คนขวัญอ่อน และไม่ได้ทำบุญแต่จะใช้การทำความดี

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่มีอะไรทำลายสมาธิในการบริหารประเทศของตนเอง โดยจะขับเคลื่อนเดินหน้า
ประเทศในเชิงรุก

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปี 2558 มีความเป็นห่วงในเรื่องของความมั่นคงทุกด้าน โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งมี
ปัจจัยทั้งต่างประเทศ ประเทศเพื่อนบ้าน และในประเทศ โดยต้องมีการปรับตัว ซึ่งกังวลว่ารายได้ของประเทศจะลดลง
เนื่องจากรายได้ของประเทศส่วนใหญ่มาจากการส่งออกกว่า 70%
-------------
ประวิตร ตรวจกระทรวงทรัพฯ กำชับนำพระราชดำรัส - ย้ำทำงานสุจริตโปร่งใสตรวจสอบได้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตรวจเยี่ยมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมอบนโยบาย โดยมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรฯ ได้มอบนโยบายการทำงานโดยขอให้น้อมนำแนวพระราชดำรัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ และ
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน เน้นย้ำการทำงานโดยยึดความสุจริต โปร่งใส และสามารถ
ตรวจสอบได้จากภาคประชาชน พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างกระบวนการเรียนรู้และความเข้าใจกับภาคประชาชนควบคู่กันไป
โดยยึดการทำงานเชิงป้องกันนำการปราบปราม บูรณาการแผนงาน โครงการ และงบประมาณกับส่วนราชการต่าง ๆ ไม่ให้เกิดความ
ทับซ้อนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำการบังคับใช้กฎหมายและการสร้างความเข้าใจในการแก้ปัญหาในเรื่องสำคัญ ๆ อาทิ
การป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การลักลอบค้าสัตว์ป่า
//////////////
ทุจริต

แก้วสรร ยื่นหนังสือพร้อม 10,836 รายชื่อ ถึงนายกฯ - เร่งนำคนทำผิดจำนำข้าวดำเนินคดี

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐ หรือ คตส. เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่าน พล.อ.สกล ชื่น

ตระกูล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์บริการประชาชน เพื่อให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เร่งนำตัวบุคคลในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่
กระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากทำความเสียหายให้กับประเทศ

ซึ่งจากการศึกษาข้อกฎหมาย พบว่า หลักฐานต่าง ๆ เพียงพอที่จะเอาผิดกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานต่อสังคม

พร้อมกันนี้ นายแก้วสรร ได้นำรายชื่อประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ที่เห็นด้วยต่อการเอาผิดรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 10,836 รายชื่อ และความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการรับจำนำข้าวกว่า 4,000

ความเห็น มอบให้กับนายกรัฐมนตรีด้วย

ด้านที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะนำข้อร้องเรียนของกลุ่มเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากความเดือดร้อนของประชาชนในทุก ๆ ด้าน เพื่อนำไปสู่

การแก้ไข
---------------

ไอเอส.ประหาร 150 หญฺิงสาว เหตุไม่ยอมแต่งงานกับนักรบ

'ไอเอส' ประหารหญิง 150 คน ฐานไม่ยอมแต่งงานกับนักรบ***
นักรบของกลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม ก่อเหตุสังหารผู้หญิงถึง 150 คน เนื่องจากไม่พอใจที่พวกเธอปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับนักรบของพวกเขา...
สำนักข่าว อะนาโดลู สื่อของประเทศตุรกีรายงานโดยอ้างแถลงการณ์จากกระทรวงสิทธิมนุษยชนของอิรัก ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (16 ธ.ค.) ว่า นักรบของกลุ่มติดอาวุธ 'รัฐอิสลาม' (ไอเอส) ในประเทศอิรัก ประหารผู้หญิงอย่างน้อย 150 คน เนื่องจากพวกเธอปฏิเสธไม่ยอมแต่งงานกับนักรบในกลุ่มของพวกเขา
แถลงการณ์ระบุว่า นักรบติดอาวุธของกลุ่มไอเอสชื่อ อาบู อานัส อัล-ลิบี สังหารผู้หญิงอย่างน้อย 150 คน รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ ที่เมืองฟัลลูจาห์ ในจังหวัด อัล-อันบาร์ ทางตะวันตกของประเทศ หลังจากพวกเธอไม่ยอมเข้าพิธีแต่งงานกับนักรบญิฮาดและฝังพวกเธอไว้ในสุสานขนาดใหญ่
ทั้งนี้ เหตุสลดล่าสุดเกิดขึ้น ไม่นานหลังจากกลุ่มไอเอสสังหารชาย,หญิง และเด็กของชนเผ่า อัล บู นิมาร์ กว่า 50 คน ที่หมู่บ้านราส อัล-มา ทางเหนือของเมืองรามาดี เมืองเอกของจังหวัดอัล-อันบาร์ เมื่อเดือนก่อน


มติ สนช. 160 : 16 รับหลักการร่าง ก.ม.ภาษีมรดก

มติ สนช. 160 : 16 รับหลักการร่าง ก.ม.ภาษีมรดก

สนช.รับหลักการร่าง ก.ม.ภาษีมรดก 160 ต่อ 16 สมาชิก สนช.รุมติงต้องพิจารณาให้รอบคอบ หวั่นสร้างภาระให้ผู้มีรายได้น้อย แก้ปัญหาลดการเหลื่อมล้ำทางสังคมไม่ได้

วันที่ 18 ธ.ค.57 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก พ.ศ. ... และร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ โดยที่ประชุมมีความเห็นให้พิจารณาร่างกฎหมายทั้งสองฉบับไปพร้อมกัน เนื่องจากมีเนื้อหาสอดคล้องกัน

โดยนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ชี้แจงหลักการของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ว่า ที่ผ่านมาการถ่ายโอนทรัพย์สินกองมรดกไม่ต้องเสียภาษี ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม จึงควรจัดเก็บนำเงินไปพัฒนาพัฒนาประเทศ แต่ไม่ให้กระทบผู้ได้รับมรดกพอสมควรกับการดำรงชีพ ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีสูงไม่ได้หมายความว่า ไปรีดเค้นจากประชาชน แต่จัดเก็บเพื่อให้มีการกระจายรายได้ ไม่ไปกระจุกแค่คนกลุ่มหนึ่ง เอาเงินมาพัฒนาประเทศ โดยการจัดเก็บภาษีมรดก 10% จากส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท ภาษีมรดกไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศมีการจัดเก็บตั้งแต่ 20-40% ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เก็บจากมรดกตั้งแต่บาทแรก แต่เก็บจากเงินเฉพาะส่วนที่เกินจาก 50 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้สมาชิก สนช.อภิปรายความเห็นเรื่องร่าง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก โดยสมาชิก สนช. ส่วนใหญ่ แสดงความเป็นห่วง อยากให้มีความรอบคอบในการจัดเก็บภาษี ไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้รับมรดกที่มีรายได้พอแก่การดำรงชีพ จนไม่สามารถรับภาระการเสียภาษีได้ และเห็นว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าวลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไม่ได้ รวมถึงกฎหมายฉบับนี้จะเป็นการเร่งให้มีการโอนเงินให้ทายาท อาจเป็นการสร้างแตกแยกภายในครอบครัวเร็วขึ้น อาทิ

นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ สนช. อภิปรายว่า 12 ใน 25 ประเทศ ที่จัดเก็บภาษีมรดก ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ เพราะไม่คุ้มค่าการจัดเก็บ และสัดส่วนที่จัดเก็บ 10% ถือว่า สูงเป็นลำดับที่ 5 ของโลก อีกทั้งก่อนจะมาเป็นมรดก ก็ได้ผ่านการเก็บภาษีมาแล้ว ทั้งภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจ หากต้องจัดเก็บภาษีมรดกอีก จะเป็นการเสียสองต่อ ซึ่งการจัดเก็บภาษีเพื่อหารายได้เพิ่มเติมยังมีทางเลือกอื่น เช่น การเก็บภาษีฟุ่มเฟือย พวกรถยนต์ เหล้า บุหรี่ จึงอยากให้พิจารณาให้รอบคอบ

ขณะที่ นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงว่า การเก็บภาษีรับมรดกจะกระจายรายได้และความมั่งคั่งได้ดีกว่าการเก็บภาษีจากกองมรดก เป็นการสร้างความเป็นธรรมระบบภาษี เพราะเสียภาษีตามมูลค่าของทรัพย์ ถ้าไม่ถึง 50 ล้านบาท ก็ไม่ต้องเสียภาษี

ส่วนการเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้ประชาชนลดการออมลงนั้น จากผลการศึกษาของไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ภาษีจากการรับมรดก ส่งผลกระทบต่อการออมไม่มาก แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อการถือครองทรัพย์สิน โดยจะถือครองทรัพย์สินมากขึ้น เช่น ซื้อทอง เพชรไว้ เพื่อเลี่ยงการเสียภาษี แต่ไม่พบว่ากระทบต่อระบบเศรษฐกิจและธุรกิจเอสเอ็มอี

ทั้งนี้ หลังจากสมาชิกอภิปรายจนครบถ้วนแล้ว นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่ประธานที่ประชุม ได้ขอให้สมาชิกลงมติว่า จะรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดก ในวาระแรกหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับหลักการ ด้วยคะแนน 160 ต่อ 16 เสียง งดออกเสียง 10 ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่...) พ.ศ..... ที่ประชุมมีมติรับหลักการด้วยคะแนน 172 ต่อ 8 งดออกเสียง 7 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ 25 คน มาพิจารณาร่าง พ.รบ.ทั้งสองฉบับดังกล่าวภายใน 90 วัน

ปชป.จี้ถามเรื่องยาง

พรรคประชาธิปัตย์  ยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าแก้ปัญหาชาวสวนยาง
17 ธ.ค. 2557

พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าแก้ปัญหาชาวสวนยาง

วันนี้ 17 ธ.ค.57 เวลา 11.00 น. คณะอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายนิพิฐฎ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.ระยอง พร้อมด้วย คณะ อดีต ส.ส.ที่รับการสะท้อนปัญหาจากชาวสวนยางในจังหวัดที่พื้นที่ปลูกยาง เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกฯ และประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ โดยผ่าน นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อ .... 

1.ติดตาม 5 มาตรการที่ได้เคยเสนอรัฐบาลไว้เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา 

( 5 มาตรการ ได้แก่ 1.รัฐบาลต้องประกาศอย่างชัดเจนว่า ยางพาราในสต๊อก จำนวน 2.1 แสนตัน จะไม่ขายและจะนำมาใช้ในประเทศไทยเท่านั้น 2. ให้รัฐบาลมีมาตรการในการนำยางพารามาเป็นส่วนผสมในการก่อสร้างถนนโดยทันที ในงบประมาณปี 2558 3. ให้รัฐบาลมีนโยบายนำยางพารามาทำพื้นสนามกีฬาของส่วนราชการ และ อุปกรณ์สนามเด็กเล่น 4. ให้รัฐบาลนำยางพาราเป็นวัสดุกันสะเทือนในโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ และ 5. ให้เร่งแก้ปัญหาอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราให้คล่องตัวในการลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากยังมีอุปสรรคหลายประการ เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประเทศ ซึ่งเชื่อว่าหากทำได้จะทำให้ราคายางพาราดีดตัวสูงขึ้น ) 


2.เพื่อรับทราบมาตรการการแก้ปญหาราคายางของรัฐบาลชุดปัจจุบัน 

นอกจากนี้ นายนิพิฐฎ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีการออกมาเคลื่อนไหวของชาวสวนยางว่า เมื่อประชาชนเกิดความเดือดร้อน ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องออกมาเรียกร้อง ตนในฐานะอดีต ส.ส.ในพื้นที่ ได้เข้าไปรับทราบปัญหา ของพี่น้องประชาชนทราบดีว่า ขณะนี้ ชาวสวนยางได้รับความเดือดร้อนอย่างรุนแรงที่สุดแล้ว

หน.คสช.ใช้อำนาจคุมลุยปราบโกงเอง

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ใช้สถานะ หน.คสช.ออกคำสั่ง ปราบทุจริตโดยมีประกาศนี้ มาควบคุมกลไกปราบทุจริตด้วยตัวเอง




มาตรการพยุงเงินรูเบิลรัสเซีย

ธนาคารกลางรัสเซียบอกว่ามีมาตรการใหม่ที่จะพยุงค่าเงินรูเบิลที่ร่วงหนักเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยหากจำเป็นก็จะต้องอัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ภาคการธนาคารและสถาบันการเงิน แม้ธนาคารกลางจะประกาศดังกล่าวแต่ชาวรัสเซียก็หวั่นว่าเงินที่มีอยู่จะไร้ค่าไปกว่านี้ เลยพากันออกไปซื้อสินค้าเสียยกใหญ่
หลังการประกาศของธนาคารกลางรัสเซีย ค่าเงินรูเบิลปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อวาน 1 ดอลลาร์ แลกได้ 62 รูเบิล จากที่เมื่อวันอังคารร่วงลงไปแตะระดับ 79 รูเบิล ค่าเงินรูเบิลตกลงอย่างหนักก็เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงและการถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร


ตัวอย่างจัดการคนโกงด้วยกระบวนการยุติธรรมต้องเด็ดขาด

Yag Mooton ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 รูป
ํYag Mooton ::: ปราบคอร์รัปชั่น อย่างนี้จึงเอาอยู่ "ไม่ใช่ปรองดอง" ...
::: ศาลจีนตัดสินจำคุก 20 ปี ปรับกว่า 2,000 ล.หยวน อดีตนายหน้าใหญ่ ก.รถไฟ ในความผิดฮั้วกับอดีตรมต.รถไฟ คอรัปชั่นมโหฬาร ...
::: เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- ศาลจีนตัดสินจำคุก 20 ปี นางติง ซูเหมียวคนสนิทของหลิว จื้อจวิน อดีตรัฐมนตรีการรถไฟ ฐานสมรู้ร่วมคิดทำการฉ้อโกงคอรัปชั่น รวมทั้งโทษปรับอีกกว่า 2,000 ล้านหยวน มากที่สุดที่เคยปรับมา ...
::: ความเคลื่อนไหวล่าสุดของการปราบปรามทุจริตจีน ที่วงการจับตามองกันมาก เมื่อศาลประชาชนชั้นกลางประจำกรุงปักกิิ่ง ตัดสินลงโทษนางติง ซูเหมียว ด้วยโทษจำคุก 20 ปี และปรับเงินอีกกว่า 2,500 ล้านหยวน หรือราวๆ 12,500 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นค่าปรับที่มากที่สุดที่ผู้ต้องหาเคยโดนเรียกเก็บ ศาลประชาชนชั้นกลาง หมายเลข 2 กล่าว ...
::: นางติง และ นายหลิว จื้อจวิน อดีตรัฐมนตรีว่าการรถไฟ สมรู้ร่วมคิดกันทุจริตช่วยให้บริษัทต่างๆ ชนะโครงการก่อสร้างใหญ่ๆ หลายโครงการของกระทรวงการรถไฟ นางติงถือเป็น “คนกลาง” ระหว่างนักธุรกิจคนอื่นๆ กับนายหลิว ...
::: ในระหว่างปี 2550 - 2553 นางติง ได้ค่านายหน้า ไป 2,000 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) หลังจากใช้เส้นสายในการรถไฟช่วยให้บริษัท 23 แห่งชนะประมูลโครงการ 57 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 186,000 ล้านหยวน หรือราวๆ 930,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการทุจริตที่รุนแรงมากในระบบการประมูลโครงการก่อสร้างทางรถไฟ ...
::: ปักกิ่ง นิวส์ ระบุว่า นางติงเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของอดีตรัฐมนตรีการรถไฟ นายหลิว จื้อจวิน ขณะที่นางติงและครอบครัว ได้ประโยชน์กว่า 4,000 ล้านหยวน หรือราวๆ 20,000 ล้านบาท จากสัญญาเครือข่ายสายรถไฟความเร็วสูงด้วยความช่วยเหลือของนายหลิว ...
::: ในปี 2551- 2553 นางติงให้เงินสินบนแก่นายหลิวไปถึง 49 ล้านหยวน หรือราวๆ 245 ล้านบาท และราว 44 ล้านหยวน สำหรับช่วยเพื่อนของนายหลิวคนหนึ่งออกจากคุก ...
::: นอกจากนี้ ในข่วงปี 2551-2553 นางติงยังให้เงินสินบนแก่นายฟั่น เจิ้งอี้ว์ อดีตเจ้าหน้าที่ประจำคณะมุขมนตรี ดูแลด้านการบรรเทาความยากจน จำนวน 38 ครั้ง เป็นเงินมากกว่า 40 ล้านหยวน หรือราวๆ 200 ล้านบาท ในการณ์นี้ ยังรวมถึงการซื้ออพาร์ทเม้นท์มูลค่า 8.8 ล้านหยวน หรือประมาณ 44 ล้านบาท ให้ตามที่นายฟั่นร้องขออีกด้วย ...
::: ปัจจุบัน นายฟั่นถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาคอรัปชั่น ตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการพิพากษาใด ...
::: ส่วนนายหลิว จื้อจวิน อดีตรัฐมนตรีการรถไฟ ถูกพิพากษาประหารชีวิต โดยรอลงอาญา 2 ปี ในความผิดคอรัปชั่นและใช้อำนาจในทางมิชอบตั้งแต่ปีที่แล้ว (2556)
::: นางติง ซูเมี้ยว หรือ ติง อี้ว์ซิน วัย 59 ปี เป็นชาวซานซี ที่เริ่มต้นสร้างตัวจากอาชีพการค้าไข่ เมื่อประมาณ 30 กว่าปีก่อน ต่อมาในช่วงปี 2530 นางติง ก็เข้าสู่วงการการขนส่งทางรถไฟ ทำให้นางมีโอกาสได้รู้จักกับหลิว จื้อจวิน ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการรถไฟ ...

ค่าเงินรูเบิลผันผวนกระทบท่องเที่ยวไทย

ค่าเงินรูเบิลผันผวนกระทบท่องเที่ยวไทย
ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียร่วงลงไปกว่า 20% แล้วในสัปดาห์นี้ อันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ลดลงและรัสเซียถูกสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯ คว่ำบาตร แม้ธนาคารกลางรัสเซียจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากร้อยละ 10.5 เป็นร้อยละ 17 ไปแล้วเมื่อวาน (16 ธ.ค.) แต่ยังช่วยอะไรได้ไม่มาก
ส่าสุดรัฐบาลรัสเซียใช้เงินเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์แทรกแซงค่าเงินเพื่อไม่ให้ดำดิ่งหนักลงไปอีก
คุณเอื้อมพร จิรกาลวิศัลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่กรุงมอสโก บอกบีบีซีไทยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะไทยเป็นประเทศที่คนรัสเซียนิยมเดินทางไปเที่ยว นักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางไปไทยมากเป็นอันดับสาม ปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวรัสเซียไปไทยราว 1,700,000 หรือราว 5% ของนักท่องเที่ยวที่ไปไทยทั้งหมด อย่างไรก็ตามขณะยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้ เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง
ด้านคุณพงศ์พันธุ์ จันทร์สุกรี ประธานชมรมมัคคุเทศก์ภาษารัสเซีย บอกบีบีซีไทยว่า คาดว่าปีหน้าจำนวนนักท่องเที่ยวรัสเซียน่าจะตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคม เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวรัสเซียนิยมมาไทย แต่ได้ลดลงแล้วตั้งแต่ช่วงเกิดสถานการณ์ทางการเมืองในไทย และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในรัสเซียเอง