แม้ภายใต้
“ปฏิญญา ทำเนียบรัฐบาล” เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม จะยังไม่สามารถกำหนดวันและเวลาของการเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน ตายตัว
แต่
“กรอบ” ก็เริ่ม
“สัมผัส” ได้
เป็นการสัมผัสได้ในเบื้องต้นว่าในเดือนมิถุนายน 2561 จะสามารถกำหนดได้ว่าเป็นวันที่เท่าใดและเป็นความรับรู้ในเบื้องต้นว่าน่าจะเป็นวันใดวันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน 2561
นั่นคือ ข้อกำหนดอันเป็นที่รับรู้กัน
กระนั้น ท่ามกลางการถกแถลงอภิปรายในประเด็นว่าด้วย
“การเลือกตั้ง” ก็มีการเสนอปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดตลอด 2 รายทาง
เนื่องแต่กระบวนการ
“ผ่าน” กฎหมายลูก
ไม่ว่าจะเสนอขึ้นโดย สนช.ซึ่งใกล้ชิดกับฐานแห่งอำนาจ ไม่ว่าจะขานรับโดยสมาชิกคนสำคัญของ คสช.ทำให้เกิดสภาวะไม่แน่นอนขึ้น
เป็นความไม่แน่นอนว่าจะปี 2561 หรือจะปี 2562
ท่างกลางความสับสน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านการเลือกตั้ง ได้ออกมาวางกรอบกว้างๆ และสร้างความแจ่มชัดให้บังเกิด
เป็นการพูดจากมุมมอง
“ส่วนตัว” แน่นอน
แต่ก็เป็นความเป็นส่วนตัวอันวางอยู่กับ 1 รัฐธรรมนูญ 1 กระบวนการทำงานของ สนช.และ 1 กระบวนการทำงานของ กกต.
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการพูดโดยมี
“พยาน”
พยานที่สำคัญเป็นอย่างมากคือ คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งเดินทางมาดูงานการเลือกตั้งของ กกต.ไทย
“การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นช่วงเดือนสิงหาคม 2561 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562”
หากพูดตามภาษาแห่งการปรองดอง สมานฉันท์ บทสรุปนี้ของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ดำเนินไปในท่วงทำนอง
“พบกันครึ่งทาง”
เป็นไปอย่าง “ยืดหยุ่น” แต่ก็มีความตายตัว
ต้องยอมรับว่าบทสรุปของ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร มาจากหลักการของรัฐธรรมนูญที่กฎหมายลูกจะเรียบร้อยภายในกำหนด 240 วัน
และจะจัดการเลือกตั้งภายใน 150 วัน
นั่นก็คือ หากมองอย่าง
“เร่ง” การเลือกตั้งสามารถเกิดขึ้นได้ภายในเดือนสิงหาคม 2561 ขณะเดียวกัน
หากมองอย่าง “ถ่าง” การเลือกตั้งสามารถยืดไปได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ไม่เร็ว และก็ไม่ช้าจนเกินไป
ที่เคยประเมินและคาดหมายกันว่าจะยังไม่มีการเลือกตั้งภายในปี 2561 จึงอาจจะถูกต้องตามความเป็นจริงภายในกระบวนการกฎหมายโดย สนช.
ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับ
“สนช.” มากกว่า
“กรธ.”
แนวโน้มและความเป็นไปได้ที่จะมีความเด่นชัดยิ่งขึ้นเป็นลำดับก็คือ การเลือกตั้งน่าจะมีขึ้นในต้นปี 2562
เป็นไปตามคำทำนายของ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
คาดหมายกันว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ คงสามารถรับได้
ทำไมจึงคาดหมายว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ สามารถรับได้กับกำหนดเวลาของ
“การเลือกตั้ง” ใหม่
เพราะพรรคการเมืองเหล่านี้
“คาด” อยู่แล้ว
ความจัดเจนทางการเมืองเตือนให้พรรคการเมืองเหล่านี้ตระหนักในลักษณะ “ยื้อ” ของเหล่า “นักเลือกตั้ง” อันเป็นฐานแห่งอำนาจของ คสช.
จึงอ่านแตก แทงทะลุ