PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561

ปชป.ลั่น! ยังไม่ถึงเวลาพรรคการเมืองรุมต้านนายกฯคนนอก

ปชป.ลั่น! ยังไม่ถึงเวลาพรรคการเมืองรุมต้านนายกฯคนนอก
วันอังคาร ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561, 13.57 น.
9 ม.ค.61 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นายอำนวย คลังผา แกนนำพรรคเพื่อไทย เสนอให้ทุกพรรคการเมืองจับมือกันต้าน "นายกฯ คนนอก" ว่า เรื่องการจับมือกัน ไม่ใช่เรื่องที่สามารถพูดได้ในขณะนี้ เพราะการเลือกตั้งยังไม่เกิดขึ้น และนโยบายต่อต้านนายกฯ คนนอก ก็ยังไม่มีการหารือกัน

ส่วนกรณีที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะเสนอให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถบุกค้นอาคาร เคหะสถาน กรณีสงสัยว่า ทุจริตระหว่างการเลือกตั้ง นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกขัดข้อง หากมีหมายค้นถูกต้องตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาปัญหาทุจริตเป็นเรื่องสำคัญ และเกี่ยวกับการความไว้วางใจนักการเมืองด้วย แต่ก็กังวลว่า อาจนำไปสู่การใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองโดยมิชอบ
ก่อนหน้านี้ นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย(พท.) ได้ออกมาเรียกร้องถึงเวลาที่ทุกพรรคต้องหันหน้ามาจับมือกัน ไม่เอานายกฯคนนอก หลังจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เปิดตัวเป็นนักการเมือง และมีการจุดประเด็นเรื่องการเตรียมตัวเข้ามาเป็นนายกฯคนนอกตามช่องทางรัฐธรรมนูญที่เปิดทิ้งไว้

อยากให้ผมเป็นอะไร ผมก็เป็นได้หมด เพราะผม เป็นคนของประขาชน แล้ว

"อยากให้ผมเป็นอะไร ผมก็เป็นได้หมด เพราะผม เป็นคนของประขาชน แล้ว"
: พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
ประชุมครม.เสร็จ ลงมาช้า นิดนึง เพราะคุยงานกับรองนายกฯ และ ทำหน้าผมเอง ไม่ให้เครียด จะลงมาเจอสิ่อ ผมตัองปรับตัว ไม่งั้น หน้าตาเครียดลงมา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้ประชุมเสร็จแล้วรับประทานอาหารร่วมกับครม. และได้หารือรายละเอียดเรื่องเบ็ดเตล็ดต่างๆกับบรรดารองนายกฯและรัฐมนตรี
"ก็ขอใช้เวลาแต่งหน้าแต่งตาแต่งตัว ลงมาหน่อย เจอสื่อต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องส่องกระจกดูตัวเองก่อนว่า หน้าตาเป็นอย่างไรก่อนจะลงมา เพื่อให้มันดูผ่อนคลาย ไม่เช่นนั้นเครียด ลงมาแล้วมาเจอสื่อ จะหงุดหงิดเกินไป
เป็นนิสัยทหาร ผู้บังคับบัญชาวันจันทร์ก็ต้องทำหน้าหงุดหงิดไว้ก่อน เพราะลูกน้องจะได้เรียบร้อยทั้งสัปดาห์ ลูกน้องจะได้อยู่ในระเบียบ‬ โมโหวันจันทร์แล้ว โมโหวันพุธ อีกที ก็โมโหวันศุกร์ ก็จะได้เรียบร้อย‪ในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ผมจึงติดนิสัยมาจนถึงทุก‬
“วันนี้ต้องเป็นคนของประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หรือจะเป็นอะไรที่ทุกคนอย่างตั้งให้ ผมเป็นได้หมด วันนี้ผมทำหน้าที่เพื่อประชาชน
และอยากจะบอกว่าไม่ว่าใครก็ตาม ที่มายืนอยู่ตรงนี้ จะมาด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ดูเจตนารมณ์ความมุ่งมั่น ผมพยายามที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง
หากใครที่คิดมุ่งมั่นอย่างนั้นก็เหมาะสม ที่จะมาบริหารงานในอนาคตต่อไป ที่ไม่ใช่ผม ผมพูดถึงการเมืองต่างๆในวันหน้า อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้องอีกนะ เข้าใจหรือเปล่า
ทุกคนที่เขามุ่งมั่นจะเข้ามาแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองก็ดูแลสนับสนุนเขาไป มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนที่ไม่ดี เราก็ต้องรู้ว่าเขาไม่ดีอย่างไร อาจจะดีกับบางกลุ่ม ไม่ดีกับบางกลุ่ม ทำนองนี้ ก็ไปเลือกกันให้ดีเป็นหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่ของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พรรคการเมืองร่วมกันสกัดนายกฯคนนอก แม้จะมีขั้นตอนการคัดเลือกถูกต้องตามรัฐธรรมนูญว่า สกัดใครยังไม่รู้เลยใช่ไหม
"เห็นเป้าก็เป็นผม อย่างเดียว มันไม่มีคนอื่นเลยหรือ ไปดูคนอื่นหน่อยนะ ในส่วนของตัวตนเองนั้นทุกอย่างเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย วันหน้ายังไงอะไรเกิดขึ้นก็ยังไม่ทราบ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก เราอย่าไปกังวล รัฐธรรมนูญออกมาแล้ว จะต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ นี่เราไปคิดกันเองหรือเปล่า ก็ฝากช่วยคิดกันด้วยแล้วกัน อย่าทำให้ทุกอย่างมันเสียเวลาเลย เพราะวันนี้เราก็กำลังทำงานอยู่ การเมืองต้องเป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป
เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งหากไม่สามารถเลือกตัวนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งได้ จนต้องมีการเสนอชื่อนายกฯคนนอกเข้ามา การทำงานของนายกฯคนนอกจะราบรื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอไม่ตอบดีกว่า จะราบรื่นหรือไม่ราบรื่นไปรอดูวันหน้าก็แล้วกัน มันจะเกิดอะไรขึ้น ผมถึงบอกวันนี้ขอให้มองสิ่งที่ผมกำลังทำวันนี้ มันควรจะต้องทำต่อกันหรือไม่ ขับเคลื่อนกันหรือไม่ แล้วใครจะทำก็ไปว่ากันมา เป็นคนอื่นก็ได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเสียอยู่อย่างตอบคำถามสั้นๆไม่เป็น ฉะนั้นทุกคนต้องไปสรุปให้เข้าใจ ถ้าสื่อเข้าใจตนคิดว่าประชาชนเข้าใจแน่นอน เพราะสื่อได้นำประเด็นที่ตนพูดไปนำเสนอ ซึ่งตนไม่อยากให้จับตรงนี้ผิด ตรงนั้นถูก ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลมีการกลั่นกรองไม่ได้มาจากตนคนเดียว แต่มาจากคณะรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบโดยตรงทั้งหมด

"บิ๊กตู่" ทำไก๋ !! บอก ไม่รู้ ใคร คือนายกฯคนนอก ที่พรรคการเมือง จะจับ มือกันสกัด

เอาผมเป็นเป้า !!
"บิ๊กตู่" ทำไก๋ !! บอก ไม่รู้ ใคร คือนายกฯคนนอก ที่พรรคการเมือง จะจับ มือกันสกัด..."สกัดใครเหรอ นายกฯคนนอก ผมยังไม่รู้เลย"
"เอาผมเป็นเป้า อย่างเดียว ไม่มีคนอื่นเลยหรือ"
ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย ในวันหน้าเช่นกฎหมายลูก. รธน.ออกมา อย่าไปคิดว่า จะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าไปคิดกันเอง...ฝากด้วยแล้วกัน
อย่าทำให้ทุกอย่างมันเสียเวลาเลย เพราะวันนี้ เราก็ต้องทำงานอยู่ เรื่องการเมือง ก็ว่ากันไป
ผมไม่อยากตอบ เรื่อง "นายกฯคนนอก จะราบรื่นมั้ย?".... เปรย จะราบรื่น ไม่ราบรื่นรอดูวันหน้า ก็แล้วกัน !!
พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึง กรณีที่พรรคการเมืองร่วมกันสกัดนายกฯคนนอก แม้จะมีขั้นตอนการคัดเลือกถูกต้องตามรัฐธรรมนูญว่า สกัดใครยังไม่รู้เลยใช่ไหม
"เห็นเป้าก็เป็นผม อย่างเดียว มันไม่มีคนอื่นเลยหรือ ไปดูคนอื่นหน่อยนะ "
ในส่วนของตัวตนเองนั้นทุกอย่างเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย วันหน้ายังไงอะไรเกิดขึ้น ก็ยังไม่ทราบ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก เราอย่าไปกังวล รัฐธรรมนูญออกมาแล้ว จะต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ นี่เราไปคิดกันเองหรือเปล่า ก็ฝากช่วยคิดกันด้วยแล้วกัน อย่าทำให้ทุกอย่างมันเสียเวลาเลย เพราะวันนี้เราก็กำลังทำงานอยู่ การเมืองต้องเป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป
เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งหากไม่สามารถเลือกตัวนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งได้ จนต้องมีการเสนอชื่อนายกฯคนนอกเข้ามา การทำงานของนายกฯคนนอกจะราบรื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอไม่ตอบดีกว่า จะราบรื่นหรือไม่ราบรื่นไปรอดูวันหน้าก็แล้วกัน มันจะเกิดอะไรขึ้น
ผมถึงบอกวันนี้ขอให้มองสิ่งที่ผมกำลังทำวันนี้ มันควรจะต้องทำต่อกันหรือไม่ ขับเคลื่อนกันหรือไม่ แล้วใครจะทำก็ไปว่ากันมา เป็นคนอื่นก็ได้
ผมเสียอยู่อย่าง คือ ตอบคำถามสั้นๆไม่เป็น ฉะนั้นทุกคนต้องไปสรุปให้เข้าใจ ถ้าสื่อเข้าใจ ผม คิดว่าประชาชนเข้าใจแน่นอน เพราะสื่อได้นำประเด็นที่ตนพูดไปนำเสนอ ซึ่งตนไม่อยากให้จับตรงนี้ผิด ตรงนั้นถูก ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลมีการกลั่นกรองไม่ได้มาจากผมคนเดียว แต่มาจากคณะรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบโดยตรงทั้งหมด

จาก ..."ผมเป็นนักการเมือง" สู่..."ผม เป็นคนของประขาชน"

วาทกรรม "บิ๊กตู่"
จาก ..."ผมเป็นนักการเมือง"
สู่..."ผม เป็นคนของประขาชน"
"ผมเป็นได้หมด เพราะวันนี้ผมทำหน้าที่เพื่อประชาชน"...ไม่ว่าใครก็ตาม ที่มายืนอยู่ตรงนี้ จะมาด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ดูเจตนารมณ์ความมุ่งมั่น
เผย ส่องกระจกดูตัวเอง ต้องปรับหน้า ไม่ให้เครียด เหตุติดนิสัยทหาร มา เลยต้องหน้าหงุดหงิดไว้ก่อน เพราะลูกน้องจะได้เรียบร้อยทั้งสัปดาห์ ทำหน้าโมโห ทุกจันทร์,พุธ,ศุกร์ ลูกน้อง จะได้เรียบร้อย‪วันเสาร์-อาทิตย์ ด้วย
:
พล.อ.ประยุทธ์"ก็ขอใช้เวลาแต่งหน้าแต่งตาแต่งตัว ลงมาหน่อย เจอสื่อต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องส่องกระจกดูตัวเองก่อนว่า หน้าตาเป็นอย่างไรก่อนจะลงมา เพื่อให้มันดูผ่อนคลาย ไม่เช่นนั้นเครียด ลงมาแล้วมาเจอสื่อ จะหงุดหงิดเกินไป
เป็นนิสัยทหาร ผู้บังคับบัญชาวันจันทร์ก็ต้องทำหน้าหงุดหงิดไว้ก่อน เพราะลูกน้องจะได้เรียบร้อยทั้งสัปดาห์ ลูกน้องจะได้อยู่ในระเบียบ‬ โมโหวันจันทร์แล้ว โมโหวันพุธ อีกที ก็โมโหวันศุกร์ ก็จะได้เรียบร้อย‪ในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ผมจึงติดนิสัยมาจนถึงทุก‬วันนี้
"ผมต้องเป็นคนของประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หรือจะเป็นอะไรที่ทุกคนอย่างตั้งให้ ผมเป็นได้หมด วันนี้ผมทำหน้าที่เพื่อประชาชน"
และอยากจะบอกว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ที่มายืนอยู่ตรงนี้ จะมาด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ดูเจตนารมณ์ความมุ่งมั่น ผมพยายามที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง
หากใครที่คิดมุ่งมั่นอย่างนั้นก็เหมาะสม ที่จะมาบริหารงานในอนาคตต่อไป ที่ไม่ใช่ผม ผมพูดถึงการเมืองต่างๆในวันหน้า อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้องอีกนะ เข้าใจหรือเปล่า
ทุกคนที่เขามุ่งมั่นจะเข้ามาแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองก็ดูแลสนับสนุนเขาไป มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนที่ไม่ดี เราก็ต้องรู้ว่าเขาไม่ดีอย่างไร อาจจะดีกับบางกลุ่ม ไม่ดีกับบางกลุ่ม ทำนองนี้ ก็ไปเลือกกันให้ดีเป็นหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่ของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

คนของประชาชน?

"‪บิ๊กตู่" เฉลย ทำไม ทหาร ต้อง ทำหน้าดุ!!‬
‪บิ๊กตู่ เผย ส่องกระจกดูตัวเอง ต้องปรับหน้า ไม่ให้เครียด เหตุติดนิสัยทหาร มา ทหารต้องทำหน้าดุ ต้องหน้าหงุดหงิดไว้ก่อน เพราะลูกน้องจะได้เรียบร้อยทั้งสัปดาห์ ทำหน้าโมโห ทุกจันทร์,พุธ,ศุกร์ ลูกน้อง จะได้เรียบร้อยวันเสาร์-อาทิตย์ ด้วย‬
พลเอกประยุทธ์ เผย เป็นนิสัยทหาร ผู้บังคับบัญชาวันจันทร์ก็ต้องทำหน้าหงุดหงิดไว้ก่อน เพราะลูกน้องจะได้เรียบร้อยทั้งสัปดาห์ ลูกน้องจะได้อยู่ในระเบียบ‬ โมโหวันจันทร์แล้ว โมโหวันพุธ อีกที ก็โมโหวันศุกร์ ก็จะได้เรียบร้อย‪ในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ผมจึงติดนิสัยมาจนถึงทุก‬วันนี้
"ผมต้องเป็นคนของประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หรือจะเป็นอะไรที่ทุกคนอย่างตั้งให้ ผมเป็นได้หมด วันนี้ผมทำหน้าที่เพื่อประชาชน"

"บิ๊กตู่" ถอดใจ ขอตัว"ยิ่งลักษณ์"

แล้ว คนก่อน เขาส่งมามั้ยล่ะ
"บิ๊กตู่" ถอดใจ ขอตัว"ยิ่งลักษณ์" แล้วอังกฤษ จะส่งให้หรือ คนก่อน เขาส่งมามั้ยล่ะ อย่าให้เป็นประเด็นในประเทศเลย ได้กลับมาก็ดี ยันไม่ได้ปล่อยปละละเลยใครทั้งสิ้น ทำตามขั้นตอน กม. ที่ต้องยืนยันอย่างเป็นทางการ ก่อน
พล.อ ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณี น.ส ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศ อังกฤษว่า ผมยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการเลย
จากที่สอบถามผ่านไปทางกระทรวงต่างประเทศ ถ้าเขายังไม่ตอบมา ยังไม่ยืนยัน ถึงแม้จะมีการพบการปรากฎตัวในภาพหรือคลิปต่างๆ เพราะต้องถือว่าการทำงานของราชการ เป็นเรื่องของตัวบทกฎหมาย เพราะฉะนั้นต้องให้ต่างประเทศยืนยันมา
และในส่วนขั้นตอนต่างๆ คดีความผิดต่างๆเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อได้รับหลักฐานการยืนยันที่ชัดเจน ต้องดูด้วยว่า เราเคยมีการส่งตัวกลับมาดำเนินคดีบ้างหรือไม่ จำนวนเท่าใด ซึ่งที่ผ่านมาจะพบว่าไม่ค่อยได้รับการส่งตัว เป็นเรื่องของต่างประเทศ เขาพิจารณาของเขา เราขอไปได้ แต่เค้าจะให้หรือเปล่าไม่รู้ ค่อยๆทำกันต่อไป
"ไม่ได้ปล่อยปละละเลยใครทั้งสิ้น"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าอังกฤษยืนยันว่าน.ส ยิ่งลักษณ์อยู่ในอังกฤษ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยวตำรวจเขาทำตามขั้นตอน
คือทำหลักฐานแจ้งไปยังทางการอังกฤษว่า ยิ่งลักษณ์ มีความผิดอะไร
"แล้วแต่เขาจะพิจารณา คนก่อนกลับมาหรือยังล่ะ เขาส่งมามั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าให้เรื่องนี้มาเป็นประเด็นในประเทศเลย ได้กลับมาก็ดี ทุกคนต้องคาดหวังอย่างนั้นแหละ"
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของต่างประเทศ จะไปคอนโทรลอะไรเขาได้ หลายเรื่อง ผู้หลบหนีคดีต่างๆก็เยอะแยะ สุดแล้วแต่เขาจะพิจารณา มีหลักการคิดแบบเดียวกับเรา หรือต่างกัน เพราะของไทยเองก็มี เวลาเขาขอมา มีหลายคนที่เราไม่ตอบกลับไป ในลักษณะการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะว่าบางอย่างเป็นกฎหมายไทย เราต้องยึดเอากฎหมายไทยเป็นหลัก
ทั้งนี้ ไม่ต้องสั่งการอะไรก็ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จบแล้วก็ทำไป หลายอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลายอย่างอยู่ในขั้นตอนการฟ้อง หลายอย่างอยู่ในขั้นตอนของตำรวจสากล มันมีขั้นตอนของมันอยู่ทั้งหมด อย่าไปสร้างปัญหาเลย ตอบแบบนี้น่าจะเข้าใจแล้ว ว่ามันมีขั้นตอนอยู่
"เราจะทำอะไรโดยความชอบใจ ไม่ได้หรอก จะไปเอาตัวกลับมา ไปใช้กับประเทศอื่นเขาได้มั้ย"นายกฯกล่าว

คสช.ถก เหตุผล ออกมาตรา44 ยันใช้เท่าที่จำเป็น-ไม่ก้าวก่ายฝ่ายตุลาการ

คสช.ถก เหตุผล ออกมาตรา44 ยันใช้เท่าที่จำเป็น-ไม่ก้าวก่ายฝ่ายตุลาการ



แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคสช.ทวนความให้สมาชิก คสช. เพราะที่ผ่านมามักมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายๆ ฝ่ายว่าคสช.ด้วยอำนาจพิเศษไปลิดรอนและไปก้าวก่ายหน้าที่ ต่างๆ ดังนั้นที่ประชุมคสช.จึงทบทวนการใช้อำนาจตามมาตรา44 จะมีหลัก4 ประการ 1. การมาตรา44 ต้องเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปประเทศ 2. เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง3.การรักษาความปลอดภัยให้กับสังคม และประชาชน และ4.เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ


พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้อำนาจมาตรา44 จะมีผลทางนิติบัญญัติ ซึ่งมาตรา44 จะมีศักดิ์เท่ากับกฎหมาย ส่วนผลทางฝ่ายบริหาร คำสั่งมาตรา44 จะสั่งให้ข้าราชการต้องปฏิบัติ หรือไม่ปฏิบัติ อาทิ การปรับย้าย และตุลาการ จะใช้ในการตัดสินคดีได้ ซึ่งนี่เป็นหลักการ แต่ว่าการใช้มาตรา44 นั้น คสช.ยืนยันว่าไม่ไปก้าวก่าย และยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายตุลาการแต่อย่างใด เพียงแต่จะทำให้ช่วยให้เรื่องต่างๆเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเท่านั้น

“เราจะใช้มาตรา44 เท่าที่จำเป็นเท่านั้น อะไรที่เป็นเรื่องเร่งด่วน หากล่าช้า ไม่ทันการณ์ จะเสียหาย จึงจะใช้คำสั่งดังกล่าว แต่ถ้าไม่ใช้ก็จะออกเป็นกฎหมายตามปกติแทน และสุดท้ายเราจะใช้มาตรา4 เป็นเครื่องมือปฐมพยาบาล เฉพาะหน้า เมื่อใช้ไปแล้ว ก็จะออกเป็นกฎหมายตามมา เพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งขอยืนยันว่าเราไม่ใช้มาตรา44 ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน จะใช้เฉพาะหน้าเท่านั้น” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว และว่า หากจบภารกิจตามโรดแมปเมื่อใด คสช. จะออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งคสช.ต่อไป”พล.ท.สรรเสริญกล่าว

‘บิ๊กตู่’บอกอย่าสนใจที่มาผู้นำ ให้ดูความตั้งใจ แบะท่า พร้อมเป็นทุกอย่างที่ปชช.ตั้งให้

‘บิ๊กตู่’บอกอย่าสนใจที่มาผู้นำ ให้ดูความตั้งใจ แบะท่า พร้อมเป็นทุกอย่างที่ปชช.ตั้งให้



แฟ้มภาพ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า เจอสื่อต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ต้องส่องกระจกดูตัวเองก่อนว่าหน้าตาเป็นอย่างไรก่อนจะลงมา เพื่อให้มันดูผ่อนคลาย ไม่เช่นนั้นเครียดลงมาแล้วมาเจอสื่อจะหงุดหงิดเกินไป เป็นนิสัยทหาร ผู้บังคับบัญชาวันจันทร์ก็ต้องทำหน้าหงุดหงิดไว้ก่อน เพราะลูกต้องจะได้เรียบร้อยทั้งสัปดาห์ ลูกน้องจะได้อยู่ในระเบียบ โมโหวันจันทร์แล้วโมโหวันพุธ อีกทีก็โมโหวันศุกร์ ก็จะได้เรียบร้อยในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ตนจึงติดนิสัยมาจนถึงทุกวันนี้

“วันนี้ต้องเป็นคนของประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หรือจะเป็นอะไรที่ทุกคนอยากตั้งให้ ผมเป็นได้หมด วันนี้ผมทำหน้าที่เพื่อประชาชน และอยากจะบอกว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มายืนอยู่ตรงนี้ จะมาด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ดูเจตนารมณ์ความมุ่งมั่น ผมพยายามที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง หากใครที่คิดมุ่งมั่นอย่างนั้นก็เหมาะสม ที่จะมาบริหารงานในอนาคตต่อไปที่ไม่ใช่ผม ผมพูดถึงการเมืองต่างๆในวันหน้าอย่าเอาผมไปเกี่ยวข้องอีกนะ เข้าใจหรือเปล่า ทุกคนที่เขามุ่งมั่นจะเข้ามาแก้ปัญหาชาติบ้านเมืองก็ดูแลสนับสนุนเขาไป มีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนที่ไม่ดีเราก็ต้องรู้ว่าเขาไม่ดีอย่างไร อาจจะดีกับบางกลุ่ม ไม่ดีกับบางกลุ่ม ทำนองนี้ ก็ไปเลือกกันให้ดีเป็นหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่ของผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่พรรคการเมืองร่วมกันสกัดนายกฯคนนอก แม้จะมีขั้นตอนการคัดเลือกถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สกัดใครยังไม่รู้เลยใช่ไหม เห็นเป้าก็เป็นตนอย่างเดียว มันไม่มีคนอื่นเลยหรือ ไปดูคนอื่นหน่อยนะ ในส่วนของตัวตนเองนั้นทุกอย่างเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย วันหน้ายังไงอะไรเกิดขึ้นก็ยังไม่ทราบ ก็ขึ้นอยู่กับกฎหมายลูก เราอย่าไปกังวล รัฐธรรมนูญออกมาแล้ว จะต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ นี่เราไปคิดกันเองหรือเปล่า ก็ฝากช่วยคิดกันด้วยแล้วกัน อย่าทำให้ทุกอย่างมันเสียเวลาเลย เพราะวันนี้เราก็กำลังทำงานอยู่ การเมืองต้องเป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้งหากไม่สามารถเลือกตัวนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งได้ จนต้องมีการเสนอชื่อนายกฯคนนอกเข้ามา การทำงานของนายกฯคนนอกจะราบรื่นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอไม่ตอบดีกว่า จะราบรื่นหรือไม่ราบรื่นไปรอดูวันหน้าก็แล้วกัน มันจะเกิดอะไรขึ้น ถึงบอกวันนี้ ขอให้มองสิ่งที่ตนกำลังทำวันนี้ มันควรจะต้องทำต่อกันหรือไม่ ขับเคลื่อนกันหรือไม่ แล้วใครจะทำก็ไปว่ากันมา เป็นคนอื่นก็ได้


นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเสียอยู่อย่างคือตอบคำถามสั้นๆไม่เป็น ฉะนั้นทุกคนต้องไปสรุปให้เข้าใจ ถ้าสื่อเข้าใจ คิดว่าประชาชนจะเข้าใจแน่นอน เพราะสื่อได้นำประเด็นที่พูดไปนำเสนอ ซึ่งตนไม่อยากให้จับตรงนี้ผิด ตรงนั้นถูก ยืนยันว่าการทำงานของรัฐบาลมีการกลั่นกรองไม่ได้มาจากตนคนเดียว แต่มาจากคณะรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบโดยตรงทั้งหมด

นายกฯ กล่าวอีกว่า ก่อนการประชุมครม.มีเยาวชนและครูมาหาตน เนื่องจากใกล้จะถึงวันครูแห่งชาติ คำขวัญวันครูก็มีอยู่แล้ว ศิษย์ดีก็ด้วยครู และจะต้องเรียกศรัทธา ดังนั้นอยากให้เราสร้างแรงศรัทธาจากคนไทยทั้งประเทศ ว่าเราจะนำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปประเทศได้อย่างไร เดินหน้ายุทธศาสตร์ได้อย่างไร ถ้ายังคงขัดแย้งกันในเรื่องเดิมๆ ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน มันก็คือปัญหา มันก็ไปไม่ได้ ฉะนั้นตนคิดว่าต้องมีคนดีหรือคนเก่งมากกว่าตนหรือเปล่า ในการที่จะมาทำตรงนี้ ซึ่งเราก็คาดหวังในวันข้างหน้า มันอยู่ด้วยกลไกหลายกลไก และด้วยกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญจะเป็นกรอบใหญ่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการ สร้างการรับรู้ในโรงเรียนว่ามีกฎหมายประเภทใดบ้าง ที่เกี่ยวข้องกับประชาชน ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อไปบอกผู้ปกครองให้รับทราบ มีหลายกฎหมายที่บางคนไม่ทราบเลย บางคนทราบแต่เพียงรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นก็เลยทะเลาะกันเรื่องรัฐธรรมนูญ ในขณะที่กฎหมายลูกยังมีเยอะแยะ ตนให้สรุปมาแล้ว และมีคู่มือกฎหมายอีก 1 เล่ม ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ตัวเองจะทำประโยชน์อะไร อย่างไร อยู่ในกฎหมายอะไรบ้าง หน่วยงานใดรับผิดชอบ จะได้พัฒนากันเสียที ต้องสร้างการรับรู้ด้วยกฎหมาย

เลือกได้ 2 ช่องทาง

เลือกได้ 2 ช่องทาง


แผน​เปลี่ยน​ผ่าน​จาก​รัฐบาล คสช.​ทะลุ​ข้าม​มิติ​ไป​สู่​รัฐบาล​ประชาธิปไตย​ครึ่ง​ใบ​เริ่ม​มอง​เห็น ​เส้นทาง​อย่างชัดเจน

ชัดเจน 99 เปอร์เซ็นต์​ว่า พล.อ.​ประยุทธ์ จันทร์​โอชา หน.คสช. ​ตัดสินใจ​จะ​ต่อ​วีซ่าเป็น “นายกฯ​คนนอก” เบิ้ล​อีก 4 ปี

“แม่​ลูก​จันทร์” กราบ​เรียน​ว่า​รัฐธรรมนูญ ​ฉบับ​ใหม่ได้​เขียน​เปิด​ช่อง​ให้ “คนนอก” ที่​ไม่ได้​ผ่าน​การ​เลือกตั้ง​จาก​ประชาชน สะง่อม​เก้าอี้​นายกรัฐมนตรี​ได้ 2 ช่อง​ทาง

เริ่ม​จากช่อง​ทาง​ที่ 1, รัฐธรรมนูญ​มาตรา 88 เปิด​ช่อง​ให้พรรคการเมือง​เสนอ​ราย​ชื่อ​บุคคล​ที่​พรรค​มี​มติ​สนับสนุน​ให้​เป็น​นายกรัฐมนตรี​ล่วงหน้า​ก่อน​เลือกตั้ง​ไม่​เกิน​พรรค​ละ 3 คน

โดย​บุคคล​ที่​ได้​รับ​การ​เสนอ​ชื่อ​ต้อง​มี​หนังสือ​ยินยอม​ให้ กกต.​รับ​ทราบ​ล่วงหน้า​อย่าง​เป็น​ทางการ

หมายเหตุ...ถ้า พล.อ.​ประยุทธ์ จะ​สืบ​ทอด​อำนาจ คสช.​ตาม​ช่อง​ทาง​นี้​ก็​ต้อง​ให้​พรรคการเมือง​เสนอ​ชื่อ พล.อ.​ประยุทธ์ พร้อม​หนังสือ​ยินยอม​เป็น หลักฐานยืนยัน

“แม่​ลูก​จันทร์” มั่นใจ​ว่า​จะ​มี​พรรค การเมือง​แย่ง​กัน​เสนอ​ชื่อ “พล.อ.​ประยุทธ์” เป็น​ว่าที่​นายกรัฐมนตรี​กัน​ชุลมุน​วุ่นวาย

ทีนี้​มา​ถึงช่อง​ทาง​ที่ 2, อาศัย​บท เฉพาะกาล มาตรา 272 ของ​รัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ใหม่ ที่​เปิด​ช่อง​ไว้​ว่า​หาก​สภา​ผู้แทนราษฎร​ไม่​สามารถ​ลง​มติ​เลือก​นายกรัฐมนตรี​ตาม​บัญชี​ราย​ชื่อ​พรรคการเมือง

ให้​จัด​ประชุม​ร่วม 2 สภา เพื่อ​ให้ ส.ว.​ลาก​ตั้ง 250 คน ร่วม​โหวต​เลือก​นายกรัฐมนตรี​จาก​ราย​ชื่อ​พรรคการเมือง

หรือ​จะ​โหวต​เลือก “คนนอก” เป็น​นายกรัฐมนตรี​ก็​ไม่​ผิด​กติกา

หมายเหตุ...ถ้า พล.อ.​ประยุทธ์ จะ​เป็น​นายกฯ​คนนอก​ใน​ช่อง​ทาง​ที่ 2 จะ​ต้อง​รอ​ลุ้น​ให้​ที่​ประชุม​สภา​ผู้แทนราษฎร​โหวต​เลือก​นายกรัฐมนตรี​ตาม​บัญชี​พรรคการเมือง​ไม่​สำเร็จ​เสีย​ก่อน

แล้ว​ใช้​เสียง ส.ว.​ลาก​ตั้ง 250 คน ดัน​พรวด​เดียว​สำเร็จ​เรียบร้อย​สะดวก​โยธิน

“แม่​ลูก​จันทร์” ไม่​แน่ใจ​ว่า นายกฯ​บิ๊ก​ตู่ จะ​เลือก​ช่อง​ทาง​ที่ 1? หรือ​เลือก​ช่อง​ทาง​ที่ 2? ใน​การ​เข้า​สู่​ตำแหน่ง​นายกรัฐมนตรี หลัง​การ​เลือกตั้ง​เดือน​พฤศจิกายน

เพราะ​ทั้ง 2 ช่อง​ทาง ​มี​ข้อ​ดีและ​ข้อเสีย​แตก​ต่าง​กัน

ล่า​สุด ดร.​ปริญญา เท​วา​นฤมิตรกุล นัก​วิเคราะห์​การเมือง​ชื่อ​ดัง​ได้​เสนอ​ให้ พล.อ.​ประยุทธ์ เลือก​ช่อง​ทาง​ที่ 1 โดย​ให้​พรรค การเมือง​เสนอ​ชื่อ​เป็น​ว่าที่​นายกฯ​ล่วงหน้า​ให้​หมด​ปัญหา​คา​ใจ

“แม่​ลูก​จันทร์” เห็น​ด้วย​กับ​ข้อ​เสนอ​ของ ดร.​ปริญญา เพราะ​เห็น​ว่า​ช่อง​ทาง​นี้​มีข้อดี​อย่าง​สำคัญ 2 ประการ
ข้อ​ดี​ที่ 1, ถ้า​ชื่อ พล.อ.​ประยุทธ์ ถูก​เสนอ​เป็น​ว่าที่​นายกฯ​ใน​บัญชี​พรรคการเมือง จะ​ทำให้​สถานะ​ของ พล.อ.​ประยุทธ์ กลาย​เป็น “นายกฯ​คนใน​กึ่ง​คนนอก” หรือเป็น “นายกฯ​คนนอก​กึ่ง​คนใน”

คือ​หลุดพ้น​จาก​สถานะ “คนนอก” ไป 50 เปอร์เซ็นต์

ข้อ​ดี​ที่ 2, พล.อ.​ประยุทธ์ จะ​มี​โอกาส​ได้​ลุ้น​เก้าอี้​นายกฯ​ใน​การ​โหวต​รอบ​แรก​ของ​สภา​ผู้​แทน​ราษฎรทันที
ถ้า​รวบรวม​เสียง ส.ส.​สนับสนุน​ได้​เกิน​กึ่ง​หนึ่ง​ของ​สภาฯ พล.อ.​ประยุทธ์ ก็​เข้า​ป้าย​แบ​เบอร์

แต่​ถ้า​โหวต​รอบ​แรก​ได้​เสียง ส.ส.​สนับสนุน​ไม่​ถึง​กึ่ง​หนึ่ง​ก็​ไม่​เป็นไร

พล.อ.​ประยุทธ์ ยัง​ได้​ลุ้น​โหวต​นายกฯ​รอบ 2 ซึ่ง​จะ​มี ส.ว.​ลาก​ตั้ง 250 คน เท​เสียง​สนับสนุน​สุด​ลิ่ม​ทิ่ม​ประตู
สรุป​ว่า​เส้นทาง​สืบ​ทอด​อำนาจ​มี​ให้​เลือก 2 ประตู​ก็​จริง

แต่​ถ้า​เลือก​เข้า​ช่อง​ที่ 1 จะ​ชัวร์​กว่า​นะ​คุณ​โยม.

“แม่​ลูก​จันทร์”

มั่นใจถึงได้ปล่อยของ

มั่นใจถึงได้ปล่อยของ


ปล่อยมุกเรียกเรตติ้งได้ตลอดเวลา กับช็อตล่าสุดที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หัวหน้า คสช.สั่งให้เจ้าหน้าที่ยกสแตนดี้หรือรูปถ่ายเท่าตัวจริงของ “ลุงตู่” มาตั้งตรงหน้าไมโครโฟนของกลุ่มนักข่าวทำเนียบรัฐบาล ก่อนพูดตลกหน้าตาย

“ใครสอบถามปัญหาการเมือง ความขัดแย้ง ถามกับไอ้คนนี้นะ”

เรียกเสียงฮาครืนทำเนียบรัฐบาล

เรื่องของเรื่อง มุกขำๆลีลาอำทีเล่นทีจริงแบบนี้แหละที่ทำให้ “ลุงตู่” ยังเต้นฟุตเวิร์ก ประคองต้นทุนหน้าตัก เป็นความน่ารักแบบธรรมชาติที่คนเกลียดไม่ค่อยลง

อย่างน้อยๆก็ผ่อนหนักเป็นเบา แก้เหลี่ยมที่รัฐบาล คสช.ตกเป็นรองฝ่ายต้านที่โหมถล่มอย่างหนักในโลกโซเชียลฯ ประเภทที่อัพข้อมูลด้านลบถล่มขุมอำนาจ คสช.แบบรายชั่วโมง ตามอุดตามแก้กันไม่ทัน

ขนาดเรื่องหมาๆยังทำให้ “นายกฯลุงตู่” เหนื่อยเหงื่อตก

และตามรูปการณ์แรงเสียดทานที่ยกระดับขึ้นทุกขณะ กับยุทธการโหมกระแส “ต้านนายกฯคนนอก” ที่มาตามนัด ตามฟอร์มของเกมชิงพื้นที่อำนาจ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฤกษ์ประเดิมต้นปีจอ

ประกาศตัวแสดงตนเป็น “นักการเมือง” อย่างเต็มปากเต็มคำ

ทำให้นักเลือกตั้งอาชีพ โดยเฉพาะเจ้าถิ่นขาใหญ่ทั้งยี่ห้อประชาธิปัตย์ ค่ายเพื่อไทย สามัคคีบาทา

ล็อกเป้าถล่มผู้นำรัฏฐาธิปัตย์แบบไม่แหยงอำนาจพิเศษอีกต่อไป

แต่แน่นอน เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจประกาศ นั่นย่อมรู้อยู่แล้วว่าจะเจออะไร แสดงว่ามันเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ล็อกโปรแกรมไว้ เมื่อสถานการณ์เดินมาจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของอำนาจพิเศษ

ต้องเดินตามหมากที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญในช่วงเปลี่ยนผ่านต่ออีก 5 ปี

วันเวลามาถึงจุดที่ต้องแสดงตัวแสดงตนให้คนรู้เลยว่า “นายกฯลุงตู่” จะต้องเดินต่อบนถนนอำนาจ ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ไม่ผิดเพี้ยน ไม่มีเหลี่ยมตระบัดสัตย์เพื่อชาติให้เสียคำพูดชายชาติทหาร

เสี่ยงกับการโดนต่อต้านในภายหลัง ซ้ำรอยทหารรุ่นพี่ยุคพฤษภาทมิฬ

และจริงๆสถานการณ์ก็ล้อไปกับฉากการเดินสายจัด ครม.สัญจรในต่างจังหวัด ลงพื้นที่ขายตรงผลงานรัฐบาลทหาร คสช.กับชาวบ้าน พร้อมๆกับการเปิดพื้นที่พูดจากับนักเลือกตั้งอาชีพ เปิดดีลกับนักการเมือง

ยุทธศาสตร์ปูทางรองรับเกมเบิ้ลของ “ลุงตู่” ชัดทั้งเบื้องหน้าและการล็อบบี้เบื้องหลัง

จัดวางกำลังไว้ค่อนข้างแน่นพอสมควรแล้ว

และแนวโน้มจุดสำคัญสุดคือความมั่นใจในสิ่งที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ นำประเทศมาถูกทิศถูกทาง สะท้อนจากสถานการณ์ตลาดหุ้นที่ดีดขึ้นร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี

ตอกย้ำสัญญาณดีทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาจากปลายปีที่แล้ว แนวโน้มการส่งออกและตัวเลขจีดีพีที่สูงขึ้น การท่องเที่ยวที่เติบโตจนต้องขยายจากเมืองหลักออกไปเมืองรอง

เศรษฐกิจภาพรวมเริ่มแข็งแกร่งตามสภาวะเศรษฐกิจโลก

ขณะเดียวกันก็เป็นการเร่งแก้โจทย์ภายในเรื่องปัญหาปากท้อง โฟกัสจากการที่รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากตั้งแต่การประชุม ครม.นัดแรกของปี

โดยนายสมคิดพร้อมกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเสนอรายละเอียดมาตรการโครงการสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 2 ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ที่กระทรวงการคลังจะเสนอเข้าครม.ในวันที่ 9 มกราคม และจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคมเป็นต้นไป

เป้าหมายคนจนรายได้ต่ำกว่าปีละ 30,000 บาท ต้องลดลงภายในปี 2561

แน่นอน เมื่อเศรษฐกิจพอไปวัดไปวาได้ บวกกับความมั่นคงที่เป็นจุดเด่นของทีมงาน คสช.ที่คุมสถานการณ์บ้านเมืองมา 3 ปี

ย่างเข้าปีที่ 4 ไม่มีม็อบป่วนเมืองมาปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ ทำให้ชาวบ้านรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

มันก็ทำให้ “ลุงตู่” มั่นใจกับเส้นทางคืนสู่เก้าอี้ผู้นำช่วงเปลี่ยนผ่าน

ถึงแม้จะสวนทางกับแรงต้านที่ “ปู่พิชัย รัตตกุล” อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จุดพลุให้ค่ายประชาธิปัตย์จับมือกับพรรคเพื่อไทยในการสกัดผู้นำท็อปบูต ขณะที่พรรคเพื่อไทยแบะท่า ชวนนักการ
เมืองอาชีพรวมหัวกันสกัด “นายกฯคนนอก”

แต่มันก็เป็นอะไรที่บอกกันตรงๆไม่ได้ ทุกฝ่ายก็รู้กันอยู่แก่ใจ

ในเมื่อโจทย์ตามเงื่อนไขสถานการณ์ ทหารไม่มีทางยอมให้ปฏิวัติเสียของซ้ำซาก เหนือไปกว่านั้น ฝ่ายคุมเกมประเทศไทยไม่มีทางไว้ใจ ปล่อยให้นักการเมืองอาชีพขึ้นคุมอำนาจในช่วงเปลี่ยนผ่าน

โดยคำตอบสุดท้ายที่ล็อกไว้ ถ้าถึงจุดหนึ่งนักการเมืองยังดึงดันกดดันทหารจนไม่มีทางออก

ก็อาจเจอฉากแอ่นแอ๊น ย้อนไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่แค่นั้น.

ทีมข่าวการเมือง

ว่าด้วยการขอลี้ภัยของ"ยิ่งลักษณ์"กับภาพที่ปรากฎ

หนีคุก + ไม่ถูกยึดทรัพย์ เป็นเอกสิทธิ์ของคนรวยที่มีอิทธิพล?
กวนน้ำให้ใส สารส้ม
นสพ.แนวหน้า วันจันทร์ ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561
โลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ “ภาพอวดรวย” ของนักโทษหนีคดีกันอย่างอื้ออึง
เมื่อปรากฏภาพถ่ายยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หิ้วกระเป๋าหรู อยู่ห้างดังในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นกระเป๋า Hermes Birkin 35 PINK หรือไม่? ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องหนังชั้นสูงของฝรั่งเศส ราคาแพงกว่าบ้านและรถของคนทั่วไปในเมืองไทย เป็นรุ่นที่ทำจากหนังจระเข้ ประดับด้วยทองคำขาว และเพชร ราคาราวๆ 7 ล้านบาท แพงระยับ หายากมาก
1. ยิ่งลักษณ์ถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี จากกรณีละเว้น ไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ปล่อยให้มีการทำสัญญาและส่งมอบข้าวจีทูจีขี้โกง เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติมหาศาล คดีถึงที่สุดเด็ดขาดแล้ว
ในคำพิพากษา ระบุด้วยว่า นโยบายดังกล่าวขาดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล มีการทุจริตเกิดขึ้นในทุกขั้นตอน แม้ว่าบางขั้นตอนอยู่ในฝ่ายปฏิบัติ ส่งผลให้รัฐบาลต้องใช้กรอบวงเงินเกิน 5 แสนล้านบาท นอกจากนี้
ยังเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง วงเงินไม่เพียงพอรับจำนำข้าวเปลือก
ประการสำคัญ กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ในสัญญา 4 ฉบับ
ยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว ไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐจริงๆ ไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน เป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ โดยไม่มีการประมูล แล้วนำไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ถูกท้วงติงอภิปรายในสภา ให้สัมภาษณ์ยืนยันรับรู้การขาย แต่ยิ่งลักษณ์ยังไม่จัดการเด็ดขาด กว่าจะปรับนายบุญทรงออกจากตำแหน่งก็ในวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ทำให้เดินหน้าส่งมอบข้าวต่อและยังทำสัญญาเพิ่มเติมอีกกว่า 8 สัญญา ฯลฯ ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาดว่า การกระทำของยิ่งลักษณ์เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1
ส่วนนายบุญทรงและพวก ก็ระเห็จเข้าไปนอนคุกแล้ว เพราะกรณีขายข้าวจีทูเจี๊ยะนั่นเอง
2. ปัจจุบัน รัฐบาลยังต้องจัดสรรเงินงบประมาณแผ่นดินหลายหมื่นล้านบาท นำไปใช้หนี้โครงการจำนำข้าวอย่างต่อเนื่องทุกๆ ปี
คาดว่า จะต้องใช้เวลาเกือบ 10 ปี จึงจะตามล้างหนี้ให้นโยบายจำนำข้าว “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์โชว์” ได้หมด (ถึงวันนี้ ยังเหลือหนี้ค้างอีกราวๆ 3 แสนล้านบาท)
แทนที่เงินส่วนนี้ จะสามารถนำไปพัฒนาแหล่งน้ำ ช่วยเหลือเกษตรกรอีกมากมาย คนจนอีกมากหลาย
เอาไปสร้างระบบรางทั่วประเทศได้เลย โดยไม่ต้องกู้ด้วยซ้ำ
3. ยิ่งลักษณ์ถูกออกคำสั่งเรียกค่าสินไหมทดแทน ให้ชำระค่าเสียหาย
จากโครงการจำนำข้าว เฉพาะในส่วน 20% ของความเสียหายที่เกิดขึ้นโดย
ไม่นับรวมส่วนที่ชาวนาได้ประโยชน์จากโครงการจำนำข้าวในช่วงนั้น (กล่าวคือ ส่วนที่ชาวนาได้ประโยชน์ ไม่นำมาคิดเรียกคืน แต่เรียกคืนในส่วนที่รั่วไหล
ออกไป)
24 ก.ย. 2559 “คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง” ซึ่งมี
นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานฯ ได้เคาะตัวเลขให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้เงินจำนวน 35,717 ล้านบาท
13 ต.ค.2559 กระทรวงการคลัง ได้ออกหนังสือให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว
26 ธ.ค. 2559 น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง
ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งที่กระทรวงการคลัง เรียกให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงิน 35,717 ล้านบาท พร้อมไปกับขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งดังกล่าวหรือระงับคำสั่งให้ชดใช้เงินดังกล่าวไว้จนกว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษา
10 เม.ย.2560 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขอให้ทุเลาการบังคับใช้หนี้จำนวน 35,717 ล้านบาทคดีจำนำข้าว
23 พ.ค. 2560 มีคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 699/2560 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อการสืบทรัพย์ราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากนั้น
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังส่งรายการทรัพย์สินนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบัญชีธนาคารจำนวน 12 บัญชี ให้กรมบังคับคดีดำเนินการว่า ในส่วนงานบังคับคดีจะดำเนินการตามที่ร้องขอ โดยการบังคับคดีมีอายุความ 10 ปี ระหว่างนี้หากโจทก์สำรวจพบทรัพย์สินเพิ่มเติมก็สามารถส่งรายการทรัพย์สินให้กรมบังคับคดีอายัดเพิ่มได้ตลอด ส่วนรายละเอียดทรัพย์สินไม่สามารถเปิดเผยได้
เนื่องจากเป็นรายละเอียดในสำนวนคดี
30 ก.ค. 2560 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่า กรมบังคับคดีได้อายัดและถอนเงินจากบัญชีธนาคาร 5 บัญชี เป็นจำนวนเงินหลักแสนบาท จากทั้งหมด 16 บัญชีส่วนเงินที่เหลืออีก 11 บัญชียังไม่มีการแตะต้องส่วนที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม พบมี 37 รายการ กรมบังคับคดี
ได้ประสานงานกับกรมที่ดินเพื่อขอฟรีซทรัพย์นั้นไว้เช่นกัน เพื่อไม่ให้มีการทำธุรกรรม จำหน่าย จ่ายโอน แต่ยังไม่ถูกยึดเข้ารัฐ
บัดนี้ ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาในทางคดีอาญาไปเรียบร้อยแล้ว คดีถึงที่สุดไปแล้ว ว่ายิ่งลักษณ์มีความผิดร้ายแรง จำคุก 5 ปี จากการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
บัดนี้ ศาลปกครองไม่ได้มีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวแต่อย่างใด
นั่นหมายความว่า เจ้าหน้าที่จะต้องบังคับคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อทวงคืนค่าเสียหายกลับมาสู่แผ่นดิน
บัดนี้ ยึดทรัพย์ได้กี่บาทแล้ว... ขณะที่เจ้าตัวเสวยสุขอยู่ต่างแดน ยังใช้กระเป๋าใบละเกือบ 10 ล้านบาท แต่คนไทยยังถูกเก็บภาษี เพื่อว่าบางส่วนจะเอามาชำระหนี้โครงการจำนำข้าว ทั้งๆ ที่ ควรจะต้องรีบยึดทรัพย์อย่างเด็ดขาดนำมาชำระหนี้ ไม่ต้องเอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้หนี้จำนำข้าว เพื่อรัฐบาลจะได้นำเงินงบประมาณแผ่นดินไปทำประโยชน์อย่างอื่น รวมทั้งช่วยเหลือเกษตรกร คนยากจนในประเทศ

คก.ปปช.

ปปช. องค์กรอิสระ ซึ่งถือเป็นกลไกต้นทางกระบวนการยุติธรรม ที่จะตรวจสอบการใช้อำนาจของ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่ง กรธ.กำหนดให้ Set Zero กรรมการ ปปช ตามมาตรา 178 ที่ระบุให้ คกก.ปปช. ชุดปัจจุบัน ที่นำโดย บิ๊กกุ่ย ซึ่งปู่ป้อมตั้งเองกับมือ โดยที่ประชุม สนช. กมธ.เสียงข้างน้อย ให้เหตุผลที่ไปยกเว้นการใช้บังคับเรื่องคุณสมบัติ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ อาจเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ และยังทำลายความสง่ามงาม การดำรงตำแหน่งของ ปปช. แต่สุดท้ายที่ประชุมสนช. มีมติ 157 ต่อ 26 เสียงเห็นชอบตามที่กมธ.แก้ไข และมีผู้งดออกเสียงมากถึง 29 คน หมดสิ้นความน่าเชื่อถือ
ประเด็นที่ น่าเกลียดหนักหนา ปปช. 7 คน มีคุณสมบัติต่ำกว่ามาตรฐานที่ รัฐธรรมนูญกำหนด
1. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาฯ นายกฯ ( พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อปี 2557 ซึ่งพ้นจากตำแหน่งไม่ถึง 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญกำหนด
2.นายปรีชา เลิศกมลมาศ, พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง, นายณรงค์ รัฐอมฤต, นางสาวสุภา ปิยะจิตติ, พล.อ.บุญยวัจน์ เครือหงส์ ทั้ง 5 คน เคยรับตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ถึง 5 ปี ตามรัฐธรรมนูญหาม
3.นายวิทยา อาคมพิทักษ์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ไม่ถึง 10 ปี ตามรัฐธรรมนูญที่ห้ามไว้
ดังนั้น ถ้ายึดตามร่างของ กรธ. คือ Set Zero จะต้องสรรหา ปปช.ใหม่ ทั้ง 9 คน โดย 7 คน จะต้องพ้นไป เมื่อ พ.ร.ป. ประกาศใช้ รวมทั้งประธาน ป ช. คือ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ด้วย

ชักไม่ปลื้ม..

อ่านข่าวการเมืองหลังปีใหม่นี้มีอะไรให้เซอร์ไพรส์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น
- ลุงตู่ประกาศเป็นนักการเมือง!!
- ข่าวลือและข่าวให้สัมภาษณ์จากผู้อาวุโส (ที่ถึงเวลาควรพักผ่อนแล้ว) ว่าปชป. เพื่อไทยจะจับมือกันต่อต้านรัฐบาลทหาร!!
- นาฬิกาพ่นพิษเรือนที่ 16 ของพี่ใหญ่ในคสช.!!
- ยิ่งลักษณ์โผล่โพสต์ถ่ายรูปที่อังกฤษกับกระเป๋าใบละ 7 ล้าน แสดงถึงชีวิตนักโทษหนีคดีที่ยังเสวยสุขได้อย่างสบายใจ!!
สิ่งที่’อยากเห็น’รัฐบาลทหารที่เหลือเวลาไม่มากนักและนักการเมืองที่รอวันเลือกตั้งทำอะไรเพื่อเรียกศรัทธาประชาชนกลับมา คือ
- ใช้เวลาที่เหลืออยู่ปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปตำรวจ แก้ไขปัญหาปากท้องของปชชอย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าการประกาศจะเป็นนักการเมือง
- ปชป.เร่งปฏิรูปพรรค หาตัวผู้สมัครที่มีคุณภาพ นำเสนอนโยบายที่สร้างสรรค์และตอบโจทย์ปัญหาประเทศ เตรียมการเลือกตั้งเพื่อเอาชนะพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งให้ได้ เพราะส่วนตัวหากคนในพรรค(บางคน)เริ่มมีความคิดกลืนน้ำลายและอุดมการณ์ตนเองไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย นั่นคือ ความหายนะที่จะลบล้างศรัทธาของผู้ที่รักและสนับสนุนปชป.มาตลอดเกือบ 70 ปี
- ปปช.ต้องเร่งสอบสวนคดีนาฬิกาหรูของอดีตข้าราชการทหารระดับสูง เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ และนำผลการพิจารณามาชี้แจงกับสาธารณะโดยเร็ว
- เมื่อรัฐบาลปล่อยให้นักโทษหนีคดีที่เป็นถึงอดีตนายกฯหลุดออกนอกประเทศไปได้ แถมใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอย่างไม่เดือดร้อนใดๆ เมื่อรู้ชัดเจนแล้วว่านักโทษอยู่ที่ไหน ก็ยิ่งต้องหาทางนำตัวกลับมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด!!
ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของประชาชนคนหนึ่งที่อยากเห็นการปฏิรูปประเทศอย่าง และอยากเห็นนักการการเมืองไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนได้จริงๆ
ทยา ทีปสุวรรณ
7 ม.ค. 61