PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เกมดูดโหดลึกของจริง

เกมดูดโหดลึกของจริง



“จะดูดทำไมให้เมื่อยปาก ใครจะไปดูด”
ลีลาเริ่มหัดพลิ้วของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่ “จงใจ” พูดขึ้นกลางงานเปิดแฟลตดินแดง พื้นที่ฐานเสียงใหญ่แห่งหนึ่งของ กทม. ล้อกระแสดูดที่นักการเมืองอาชีพพรรคเพื่อไทยและยี่ห้อประชาธิปัตย์กำลังรุมถล่มค่ายพลังประชารัฐ
แท็กทีมฟัดพรรคน้องใหม่กันจมเขี้ยว
และย้ำกันอีกรอบระหว่างการร่วมช็อตอีเวนต์ก่อนประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล “นายกฯลุงตู่” พูดกับทีมศิลปินดารารุ่นใหญ่ ใครจะดูดไม่ดูดไม่รู้ แต่ตนเองยังไม่ได้ไปอยู่กับใครเลยสักคน
ยังไม่มีการดำเนินใดๆเพราะยังมุ่งมั่นกับการบริหารประเทศในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
“บิ๊กตู่” ต้องเล่นแต้ม เคลียร์กระแสที่ถูกนักการเมืองโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยล็อกเป้าประจาน
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่กระแสดูดลามถึงเขตทหาร โยงถึงคนในกองทัพ
โดยรูปการณ์แบบที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะ “พี่ใหญ่” ผู้มากบารมีในทุกวงการ โดนคนของพรรคเพื่อไทยอ้างว่าเปิดบ้านพักในค่ายทหาร ให้แม่ทัพนายกองพานักการเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดเข้าพบเจรจา
เจ้าตัวโดนนักข่าวไล่ต้อนถามจนต้องร้อง “โอ๊ย”
แนวโน้มสถานการณ์ยังโยงไปถึง “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ต้องออกมาเคลียร์กระแส ยืนยันกองทัพไม่มีนโยบายหรือสั่งการให้นายทหารใหญ่ต่อสายเจรจาอดีต ส.ส.ให้เข้าพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์แต่อย่างใด
เช่นเดียวกับในพื้นที่อีสาน พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนกรานไม่เคยสั่งการทหารชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ไปดำเนินการดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ อย่างที่คนของพรรคเพื่อไทยกล่าวอ้าง
ท็อปบูตตบเท้าเคลียร์ข่าวดูดคนของพรรคเพื่อไทย
แน่นอน โดยเงื่อนไขสถานการณ์ถือว่าไหลเข้าเหลี่ยมทีมงานยี่ห้อ “ทักษิณ” รวมถึงค่ายประชาธิปัตย์ และนักการเมืองอาชีพที่ช่วยกันโหมกระแสต้านพรรคทหาร
ทาสีเขียว ประทับภาพของค่ายพลังประชารัฐ
“บิ๊กตู่” จึงต้องสับคัตเอาต์ รีบตัดการเชื่อมโยงกับทหารไว้ก่อน
เรื่องของเรื่องตอนนี้การขับเคลื่อนภายใต้ทีมงาน “สามมิตรกรุ๊ป” ก็กำลังทำได้นิ่มนวล
ดู “แนบเนียน” กว่ากันเยอะ
นับตั้งแต่จังหวะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย แท็กทีมนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา บินไปทาบทาม “ติงลี่” นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ถึงบ้านในพื้นที่จังหวัดเลย
เป็นอีเวนต์ประเดิมเปิดตัว ประกาศสนับสนุน “นายกฯลุงตู่” ตีตั๋วต่อ
ด้วยยี่ห้อ “สุริยะ–สมศักดิ์” ที่รับมุก “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ แท็กทีมอดีต “ก๊วนก๋วยเตี๋ยวเนื้อ” ยุคอดีตพรรคไทยรักไทย
เป็นภาพของนักการเมืองอาชีพที่ช่วยกันก่อตั้งพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์
ไม่มีจุดเชื่อมโยงกับทหารแบบชัดๆ
เรื่องของเรื่อง เพื่อไทยกับพลังประชารัฐจับคู่ฟัดกันตามเดิมพันคู่ชิงอำนาจ
แต่อีกคู่ที่จะแรงกว่าก็คือ “ศึกสายเลือด” พรรคประชาธิปัตย์กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย
โฟกัสจากฉากงานทำบุญฉลองวันเกิดครบรอบปีที่ 69 ของ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิ กปปส. ที่มีการหยอกเอินกันเรื่องดูด เรื่องย้ายพรรค
แบบที่ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยิงมุกสวนคำถามนักข่าวว่าด้วยเรื่องดูดเป็นเชิงว่า ไม่ต้องดูด บอกมาเลยใครจะย้าย จะทำบัญชีส่งให้ ขณะที่ “ลุงกำนัน” บอกไม่ดูดใคร ถ้าดูดก็ดูด “อภิสิทธิ์” เลยทีเดียว
หัวร่อต่อกระซิกต่อหน้านักข่าวเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่
แต่เบื้องหลัง มีรายงานข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ในอีกวันถัดมา “ลุงกำนัน” จัดทีมผู้สมัครเจาะฐานประชาธิปัตย์ในปักษ์ใต้ ยึดสุราษฎร์ธานีเขตเก่งของตระกูล “เทือกสุบรรณ” เป็นฐานที่มั่นใหญ่
พรรคประชาธิปัตย์มอบธงให้ “น้าหยัด” นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้อาวุโสของพรรค ที่เป็นคนชักชวนนายสุเทพมาลงสนามการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์
เป็นคนจัดกองกำลังสู้กับการแข็งเมืองของทีม “ลุงกำนัน”
คนยี่ห้อประชาธิปัตย์ต่างหาก เขาเล่นกันโหดลึก อำมหิตของจริง.
ทีมข่าวการเมือง

โวยมากเฝือเข้าเนื้อ

โวยมากเฝือเข้าเนื้อ



เรือนักท่องเที่ยวล่มตายหมู่ ช่วยทีมหมูป่าฯออกจากถ้ำ
งานเข้าหายใจหายคอกันแทบไม่ทัน สถานการณ์แบบที่ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.ต้องชีพจรลงเท้า สายบินล่องใต้ภูเก็ต บ่ายขึ้นเหนือเชียงราย
เดินสายตรวจสถานการณ์ บัญชาการเหตุในพื้นที่ด้วยตัวเอง
ตามจังหวะคิวแทรกข่าวใหญ่ เรือนักท่องเที่ยวล่ม ช่วยเด็กติดถ้ำ ทำให้โหมดการเมืองซาลงชั่วคราว
ข่าวดูด ส.ส. ล่อเป้าประจานพรรคทหาร ถูกเบียดตกขอบ คนไม่ค่อยสนใจ
จังหวะเลยต้องปรับเรตติ้งกันใหม่ ปรากฏการณ์อย่างที่ “เดอะอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาแตะเบรกหน่วยตีปี๊บของ “นายใหญ่” ให้เพลาๆยุทธการแฉเกมดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลดโทนขยี้พวกย้ายพรรค
รักษามิตรภาพ กล่อมพวกที่ยังลังเลให้ปักหลักอยู่ต่อดีกว่า
เรื่องของเรื่อง จับกระแส ทิศทางข่าวเริ่มเฝือ ข่าวดูด ส.ส.พอปั่นหนักๆภาพชักออกมาในโทนมโน
โดยตัวแฉหน้าซ้ำๆ ข้อมูลเริ่มตัน
ด้านหนึ่งก็เป็นนายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี ที่เปิดข่าวรายวันจากการแฉทหารใหญ่เรียกทีมอดีต ส.ส.นครราชสีมาและ ส.ส.อีสานเข้าไปรวบหัวรวบหางในค่ายกระแสดูดลามภาคกลาง ถูกทีมพลังประชารัฐรุกหนัก ใครโดนคดี มีหนี้สินจะดูแลให้ มีเงินรายเดือน มีเงินก้อนโตให้ไปตั้งตัว
ยิงมุกเอาไม้มาตีจะสู้ แต่เอาตังค์มาตีสลบทุกราย
อีกด้านหนึ่ง “หัวเขียง” นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ก็บอกสถานการณ์ดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยไปพรรคพลังประชารัฐเริ่มนิ่งแล้ว ถึงตอนนี้ ส.ส.อีสานมีความกลัวคำขู่เรื่องคดีความน้อยลง หลายคนที่มีท่าทีจะย้ายไปแล้ว เริ่มลังเลอาจกลับมาใหม่
แถมขณะนี้มีการปรับวิธีการดูดจากเดิมที่ใช้ทหาร แกนนำพรรคพลังประชารัฐหรือคน
ในรัฐบาลมาทาบทาม เปลี่ยนเป็นให้เพื่อนชวนเพื่อน ใช้คนที่ถูกดูดไปแล้วมาทาบทาม เพราะพรรคพลังประชารัฐกำลังถูกมองทางลบ ต้องแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่พรรคทหาร
ตบท้ายก็เป็นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทยที่ยืนยันตัวเองและอดีต ส.ส.โคราช ถูกเจรจาต่อรองให้เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะช่วงนี้ถูกกดดันต่อรองหนัก แต่เท่าที่คุยทุกคนยังยืนยันที่จะปักหลักกับพรรคเพื่อไทย
เพราะประชาชนในพื้นที่โทรศัพท์มาขอร้องอย่าย้ายพรรค
สคริปต์เดิมๆ มุกซ้ำๆ ที่สำคัญมันเป็นอาการที่คนของพรรคเพื่อไทยพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว
ถี่เข้ามันก็ถูกจับทางได้ แค่เกมชิงกระแส ดักคอตีกัน
แต่อีกนัยหนึ่งมันกลับสะท้อนอาการ “นายใหญ่” ผวาเลือดไหลออก ต้องสกัดกันอุตลุด
และนั่นก็เป็นจุดที่เกิดเครื่องหมายคำถาม ถ้ายี่ห้อ “ทักษิณ” ชัวร์จริง ทำไมต้องผวา ต้องง้อพวกย้ายพรรค ดักคอดักทางกันจ้าละหวั่น
ตามเกมแบบที่พวกแห่ตามทีม “สามมิตร” สวนกลับ “นายใหญ่” ดูแลไม่ดี
ช่วง 3-4 ปี ไม่มีเลือกตั้ง น้ำเลี้ยงเหือดแห้ง ปล่อยอดๆอยากๆ
ด้วยความมั่นใจกระแสยี่ห้อ “ทักษิณ” ในอีสานกับเหนือ เหมือนยี่ห้อประชาธิปัตย์ในปักษ์ใต้
ส่งเสาไฟฟ้าลงยังสอบได้
ถึงเวลาเลือกตั้ง อดีต ส.ส.ก็ย่อมค้างคาใจ กระแสดีแต่ไม่มีกระสุนก็ค่าเท่ากัน
แถมการเปิดตัวของหัวจ่ายยี่ห้อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ที่ทรง ประสิทธิภาพในยุคพรรคไทยรักไทย
เครื่องหมายการค้าที่อดีต ส.ส.อีสานคุ้นเคยกันดี มันเป็นอะไรที่สัมผัสแตะต้องได้ชัดเจนกว่าคำขู่สอบตก หรือการทำนายอนาคตพรรคพลังประชารัฐจะล่มสลายเหมือนสามัคคีธรรม
ตรงกันข้ามกับสภาพภายในพรรคเพื่อไทยที่ปฏิเสธความจริงไม่ได้
กองทัพนายใหญ่อยู่ในสภาพ “หัวขาด” สถานการณ์แบบที่ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ตัดใจเตรียมหอบผ้าพาลูกทีมออกไปตั้งป้อมค่ายใหม่ รอวัดใจ “นายใหญ่” ไม่ไหว
รู้กันเป็นนัย “นายใหญ่” ไม่กล้าหักบรรดาเจ๊ๆเฮียๆขาใหญ่ ตั้ง “เจ๊หน่อย” เป็นแม่ทัพก็พรรคแตก
ขณะที่เจ้าแม่เมืองกรุงใส่เกียร์ห้า เหยียบคันเร่งมิด รู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว ถ้าไม่ได้เป็นแม่ทัพ “เจ๊หน่อย” ก็อยู่มองหน้าคนในพรรคเพื่อไทยไม่ติด
มองซ้ายมองขวา หันกลับไปเปิดบัญชีชื่อที่สำรองไว้ ไล่ตั้งแต่ “เดอะอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง-พงศ์เทพ เทพกาญจนา-ชัยเกษม นิติสิริ-พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ฯลฯ
หรือคำตอบสุดท้าย แทงเต็งไปเลย ชื่อ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์”
มันก็หนีไม่พ้นเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปเผชิญวิบากกรรมซ้ำซากกับ “นายใหญ่”.

ทีมข่าวการเมือง