PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

ใช้บริการ 'กองทัพ' สร้าง 'ปรองดอง'

ทีมข่าวคิดลึก
งานใหญ่ ภารกิจสำคัญกำลังจะเริ่มต้นขึ้นบนความคาดหวังของใครหลายคนว่า "การปรองดอง" น่าจะเกิดขึ้นได้เป็นรูปธรรม ในยุครัฐบาลที่อยู่ภายใต้ เงาอำนาจของ "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" หรือ คสช. อีกทั้งยังต้องไม่ลืมว่าในยุคนี้ "กองทัพ" มีความแข็งแกร่งอย่างที่สุด
นั่นหมายความว่า อำนาจในทางการเมือง และการทหาร อยู่ในภาวะที่หลอมรวมเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นโอกาสที่ รัฐบาลกับกองทัพจะขัดแย้งกันเองจนทำให้มีอันต้องกระทบกับ "งานใหญ่"จึงเท่ากับเป็นศูนย์ !
ยิ่งเมื่อภารกิจว่าด้วยสร้างความปรองดอง สลายความขัดแย้งในรอบนี้นั้น"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้มอบ หมายให้ "พี่ใหญ่" อย่าง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ามานั่งกำกับการอยูหัวโต๊ะด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าภารกิจครั้งนี้ น่าจะได้รับการสนองตอบจากฝ่ายการเมืองมากกว่าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ประเด็นที่น่าสนใจและไม่อาจมองข้าม นอกเหนือไปจากการที่พล.อ.ประยุทธ์ มอบภารกิจสำคัญให้ไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประวิตร ครั้งนี้นั้นยังอยู่ที่การนำ "กองทัพ" เข้ามาเสริมทั้งการส่ง "บิ๊กทหาร" เข้าไปนั่งอยู่ในคณะกรรมการ คณะทำงานชุดต่างๆ นั้นทางหนึ่งคือการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของกองทัพ ในยุคที่เป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาล
วันนี้ ความขัดแย้งทางการเมืองที่เคยเกิดขึ้นกับขั้วอำนาจกลุ่มต่างๆ อาจจะยังไม่ได้สลายหายไปไหนก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า "สัญญาณ" ที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ คือการที่ฝ่ายการเมือง รู้ดีว่าพวกเขาควรที่จะอยู่และดำเนินบทบาทต่อไปอย่างไร
เมื่อ คสช. ไม่ยอมให้ไฟเขียว เปิดทางให้พรรคการเมืองจัดกิจกรรมใดๆทางการเมือง ตามที่ได้พยายามเรียกร้องกันมาหลายครั้งหลายครา แต่ในขณะเดียวกัน ฝ่ายการเมืองเองสามารถหาทางออกให้กับตัวเอง ด้วยการหันไปใช้พื้นที่ในโลกโซเซียลแทน และดูเหมือนว่าจะได้ผลอยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่าการเดินหน้าในรูปการณ์ดังกล่าวสำหรับฝ่ายการเมือง ย่อมดีกว่าการเลือกวิธี "แข็งขืน" ต่อกรกับ คสช.อย่างไม่ลดละ เพราะจะมีแต่พัง มากกว่าได้
ทั้งนี้การออกมาให้สัมภาษณ์ของ"บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ "คีย์แมน"สำคัญในการขับเคลื่อนกองทัพบกที่จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและสนับสนุนการสร้างงานปรองดองให้เกิดเป็นรูปธรรม ชี้ว่า การปรองดองเป็นสิ่งที่ดีที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือร่วมใจกัน ซึ่งการปรองดองจะเห็นผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เพราะที่ผ่านมาก็มีความพยายามดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบกที่มีศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปตั้งแต่เดือน พ.ค.2557 "ต้องยอมรับว่าในภาพรวมการแบ่งแยกสีและการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของประชาชนน้อยลง แต่อาจมีความคิดเห็นแตกต่างเรื่องการเมืองอยู่บ้าง ซึ่งตนคิดว่าในภาพรวมดีขึ้น เมื่อมีคณะกรรมการปรองดองชุดนี้ขึ้นมาดำเนินการในระดับนโยบายก็เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินไปสู่แนวทางที่ดี" (14 ม.ค.2560) แม้ว่าการดึงกองทัพและบิ๊กทหารเข้ามาผลักดันให้การปรองดองเกิดเป็นรูปธรรม อาจจะต้องเผชิญหน้ากับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายการเมืองอยู่บ้างก็ตาม แต่นาทีนี้ดูจะเป็นเรื่องยากที่จะปฏิเสธบทบาทของกองทัพ กับภารกิจใหญ่อยู่ดี
"กษิต" มองควรนิรโทษกรรม สร้างประเทศ เกิดความปรองดอง - กมธ.การเมือง เร่งหารือทำงานให้แล้วเสร็จใน 1 เดือน

นายกษิต ภิรมย์ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ทาง กมธ.การเมือง ได้เร่งหารือสร้างความปรองดองในประเทศ ซึ่งพยายามให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน โดยประเด็นเบื้องต้นได้คุยเรื่องความขัดแย้งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแนวทางการทำงานนั้น จะต้องมีการพิจารณาเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรม และเยียวยาผู้เสียหายอย่างเต็มที่ รวมถึงศึกษาการเกิดความรุนแรงในสังคมไทย พร้อมศึกษาตัวอย่างในไทยและในโลก โดยเมื่อทำร่างเสร็จแล้ว ก็จะส่งให้ที่ประชุม สปท. และหากจะจัดเวทีความคิดเห็นก็สามารถทำได้ต่อไป

ทั้งนี้ นายกษิต กล่าวถึง การเยียวยาและช่วยเหลือผู้ที่กระทำความผิด ว่า เบื้องต้นได้มีการช่วยเหลือไปแล้ว ซึ่งจะมีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนการนิรโทษกรรมนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องทำการเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งทุกคนควรได้รับการนิรโทษกรรม เนื่องจากสาเหตุมาจากการเมือง จึงควรออกกฎหมายนิรโทษกรรมทุกคนและไม่มีการยกเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้ความปรองดองเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง
--------
ผบ.สส. ยัน กองทัพพร้อมหนุนรัฐบาล - คสช. ทำปรองดอง พร้อมเชื่อ ป.ย.ป. จะทำให้ประเทศก้าวข้ามปัญหาที่ผ่านมา

พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวถึงแนวทางการสร้างความปรองดองโดยยืนยันว่า ทางกองทัพพร้อมจะสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งเชื่อว่าการการตั้งคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) จะเป็นประโยชน์และทำให้ประเทศก้าวข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา โดยกองทัพพร้อมทำทุกอย่างให้การดำเนินงานดังกล่าวสำเร็จลุล่วง ส่วนการพูดคุยกับพรรคการเมืองนั้นอยู่ในระหว่างเตรียมการ

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกฝ่ายเข้ามาร่วมกันสนับสนุน เพราะถือเป็นโอกาสที่ดีในการก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วนกรณีที่บางฝ่ายออกมาแสดงความเห็นว่าความปรองดองจะไม่เกิดขึ้นจริง และทหารเป็นคู่ขัดแย้งนั้น คงเป็นความเห็นของบางบุคคล ซึ่งขอย้ำว่านายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. มีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดความสงบและเจริญก้าวหน้า ซึ่งหากทุกฝ่ายทำความเข้าใจ และมองประเทศชาติเป็นที่ตั้งก็จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี
---------
กมธ.ปฏิรูปกีฬา สปท. แถลง “ก้าวกระโดดกีฬาไทย” เชิงลึก มุ่งพัฒนาให้เป็นรูปธรรม

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะวัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วย นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านโครงสร้างการกีฬา พล.ร.อ.อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านบริหารจัดการการกีฬา และ พล.อ.อ.ทวิเดนศ อังศุสิงห์ ประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการปฏิรูปเร็ว ร่วมกันแถลงข่าว “ก้าวกระโดดกีฬาไทย” ผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา เพื่อนำเสนอถึงความเป็นมาและเหตุผลความจำเป็นในการปฏิรูปการกีฬาของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรม พร้อมขยายผลการประชาสัมพันธ์จากการแถลงข่าวผลงานครบรอบ 1 ปี ในเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปกีฬา

นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมการรองรับการจัดสัมมนาของคณะกรรมาธิการที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือกันของภาคส่วนต่าง ๆ ด้วย
----------
นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ภาคใต้ดูน้ำท่วม 26 ม.ค. นี้ พร้อมเร่งรัดให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด 

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ม.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะลงพื้นที่ภาคใต้ และคาดว่า จะนำเงินไปมอบให้แก่ผู้เสียชีวิต รายละ 50,000 บาท ด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการเร่งรัดให้เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้เร็วที่สุด

ขณะที่กองทุนโครงการ "ประชารัฐร่วมใจ ช่วยอุทกภัยภาคใต้" นั้น มีการร่วมบริจาคเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งภายหลังน้ำลดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในทันที ซึ่งย้ำว่า เงินในกองทุนดังกล่าว จะนำไปช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น แต่ไม่ใช่เป็นการแจก ทั้งนี้ ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปสำรวจความเสียหายเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการช่วยเหลือ ขณะที่สิ่งของช่วยเหลือพี่น้องชาวใต้ ขณะนี้ค่อนข้างเพียงพอ เพราะมีหลายภาคส่วนร่วมกันบริจาคจำนวนมาก
-----------
"พล.อ.เอกชัย" เผย อนุกรรมการถกปมแก้ขัดแย้งนัดแรก 23 ม.ค. นี้ มุ่งหามาตรการปรองดอง ชี้ รบ. ต้องทำให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะเลขานุการอนุกรรมาธิการรวบรวมข้อเสนอการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ในกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า จะมีการประชุมนัดแรกวันจันทร์ที่ 23 ม.ค. นี้ เวลา 13.00 น. เพื่อหามาตรการในการสร้างความปรองดองที่ยังไม่สำเร็จให้ได้ข้อสรุป ก่อนเสนอไปยังรัฐบาล อาทิ มาตรการการพักโทษ ที่ให้ผู้กระทำความผิดรับสารภาพก่อนเข้าสู่กระบวนการชะลอโทษ 5 ปี ซึ่งหากไม่กระทำความผิดซ้ำโทษดังกล่าวก็จะหมดไป

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องความปรองดองมีการศึกษามาเป็นเวลานาน และมีเอกสารจากหลายคณะ ดังนั้น สามารถที่จะนำมาทำเป็นแผนขับเคลื่อน และเปิดพื้นที่ให้กลุ่มต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วม พร้อมเห็นว่า รัฐบาลควรกำหนดแผนสร้างความปรองดองให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และควรออกเป็นกฎหมายใช้บังคับ
-------------
"พล.อ.เอกชัย" ชี้ ปรองดองไม่เกิด เหตุไม่อดทนฟังคิดเห็นต่าง ขออย่าอคติ แนะเปิดพื้นที่คุบกัน เชื่อรัฐบาลทำได้

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ในฐานะเลขานุการอนุกรรมาธิการรวบรวมข้อเสนอการแก้ปัญหาความขัดแย้ง ในกรรมาธิการขับเคลื่อนการ
ปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มองว่า สาเหตุที่ทำให้ความปรองดองยังไม่เกิดขึ้น เป็นเพราะผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้ ไม่อดทนต่อการรับฟังความคิดเห็นต่าง
ไม่เปิดใจมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ และดำเนินการไม่ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หากต้องการให้สำเร็จ ต้องทำอย่างจริงจัง อย่าอคติ อย่าเอาชื่อคนเป็นที่ตั้ง เพราะสุดท้ายจะไม่เห็นผล ไม่ต้องมองข้างหลัง แต่ให้ดูที่มีการเสนอว่าจะเคลื่อนอย่างไรให้สำเร็จและเปิดพื้นที่พูดคุยกัน ส่วนทหารที่มาทำเรื่องความปรองดองจะสำเร็จหรือไม่นั้น พล.อ.เอกชัย กล่าวว่า ต้องถามใจว่ามีความมุ่งมั่นหรือไม่ และเชื่อว่ารัฐบาลนี้ ทำได้ เพราะไม่มีรัฐบาลใด จะมีอำนาจสูงสุดเท่ารัฐบาลชุดนี้อีกแล้ว แต่จะใช้ทหารเป็นองค์ประกอบหลักในการแก้ไขปัญหาเรื่องความขัดแย้งไม่ได้ ต้องมีบุคคลหลากหลาย ซึ่งเรื่องความปรองดองจะใช้อำนาจหรือกำลังไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาและความรู้
-------------
กมธ.เศรษฐกิจ ลงพื้นที่นครปฐม ฟังสรุปประเด็นจัดทำโครงการเสนอขอรับงบเพิ่มเติมที่รัฐบาลจัดสรรให้จังหวัดวงเงิน 1 แสนบาท

วันนี้เวลา 09.00 - 12.00 น. ที่ จ.นครปฐม คณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ นำโดย พล.อ.อ.ชนะ อยู่สถาพร ประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมด้วยคณะ
คณะอนุกรรมาธิการนโยบายการเงินฯ ศึกษาดูงานและรับฟังการบรรยายสรุปประเด็นการจัดทำโครงการเพื่อเสนอขอรับงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมที่รัฐบาลจัดสรรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดวงเงิน 100,000 ล้านบาท พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 จำนวน 4 จังหวัด เกี่ยวกับการเสนอโครงการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีการประสานความเข้าใจร่วมกันระหว่างระดับนโยบายกับพื้นที่ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ เป็นโครงการที่เกิดจากความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2560 ผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมีการอนุมัติเงินเพื่อดำเนินโครงการแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จะได้มีการลง
พื้นที่เพื่อติดตามการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนนี้ต่อไป โดยมี นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
------------
นายกฯ เป็นประธานพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 เนื่องในโอกาสวันกองทัพบก และวันกองทัพไทย

ความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วงบ่ายวันนี้ ได้เดินทางมาเป็นประธานพิธีถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และประกอบพิธีสงฆ์ เนื่องในโอกาสวันกองทัพบก และวันกองทัพไทย 18 มกราคม 2560 เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศล และเพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรม บรรพบุรุษเหล่านักรบไทยและทหารผู้กล้า ที่ช่วยกอบกู้เอกราชและรักษาผืนแผ่นดินไทยไว้

โดยในการนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณด้านหน้า อาคารพิพิธภัณฑ์กองทัพบก เฉลิมพระเกียรติ ก่อนจะทำพิธีดังกล่าว โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บังคับบัญชาชั้นสูงให้การต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอลเกล้า ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตนายทหารหลักของประเทศ เพื่อรับใช้ประเทศชาติและประชาชน
---------------
"พล.อ.อ.ประจิน" ขอทุกฝ่ายช่วยกันสร้างปรองดอง เชื่อต้องใช้เวลา ทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงแนวทางการปรองดอง ที่กลุ่มการเมืองบางส่วนปฏิเสธเข้าร่วม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้วางกรอบเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนแล้ว ส่วนตัวอยากให้ช่วยกัน และขอให้ดูความหมายของคำว่าปรองดองและสามัคคี และขอให้ทำตามนั้น เชื่อว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงขอให้ทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชน
---------------
"พล.อ.อ.ประจิน" เห็นชอบหนุนกรอบปฏิรูปประเทศของเลาฯ ป.ย.ป. คาดว่า สัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าชัดเจนเรื่องโครงสร้าง

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง หรือ ป.ย.ป. ว่า ขณะนี้ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ ในฐานะเลขานุการ ป.ย.ป. อยู่ระหว่างการหารือกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และจากการหารือกันเมื่อวานมา ส่วนตัวได้เห็นชอบตามกรอบที่เลขานุการ ป.ย.ป. ได้ร่างไว้

ทั้งนี้ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ส่วนตัวได้รับหน้าที่ในการประสานงานกับหน่วยงาน แผนงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างบุคลากร การศึกษา งานวิจัย และการใช้เทคโนโลยี อีกทั้งในส่วนที่เชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เสนอไว้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าชัดเจนในส่วนของรายชื่อโครงสร้างคณะทำงาน
---------
พล.อ.เฉลิมชัย ตรวจแถวสวนสนาม ประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพบก 

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลของหน่วยทหาร เนื่องในโอกาสวันกองทัพบกและวันกองทัพไทย ณ ลานอเนกประสงค์ กองทัพภาคที่ 1 ภายใน กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ โดยมีคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพบกและกำลังพลเข้าร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง โดยผู้บัญชาการทหารบกได้ตรวจพลสวนสนาม

จากนั้นกองผสมเชิญธงชัยเข้าสู่ปะรำพิธี เสร็จแล้วจึงกระทำพิธีสงฆ์และพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล โดยผู้บัญชาการทหารบกได้กล่าวนำปฏิญาณตนให้โอวาทและอ่านสาส์นของผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลังจากนั้นจึงเป็นการสวนสนามของกำลังพลซึ่งในปีนี้ประกอบด้วย กำลังพลสวนสนาม จำนวน 20 กองพัน โดยมี พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เป็นผู้บังคับกองผสม 

อย่างไรก็ตาม วันกองทัพบก และวันกองทัพไทย วันนี้ ถือว่าเป็นวันรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย ซึ่งนับได้ว่าวันนี้เป็นโอกาสสำคัญที่ข้าราชการทหารจะได้กระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของสถาบันสูงสุด อันได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ พิธีดังกล่าวจึงเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็น
สิริมงคลแก่ทหารทุกนาย
----------
“เลขาฯปชป.” ชี้ ปรองดองต้องทำด้วยใจถึงจะสำเร็จ

เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงรายชื่อคณะกรรมการอำนวยการเพื่อความปรองดองสมานฉันท์ ที่ส่วนใหญ่เป็นทหาร โดยไม่มีกลุ่มที่มีความขัดแย้งเข้า
ไปเป็นกรรมการด้วยว่า ต้องให้โอกาสคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาได้ลองทำงานดูบ้าง เพราะทุกคนก็ลองมาหมดแล้ว ก็ลองให้คนใหม่ทำบ้างและค่อยๆปั้นกันไป เพราะบ้านเมืองต้องการความสงบเรียบร้อย และตอนนี้ก็ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมชัดเจน ดังนั้นขอให้ทำให้สำเร็จ ส่วนที่ไม่มีกลุ่มคู่ขัดแย้งร่วมเป็นกรรมการด้วยนั้น ตนชื่อว่าในที่สุดคงต้องเชิญไปให้ความเห็น เพราะการเป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดดังกล่าวไปสำคัญเท่ากันความจริงใจในการที่จะทำให้เกิดความปกครอง เพราะถ้าตกลงกันด้วยตัวหนังสือ แต่ใจไม่ไปด้วยก็สำเร็จ เพราะทุกอย่างต้องสำเร็จได้ด้วยใจ ทั้งนี้ ในส่วนของพรรค หากมีการเชิญไปให้ความเห็นเราก็ยินดี
----------
“กษิต”โพสต์ อย่าลืม MOU ที่คนไทยต้องการ รวมถึงทหารจะไม่ทำรัฐประหารอีก

วันนี้ (18 ม.ค.) นายกษิต ภิรมย์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ(สปท.) โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กส่วนตัวแสดงความเห็นเรื่องแนวทางการปรองดองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยระบุว่า“เรื่อง MOU ปรองดอง ผมเองเห็นด้วยตรงที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “MOU ไม่ใช่การขัดกฎหมาย และต้องตกลงร่วมกัน” เพราะอะไรก็อยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ รวมถึงการตกลงก็คือการเปิดให้ทุกฝ่ายได้หารือกัน และได้โปรดอย่าลืมว่า MOU ที่คนไทยต้องการนั้น รวมถึงการที่ทหารจะไม่ออกมาทำการรัฐประหาร และฉีกรัฐธรรมนูญ อีกด้วยในอนาคต นั่นก็แปลว่าในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ ประชาชนจะต้องได้รับระบบการบังคับใช้กฎหมายที่ดีเพียงพอที่จะใช้ตรวจสอบ ควบคุมการบริหารประเทศ และสามารถจัดการข้อขัดแย้งกันเองได้ โดยทหารจะได้เอาเวลาไปปฏิบัติหน้าที่เฉพาะของตนเองได้อย่างเต็มที่”

ทั้งนี้มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตโพสต์ถามนายกษิตว่า “ผมไม่เข้าใจว่า ปรองดองคืออะไร เพราะที่ทะเลาะกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คือคนที่รักทักษิณ กับ คนที่เกลียดทักษิน ที่ไม่มีวันที่จะร่วมมือไปด้วยกันได้ 
ทั้งฝ่ายนักการเมืองและประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงต้องมีความเห็นขัดแย้งไปอีกนาน?

โดยนายกษิต ตอบคำถามดังกล่าวว่า

“การปรองดองคือการหาทางออกร่วมกัน ผ่านทางการหารือจากคู่ขัดแย้ง หากมองจากมุมของคนรักทักษิณ อีกฝ่ายคือผู้ทำลายประชาธิปไตย เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งหากมองจากฝ่ายเกลียดทักษิณ อีกฝ่ายคือผู้ทำลายประชาธิปไตย เพราะไม่เคารพหลัก ปชต. ดังนั้นก็ต้องกลับมาตกลงกันให้ได้ว่าหลัก ปชต. ร่วมกันคืออะไร แล้วให้เกิดกระบวนการค้นหาความจริงจากผู้ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ โดยจะต้องสัญญากันไว้ว่า ไม่ว่าผลเป็นอย่างไรให้ถือเป็นที่สุด

หลังจากนั้นก็ให้ยึดเป็นบรรทัดฐานในการอยู่ร่วมกันต่อไปในอนาคต

ส่วนเรื่องทางกฎหมาย (เช่นการคอรัปชั่น) ก็ให้ดำเนินควบคู่กันต่อไป ตามดุลยพินิจของกระบวนการยุติธรรม โดยจะต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้กระโจนเข้าร่วมวงขัดแย้งครั้งนั้นได้มีโอกาสในการดำเนินชีวิตต่อได้ด้วย”

ก้าวแรก ความคิด ก้าวแรก ‘ปรองดอง’ ต้อง ‘เปิดกว้าง’


หากตัด นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ออกไป ต้องยอมรับว่าท่าทีอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ต่อเรื่องการปรองดองยังไม่เปลี่ยนแปลง
ยังอยู่ใน “พื้นที่” เก่า
พื้นที่เก่าเหมือนย้อนกลับไปยังสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เหมือนย้อนกลับไปยังสถานการณ์ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์มิใช่ “ปัญหา”
ปัญหามาจากพรรคการเมืองอื่น มาจากคนอื่น มาจากฝ่ายอื่น ไม่ว่าจะเรียกว่าพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าจะเรียกว่าพรรคพลังประชาชน ไม่ว่าจะเรียกว่าพรรคเพื่อไทย
“นรก” ยังอยู่ “ที่อื่น”
ขณะเดียวกัน หากจับ “น้ำเสียง” จากนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ประสานเข้ากับนายถาวร เสนเนียม ประสานเข้ากับนายวัชระ เพชรทอง
ที่ว่า “นรก” อยู่ “ที่อื่น” นั้นเป็นอย่างไร
นอกเหนือจากพรรคการเมืองอื่น ปัจจัยที่เพิ่มเข้ามาคือ 1 ข้าราชการ และ 1 คืออำนาจใหม่อันแอบอิงอยู่กับระบบราชการ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “ปัญหา”
 หากประเมินผ่าน “น้ำเสียง” ของแกนนำหลายคนจากพรรคประชาธิปัตย์ก็พอจะมอง “แนวโน้ม” ได้ว่าจะดำเนินไปอย่างไร
ที่เสนอถึงขั้นมีการลงนามใน “MOU” ยากที่จะเป็นไปได้
ในเมื่อนักการเมืองระดับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ยังไม่สามารถตอบได้ว่า คู่ขัดแย้งของพรรคประชาธิปัตย์เป็นใคร
ในเมื่อนักการเมืองระดับนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ยังทวงถามถึง “กองกำลัง” สีเทา
บรรยากาศจะต่างอะไรกับสถานการณ์ที่ปากเปล่งคำว่า “สงบ สันติ อหิงสา” แต่ก็สามารถส่ง “มือปืนป๊อปคอร์น”ออกมาสาดกระสุนอย่างมันมือ
จากนั้น บนเวทีก็ยกย่องสดุดีให้เป็น “วีรชน”
อย่างนี้ไม่เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะหัวร่อ หาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ยากที่จะกลั้นเสียงได้
เพราะตัว “มือปืนป๊อปคอร์น” สถิตอยู่ที่ใด ใครๆ ก็รู้
เพราะตัว “มือปืนป๊อปคอร์น” ได้รับเงินว่าจ้างมาจากส่วนใด และใครที่ถึงกับทำเสื้อยืดให้การยกย่องชมเชย
แล้วนี่เป็นกองกำลัง “สีเทา” ของฝ่ายใดกันเล่า

ประเทศอื่นอาจเริ่มต้น “ปรองดอง” ด้วยการค้นหาสาเหตุแห่งความขัดแย้ง แตกแยก แล้วดำเนินการแก้ไข
แต่กล่าวสำหรับประเทศไทยน่าจะเป็นเรื่องยาก
บางทีการลบ “ประวัติศาสตร์” แห่งความบาดหมางออกไปเลยอาจมีความจำเป็น ประเด็นอยู่ที่ว่าจะสามารถทำได้จริงละหรือ
ในเมื่อฝ่ายหนึ่งทำอะไรลงไปก็ “ผิด”
ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่ว่าจะยึดทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะยึดสนามบิน ตั้งแต่ก่อนเดือนกันยายน 2549 ตั้งแต่ก่อนเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ไม่จำเป็นต้องติดคุก ติดตะราง
สามารถลอยนวลเล่นบท “คนดี” ไม่เคยแปรเปลี่ยน
ภาระหน้าที่ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับมอบหมายพร้อมกันกับนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จึงหนักหนาสาหัส
หนักหนาสาหัสที่จะหาจุดเริ่มต้น หนักหนาสาหัสที่จะหาจุดยุติ

ต้องขอให้กำลังใจ ไม่ว่าจะต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะต่อนายสุวิทย์ เมษินทรีย์
แม้นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ จะเชี่ยวชาญในงาน “การตลาด” การนำเสนอ “ประเด็น” อันแหลมคมอย่างไร
แต่ “การปรองดอง” มิใช่เรื่องของ “การตลาด”
ตรงกันข้าม งานนี้เป็นเรื่องของ “ความคิด” ประสานเข้ากับความสามารถในทาง “การเมือง” จำเป็นต้องประนมมือประสานประโยชน์ไป 10 ทิศ

ความจริงใจจึงเป็นอาวุธสำคัญ

ช็อตแรกชิ่ง 'คู่ขัดแย้ง'

โดย ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ


โจทย์ยากๆ ตัวปัญหาต้องเก็บไว้ท้ายๆ
กับเหลี่ยมที่ “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขาใหญ่ค่าย กปปส.ฟันธงสวนกระแส
ปรองดองไม่ใช่เรื่องง่าย
ในมุมของผู้มีประสบการณ์เชี่ยวกราก ตรงนี้ก็เหมือนการอ่านหมากทะลุ
แต่อีกมุมก็เป็นเสียงจาก “ลุงกำนัน” ที่กำลังโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ตั้งแท่นรื้อคดีปั่นราคาน้ำมันปาล์มเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองและพรรคพวกในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และข้อกล่าวหาเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายคดีทุจริต
ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขปรองดอง ตามสูตรที่โยนทุ่นกันออกมา
ดูท่า “ลุงกำนัน” ยังไงก็ไม่ยอมเล่นเกมที่เหนื่อยฟรีแน่
ตรงกันข้ามกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยกธงเชียร์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้เข้ามาเป็นหัวหอกทีมปรองดอง เพราะถือเป็นบุคคลที่ได้รับความนับถือจากทุกฝ่าย ขอให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรให้เดินหน้าสร้างความปรองดองให้สำเร็จ
ในอารมณ์ของฝ่าย “ทักษิณ” ที่โดนไล่ต้อนจนแทบไม่มีที่ยืน
เมื่อรัฐบาล คสช.ยื่นขอนไม้ปรองดองให้เกาะลอยคอ ถึงแม้จะไม่รวมถึงการนิรโทษกรรมและคดีทุจริตที่ทั้ง “นายใหญ่” และเครือข่ายติดชนักปักหลังอยู่ แต่การเปิดช่องให้หายใจหายคอได้
ก็ถือว่าได้อานิสงส์ไม่มากก็น้อย
เรื่องของเรื่องอาการของขั้วขัดแย้งทางการเมือง เป็นอะไรที่แปรผันตามผลประโยชน์
ในโหมดของการต่อรอง ไม่มีใครได้ทั้งหมด เสียทั้งหมด
เบื้องต้นเลยปรองดองรอบนี้ต้องจับอารมณ์คนกลางๆ ที่แทบจะไม่มีได้มีเสีย
แบบที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยืนยันส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลผลักดันเรื่องการปรองดอง หากเกิดขึ้นได้จะได้แก้ปัญหาของประเทศ
หรือนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน รองประธานคณะกรรมาธิการการเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็ประกาศท่าทีสนับสนุน ทั้งการตั้ง ป.ย.ป. หรือโมเดลการเรียกพรรคการเมืองทำเอ็มโอยูเจรจาก่อนยุติความขัดแย้ง ไม่เกี่ยวการนิรโทษ หรืออภัยโทษ
เพราะเงื่อนไข จังหวะเวลากาลเทศะ ไทมิ่งลงตัว ต้องหันกลับมาคุยเพื่อทำให้ส่วนรวมเดินหน้าอยู่ร่วมกันได้ ร่วมมือพลิกโฉมหน้าประเทศไทยขับเคลื่อนบ้านเมืองไปข้างหน้า
และสำคัญที่สุด น้ำหนักมันอยู่ที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจ
โฟกัสจากท่าทีของ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่เห็นด้วยกับแนวคิดของ พล.อ.ประวิตร ในการเรียกพรรคการเมืองแต่ละพรรคมาคุยกัน
ทำสัจวาจาปรองดอง เพื่อร่วมกันทำให้ประเทศเดินหน้า
ตามจังหวะที่ พล.อ.ประวิตรก็รุกคืบในการตั้งคณะกรรมการเตรียมการสร้างสามัคคีปรองดอง
โดยระบุถึงรูปแบบประกอบด้วยตัวแทนพรรคการเมืองแต่ละพรรคมาแสดงความเห็นเสนอแนะ มีผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้ใหญ่ ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายกฎหมาย นักวิชาการ
ก่อนรวบรวมประเด็นทั้งหมดเพื่อเขียนเป็นกติกา
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครอง เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง
ขุมข่ายข้าราชการพลเรือนของมหาดไทยพร้อมรองรับงานใหญ่
หันไปที่ฟากกองทัพ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ก็พร้อมสนับสนุนข้อมูลในส่วนของกองทัพบกที่มีการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์มาตั้งแต่ต้น พร้อมกับเชื่อว่า มีคณะกรรมการปรองดองฯขึ้นมาดำเนินการในระดับนโยบายก็เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเดินไปสู่แนวทางที่ดี
ทหารแบะท่าพร้อมออกแรงหนุนเต็มกำลัง
จับอาการ คสช.ที่เดินหน้ากระบวนการปรองดองด้วยความจริงจังและตั้งใจ
แม้ในเบื้องต้นจะยังถูกตั้งแง่ แค่เทกแอ็กชั่นให้เห็นว่า คสช.ทำตามที่ประกาศไว้ในการยึดอำนาจ ไม่ได้คาดหวังถึงผลสำเร็จอย่างที่โดนปรามาส
แต่โดยกระบวนท่าของการเปิดหวูดปรองดองมาถึงตรงนี้
ทหาร คสช.สามารถสลัดตัวเองออกมาจากสถานะ “คู่ขัดแย้ง” ได้แล้ว.
ทีมข่าวการเมือง

"ผบ.สูงสุด"นำ แผง เหล่าทัพ แถลง วันกองทัพไทย สนับสนุนกระบวนการ "ปรองดอง"



"ผบ.สูงสุด"นำ แผง เหล่าทัพ แถลง วันกองทัพไทย สนับสนุนกระบวนการ "ปรองดอง" ป.ย.ป. หวังชาติก้าวข้ามขัดแย้ง
พลเอกสุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.สูงสุด นำผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตำรวจ แถลง ในโอกาสวันกองทัพไทย สนับสนุน และ พร้อมร่วมกระบวนการปรองดอง ภายใต้ ปยป.ของ รัฐบาล ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพรวมอยู่ในคณะกรรมการสร้างสามัคคีปรองดองด้วยชี้ นายกฯ บิ๊กตู่ ตั้งใจจริง เสียสละความสุขส่วนตัว หวังทำชาติสงบ ก้าวข้ามปัญหานี้ที่มีมา 10 ปีแล้ว ถือเป็นโอกาสที่มีไม่บ่อยนัก เพราะได้เห็นมาแล้วว่าปัญหาของประเทศที่ผ่านมาเป็นเช่นไร เหมือนรถติดหล่ม แก้ล้อใดล้อหนึ่ง ก็ไม่สำเร็จ จึงต้องมีการแก้ไขในทั้ง4ด้านหรือขับเคลื่อนทั้ง4 ล้อ คือด้านบริหารราชการแผ่นดิน-ปฏิรูป-ยุทธศาสตร์ชาติ-และปรองดอง ...ขอทุกฝ่าย รวมทั้ง "สุเทพ-กปปส."ร่วมกระบวนการสร้างปรองดอง ชี้นายกฯ เสียสละมากว่า2ปี ขอมองประโยชน์ส่วนรวมชาติ เป็นที่ตั้ง หลัง"สุเทพ" ประกาศไม่ร่วมปรองดอง และจะไม่ลงนามใน MOU หรือ สัตยาบัน
"การทำงานของ ปยป.ที่ประกอบด้วย 4 ส่วน เสมือนกับรถยนต์ที่ติดอยู่ในหล่ม เราพยายามแก้ปัญหาที่ล้อใดล้อหนึ่งก็แก้ไขไม่ได้สักที ในเมื่อเห็นว่ารถยนต์มี 4 ล้อ ก็ต้องแก้ปัญหาทั้ง4 กลุ่มงาน ตั้งแต่ ป.แรก คือการปฏิรูปประเทศ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้รวบรวมปัญหามาโดยตลอด จึงรู้ว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง
ส่วนตัวย. คือยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งที่ผ่านมามักหวังผลยุทธศาสตร์ระยะสั้น โดยที่ไม่ได้คิดถึงยุทธศาสตร์ในระยะยาว จึงทำให้การลงทุกในระยะยาวไม่ชัดเจน ถ้ามียุทธศาสตร์ชัดเจนก็จะช่วยได้
ขณะที่เรื่องปรองดองก็จำเป็น เพราะเราอยู่ในความขัดแย้ง และแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรงมานาน ดังนั้นต้องหาทางออก และสุดท้ายการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าอะไรที่ติดขัดต้องแก้อย่างรวดเร็ว มองว่าถ้าเราแก้ไขปัญหาพร้อมกันทั้ง 4 กลุ่มงานก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้ ดังนั้นต้องพยายามทำให้สำเร็จลุล่วง" พล.อ.สุรพงษ์ กล่าว

ขอมองประโยชน์ส่วนรวมชาติ เป็นที่ตั้ง

ผบ.สูงสุด ขอทุกฝ่าย และ"สุเทพ-กปปส."ร่วมกระบวนการสร้างปรองดอง ชี้นายกฯเสียสละมากว่า2ปี ขอมองประโยชน์ส่วนรวมชาติเป็นที่ตั้ง หลัง"สุเทพ" ประกาศจะไม่ลงนามใน MOU หรือ สัตยาบัน

พลเอกสุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผบ.สูงสุด นำผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตำรวจ แถลง ในโอกาสวันกองทัพไทย สนับสนุน และ พร้อมร่วมกระบวนการปรองดอง ภายใต้ ปยป.ของ รัฐบาล ซึ่งผู้บัญชาการเหล่าทัพรวมอยู่ในคณะกรรมการสร้างสามัคคีปรองดองด้วยชี้ นายกฯ บิ๊กตู่ ตั้งใจจริง เสียสละความสุขส่วนตัว หวังทำชาติสงบ ก้าวข้ามปัญหานี้ที่มีมา 10 ปีแล้ว ถือเป็นโอกาสที่มีไม่บ่อยนัก เพราะได้เห็นมาแล้วว่าปัญหาของประเทศที่ผ่านมาเป็นเช่นไร เหมือนรถติดหล่ม แก้ล้อใดล้อหนึ่ง ก็ไม่สำเร็จ จึงต้องมีการแก้ไขในทั้ง4ด้านหรือขับเคลื่อนทั้ง4 ล้อ คือด้านบริหารราชการแผ่นดิน-ปฏิรูป-ยุทธศาสตร์ชาติ-และปรองดอง ...ขอทุกฝ่าย รวมทั้ง "สุเทพ-กปปส."ร่วมกระบวนการสร้างปรองดอง ชี้นายกฯ เสียสละมากว่า2ปี ขอมองประโยชน์ส่วนรวมชาติ เป็นที่ตั้ง หลัง"สุเทพ" ประกาศไม่ร่วมปรองดอง และจะไม่ลงนามใน MOU หรือ สัตยาบัน
"การทำงานของ ปยป.ที่ประกอบด้วย 4 ส่วน เสมือนกับรถยนต์ที่ติดอยู่ในหล่ม เราพยายามแก้ปัญหาที่ล้อใดล้อหนึ่งก็แก้ไขไม่ได้สักที ในเมื่อเห็นว่ารถยนต์มี 4 ล้อ ก็ต้องแก้ปัญหาทั้ง4 กลุ่มงาน ตั้งแต่ ป.แรก คือการปฏิรูปประเทศ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้รวบรวมปัญหามาโดยตลอด จึงรู้ว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง
ส่วนตัว ย. คือยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งที่ผ่านมามักหวังผลยุทธศาสตร์ระยะสั้น โดยที่ไม่ได้คิดถึงยุทธศาสตร์ในระยะยาว จึงทำให้การลงทุกในระยะยาวไม่ชัดเจน ถ้ามียุทธศาสตร์ชัดเจนก็จะช่วยได้
ขณะที่เรื่องปรองดองก็จำเป็น เพราะเราอยู่ในความขัดแย้ง และแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรงมานาน ดังนั้นต้องหาทางออก และสุดท้ายการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าอะไรที่ติดขัดต้องแก้อย่างรวดเร็ว มองว่าถ้าเราแก้ไขปัญหาพร้อมกันทั้ง 4 กลุ่มงานก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้ ดังนั้นต้องพยายามทำให้สำเร็จลุล่วง" พล.อ.สุรพงษ์ กล่าว

"บิ๊กปุย"มองประเทศเหมือน "รถติดหล่ม"แก้ล้อใดล้อหนึ่งก็แก้ไม่ได้สักที

"บิ๊กปุย"มองประเทศเหมือน "รถติดหล่ม"แก้ล้อใดล้อหนึ่งก็แก้ไม่ได้สักที ต้องขับเคลื่อนทั้ง4ล้อ ด้วย "ป.ย.ป."ของนายกฯและบิ๊กป้อม
"การทำงานของ ปยป.ที่ประกอบด้วย 4 ส่วน เสมือนกับรถยนต์ที่ติดอยู่ในหล่ม เราพยายามแก้ปัญหาที่ล้อใดล้อหนึ่งก็แก้ไขไม่ได้สักที ในเมื่อเห็นว่ารถยนต์มี 4 ล้อ ก็ต้องแก้ปัญหาทั้ง4 กลุ่มงาน
ตั้งแต่ "ป."แรก คือการปฏิรูปประเทศ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ -สปท.ได้รวบรวมปัญหามาโดยตลอด จึงรู้ว่าจะปฏิรูปอะไรบ้าง
ส่วนตัว "ย."คือยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งที่ผ่านมามักหวังผลยุทธศาสตร์ระยะสั้น โดยที่ไม่ได้คิดถึงยุทธศาสตร์ในระยะยาว จึงทำให้การลงทุกในระยะยาวไม่ชัดเจน ถ้ามียุทธศาสตร์ชัดเจนก็จะช่วยได้
ขณะที่เรื่องปรองดองก็จำเป็น เพราะเราอยู่ในความขัดแย้ง และแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรงมานาน ดังนั้นต้องหาทางออก และสุดท้ายการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าอะไรที่ติดขัดต้องแก้อย่างรวดเร็ว
จึงมองว่าถ้าเราแก้ไขปัญหาพร้อมกันทั้ง 4 กลุ่มงานก็จะสามารถก้าวข้ามไปได้ ดังนั้นต้องพยายามทำให้สำเร็จลุล่วง"
พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด 18 มกราคม 2560 วันกองทัพไทย

ยุคปรองดอง!!...8 อดีตผบ.ทบ.ร่วมงาน วันกองทัพบก.

ยุคปรองดอง!!...8 อดีตผบ.ทบ.ร่วมงาน วันกองทัพบก...ฮือฮา "บิ๊กตุ้ย ชินวัตร" ก็มา เผชิญหน้า "บิ๊กป้อม-บิ๊กบัง-บิ๊กตู่"
บิ๊กป้อม-บิ๊กป๊อก-บิ๊กตู่ พี่น้อง3 ป.นัดสวมเครื่องแบบทบ. บิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กห. ด้วย รวมครม.นี้มี อดีต4 ผบทบ.
ฮือฮา...ยุคปรองดอง บิ๊กตุ้ย พลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบทบ. มาร่วมงานด้วย แต่สวมสูท แถมนั่งข้าง บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ที่มีเรื่องคาใจกันอีกด้วย
ส่วน บิ๊กป้อม ก็นั่งข้าง บิ๊กบัง เพื่อนตท.6 แต่ก็ไม่ค่อยลงรอยกัน
อดีตผบทบ.สายรบพิเศษ พลเอกวิมล วงศ์วานิช และ บิ๊กบัง พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็มาร่วมงาน ในยุค ผบ.ทบ.รบพิเศษ อย่าง บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท
บิ๊กเกาะ พลเอกสมทัต อัตตะนันทน์ อดีตผบ.ทบ.สายวงศ์เทวัญพันธุ์แท้ ก็สวมเครื่องแบบทบ.มา

องคมนตรี"ชาญชัย"ถึงแก่อสัญกรรม

เมื่อวันที่ 18 มกราคม มีรายงานข่าวจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ว่านายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเวลา 08.30 น.ในวัย 70 ปี



นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ เกิดเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2489 จบการศึกษามัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดทรงธรรม จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา จบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อ พ.ศ. 2512 จบเนติบัณฑิตไทย พ.ศ.2514

เมื่อสำเร็จการศึกษาได้เข้ารับราชการตำแหน่งผู้ช่วยผู้พิพากษา ผู้พิพากษาประจำกระทรวง ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย หัวหน้าศาลแขวงนครสวรรค์ หัวหน้าศาลจังหวัดชลบุรี หัวหน้าศาลประจำกระทรวง หัวหน้าศาลจังหวัดกระบี่ หัวหน้าศาลจังหวัดเพชรบุรี ผู้พิพากษาศาลแพ่ง หัวหน้าคณะในศาลแพ่ง ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 3 รองอธิบดีศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา หัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ หัวหน้าคณะในศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 รองประธานศาลฎีกา เป็นประธานศาลฎีกาคนที่ 36 ในปี 2548 ต่อจากนายศุภชัย ภู่งาม เกษียณอายุราชการในปี 2549 ได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และดำรงตำแหน่งองคมนตรีตั้งแต่ปี 2551-ปัจจุบัน

นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวยืนยันว่า จากรายงานข่าวว่านายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ถึงแก่อสัญกรรม เป็นเรื่องจริง โดยพบว่ามีปัญหาที่ระบบเลือด โดยรายละเอียดจะมีการเผยแพร่ให้ทราบ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนิน