PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

อวสานหวยแพง?! “บิ๊กตู่“งัดม.44คุมราคา80บ. คาดเริ่มมิ.ย.!

อวสานหวยแพง?! “บิ๊กตู่“งัดม.44คุมราคา80บ. คาดเริ่มมิ.ย.!

เมื่อเวลา 14.30น. วันที่ 17 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ ว่า ขณะนี้ตนกำลังคิดและดำเนินการการจำหน่วยล็อตเตอร์รี่ในราคาฉบับละ 80 บาท ให้ได้โดยใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว แต่บอกไปตอนนี้เดี๋ยวก็จะมีการโวยวายออกมาอีก แต่เราจะใช้กฎหมายมาตรา 44 ไม่เช่นนั้นก็ต้องรอ พ.ร.บ.กองสลากและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
"ผมต้องการให้ต้นทางออกมาในราคานี้ แล้วไปรับได้สองที่ คือที่จังหวัด และที่ส่วนกลางคือที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็ต้องไปตั้งกลุ่มจดทะเบียนให้เรียบร้อยขายบ้าง ใครจะขายปลีก ขายส่ง ไม่ต้องเข้ามาซื้อที่กรุงเทพฯเพียงอย่างเดียว" นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งออกมาในเรื่องของการจำกัดราคาขายล็อตเตอร์รีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำให้ได้ก่อนคือการจัดตั้งกลุ่มและจดทะเบียนช่วงที่รอกฎหมาย เพราะส่วนหนึ่งจะหมดโควต้าลง ซึ่งก็จะได้ใช้ส่วนตรงนี้ไปเริ่มดำเนินการเกลี่ยใหม่ จากนั้นในเดือน กันยายนจะหมดโควต้าอีกงวดหนึ่งก็จะปรับอีกรอบซึ่งถือว่าโควต้าเดิมจะไม่เหลือแล้วก็จะมีการปรับอีกรอบ ก็มาคิดว่าทำอย่างไรจะให้ราคาขายอยู่ที่ฉบับละ 80 บาท แล้วต้นทางควรจะจำหน่ายในราคาเท่าไหร่ คนขายมีกำไรเท่าไหร่สำหรับผู้ที่เดินขาย ในต่างจังหวัดจะให้ได้กำไรฉบับละ 10 บาทได้หรือไม่
"ความจริงผมอยากบอกว่าโควต้า 5 เสือ นั้นก็ไม่ใช่โควต้าทั้งหมด เป็นเพียงโควต้าส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ขายกันไป-มาปัญหาของเราคือข้างล่างเมื่อขายไม่หมดก็ไม่มีเงินที่จะรับซื้อรัฐมีเงินรับซื้อคืนแต่กฎหมายไม่มีก็ต้องไปแก้กฎหมายให้สามารถรับซื้อคืนได้จากรายย่อย ที่ผ่านมาผู้ค้ารายย่อยเมื่อซื้อไปขายแล้วขายไม่หมดคืนก็ไม่ได้ง่ายที่สุดก็คือขายคืนไปที่กลุ่ม 5 เสือ กลุ่ม 5 เสือก็มาตั้งราคาใหม่แล้วขายออกไปก็เกินฉบับละ 80 บาททั้งหมด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผ่านมากฎหมายปกติใช้ไม่ได้และไม่ทันต่อการแก้ไขสถานการณ์และราคาฉบับละ 80 บาท เพราะติดขัดเนื่องจากไม่มีกฎหมาย่กำหนดว่าต้องมีเงินของรัฐในการรับซื้อคืนจากผู้ค้ารายย่อย ในส่วนของผู้ค้ารายใหญนั้นมีเงินลงทุนอยู่แล้ว
"ดังนั้น เร็วๆ นี้ก็จะมีคำสั่งใหม่ออกมา โดยมีกฎหมายรองรับว่ารัฐสามารถที่จะรับซื้อคืนจากผู้ค้ารายย่อยได้ แต่จะไม่สามารถไปขายคืนกลับให้ 5 เสือได้แล้ว จะต้องมีการปั๊มให้เรียบร้อยเพื่อรู้ว่าเป็นของใคร พวกพ่อค้าปลีก สมาคม ผู้พิการถ้ามีการเอาไปขายคืนก็ต้องยึดโควต้าคืนคนต้องรักษากติกา คำสั่งที่กำลังจะออกมาใหม่ก็ให้มีการดำเนินการไปตามนี้ คนทำคือบอร์ดล็อตเตอร์รี และผู้อำนวยการกองสลากฯ"
เมื่อถามว่าจะทำได้ทันงวดต่อไปหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ทัน แต่ภายในสิ้นเดือนนี้ต้องเตรียมการให้เสร็จ คาดว่าประมาณเดือนมิถุนายน จะสามารถบริหารจัดการให้สามารถจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในราคาฉบับละ 80 บาท

ผู้สื่อข่าวถามว่าแนวคิดที่จะให้มีการจำหน่ายล็อตเตอร์รีในร้านสะดวกซื้อจะทำทันทีหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ายังไม่เริ่มเพราะยังเริ่มไม่ได้ และการจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อนั้นก็ไม่ใช่เป็นโควต้า แต่เป็นการไปจ้างขายเพื่อประชาชนจะได้มีทางเลือก รวมทั้งแนวคิดที่จะขายผ่านเครื่องอัตโนมัติด้วย


เยอรมันนีกดดันญี่ปุ่นให้เข้าร่วมกับธนาคาร AIIB

เยอรมันนีกดดันญี่ปุ่นให้เข้าร่วมกับธนาคาร AIIB
--------------
เกมฆ่าดอลล่าร์ลดอิทธิพลของจักรวรรดิอเมริกาเริ่มจะมันขึ้นมาอีกรอบแล้ว ตอนนี้มีประเทศต่างๆทั้่งในเอเซียและนอกเอเซียต่างก็เข้าร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเอเซีย (AIIB) ที่นำโดยจีนแล้วทั้งสิ้น 57 ประเทศด้วยกัน วันนี้จีนประกาศรายชื่อสมาชิกระดับ Prospective Founding Member (PFM) ในภูมิภาคมีจำนวน 37 ประเทศ (ไทยและอิสราเอลก็รวมอยู่ด้วย) ส่วนนอกภูมิภาคมี 20 ประเทศ (ดูรายชื่อทั้งหมดได้จากลิ้งค์ที่ให้ไว้ข้างล่าง) ฮังการีและไต้หวันมีสถานะเป็นสมาชิกทั่วไป (มีสิทธิ์น้อยกว่าสมาชิกระดับผู้ร่วมก่อตั้ง)

ล่าสุดมีข่าวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับญี่ปุ่นที่กำลังยึกยักๆว่าจะเข้าร่วมกับ AIIB ด้วยหรือไม่เนื่องจากถูกสหรัฐฯกดดันอย่างหนัก ใจหนึ่งก็ไม่อยากจะเสียโอกาสทอง ใจหนึ่งก็เกรงอิทธิของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ผ่านมาสำนักข่าว Jiji Press ของญี่ปุ่นได้เปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวภายในรัฐบาลของญี่ปุ่นว่า Angela Merkel นายกรัฐมนตรีของเยอรมันได้โทรศัพท์ถึงนาย Shinzo Abe นายกฯของญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาเพื่อชักชวนให้เข้าร่วมในธนาคาร AIIB ร่วมกับจีน รัสเซีย เยอรมันนี ฝรั่งเศส อังกฤษ และประเทศอื่นๆอีก 57 ประเทศด้วยกัน แต่ข่าวนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยจากรัฐบาลญี่ปุ่นจนถึงวันพุธที่ผ่านมานี่เอง

แต่ญี่ปุ่นก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมใน AIIB ด้วยหรือไม่และก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็ประมาณว่าขอดูไปก่อน ที่บอกว่าดูไปก่อนนี่คงไม่ใช่ดู AIIB หรอกนะ แต่คงจะหมายถึงดูท่าทีของสหรัฐฯมากกว่า เพราะนั่นจะหมายถึงการรวมพลังที่ยิ่งใหญ่ทั้งเอเซียและอียูเบียดรัศมีของสหรัฐฯทันที อย่างนี้สิถึงจะเรียกว่าการถ่วงดุลอำนาจกันอย่างแท้จริง

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม BRICS (Brazil, Russia, India, China และ South Africa) นั้น ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา Anton Siluanov รมว.คลังของรัสเซียออกมากล่าวว่าจะต้องมีการจัดตั้งธนาคาร BRICS ขึ้นมาให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยคำพูดบางส่วนของ Anton Siluanov มีว่า "พวกเรา [คณะรัฐมนตรีคลังของประเทศสมาชิก BRICS] ได้ข้อตกลงร่วมกันในการก่อตั้ง BRICS bank แล้ว การประชุมสุดยอดผู้นำสมาชิก BRICS จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 กรกฎาคมนี้ ตัวธนาคารเองจะเปิดดำเนินการก่อนหน้านั้น" BRICS นี่ไม่ใช่คู่แข่งของ AIIB แต่เป็นพันธมิตรกัน เช่นเดียวกับที่ IMF, World Bank และ ADB เป็นพันธมิตรกัน แต่ BRICS และ AIIB นี่ฝั่งอเมริกามองว่าเป็นคู่แข่งของ 3 ธนาคารดังที่กล่าวมาซึ่งนำโดยสหรัฐฯ

ก็ภายใต้แนวความคิดแบบประชาธิปไตยและเสรีภาพ เมื่อกลุ่มประเทศต่างๆคิดจะรวมตัวกันจัดตั้งธนาคารขนาดใหญ่ขึ้นมาบ้างโดยไม่ให้สหรัฐฯเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แล้วทำไมสหรัฐฯถึงออกมาคัดค้านจะเป็นจะตายให้ได้ด้วยหละ สำหรับอียูที่ก่อนหน้านี้เป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของสหรัฐฯนั้น ตอนนี้ก็เริ่มจะตีตัวออกห่างเรื่อยๆ และหันมาร่วมมือกับจีนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าประเทศมหาอำนาจประเทศไหนในยุโรปบอกว่าจีนน่ากลัวซะหน่อย ประเทศต่างๆทั่วโลกส่วนมากแม้กระทั่งสหรัฐฯเองต่างก็อยากจะเข้าร่วมหุ้นในธนาคาร AIIB นี้กับจีนด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่จีนเมินสหรัฐฯเท่านั้นเอง ก็เมื่อเสียงส่วนใหญ่เขาเห็นด้วยกับจีนแล้วสหรัฐฯยังจะคัดค้านประชาธิปไตยเสียงส่วนใหญ่อยู่อีกหรือ ก็แปลกดีนะ


กรณีบอมบ์โยงคนจากต่างแดน?


Cr:ทหารปฏิรูปประเทศไทย
วันที่ 17 เม.ย.58 แฉ..คนแดนไกลสั่งธรรมเกย์จ่ายหัวละ 5,000 บาท ป่วนเมืองอีกแล้ว
สังเกตุไหมว่าตอนนี้ คนแดนไกล กำลังร้อนรนทุกวิถีทาง ใช้ทั้งเกมส์ปกติ ให้สมุนบริวารออกมาเห่าหอน แถผ่านสื่อทุกวัน ทั้งก่อการร้ายสากล พยายามเจรจา และปล่อยข่าวให้ร้ายเบื้องสูง ล่าสุด สั่งการลัทธิธรรมเกย์ไม่ใช่พุทธ จัดม็อบระดมกำลังสิ่งคล้ายพระทั่วประเทศกำหนดนัดม็อบในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ที่จานบิน UFO ปทุมฯ โดยจ่ายหนักถึงหัวละ 5,000 บาท และงานนี้จะมีชายชุดดำ นปช. ที่เตรียมการฝึกอาวุธมาแล้ว แฝงตัวแต่งกายคล้ายพระมาร่วมด้วย พร้อมกับแอบแฝงขนอาวุธสงคราม และระเบิดนานาชนิด มากับขบวนรถที่รับมาแต่ละจังหวัด วางแผนมาก่อการร้ายป่วนบ้านป่วนเมือง แถบชานเมืองช่วงปลายเดือนนี้

หวังตื้นๆ เพื่อต่อรองเอา ปูข้าวเน่า และครอบครัว หนีออกจากประเทศไทยให้ได้ภายในเดือน เม.ย.58 จากนั้นก็จะก่อสงครามกลางเมือง เหมือนปี 2553 จ้างม็อบทุยทมิฬ มาให้สิ่งคล้ายพระชายชุดดำ นปช.ยิงหัวตายเป็นกองเหมือนเคย
และการข่าวมาว่า มีการยื่นเงื่อนไขกับนัการเมือง ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มก่อการร้ายชายแดนใต้ศัตรูคนมุสลิม และต่างชาติตะวันตก ให้สนับสนุนปฏิบัติการของทุยแดงทมิฬ แลกกับการแบ่งแยกประเทศไทยเป็นอย่างน้อย 3 ประเทศ
เรื่องเลวๆ แบบนี้มีหรือที่พยัคฆ์จะไม่ได้กลิ่น ตำราพิชัยสงครามซุนวูบอกว่า “จงสู้รบให้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ”
- ภูเขา... เมื่อยามที่ตั้งรับ จงนิ่งสงบอย่างหุบเขา ไม่ให้ศัตรูจับได้ว่าเราซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
- ลม...เมื่อยามเคลื่อนทัพ จงเคลื่อนให้เหมือนสายลม รวดเร็วโดยไม่ทิ้งร่องรอย
- ไฟ...เมื่อยามบุก จงบุกให้เหมือนไฟ ให้รุกกระหน่ำให้โหมหนักไปเรื่อยๆ จนทุกอย่างมอดไหม้
ทุยแดงทมิฬอั้งยี่เผาไทย กำลังเล่นกับตำราพิชัยสงครามขั้นเทพฯ..ครั้งนี้อาจถึงสูญสิ้นทั้งตระกูล ตามคำทำนายของหลายสำนักตรงกัน !!
@ เสธ น้ำเงิน2
http://www.facebook.com/thailandcoup


จีนนำดินมาถมเกาะพิพาท สร้างรันเวย์ !

จีนนำดินมาถมเกาะพิพาท สร้างรันเวย์ !ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดเผยให้เห็นความคืบหน้า โครงการถมทะเลในหมู่เกาะสแปรตลีย์ของรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อก่อสร้างรันเวย์ทางวิ่งขึ้นลงสำหรับเครื่องบินในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นความขัดแย้งเรื้อรังกับหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า "ไอเอชเอส เจน ดีเฟนซ์ วีคลีย์" นิตยสารออนไลน์ของสหรัฐเกี่ยวกับข่าวสารในวงการทหารทั่วโลก เผยแพร่ชุดภาพถ่ายซึ่งบันทึกโดยดาวเทียมของบริษัทแอร์บัส ระบุวันที่ 23 มี.ค. แสดงความคืบหน้าในโครงการถมพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลจีนใต้โดยรัฐบาลปักกิ่ง เพื่อสร้างรันเวย์สำหรับการเดินทางขึ้นและลงของเครื่องบินทหาร บริเวณแนวปะการังใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์ พื้นที่พิพาทระหว่างรัฐบาลปักกิ่ง กับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และไต้หวัน
ทั้งนี้ ทีมงานของไอเอชเอส เจน ประเมินว่า เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ รันเวย์แห่งนี้อาจมีความยาวถึง 3,000 เมตรเลยทีเดียว นอกจากนี้ ภาพถ่ายยังนำไปสู่การวิเคราะห์ว่า รัฐบาลจีนมีโครงการก่อสร้างรันเวย์บริเวณหมู่เกาะพาราเซล ทางเหนือของทะเลจีนใต้อีกด้วย
รายงานดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ไม่นาน หลังพล.ร.อ. ซามูเอล ล็อกเคลียร์ ผู้บัญชาการกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐประจำภูมิภาคแปซิฟิก กล่าวว่านอกเหนือจากการสร้างรันเวย์ในบริเวณทะเลพิพาทแล้ว ทางการจีนอาจนำระบบต่อต้านขีปนาวุธมาติดตั้งในบริเวณนี้ด้วย ขณะที่นายโทนี บลิงเคน รมช.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า "การแข่งขัน" เพื่อแย่งชิงกรรมสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ต้องเป็นไปตามหลักกฎหมายสากลเท่านั้น การเคลื่อนไหวเพียงฝ่ายเดียวเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกไม่อาจยอมรับได้


กลุ่มอัล-กออิดะห์ยึดสนามบินและสถานที่สำคัญหลายแห่งในเยเมน

กลุ่มอัล-กออิดะห์ยึดสนามบินและสถานที่สำคัญหลายแห่งในเยเมน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซานา ไม่ต้องการให้ซาอุดีอาระเบียโจมตีภาคพื้นดิน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงซานา ประเทศเยเมน เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่ากองทัพเยเมนถอนกำลังออกจากเมืองมูกัลลา เมืองเอกของจังหวัดฮาดรามัต ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศ หลังกลุ่มอัล-กออิดะห์แห่งคาบสมุทรอาระเบีย ( เอคิวเอพี ) สามารถบุกยึดสนามบินประจำเมือง ท่าเรือขนส่งน้ำมัน และฐานทัพได้สำเร็จเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งการขยายอิทธิพลของกลุ่มเอคิวเอพีในช่วงที่กองทัพพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อสู้กับกลุ่มกบฏฮูซี สร้างความกังวลให้แก่หลายฝ่าย ว่าภาวะสงครามกลางเมืองในเยเมนอาจขยายวงกว้างขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม นายคาเหล็ด เบฮาห์ รองประธานาธิบดีเยเมน ยืนยันรัฐบาลซานาไม่ต้องการให้กองทัพซาอุดีอาระเบียและพันธมิตรเปิดปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน แม้ปฏิบัติการทางทหารของรัฐบาลริยาดที่เปิดฉากเมื่อวันที่ 26 มี.ค. แทบไม่สามารถยับยั้งการขยายขุมกำลังของกลุ่มกบฏฮูซี ที่ยึดครองกรุงซานาตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้วได้เลย
ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แถลงเรียกร้องให้คู่กรณีทุกฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอยู่ในเยเมน หยุดยิงทันทีโดยปราศจากเงื่อนไข ถือเป็นการแสดงท่าทีอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกของเลขาธิการยูเอ็น นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ในเยเมนบานปลายจากความขัดแย้งทางการเมืองสู่สงครามกลางเมืองระหว่างชาติพันธุ์ คือรัฐบาลซานาซึ่งเป็นชาวสุหนี่ กับกลุ่มกบฏซึ่งเป็นชาวชีอะห์


"ตายฝังยังเลี้ยง......นโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อไทย ที่คนไทยต้องจำได้ไม่ลืม


"ตายฝังยังเลี้ยง......นโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อไทย ที่คนไทยต้องจำได้ไม่ลืม หลังสงครามเวียดนาม สหรัฐฯ พ่ายแพ้ยับเยิน จากปัญหาการเมืองในประเทศ แยงกี้ทิ้งประเทศไทยซึ่งเป็นหัวหอกใหญ่ ต่อสู้คอมมิวนิสต์ไว้โดดเดี่ยว กองทัพเวียดนาม 300,000 คน มาจ่ออยู่ที่ชายแดนไทย เพื่อเตรียมยึดประเทศไทยต่อไป ตามทฤษฎีโดมิโน่ รัฐบาลไทยขอให้สหรัฐฯ ช่วยเหลือ แต่ไร้คำตอบ เป็นเหตุให้รัฐบาลพลเอก เกรียงศักดิ์ เปิดเจรจาลับกับเติ้งเสี่ยวผิงผู้นำจีน เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยกองทัพจีนเคลื่อนพลครั้งใหญ่ ที่ชายแดนเวียดนาม ทำให้กองทัพเวียดนาม ต้องเคลื่อนทัพกลับ และไปยันกองทัพจีนในภาคเหนือ ของเวียดนาม ประเทศไทยจึงรอดปลอดภัย
วิกฤติต้มยำกุ้ง สหรัฐฯ นอกจากจะไม่ให้ความช่วยเหลือไทยแล้ว ยังรู้เห็นเป็นใจ ให้นักค้าเงินเก็งกำไร Hedge Fund ไม่ว่าควันตัมฟันเด์ของจอร์จ โซรอส หรือไทเกอร์ฟันด์ของจูเลียน โรเบิตสัน เข้ามาทุบค่าเงินไทย จนเกลี้ยงคลัง โดยอ้างข้อจำกัดภายใต้กฎหมายของวุฒิสภา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่นานวอชิงตันก็ได้ควักเงินก้อนใหญ่อุ้มเพื่อนบ้านเม็กซิโกอย่างสุดกำลัง ได้ เพื่อนในเอเชียอย่างจีน และญี่ปุ่นแสดง ถึงความเป็น “มิตรในยามยาก” ให้ไทยได้เห็นด้วยการยอมให้กู้เงิน และผ่อนปรนในเรื่องที่จะช่วยเหลือ
ชาติไทยของเรานั้น ไม่เคยอยู่รอดปลอดภัย ด้วยการอาศัย สหรัฐฯ หรือประเทศตะวันตกใดเลย แต่ที่ยืนอยู่ได้ เป็นเอกราชอธิปไตย อยู่ได้เพราะพระปรีชาสามารถ ของพระเจ้าแผ่นดินไทย และความเสียสละกล้าหาญ ของกองทัพไทย กับความสามัคคีร่วมใจของราษฎรทั้งหลาย ....
อย่าหวังว่า ออท. สหรัฐฯ คนใหม่จะมาช่วยไทยเลย มีการเตรียมตัวมานาน พูดไทยปร๋อ ไม่ต่างจากป้าคริสตี้ เคยทำงานหน่วยงานความมั่นคง และ หน.ทีมเจรจาปัญหาวิกฤติสำคัญมาแล้ว เราคงต้องเตรียมรับมือให้ดี ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก


เด้งปลัดก.ศึกษา!"บิ๊กตู่"ประเดิมใช้ม.44 โยกย้ายขรก.ระดับสูง 6 คนรวด

เด้งปลัดก.ศึกษา!"บิ๊กตู่"ประเดิมใช้ม.44 โยกย้ายขรก.ระดับสูง 6 คนรวด
Cr:สำนักข่าวอิศรา
กระทรวงศึกษาธิการ โดนที่แรก! "ประยุทธ์" ใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง 6 ตำแหน่งรวด เด้ง"สุทธศรี วงษ์สมาน" พ้นตำแหน่งปลัดฯ ไปเป็นเลขาธิการสภาการศึกษา "กำจร ตติยกวี" ขึ้นแทน
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.58 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 6/2558 เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง
ระบุว่า เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ นางสุทธศรี วงษ์สมาน พ้นจากตำแหน่ง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา
ข้อ ๒ ให้ นายพินิติ รตะนานุกูล พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการสภาการศึกษา และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ข้อ ๓ ให้ นายกำจร ตติยกวี พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา และให้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อ ๔ ให้ นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร พ้นจากตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการฃกระทรวงศึกษาธิการ
ข้อ ๕ ให้ นายอดินันท์ ปากบารา พ้นจากตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการและให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ข้อ ๖ ให้ นางรัตนา ศรีเหรัญ พ้นจากตำแหน่ง รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน และให้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ข้อ ๗ ให้ข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งข้างต้นปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับเป็นต้นไป
ข้อ ๘ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงบประมาณ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการดังกล่าวให้เรียบร้อยโดยด่วนและให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่ง
ตามคำสั่งนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๒๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗
ข้อ ๙ คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ


บิ๊กตู่ ขู่ "บก.ลายจุด"ขายข้าวถุง คุยทับรัฐบาล ระวังโดนเรียกตัวอีกรอบ ยังมีชื่ออยู่ในลิสต์

บิ๊กตู่ ขู่ "บก.ลายจุด"ขายข้าวถุง คุยทับรัฐบาล ระวังโดนเรียกตัวอีกรอบ ยังมีชื่ออยู่ในลิสต์ แขวะพวกทำลายชาติหยุด วอนสงสารประชาขน ประเทศ ลั่น ผมทำร้ายประเทศไทย ไม่ได้ ยันไม่ได้เข้ามาทำร้ายใคร ยันจะไม่เกรงใจใครอีก ด่าพวกคอยจับผิด พูดพลาด ปลื้ม ไม่มีประเทศไหนรังเกียจ เขมรเรียกหาแต่"ประยุทธ์ ประยุทธ์" ลั่นพร้อมสู้แล้ว พักมา5วัน ไม่ท้อแท้ ยิ่งด่า ยิ่งสู้ ยิ่งเอาจริง
นายกฯ บิ๊กตู่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ/หัวหน้า คสช. นำแถลงผลงาน6 เดือนรัฐบาล ที่ทำเนียบรัฐบาล แขวะพวกทำลายชาติ แขวะพวกทำลายชาติ ลั่น ผมจะไม่เกรงใจ เพราะเขาไม่เกรงใจผม วอนหยุดทำร้ายคนไทย ประเทศไทย ผมทำร้ายประเทศไทยไม่ได้ ผมเลยต้องเข้ามาดูแล ไม่คิดมาเพื่อทำร้ายใคร...เตือน "บก.ลายจุด"ชื่ออยู่ในลิสต์ อย่าให้เรียกมาอีกรอบนะ แขวะซื้อข้าวถุงเป็นหมื่น มาขายถุงละ 200 บาท ก็ทำได้ซิ ไม่ได้ทำมาขายทั้งประเทศ แล้วไม่รู้เอามาจากไหน วอนต้องให้ความเป็นธรรมรัฐบาล ด้วยว่า รัฐบาลจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง
แขวะ บางกลุ่มคอยจับผิดผม พูดอะไรผิดพลาด จ้องโจมตี แต่ ไม่ยอมรับ อ้างมีคนแอบใช้Facebook ไม่ยอมรับสักอย่าง พวกใช้FB ถามกินข้าว หรือยัง เธอนอนหลับมั้ย คิดถึงฉันหรือเปล่า ....ชวนครู Tutor เก่งๆ มาช่วยสอนนักเรียน ครูตู้ ขอให้มาติดต่อ ก.ศึกษาฯ แซวเด็กยุคนี้ คิดในใจไม่เป็น คิดนอกใจยิ่งไม่ได้ ขี้เกียจคิดเลขกันแล้ว
วอนเลิกด่า "หม่อมอุ๋ย" ได้แล้ว เบื่อ ไม่อยากฟังแล้ว จนหม่อมอุ๋ย บอกอย่าไปสนใจเลย แต่ผมรำคาญ แสดงว่าท่านใจแข็งกว่าผม.....เผย ตอนนี้ไม่มีใครเกลียดผมเลย ไปไหนก็ต้อนรับ เป็นเพื่อนรักกับกัมพูชา นายกฮุนเซนไปไหน ถามหาแต่"ประยุทธ์"จะทำอะไรก็ทำวันนี้ ท่านเป็นมา30ปีแล้ว.....เชื่อว่า คน 60 กว่าล้าน อยากเห็นบ้านเมืองเป็นอย่างที่ผมบอก ก็ต้องไปด้วยกัน ทั้งรัฐ ขรก. ประชาขน พ่อค้า เอกชน
"ยิ่งว่าผม ผมยิ่งทำมากกว่าเดิม เข้มงวดกม.มากขึ้น reformใหม่หมด ยิ่งมีกำลังใจ ไม่ท้อแท้ พักผ่อนมา5 วันแล้ว พร้อมสู้ทุกอย่าง"


ต้องปฏิรูปประชาธิปไตยที่รากเหง้า

โดย : รศ.วิทยากร เชียงกูล

1.ภาษิตรัสเซียที่ว่า “คุณไม่สามารถซื้อภูมิปัญญาจากต่างประเทศมาใช้งานได้
นอกจากคุณจะต้องมีภูมิปัญญาของคุณเองอยู่แล้ว”
2.แต่ยังคงล้มเหลวถึงทุกวันนี้
เพราะเราเก็บได้เฉพาะตัวรูปแบบ เช่น การเลือกตั้งผู้แทน แต่ไม่ได้พัฒนา “เนื้อหาสาระ” ความคิดประชาธิปไตยให้กับคนไทยอย่างแท้จริง
3. ที่น่าสนใจคือ กระแสการเปลี่ยนแปลงในยุคเรืองปัญญาเกิดมาจากประชาชน
ไม่ใช่การปฏิรูปของคนชั้นสูงจากบนลงล่าง ไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยของทางการ
4. แต่คนไทยเลือกรับจากตะวันตกเฉพาะรูปแบบการดำเนินชีวิตภายนอกมากกว่าที่จะรับเนื้อหาสาระความรู้
ภาษิตรัสเซียที่ว่า “คุณไม่สามารถซื้อภูมิปัญญาจากต่างประเทศมาใช้งานได้
นอกจากคุณจะต้องมีภูมิปัญญาของคุณเองอยู่แล้ว”
ทำให้คิดถึงกรณีของไทยว่าที่พยายามสั่งเข้าความรู้เรื่องประชาธิปไตยและการพัฒนาเศรษฐกิจ
มาจากประเทศพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ยังคงล้มเหลวถึงทุกวันนี้
เพราะเราเก็บได้เฉพาะตัวรูปแบบ เช่น การเลือกตั้งผู้แทน แต่ไม่ได้พัฒนา “เนื้อหาสาระ” ความคิดประชาธิปไตยให้กับคนไทยอย่างแท้จริง
เช่น เราไม่ได้ปฏิรูปการศึกษาและทางสังคมวัฒนธรรมที่จะเปลี่ยนแปลงให้คนไทยรู้จักคิด วิเคราะห์ อย่างมีเหตุผล หาข้อมูลเชิงประจักษ์ เข้าใจ, สนใจเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของปัจเจกชน
และความสำคัญของการร่วมมือกันทำตามเสียงส่วนใหญ่ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมอย่างจริงจัง

ก่อนหน้าที่คนยุโรปจะปฏิวัติประชาธิปไตยในศตวรรษที่ 18 ได้ สังคมยุโรปได้ก้าวข้ามยุคศักดินา
และบาทหลวงแนวคิดโบราณไป “ยุคเรืองปัญญา (Enlightenment)” หรือยุคแห่งเหตุผล
ในช่วงราวหนึ่งร้อยปีก่อนเกิดการปฏิวัติประชาธิปไตยของชั้นนายทุนในอเมริกาและฝรั่งเศส
ยุคเรืองปัญญาเป็นยุคสมัยที่นักเขียน, ปัญญาชนและประชาชนที่ตื่นตัว ตั้งข้อสงสัย คิดในเชิงเหตุผล เชิงวิทยาศาสตร์ ท้าทายความคิดเก่า สิทธิอำนาจของสถาบันดั้งเดิม ทั้งศาสนาคาทอลิก
ระบบราชาธิปไตย เรียกร้องการปฏิรูปสังคมให้ประชาชนมีความอดกลั้น ใจกว้าง เลิกการคิดและทำแบบสุดโต่ง

จากยุคแห่งเหตุผลนี้เองที่ชาวยุโรปได้พัฒนาทั้งทางสังคม ความคิดอ่าน และทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ที่นำไปสู่ทั้งการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรม และการปฏิวัติทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม จากระบบฟิวดัลเป็นระบบทุนนิยมอุตสาหกรรมก่อนชนชาติอื่นๆ เมื่อราวสองร้อยกว่าไปที่แล้ว

ที่น่าสนใจคือ กระแสการเปลี่ยนแปลงในยุคเรืองปัญญาเกิดมาจากประชาชน
ไม่ใช่การปฏิรูปของคนชั้นสูงจากบนลงล่าง ไม่ได้มาจากมหาวิทยาลัยของทางการ
ที่แม้ยุโรปจะมีการตั้งมหาวิทยาลัยมาก่อนหน้ายุคนี้แล้ว
แต่มหาวิทยาลัยยุคแรกๆ ก็ยังจารีตนิยม, ศาสนานิยม แม้จะมีกษัตริย์บางพระองค์ที่สนใจวิทยาการความก้าวหน้า การพัฒนาทางภูมิปัญญาอยู่บ้าง มีสมาคมราชบัณฑิตและสมาคมนักวิทยาศาสตร์
หรือนักคิดนักเขียนที่มีผลงานที่ทรงพลังที่มาจากครอบครัวคนชั้นสูง คนชั้นกลางที่มีบทบาท
แต่ขณะเดียวกันมีนักคิดนักเขียน นักเคลื่อนไหวทางความคิด และ
มีการรวมกลุ่มประชาชนที่มาจากชาชั้นกลางระดับล่างมาก

การตื่นตัวแสวงหาชีวิตและสังคมที่มีเหตุผลของประชาชนยุโรปในยุคเรืองปัญญา
เกิดขึ้นทั้งในร้านกาแฟ ร้านขายเหล้า หอพักคนงาน สมาคมช่างฝีมือ และสมาคมต่างๆ
ซึ่งคนมีความสนใจเรื่องบางอย่างร่วมกันหรือใช้ร้านกาแฟ ร้านเหล้าเป็นที่นัดพบสังสรรค์กันหลังเลิกงาน การพิมพ์นิตยสารและหนังสือเริ่มแพร่หลาย และคนบางส่วนอ่านหนังสือกัน ทั้งซื้อเองและไปอ่านในห้องสมุดสาธารณะ ร้านกาแฟ ร้านเหล้า ที่มีนิตยสารให้ลูกค้าอ่าน
ในยุคนั้นเป็นยุคที่เริ่มมีการส่งเสริมการรู้หนังสือ มีการพิมพ์หนังสือและการผลิตสินค้าแบบทุนนิยมได้มากขึ้น คนที่สนใจเริ่มมีเงินซื้อหนังสือหรือหาหนังสืออ่านกันมากขึ้น

แม้คนยุโรปส่วนใหญ่จะไม่ได้อ่านหนังสือปรัชญาหรือการเมืองของนักคิดนักเขียนผู้มีชื่อเสียงอย่าง
วอลแตร, มองเตสกิเออร์, จอห์น ล็อค, รุซโซ่, ไอแซค นิวตัน, อาดัม สมิธ ฯลฯ
แต่อย่างน้อยพวกเขาได้อ่านนิตยสารและหนังสือที่นักเขียนระดับกลาง ระดับล่างที่เขียนกันออกมาพอสมควรในยุคนั้น
เนื้อหานิตยสารหนังสือเหล่านี้อาจไม่ดีหรือก้าวหน้านัก แต่ก็ส่งเสริมให้คนอ่าน คิดแบบเชื่อมโยงไปถึงเรื่องว่าทำอย่างไรชีวิตและสังคมของเราจะเจริญก้าวหน้าขึ้นในระดับหนึ่ง
รวมทั้งในยุคนั้นมีการส่งเสริมการประกวดเรียงความ บากวี ฯลฯ อย่างแพร่หลาย
มีประชาชนร่วมด้วยมาก ความตื่นตัวเรื่องการอ่าน การคิด การเขียนของประชาชน
มีอิทธิพลต่อการปฏิวัติประชาธิปไตยในยุคต่อมา

หนังสือที่มีอิทธิพลทางความรู้ ความคิดชุดหนึ่งคือ ชุดสารานุกรมที่นักคิดนักเขียนชาวฝรั่งเศส
ระดมนักคิดนักเขียนเก่งๆ มาช่วยกันเขียน เป็นการให้ความรู้สมัยใหม่แก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง
เป็นหนังสือที่ขายดีและมีชื่อเสียงให้ความรู้ความคิดอ่านแก่ประชาชนอย่างกว้างขวาง
นอกจากเผยแพร่ในฝรั่งเศสแล้ว บทความ, หนังสือของนักเขียนฝรั่งเศสยังขยายไปในหมู่ผู้มีการศึกษาในประเทศยุโรปอื่นๆ ที่ถือว่าฝรั่งเศสคือผู้นำทางวัฒนธรรมในยุคนั้น การแปลหนังสือดีๆ ก็มีมากเช่นกัน

ในยุคปัจจุบัน ระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของโลก รวมทั้งของไทยด้วย
ทำให้คนไทยยุคปัจจุบันได้รับการศึกษาข่าวสารจากโลกสมัยใหม่มากกว่าเมื่อ 3 ร้อยกว่าปีที่แล้วมาก
แต่คนไทยเลือกรับจากตะวันตกเฉพาะรูปแบบการดำเนินชีวิตภายนอกมากกว่าที่จะรับเนื้อหาสาระความรู้ ความคิดอ่านระดับลึกของชาวตะวันตก ถึงจะแต่งตัวและใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตก
แต่ในแง่ความคิดความอ่านของ คนไทยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
อาจยังมีความคิดความอ่านไม่ต่างจากคนในยุคมืด ยุคความเชื่อแบบงมงายของยุโรป
เมื่อ 4-5 ร้อยกว่าปีที่มาแล้ว
ยังไม่ก้าวหน้าไปถึงยุคเรืองปัญญาหรือยุคแห่งเหตุแห่งผลของยุโรปเลยด้วยซ้ำ

ที่ผมตั้งข้อสังเกตแรงแบบนี้ เพราะผมเห็นว่าคนไทยยังมีความเชื่อแบบเก่าๆ ด้วยศรัทธา อารมณ์ อคติ ความงมงาย ฯลฯ อยู่มาก
มีการคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุผล ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์แบบวิทยาศาสตร์น้อยมาก
คนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบค้นคว้า คุยกันถกกันเรื่องชีวิต สังคม การเมือง วัฒนธรรม ฯลฯ สนใจใฝ่รู้เชิงวิทยาศาสตร์ค่อนข้างน้อย (แม้จะสนใจเทคโนโลยีแบบหาความบันเทิงมาก)
คิดวิเคราะห์ไม่เป็น ระบบการสอนในโรงเรียนยังคงเป็นแบบท่องจำและฝึกทักษะเหมือน
การศึกษายุคโบราณ
โดยแทบไม่มีการพัฒนาเลย นอกจากการท่องจำองค์ความรู้ใหม่และฝึกทักษะใหม่บ้าง

ไทยพัฒนาทุนนิยมช้ากว่ายุโรป เพราะเราเป็นเศรษฐกิจแบบศักดินาและเกษตรพึ่งตนเองได้
ไม่มีเงื่อนไขความจำเป็นต้องปฏิวัติเป็นทุนนิยมอุตสาหกรรมเหมือนในยุโรป
ประชาชนไทยส่วนหนึ่งเคยตื่นตัวอ่านหนังสือ แสวงหาความรู้และการเปลี่ยนแปลงสังคมในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และ 14 ตุลาคม 2516 อยู่ระยะหนึ่ง
แต่กระแสไม่แรงพอ ความคิดสถาบันจารีตนิยมดั้งเดิมกลับมาครอบงำสังคมไทยได้อีก
บางเรื่องถอยหลังด้วย
ในปี 2557 เกิดกระแสความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้ประชาชนอย่างน้อย 5-6 ล้านคน ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่ฉ้อฉลและเรียกร้องการปฏิรูป
แต่ตอนจบกลายเป็นกระแสแบบเฉพาะกิจ เฉพาะเรื่อง ที่ไหลวูบระยะสั้นเท่านั้น
แม้ตอนนี้เราจะมีคนที่มีการศึกษาและส่วนที่สนใจการเมืองพอสมควร
แต่แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่สนใจ ไม่ตื่นตัว
ที่จะอ่านศึกษาค้นคว้าเรื่องการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจังต่อเนื่อง

ถ้าคนไทยคิดจะพัฒนาประชาธิปไตยและปฏิรูปเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ได้จริง
ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ว่าจะรณรงค์ให้คนไทยทั้งประเทศก้าวข้ามพ้นยุคที่ค่อนข้างมืด งมงาย ล้าหลังเหมือนคนยุโรปเมื่อ 4-5 ร้อยปีที่แล้ว
ไปสู่ยุคเรืองปัญญาหรือยุคแห่งเหตุแห่งผลที่ยุโรปเคยผ่านมาเมื่อ 3 ร้อยปี แล้วได้อย่างไร
เราถึงจะมีทางปฏิรูปหรือปฏิวัติประเทศให้เป็นประชาธิปไตยและเจริญก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง
- See more at:http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/634174…

บังคับใช้วันนี้!! "พล.อ.ประยุทธ์" ออกคำสั่ง หน.คสช. ที่7/58 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ลุยกระทรวงศึกษาฯ

data17April15คำสั่งที่7

บังคับใช้วันนี้!! "พล.อ.ประยุทธ์" ออกคำสั่ง หน.คสช. ที่7/58 ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ลุยกระทรวงศึกษาฯ

ราชกิจจานุเบกษา (17เม.ย.) เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗/๒๕๕๘ เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารราชการในกระทรวงศึกษาธิการมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปประเทศตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ ให้บุคคลซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับพ้นจากตําแหน่ง
(๑) กรรมการคุรุสภาตามมาตรา ๑๒ (๑) (๓) (๔) และ (๕) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖
(๒) กรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา ๖๔ (๓) และ (๔) แห่งพระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖
(๓) กรรมการในคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ มิให้มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นมาแทนที่ผู้ดํารงตําแหน่งข้างต้นจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลง หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ

ข้อ ๒ ให้คณะกรรมการคุรุสภาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้อํานวยการสํานักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และหัวหน้าสํานักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น เป็นกรรมการ และให้เลขาธิการคุรุสภาเป็นเลขานุการ

ข้อ ๓ ให้คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นกรรมการและให้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นกรรมการและเลขานุการ ให้คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย

ข้อ ๔ ในกรณีที่เห็นสมควร หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติอาจมีคําสั่งให้เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการตามข้อ ๒ และข้อ ๓ ได้ตามความเหมาะสม

ข้อ ๕ ให้บุคคลซึ่งดํารงตําแหน่งต่อไปนี้อยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับหยุดการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อนจนกว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติจะมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
(๑) เลขาธิการคุรุสภา
(๒) เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
(๓) ผู้อํานวยการองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา

ข้อ ๖ ในระหว่างที่บุคคลตามข้อ ๕ หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการพิจารณามอบหมายให้รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หรือข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการในระดับ
เดียวกันขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งตามข้อ ๕ ไปพลางก่อน

ข้อ ๗ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๕/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตรวจสอบความถูกต้องและโปร่งใสในการใช้จ่ายงบประมาณ การบริหารการเงินทรัพย์สิน และผลประโยชน์อื่นใด ของคุรุสภา สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา และองค์การค้าของสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมทั้งตรวจสอบการดําเนินโครงการที่สําคัญภายใต้การดําเนินงานของบุคคลตามข้อ ๑ และข้อ ๕ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วรายงานผลการตรวจสอบให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบโดยเร็ว

ข้อ ๘ เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติสิ้นสุดลงตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแล้วให้ดําเนินการแต่งตั้งกรรมการตามข้อ ๑ ตามกฎหมายว่าด้วยสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา และเมื่อได้ดําเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ให้คําสั่งนี้เป็นอันยกเลิก

ข้อ ๙ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๘
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/643349#sthash.KwvHNbi6.Jp2tmacy.dpuf

"ประยุทธ์" แถลงผลงานรัฐ 6 เดือน ชูกำลังตัวเอง "ยิ่งว่ายิ่งสู้!" ปัดครองอำนาจยาวนาน

Cr:ผู้จัดการ
นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือน ยันทำเพื่อปฏิรูป ชี้หากรัฐธรรมนูญผ่านได้โดยไม่มีความขัดแย้งก็เลือกตั้งได้ ยันไม่คิดอยากอยู่ในอำนาจต่อ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แนะคนทำผิดพิสูจน์ตัวเอง เผยไม่สบายใจเอาเรื่องเก่ามาพูด เช่นเรื่องภาษี เตือนสื่ออย่าพาดหัวแรง บั่นทอนกำลังใจรัฐบาล วิจารณ์ได้ขอสร้างสรรค์ ชูกำลังตัวเอง "ยิ่งว่ายิ่งสู้" พักผ่อนมา 5 วันพร้อมสู้ทุกอย่าง

วันนี้ (17 เม.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือน ถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) กรมประชาสัมพันธ์ ว่า ถือเป็นวันเป็นวันดีเพราะวันนี้เป็นวันพระ เมื่อตอนเช้าก็ได้ไหว้พระขอให้ตัวเองใจเย็นๆ อามรณ์ดีตลอด เพราะเพิ่งผ่านเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยด้วย วันนี้เป็นกำหนดแถลงผลานของพวกเราทุกคน ทั้งรัฐบาล ข้าราชการ และคนไทย เพราะรัฐบาลนี้ไม่ใช่รัฐบาลของตนเพียงคนเดียว แต่เป็นของคนไทยทั้งประเทศ เราทำให้กับคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ใครทั้งสิ้น
หลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2557 เป็นเวลา 6 เดือนของรัฐบาลและ 5 เดือนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน มีเงื่อนไขและระยะเวลาที่แตกต่างจากรัฐบาลผ่านมา ซึ่งต้องเข้าใจว่าเราเข้ามาเพื่อให้เกิดการปฏิรูป แก้ไขปัญหาที่ทับซ้อนมานานซึ่งต้องแก้ไขทั้งระบบ

สำหรับเงื่อนไขของรัฐบาลชุดปัจจุบัน คือการสานงานต่อจากภารกิจของ คสช. ที่ได้กำหนดแนวทางการบริหารประเทศไว้ 3 ระยะ ระยะแรกคือการระงับยับยั้งความขัดแย้ง แก้ไขผลกระทบจากการที่รัฐบาลู่ในสภาพที่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เองนี้ต้องเข้าใจกัน เพราะที่ผ่านมารัฐบาลทำงานไม่ได้ รัฐบาลชุดนี้จึงต้องเข้ามาแก้ปัญหาเร่งด่วนและขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดินให้เดินหน้าต่อไปให้เกิดความสงบสุข ซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้บ้านเมืองเรียบร้อยมาถึงวันนี้ทั้งในส่วนของ คสช. และรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานในระยะที่สอง ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว จัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ซึ่งใช้เวลาทำประมาณ 3 เดือน มีการจัดกลุ่มการบูรณาการของแต่ละกระทรวงเพื่อให้เดินหน้าไม่ทับซ้อน ไม่ให้การใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่าย จากนั้นจึงมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน ส.ค. 2557 และ คสช. ก็ลดบทบาทมาเป็นผู้สนับสนุนและที่ปรึกษาในการขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์ และใช้อำนาจที่มีอยู่ทั้งในช่วงอดีตและปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นความจำเป็น ถ้าไม่มีอำนาจดังกล่าวก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะมีความขัดแย้งต่างๆ มาก
"มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้อำนาจดุเดือด เด็ดขาดเกินไปหน่อยนั้น ก็ต้องชี้แจงว่าใช้เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าให้ได้ วันนี้คนในประเทศก็ยอมรับได้ เพราะทุกคนอยากให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่ได้ต้องการหวังอย่างอื่น ส่วนจะมีใครไม่เข้าใจบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าคนไทยทั้งชาติเข้าใจผม ก็มีกำลังใจที่จะทำงานต่อไปได้ ทั้งในส่วนของรัฐบาลและข้าราชการ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลังจาก คสช. ลดบทบาทแล้วก็มีการแก้ปัญหาเรื่องความสงบเรียบร้อยละติดตามข่าวต่างๆ โดยมีการทำงานทั้งในส่วนของฐานของรัฐบาลและฐาน คสช. ซึ่งไม่ใช่เป็นการถ่วงดุลหรือล่าช้า แต่เป็นการทำงานแบบช่วยเสริมซึ่งกันและกัน โดย คสช. คอยติดตามว่า งานที่มีการสั่งการไปนั้นมีความคืบหน้าอย่างไร ซึ่งรัฐบาลก็เดินหน้าทำงาน ปัจจุบันเรากำลังขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย นั่นคือการทำใหม่ในทุกๆ เรื่อง
ระยะแรกถือเป็นการระงับยับยั้งการแก้ปัญหาจากการที่รัฐบาลในอดีตมิอาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ระยะที่ 2 การประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และการใช้งบประมาณปี 2558 และในปัจจุบันกำลังเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ โดยพยายามที่จะเดินหน้าดำเนินการต่างๆ เช่น การจัดระเบียบสังคม การวางรากฐานที่มั่นคงให้กับประเทศ ระยะที่ 3 หากรัฐธรรมนูญผ่านได้โดยไม่มีความขัดแย้ง ก็จะสามารถจัดเลือกตั้งได้ ฉะนั้นอยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศจะเป็นผู้ตัดสินใจ อย่ามาพูดว่าตนดึงไว้เพราะอยากอยู่ต่อ ทั้งที่ตนไม่คิดอยากอยู่ต่อ ที่ผ่านมาเราได้มุ่งมั่นทุ่มเทแก้ปัญหาทั้งระบบ ส่วนเรื่องของเงื่อนไขเวลาไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขอร้องว่าอย่ามากล่าวหาว่าตนต้องการดึงเพื่อที่จะให้รัฐบาลอยู่ต่อ เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศว่าจะตัดสินใจอย่างไรหรือต้องการให้กลับไปที่เก่า รัฐธรรมนูญใหม่ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีบทเฉพาะกาล ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนเดิม
"ในส่วนของเงื่อนไขและระยะเวลาที่วางไว้ทั้งหมด ยืนยันว่าไม่เคยไปเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และขอยืนยันว่าไม่ต้องการอยู่ในอำนาจหรือแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เคยได้ประโยชน์อะไรสักอย่าง ซึ่งก็ได้รับทั้งคำชมและตำหนิ ซึ่งตนไม่ถือเอามาเป็นอารมณ์ แต่ยอมรับว่าหงุดหงิดบ้าง ระยะแรกที่เราเข้ามาทำงานนั้น มุ่งมั่นและทุ่มเท ทั้งการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้กับประชาชนที่เดือดร้อน โดยเป็นการแก้ทั้งระบบทั้งระยะสั้นและระยะยาว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลที่แถลงไว้มีทั้งสิ้น 11 ด้าน ก็เป็นไปตามเอกสารที่แจกจ่าย ขอให้ทุกคนได้อ่านและทำความเข้าใจ เพราะถ้าไม่อ่านก็ไม่รู้เรื่อง และไปเขียนวิพากษ์วิจารณ์ในทางที่ไม่ถูกต้อง สื่อบางฉบับตนอ่านแล้วไม่ค่อยสบายใจ อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของนิสัยคนไทย อะไรที่เกิดขึ้นใหม่ เช่นเรื่องของภาษีก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเสียอะไรที่ไหน อย่างไร หรือจะประกาศใช้เมื่อไหร่ ก็ออกมาติไว้ก่อน ซึ่งต้องแก้นิสัยตรงนี้ให้ได้ ต้องคิดให้ลึกซึ้ง พิจารณาหาข้อสรุปก่อนที่จะตำหนิ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีกำลังใจคิดอะไรใหม่ๆ
"เราทำงานเพื่อวันข้างหน้า ไม่ใช่แค่วันนี้ และที่สำคัญเราไม่ใช่รัฐบาลผูกขาด เรามีเงินเท่านี้ก็ใช้จ่ายเท่านี้ อย่างน้อยก็ไม่ไปสร้างภาระระยะยาวเหมือนที่ต้องรับมาในวันนี้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นิสัยที่ต้องแก้อีกอย่างของคนไทยคือการชอบสร้างวาทกรรมต่างๆ รวมทั้งการพาดหัวข่าวของสื่อบางฉบับ ซึ่งยอมรับว่าบางวันเห็นการพาดหัวข่าวแล้วก็โมโห หัวข่าวปกหน้า 1 นั้นดูไม่ดี แต่พอเปิดอ่านเนื้อข่าวด้านในสาระก็ดี ก็ไม่เข้าใจว่า ไปเอาอะไรมาพาดหัวให้คนตกใจเล่น ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง อำนาจ ประชาธิปไตย ไม่รู้จะเอามาทำไมให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น
"ผมเรียนแล้วว่าพวกเราตั้งใจทำให้ประเทศชาติสงบ ปลอดภัย อย่างยั่งยืน เดินหน้าประเทศมีความเข้มแข็งในทุกภาคส่วน พูดจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว ซึ่งการทำงานต้องมีขั้นตอน ตัวอย่างราคาข้าวเกวียนละ 1.5 หมื่นบาท ก็มีวาทกรรมว่าเป็นการทำเพื่อประชาชน ซึ่งถ้าเป็นการทำจริงทุกคนก็พอใจ แต่ถ้าดูให้ดีวาทกรรมดังกล่าว ที่บอกว่าทำเพื่อคนจน ทำเพื่อเกษตรกรซึ่งมีแล้วมีอยู่เกือบ 10 ล้านคน ถ้าได้คนเหล่านี้กลับมาก็เป็นคะแนนเสียง ซึ่งผมไม่ได้ต้องการคะแนนเสียง แต่ต้องการทำให้ทุกคนมีอาชีพมีรายได้อย่างเหมาะสม แต่พอแตะเรื่องนี้ ก็จะมีคนออกมาเลยว่า ทำเพื่อคนจนไม่ได้หรือ อย่าลืมว่าประเทLไทยไม่ได้มีแต่เกษตรกร รัฐบาลต้องใช้งบประมาณไปทำอย่างอื่นด้วย ซึ่งต้องดูทุกอย่างให้เข้มแข็ง เฉลี่ยให้ทั่วถึงอย่างยั่งยืน ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด คือสอนให้คนเอาเบ็ดไปตกปลา ไม่ใช่สอนแบบให้ปลาไปกิน พอปลาหมดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนนโยบาย 11 ด้าน บางคนบอกว่าทำไมเดินไปช้า ก็ลองคิดดูแล้วกันการเรียนหนังสือกว่าจะรู้เรื่อง เรียน ป.1 ป.2 ป.3 ยังอ่านหนังสือไม่ออก เร่งเกินไปก็จะเละเพราะไม่เข้าใจกัน ดังนั้นถ้าเดินต่อไปมันจะมั่นคงกว่า เดินอย่างมีแผนที่ดี มียุทธศาสตร์ที่ตรงกับความต้องการ เพื่อวันนี้เพื่ออนาคต แล้วเดินไปอย่างนี้ มันต้องช้าแต่มั่นคง ถ้าเจออุปสรรค เจอข้อติติงก็รอไว้หน่อย รัฐบาลจะต้องทบทวนว่าจะทำอย่างไร ทั้งเรื่องพลังงาน ภาษี เรื่องต่างๆ แต่มันต้องทำทั้งหมด ถ้ามีปัญหาในการทำเรื่องใดยังไม่เข้าใจกัน ก็ให้หยุดไว้ก่อน แต่ต้องทำ
ส่วนจะทำอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกที อย่าเพิ่งเดือดร้อน อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ อย่าไปสร้างวาทกรรมก็แล้วกันว่าทำเพื่อคนนั้นคนนี้ รัฐมนตรีคนนั้นมีเรื่องนี้เรื่องนั้น ตนบอกแล้วว่ารัฐมนตรีทุกคนมาด้วยความตั้งใจอยากจะช่วยชาติ ต้องแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลแม้จะมาแบบนี้ เราก็ให้ความเป็นธรรม ให้โอกาสโต้แย้งได้ทุกวัน ชี้แจงได้ทุกวัน ตนฟังทุกเรื่อง ไปดูตัวอย่างในต่างประเทศเขาไม่มีให้พูดแบบนี้ ดังนั้นต่างประเทศต้องเข้าใจเราด้วย ต่างประเทศอย่าไปกังวล ตนให้ผู้หลักผู้ใหญ่ไปพูดคุยกับทูตทุกประเทศ เขาไม่เข้าใจหลายๆ เรื่อง แต่วันนี้เข้าใจแล้ว และเขาก็ตอบไม่ได้ว่าถ้าเรื่องมันเกิดแบบนี้กับเขา เขาจะทำอย่างไร อันนี้เราไม่ได้ทะเลาะกับใครทั้งสิ้น เราพูดคุยกับคนทั้งโลกอยู่แล้ว ไม่คบกับผู้ร้าย ไม่คบกับผู้ทุจริต ถ้าเป็นคนดี เราคบหมด ไม่ว่าจะไทยหรือต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดังนั้นเราต้องขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้สัมฤทธิ์ผล เรามีการตั้งคณะกรรมการตั้งมากมาย คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กขย.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ดูแลให้อยู่ โดยมีทหาร ตำรวจ ข้าราชการทุกพื้นที่ช่วยร่วมมือกัน ส่วนรัฐบาลมีคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล (กขร.) เรื่องการขับเคลื่อนเร่งรัดนโยบายรัฐบาล มีการติดตามทุกเรื่องว่าอะไรไปถึงไหน มีการรายงานตนทุกสัปดาห์ เป็นฐานข้อมูลให้ตนใช้สั่งการใน ครม. ลงไปแก้ไขปัญหาข้อติดขัด
ข้อติดขัดบางอย่างก็ต้องใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพราะกฎหมายมันไปไม่ได้ เนื่องจากการแก้ไขกฎหมายยังทำไม่เสร็จ ยังไม่ผ่าน สนช. และหากผ่านการพิจารณาของ สนช. วาระที่ 3 แล้ว ก็ต้องทิ้งช่วง 60 วัน 90 วันแล้วจึงมีผลบังคับใช้ ต้องเข้าใจด้วยว่ามีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามาทุกวัน ยังไม่ได้ออกมาทั้งสิ้น ถ้าตราบใดที่ยังไม่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมา และยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะฉะนั้นอย่าไปวิตกกังวล เดี๋ยวมันก็แก้กันไป เสนอเข้า สนช. แล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะออกมา ถ้ายังขัดแย้งกัน ไม่ตรงกันอยู่ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ
"ดังนั้นเรื่องวาทกรรรมอย่าพูดอีกว่า “ทำเพื่อคนจน ถ้าเสียเงินเท่าไหร่ก็ต้องยอม” หรือพูดว่า “คนจนจะมีรถขับคันแรกไม่ได้บ้างหรือ” ตนขอถามว่าแบบนี้พูดทำไม การบอกว่าทำให้ส่งออกรถยนต์ได้มากๆ ตามที่ต้องการ นั่นคือความผิดพลาดที่มันเกิดขึ้น มันไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง ไม่มีกำลังที่จะผ่อนได้ รัฐบาลตอนนั้นก็ให้ไปก่อน 1 แสนบาท ตนถามบางคนว่าทำไมไม่ผ่อนต่อ เขาบอกว่าตอนนั้นอยากได้เงิน 1 แสนบาท แล้วอย่างนี้กลายเป็นภาระให้กับรัฐบาลปัจจุบันต้องหาเงินไปใส่ อีกทั้งทำให้กลไกระบบการตลาดของอุตสาหกรรมรถยนต์ของเรามีปัญหา ทำไมไม่ดูเหตุการณ์ ดูเหตุผลของตนบ้าง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ วาทกรรมอีกอย่างที่ว่าตนอยากอยู่ในอำนาจ อำนาจของตนคืออำนาจในการบริหารงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ ขับเคลื่อนประเทศ นี่คืออำนาจของรัฐบาลนี้ด้วย รัฐบาลไม่ได้ใช้อำนาจอื่นเลย เว้นแต่คนที่ประกาศแล้วว่าผิดตรงนั้นตรงนี้ ต้องเข้าสู่ศาล กระบวนยุติธรรม แล้วก็จะมาต่อต้านหรือบอกว่าถูกรังแก คนพวกนี้ขอเลิกเสียที
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีรัสเซียมาเยือนไทย ก็มีคนบอกว่าตนเดินตามรัสเซีย แต่เมื่อรองนายกรัฐมนตรีไปจีน ก็มีคนไปบอกว่าจะไปทางจีน ทั้งที่เราดำเนินงานต่างประเทศกับทุกประเทศ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ทางการทหารนั้น ยืนยันว่าไม่ว่าจะทะเลาะเบาะแว้งกันขนาดไหน แต่ความสัมพันธ์ทางด้านทหารมันมีอยู่แล้ว การซื้ออาวุธก็เป็นเรื่องจำเป็น มีไว้ให้คนอื่นเกรงใจเราบ้าง ต้องทำให้เขาเห็นว่าเรามีศักยภาพ การมีอาวุธไม่จำเป็นที่จะต้องรบกัน แต่เกื้อหนุนทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจเพื่อความมั่นคง
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม เช่น การเพิ่มเบี้ยความพิการ การให้เงินอุดหนุนเลี้ยงดูเด็ก ตลอดจนส่งเสริมงานด้านกระบวนการยุติธรรม สร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงการตั้งคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการศึกษา ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และยังเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์กับทุกประเทศเพื่อความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงที่มีการรัฐประหารตั้งแต่เดือน พ.ค. 2557 เศรษฐกิจดีขึ้นกว่าช่วงที่มีการชุมนุมขึ้นมาก โดยช่วงต้นปี 2557 พบว่าเศรษฐกิจซบเซา แต่รัฐบาลนี้ทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2557 เริ่มกลับมาขยายตัวร้อยละ 0.4 และ 0.6 ตามลำดับ ก่อนจะขยายตัวร้อยละ 2.3 ในไตรมาส 4 และในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 นี้พบว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นกว่าร้อยละ 23 อีกทั้งได้มีการมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้แทนหาตลาดใหม่ตามต่างประเทศ จะต้องดูว่ามีสินค้าอะไรที่สามารถนำไปขายเพิ่มหรือแปรรูปพัฒนามูลค่าได้ รัฐบาลกำลังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นอยู่ ส่วนการเกษตรนั้นจะต้องมีการจัดระบบสหกรณ์และขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อจัดระเบียบใหม่ ขณะที่เรื่องของแรงงาน เราต้องปรับทักษะแรงงานให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง รับซื้อข้าวในราคาเกวียนละ 15,000 บาท แล้วนำไปจำหน่ายโดยใช้ชื่อว่าข้าว “ลายจุด” ราคาถุงละ 200 บาท ว่า ส่วนตัวมองว่าคงทำไม่ได้จริงและไม่รู้ด้วยว่าข้าว “ลายจุด” นั้นมีทะเบียนการค้าถูกต้องหรือไม่
ขณะเดียวกัน ตนตั้งข้อสังเกตถึงการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐบาลเก่าที่มีการคงค้างกว่าแสนล้านบาทนั้น เขาอ้างว่าเป็นเพราะมีประท้วง ตนสงสัยว่าทำไมตอนนั้นไม่ปรับไปใช้อย่างอื่น หรือรัฐบาลเก่าต้องการเก็บเงินจำนวนนี้ไปใช้ในการเลือกตั้งหรือไม่ ตอนนี้ตนจึงให้เอาไปทำโครงการน้ำ การศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้เด็กมีคะแนนสอบดีขึ้น แต่ยังต้องลดปัญหาการขาดแคลนครู พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อใช้ในโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีครู เด็กวันนี้เขียนหนังสือต่อเนื่องไม่ค่อยเป็น ไม่ได้สาระ จึงต้องสอนให้รู้จักการย่อความ จับประเด็นสำคัญ เพื่อจะได้รู้จักคิดมากขึ้น เราอยากให้คิดร่วมกันว่าปัญหาในประเทศไทยมีจริงหรือไม่ อย่างที่ตนพูดหรือไม่ ถ้ามีจริงแล้วจะแก้ไขกันอย่างไร ตนไม่ต้องการมาทำร้ายทำลายใคร ไม่ทำร้ายประเทศ แต่คนอื่นที่สร้างความขัดแย้งเขาอยากจะทำลายประเทศไปถึงไหน คนไทยบังคับกันไม่ได้ ตนจึงต้องขอความร่วมมือจากทุกคน
ส่วนเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีประชาชนออกมาเล่นสงกรานต์กันจำนวนมาก แม้รัฐบาลออก 8 มาตรการ เช่น ห้ามแต่งตัวโป๊เปลือย ดื่มสุรา เป็นต้น แต่ยังมีการแต่งตัวโป๊เปลือย ซึ่งเดิมปรับแค่คนละ 100 บาท จากนี้ไปไม่เอาแล้ว ตนจะเสนอต่อที่ประชุม ครม. ให้เพิ่มค่าปรับพวกแต่งตัวโป๊เปลือย เสพยาเสพติดแล้วไปเต้นโชว์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่วัฒนธรรมไทย
ส่วนการปฏิรูป หลายประเทศใช้เวลา 30-40 ปี แต่ของไทย บางคนมาถามว่าอยู่นั้นว่าเสร็จแล้วหรือไม่ เสร็จเมื่อใด ทั้งที่เริ่มทำมาแค่ 6 เดือนเอง แต่ต่างประเทศเข้าใจเราแล้ว ขณะที่เรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 (คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ) ต่างประเทศก็เข้าใจเราแล้วเช่นกัน และคนที่ถูกจับในความผิดมาตรานี้ก็มีหลักฐานการทำผิดชัดเจน แต่ยังมีบางคนก็ไปให้ท้ายเขา ไปแฝงตัวในเฟซบุ๊ก ทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด ไปพูดผ่านเฟซบุ๊ก
“คน 60 กว่าล้านคนอยากเห็นบ้านเมืองเดินไป แต่รัฐบาลทำอย่างเดียวไม่ได้ มันต้องไปทั้งรัฐบาล ข้าราชการ ประชาชน ต้องช่วยกันทั้งหมด ใครที่ว่าอะไรเรามา ถือเป็นแรงใจให้ผม ยิ่งว่าผม ผมยิ่งทำมากขึ้น มีแรงมากขึ้นกว่าเดิม เข้มงวดมากขึ้นทั้งในเรื่องกฎหมาย เรื่องที่ต้องแก้ไข ดังนั้นถ้ายิ่งว่า ผมยิ่งสู้ ยิ่งมีกำลังใจ พักผ่อนมา 5 วันแล้ว พร้อมสู้ทุกอย่าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปหลังจากที่รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานผลการดำเนินงานในส่วนที่รับผิดชอบแล้ว โดยกล่าวว่า การสื่อสารทุกวันนี้ยังมีปัญหา โดยเฉพาะการสื่อสารภายในประเทศซึ่งต้องช่วยสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น ไม่ควรนำเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนอื่นมาเล่นงานเรา คนไทยด้วยกันต้องรักคนไทย และประเทศไทยช่วยกันแก้ไขปัญหา ซึ่งถ้าเราไม่มีปัญหาใครจะมาทำอะไรได้ วันนี้สื่อต้องช่วยกัน หนังสือพิมพ์ต่างประเทศใหญ่ไม่มีใครนำเสนอเรื่องรุนแรง ฆ่ากันตาย หรือตามล่าหาควายเผือก
ทั้งนี้ ตนไม่เข้าใจสื่อบ้านเรามักลงเรื่องที่ไร้สาระ พอตนพูดก็กล่าวหาว่าปกปิด ต่างประเทศเขาก็มีปัญหาเช่นเดียวกับไทย เพียงแต่ไม่เปิดเผยออกมาเพราะเกิดผลเสีย วันนี้จากผลสำรวจชาวต่างประเทศต้องการมาอยู่ประเทศไทย โดยมีเหตุผลว่าประเทศไทยน่ารัก น่าอยู่ คุณภาพชีวิตดี สงบสันติ คนไทยมีผู้หญิงสวย ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ต้องช่วยกันสร้างให้ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว น่าอยู่และปลอดภัย มีพลเมืองที่มีน้ำใจ ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยก็ยังดีอยู่
"อยากฝากทุกคนพิจารณาคำพูดที่ว่า ไม่มีประเทศใดหรือระบอบการปกครองใดที่จะทำใประเทศชาติสงบและสันติได้ หากประเทศนั้นมีเสรีภาพไร้ขีดจำกัด ไม่เคารพกฎหมาย แม้รอบบประชาธิปไตยที่มีคุณภาพและธรรมาภิบาลก็ไม่สามารถทำให้ประเทศดีขึ้นมาได้ สิ่งที่ผมทำมาทั้งหมดก็เพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้องมีสิทธิ เสรีภาพและหน้าที่มีต่อชาติบ้านเมือง ต่อคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่มีหน้าที่ไม่เคารพกฏหมาย มีเสรีภาพไร้ขีดจำกัดจะกวนใครก็ได้ เราต้องช่วยกันทำให้ประเทศชาติมีความสงบสุข" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยสรุปการทำงานของเราในช่วง คสช. ใช้กฎอัยการศึกใช้กฎหมายปกติ ใช้ พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน และให้อำนาจทหารเข้าไปเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานในทุกกระทรวง ทบวง กรม ได้ จับกุมดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายให้ทันเวลา หลังจากนั้นเป็นช่วงที่สอง ในการเข้ามาเป็นรัฐบาล วันนี้มีการแก้ไขโดยนำเอามาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาแทน ให้ทำหน้าที่ได้เหมือนเดิม ไม่ได้ไปละเมิดสิทธิ์ใครทั้งสิ้น เป็นการนำมาใช้แทนการใช้กฎอัยการศึกที่มีถึง 17 มาตรา ดังนั้น สื่อไม่ต้องกลัวถ้าไม่ได้ไปทำความผิดอะไร อย่าคิดเอาแต่ได้กันฝ่ายเดียว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในช่วงท้ายว่า สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือผังเมือง ให้มีความชัดเจนว่าจจะต้องทำอย่างไร เสียภาษีแค่ไหน จะต้องวางหลักการให้เสร็จ โดยใช้ระบบ GISTDA หรือ ดาวเทียมของกระทรวงวิทยาศาสตร์ มาใช้สำรวจ นอกจากนี้ ตนยังถือในเรื่องของสถาปัตยกรรมไทย บนถนนสายต่างๆ หรือบนที่อยู่อาศัย ให้เกิดความสวยงามและเป็นการอนุรักษ์สิ่งที่เป็นไทยไว้
"วันนี้การใช้มาตรา 44 ก็มองการทำหรือแก้ไขในสิ่งที่จะไม่ทันการ เพราะถ้าต้องรอ สนช. ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องก็คงไม่ทันต่อสถานการณ์ ถือเป็นความจริงใจของรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาทั้งหมดที่มีอยู่ เราเป็นข้าแผ่นดินในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าราชการ คนที่เป็นข้าราชการทุกคนต้องทำงานดูแลต่างพระเนตรพระกรรณ มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ดูถูกกันไม่ได้ คนไม่ดีก็ต้องถูกลงโทษ แต่คนดีก็ต้องให้กำลังใจ หากจะเล่นงานก็พวกทุจริตซึ่งเรื่องอยู่ในชั้นศาล
รายงานข่าวแจ้งว่า รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กล่าวนำเข้าสู่การแถลงผลงานก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะแถลงผลงานรอบ 6 เดือนที่โพเดียม โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและผู้แทนรองนายกรัฐมนตรีประจำในที่นั่งที่จัดไว้ ทั้งนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีแถลงเสร็จ รองนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้กล่าวถึง งานด้านความมั่นคง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นผู้กล่าวถึงงานด้านเศรษฐกิจ ตามด้วยนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ กล่าวเกี่ยวกับงานด้านสังคม จากนั้นนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ เป็นผู้แทนรองนายกด้านต่างประเทศ กล่าวถึงงานด้านต่างประเทศ ปิดท้ายด้วยนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณธนะ รมต.ปนะจำสำนักนากยรัฐมนตรี เป็นผู้แทนนายวิษณุ เครืองาม กล่าวงานทางด้านกฎหมาย
สำหรับคณะรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการระดับสูง รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจะนั่งตามจุดที่จัดไว้ให้ตามลำดับ โดยภายหลังการแถลงผู้สื่อข่าวตั้งคำถามและมีการตั้งข้อซักถามก่อนที่ทั้งหมดจะเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานบริเวณโถงกลางตึกสันติไมตรี
ก่อนการแถลงผลงาน เจ้าหน้าที่สำนักโฆษก สำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจกเอกสารผลงานรอบ 6 เดือน ซึ่งมีทั้งหมด 22 หน้า แบ่งเนื้อหาเป็นสถานการณ์ทั้งก่อนและหลังเข้าบริหารประเทศ ผลการดำเนินการตามแนวนโยบายของรัฐบาล ทั้ง 11 ด้าน ตามที่รัฐบาลแถลงไว้ ประกอบด้วย นโยบายที่ 1 การปกป้องแล