PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

ตัดแปะข่าวระเบิดศาลอาญา

จากพารากอนถึงศาลอาญา บึ้มป่วนเมือง สอบสวน 2 คนร้าย เตรียมจะก่อเหตุรุนแรงโดยใช้วัตถุระเบิดในวันที่ 12 และ 15 มีนาคมนี้

ที่มา ผู้จัดการ09มี.ค.58
     
       แม้หน่วยงานความมั่นคงจะพยายามสกัดกั้นกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติการณ์ป่วนเมือง เพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่ให้ก่อเหตุรุนแรงขึ้นในกรุงเทพมหานคร แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นไม่เป็นผลเมื่อ 2
คนร้าย สามารถเล็ดรอดนำระเบิด RGD5 ขว้างเข้าใส่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าอาคารศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 7 มีนาคม 2558
     
       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของหน่วยงานด้านการข่าวทั้งของทหารและตำรวจ ซึ่งแม้คนร้ายจะลงมือก่อเหตุได้สำเร็จ แต่ก็หนีไม่รอดจากการติดตามจับกุม กลายเป็น
เบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การขยายผลกระชากหน้ากากจอมบงการ
     
       นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสยาม กับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทหาร และตำรวจ ได้ร่วมกันติดตามเบาะแสจากบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายต้องสงสัยก่อเหตุรุนแรงหลายคน กระทั่งได้ข้อมูลยืนยันตรงกันว่า กลุ่มหัวรุนแรงที่หวังผลทางการเมืองมีแผนจะก่อเหตุรุนแรงโดยการใช้วัตถุระเบิดในสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร รวม 10 จุด ซึ่งเป้าหมายมีทั้งสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกผล่าน ซึ่งศาลอาญา เป็นหนึ่งในเป้าหมายนั้น
     
       ข้อมูลการข่าวทั้งทหารและตำรวจยืนยันตรงกัน เครือข่ายหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือกันของกลุ่มเดิมๆ ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล คือ กลุ่มชลบุรี ที่มีหัวเรือใหญ่เป็นผู้หญิงชื่อย่อ ม. กลุ่มปทุมธานี ที่เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2557 มีหัวเรือใหญ่เป็นผู้ชายชื่อย่อ ก. และกลุ่มมีนบุรี
     
       ทหารและตำรวจจัดชุดลาดตระเวนนอกเครื่องแบบตรึงพื้นที่เป้าหมายที่กลุ่มหัวรุนแรงจะก่อเหตุมาได้ระยะหนึ่ง กระทั่งช่วงหัวค่ำคืนวันที่ 7 มีนาคม พบเห็นชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮา

สีน้ำเงิน - ดำ ทะเบียน วงต 967 กรุงเทพมหานคร มาที่หน้าศาลอาญารัชดาฯ แล้วคนซ้อนท้ายได้ปาสิ่งของเข้าไปภายในบริเวณศาลอาญา ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
     
       ทหารนอกเครื่องแบบซึ่งลาดตระเวนอยู่บริเวณนั้น จึงไล่สกัดควบคุมตัวบุคคลทั้งสอง แต่คนซ้อนท้ายได้ใช้ปืนยิงเพื่อเบิกทางหนี ทหารจึงยิงตอบโต้กระสุนถูกผู้ขับขี่จำนวน 4 นัด จนรถ

จักรยานยนต์ล้มคว่ำ ทหารจึงควบคุมตัวผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ ส่วนคนซ้อนท้ายได้ปีนกำแพงเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้านหลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทหารจึงออกติดตามก่อนจะควบคุมตัว

เอาไว้ได้ พร้อมกับปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต อีก 1 เครื่อง
     
       ทหารได้นำผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ ก่อนจะควบคุมตัวไว้สอบสวนขยายผล ส่วนอีกคนถูกคุมตัวเข้าไปในค่ายทหาร ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ขับขี่รถ

จักรยานยนต์ชื่อ นายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/11 หมู่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ พบมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดติดตัว ส่วนคนซ้อนท้ายชื่อ

นายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนคือ บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร
     
       ตำรวจและทหารได้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ พบหนังสือการซื้อขายรถคันดังกล่าวระหว่างนายยุทธนา กับชายรายหนึ่ง ซึ่งมีที่พักอยู่ในย่านหนองจอก ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันนี้ แต่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอน หลังจากนี้ ตำรวจจะเชิญตัวรายนี้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่
     
       จากการตรวจสอบแท็บเล็ตที่ยึดได้จากคนร้าย พบว่ามีการสื่อสารผ่านไลน์กับผู้ที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นผู้หญิง ใช้ชื่อในโปรไฟล์ว่าเดียร์ ซึ่งการสนทนามีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการสั่งการให้ไปก่อเหตุที่ไหน กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทั้งตำรวจและทหารใช้ในการขยายผลติดตามตัวผู้บงการ
     
       ส่วนการสอบสวน นายยุทธนา อ้างว่า รับว่าจ้างมาก่อเหตุจำนวน 20,000 บาท เพื่อให้นำระเบิดมาขว้างป่วนเมือง เพื่อหวังให้องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในประเทศไทย
     
       หลังคำให้การดังกล่าว ทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนี่ยมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่พักของนายยุทธนา และ นายมหาหิน พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจสอบและขยายผลต่อไป
     
       ในการสอบสวนทั้ง 2 คน ทำให้ตำรวจและทหาร ได้ข้อมูลที่ยืนยันการข่าวก่อนหน้านี้ ที่พบว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมจะก่อเหตุรุนแรงโดยใช้วัตถุระเบิดในวันที่ 12 และ 15 มีนาคม นี้ แต่ยังไม่ทราบจุดว่าจะเป็นที่ไหนบ้าง โดยผู้ลงมือเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าสถานีสยาม กับ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มีตัวเชื่อมสำคัญคือ “ดราก้อน” มือประกอบระเบิดคนใกล้ชิดอดีตทหารพรานใน จ.ลพบุรี เครือข่ายหัวรุนแรงกลุ่มตรงข้ามรัฐบาล
////////////////
จากพารากอนถึงศาลอาญาบึ้มป่วนเมือง

จากพารากอนถึงศาลอาญา บึ้มป่วนเมืองดึงยูเอ็นแทรกไทย : ทีมข่าวอาชญากรรม
ที่มา :คมชัดลึก 9มี.ค.58

            แม้หน่วยงานความมั่นคงจะพยายามสกัดกั้นกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติกรรมป่วนเมืองเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่ให้ก่อเหตุรุนแรงขึ้นในกรุงเทพมหานคร แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นไม่เป็นผล เมื่อ 2 คนร้ายสามารถเล็ดลอดนำ "ระเบิดอาร์จีดี 5" ขว้างเข้าใส่บริเวณลานจอดรถด้านหน้าอาคารศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 7 มีนาคม

            เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของหน่วยงานด้านการข่าวทั้งของทหารและตำรวจ ซึ่งแม้คนร้ายจะลงมือก่อเหตุได้สำเร็จ แต่ก็หนีไม่รอดจากการติดตามจับกุม กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การขยายผลกระชากหน้ากากจอมบงการ

            นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทหารและตำรวจ ได้ร่วมกันติดตามเบาะแสจากบุคคลที่อยู่ในเครือข่ายต้องสงสัยก่อเหตุรุนแรงหลายคน กระทั่งได้ข้อมูลยืนยันตรงกันว่า กลุ่มหัวรุนแรงที่หวังผลทางการเมืองมีแผนจะก่อเหตุรุนแรงโดยการใช้วัตถุระเบิดในสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานครรวม 10 จุด ซึ่งเป้าหมายมีทั้งสถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า และสถานที่สาธารณะที่มีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งศาลอาญา เป็นหนึ่งในเป้าหมายนั้น

            ข้อมูลการข่าวทั้งทหารและตำรวจยืนยันตรงกัน เครือข่ายหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันของกลุ่มเดิมๆ ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล คือกลุ่มชลบุรี ที่มีหัวเรือใหญ่เป็นผู้หญิงชื่อย่อ ม กลุ่มปทุมธานี ที่เคยมีบทบาทสำคัญในช่วงการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2557 มีหัวเรือใหญ่เป็นผู้ชายชื่อย่อ ก และกลุ่มมีนบุรี

            ทหารและตำรวจจัดชุดลาดตระเวนนอกเครื่องแบบตรึงพื้นที่เป้าหมายที่กลุ่มหัวรุนแรงจะก่อเหตุมาได้ระยะหนึ่ง กระทั่งช่วงค่ำวันที่ 7 มีนาคม พบเห็นชาย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน วงต 967 กรุงเทพมหานคร มาที่หน้าศาลอาญารัชดา แล้วคนซ้อนท้ายได้ปาสิ่งของเข้าไปภายในบริเวณศาลอาญา ก่อนจะเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น

            ทหารนอกเครื่องแบบซึ่งลาดตระเวนอยู่บริเวณนั้น จึงไล่สกัดควบคุมตัวบุคคลทั้งสอง แต่คนซ้อนท้ายได้ใช้ปืนยิงเพื่อเบิกทางหนี ทหารจึงยิงตอบโต้กระสุนถูกผู้ขับขี่ 4 นัด จนรถจักรยานยนต์ล้ม ทหารจึงควบคุมตัวเอาไว้ได้ 1 คน ส่วนอีกคนได้ปีนกำแพงเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้านหลังสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ทหารจึงออกติดตามก่อนจะควบคุมตัวเอาไว้ได้ พร้อมกับปืนลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และแท็บเล็ตอีก 1 เครื่อง

            ทหารได้นำผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ก่อนจะควบคุมตัวไว้สอบสวนขยายผล ส่วนอีกคนถูกคุมตัวเข้าไปในค่ายทหาร ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ขับขี่รถ
จักรยานยนต์ชื่อ นายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/11 หมู่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากการตรวจสอบประวัติพบมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดติดตัว ส่วนคนซ้อนท้ายชื่อ นายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชนคือ บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร แต่ก่อนถึงหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ประมาณ 200 เมตร มีการสลับผู้ขับขี่เปลี่ยนจากนายยุทธนามาเป็นนายมหาหินแทน เพื่อให้นายยุทธนา เป็นผู้ขว้างระเบิด

            ตำรวจและทหารได้ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ พบหนังสือการซื้อขายรถคันดังกล่าวระหว่างนายยุทธนา กับชายรายหนึ่ง ซึ่งมีที่พักอยู่ย่านหนองจอก มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์คันนี้ แต่ยังไม่มีการจดทะเบียนโอน หลังจากนี้ตำรวจจะเชิญตัวบุคคลรายนี้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้หรือไม่

            การตรวจสอบแท็บเล็ตที่ยึดได้จากคนร้าย พบว่า มีการสื่อสารผ่านไลน์กับผู้ที่ใช้รูปโปรไฟล์เป็นผู้หญิง ใช้ชื่อในโปรไฟล์ว่าเดียร์ ซึ่งการสนทนามีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการสั่งการให้ไปก่อเหตุที่ไหน กลายเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทั้งตำรวจและทหารใช้ในการขยายผลติดตามตัวผู้บงการ

            ส่วนการสอบสวนนายยุทธนา อ้างว่า รับว่าจ้างมาก่อเหตุจำนวน 2 หมื่นบาท ให้นำระเบิดมาขว้างป่วนเมือง เพื่อหวังให้องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ในประเทศไทย

            หลังคำให้การดังกล่าว ทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่พักของนายยุทธนา และนายมหาหิน พบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจสอบและขยายผลต่อไป

            ในการสอบสวนทั้ง 2 คน ทำให้ตำรวจและทหาร ได้ข้อมูลที่ยืนยันการข่าวก่อนหน้านี้ ที่พบว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมจะ ก่อเหตุรุนแรงโดยใช้วัตถุระเบิดในวันที่ 12 และ 15 มีนาคม นี้ แต่ยังไม่ทราบจุดว่าจะเป็นที่ไหนบ้าง โดยผู้ลงมือเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่ก่อเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าสถานีสยามกับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มีตัวเชื่อมสำคัญคือ “ดราก้อน” มือประกอบระเบิดคนใกล้ชิดอดีตทหารพรานใน จ.ลพบุรี เครือข่ายหัวรุนแรงกลุ่มตรงข้ามกับรัฐบาล

อาร์จีดี-5 ระเบิดการเมือง

            ผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า อาร์จีดี-5 ถูกกลุ่มป่วนเมืองนำมาใช้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงการชุมนุมที่ผ่านมา ทั้งบนถนนบรรทัดทอง เวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อปี 2557 ซึ่งในห้วงเวลานั้นตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) จับกุมผู้ต้องหา 4 คน ภายในรถกระบะบริเวณแยกบางนา ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับเหตุปาระเบิดบ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี

            ระเบิดสังหาร อาร์จีดี-5 หรือ Ruchnaya Granata Distantsionnaya มีลักษณะรูปทรงเป็นรูปไข่ พื้นผิวมีรอยบุ๋มเล็กน้อย มีโทนสีเขียวหรือสีมะกอก สามารถขว้างหรือโยนได้ไกล 35-45 เมตร ผลิตในประเทศรัสเซีย ราคาต้นทุนการผลิตไม่สูง แต่มีประสิทธิภาพการทำลายสูง

            ระเบิดชนิดนี้ผลิตขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงปี 1950 และถูกนำมาใช้ปี 1954 ในกองทัพรัสเซีย และมีใช้แพร่หลายในอิรัก และประเทศแถบตะวันออกกลาง

            อาร์จีดี-5 บรรจุดินระเบิดทีเอ็นที 110 กรัม มีสะเก็ดประมาณ 350 ชิ้น รัศมีอันตราย 25 เมตร น้ำหนัก 310 กรัม ปัจจุบันระเบิดชนิดนี้ผลิตในรัสเซีย, บัลแกเรีย, จีน และจอร์เจีย โดยมีการพัฒนา อาร์จี อาร์จีดี-5เอส เพื่อ “เจาะเกราะ” สนนราคาในการผลิตตกราคาลูกละประมาณเกือบ 200 บาท

            ระเบิดรุ่นนี้ได้รับความนิยมในประเทศค่ายคอมมิวนิสต์รอบประเทศไทย สามารถหาซื้อได้ในราคาลูกละไม่กี่ร้อยบาทตามตะเข็บชายแดน โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชา และมีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะ 3-5 เมตร ทำให้บาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิตได้

            ผู้เชี่ยวชาญวัตถุระเบิดคนเดิมเปิดเผยว่า ระเบิด อาร์จีดี-5 ที่ตรวจยึดได้ที่แยกบางนา มีเลขลอตนัมเบอร์ 152-82Y3PRM-2 จำนวน 4 ลูก ส่วนระเบิดบรรทัดทองเป็นชนิดเดียวกัน แต่เป็นนัมเบอร์ 48 การเลือกใช้อาวุธนอกสารบบราชการไทยก็เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบติดตามเพื่อไม่ให้สาวถึงต้นตอ ซึ่งในแนวทางการสืบสวนพบว่า ในช่วงการชุมนุมปี 2557 ระเบิด อาร์จีดี-5 ถูกนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านทางฝั่งตะวันออกลอตมหึมา โดยเครือข่ายคนบางกลุ่ม

            ระเบิด อาร์จีดี-5 ถูกนำมาใช้ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม 2558 โดยคนร้ายปาเข้าไปในพื้นที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยระเบิดมีซีเรียลนัมเบอร์ 57 ซึ่งแนวทางการสืบสวนของฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า เป็นระเบิดจากกลุ่มผู้สร้างสถานการณ์ทางการเมืองกลุ่มเดียวกันกับที่ใช้ระเบิดก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา
///////////
‘ผบ.ตร.’ชี้บึ้มศาลโยงพารากอน

‘ผบ.ตร.’ ชี้เหตุระเบิดศาลอาญากับพารากอนเชื่อมโยงกัน ไม่ประมาทสั่งเฝ้าระวังจุดเสี่ยง ขณะที่ ‘แรมโบ้อีสาน’ โผล่แจง ‘สตช.’ ยันไม่รู้จักมือปาป่วน

           9 มี.ค.58 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีปาระเบิดศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ว่าเป็นขบวนการเดียวกันกับเหตุระเบิดบริเวณทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน แต่มีวิธีการและรูปแบบการก่อเหตุที่แตกต่างกันไปตามความชำนาญของแต่ละกลุ่ม โดยจุดที่คนร้ายลงมือทั้งสยามพารากอน และศาลอาญารัชดานั้น เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ เพราะเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังมาตลอด เปรียบเสมือนการเก็งข้อสอบถูก

           ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า จะมีการก่อเหตุระเบิดอีกหลายจุดทั่วประเทศในวันที่ 15 มี.ค.นี้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ประมาท ได้สั่งการให้มีการปรับแผนจัดกำลังเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จำเป็นจะต้องจัดกำลังตำรวจทหารทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลสถานที่สำคัญ สถานที่ราชการ และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ รวมทั้งจุดที่มีนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก แต่จะเน้นการใช้กำลังนอกเครื่องแบบให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและภาวะทางเศรษฐกิจ

           “การตรวจสอบบุคคลที่มีรายชื่อตามที่ผู้ต้องหากล่าวถึงนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและหาพยานหลักฐาน ถ้าพบความเชื่อมโยงไปถึงบุคคลที่ถูกอ้างถึง ก็จะเรียกมาสอบทุกคน ทุกกรณี ไม่มีข้อยกเว้น แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคนด้วย” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

           นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยังกล่าวถึงการทำงานของสื่อมวลชนว่า หากมีบางเรื่องที่นำเสนอไปแล้วทำให้การทำงานเจ้าหน้าที่ติดขัด หรือกระทบรูปคดี ต้องใช้วิจารณญาณด้วย เนื่องจากเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ

           ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ตรวจสอบข้อความสนทนาในไลน์มือถือ หลังจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ามีบุคคลชื่อ “เดียร์” ซึ่งอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เป็นผู้ว่าจ้างให้มาก่อเหตุครั้งนี้ว่า บุคคลดังกล่าวเป็นใคร เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป


‘แรมโบ้อีสาน’ โผล่แจง ‘สตช.’ ยันไม่รู้จักมือปาบึ้มศาลอาญา


           เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มีนาคม 2558 นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ภายหลังมีเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดหน้าศาลอาญา ถ.รัชดา เมื่อช่วงค่ำ วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยนายสุภรณ์ กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าว และเห็นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ได้มีสัญลักษณ์ผ้าพันคอสีขาวซึ่งเขียน อพปช. (อาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ) ปรากฎในภาพข่าวด้วยนั้น ขอยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้จักบุคคลทั้งสองแต่ประการใด เพราะได้ประกาศยุติองค์กร อพปช. และยุติบทบาททางการเมืองแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา

           “เพื่อเป็นการการป้องกันการเอาชื่อองค์กร อพปช. ที่ได้ประกาศยุบและยุติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไปแอบอ้างในการก่อความไม่สงบ หรือสร้างสถานการณ์ที่รุนแรงในบ้านเมือง ผมได้เข้าแจ้งความที่กองปราบปรามไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่ใช้ชื่อ อพปช. มาแอบอ้าง ผมไม่ยินยอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเอาชื่อ อพปช. ที่ได้ประกาศยุบและยุติบทบาทโดยสิ้นเชิงแล้ว ไปสร้างสถานการณ์ก่อความวุ่นวายต่อประเทศชาติ และประชาชน ผมพร้อมให้ความร่วมมือกับทางราชการเพื่อให้ประเทศชาติเกิดความสงบสุข เกิดความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอย่างสุดความสามารถ” นายสุภรณ์ กล่าว
///////////
“คำรณวิทย์” ยันไม่เกี่ยวข้องเหตุบึ้มศาลอาญาป่วนเมือง ไม่รู้จักแฟนสาว “มหาหิน” บอกไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองตั้งแต่เกษียณ ด้าน “ยะใส” จวกพวกเพรียกหาเสรีภาพแต่มือยังถือระเบิด
     
       วันนี้ (9 มี.ค.) มีรายงานว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีต ผบช.น. กล่าวยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาปาระเบิดศาลอาญา รัชดาภิเษก หลังถูกนายมหาหิน ขุนทอง ผู้ต้องหาปาระเบิด

ศาลอาญา รัชดาฯ กล่าวพาดพิง ส่วนกรณีที่นายมหาหินอ้างว่าแฟนสาวเคยทำงานกับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร และรู้จักกับตนเองนั้น ยืนยันไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกับคนร้ายหรือแฟนสาวแต่อย่างใด
     
       ทั้งนี้ รู้สึกแปลกใจที่มีชื่ออยู่ในสมุดจดบันทึกของนายมหาหิน และตนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ตั้งแต่เกษียณราชการมุ่งมั่นรักษาคนป่วยที่มารักษาวันหนึ่งรวม 50 กว่า

คนตั้งแต่เช้าจนบ่าย และไม่เคยไปมาหาสู่กับใคร ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือนักการเมือง
     
       “ยังงงๆ อยู่เลยว่าเป็นใคร มาจากไหน ทุกวันนี้ได้ยุติบทบาททางการเมืองไปแล้ว ไม่เคยเกี่ยวข้องเลย วันๆ มัวแต่รักษาผู้ป่วยด้วยวิชาแพทย์แผนโบราณด้วยการฝังเข็มฟรีที่มูลนิธิมงคล-จงกล

ธูปกระจ่าง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เท่านั้น ผมเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่ประชาชนทั้งประเทศจะรู้จัก”
     
       ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีใจความ “เพรียกหาประชาธิปไตย แต่ฝักใฝ่ความรุนแรง! ...การแถลงจับกุมคนร้ายและการขยายผลเครือข่ายร่วม

ขบวนการระเบิดหน้าศาลอาญา รัชดาฯ แม้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากมายอะไร แต่ถ้าดูเนื้อนัยของการก่อเหตุครั้งนี้มีประเด็นที่ตัองคิดกันและอาจถึงขั้นทบทวนกระบวนการปรองดองให้ถูก

ที่ถูกทางมากขึ้น ดังนี้
     
       1. อุดมการณ์ของขบวนการนี้ที่เรียกว่า สู้เพื่อประชาธิปไตย หมายถึงรูปแบบสหพันธรัฐ ที่ไม่ใช่รูปแบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
     
       2. ขบวนการนี้มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างความรุนแรงต่อเนื่องทั้งในเมืองหลวงและต่างจังหวัดเพื่อให้เกิดสภาวะ “Fail State หรือรัฐล้มเหลว” วุ่นวาย ไร้ระเบียบ จนสหประชาชติ หรือ UN

ต้องเข้ามาแทรกแซงกิจการภายใน
     
       3. ขบวนการนี้มีเครือข่ายทั้งในและนอกประเทศ มีการฝึกปรือ มีอาวุธ ท่อน้ำเลี้ยงพร้อม เมื่อสบช่องพร้อมก่อเหตุได้ตลอดเวลา และพิสูจน์ชัดว่าอาวุธที่ คสช.ไล่จับมาทั้งปียังเหลืออีกอื้อ
     
       4. จุดโจมตีเริ่มพุ่งเป้าไปที่ศาลถี่ขึ้น เพื่อเขย่าอำนาจตุลาการซึ่งเป็นหัวใจของระบบการเมืองการปกครอง กระทั่งในที่ชุมชนคนพลุกพล่าน เช่น หน้าสยามพารากอน ผบ.ตร.ก็ยืนยันว่าคนร้ายเป็น

เครือข่ายเดียวกัน
     
       5. การปรากฏชื่อของบรรดาบิ๊กๆ ที่คนร้ายพาดพิง แม้อาจไม่รู้เห็นหรือเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ก็ยอมรับแล้วว่าเป็นคนรู้จักกัน กลุ่มเดียวกัน อาจแบ่งภารกิจกันทำโดยไม่รวมศูนย์บงการที่ใครคน

เดียวก็ย่อมได้
     
       สภาวการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น บ่งชี้ว่ามีคนบางส่วนปฏิเสธกระบวนการปรองดอง ซ้ำร้ายยังยึดถือแนวทางความรุนแรงต่อไป เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายแห่งอุดมการณ์ คนพวกนี้มาไกลถึงขั้นเชื่อว่า

“ความรุนแรง” คือคำตอบสู่สังคมแห่งอุดมการณ์
     
       ผมย้ำและยังยืนยันครับว่าส่วนตัวผมเห็นด้วยและสนับสนุนกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ แต่ต้องไม่ใช่กับกลุ่มคนที่ถือลัทธิความรุนแรงแบบนี้ ต้องแยกคนกลุ่มนี้ออกไป ที่สำคัญพวกที่ตี

สองหน้า หรือปากว่าตาขยิบ ปากเพรียกหาเสรีภาพ แต่มือยังถือระเบิด คนพวกนี้หรือที่สังคมควรให้อภัย!”
////////////
รอง ผบ.ตร. วอนขอเวลา ในการสืบหาเบาะแสของมือบึ้มพารากอน ยันยังทำงานอย่างต่อเนื่อง

(7มี.ค.58)พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยกับสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มี 2 คนร้ายลอบวางระเบิดที่บริเวณทางเชื่อมสยามพารากอน และสถานนีรถไฟฟ้าบีทีเอส

สยามนั้น ล่าสุด การดำเนินการสืบหาเบาะแสของ 2 ผู้กระทำยังคงเดินหน้าอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแผนในการไล่ล่า

คนร้ายแต่อย่างใด
//////////
คดีบึ้ม “พารากอน” เหลว เหตุตำรวจขัดแย้งกันเอง

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการ  
5 มีนาคม 2558 20:47 น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อย่างไม่น่าไว้ใจ “ผบ.ตร.” สั่งด้วยวาจาให้ทุกโรงพักตรวจตราวัตถุต้องสงสัยเกรงก่อวินาศกรรม เผย 1 เดือนชุดคดี “ไปป์บอมบ์” พารากอน

ไม่ไปไหน คาดเหตุขัดแย้ง “บิ๊กแป๊ะ - บิ๊กปู” คืออุปสรรค
     
       ผ่านไป 1 เดือนพอดีกับเหตุการณ์ระเบิดไปป์บอมบ์เขย่าเมืองเหตุเกิดบริเวณลานน้ำพุ ทางเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอส กับห้างสรรพสินค้าพารากอนผลของการทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ

ของนายตำรวจใหญ่ 2 ชุด คือ ชุดของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล ผบช.น. ต่างส่อแววว่าจะ “วืด” เพราะตั้งแต่ 2 ทุ่มของวันที่ 1

กุมภาพันธ์ มาจนถึงวันนี้ยังไม่มีวี่แววของมือระเบิดป่วนเมืองแต่ประการใด
     
       ซ้ำสถานการณ์อื่นๆยังล่อแหลมอาจลุกลามบานปลายเป็นอุปสรรคต่อการคลี่คลายคดีได้ไม่ว่าจะเป็นศึกงัดข้อระหว่าง “เก่งใหญ่” กับ “เก่งเล็ก”“กรณีละเลยปล่อยบ่อนเกลื่อนเมือง และที่สำคัญ

คือสถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเข้มข้นทั้งกรณีของวัดพระธรรมกาย การออกมาแฉพฤติกรรม สนช. เรื่องนำบริวารว่านเครือแห่มารับเงินเดือน อีกทั้งสภาพเศรษฐกิจที่กำลังทรุดหนักล้วนเป็น

ปัจจัยที่ไม่เอื้อต่อคะแนนนิยมรัฐบาล - คสช. แม้แต่น้อย
     
       ปรากฏการณ์ความร้อนแรงทางการเมืองดังกล่าวแหล่งข่าวระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์โดยรวมตามที่รับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ นี้เอง พล.ต.อ.สมยศ

พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จึงออกคำสั่งทางวาจาไปยังทุกกองบัญชาการ ให้เฝ้าระวังเหตุร้ายต่างๆ อย่างใก้ลชิด ทั้งการชุมนุมทางการเมืองและการตรวจตราวัตถุต้องสงสัยตามจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ก่อน

หน้าเมื่อตอนบ่ายวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา มีผู้พบกล่องต้องสงสัยบริเวณชั้นสองสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พญาไท แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. ตำรวจ สน.พญาไท พร้อมหน่วยเก็บกู้และตรวจ

พิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน จึงเดินทางไปตรวจสอบพบกล่องกระดาษขนาดกว้าง 12 นิ้ว ยาว 6 นิ้ว หน้ากล่องมีรูปกล้องถ่ายรูปยี่ห้อนิคคอน รุ่นดี 7000 วางทิ้งไว้

เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจวัตถุระเบิดในทุกขั้นตอนนานกว่า 1 ชั่วโมง จึงพบว่าเป็นเพียงกล่องเปล่าที่ข้างในมีอุปกรณ์สำหรับกล้องถ่ายรูปทิ้งไว้เช่นสายสะพาย แบตเตอรี่ กล่องที่ชาร์จและสมุดคู่มือ

เป็นต้น
     
       พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.พญาไท เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเวลา 13.45 น. พบชายต้องสงสัยสูงประมาณ 165 ซม. สวมหมวกดำ เสื้อ

แขนยาวสีฟ้ามีเสื้อกั๊กสีขาวทับอีกชั้น กางเกงขาสั้นสวมรองเท้าแตะสีดำเดินมายังที่เกิดเหตุพร้อมนำกล่องมาวางไว้ พฤติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นไปได้ว่าชายดังกล่าวไปขโมยกล้องมาจากที่อื่นแล้ว

รีบร้อนต้องการ แต่กล้องเพียงอย่างเดียวจึงทิ้งกล่องและอุปกรณ์ไว้ ส่วนอีกประเด็นคือการก่อกวนซึ่งต่อมาวันที่ 23 ก.พ. พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับชายนิรนามที่ปรากฏในวงจรปิดแล้ว
     
       อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันโดยตำรวจ สน.โคกคราม รับแจ้งว่าพบรถยนต์ต้องสงสัยจอดติดเครื่องอยู่บริเวณลานจอดรถเกษตร - นวมินทร์ อเวนิว ถนนประเสริฐมนูญกิจ

เขตลาดพร้าว กทม. จึงไปสอบสวนพบรถเก๋งคันหนึ่งที่มีผู้แจ้งหายประตูปิดล็อกปรากฏคราบความเย็นกับกระจกสอบสวน รปภ. ประจำจุดบอกว่าเห็นจอดไว้ตั้งแต่ตอนค่ำ ด้วยลักษณะเข้าข่าย

คาร์บอมบ์ร้อยเวรฯ สน. เจ้าของคดีจึงประสานไปยังหน่วยเก็บกู้ระเบิดอีโอดี มาร่วมตรวจสอบด้วยสร้างความตื่นตกใจแก่ประชาชน และบรรดาผู้ประกอบธุรกิจในย่านนั้นแต่เมื่อเจ้าหน้าที่เปิด

ประตูรถออกมา และทำการตรวจอย่างละเอียดไม่พบสิ่งผิดปกติคาดว่าเป็นการโจรกรรมธรรมดาแต่คนร้ายอาจเจอด่านตรวจจึงหลบมาจอดทิ้งไว้ก่อนหลบหนี
     
       และล่าสุด เมื่อดึกวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา พบระเบิดเสียงแบบสตันต์ ใช้ในราชการทหาร - ตำรวจ วางอยู่ริมซุ้มร้านทองเจริญข้าวต้มโต้รุ่ง ย่านลาดปลาเค้า สน.บางเขน เจ้าหน้าที่ฝ่ายเก็บกู้ระเบิด

จึงไปเก็บกู้ไว้ในที่ปลอดภัย
     
       จากทั้ง 3 เหตุการณ์จึงสอดคล้องกับข้อมูลฝ่ายความมั่นคงทั้งทหารและตำรวจ ว่า ยังคงมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่องซึ่งบรรยากาศโดยทั่วไปแม้จะดูนิ่งสงบแต่การ

ข่าวกลับพบมีกลุ่มฮาร์ทคอร์เริ่มติดต่อกันอย่างลับๆ แต่เพื่อไม่ให้เอิกเกริกหรือตื่นตูมจนเกินไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จึงเลือกใช้วิธีออกคำสั่งด้วยวาจาให้ทุก

หน่วยสอดส่องเตรียมพร้อมรับมือการก่อวินาศกรรมทุกรูปแบบ เน้นพนักงานสอบสวนทุกนายหากรับแจ้งมีเหตุวัตถุต้องสงสัยทั้งแบบตั้งวาง หรือคาร์บอมบ์ต้องรีบประสานกับอีโอดี ทันที
     
       อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำสั่งให้ตำรวจพร้อมรับมือและตื่นตัวตลอดเวลาก็ตามแต่ผลงานการคลี่คลายคดีของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิต

พราหมณกุล ผบช.น. กลับส่อเค้า “ล้มเหลว” ไม่สมราคาคุยเหมือนในตอนแรก เพราะหลังเกิดเหตุตำรวจทั้ง 2 ทีมทำงานในลักษณะต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างมีธง
     
       โดยฝ่ายแรกมั่นใจสาเหตุมาจากการเมืองส่วนฝ่ายหลังไม่ให้น้ำหนักกับเรื่องใดๆ เพียงยืนยันว่าจะทำงานตามพยานหลักฐาน แต่จนบัดนี้มีเพียงเชิญตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้วต้องปล่อยตัว

ไปกระทั่ง พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกโรงหาทางลงด้วยการโยนไปให้ต่างด้าวเป็นคนวางระเบิดเพราะไม่ตามภาพวงจรปิดไม่ปรากฏประวัติทาง

อาชญากรรมแม้แต่น้อย
     
       แต่การหาทางลงให้กับทีมคลี่คลายคดีระเบิดกลับถูกเบรกจนหัวทิ่มจากคำติติงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เห็นว่าตำรวจไม่ควรโยงไปถึงต่างชาติเพราะความวุ่นวายที่เป็น

อยู่ก็มากพอแล้วทำให้โฆษกหน้าย่นต้องรีบชักบันไดกลับ
     
       มาถึงวันนี้คดีระเบิดไปป์บอมบ์ยังคงเงียบสนิทไม่มีความคืบหน้า
     
       สำคัญไปกว่านั้นแม้ข่าววงในจะทราบดีว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ “บิ๊กแป๊ะ” กับพล.ต.ท.ศรีวราห์ “บิ๊กปู”นายตำรวจต่างรุ่น นรต.35 - 36 ซึ่งปีนเกลียวกันแต่ไหนแต่ไรแล้วทำให้เกิดความหวาด

ระแวงกันทุกย่างก้าว
     
       เมื่อระแวงกันแล้วผลสำเร็จของการทำงานคงไม่ต้องพูดถึง บทพิสูจน์ก็คือ 1 เดือนเต็มของการเข้าไปคลี่คลายคดีมาจนบัดนี้ทุกอย่างยังคงย่ำเท้าอยู่กับที่
     
       พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ต้องรับหน้าเสื่อทั้งสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรียกว่าบินไปบินกลับแทบไม่เหลือเวลาทำอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะทั้งเสียงปืน

เสียงระเบิดยังคงกึกก้องภาคใต้อย่างไม่เว้นแต่ละวัน
     
       ความมั่นคงอื่นๆ อีกทั้งขบวนการหมิ่นเบื้องสูง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลหาก “บิ๊กแป๊ะ” แยกร่างได้ก็คงทำไปแล้วเพราะงานมันล้นมือจริงๆ
     
       ต่างจากเจ้าพ่อนครบาลอย่าง “บิ๊กปู”ล่าสุด พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิตพราหมณกุล ผบช.น. ที่สาละวนกับการปัดกวาดบ้านตัวเอง...ล่าสุดถึงกับใช้วาทะหรู “วิญญูชน”กับการแก้ปัญหาบ่อนพร้อม

มีคำสั่งให้ตำรวจโดนพิษบ่อนที่โดนเด้งไปเพียง 2 วันกลับมาทำงานตามปกติ
     
       ขัดอกขัดใจกับใครไม่ทราบได้แต่สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของตำรวจ ก็คงได้แต่อดกลั้น อดทน...ทนทุกอย่าง ทนทุกเรื่องแม้กระทั่งการทำงานไม่เข้าเป้า

ไม่สนองนโยบายหรือจริงจังกับการปราบปรามอบายมุขของตำรวจบางหน่วย
     
       วันนี้บรรยากาศรื่นเริงกับการกำชับอำนาจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มเหือดหายไป ผลงานต่างๆ ปรากฏให้เห็นว่าใครคือ “ของจริง”ใครคือ “ของปลอม”เพราะคดีระเบิดกลางกรุงท่ามกลาง

กฎอัยการศึกที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัยสูงสุดยังเอาไว้ไม่อยู่ คนของรัฐที่มีเครื่องไม่เครื่องมือ มีงบประมาณ มีอำนาจอย่าล้นมือยังไปไม่เป็นดังที่เห็นกันอยู่


@@@@@@@@@
ไชโย ลุงตู่ปราบให้เหี้ยนเต้เลย ขุดให้ถึงรากถึงโคน บิ๊กตะหาน บิ๊กหมาต๋าหย่าย ชื่อปรากฎอยู่ในบัญชีในหลักฐาน ที่ตรวจค้นเจอ ว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ สั่งการก่อการร้าย ครั้งนี้ดิ้นไม่หลุดแน่นอน 2 บิ๊กนี้ตัวแสบ ก่อเหตุรุนแรงมาตั้งแต่ปี 52 ตัวสีกากี ทำทั้งๆที่อยู่ในราชการ ยังมีตัวเอ้อีกหนึ่งตัวที่ต้องจ้ดการ เฒ่าหวานเจี๊ยบ ต้องจับขึ้นศาลทหารให้หมด ข้อหากบฎ !!

สมุดบันทึก มีรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ สมาชิกในกลุ่มเสื้อแดง และเครือข่ายกลุ่มอั้งยี่แดงทั้งหมด รายการอาวุธที่ยึดได้เบื้องต้น สยองขวัญแล้ว กำลังขยายผลต่อทามากอน เข้าข่ายด้วยเหมือนกัน เป็นแหล่งส้องสุมกำลัง เหวงเปิดโปง ยืนยันว่าเป็นฐานกำลังของ นปช.และคนเสื้อแดง รวมถึงทักษิณด้วย

เขียนข่าวเรื่องนี้อย่ามโนเอามันส์เด้อ อ้างมั่วซั่วทหาร เข้าไปแฝงตัวในกลุ่มโจร เจาะไลน์ Mission: Impossible การ์ตูนไปหน่อย
/////////////
บิ๊กหมาต๋าหย่าย ชื่อปรากฎอยู่ในบัญชีในหลักฐาน ที่ตรวจค้นเจอ ว่าเป็นหัวหน้าใหญ่ สั่งการก่อการร้าย ครั้งนี้ดิ้นไม่หลุดแน่นอน 2 บิ๊กนี้ตัวแสบ ก่อเหตุรุนแรงมาตั้งแต่ปี 52 ตัวสีกากี ทำทั้งๆที่อยู่ในราชการ ยังมีตัวเอ้อีกหนึ่งตัวที่ต้องจ้ดการ เฒ่าหวานเจี๊ยบ ต้องจับขึ้นศาลทหารให้หมด ข้อหากบฎ !!=>สมุดบันทึก มีรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ สมาชิกในกลุ่มเสื้อแดง และเครือข่ายกลุ่มอั้งยี่แดงทั้งหมด รายการอาวุธที่ยึดได้เบื้องต้น สยองขวัญแล้ว กำลังขยายผลต่อ

[นัตติมา เมฆวัฒนา /ไอ้คางคกเฒ่าหวานเจี๊ยบทำ rayum กับประเทศไว้สาหัส จากการลอยตัวค่าเงินบาทช่วงต้มยำกุ้ง มีแค่บริสัตว์เดียวที่ไม่กระทบโดยอ้งว่ามันบริหารค่าเงินเก่ง คงรู้นะว่าใครชื่อมัน

ชิน ชินหู]
////////////
ฟังคำแก้ตัวของ "ตุ้ย" พี่ใหญ่ตระกูลชิน แถลง วันนี้ ไม่สงสัยเลยว่า ทำไมทักษิณญาติผู้น้อง ถึงได้ดูถูกดูแคลน เป็นทหารช่างปลายแถว ตามบ้านนอก ฟลุ๊ค นั่ง ผบ.ทบ. เพราะนามสกุล ลงสมัคร สส .

ในเขตราชบุรี พื้นที่ทหารช่าง ยังสอบตก การรับทำงานใหญ่ ช่วง 12-15 มี.ค.นี้ เทียบเท่าขอนแก่นโมเดล เพราะปูพรม พร้อมกันทั้งประเทศ ต้องถือว่าพลาด คนปฎิบัติการโดนจับกุม ขยายผลถึงคน

สั่งการ มัดแน่นดิ้นไม่หลุด การปัดสวะว่าไม่รู้จัก มือระเบิด ข้อมูลยืนยันเคยเป็นการ์ดประจำตัวมาแล้ว ใกล้ชิดขนาดรู้จักกับเมีย ลองถึงขั้นขอเงินใช้ ย่อมปัดสวะไม่พ้นตัว..... ปัดทิ้งหมด แม้แต่คน

ตระกูลชิน ด้วยกันเอง
การออกมาแถลงข่มขู่ จนท ตร. จะฟ้องกลับ อ้างว่าถามนำ แค่เทคนิคการแก้ตัว ไร้น้ำหนักน่าเชื่อถือ พูดออกมาแต่ละคำ ล้วนโกหกหลอกลวง เอาตัวรอดคนเดียว ไม่สมกับคำว่า "ลูกผู้ชาย"
ท้าออกหมายจับซะด้วย ....ลุงตู่ครั้งนี้ไม่ผ่อนมือแล้ว เปิดหน้าชกเต็มพิกัด หมดเวลาปรองดอง ปรองแดง
/////////////////////
Anna Jill
10 ชม. ·
แก๊งปาระเบิดโดนรวบ .... ลูกน้องเจ้ากี้ตะกายตึก แก้แค้นให้ลูกพี่ ที่โดนศาลอาญาพัทยา พิพากษาจำคุก 4 ปี ปรับค่าละเมิดกฎหมายจราจร 200 บาท ตอนนี้ลูกพี่นอนเรือนจำหนองปลาไหล รอนำ

หลักทรัพย์ไปจ่ายค่ประกันตัว คนละ 8 แสนบาท ใน 9 มี.ค.นี้ ทั้งหมด 13 คน ประกันโดยไม่มีเงื่อนไข ออกประเทศได้ หนีไปสมทบกับ พวกมือปืนในเขมรชัวร์
รายชื่อเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ ก่อนหน้านี้ ทหารยึดได้จากบ้านนางเมย์เยอรมัน หรือเมย์ EU นางมนัญชยา เกตุแก้ว หรือ เคสเนอร์ ซึ่ง ทำหน้าที่จ่าย น้ำเลี้ยงมือปืน มือระเบิด ภาคตอ. และภาคตอ./เหนือ อยู่

ที่หมู่บ้านบางแสนมหานคร จ.ชลบุรี มีเลขาสาว นางกริชสุดา คุณะเสน รายชื่อ กลุ่มผู้มีอิทธิพล และรายชื่อมือปืน ทั่วราชอาณาจักรไทย ซึ่งรวมได้ประมาณ 3 กล่องใหญ่ ซึ่งทหารรวบรวมนำไป

เป็นหลักฐานในตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดี หลุดรอดหมดเจอธาริตปล่อย !!
222222222222222222

สมุดบันทึก เล่มใหม่ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 5 ภาพ

หลักฐานชัดๆ พวกควายแดงอย่าแถ!!
มุขเก่าๆเดิมๆพวกมึงไม่เบื่อกันมั่งรึงัย?? แม่ง! สมองหมา ปัญญาควาย ตลอดเลยนะพวกมึง เหล่าบรรดาขี้ข้า สาวกควายแดงมันบอกว่า รัฐบาลจัดฉากเพื่อกฎอัยการศึก จัดฉากพ่อมึงอ่ะดิ มันง่ายเกิน

ไปนะ ใครจะยอมเป็นแพะ ไอ้พวกเหี้ย ความคิดสกปรก จัญไรตลอดๆ พวกมีงเคยยอมรับความเหี้ยของตัวเองบ้างไม๊ เคยรู้ไม๊ คนค่อนประเทศเกลียดพวกมึง! เหี้ยจริงไรจริง!!
มือปาระเบิดศาลอาญา ซัดทอด เตรียมก่อการใหญ่ ระเบิดทั่วกรุง 100 จุด มือบึมรับ ดึงยูเอ็นเข้ามาไทย !! ขณะนี้ กกล.ชุดดำ นับ 100 คนที่ส้องสุมกำลังอยู่ใน เขมร และ ลาว พร้อมเข้ามาปฎิบัติการ

สร้างความรุนแรงครั้งใหญ่ ใช้ "ปฎิบัติการปี 53 model " ฆ่าคนเสื้อแดง เน้นเด็ก และสตรี" เอาศพมากล่าวโทษ โยนความผิดให้พี่ทหาร พร้อมสร้างความปั่นป่วน
เป้าหมายของการปฎิบัติการคือ ก่อสงครามกลางเมือง เพื่อดึงให้ UN และมหาอำนาจ ส่ง กกล.เข้ามาดูแล !! ขณะนี้มีการแพร่ภาพ หน้าเหลี่ยมนั่งบงการ อยู่มาเก๊า ส่งสัญญานกดปุ่ม ดูความหายนะ

ของประเทศ พร้อมนางลูกสาว โดยมีการวางแผนกัน กับไอ้กัน สมคบคิดกันทำลายประเทศ
ตัวสั่งการ>>https://m.facebook.com/profile.php?id=723876997696814
222222222222222222222
Vachara Riddhagni

ผมได้โพสไปแล้วว่า พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ย่อมออกมาปฏิเสธอยู่แล้ว เราอย่าไปสนใจเลยครับ เพราะว่าหากเราเอาคำพูดและพฤติกรรมต่างๆที่ปรากฏในอดีตเมื่อปี 2550 เป็นต้นมา คนไทยจะเห็น

พฤติกรรมก้าวร้าวของเขา เช่นในปี 2548 การนำบัญชีนายทหารกราบบังคมทูลเพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธยมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้นายทหารรับใช้ราชการ นั้น

เกิดกรณีที่มีนายทหารบางคนไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง จึงมีการทบทวนใหม่เป็นเรื่องอื้อฉาว พล.อ.ชัยสิทธิ์ ออกมาประกาศในทำนองที่ว่า "หากนายกรัฐมนตรีลงนามแล้วใครจะเปลี่ยนบัญชีรายชื่อ

ไม่ได้" จึงเกิดคำถามว่า นายกรัฐมนตรีก้าวล่วงพระราชอำนาจหรือไม่ พระราชอำนาจนั้นย่อมครอบคลุมถึงข้อพิจารณาของคณะองค์มนตรีด้วย นอกนั้น นายพลคนนี้ยังให้สัมภาษณ์เหมือนชี้นำหนุน

ทักษิณและวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญ (คงต้องเอา เหตุการณ์และคำพูดของนายพลคนนี้มาเตือนความจำคนไทย)
22

(ข้อมูล)พลิกปูม'กริชสุดา'ของแสลงคสช.

พลิกปูม'กริชสุดา'ของแสลงคสช.
(ข้อมูล)
พลิกปูม'กริชสุดา'ของแสลงคสช. : โอภาส บุญล้อม คมชัดลึก

                 ชื่อของ "น.ส.กริชสุดา คุณะเสน" สาววัย 27 ปี หรือที่รู้จักในนาม "เปิ้ล สหายสุดซอย" โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อตำรวจจับกุม 5 ชายชุดดำ โยงยิงแยกคอกวัวเมื่อเมษายน 2553 และจากการ

สอบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบความเชื่อมโยงกับ "กริชสุดา" และเมื่อตรวจค้นบ้านของ "กริชสุดา" ก็พบหลักฐานว่ามีการโอนเงินให้กลุ่มคนเหล่านี้อย่างชัดเจนเป็นจำนวนมาก

                 และครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชื่อ "กริชสุดา" เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ทางการเมือง

                 เพราะก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาวัย 42 ปี 1 ราย ข้อหามีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิดที่ใช้ในการสงครามอยู่ในครอบครอง

                 ผู้ต้องหาคนดังกล่าวให้การสารภาพว่า เป็นผู้จัดหาอาวุธสงครามให้แก่ผู้ร่วมขบวนการ นำไปก่อเหตุความไม่สงบในระหว่างที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า ได้รับ

อาวุธสงครามมาจาก น.ส.กริชสุดา คุณะเสน นักกิจกรรมเสื้อแดงอีกด้วย

                 ถัดมาอีกวัน ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ได้อนุมัติออกหมายจับ น.ส.กริชสุดา ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในสงครามครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการให้มีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจาก น.ส.กริชสุดา อยู่ต่างประเทศ

                 เมื่อย้อนหลังไปกว่านี้...หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ ต่อมาวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 14 ประมาณ

50 นาย เข้าค้นบ้านพื้นที่เป้าหมายคือ นางมนัญชยา เกศแก้ว หรือเมย์ แกนนำ นปช.ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่บ้านเลขที่ 9/74 หมู่บ้านบางแสนมหานคร ต.แสนสุข อ.เมือง จ.

ชลบุรี เมื่อเข้าค้นภายในบ้านหลังดังกล่าวไม่พบตัวนางมนัญชยาแต่อย่างใด พบแต่เพียงภาพถ่ายจำนวนมากที่ถ่ายคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพบปืนกล็อก ขนาด 11 มม. 1 กระบอก โดยทหาร

ยึดเอกสารไปตรวจสอบประมาณ 3 ลัง และควบคุมตัว น.ส.กริชสุดา ซึ่งเป็นเลขานุการและคนสนิทของนางมนัญชยา นำตัวไปสอบสวน

                 หลังจาก น.ส.กริชสุดา ถูกทหารควบคุมตัวไป เพื่อนและบุคคลใกล้ชิดในแวดวงไม่สามารถติดต่อกับ "กริชสุดา" ได้ และพากันคาดว่าคงถูกทหารควบคุมตัวในค่ายทหารเช่นเดียวกับนัก

กิจกรรม นักเคลื่อนไหวหลายคนที่ถูกบุกจับกุมและนำตัวไปไว้ที่ค่ายทหาร แต่ปรากฏเมื่อครบกำหนด 7 วัน ซึ่งปกติผู้ถูกควบคุมตัวจะได้รับการปล่อยตัวจากทหาร แต่สำหรับ น.ส.กริชสุดา แล้วไม่

ใช่ เพราะเมื่อครบ 7 วันก็ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา และเมื่อวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็มีข่าวลือว่าเธอเสียชีวิตแล้ว

                 อย่างไรก็ตาม วันที่ 23 มิถุนายน สถานีโทรทัศน์ ททบ.5 นำ น.ส.กริชสุดา มาออกอากาศ ภายหลังจากผู้อำนวยการองค์การฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ภูมิภาคเอเชีย ขอให้กองทัพเปิดเผยข้อมูล

ความเป็นอยู่ของ น.ส.กริชสุดา ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่ทาง ททบ.5 น.ส.กริชสุดา บอกว่า หลังจากถูกควบคุมตัวครบ 7 วัน ก็ทำเรื่องขออยู่ต่อ เพราะนึกถึง

ความไม่ปลอดภัย ส่วนความเป็นอยู่ก็สุขสบายดี

                 ในการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ผู้สื่อข่าว ททบ.5 ถามว่า "ไม่ได้มีการทรมานหรืออะไร" โดย น.ส.กริชสุดาตอบว่า "ไม่มีค่ะ"

                 "ไม่รู้จะพูดยังไงว่าตัวเองก็ยังอยู่สุขสบาย เนี่ยก็กินข้าวกันกับแฟน ยังอยู่ในความดูแล แล้วก็ดีมาโดยตลอด แล้วก็ปกติ คือมันสุขสบายเกินที่จะพูดค่ะ ดีทุกอย่าง" น.ส.กริชสุดา กล่าวช่วง

หนึ่งของการให้สัมภาษณ์

                 ต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน น.ส.กริชสุดา ได้รับการปล่อยตัว และเดินทางออกจากประเทศไทย ไปอยู่ประเทศในทวีปยุโรป โดยวางแผนขอสถานะผู้ลี้ภัย

                 แต่แล้ววันที่ 2 สิงหาคม เว็บไซต์แชร์วิดีโอยูทูบช่อง Jom Voice มีการเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของ น.ส.กริชสุดา ใช้ชื่อตอนว่า "Thai Voice Media EP1 มีความสุขจนไม่รู้จะพูดยังไง" รวม

ความยาว 33 นาทีเศษ โดย น.ส.กริชสุดา อ้างว่า ถูกทำร้ายในช่วงที่ถูกควบคุมตัว โดยในช่วงที่ถูกควบคุมตัวแรกๆ ถูกผ้าผูกตาเอาไว้ และเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้ามาสอบสวนได้ตบหน้า ใช้กำปั้นชกหน้า

และลำตัว และใช้เท้าด้วย มีการเอาถุงมาคลุมหัวทำให้ไม่มีอากาศหายใจ

                 "ที่ทำอย่างนั้น เพราะต้องการโยงให้ถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นผู้ยุยงส่งเสริมให้กระทำความผิด และที่ดิฉันได้ทำเรื่องขออยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ต่อหลังถูกควบคุมตัวครบ 7 วันนั้น

ก็เพราะถูกบังคับและต้องเขียนเพื่อเอาตัวรอด"

                 ต่อมาทาง "บีบีซีไทย" ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. เพื่อสอบถามกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่ง พ.อ.วินธัย บอกว่า ยังไม่เห็นการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว แต่เชื่อว่าไม่น่าจะเป็น

ความจริง เจ้าหน้าที่ทหารไม่มีการทำร้ายร่างกายและที่ผ่านมาก็ไม่มีใครถูกทำร้ายร่างกาย และทางกองทัพมีวิดีโอที่สามารถเปิดเผยให้สาธารณชนตรวจสอบได้

                 “ข่าวนี้มาจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว ยืนยันได้ว่า มาตรฐานการปฏิบัติของเราเหมือนกันหมด กระบวนการของเราไม่ได้มีปัญหาใดๆ ผู้ถูกคุมตัวบางคนเป็นถึงระดับแกนนำก็

ไม่เห็นมีใครโดนทำร้าย ทุกคนได้รับการปฏิบัติเหมือนกันหมด เรื่องการถูกทำร้ายผมว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำอย่างนั้น จะทำไปเพื่ออะไร”

                 นอกจากนี้ พ.อ.วินธัย ยังบอกว่า พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ร่วมกับ น.ส.กริชสุดา เพื่อนำความจริงมายืนยันกัน

                 สำหรับ "กริชสุดา" เป็นอดีตนักศึกษาที่เคลื่อนไหวเรื่องประชาธิปไตย และหลังจากปี 2553 ซึ่งมีผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก "กริชสุดา "เป็นตัวหลักคนหนึ่งใน

การกระจายความช่วยเหลือแก่นักโทษการเมืองเหล่านั้น

                 และนี่คือ "กริชสุดา" ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ "ฤทธิ์เดช" ไม่ธรรมดา
---------------------------------
(หมายเหตุ : พลิกปูม'กริชสุดา'ของแสลงคสช.  :  โอภาส บุญล้อม)

แฉแผนป่วย100จุด มือบึ้มรับดึงยูเอ็นฯเข้าไทย

อ้างรับงานจาก ‘เดียร์’ แดนจิงโจ้ นัดผ่านไลน์ดีเดย์ทั่วปท. 15 มี.ค. ผบ.ทบ.จี้จับหมด-นปช.ปัดเอี่ยว
ตำรวจ-ทหารคุม “มหาหิน” 1 ในแก๊งบึมศาลอาญา รัชดาภิเษก ที่ถูกทหารจับทันควัน มาแถลงต่อสื่อมวลชนที่ บช.น.พร้อมของกลาง 1 ในนั้นมีสมุดโทรศัพท์มีชื่อ ชัยสิทธิ์-คำรณวิทย์ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ ตะลึงคำรับสารภาพ อ้างรับงานจาก “เดียร์ นักสิทธิมนุษยชน” ที่อยู่ในออสเตรเลีย หวังให้ยูเอ็นเข้ามาจุ้นในเมืองไทย ก่อนให้ “ใหญ่ พัทยา” นัดส่งลูกระเบิดที่ย่านลำลูกกา เผยอีก หากงานนี้สำเร็จ เตรียมติดต่อนัดกันทางไลน์ประชุมวางแผนป่วนเมือง 100 จุดทั่วประเทศในวันที่ 15 มี.ค.นี้
จากเหตุระทึกเมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค. มีคนร้าย 2 คน ก่อเหตุขว้างระเบิดสังหารชนิดอาร์จีดี-5 เข้าไปในลานจอดรถ ศาลอาญารัชดา ใกล้อาคารศาลอุทธรณ์ภาค 1 ถนนรัชดาภิเษก ทำให้แท่งปูนกั้นที่จอดรถห่างจากรั้วประมาณ 10 เมตรเสียหายเล็กน้อย ส่วนผู้ก่อเหตุที่ขี่รถ จยย.หลบหนี ถูกเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบขับรถเข้าขัดขวาง เกิดการไล่ล่ายิงต่อสู้กันบนถนนรัชดาภิเษก ก่อนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือนายยุทธนา เย็นภิญโญ ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ถูกนำไปรักษาตัวอยู่ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ส่วนอีกคนคือนายมหาหิน ขุนทอง อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหาร ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน ตามกฎอัยการศึก เพื่อขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ เบื้องต้นคาดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ตำรวจท้องที่–อีโอดี เข้ารายงาน น.1
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ภานุเดช สุขวงศ์ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ พงส.ผนพ.สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำรายละเอียดการรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลการจับกุมคนร้าย 2 คน ที่ก่อเหตุขว้างระเบิดเข้าไปในลานจอดรถศาลอาญา รัชดาภิเษก เมื่อคืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา เข้ารายงาน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.
ทหารจับทันควัน 2 มือบึม
ในรายงานที่นำเสนอระบุว่าเมื่อ 7 มี.ค. 58 เวลา 19.45 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ใช้รถ จยย.เป็นพาหนะขว้างระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา ได้รับความเสียหายบริเวณลานจอดรถ ภายในศาลอาญา ที่เกิดเหตุ บริเวณถนนรัชดาภิเษกหน้าศาลอาญา พบรถ จยย.ยามาฮ่า สีน้ำเงินดำ ทะเบียน วงต 967 กรุงเทพมหานคร ล้มอยู่ เนื่องจากหลังคนร้ายปาระเบิด เจ้าหน้าที่ทหารได้ขับรถกระบะสีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฆฮ 4016 กรุงเทพมหานคร ติดตามจับกุม เกิดยิงต่อสู้กัน ก่อนจับกุมคนร้ายทั้งคู่คือนายยุทธนา เย็นภิญโญ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/17 หมู่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ นำส่ง รพ.พระมงกุฎฯ และนายมหาหิน ขุนทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 12 ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร และควบคุมตัวนายมหาหิน ไปสอบปากคำเพิ่มเติม
ได้กลิ่นผู้ไม่หวังดีล่วงหน้า
เบื้องหลังการจับกุมสืบเนื่องจากฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อมูลว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดี ไปก่อเหตุสร้างความไม่สงบแต่ไม่ทราบว่าที่ไหนภายในพื้นที่ กทม. กระทั่งมีเบาะแสว่ากลุ่มคนร้ายจะมาก่อเหตุร้ายด้วยวิธีการขว้างระเบิดบริเวณศาลอาญารัชดา จึงวางแผนนำกำลังเฝ้าจับกุม
ค่าจ้างบึม 10,000 บาท
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายมหาหิน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ร่วมกันวางแผนกับนายยุทธนา ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี โดยมีผู้ว่าจ้าง และสั่งการทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ให้ไปขว้างระเบิดที่ศาลอาญา รัชดา ได้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 10,000 บาท จากนั้นนายยุทธนา ได้ขี่รถ จยย. มีนายมหาหิน นั่งซ้อนท้าย พกระเบิดขว้างชนิด อาร์จีดี 5 พกติดตัวมาด้วยขว้างเข้าไปที่ลานจอดรถของศาลอาญา ก่อนถูกจับได้ขณะกำลังหลบหนี
ขยายผลต่อ เผื่อพันบึมพารากอน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีเครื่องกระสุนปืนและยุทธภัณฑ์ทางทหารที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้ได้ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร โดยเจ้าหน้าที่ทหารสามารถควบคุมตัวได้ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกได้ 7 วัน ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ทางฝ่ายมั่นคงของทหารและตำรวจควบคุมตัวมือระเบิดเพื่อขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม หน้าห้างสยามพารากอนเมื่อค่ำวันที่ 1 ก.พ.ด้วยหรือไม่
น.1 เผยคนร้ายซัดทอดผู้ร่วมก๊วน
ต่อมาเวลา 12.00 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ 2 ราย โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไว้ตามกฎอัยการศึก เบื้องต้นจากการสอบสวนของกองทัพทราบว่า ผู้ก่อเหตุให้การซัดทอดไปยังบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆได้ เชื่อว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนสาเหตุน่าจะเป็นการสร้างความปั่นป่วน ส่วนจะออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ต้องดูหลักฐานอีกครั้งว่าจะสามารถออกหมายจับได้เพิ่มเติมอีกกี่ราย ต้องรอการพิจารณาของศาลในการอนุมัติหมายจับอีกด้วย โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติมไปถึงบุคคลผู้ที่นำระเบิดมาให้กับผู้ต้องหา สำหรับแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีกลุ่มผู้ก่อเหตุการณ์มาสร้างความไม่สงบขึ้น ได้นำกำลังไปดักซุ่มบริเวณจุดเกิดเหตุ กระทั่งพบผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าว จึงติดตามจับกุม แต่ผู้ต้องหาได้ยิงต่อสู้ขัดขวาง พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ก่อนจับกุมไว้ได้ และคาดว่าน่าจะมีการก่อเหตุความไม่สงบขึ้นอีกครั้ง
ทำไม่ดี ประชาชนแจ้งเบาะแสจับ
“ถ้ามีอีกผมจะจับอีก จะจับให้หมด คุณสู้เบาะแสของประชาชนไม่ได้หรอก คุณทำไม่ดีไม่เรียบร้อย ประชาชนก็แจ้งเรามา ทางเราก็ดักซุ่ม คาดว่าน่าจะมีการก่อเหตุอีก แต่ครั้งนี้โดนจับแล้วน่าจะหยุดไปสักพัก ทางนายกรัฐมนตรี ผบ.ทบ. และ ผบ.ตร. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ดูแลประชาชนอย่างเต็มที่” พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าว
ผบ.ตร.ขู่ ใครเกี่ยวดำเนินคดีหมด
วันเดียวกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า เหตุดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยังมีผู้ที่ต้องการก่อความไม่สงบ และความรุนแรงภายในประเทศอยู่ จากนโยบาย คสช. รัฐบาล และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ จะนำมาซึ่งความมั่นใจ และความอุ่นใจของพี่น้องประชาชน ส่วนสาเหตุการก่อความรุนแรง ทหาร และตำรวจจะได้ร่วมกันสอบสวนหาข้อเท็จจริง ขยายผลว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องให้การสนับสนุน ถ้าปรากฏหลักฐานมีผู้เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จะดำเนินการตามกฎหมาย
จับเพิ่มเจ้าของรถ จยย.
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้ข้อมูลคนร้ายกลุ่มนี้ได้รับค่าจ้างจากคนออสเตรเลีย มาก่อเหตุหลายจุดเพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรง โดยใช้ระเบิดชนิดขว้าง และระเบิดแสวงเครื่องแบบตั้งเวลาทำงาน ได้ค่าจ้าง 2 หมื่นบาท มีการจัดเตรียมอาวุธไว้ให้ เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจได้เฝ้าล็อกพื้นที่เป้าหมาย 6-7 จุด จนได้ข่าวคนร้าย 2 คน เตรียมไปก่อเหตุที่ศาลอาญา รัชดา จึงวางแผนจับกุมจนเกิดการปะทะ คนร้ายเจ็บ 1 คน และถูกจับกุม 1 คน ขณะเดียวกัน ยังควบคุมตัวนายฉัตรณรงค์ พูลทรัพย์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49/9 หมู่ 6 แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก เจ้าของรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุ โดยทหารได้ควบคุมตัวไว้ตามประกาศกฎอัยการศึก ตรวจค้นที่พักทั้ง 3 คน พบนามบัตรนายทหารผู้ใหญ่ เอกสารเกี่ยวข้องการก่อเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบ รวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุรวมทั้งหมด 6-7 คน เบื้องต้นทราบว่า เป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่ย่านแจ้งวัฒนะ และได้รับการฝึกอาวุธหนักที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
“วินธัย” เผยการข่าวเกาะติด
วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวว่า ปฏิบัติงานด้านการข่าวช่วงที่ผ่านมาพบว่า ยังมีความพยายามของผู้ไม่หวังดีที่ต้องการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายอยู่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. รับทราบข้อมูลและติดตามมาตลอด เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ไม่ยอมให้มีการใช้ความรุนแรงต่อกันในทางสังคม ไม่ว่าจะต่อบุคคล หรือสถานที่ก็ตาม โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ชุมชนเมือง ผบ.ทบ.ได้กำชับให้หน่วยต่างๆ เฝ้าสังเกตและติดตามความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบมาตลอด รวมทั้งให้ประสานงานแลก เปลี่ยนข้อมูลข่าวที่เป็นประโยชน์ให้กันอย่างใกล้ชิด ระหว่างทหาร ตำรวจ และ จนท.ฝ่ายความมั่นคง เพื่อเสริมให้งานการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีผลไปถึงการปฏิบัติของ จนท.ในครั้งนี้
ระทึกเล็กน้อยขณะเข้าจับ
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า หลังคนร้ายก่อเหตุ จนท.จับกุมคนร้ายได้ทันที 2 คน เนื่องจากได้รับข้อมูลการข่าวด้านความมั่นคงที่รวบรวมได้จากหน่วยราชการ และจากประชาชนมาก่อนหน้านี้ มี ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องสงสัย ได้จัดชุดสะกดรอยเฝ้าสังเกต ติดตามกลุ่มผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มาระยะหนึ่ง จนกระทั่งผู้ต้องสงสัยก่อเหตุด้วยการขี่ จยย.มาขว้างระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา ทันทีหลังจากก่อเหตุ จนท.ที่ติดตามสะกดรอยอยู่ ได้ขับรถพุ่งชนรถ จยย.ผู้ก่อเหตุทั้งสองจนล้ม แต่ยังขัดขืน และพยายามหลบหนีจนเกิดปะทะกันเล็กน้อย สุดท้ายสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ทั้ง 2 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการควบคุมตัวของ จนท. เพื่อจะดำเนินการขั้นตอนการสอบสวนขยายผลต่อไป
คนร้ายเตรียมการ ไม่กลัวกฎหมาย
โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า ถือเป็นการกระทำที่จงใจก่อความไม่สงบ ที่สำคัญ การกระทำเยี่ยงนี้มีการเตรียมการ และวางแผนมาล่วงหน้า ลักษณะไม่กลัวเกรงกฎหมาย ข่มขู่คุกคามต่อชีวิต และทรัพย์สิน หวังให้เกิดความหวาดกลัว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ทั้งหมด มาเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ในทางคดีเป็นการทำงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รักษาความสงบเรียบร้อย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบาย คสช. และรัฐบาล ที่พร้อมดูแลและป้องกันมิให้มีกลุ่มใดฝ่ายใดกระทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบโดยเด็ดขาด
“บิ๊กแดง” โบ้ยเป็นเรื่องแก๊งทวงหนี้
ด้าน พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ได้ไปถึงที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุการณ์ได้ไม่นาน คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของแก๊งทวงหนี้ที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสอบสวนสืบสวนต่อไป ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ทหารตั้งจุดตรวจสถานที่ราชการตามปกติภายใต้กฎอัยการศึก
“ไก่อู” บอก จับเร็วเพราะมีบทเรียน
ขณะที่ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.รับรายงานเหตุคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดหน้าศาลอาญารัชดาแล้ว ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบหลัก ตำรวจมีข้อมูล พยานหลักฐาน ค่อนข้างมาก และให้รอตำรวจแถลงว่าเป็นฝีมือคนกลุ่มใด ทั้งนี้นายกฯขอให้สังคมอย่าเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคง ขอให้เป็นไปตามกระบวนการพิสูจน์พยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้ตำรวจดำเนินการทางคดีอย่างเต็มที่ ส่วนที่สามารถจับคนร้ายได้ทันทีหลังก่อเหตุ เพราะฝ่ายความมั่นคงมีบทเรียนจากเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสยาม ได้วางมาตรการป้องกันการก่อเหตุอย่างรัดกุม ทำให้สามารถจับคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว
ผบ.ทบ. ลั่น ต้องหาใครสั่งการ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและ ผบ.ทบ.กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ต้องรอการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากพยานบุคคล อาวุธที่ตัวคนร้าย พบว่ามีการโยงใย และมีการสั่งการต่างๆต้องพยายามหาให้ได้ใครสั่งการ เนื่องจากกระทบต่อความสงบสุขของประชาชน ยังมีคนไม่ปรารถนาดี เรื่องดูแลความสงบเรียบร้อยโดยทั่วไป ความจริงแล้วเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทหาร และตำรวจได้ร่วมมือกัน วางกำลังเฝ้าระวังจุดที่สำคัญๆไว้อยู่แล้ว เมื่อมีเหตุการณ์สามารถแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม้จะไม่สามารถยับยั้งได้ก่อนเกิดเหตุ แต่เมื่อเกิดเหตุสามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือด้วย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันทีที่มีเหตุอะไรผิดปกติ จะได้สามารถแก้ปัญหาได้ทัน เหตุที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าอาวุธสงครามยังหลงเหลืออยู่ หลังคสช.ประกาศให้ส่งมอบทางราชการ อาวุธที่ก่อเหตุลักลอบนำเข้ามา ไม่ใช่ทางราชการ จากนี้ต้องพยายามสืบหากวาดล้างต่อไป แม้ห้วงเวลาที่ผ่านมาสามารถตรวจค้นอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม เราต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ได้
แกนนำ นปช. ปัดเอี่ยวบึม
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.กล่าวถึงกรณี ที่ผู้ไม่หวังดีปาระเบิดใส่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างสถานการณ์ของผู้ไม่หวังดี เพราะมองว่ารัฐบาลปัจจุบันก็มีปัญหาหลายด้าน เช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาการปฏิรูปพระ หรือแม้กระทั่งการคงไว้ของกฎอัยการศึก อาจจะมีบางฝ่ายไม่พอใจก็เป็นได้ ส่วนจะมีการเชื่อมโยงที่แกนนำ นปช.ไม่ได้รับการประกันตัวที่ศาลพัทยาหรือไม่ เรื่องนี้คงไม่เกี่ยวข้องเพราะเรื่องก็เกิดมาตั้งหลายวันแล้ว และ ตอนนี้ทางแกนนำ นปช.ได้รับการประกันตัวออกมาหมดแล้ว
“เรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าย นปช.แน่นอน เพราะหากจะมีการเคลื่อนไหวคงเคลื่อนไหวไปนานแล้ว คงเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะมีการสืบหานำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตอนนี้ทราบว่าจับคนร้ายได้สองรายแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งไม่สมควรทำเพราะไม่มีประโยชน์อะไรในการปาระเบิดใส่ศาล” นพ.เชิดชัยกล่าว
เพิ่มความเข้ม รปภ.ศาล
ด้าน นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานศาลยุติธรรมเพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการตรวจรถยนต์ และบุคคลที่เดินทางเข้ามาติดต่อราชการศาล โดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ร่วมตรวจค้นอาวุธ และค้นหาวัตถุระเบิด เพื่อเป็นการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาลให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความอุ่นใจ และความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัย ให้แก่ผู้ที่เดินทางมาศาล สำหรับการตรวจสอบวัตถุระเบิด และพยานหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ ขณะนี้ สำนักงานศาลยุติธรรม ยังไม่ได้รับผลสอบอย่างเป็นทางการจาก บช.น. ว่าเป็นวัตถุระเบิดชนิดใด
กองทัพสื่อปักหลักรอทำข่าว
สำหรับบรรยากาศที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล ที่มีข่าวว่าจะมีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีกองทัพนักข่าวทั้งโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์วิทยุจำนวนมากรอเตรียมทำข่าว โดย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. โฆษก ตร. และ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. และคณะนายตำรวจเข้ามาที่ บช.น. มีการตั้งโต๊ะเตรียมแถลงบริเวณทางเข้า บช.น. แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากทางตำรวจ
เสนอศาลทหารออกหมายจับ 5 แก๊งบึม
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทางพนักงานสอบสวนได้นำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารกรุงเทพ 5 คน ประกอบด้วย 1.นายยุทธนา เย็นภิญโญ ได้รับบาดเจ็บจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ 2.นายมหาหิน ขุนทอง 3.และ 4. เป็นภรรยาของนายยุทธนา และนายมหาหิน 5.นายฉัตรณรงค์ พูลทรัพย์ เจ้าของรถ จยย.ที่ 2 คนร้ายนำไปใช้ก่อเหตุ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาทั้งหมด 1.ร่วมกันพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาต 3.มีเครื่องยุทธภัณฑ์ทางทหาร (ระเบิด) ไว้ในครอบครอง 4.พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อนุญาตไปในหมู่บ้าน ถนน ที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 6.ยิงปืนในที่สาธารณะ 7.ฝ่าฝืนประกาศ คสช.เรื่องอาวุธปืน และเครื่องยุทธภัณฑ์ทางทหาร
ซีรีส์นัมเบอร์ ใกล้เคียง 3 เหตุบึม
ด้าน พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) บก.สปพ.กล่าวถึงสถิติคนร้ายใช้ระเบิดอาร์จีดี 5 ตั้งแต่ต้นปี 57 ว่า ไม่ว่าจะเป็นคนร้ายก่อเหตุขว้าง พบเจอทิ้งไว้ และนำมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถิติมีทั้งหมด 21 ครั้ง รวมของกลาง 67 ลูก โดยเหตุล่าสุดที่ศาลอาญาครั้งนี้ จากการตรวจซีรีส์นัมเบอร์ของสลักระเบิด ใกล้เคียงกับสลักระเบิดที่พบใน 3 เหตุการณ์ คือครั้งแรกที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 ครั้ง และที่ถนนบรรทัดทอง รอดูความเชื่อมโยงประกอบกับการตรวจลายนิ้วมือ คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน
เอาตัว “มหาหิน” ถึง บช.น.
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวนายมหาหิน ขุนทอง 1 ในผู้ต้องหาเดินทางมาที่ห้องของ พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. คาดว่าน่าจะนำตัวมาแถลงข่าว ส่วนเมียของนายมหาหินที่คาดว่าถูกออกหมายจับอีก 2 คน ชื่อ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี เพื่อนนายยุทธนา คือ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี
แถลงพร้อมของกลางโยง 2 อดีตบิ๊ก
จากนั้นเวลา 21.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ ผบ.พล.ร.1 รอ.และคณะนายทหารตำรวจ ร่วมกันนำตัวนายมหาหิน ขุนทอง แถลงต่อสื่อมวลชนพร้อมของกลาง รถ จยย.คันที่ใช้ก่อเหตุ เสื้อลายพรางสีเขียว และเสื้อยืดโปโล ที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ ปืนลูกโม่ .357 พร้อมกระสุน 6 นัด ยิงไปแล้ว 2 นัด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ในเครื่องมีข้อความไลน์คุยกับ น.ส.ณัฏฐพัชร์ ภรรยาถึงขั้นตอนในการก่อเหตุ หากสำเร็จจะมีบุคคลชื่อ “ใหญ่ พัทยา” จะนำเงินมาให้จุดละ 2 หมื่นบาท สมุดจดบันทึก 1 เล่ม ภายในมีชื่อเขียนด้วยปากกาว่า ท่านชัยสิทธิ์ ชินวัตร และท่านคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ และมีชื่อ ผ้าพันคอเขียนชื่ออาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.)และเอกสารที่เชื่อมโยงไปยังผู้สั่งการ และผู้เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง
เผยทหารได้เบาะแสป่วนเมือง
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สืบเนื่องจากมีเหตุเกิดขึ้นที่หน้าห้างพารากอน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารสนธิกำลังเพื่อติดตามคนร้าย นอกจากนี้ ยังได้เบาะแสมีกลุ่มคนร้ายจะก่อเหตุป่วนเมืองในหลายจุด จึงร่วมกันตั้งจุดเฝ้าระวังออกตรวจในสถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง โดยเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ชุดข่าวกรองทหาร ได้เบาะแสจะมีการก่อเหตุและมาเฝ้าจุดจนกระทั่งกลุ่มคนร้ายเข้าก่อเหตุที่ศาลอาญา เจ้าหน้าที่ทหารจึงเข้าจับกุม แต่คนร้ายยิงต่อสู้ แต่ถูกจับกุมได้ ส่วนผู้ต้องหาจะมีด้วยกันกี่คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวม
ในสายงานรับผิดชอบ พล. 1รอ.
ขณะที่ พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ ผบ.พล.1 รอ. กล่าวว่า พื้นที่รับผิดชอบของศาลอาญา รัชดาภิเษก มีทหารจาก พล.1 รอ.รับผิดชอบ เมื่อทราบเบาะแสจากการข่าว และชาวบ้าน ได้ตั้งจุดเฝ้าระวังก่อนเข้าจับกุมและนำไปควบคุมตามกฎอัยการศึก หลังจากแถลงข่าวเสร็จสิ้น และจะนำกลับไปควบคุมที่ ร.11 รอ.ตามเดิม จนกว่าศาลทหารจะออกหมายจับ และจะนำตัวพร้อมของกลางมามอบให้กับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
รับงานจากเดียร์ นักสิทธิฯ แดนจิงโจ้
ด้านนายมหาหินรับสารภาพว่า ตนมีฉายาว่า สายเหยี่ยวแดง เป็น 1 ในกลุ่มของเสรีชน ต้องการเห็นเมืองไทยมีประชาธิปไตย ไม่เกี่ยวกับการเมือง และสีเสื้อ วันเกิดเหตุ ตนและนายยุทธนาที่ถูกยิงบาดเจ็บ ได้รับ คำสั่งจากคนชื่อนายเดียร์ ทำงานสิทธิมนุษยชนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียว่าจ้างให้ทำ โดยไปรู้จักกับนายเดียร์ทางโลกโซเชียล พูดคุยกันเพราะมีอุดมการณ์เดียวกัน วันเกิดเหตุไปรับระเบิดจากชายชื่อ “ใหญ่ พัทยา” ที่ย่านลำลูกกา จ้าง 2 หมื่นบาท รับมาแล้ว 1 หมื่นบาท ครั้งแรกตนไม่อยากทำ แต่นายเดียร์ขู่ทางไลน์ว่า ถ้าไม่ทำจะเอาข้อความในไลน์มาประจาน และขู่ว่าจะทำร้ายครอบครัว จำเป็นต้องทำตามคำขู่ โดยเหตุผลที่ทำเพื่อให้ยูเอ็นเข้ามาในประเทศไทย โดยตนมีหน้าที่เป็นคนขี่ จยย.ให้นายยุทธนา
15 มี.ค.นัดป่วน 100 จุดทั่วประเทศ
ผู้ต้องหาแก๊งป่วนเมืองรับสารภาพต่อว่า นอกจากนี้ กลุ่มตนยังมีการนัดประชุมย่อยตามสถานที่ต่างๆ กลุ่มละประมาณ 10 คน คุยเกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตย โดยสมาชิกมีทั้งในและต่างประเทศ ถ้าลงมือระเบิดที่ศาลอาญาสำเร็จ จะประชุมต่อในวันที่ 10 มี.ค. เป็นการประชุมใหญ่ แต่ยังไม่ระบุสถานที่ โดยรายละเอียดของการประชุม ทราบว่าเป็นเรื่องของการวางแผนป่วนเมือง 100 กว่าจุดทั่วประเทศในวันที่ 15 มี.ค.นี้ โดยตนรู้แค่กำหนดวัน แต่ไม่รู้สถานที่จะต้องดำเนินการ ส่วนสมุดบันทึกไดอารี่ที่ยึดมาได้ และมีชื่อท่านชัยสิทธิ์ ชินวัตร และท่านคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พร้อมเบอร์โทรศัพท์ นายมหาหินบอกว่า น.ส.ณัฏฐพัชร์ เพื่อนรุ่นพี่รู้จักทั้ง 2 คน เพราะเคยเป็นการ์ดให้กับ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ รู้จักเพราะต้องจัดหาสมุนไพรไปให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ทำเป็นยารักษาโรค
ศาลทหารอนุมัติหมายจับ
ต่อมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เผยว่า ศาลทหารกรุงเทพได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน คือนายมหาหิน ขุนทอง นายยุทธนา เย็นภิญโญ นายฉัตรณรงค์ พูลทรัพย์ น.ส.ณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง อายุ 57 ปี ภรรยานายมหาหิน และ น.ส.ธัชพรรณ ปกครอง อายุ 20 ปี ภรรยานายยุทธนา ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคล หรือทรัพย์ของผู้อื่น มีและใช้เครื่องกระสุนปืนที่ใช้เฉพาะแก่การสงครามที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ มีและใช้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย มีและใช้อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์ มียุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับความอนุญาต ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน
ที่มา : ไทยรัฐ

ไพศาล พืชมงคล:กรณีระเบิดศาลอาญา

"ไพศาล พืชมงคล" กก.ผช.รองนายกฯประวิตร ร่ายยาว "แผนชั่วช้า" ก่อเหตุร้าย 100 จุด พังพาบ หลังทหารพบแผนร้ายและวางเกมแก้กลได้สะใจ ทิ้งนัยยะ พอกันที "ปรองดองแบบขี้ผสมข้าว" เพราะรังแต่จะทำให้สิ้นชาติ จับตา 3ป.จะตัด "มารตัวไหน" ออกไปก่อน

หลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้คุมตัว นายมหาหิน ขุนทอง หนึ่งในผู้ต้องหาก่อเหตุปาระเบิดด้านหน้าศาลอาญารัชดา เมื่อวันที่ 7 มี.ค. มาแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน โดยนายมหาหิน ยอมรับว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ได้รับการว่าจ้างจากผู้หญิงรายหนึ่งที่รู้จักแค่ชื่อเล่นว่า "เดียร์" ผ่านทางไลน์ เป็นเงิน 2 หมื่นบาท ซึ่งน.ส.เดียร์ อยู่ในกลุ่มเสรีชน ทั้งนี้จำเป็นต้องก่อเหตุเพราะมีผลกระทบที่เกี่ยวกับครอบครัว และหวังให้สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาตรวจสอบและยุ่งเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย อีกทั้งเตรียมรวมตัวจะลงมือก่อเหตุอีกพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 10 มี.ค. แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมาย ส่วนเรื่องระเบิดนั้น ผู้ชายที่ชื่อ "ใหญ่ พัทยา" เป็นผู้จัดการหาให้ นอกจากนี้แฟนสาวยังเคยทำงานเป็นการ์ดให้กับพล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และรู้จักกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผบช.น.อีกด้วย
ล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ระบุว่า แผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์แผนชั่วพังพาบ!! มือระเบิดสารภาพจะก่อเหตุร้าย 100 จุดในวันที่ 15 มี.ค. เขาถอดรหัสเวลา +- 3 แล้ว บังเอิญว่า 1.โจรโพกผ้าเหลืองนัดชุมนุม 12 มี.ค. ตอนนี้ประกาศงดชุมนุมแล้ว 2.เตรียมเคลื่อนม็อบชาวนาภาคกลาง 15 มี.ค. วางแผนบุกทำเนียบฯ 3.กองกำลังชุดดำเตรียมก่อเหตุ 100 จุด ตอนนี้กำลังเผ่นกันเถิดเทิง เพราะทหารจับสายขยายผลกว้างลึกน่าดู 4.มีคนมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวฮ่องกงเหมือนปี 53 สนุกสนานไหม
นายไพศาล ระบุต่อว่า ศึกเผาเมืองปี 53 และการจัดกองทัพแดงที่เตรียมแปร "กองทัพประชาชน" เป็นกองทัพแบบแผนเตรียมยึดอาวุธของกองทัพและเตรียมเส้นทางรับอาวุธจากข้างบ้านเป็นรูปเป็นร่างชัด ใครเป็นผู้บัญชาการสูงสุด ใครเป็นผู้บัญชาการฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายข้าราชการ ชัดหมด เหิมเกริมถึงขั้นตรวจพลกองทัพแดงที่อีสาน 3-4 ครั้ง วันนี้ก็เป็นขบวนการเดิม แต่เตรียมแปลงโฉมให้พวกโจรโพกผ้าเหลืองออกหน้า แบบพม่ายุคนายพลซอหม่องเพราะวอร์รูมใหญ่วิเคราะห์ว่า ทหารกลัวผ้าเหลือง แต่วันนี้คงคิดไม่ถึงว่าผ้าเหลืองไทยเสื่อมกว่าผ้าเหลืองพม่ามาก และเน่าเฟะจนประชาชนลงมติตรงกันทุกโพล ให้เจริญรอยการปราบอลัชชีเดียรถีย์ในสมัยรัชกาลที่ 1 จึงไม่มีใครกลัวโจรโพกผ้าเหลืองกันแล้ว
"คำว่า 'ปรองดอง' ได้หมกปัญหาของชาติไว้นาน 10 ปีเศษแล้ว ครั้งล่าสุดหวิดทำให้สิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน เดชะบุญทหารยึดอำนาจเสียทันท่วงที ไม่ทันไร คำว่า 'ปรองดอง' ก็กลับมาหลอกหลอนคนไทยอีก จนสิ่งควรทำ-ไม่ได้ทำ สิ่งไม่ควรทำ-กลับทำ ทำให้อันตรายขยายตัวก่อเป็นสมการ 'ขบวนการโจรโพกผ้าเหลือง+กองกำลังเสื้อแดง+ต่างชาติ=isis ไทย' ต้องชมเชยทหารที่แจ้งในแผนร้าย วางเกมแก้กลได้สะใจ ต้องชมเชยประชาชนผู้รักชาติศาสน์กษัตริย์ที่สนับสนุนกองทัพและรัฐบาล เห็นหรือยังครับว่า isis ไทยจะทำอะไร มันใจดำอำมหิตคิดร้ายต่อชาติขนาดไหน พอกันทีเถิด 'ปรองดองแบบขี้ผสมข้าว' รังแต่จะทำให้สิ้นชาติและต้องทำ 'งานหนัก' อีก เมื่อไม่ประสงค์จะรบ ก็ต้องเอาชนะโดยไม่ต้องรบ ทำอย่างไรจึงจะเอาชนะโดยไม่ต้องรบ? ผมเชื่อลุงตู่-ลุงป้อม-ลุงป๊อกครับ!! ว่าจะตัดสมการมารตัวไหนออกไปก่อน"นายไพศาลระบุ


ภาณุมาศ ทักษณา:กรณีบึ้มศาลอาญา

อาจกล่าวได้แต่เพียงว่า การลอบวางระเบิดครั้งนี้ และน่าจะมีครั้งต่อ ๆ ไปจนกว่ารัฐบาล คสช.จะพ้นอำนาจนั้น ไม่ต่างไปจากอาการของสุนัขที่ถูกตีกระทั่งจนตรอก กำลังแยกเขี้ยวคำรามเพื่อสู้นั่นเอง!!

ผมจึงไม่ต้องการให้ รัฐบาล คสช. ประเมินค่าของกลุ่มผู้เคยมีอิทธิพลและอำนาจมืดต่ำ เพราะจะว่าไปแล้ว หมาที่ถูกตีกระทั่งจนตรอกแล้วนั้น หากมันเจ็บหนัก มันอาจหันมาสู้อย่างบ้าเลือดก็ได้ !

ภาณุมาศ ทักษณา

ตอนที่ทราบข่าวว่า มีการลอบวางระเบิดที่ศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก เมื่อค่ำวันที่ 7 มี.ค.58 และในเวลาไล่เลี่ยกัน มีคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงวัดอ้อน้อยของพุทธอิสระช่วงเช้ามืดวันที่ 8 มี.ค.58 ถึง 5 นัด นั้น

ผมรู้สึกเฉย ๆ กับเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะคาดล่วงหน้าแล้วว่า ในปี 2558 นี้จะต้องเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดขึ้น ณ ที่ใดบ้างเท่านั้นเอง

ที่ผมคาดเดาว่าจะต้องเกิดเหตุทำนองนั้น เพราะห้วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่กลุ่มผู้สูญเสียอำนาจทางการเมืองและสูญเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจจากการยึดอำนาจของ คสช.คงจะไม่ยอมอยู่นิ่ง ๆ เหมือนผู้แพ้….

ผมจำได้ว่า ทักษิณ ชินวัตร เคยประกาศ หลังจากเพลี่ยงพล้ำจนถูกยึดอำนาจและทรัพย์สินแล้วระดมสรรพกำลังเข้าต่อกรกับภาครัฐว่า “ตายเสียดีกว่าอยู่ อย่างผู้แพ้” แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทักษิณลงมือหรือไม่ ยังไม่มีใครกล้ายืนยัน

แต่ถ้ายังไม่ลืม ช่วงคำวันที่ 1 ก.พ. 58 ได้มีคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าห้างสรรพสินค้าบริเวณทางเชื่อมกับรถไฟฟ้า BTS มาแล้วครั้งหนึ่ง หลัง สนช.มีมติถอดถอนยิ่งลักษณ์และตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีได้ไม่กี่วัน

และในระหว่างที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เตรียมส่งสำนวนให้อัยการส่งฟ้องยิ่งลักษณ์ในความผิดโครงการรับจำนำข้าวนั้น วันที่ 11 ก.พ.58 แกนนำคนเสื้อแดงก็ออกข่าวหากยิ่งลักษณ์ติดคุก คุกคงจะแตกตามมาทันที

แต่การทำงานเพื่อกำจัดอิทธิพลและอำนาจทางการเมืองของคนกลุ่มของ คสช.ก็คงดำเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ทว่า คสช.มิได้ใช้อำนาจในมือ “ดำเนินการเอง” คงปล่อยให้กระบวนการยุติธรรม “จัดการ” ไปตามครรลอง

ต่อมาวันที่ 24 ก.พ.58 นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฏีกา ได้จัดประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกาจำนวน 170 คน เพื่อเลือกเพียง 9 คนตั้งเป็นองค์คณะ เพื่อพิจารณาสำนวนว่า ควรยื่นฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่

ซึ่งการพิจารณาสำนวนขององค์คณะทั้ง 9 จะมีขึ้นในอีก 10 วันข้างหน้า คือเวลา 10.00 น.ของวันที่ 19 มี.ค.58 โดยจะนัดคู่กรณีคือยิ่งลักษณ์ และผู้แทนอัยการสูงสุดเข้ารับฟังว่าจะฟ้องคดีหรือไม่

ในห้วงเวลาเดียวกันนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินคดีเรียกร้องค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าวจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นวงเงินถึง 6 แสนล้านบาท ควบคู่ไปด้วย

ขณะที่ “ความวัว” ของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวกพ้องกำลังระทึกใจว่าจะตกเป็นผู้ต้องหาทั้งทางอาญาและทางแพ่งไม่ทันหาย “ความควาย” ที่กลุ่มคนเสื้อแดงไม่คาดคิดว่าจะเกิดก็ปะทุเหมือน “ผีซ้ำด้ามพลอย”

วันที่ 5 มี.ค.58 ศาลจังหวัดพัทยา ก็มีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 15 แกนนำเสื้อแดงกรณีพาคนไปล้มการประชุมอาเซียนที่โรงแรมรอยัล คลิฟ คนละ 4 ปีและค่าปรับคนละ 200 บาท โดยไม่รอลงอาญา

แกนนำเสื้อแดงทั้ง 15 คนที่เด่นดังเป็นที่รู้จักทั่วประเทศมี นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง , นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายวัลลภ ยังตรง , นายนิสิต สินธุไพร เป็นอาทิ

เมื่อประมวลเหตุการณ์ที่ฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นเนื้อเดียวกันกำลังถูกกฎหมายไล่ล่าให้รับผิดจากการทำร้ายสังคมและประเทศชาติดังกล่าว ผมจึงไม่แปลกใจที่เกิดระเบิดที่ศาลอาญาและยิงวัดอ้อน้อย

โดยเฉพาะระเบิดที่ศาลอาญา ที่ระเบิดสังหารรุ่น อาร์จีดีไฟว์ (RGD-5) ของรัสเซีย ซึ่งเป็นระเบิดแบบลูกเกลี้ยงที่ถูกใช้ในการก่อกวนกลุ่ม กปปส.ชุมนุม ถูกนำไปวางจนเกิดระเบิดในวันที่ 7 มี.ค.58 นั้น

เป็นบริเวณ “ลานจอดรถของผู้พิพากษาศาลอาญา” ที่มีขนาดของหลุมลึกประมาณ 5 เซนติเมตร กว้าง 10 เซนติเมตร สะเก็ดระเบิดและเศษปูนกระจายอยู่รัศมี 3 เมตรด้วยแล้ว…

คงทำให้วิญญูชนพอที่จะประเมินได้เองกระมังว่า น่าจะเกิดจากการกระทำของคนกลุ่มใด ซึ่งผมเชื่อว่าคนกลุ่มนั้นคงจะออกมาปฏิเสธกันเป็นพัลวันว่าไม่เกี่ยวและอาจโยนว่าเป็นการสร้างสถานการณ์อีกด้วย

แม้ว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 2 ราย และการขยายผลเพื่อสาวไปให้ถึงกลุ่มผู้บงการคงจะเกิดขึ้นตามขั้นตอนและวิธีการทางกฎหมายก็ตาม

หรือแม้ว่า ในเวลาต่อมาจะปรากฏภาพผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งคือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงให้เห็นถึงความนิยมชมชอบ เครือข่าวของทักษิณ ชินวัตร แล้วก็ตาม แต่ก็คงยังไม่อาจสรุปได้ว่าใครคือ ผู้สั่งการ

อาจกล่าวได้แต่เพียงว่า การลอบวางระเบิดครั้งนี้ และน่าจะมีครั้งต่อ ๆ ไปจนกว่ารัฐบาล คสช.จะพ้นอำนาจนั้น ไม่ต่างไปจากอาการของสุนัขที่ถูกตีกระทั่งจนตรอก กำลังแยกเขี้ยวคำรามเพื่อสู้นั่นเอง

ผมจึงไม่ต้องการให้ รัฐบาล คสช. ประเมินค่าของกลุ่มผู้เคยมีอิทธิพลและอำนาจมืดต่ำ เพราะจะว่าไปแล้ว หมาที่ถูกตีกระทั่งจนตรอกแล้วนั้น หากมันเจ็บหนัก มันอาจหันมาสู้อย่างบ้าเลือดก็ได้ !

หนังสือ"ถวิล เปลี่ยนศรี เวลาเปลี่ยน คนไม่เปลี่ยน"


ผมเขียนหนังสือไว้เล่ม"ถวิล เปลี่ยนศรี เวลาเปลี่ยน คนไม่เปลี่ยน" บันทึกเรื่องราวการต่อสู้ในช่วงที่ถูกย้ายไม่เป็นธรรม ตั้งแต่ร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ไปถึงศาลปกครอง จนจบลงที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการเข้าไปร่วมต่อสู้กับมวลมหาประชาชน(กปปส.)
ดังแบบปกข้างบน คาดว่าสัปดาหน้าคงวางตลาด ตั้งใจมอบรายได้ทั้งหมดเป็นทุนการศึกษา ให้กับน้องๆโรงเรียนเก่าที่ตรัง และเพชรบุรี รูปหนังสือทำนองที่โพสต์ลงไว้ และตั้งใจจะไปนั่งเซ็นชื่อในสัปดาห์หนังสือเร็วๆนี้ด้วยรับ


ถวาย 9 มม.วัดอ้อน้อยกลางดึก 'หลวงปู่'วิเคราะห์บึ้มศาลอาญา

ถวาย 9 มม.วัดอ้อน้อยกลางดึก 'หลวงปู่'วิเคราะห์บึ้มศาลอาญา
Cr:แนวหน้า
8 มี.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์เฟซบุ๊ก "หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)" เปิดเผยว่าเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.00 น. วันนี้ มีคนร้ายจำนวน 4 คนขับรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส สีบรอนซ์ และรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. กระหน่ำยิงใส่วัดอ้อน้อยจำนวน 5 นัด พอรุ่งสางหลังเดินสำรวจความเสียหายพบปลอกกระสุนจำวน 4 นัด และได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พระพุทธะอิสระ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การยิงถล่มวัดอ้อน้อยนั้น ยังพอสันนิษฐานได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ทว่าการวางระเบิดศาลอาญาเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา นั้นยังไม่สามารถหาเหตุจูงใจได้ และจะเกี่ยวเนื่องกับการที่ศาลาอาญาชลบุรี ตัดสินจำคุกแกนนำ 4 ปี ไม่รอลงอาญาหรือไม่
ข้อความมีเนื้อหาดังนี้
อิมานิ สังฆทานมาแล้วนิ
8 มีนาคม 2558
กระสุนขนาด 9 มม. มาแล้วนิ๊ 5 นัดอีกต่างหากนิ๊ แต่คนถวายทำตกเรี่ยราด เก็บปลอกกระสุนได้แค่ 4 ปลอกนิ๊ อีกปลอกยังหาไม่เจอเลยนิ๊ ผู้ถวายเขานั่งรถฮอนด้า แจ๊ส สีเทาบรอนซ์มาด้วยนิ๊ มีผู้มาร่วมถวายเป็นชายอีก ๒ คนนิ๊ นั่งรถกระบะโตโยต้าสีเทาบรอนซ์มาสนับสนุนด้วยนิ๊ รวมแล้วมีผู้มีจิตศรัทธานั่งรถมาร่วมถวายสังฆทาน 2 คัน 4 คนนิ๊
แสดงว่าคนพวกนี้เขามีศรัทธาต่อวัดอ้อน้อยกันจริงนะนิ๊ ขนาดตี 3 กว่าๆ ยังแหกตามาถวายลูกปืนอีกนิ๊ ทีหลังจะมาถวายช่วยบอกล่าวให้ฉันรู้ตัวบ้างนะนิ๊ ฉันถามคนที่เฝ้าประตูมีกล่าวคำถวายหรือเปล่านิ๊ คนเฝ้าประตูตอบว่า แค่ได้ยินเสียงปืน ผมก็หลบหัวซุกหัวซุนแล้วนิ๊ เลยไม่ได้ฟังว่ามันกล่าวคำถวายสังฆทานด้วยหรือไม่นิ๊
ฉันเลยบอกคนเฝ้าประตูว่า เที่ยวหน้าอาจมีคนมาถวายลูกระเบิดอีกล่ะก็นิ๊ บอกให้เขาตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวคำถวายเสียก่อนจึงจะปาระเบิดนะนิ๊ แล้วมึงช่วยรับมาให้กูด้วยนิ๊
คนเฝ้าประตูมันมองค้อนฉันด้วยล่ะนิ๊
ต่อมาสมภารวัดอ้อน้อยไม่พอใจ ไปแจ้งความต่อตำรวจแล้วนิ๊ เรื่องมันก็คงจะจบลงตรงจับใครไม่ได้เหมือนเคยอีกล่ะนิ๊
คืนเดียวแก๊งป่วนเมืองทั้งปาระเบิด ทั้งยิงใส่ศาลอาญากลาง แล้วนำลูกปืนมาแถมให้ฉันอีกต่างหากนิ๊ ดูช่างมีศรัทธาอันแรงกล้าจริงๆ นะนิ๊ มาถวายลูกปืนให้วัดอ้อน้อย ฉันพอจะเข้าใจได้นิ๊ ว่ามีเหตุจูงใจอะไรนิ๊
แต่ไอ้ที่ไปปาระเบิดและยิงใส่ศาลอาญานี่ซิ ฉันไม่เข้าใจว่ามีแรงจูงใจอะไร คงต้องไปถามแกนนำที่โดนศาลอาญาชลบุรีตัดสินจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ดูว่ารู้เรื่องหรือไม่นิ๊
ขอย้ำว่าวันข้างหน้า หากจะถวายสังฆทานตอนดึก ช่วยบอกให้รู้ล่วงหน้าหน่อยนิ๊ ฉันจักได้ออกไปรอรับด้วยตนเองนะนิ๊ จะได้ให้พรชุดใหญ่ฉลองศรัทธาคุณโยมนิ๊
พุทธะอิสระ