PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

สหรัฐฯสร้างศัตรูเทียมเพื่อแทรกแซงศัตรูแท้?



สื่อฝรั่งเศสก็บอกว่า "อาบู บักร อัล บักดาดี้" นั้น มีพ่อแม่เป็นชาว "ยิว" ทั้งคู่ เขามีชื่อเดิมแบบยิวว่า "Simon Elliot (Elliot Shimon)" และเป็น "สายลับ ของมอสสาด" ส่งเข้ามาแทรกซึมในหมู่ชาวมุสลิมแบบกลอุบายโบราณ คล้าย "อับดุลลอฮฺ อิบนุ สะบะ" ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของ NSA ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหลุดออกมาจาก "เอ๊ดเวิร์ด สโนว์เดน" เปิดเผยว่า ประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ร่วมกันสร้าง " ISIL" ขึ้นมา เพื่อปกป้อง "รัฐยิวไซออนนิสต์" โดยใช้กลอุบาย "สร้างรังแตน" ใกล้ๆกับพรมแดนของตัวเอง บริเวณอิรักและซีเรีย ที่เป็นเป้าหมายในการแทรกแซง... Snowden, “The only solution for the protection of the Jewish state “is to create an enemy near its borders” คือการ สร้าง "ศัครูเทียม" ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการแทรกแซง "ศัตรูแท้" อย่างซีเรีย ในรูปแบบพระเอกไปปราบโจร ทั่วโลกจะได้เห็นคล้อยตามได้ง่าย เพราะซีเรียแอบหนุนกลุ่ม เฮสบุลเลาะห์ ด้านทิศใต้ของเลบานอน คอยเป็นหอกทิ่มแทงอิสราเอลอยู่ตลอดเวลา

"ดร.เสรี"สอน"ชายหมู" แถลงข่าวแบบไม่ควบคุมตัวเอง แสดงตนเป็นคนEQต่ำ

"ดร.เสรี"สอน"ชายหมู" แถลงข่าวแบบไม่ควบคุมตัวเอง แสดงตนเป็นคนEQต่ำ

Prev
1 of 1
Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 25 มี.ค. 2558 เวลา 20:56:45 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาดชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยระบุว่า




ฟังผู้ว่า กทม. แถลงเรื่องน้ำท่วมแล้วผิดหวังจริงๆ เพราะสิ่งที่ท่านพูดออกมานั้นตรงกันข้ามกับทฤษฎีการสื่อสารในภาวะวิกฤตโดยสิ้นเชิง ผิดแทบทุกข้อ

    1. Awareness รับรู้ว่ามีความผิดพลาดและเกิดวิกฤต ข้อนี้พอผ่าน

    2. Acknowledgement เข้าใจว่าวิกฤตเกิดเพราะอะไร ข้อนี้ท่านไม่ได้คะแนน เพราะท่านโทษเทวดา ท่านบอกว่าท่านไม่ใช่เทวดา ท่านบอกให้เราไปปลูกบ้านบนดอยเพื่อไม่ต้องเจอน้ำท่วม

    3. Admission ยอมรับความผิดพลาด ท่านยอมรับแค่ว่าท่านคาดการณ์ผิดเกี่ยวกับฝนผิดฤดู แต่ไม่มีการยอมรับว่ามีการดำเนินการอะไรผิดพลาดบ้าง ที่ทำให้รับมือไม่ทัน

    4. Apology การกล่าวขอโทษประชาชนที่ต้องพบกับความลำบาก ท่านไม่ขอโทษอะไรทั้งนั้น ยืนยันว่าท่านไม่ใช่เทวดา ซึ่งไม่ได้ช่วยทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งที่กำลังโกรธ กำลังตำหนิกล่าวหาต่อว่าท่านหายโกรธ การสื่อสารในภาวะวิกฤตนั้นต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขอารมณ์ของสาธารณชน อย่าพูดจาอะไรที่จะเป็นการโหมไฟความโกรธของสาธารณชน และเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงกันข้ามโจมตี การแก้ไขวิกฤตเราต้องการแนวร่วม ดังนั้นต้องไม่พูดอะไรที่สร้างศัตรู

    5. Amendment การแก้ไข แทนที่ท่านจะแก้ตัวและแถลงข่าวอย่างคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวกับประชาชนที่ต่อว่าท่าน สิ่งที่ท่านควรจะพูดก็คือท่านได้วางแนวทางแก้ไขไว้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ประชาขนได้เห็นวิสัยทัศน์และความสามารถของท่านในการแก้ปัญหา แต่เราไม่ได้เห็นภาพของการแก้ไขจากการแถลงของท่าน

    6. Action ลงมือแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ จริงจัง ทุ่มเทอย่างเต็มที่และจะต้องมีรายงานให้ประชาชนทราบเป็นระยะๆว่าท่านได้ดำเนินการทำอะไรไปแล้วบ้าง การแก้ไขปัญหาก้าวหน้าไปอย่างไรบ้าง บัดนี้เรายังไม่ได้ยินข่าวความก้าวหน้าอะไร

    6. alternatives ท่านควรจะบอกด้วยว่าจากเหตุวิกฤตในครั้งนี้ท่านได้บทเรียนอะไรบ้าง แล้วท่านจะให้มีการแก้ไขแนวทางในการป้องกันน้ำท่วมอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤตแบบเดิมซ้ำซาก ไม่ใช่มาพูดว่าท่านไมีใช่เทวดาที่จะบอกว่าฝนแบบเมื่อวานจะเกิดอีกหรือเปล่า ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีในการพยากรณ์อากาศได้ ท่านไม่คิดจะวางมาตรการในการใช้เทคโนโลยีนั้นบ้างหรือ

    7. Aftermath ท่านจะต้องเตรียมเอาไว้ว่าเมื่อท่านแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ได้แล้ว ท่านจะต้องขอบคุณใครบ้างที่มีส่วนช่วยแก้ไขวิกฤต ท่านจะสรุปขทเรียนอย่างไร ท่านจะสื่อสารสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมั่นใจได้อย่างไรว่าท่านมีความพร้อมที่จะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องเผชิญกับวิกฤตเดิมนี้อีก

ใน7 ขั้นตอนนี้ ลองทบทวนดูเถิดว่าท่านทำอะไรถูกบ้างหรือท่านคิดว่าท่านเป็นมา 2 สมัยแล้ว ท่านจะไม่ลงสมัครอีกจึงไม่สนใจว่าประชาชนจะคิดอย่างไรกับท่าน จึงไม่รู้จักควบคุมตัวเอง แสดงตนเป็นคน EQ ต่ำ ไม่สนใจอารมณ์ของสาธารณชนที่รวมทั้งคนที่เลือกท่านด้วย จะลงต่อหรือไม่ลงต่อก็แสดงความสามารถในการทำงานและเป็นนักการเมืองที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนให้เป็นเกียรติเป็นศรีกับความมนุษย์ที่มีคุณค่าเถอะค่ะ

การแถลงข่าวคือการพูดอย่างคนที่สุภาพและเต็มใจที่จะแก้ปัญหาไม่ใช่การออกมาสำรากแสดงความเกี้ยวกราดกับประชาชนที่ส่วนหนึ่งเป็นคนที่ลงคะแนนเสียงให้ท่านแม้ท่านจะบอกว่าท่านไม่ใช่เทวดาที่จะหยั่งรู้ฟ้าดินแต่การพูดของท่านดูเหมือนว่าท่านจะทำตัวเป็นเทวดาเหนือประชาชนนะผิดหวังจริงๆ

 

ที่มา : มติชนออนไลน์

สองแสนล้านกับชีวิตประมงไทย

เจ็บลึกและเศร้าใจ
อนาถลูกเรือประมงไทยในอินโด
อนาถใจในมุมมองของ"ผู้นำ"
----
ในขณะที่คุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย และทีมLPN กำลังทำทุกวิถีทางที่จะช่วยลูกเรือประมงไทยซึ่งกำลังตกทุกข์ได้ยากในหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย แรงงานไทยจำนวนมากต้องเจ็บป่วย สติฟั่นเฟือน เพราะถูกทารุณ บ้างถูกจับยัดห้องขังเถื่อน และอีกไม่น้อยต้องกลายเป็นผีไม่มีญาติ ต้องถูกฝังอยู่ในหมู่เกาะกลางทะเล
คุณฐปณีย์และทีมLPN ข้ามน้ำข้ามทะเล เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เพราะต้องการถ่ายทอดเรื่องราวชะตากรรมอันเลวร้ายของลูกเรือประมงไทยให้สังคมไทยได้รับรู้ และรัฐบาลไทยได้แก้ไข
แต่การสัมภาษณ์พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อสายวันนี้(25 มีนาคม 2558) จะทำให้คนที่ทุ่มเททำงานช่วยเหลือคนอื่นรู้สึกอย่างไร
ผมตัดบางส่วนมาจากมติชนออนไลน์ (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1427258107) ดังนี้
"นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการช่วยเหลือชาวประมงที่อินโดนีเซีย ว่า ได้ดำเนินการมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ได้ช่วยเหลือไปแล้ว ที่เกาะอัมบน 26 คน และขออย่านำไปขยายความ โดยเฉพาะสื่อก่อนการนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศ ทำให้เกิดปัญหา รวมถึงความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยทำ แต่วันนี้รัฐบาลนี้กำลังแก้ทุกอย่าง แต่ถามว่าเรือมี4-5 ลำ ใช้ชื่อเดียวกันได้หรือไม่ รัฐบาลนี้กำลังขึ้นทะเบียนเรือ ติดจีพีเอส จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่จับมา
"ให้ผมทำทุกอย่างให้เสร็จเร็วๆ แล้วก็ไล่ผมไป มันได้ที่ไหน ก็เจรจามาตลอด พูดคุยกันอยู่ ทำไมจะเกิดเหตุไหม ถ้าตีข่าวนี้ออกไปปัญหาการค้ามนุษย์ ไอยูยู ถ้าเขาไม่ซื้อปลา 2 แสนกว่าล้าน พวกที่ตีข่าวคุณรับผิดชอบกันนะ คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ผมบอกไว้เลยฐปณีย์ มาหาเจ้าหน้าที่ด้วย ไปพูดอยู่ข้างนอก มันได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำไม่ได้ เพราะฐปณีย์ เสนอข่าว ที่ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรสักอย่างจะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะเข้าประเทศนู้น ประเทศนี้โดยไม่มีใบอนุญาต"
เศร้าใจจริงๆ เพราะอ่านแล้วทำให้ผมรู้สึกว่านายกรัฐมนตรีให้คุณค่าชีวิตมนุษย์ น้อยกว่าเงิน 2 แสนล้านของอุตสาหกรรมประมง
วันก่อนผมเขียนเรื่องนี้ไว้ (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=886356224740997&set=a.139504616092832.17661.100000998836574&type=1&theater) เพราะไม่อยากเห็นสถานการณ์ดั่งวันนี้เกิดขึ้น แต่ท้ายสุดก็หนีไม่พ้น
ลองคิดถึงอกเขาอกเราบ้างซิครับ
หากคนไทยที่ถูกฝังอย่างโดดเดี่ยวอยู่ใต้ดินเป็นญาติพี่น้องของท่าน
หากคนที่ถูกคุมขังในคุกเถื่อนเป็นญาติพี่น้องของท่าน
หากคนที่ถูกบังคับให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนจนต้องกระโดดเรือหนีกลายเป็น "คนผี"หรือ "คนตกเรือ เป็นญาติพี่น้องของท่าน
ท่านจะรู้สึกอย่างไร
---------------

โสภณ องค์การณ์” ชี้เป็นเกียรติ “บิ๊กตู่” เรียก ไอ้! เหน็บกลับ ไม่ขอเป็น ส.ส. แต่ขอเป็น “นายกรัฐมนตรี” ทางลัด

“โสภณ องค์การณ์” ชี้เป็นเกียรติ “บิ๊กตู่” เรียก ไอ้! เหน็บกลับ ไม่ขอเป็น ส.ส. แต่ขอเป็น “นายกรัฐมนตรี” ทางลัด
       
       ช่วงค่ำวันนี้ (25 มี.ค.) มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กของ นายโสภณ องค์การณ์ คอลัมนิสต์เอเอสทีวี ผู้จัดการ “sopon.onkgara” ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า ได้ฟังท่านนายกฯ พูดพาดพิงถึงผมกับคุณชัช ท้าให้ผมเป็นนายกฯ ผมเป็นปลื้มมากครับ
       
       ท่านเรียกพวกผมว่า “ไอ้” ฟังแล้วเหมือนรู้จักสนิทสนมกับผมมายาวนาน ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว ไม่เคยพบกัน ไม่เคยเดินเฉียดกันในระยะ 100 เมตร ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ท่าน “ตาถึง” มองว่าผมมีศักยภาพพอที่จะรับช่วงเป็นนายกฯ แทนท่าน
       
       แต่ถ้าจะให้ผมเป็น ส.ส. ก่อนผมไม่เอาครับ ผมชอบมาทางลัดแบบท่านนี่แหละ ถ้าให้ผมเป็นนายกฯ จริงผมต้องมีอำนาจเหมือนท่านนะครับ ผมรอคำสั่งแต่งตั้งจากท่านอยู่ด้วยใจระทึกนะครับ
       
       ขอขอบพระคุณอย่างสูงในความกรุณา บอกผมล่วงหน้า 1 ชั่วโมงก็พอครับ เอ่อ! ผมมีเงื่อนไขเดียว ผมต้องไว้ผมยาว นุ่งยีนส์ ใส่เสื้อลายสก็อตเหมือนเดิมนะครับ อย่าลืมนะครับ ผมรออยู่

สถานการณ์การค้ามนุษย์ประเทศไทย ปี 2557(ตอนที่ 1)


สถานการณ์การค้ามนุษย์ประเทศไทย ปี 2557(ตอนที่ 1)

นับตั้งแต่ พรบ.การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ได้เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2551 เป็นต้นมา สถานการณ์การค้ามนุษย์ โดยเฉพาะในด้านแรงงาน ค้าเด็ก ค้าผู้หญิง ฯ ของประเทศไทยมีอันดับที่ตกต่ำลงเป็นลำดับจากการจัดระดับสถานการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เรื่องสถานการณ์การค้ามนุษย์ประจำปี หรือ Trafficking in Persons Report (TIP Report) ซึ่งได้จัดทำมาต่อเนื่องกว่า 10 ปีแล้ว แบ่งสถานการณ์เป็น 4 ระดับ (Tier) คือ "ระดับ 1" (Tier 1) ประเทศที่รัฐบาลทำได้ดีในการป้องกันและการคุ้มครองเหยื่อการค้ามนุษย์ "ระดับ 2" (Tier 2) ประเทศที่ยังทำไม่ได้ตามมาตรฐานขั้นต่ำ แต่กำลังใช้ความพยายาม ต่อไปคือ "ระดับ 2 ขึ้นบัญชีจับตามอง" (Tier 2 Watch list) ถือเป็นประเทศในระดับ 2 ที่มีเงื่อนไขพิเศษ เช่น จำนวนเหยื่อการค้ามนุษย์มีสูงมากหรือกำลังเพิ่มสูง สุดท้ายคือ "ระดับ 3" (Tier 3) หมายถึงประเทศที่ไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันช่วยเหลือเหยื่อหรือจับกุมผู้ ค้ามนุษย์

ในปี 2554 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ใน "ระดับ 2 บัญชีต้องจับตามอง" เช่นเดียวกับปี 2553 หมายความว่า ยังมีการค้ามนุษย์อยู่มากและรัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสนใจแก้ปัญหามากเท่าที่ควร ในปี 2554 ตัวเลขเหยื่อแก๊งการค้ามนุษย์ทั่วโลกมีสูงกว่า 12 ล้านคน ตามรายงาน TIP Report "ระดับ 1" (Tier 1) เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา ฯลฯ "ระดับ 2" (Tier 2) เช่น มาเลเซีย "ระดับ 2 บัญชีจับตามอง" (Tier 2 Watch list) มี 58 ประเทศ เช่น ไทย เวียดนาม ลาว บรูไน อัฟกานิสสถาน จีน อินเดีย ฯลฯ สุดท้ายคือ "ระดับ 3" (Tier 3) มี 13 ประเทศ เช่น พม่า ปาปัวนิวกินี อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย ฯลฯ [1]

ปี 2555 รายงาน TIP Report ยืนยันว่าประเทศไทยถูกประเมินโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้อยู่ในกลุ่มประเทศ Tier 2-Watch List คือ เป็นประเทศที่ถูกจับตามองเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ รัฐบาลไทยถูกเตือนว่ายังไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลขั้นต่ำว่าด้วยการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ [2]

ปี 2555 [3] พบว่าประชากรราว 27 ล้านคน จาก 185 ประเทศทั่วโลก ตกเป็นเหยื่อการใช้งานเยี่ยงทาส รวมถึงถูกทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยวและถูกบังคับให้ทำงานหนักอย่างต่อเนื่องโดยไม่จ่ายค่าแรง โดยประเทศที่ปฏิบัติต่อแรงงานเยี่ยงทาสติดอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ แอลจีเรีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ลิเบีย เกาหลีเหนือ ซาอุดีอาระเบีย และซีเรีย โดยมีประเทศที่มีพัฒนาการในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์ และละเมิดสิทธิมนุษยชนในปีที่ผ่านมา (2554-2555) มี 2 ชาติ ได้แก่ พม่าและเวเนซุเอลา ขณะที่สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดในข้อหาค้ามนุษย์ มีจำนวนทั้งหมด 42,291 รายทั่วโลก หรือเพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับสถิติที่สำรวจได้เมื่อปี 2553 แต่มีผู้ต้องหา 3,969 รายเท่านั้นที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปี 2556 รายงาน TIP Report ประเทศไทยยังถูกประเมินให้อยู่ในกลุ่มประเทศ Tier 2-Watch List

สิ้นปี 2557 ประเทศไทยถูกลดระดับ (Tier) สถานการณ์ TIP Report จากระดับบัญชีกลุ่มที่ 2 ซึ่งต้องจับตามอง (Tier 2 Watch List) ลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดบัญชีกลุ่มที่ 3 (Tier 3) ซึ่งหมายถึง ประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำของกฎหมายสหรัฐอเมริกาและไม่มีความพยายามแก้ไขปัญหา ประเทศไทยเป็นประเทศต้นทาง ปลายทาง และทางผ่านสำหรับการค้าผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กเพื่อการบังคับใช้แรงงานและการบังคับค้าประเวณี [4] ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีสถานการณ์ค้ามนุษย์ในระดับเลวร้ายที่สุด ในกลุ่มที่ 3 จากที่มีอยู่ 23 ประเทศ ได้แก่ แอลจีเรีย, แอฟริกากลาง, คองโก, คิวบา, อิเควทอเรียล กินี, เอริเทรีย, แกมเบีย, กินี-บิซเซา, อิหร่าน, เกาหลีเหนือ, คูเวต, ลิเบีย, มาเลเซีย, มอริเตเนีย, ปาปัว นิวกินี, รัสเซีย, ซาอุดิอาระเบีย, ซีเรีย, ไทย, อุซเบกิซสถาน, เยเมน, เวเนซุเอลา, ซิมบับเว เนื่องจากไทยอยู่ในบัญชีที่ 2 จับตามอง ติดต่อกันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2553 และในปี 2556 - 2557 ก่อนที่ คสช. จะเข้ามาบริหาร ไทยไม่สามารถปรับขึ้นมาอยู่ในอันดับ เทียร์ 1 ส่งผลให้ตกอยู่ในเทียร์ 3 โดยอัตโนมัติทันที ได้แก่ ไทย มาเลเซีย เวเนซุเอลา [5] อันมีผลต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจค้าขายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ [6]

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมปัญหาการค้ามนุษย์ในมิติไทย-สหรัฐ ว่า การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน รวมทั้งการลดระดับความน่าเชื่อถือของเทียร์ 3 ในปัจจุบัน เรื่องของรายงานการประมงผิดกฎหมายที่หลายเรื่องต้องเร่งดำเนินการภายในต้นปีนี้ให้ได้ แต่ไม่ใช่เริ่มใหม่ทั้งหมด เพียงแต่บูรณาการทุกอย่างให้ได้เพียงแต่บูรณาการทุกอย่างให้ได้ และสร้างการรับรู้ทั้งในและต่างประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่มีส่วนร่วม เพราะมีผลกระทบทั้งสิ้น ทั้งเรื่องการค้าการลงทุน [7]

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าววิตกห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" [8] เพราะประเทศไทยถูกลดอันดับ TIP Report ลง พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า การแก้ปัญหาเรื่องการค้ามนุษย์ เป็นสิ่งสำคัญเร่งด่วน ซึ่งได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์และความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ในประเทศไทย เพื่อประเมินผลการดำเนินงาน ทบทวนประสิทธิภาพของกลไกการทำงานที่มีอยู่ สำหรับเป็นข้อมูลพื้นฐานในการหารือ และวางแผนการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นรายเดือน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เป็นต้นไป ซึ่งที่ประชุมรับทราบถึงปัญหาและอุปสรรคที่หน่วยราชการต่าง ๆ ประสบ ที่จะต้องดำเนินการในปี 2558 สำหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ ทั้งในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การให้ความคุ้มครองแก่เหยื่อการค้ามนุษย์และพยาน การป้องกันการค้ามนุษย์ และการสร้างความเป็นหุ้นส่วนกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคเอกชน ภาควิชาการ องค์กรอิสระ และสื่อมวลชนพร้อมได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 คณะ ประกอบด้วย [9]

(1) คณะอนุกรรมการเรื่องค้ามนุษย์

(2) คณะอนุกรรมการเรื่องประมง และ IUU

(3) คณะอนุกรรมการเรื่องแรงงานเด็ก แรงงานบังคับและแรงงานต่างชาติ

(4) คณะอนุกรรมการสตรี และ

(5) คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายและประชาสัมพันธ์

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า ทุกคณะต้องมีเป้าหมายและแผนงานอย่างชัดเจน พร้อมรายงานผลการดำเนินการให้ทราบทุกเดือน โดยในวันที่ 7 มกราคม 2558 จะกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาวและกำหนด Road Map ในการแก้ปัญหาในการรับรู้ให้กับองค์ระหว่างประเทศ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อการค้าขาย เศรษฐกิจ การส่งออกเกี่ยวกับเรื่องประมง สินค้าทางประมงที่มีมูลค่ากว่าสองแสนล้านบาท นอกจากนี้ การจดทะเบียนเรือประมงไทยเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการต้องจดทะเบียนเรือทุกลำ ติด GPS ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2558 ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้นานาชาติได้รับรู้ถึงการแก้ไขปัญหา เพื่อจะลดระดับในเรื่องของ ความเป็น Tier 3 ลงและในเรื่องของกติกา (Illegal Unreported and Unregulated Fishing : IUU) เรื่องประมงด้วย จะมีผลต่อเสถียรภาพ ซึ่งรัฐบาลจะแก้ปัญหา Tier 3 ให้ได้โดยเร็ว [10]

การแต่งตั้งคณะคณะอนุกรรมการทั้ง 5 คณะดังกล่าวของ คสช. ถือว่าเป็นการเสริมกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านแรงงาน ซึ่งได้แต่งตั้งอนุกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงานสภาปฏิรูปแห่งชาติไว้แล้วรวม 5 คณะ คือ [11]

1. อนุกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงานด้านจัดหางานเพื่อคนไทยและแรงงานต่างด้าว

2. อนุกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงานด้านสวัสดิการคุ้มครองแรงงานและแรงงานสัมพันธ์

3. อนุกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงานด้านพัฒนาฝีมือแรงงาน

4. อนุกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงานด้านประกันสังคม

5. อนุกรรมาธิการปฏิรูปการแรงงานด้านการมีส่วนร่วมของแรงงาน

อย่างไรก็ตาม มาตรการทางด้านการแรงงาน และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์มีสภาพปัญหาที่เกี่ยวพันกัน โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่ต้องมีการประสานบูรณาการแก้ไขปัญหาทั้งสองมาตรการให้สอดคล้องควบคู่ไปด้วยกัน

นับจากปี 2554 เป็นต้นมาประเทศไทยได้ถูกจัดอันดับรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ TIP Report อยู่ที่บัญชีระดับ 2 "จับตามอง" (Tier 2 Watch List) แต่อีกสามปีต่อมาในปี 2557 ถูกลดอันดับลงมาอยู่ในบัญชีกลุ่มที่ 3 ซึ่งเป็นกลุ่มที่สถานการณ์ค้ามนุษย์อยู่ในระดับเลวร้ายที่สุด แม้ว่าก่อนหน้านั้นในปี 2555 [12] ก็ได้วิตกกันมาแล้วว่าอาจถูกปรับลดระดับลงมาในระดับ 3 เพราะประเทศไทยถูกจัดไว้ในกลุ่มประเทศที่ถูก "จับตามอง" ในเรื่องนี้เป็นพิเศษมาสามปีติดต่อกัน คือ ตั้งแต่ปี 2553, 2554 และ 2555 การถูกปรับลดระดับลงในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการลดอันดับลงครั้งสำคัญ เพราะมีการรักษาระดับที่ 2 มาเป็นเวลานานถึง 3 ปี จึงมีคำถามว่า ข้อเท็จจริงในสถานการณ์การค้ามนุษย์ได้ตกต่ำลดลงจริงหรือไม่ในสายตาของสาธารณชนและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง คงต้องหันมาตรวจสอบข้อมูลเปรียบเทียบผลการดำเนินการของประเทศไทยในรอบก่อนปี 2554 และผลการดำเนินการในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (2554 - 2557) [13]

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/583378

ไทยถูกลดระดับต่ำสุดค้ามนุษย์

(ข่าวเดิม)
ไทยถูกลดระดับต่ำสุดค้ามนุษย์
21มิ.ย.2557

กดขี่แรงงาน-ค้ากาม กต.สหรัฐทำรายงาน ‘โอบามา’จ่อคว่ำบาตร

(21/6/57)สหรัฐฯลดระดับความน่าเชื่อถือในการตอบสนอง การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ของไทย ชี้ล้มเหลวหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง เอาแรงงานต่างด้าวมาบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณี จวกยับเจ้าหน้าที่กองทัพเรือพัวพันผลประโยชน์โรฮิงญา ขณะที่สำนักกลางคริสเตียนในไทยถกปัญหาค้ามนุษย์แนะรัฐต้องร่วมมือแก้ปัญหามากๆ

หลังจากที่ประเทศไทยถูกจับตาเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์ ในที่สุดเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกแถลงรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ หรือทีไอพี ประจำปี 2557 อย่างเป็นทางการ ผลปรากฏว่า ไทยถูกปรับลดระดับลงไปอยู่ระดับ 3 หรือ Tier 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด เทียบเท่ากับซีเรีย ซาอุดีอาระเบีย เยเมน ซิมบับเว เกาหลีเหนือ คิวบา รัสเซีย จากเดิมที่เคยอยู่ระดับ 2 Watch List ระดับจับตาพิเศษ โดยให้เหตุผลว่าไทยไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรฐาน ในการจัดการปัญหาค้ามนุษย์ อย่างที่มีการเตือนตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งไม่พยายามแก้ปัญหาเท่าที่ควร การพยายามบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์ยังไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้ผู้กระทำผิดได้รับการละเว้นโทษ ซึ่งถือเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการแก้ไข

ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯยังยกตัวอย่างในเรื่องความล้มเหลวในการปราบปรามการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมการประมง การลักลอบนำแรงงานต่างด้าวมาใช้แรงงานและค้าประเวณี ไปจนถึงเหตุที่เจ้าหน้าที่กองทัพเรือไทยพัวพันการหาผลประโยชน์กับผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงญา ทั้งยังฟ้องร้องผู้สื่อข่าว 2 คน ที่นำรายงานข่าวของรอยเตอร์พิมพ์เผยแพร่ซ้ำด้วย

รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ เป็นรายงานประจำปีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มีหน้าที่ต้องจัดทำขึ้นตามกฎหมายสหรัฐฯ-Trafficking Victims Protection Act of 2000 หรือทีวีพีเอ เพื่อเสนอรัฐสภาสหรัฐฯ เกี่ยวกับสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยจัดระดับดังนี้

Tier 1 ประเทศที่ดำเนินการโดยสอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำในการขจัดการค้ามนุษย์ตาม กฎหมายทีวีพีเอ, Tier 2 ประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามทีวีพีเอ แต่ได้ใช้ความพยายามอย่างมีนัยสำคัญในการปรับปรุงแก้ไข, Tier 2 Watch List หรือ Tier 2.5 คล้ายกับ Tier 2 แต่มีเหยื่อการค้ามนุษย์จำนวนมากหรือเพิ่มขึ้นมาก หรือไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าได้ใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นในการต่อต้านการค้ามนุษย์ และ Tier 3 ประเทศที่ดำเนินการไม่สอดคล้องกับมาตรฐานขั้นต่ำตามทีวีพีเอ และไม่ได้ใช้ความพยายามอย่างมีนัยสาคัญ ซึ่งสหรัฐฯอาจพิจารณาระงับการให้ความช่วยเหลือที่มิใช่ความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม และความช่วยเหลือที่เกี่ยวกับการค้า นอกจากนี้ รายงานทีพีไอของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯครั้งนี้ ยังได้ปรับลดระดับมาเลเซีย และเวเนซุเอลา ลงไปอยู่ระดับ 3 เฉกเช่นเดียวกับไทยด้วย

ส่วนความเคลื่อนไหวที่ไทย วันเดียวกัน ที่สำนักกลางนักเรียนคริสเตียนวันเดียวกันมีการจัดงาน “10 ปี มูลนิธิพิทักษ์สตรี (เอเอที)” นายโยเก้น โทมัส ผู้อำนวยการเอเอที กล่าวเปิดงานว่า เอเอทีให้การคุ้มครองช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กที่อยู่ในธุรกิจทางเพศมา 1,591 คน พบเป็นเด็กและผู้หญิงที่มาจากสปป.ลาวมากที่สุด 995 คน รองมาเป็นพม่า 227 คน กัมพูชา 157 คน ไทย 96 คน เพื่อเป็นการแก้ปัญหา ขอเสนอทางแก้ คือต้องมีกลไกระหว่างรัฐที่จะมาแก้ปัญหาร่วมกัน พร้อมพัฒนาความร่วมมือกลุ่มผู้หญิงด้วยกันในภูมิภาคอาเซียน และสร้างความตระหนักรู้ปัญหาค้ามนุษย์ให้คนตั้งแต่ระดับรากหญ้าทั้งชายและหญิง

ขณะเดียวกัน ในการเสวนาเรื่อง ทางเลือกทางออกของเด็กและผู้หญิงกับการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์สู่อาเซียน พ.ต.ต.จตุพร อรุณฤกษ์ถวิล ผอ.ส่วนป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ วิทยากรเสวนา กล่าวว่า เหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกหลอกมาไทย มีพม่าถูกหลอกมาบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณี กัมพูชาถูกหลอกมาขอทานใช้แรงงาน และชาวลาวส่วนใหญ่ถูกหลอกมาค้าประเวณี

พ.ต.ต.จตุพรกล่าวด้วยว่า กรณีบังคับขอทาน จากการเข้าจับกุมแก๊งทรมานเด็กขอทานที่พัทยา พบมีเด็กอายุ 3, 5, 7 ขวบ บอกว่า คิดถึงบ้าน แต่ไม่คิดถึงพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ขายเด็กเหล่านี้ หากมีการกวาดล้างเด็กขอทาน ถ้าไม่มีการจับกุมนายหน้าค้ามนุษย์ปัญหาไม่จบ เคยไปจับกุมนายหน้า พบว่าเคยเข้ามาในไทยร้อยกว่าครั้ง ขนคนมาแล้วไม่ต่ำกว่า 500 คน ถือเป็นข้อมูลที่น่าตกใจ สหรัฐอเมริกาก็จับตาเรื่องการใช้แรงงานประมง มีนายหน้าจากชายแดนส่งขายนายหน้าปลายทาง แล้วนำแรงงานไปขังไว้ในห้อง ออกเรือไป 15 วันขึ้นฝั่งกลับมาก็ขังในห้องต่อ ต่อให้จับยังไงปัญหาก็ไม่จบ จึงได้คุยกับผู้ประกอบการประมงที่แสมสาร หารือกันจนเกิดเป็นแสมสารโมเดล โดยให้มีการจัดทำระบบการตรวจสอบ ต่อไปคนต่างด้าวที่เข้ามาในเรือต้องมีการตรวจสอบ

ด้าน น.ส.สิริโสภา เตียนสำรวย นักสังคม สงเคราะห์ชำนาญการ สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านเกร็ดตระการ กล่าวว่า ที่บ้านเกร็ดตระการมีเหยื่อค้ามนุษย์ที่เป็นคนไทยมากกว่าต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ยังพบว่าเป็นเด็กอายุต่ำกว่าที่ผ่านมา เคยเจอกรณีผู้เสียหายเป็นเด็กอายุ 10 ขวบ ถูกล่อลวงไปค้าบริการทางเพศ ขณะที่แม่เล้าเด็กอายุเพียง 12 ปี นอกจากนี้ สาเหตุที่เด็กเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์เนื่องจากติดวัตถุนิยม อยากได้ อยากมีมือถือ ขณะที่โซเชียลเน็ตเวิร์ก อาทิ ไลน์ เป็นเครื่องมือติดต่อให้เด็กเหล่านี้ออกมาค้าบริการทางเพศ อย่างเช่นกรณีหนึ่ง มีการนัดเพื่อนผ่านไลน์ชวนไปกินหมูกระทะ แต่เอาเข้าจริงเป็นการหลอกไปพบลูกค้าซื้อประเวณี

สำนักข่าวเอพีรายงานในเวลาต่อมาว่า นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา กล่าวแสดงความผิดหวังภายหลังทราบข่าวประเทศไทยถูกรัฐบาลสหรัฐฯลดระดับการให้ความร่วมมือแก้ปัญหาค้ามนุษย์ โดยระบุรายงานดังกล่าวไม่น่าได้รับการยอมรับ เพราะรัฐบาลไทยได้ดำเนินการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมและคืบหน้าแล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยยังพร้อมให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างต่อเนื่อง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของรายงานสถานการณ์ค้ามนุษย์ประจำปี 2557 รัฐบาลสหรัฐฯได้ยกระดับรัฐบาลจีนดีขึ้นจากการแก้ปัญหาเกี่ยวกับค่ายกักกันแรงงานในประเทศให้ดีขึ้น ขณะที่ความเคลื่อนไหวหลังจากนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ มีเวลา 90 วัน เพื่อพิจารณาตัดสินใจคว่ำบาตรใดๆ ต่อรัฐบาลประเทศที่ถูกลดระดับการให้ความร่วมมือแก้ปัญหาค้ามนุษย์อยู่ที่ระดับ 3 จำนวน 23 ประเทศ รวมถึงไทย มาเลเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย และซิมบับเว

“พลเอก ประวิตร” ยอมรับห่วง IUU-EU จะตัดสิทธิ์ส่งออกอาหารทะเล ผลจากค้ามนุษย์


“พลเอก ประวิตร” ยอมรับห่วง IUU-EU จะตัดสิทธิ์ส่งออกอาหารทะเล ผลจ่กค้ามนุษย์ ถกค้ามนุษย์ ออกตัวอเมริกา เตือนมา 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งบอกว่าจะลดระดับ ยกเป็นวาระแห่งชาติ ส่ง พม.ดูชาวประมงตกค้างที่ อัมบน อินโดฯ แล้ว เลื่อนเยือนอินโดฯ
บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ว่าได้มีการหารือถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาทางสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป EUประเมินว่าสินค้าประมงไทยเข้าข่ายเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เตือนเรามา 10 ปีแล้ว ทั้งการรายงานต่อ IUU ที่ขณะนี้เราได้รับใบเหลืองในเรื่องนี้ และการลดระดับการปราบปรามการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับTier 3 เพื่อทำให้เป็นไปตามหลักสากล ทั้งในเรื่องของการออกกฎหมายและการกำชับเจ้าหน้าที่ ป้องกันไม่ให้มีเรื่องของการค้ามนุษย์หรือแรงงานเถื่อน 

ที่ผ่านมาเรากำหนดมาตรการและยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ที่มีผลกระทบต่อประเทศ และแจ้งให้นายกฯ รับทราบ เพื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชน ต้องช่วยกันทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป

เมื่อถามถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยและลูกเรือประมงไทยที่ตกค้างที่ประเทศอินโดนีเซียได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลในเรื่องนี้แล้ว เดิมที ผมจะเดินทางไปด้วยตัวเอง แต่ผู้นำอินโดนีเซียยังติดภารกิจ จึงเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
จากนั้นจะเดินทางไปพบเพื่อตกลงเรื่องความมั่นคงทางทะเลและการประมง เพื่อให้เกิดความชัดเจน และทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันได้

เมื่อถามกรณีที่ทางสหรัฐฯ ประเมินให้ไทยอยู่ในประเทศTier 3 นั้น มีการนำเรื่องการเมืองของไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพิจารณาหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องการเมืองผมไม่ทราบ แต่สหรัฐฯ เขาเตือนไทยมากว่า 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งบอกว่าจะลดระดับประเทศไทย มันเป็นเรื่องเก่า

"ยอมรับว่ากังวลอยู่กับเรื่องIUU ให้เวลาเรา 180 วันในการแก้ปัญหา ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้เราไม่สามารถส่งออกอาหารทะเลได้ และประเทศจะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเรื่องรายได้จากตรงนี้"


"พลเอก ประวิตร" แจงทูตเยอรมัน ไทยเร่งปราบค้ามนุษย์-ประมงผิดกฎหมาย วอน EU เข้าใจ


"พลเอก ประวิตร" แจงทูตเยอรมัน ไทยเร่งปราบค้ามนุษย์-ประมงผิดกฎหมาย วอน EU เข้าใจ ยันคืบหน้าไปมาก ย้ำ รัฐบาลตั้งใจอย่างสูงจัดระเบียบประมงให้ได้มาตรฐานสากลตามที่EUกำหนด หวั่นกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงไทย/ เยอรมัน ยันไม่แทรกแซง ไทย หวังเป็นไปตาม โรดแมพ
ที่กระทรวงกลาโหม นาย Rolf Peter Gottfried Schulze เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี และ รมว.กห.
พันเอก คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกลาโหม เผยว่า ออท.เยอรมนี กล่าวว่าเยอรมนีเคารพและเข้าใจในสถานการณ์ของประเทศไทยอย่างดี ถือเป็นกิจการภายในที่จะไม่เข้าไปแทรกแซง การที่รัฐบาลได้แสดงโรดแมปของการปฏิรูปประเทศที่ผ่านมาถือเป็นก้าวสำคัญ เยอรมนีพร้อมและยินดีให้ความร่วมมือในห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ เพื่อกระชับและพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมากว่า ๑๕๐ ปีให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
การแลกเปลี่ยนการเยือนของคณะผู้แทนไทยในรัฐบาลปัจจุบันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการคงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ เยอรมนีและบริษัทเอกชนพร้อมและยินดีที่จะเข้ามาสนับสนุนและขยายการลงทุนในไทย ทั้งเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ และการค้าการลงทุนอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน พลเอก ประวิตร ได้กล่าวแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลเยอรมันนีมีความเข้าใจต่อสถานการณ์ของประเทศไทยและสนับสนุนการเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามโรดแมปที่กำหนด
พร้อมทั้งได้ใช้โอกาสนี้ พลเอก ประวิตร ได้แจ้งให้ทราบถึงความพยายามของรัฐบาลและทุกภาคส่วนของสังคมในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์และการประมงผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้มีผลความคืบหน้าไปมาก รัฐบาลมีความตั้งใจอย่างสูงที่จะดำเนินการจัดระเบียบประมงให้ได้มาตรฐานสากลตามที่สหภาพยุโรปกำหนด เพื่อไม่ให้กระทบต่ออุตสาหกรรมประมงในภาพรวมของประเทศ
สำหรับความร่วมมือทางการค้า การลงทุน รองนายกฯ ได้เสนอให้จัดตั้งกรรมาธิการร่วมระดับสูงของทั้งสองประเทศขึ้น เพื่อหารือแลกเปลี่ยนและสนับสนุนกันโดยมุ่งประโยชน์ร่วมของทั้งสองฝ่ายต่อไป
สำหรับความร่วมมือทางทหารนั้น ไทยมีความพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนการฝึกศึกษาและพัฒนาการทางทหารร่วมกันให้มากขึ้น
ออท.เยอรมนี ได้แสดงความขอบคุณและตอบรับด้วยดี โดยมองว่าผลประโยชน์ร่วมและมิตรภาพของทั้งสองประเทศมีความยิ่งใหญ่กว่าความคิดเห็นต่าง และเยอรมนีก็พร้อมที่จะสนับสนุนไทยในทุกเรื่อง


(ข่าวเดิม)ประวิตรเร่งสางการค้ามนุษย์แก้ปมอียูค้านสินค้าประมงไทย

(ข่าวเดิม)ประวิตรเร่งสางการค้ามนุษย์แก้ปมอียูค้านสินค้าประมงไทย


23 มี.ค. 58 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ว่า ได้มีการหารือถึงมาตรการป้องกันและปราบปรามเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เนื่องจากที่ผ่านมาทางสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (อียู) ประเมินว่าสินค้าประมงไทยเข้าข่ายเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เตือนเรามา 10 ปีแล้ว ทั้งการรายงานต่อไอยูยู ที่ขณะนี้เราได้รับใบเหลืองในเรื่องนี้ และการลดระดับการปราบปรามการค้ามนุษย์ให้อยู่ในระดับเทียร์สาม เพื่อทำให้เป็นไปตามหลักสากล ทั้งในเรื่องของการออกกฎหมายและการกำชับเจ้าหน้าที่ ป้องกันไม่ให้มีเรื่องของการค้ามนุษย์หรือแรงงานเถื่อน ที่ผ่านมาเรากำหนดมาตรการและยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ที่มีผลกระทบต่อประเทศ และแจ้งให้นายกฯรับทราบ เพื่อประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือประชาชน ต้องช่วยกันทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป
 
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยและลูกเรือประมงไทยที่ตกค้างที่ประเทศอินโดนีเซียว่าได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลในเรื่องนี้แล้ว เดิมทีตนจะเดินทางไปด้วยตัวเอง แต่ผู้นำอินโดนีเซียยังติดภารกิจ จึงเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน จากนั้นจะเดินทางไปพบเพื่อตกลงเรื่องความมั่นคงทางทะเลและการประมง เพื่อให้เกิดความชัดเจน และทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันได้
 
เมื่อถามกรณีที่ทางสหรัฐฯ ประเมินให้ไทยอยู่ในประเทศเทียร์สามนั้น มีการนำเรื่องการเมืองของไทยเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพิจารณาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรื่องการเมืองตนไม่ทราบ แต่สหรัฐฯ เขาเตือนไทยมากว่า 10 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งบอกว่าจะลดระดับประเทศไทย มันเป็นเรื่องเก่า ซึ่งยอมรับว่ากังวลอยู่กับเรื่องไอยูยูที่ให้เวลาเรา 180 วันในการแก้ปัญหา ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้เราไม่สามารถส่งออกอาหารทะเลได้ และประเทศจะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเรื่องรายได้จากตรงนี้

สถานการณ์ข่าว25/3/58

Jab25Mar15

คดีความมั่นคง

พล.อ.ประวิตร ยัน ดูแลความมั่นคง-ปลอดภัยเต็มที่ หลังพบระเบิด ประสาน กทม.พร้อมสนับสนุนกำลังพล เครื่องมือ ระบายน้ำ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีน้ำท่วมกรุงเทพมหานครเมื่อวานที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ได้ประสานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและได้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก ขณะเดียวกัน ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน โดยสาเหตุน้ำท่วมเกิดจากการที่ กทม.ไม่ได้ทำการพร่องน้ำในคลองแสนแสบไว้จึงเกิดน้ำท่วมขังทั่วกรุงเทพมหานครหลายจุด โดยเฉพาะแยกอโศก

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังระบุถึงมาตรการรักษาความปลอดในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายหลังจากมีการพบวัตถุระเบิดในพื้นที่ใกล้เคียงสถานที่จัดประชุม ว่า วัตถุระเบิดที่พบเป็นเพียงการนำมาซุกซ่อน โดยฝ่ายความมั่นคงได้ดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนการรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตราการรักษาความปลอดภัยตามปกติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจและทหารในการดูแลพื้นที่อยู่แล้ว
/////////////////////
คดีการเมือง

"พีระศักดิ์" ยัน สนช. ไม่เร่งรีบถกถอดถอน "บุญทรง" แจง ทำตามขั้นตอน ยึดข้อบังคับ สัปดาห์นี้ จับตา พ.ร.บ.ค้ามนุษย์

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN  ว่า การบรรจุคดีถอดถอน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก เข้าสู่การพิจารณานั้น ไม่ได้มีความเร่งรีบ หรือรีบร้อน ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาตั้งข้อสังเกต แต่เป็นการดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับ ที่จะต้องนำเข้าพิจารณา ภายใน 30 วัน หลังจากรับสำนวนจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  เบื้องต้นจะครบกำหนดในวันที่ 10 เม.ย. ดังนั้นจึงไม่ถือเป็นการเร่งรีบแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายพีระศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า การประชุมในสัปดาห์นี้จะมีกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ ที่กรรมาธิการฯพิจารณาเสร็จแล้วเข้าสู่สภา เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป ซึ่งถือเป็นร่าง พ.ร.บ. สำคัญ ที่จะเป็นตัวยืนยันกับนานาชาติ ว่า ไทยได้มีการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง และสนับสนุนทำการค้ากับต่างประเทศ รวมถึงจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับ มหาวิทยาลัย ที่ขอออกนอกระบบด้วย
----------------
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลือกองค์คณะในคดีบุญทรงทุจริตจำนำข้าวแล้ว 9 ท่าน นัดประชุม 20 เม.ย. นี้

ที่ ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีมติพิจารณาเลือกองค์คณะผู้พิพากษา ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวก 21 คน กรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี  ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

โดยมีผู้พิพากษาร่วมประชุม จำนวน 170 คน ซึ่งมติการลงคะแนน มีผู้พิพากษาในศาลฎีกาที่ได้รับเลือกเป็นองค์คณะจำนวน 9 คน คือ นายธนกฤษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นางทัศนีย์ จั่นสัญจัย ธรรมเกณฑ์ นายชีพ จุลมนต์ นางพฤษภา พนมยันตร์ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ นางนวลน้อย ผลทวี และ นายอภิรัตน์ ลัดพลี

โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งให้องค์คณะทั้ง 9 คน รับทราบว่าเป็ผู้ถูกพิจารณารับเลือกให้พิจารณาคดีดังกล่าว  ก่อนที่องค์คณะจะมีการประชุมเลือกเจ้าของสำนวน รวมถึงประชุมพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องคดีตามที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องมาหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นมีกำหนดนัดวันประชุมในวันที่ 20 เมษายนนี้
-------------------------
บรรยากาศล่าสุดที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เตรียมปิดประกาศรายชื่อองค์คณะ

ศาลฎีกา ได้นัดประชุมใหญ่ศาลฎีกาเพื่อ เลือกองค์คณะ ทำหน้าที่พิจารณาคดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก 21 คน ในฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ ฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่รัฐ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

โดยเมื่อเวลา 10.00 น. ทางคณะผู้พิพากษาได้ประชุมแล้วเสร็จ แต่ไม่ได้มีการแถลงรายละเอียดหรือชี้แจงรายชื่อองค์คณะผู้ทำหน้าที่พิจารณาคดี นายบุญทรง กับพวกแต่อย่างใดด้านบรรยากาศยังคงมีสื่อมวลชนปักหลักติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
////////////////
สปช./กมธ.ยกร่าง

"บวรศักดิ์" แจ้งเลื่อนประชุมภายใน เตรียมความพร้อมลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจเนื้อหา ร่าง รธน. คาดทบทวนไม่จบ 315 มาตราวันนี้

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้าว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะมีการพิจารณากระบวนการทำงานเป็นการภายในเพื่อเตรียมพร้อมชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 20 - 26 เมษายนนี้ รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเวทีแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนในวันที่ 31 มีนาคมนี้จะพิจารณามาตราที่แขวนไว้ คือ สัดส่วนของเพศตรงข้าม

ขณะที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แจ้งในที่ประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เลื่อนประชุมภายในเป็นวันที่ 30 มีนาคม - 2 เมษายน เนื่องจากมีการเสนอให้พิจารณารายละเอียดในบางมาตราใหม่อีกครั้ง จึงคาดว่าไม่สามารถพิจารณาให้เสร็จทั้ง 315 มาตราภายในวันนี้ และเริ่มประชุมภายในในวันพฤหัสบดีนี้ตามกำหนดเดิมได้
----
สมาชิก สปช.เข้าชื่อยื่นญัตติเทียนฉาย ขอเพิ่มวันพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรก รอหารือวิป สปช. พรุ่งนี้

สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นำโดย นายทิวา การกระสัง สปช.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นญัตติถึง นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. โดยมีสมาชิกรับรองญัตติ 6 คน เพื่อเสนอให้จัดการประชุม สปช.พิจารณากำหนดวันอภิปรายรัฐธรรมนูญร่างแรก ซึ่งตามกำหนดเดิมนัดประชุมวันที่ 20-26 เมษายน และวันที่ 23 เมษายน เริ่มประชุมในเวลา 14.00 น. ทำให้มีเวลาพิจารณาเพียง 6 วันครึ่ง

ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 36 บัญญัติให้ สปช. มีเวลาพิจารณา 10 วัน นับจากได้รับร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเห็นควรให้มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 18 หรือ 19 เมษายน เพราะ สปช.ได้รับร่างในวันที่ 17 เมษายน รวมไปถึงหลังการอภิปรายแล้ว สปช.จะเข้าชื่อเสนอคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกว่าแปรญัตติกันอย่างไรจึงเกิดประสิทธิภาพในการทำหน้าที่

อย่างไรก็ตาม จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุม วิป สปช. พรุ่งนี้ด้วย
----------------------
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้หารือแนวทางรับมือการชี้แจงรัฐธรรมนูญร่างแรกที่จะเสนอต่อประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ขณะที่สมาชิก สปช. 6 คนร่วมลงชื่อ เสนอญัตติต่อประธาน สปช. ให้เพิ่มวันประชุม สปช. เพื่อพิจารณารัฐธรรมนูญร่างแรกให้เกิดประสิทธิภาพ

การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่าวงมีการหารือถึงแนวทางการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 20-26 เมษายน 2558 ว่าเวลารวมทั้งสิ้น 79 ชั่วโมง โดยได้มีการเสนอกรอบเวลาให้กรรมาธิการยกร่างฯ ชี้แจงและตอบข้อสงสัย รวม 15 ชั่วโมง ขณะที่ สปช. มีเวลาในการอภิปรายรวม 64 ช.ม.

โดยแบ่งเป็นส่วนของคณะกรรมาธิการปฏิรูป 18 คณะ คณะละ 2 ชั่วโมง  ส่วนสมาชิก สปช. จะสามารถอภิปรายได้คนละ 10 นาที โดยสมาชิก 1 คน สามารถอภิปรายได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น พร้อมทั้งขอให้เน้นย้ำสมาชิก สปช. ให้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบของการให้ความรู้ และทำความเข้าใจกับประชาชนมากกว่าการอภิปรายตำหนิกรรมาธิการยกร่างฯ ทั้งนี้ กรรมาธิการยกร่างฯ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรูปแบบดังกล่าว และเตรียมจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิป สปช. ในวันที่ 26 มี.ค. ต่อไป

ขณะที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ นำโดยนายทิวา การกระสัง สปช.จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นญัตติถึงนายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธาน สปช. โดยมีสมาชิกรับรองญัตติ 6 คน คือ นายดิเรก ถึงฝั่ง พ.อ.สิรวิชญ์ นาคทอง นายศักดา ศรีวิริยะไพบูลย์ นายนิรันดร์ พันทรกิจ นายไพฑูรย์ หลิมวัฒนา และนายทิวา การกระสัง เพื่อเสนอให้จัดการประชุม สปช. พิจารณากำหนดวันอภิปรายรัฐธรรมนญร่างแรก

ซึ่งตามกำหนดเดิมนัดประชุมวันที่ 20-26 เมษายน และวันที่ 23 เมษายน เริ่มประชุมในเวลา 14.00 น. ทำให้มีเวลาพิจารณาเพียง 6 วันครึ่ง ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มาตรา 36 บัญญัติให้ สปช. มีเวลาพิจารณา 10 วัน นับจากได้รับร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจากคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงเห็นควรให้มีการประชุมตั้งแต่วันที่ 18 หรือ 19 เมษายน เพราะ สปช. ได้รับร่างในวันที่ 17 เมษายน รวมไปถึงหลังการอภิปรายแล้ว สปช. จะเข้าชื่อเสนอคพชำขอแก
-----------------------------
กมธ.ยกร่าง หารือแนวทางชี้แจง ร่าง รธน.ต่อสภา 20-26 เม.ย. มีเวลาตอบข้อซักถาม 15 ช.ม. ขณะ สปช. อภิปราย 64 ช.ม.

บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มีการหารือถึงแนวทางการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกต่อที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวันที่ 20-26 เมษายน ซึ่งเวลารวมทั้งสิ้น 79 ชั่วโมง โดยได้มีการเสนอกรอบเวลาให้กรรมาธิการยกร่างฯ ชี้แจงและตอบข้อสงสัย รวม 15 ชั่วโมง ขณะที่ สปช. มีเวลาในการอภิปรายรวม 64 ช.ม. โดยแบ่งเป็นส่วนของคณะกรรมาธิการปฏิรูป 18 คณะ คณะละ 2 ชั่วโมง  ส่วนสมาชิก สปช. จะสามารถอภิปรายได้คนละ 10 นาที โดยสมาชิก 1 คน สามารถอภิปรายได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น พร้อมทั้งขอให้เน้นย้ำสมาชิก สปช. ให้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบของการให้ความรู้ และทำความเข้าใจกับประชาชนมากกว่าการอภิปรายตำหนิกรรมาธิการยกร่างฯ

ทั้งนี้ กรรมาธิการยกร่างฯ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับรูปแบบดังกล่าว และเตรียมจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิป สปช. ในวันที่ 26 มี.ค. ต่อไป
//////////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

ยงยุทธ เผย กำหนดการนายกฯ ประชุม ครม. นอกสถานที่ ติดตามจัดระเบียบชายหาดหัวหิน ตรวจตลาดฉัตรชัย พบปะประชาชน

ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกำหนดการประชุม ครม.นอกสถานที่ ครั้งที่ 1 ที่ สวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 27-28 มีนาคมนี้ ว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 27 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจะรับฟังการสรุปเรื่องการจัดระเบียบชายหาดหัวหิน ที่ ท่าอากาศยานหัวหิน จากนั้นจะออกเดินทางไปยังตลาดฉัตรชัย ในตัวเมืองหัวหิน เพื่อไปดูสภาพเศรษฐกิจและพูดคุยกับประชาชน และจะเดินทางต่อไปยังชายหาดหัวหินเพื่อพบปะผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางต่อไปยังจุดจัดนิทรรศการ "นวัตกรรมและเทคโนโลยีไทยเพื่อเอสเอมอีและเกษตรกร" ก่อนที่จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเริ่มประมาณ 14.00 น. สถานพักฟื้นและพักผ่อน กองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ 2 ซึ่งวาระการประชุมเป็นวาระทั่วไปตามปกติ แต่จะมีวาระเพิ่มเติมในส่วนของวาระที่เกี่ยวข้องกับภูมิภาค ก่อนจะมีการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีและผลการประชุมต่อมาในช่วงเย็น.

และในวันที่ 28 มีนาคม จะมีกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง ครม. และ คสช. และในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางโดยเครื่องบินไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมพิธีสมรสของบุตรี นายกรัฐมนตรีมาเลเซียต่อไป

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางหน่วยงานความมั่นคงดูแลอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว โดยดำเนินการตามมาตรการปกติ
----------------------------
นายกฯ ย้ำ รธน.แล้วเสร็จปลายปีนี้ เข้าสู่เลือกตั้ง ขออย่ากัวล ยันไม่ท้อ สถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะอยู่นาน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวย้ำว่าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญนั้นจะแล้วเสร็จในปลายปีนี้ และหลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่กระบวนการการเลือกตั้ง ซึ่งขออย่ากังวล และวันนี้ไม่รู้สึกท้อ และหากสถานการณ์ประเทศยิ่งเป็นแบบนี้จะทำให้ตนเองยิ่งอยู่นานขึ้น

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการช่วยเหลือแรงงานประมงไทยที่ประเทศอินโดนีเซียนั้น มีการดำเนินการมาโดยตลอด แต่ขออย่าขยายความเนื่องจากอาจเกิดปัญหาประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์ แล้วประเทศจะเสียหาย ส่วนกรณีที่คนพิการเรียกร้องปัญหาเรื่องการขายลอตเตอรรี่นั้น ยืนยันกำลังหามาตรการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อยู่ โดยจะไม่ต่ออายุโควตาในเดือนกรกฎาคมนี้ จัดสรรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง ทั้งนี้ ได้ให้กระทรวงการคลังหยุดชี้แจงเรื่องภาษีบ้านและที่ดิน โดยจะให้ดำเนินการแบบเป็นสากลและเกิดความเป็นธรรม ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มยังไม่มีการปรับขึ้นในปีนี้
---------------------------
พล.อ.ประวิตร ยัน เร่งช่วยเหลือแรงงานถูกหลอก ย้ำต้องมีการวางระบบเพื่อเร่งให้มีการจดทะเบียนแรงงานให้เรียบร้อย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่แรงงานไทยที่ถูกหลอกไปลงเรือประมงและถูกปล่อยบนเกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย ว่า กำลังดำเนินการในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งต้องยอมรับว่าแรงงานที่ไปนั้น เป็นแรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงต้องมีการวางระบบเพื่อเร่งให้มีการจดทะเบียนแรงงานให้เรียบร้อย โดยให้แรงงานที่ลงทะเบียนถูกต้องถึงจะสามารถออกไปได้ และจะมีชุดติดตาม

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ขณะนี้กำลังเร่งช่วยเหลือแรงงานดังกล่าว โดยทางกระทรวงการต่างประเทศ กำลังดำเนินการในเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลเอาจริง และพร้อมทำทุกอย่าง

ขณะเดียวกัน ได้มีการแจ้งให้กับต่างประเทศรับทราบมาโดยตลอด ส่วนการช่วยเหลือเบื้องต้น ทางกระทรวงการต่างประเทศ กำลังประสานงาน และทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดชุดช่วยเหลือลงไป จึงต้องมีการประสานงานกับทางประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการดำเนินการช่วยเหลือยังไม่สามาถกำหนดกรอบได้ เนื่องจากเป็นแรงงานที่ทำ
ผิดกฎหมาย จึงต้องพูดคุยกับทางประเทศอินโดนีเซีย เพื่อลงนามบันทึกความเข้าใจความมั่นคงทางทะเล
----------------------------
นายกฯ นำคณะบินเยือนบรูไนแล้ว ปัดรัฐบาลขัดแย้ง ยังไม่ปรับ ครม. - จี้ กทม.เร่งแก้ระบายน้ำ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนการเดินทางไปเยือนประเทศบรูไนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25-26 มีนาคมนี้
โดยกล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีความขัดแย้งกัน และยังจะไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะมองว่าการปรับคนออกยังไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา ขณะเดียวกันส่วนตัวจะติดตามการทำงานของสื่อมวลชนที่สร้างความแตกแยก ซึ่งหากจำเป็นก็ต้องใช้อำนาจ

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการพิจารณาคดีทางการเมืองขอให้เป็นไปตามกลไกลและกระบวนการยุติธรรม โดยอย่าสู้กันนอกศาล พร้อมกันนี้ยังปฏิเสธว่ารัฐบาลไม่ได้สร้างสถาการณ์กรณีพบระเบิดใกล้พื้นที่จัด ครม.สัญจร

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังระบุว่า ได้สั่งกำชับให้ทางกรุงเทพมหานครดูแลในเรื่องของการระบายน้ำ รวมถึงการเตรียมการไม่ให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพมหานครเช่นเมื่อวานนี้
------------------
"กรณ์" FB หนุนหนุนนายกฯ ปรับภาษีที่ดิน ตัดสิ่งปลูกสร้างออก พร้อมแนะปรับปรุงภาษีบำรุงท้องที่ใหม่

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค "Korn Chatikavanij" เรื่องช่วยกันคิด (ใหม่)เรื่องภาษีที่ดิน โดยระบุว่า เห็นด้วยที่นายกรัฐมนตรี สั่งให้ กระทรวงการคลัง ปรับแนวคิดโดยที่จะเก็บภาษีจาก 'ที่ดิน' เท่านั้น และตัด 'สิ่งปลูกสร้าง' ออก พร้อมกับยอมรับว่า ร่างเดิมของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่ทำไว้เมื่อปี 2553 มีข้อบกพร่อง ซึ่งถ้าตอนนั้น ได้มีการพิจารณาในสภา ข้อบกพร่องต่าง ๆ คงปรากฏ แต่ไม่ได้มีการพิจารณา เพราะยุบสภาไปก่อน

นายกรณ์ ระบุด้วยว่า ปัญหาคือแนวคิดใหม่ของกระทรวงการคลัง ยังอาจจะไม่ตรงกับความต้องการของท่านนายกฯ เพราะตามที่ได้ติดตามการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ยังต้องการเก็บภาษีจากบ้านที่อยู่อาศัย เพียงแต่เก็บจากมูลค่าที่ดินเท่านั้น จึงขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า
1.ควรเก็บภาษีจาก 'ที่ดิน' ที่ไม่มีการใช้ประโยชน์เท่านั้น ไม่ให้บ้านที่อยู่อาศัยมีภาระ และควรมีการขีดเส้นเพื่อไม่ให้กระทบผู้มีรายได้น้อย
2.ควรปรับปรุง 'ภาษีบำรุงท้องที่' ให้ทันสมัย โดยควรปรับราคาประเมินให้สอดคล้องกับราคาปัจจุบัน ซึ่งที่อยู่อาศัยจะอยู่ในเกณฑ์ภาษีนี้อยู่แล้ว
3.ที่เป็นปัญหาคือภาษีโรงเรือนที่เก็บจากการใช้ที่ดินในเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ฯลฯ เพราะระบบปัจจุบันเป็นระบบที่มีช่องโหว่ให้มีการทุจริต กระทรวงการคลัง จึงอาจพิจารณาให้เปลี่ยนเป็นการเก็บจากราคาที่ดิน ส่วนตัวไม่คิดว่าควรตั้งเป้าในการเก็บภาษีนี้มากนัก เพราะวัตถุประสงค์สำคัญของการออกกฎหมายภาษีที่ดิน คือ เราต้องการกระตุ้นให้คนเอาที่ดินมาทำประโยชน์
4. ควรจัดแบ่งรายได้บางส่วนจากภาษีที่ดิน เพื่อสนับสนุนการจัดตั้ง 'ธนาคารที่ดิน' เพื่อรองรับความต้องการของผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่ทำกินของตนเองก่อนจะทิ้งท้ายว่า จริงๆ แล้ว การออก 'ภาษีใหม่' เป็นเรื่องที่ต้องฟังประชาชนอย่างมาก รัฐบาลควรต้องจัดเวทีให้ครอบคลุม และกระทรวงการคลัง อาจต้องปรับท่าทีเพื่อให้เดินก้าวแรกได้ในเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง คิดไว้เดิมทั้งหมดก็ตาม

//////////////////////
ลีกวนยู

"ยิ่งลักษณ์" ลงนามแสดงความเสียใจ "ลี กวน ยู" อสัญกรรม ปัดตอบคดีข้าว ด้าน "สุรพงษ์" ค้านเลือกตั้งสัดส่วนผสม

เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เพื่อลงนามไว้อาลัย นายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ที่ถึงแก่อสัญกรรม โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวแสดงความเสียใจกับประชาชนสิงคโปร์ในการจากไปของอดีตผู้นำประเทศ พร้อมชื่นชมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีในฐานะที่ประเทศไทยและสิงคโปร์มีความสัมพันธ์มายาวนาน

จึงรู้สึกเศร้าใจ ขณะเดียวกัน ปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาในการปล่อยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ด้าน นายสุรพงษ์ กล่าวถึงการเลือกตั้งแบบเยอรมันว่า มองว่าวิธีการนี้เป็นการตั้งธงที่สกัดพรรคใหญ่ไม่ให้สามารถตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว แต่ต้องการให้เป็นรัฐบาลผสม
///////////////////////////
ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ก.ต่างประเทศ รอ ตำรวจ อัยการ ส่งข้อมูลทั้งหมด ก่อนขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน ขณะยังไม่มีชาติใดสอบถามเรื่องซ้อมผู้ต้องหา

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ถึงกรณีที่มีข่าว จะประสานต่างประเทศ ในการขอตัว หรือการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังไม่ได้รับการประสานงานจากฝ่ายอัยการ จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เบื้องต้น ต้องรอให้กระบวนการภายในประเทศ จากตำรวจและอัยการเสร็จสิ้น ส่งเอกสารข้อมูลทั้งหมดมาก่อน จึงจะสามารถประสานไปยังแต่ละประเทศได้ ส่วนกรณีของ "ตั้ง อาชีวะ" หรือ นายเอกภพ เหลือรา นั้น กระทรวงฯ ได้สื่อไปทางรัฐบาลนิวซีแลนด์แล้วว่า ต้องห้ามบุคคลดังกล่าวเคลื่อนไหวทางการเมืองเด็ดขาด เพื่อป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา

ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ยังกล่าวถึงการชี้แจง หรือตอบโต้ องค์กรนิรโทษกรรมสากลว่า เบื้องต้น ยังไม่มีชาติใดส่งจดหมายมากดดันในเรื่องการควบคุมตัว ซ้อมผู้ต้องหาแต่อย่างใด แต่กระทรวงฯ ก็ได้มีการพยายามชี้แจง ทำความเข้าใจกับประเทศต่าง ๆ มาโดยตลอด และการกล่าวหา หรือสอบถามมาก็จะต้องมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการอีก

นอกจากนี้ นายดอน ย้ำทิ้งท้ายว่า การทำความเข้าใจกับแต่ละชาติ มีความเข้าใจในสถานการณ์ของไทยเป็นอย่างดี มีเพียง สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ที่ไม่เข้าใจในเรื่องของหลักการ และเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น แต่โดยภาพรวม ยังมีการประสานงาน สื่อสารกันตามปกติ รวมถึงเรื่องสหรัฐฯ จะส่งทูตคนใหม่มาประจำในประเทศไทยด้วย กำลังอยู่ในขั้นตอน รอให้ไทยพิจารณารับรองตัวบุคคลต่อไป

//////////////////////////////
น้ำท่วม

"ชูวิทย์" เฟซบุ๊ก บ่นเรื่องฝนตก กทม.น้ำท่วม แนะหากยังไม่กำจัดคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง น้ำก็ยังจะท่วมอยู่เหมือนเดิม 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย และเคยเป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปี 2547 และ 2551 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ชูวิทย์ I?m No.5" ถึงกรณีฝนถล่มกรุงเทพฯ เมื่อวานที่ผ่านมา ด้วยภาพพร้อมข้อความ ทั้งบ่น และแนะนำให้มีการแก้ปัญหาว่า "เปลี่ยนผู้ว่าฯ มาแล้ว 7 คน ส่วนคนล่าสุดก็หายสาปสูญ, ฝนตกแค่ 2 ช.ม. กรุงเทพฯ ก็ยังน้ำท่วมเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน, หากยังไม่กำจัดคอร์รัปชั่นใน กทม.อย่างจริงจัง ต่อให้มีอีกร้อยอุโมงค์ คนกรุงเทพฯ ก็ต้องทำใจแล้ว มานั่งทำหน้า "เซ็งเป็ด" อยู่อย่างนี้

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะมีการแถลงชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ศาลาว่าการ กทม. ด้วย
----------------------------
ผู้ว่า กทม. แถลงกรณีฝนตกน้ำท่วมหนักวานนี้ ยอมรับไม่คิดว่าจะหนักขนาดนี้ เร่งขุดลอกคูคลองระบายน้ำ

หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงถึงกรณีน้ำท่วมขังที่เกิดจากพายุฝนฤดูร้อน หลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากโลกออนไลน์ และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นจำนวนมาก ว่า ทาง กทม. ยอมรับว่ามีการวางแผนที่ผิดพราด เนื่องจากไม่คิดว่าพายุฝนที่จะเกิดขึ้นจะหนักขนาดนี้ ถึงอย่างไรทางเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่

โดยสามารถระบายน้ำออกจากพื้นถนนได้เกือบทั้งหมดภายใน 1-2 ช.ม. มีเพียงถนนเส้นอโศกมนตรีเท่านั้นที่ค่อนข้างใช้เวลานาน เพราะต้องระบายลงในคลองแสนแสบ เนื่องจากช่วงนี้ กทม. ไม่ได้มีการระบายน้ำในคลองออก เพราะต้องกักเก็บน้ำไว้ให้เกษตรกรใช้ในช่วงฤดูแล้ง แต่ยืนยันถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกทาง กทม. สามารถที่จะจัดการแก้ปัญหาได้แน่นอน

ด้านพื้นที่ที่มีการวางอุโมงยักษ์ไปแล้วนั้นยืนยันไม่มีพื้นที่ไหนมีน้ำท่วมขัง สามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีน้ำท่วมท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาสุขุมวิท 19 นั้นเป็นปัญหาที่พบมานานมากแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาการจัดการระบายน้ำในอาคารของเขาเอง ซึ่งบริเวณนั้นเป็นของเอกชน ทาง กทม. พยายามเข้าไปแก้ปัญหาหลายครั้ง แต่ทางเจ้าของอาคารและพื้นที่ก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือแต่อย่างใด

ส่วนแนวทางการวางแผนรับมือขณะนี้ เจ้าหน้าที่ กทม. พร้อมอย่างเต็มที่โดยตามแผนแล้วในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ทาง กทม. ก็ได้มีการขุดลอกคลอง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณพื้นที่ที่มีปัญหา รวมทั้งมีการน้ำเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ส่งซ่อมเพื่อรับมือกับเหตุการณ์น้ำท่วมขังที่เกินความคาดหมายดังกล่าวมาโดยตลอด รวมทั้งโครงการวางอุโมงยักษ์ขณะนี้ก็ดำเนินการตามจุดที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง แต่ในเหตุการณ์เมื่อวานนี้มันเกินคาดจริง ๆ จึงทำให้การแก้ปัญหาค่อนข้างล่าช้า

//////////////////////
คดีอาชญากรรม

ตำรวจ ทหาร สนธิกำลังบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักและที่ทำงานมือบงการฆ่า "พระหมอ" และบ้านพัก "ด.ต." หลังมือปืนซัดทอดร่วมก่อเหตุได้ค่าจ้าง 50,000 บาท  

พลตำรวจโท ปัญญา มาเม่น ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจกองบังคับการปราบปราม ตำรวจภูธรภาค 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าตรวจค้นบ้านพัก และที่ทำงานของ นายบรรเจิด ฉัตรไพฑูรย์ ประธานบริหารโรงพยาบาลเอกอุดร ขณะที่กำลังอีกหลายชุด ได้เข้าค้นบ้านดาบตำรวจที่เป็นคนขับรถให้มือปืน ยิง พระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด บ้านโนนเดื่อ ต.บ้านตาด อ.เมืองอุดรธานี หลังตำรวจกองปราบปราม สามารถติดตามจับกุมตัว นายปัญจ๋า ชารีแสน อายุ 49 ปี ลูกจ้างประจำงานและสถานที่ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวะศึกษา (สอศ.) ใน จ.กาฬสินธิ์ ได้เมื่อวานที่ผ่านมา และผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับ ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบ สภ.เมืองอุดรธานี ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส.จ.อุดรธานี โดยซัดทอดว่า ด.ต.ชาญชัย มีหน้าที่ขับรถพาไปก่อเหตุยิงพระหมอ และได้รับค่าจ้างวาน 50,000 บาท ส่วนความคืบหน้าผลการจับกุมและตรวจค้นจะมีการแถลงชี้แจงรายละเอียดในช่วงสายของวันนี้
----------------------
ผบ.ตร. เผย คืบคนร้ายยิงพระหมอ มือปืนสารภาพได้ค่าจ้าง 5 หมื่น ขยายผลหาคนบงการตัวจริงและสาเหตุสังหารต่อไป 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้า คดีคนร้ายยิง พระบัณฑิต สุปัณฑิโต หรือ พระหมอ เจ้าอาวาสวัดป่าตอสีเสียด จ.อุดรธานี ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ตำรวจสามารถจับกุม นายปัญจ๋า ชารีแสน อายุ 49 ปี มือปืนที่ก่อเหตุได้แล้ว ซึ่งผู้ต้องหาให้การซัดทอดว่า ได้รับการว่าจ้างจาก ด.ต.ชาญชัย สร้อยสังวาลย์ ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.เมืองอุดรธานี ช่วยราชการชุดปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส.จ.อุดรธานี ได้ค่าจ้าง 50,000 บาท และในวันเกิดเหตุ ด.ต.ชาญชัย ได้เป็นผู้จัดหาอาวุธปืน พร้อมขับรถพาไปลงมือก่อเหตุ แต่ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการควบคุมตัวดาบตำรวจคนดังกล่าว

ขณะที่ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลหาตัวตัวผู้ร่วมขบวนการ และผู้จ้างวานก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับพล.ต.ต.ชัยญัติ สายถิ่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และ พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผู้บังคับการกองบังคับการฝึกพิเศษ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ที่มีคำสั่งให้ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี แต่เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการสืบสวนสอบสวน จึงมีคำสั่งย้าย

ส่วนการสั่งการให้ชุดสืบสวนพิเศษนำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตำรวจกองปราบปราม ลงไปช่วยสืบสวนจับกุมคนร้ายในคดี เพราะมีความเชี่ยวชาญในการแกะรอยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และการทำสำนวนคดี

อย่างไรก็ตาม ปมการสังหาร พระบัณฑิต ในครั้งนี้ ตำรวจยังให้น้ำหนักในประเด็นชู้สาวเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง
////////////////////
เศรษฐกิจ

สศค. ชี้ 2 ปัจจัยฉุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ. มอง ท่องเที่ยว การค้าชายแดนยังโตดี หนุน เศรษฐกิจไทยปี 58 

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ. อยู่ที่ระดับ 88.9 ลดลงจาก 91.1 ในเดือน ม.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ว่า สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยยังคงชะลอตัว ซึ่งมีสาเหตุมาจาก 1) ความกังวลของผู้ประกอบการต่อภาวะซบเซาของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาคที่ชะลอการใช้จ่าย เนื่องจากกำลัง
ซื้อที่ยังอ่อนแอ และ 2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลักของไทยที่ยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะจากสหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทย และอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

อย่างไรก็ดี จากการที่ภาคการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านยังคงขยายตัวดี สะท้อนจากอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวในเดือน ก.พ. 58 อยู่ที่ ร้อยละ 71.1 ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือร้อยละ 70 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และมูลค่าการค้าชายแดนในเดือน ม.ค. 58 ขยายตัว ร้อยละ 2.03 จากการช่วงเดียวกับปีก่อน จึงเป็นแรงสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อน
เศรษฐกิจไทยในปี 58 ต่อไป
-------------------------
สศค. เผย รัฐส่งรายได้ 5 เดือนเข้าคลัง 7.9 แสนล้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ล่าสุด เบิกจ่ายงบประมาณแล้ว 1.2 ล้านล้าน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผย ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 ว่า รัฐบาลมีรายได้นำเข้าส่งคลังทั้งสิ้น 797,432 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 โดยสาเหตุมาจากกรมสรรพสามิต มีรายได้จากภาษีน้ำมัน และภาษียาสูบที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณมีจำนวนทั้งสิ้น 1,210,266 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 8,380 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 ทำให้เงินขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 412,834 ล้านบาท นายเอกนิติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขาดดุลในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณสะท้อนถึงบทบาทของรัฐ โดยการให้การสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่ภาคเอกชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย
-------------------------
ฉัตรชัยรับทบทวนเป้าส่งออก มี.ค. นี้ หลัง ศก.โลกฟื้นช้า หลายตลาดติดลบ

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่หลายหน่วยงานปรับลดคาดการณ์การส่งออกของไทยในปีนี้ลงต่ำ ว่า เป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างล่าช้าซึ่งหลายประเทศจะมีอัตราการส่งออกติดลบ เช่น อินเดีย ติดลบ ร้อยละ 13 อินโดนีเซีย ร้อยละ 11.9 สิงคโปร์ ร้อยละ 8.6 และสหรัฐฯ ติดลบ ร้อยละ 5.1 ซึ่งไทยจะมีการทบทวนเป้าหมายการส่งออกใหม่หลังเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งหากวิเคราะห์ตลาดได้อย่างชัดเจน ก็มีโอกาสที่ไทยจะผลักดันให้การส่งออกขยายตัวได้

โดย กระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนรายใหญ่เป็นพี่เลี้ยงส่งออกรายเล็ก ขณะนี้ มีความคืบหน้าอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการตลาด โอกาส ช่องทางและกฎระเบียบต่าง ๆ ก่อนคัดเลือกผู้ประกอบการในเดือนเมษายนนี้ เพื่อไปโรดโชว์บุกตลาดต่างประเทศ
--------------------------
ปลัดกระทรวงคมนาคม เผย ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 58 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจยังล่าช้า กว่าเป้าร้อยละ 20.44

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเร่งรัดติดตามการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 1/2558 ว่าภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณโครงการต่างๆ แต่ละหน่วยงานโดยเฉพาะโครงการใหญ่นั้น มีความล่าช้ากว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของกระทรวงคมนาคม สามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2558 ได้เพียง 95,734.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.44 ซึ่งล่าช้ากว่าแผน 39,753.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.34 ส่วนงบลงทุน มีการเบิกจ่าย 20,857.91 ล้านบาท ล่าช้ากว่าแผน 28,303.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 57.57

ทั้งนี้ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ยังติดขัดด้านกระบวนการตรวจสอบของรัฐ อาทิ การก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. จำนวนเกือบ 3 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยังติดขัดเรื่องการลงนามในสัญญาที่ 3 ในส่วนของการติดตั้งระบบไฟฟ้าและอาณัติสัญญาณ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนภายในปลายเดือนนี้ และจะสามารถดำเนินการตามแผนต่อได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเบิกจ่ายงบประมาณจะยังล่าช้า แต่ทุกฝ่ายได้พยายามเร่งรัดอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
----------------------------------
ณรงค์ชัย ชี้ปัญหาการเมืองทำการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจยาก คาดยอดส่งออกปี 58 หลุดกรอบ 4% ตามที่ พณ.ตั้งเป้า

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาในงานเสวนา "ใช้พลังงานคุ้มค่าร่วมพัฒนาเศรษฐกิจไทย" ที่จัดขึ้น โดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ว่า ในปีนี้เศรษฐกิจที่ชะลอ สืบเนื่องจากปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปัญหาทางการเมืองส่งผลให้การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยทำได้ยากลำบาก ซึ่งในปี 2558 นี้รัฐบาลพยายามเร่งรัดดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า ในปีนี้ยอดการส่งออกของจะเติบโตไม่ถึงร้อยละ 4 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประเมินไว้ เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ได้ปรับเปลี่ยนหันมาเป็นผู้ผลิตมากกว่าการนำเข้า รวมถึงไทยด้วย อีกทั้งสินค้าเกษตรที่ค้างในสต๊อกจำนวนมาก โดยเฉพาะปริมาณข้าวที่สูงกว่า 18 ล้านตัน และปริมาณยางพารา ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรยังคงอยู่ในระดับต่ำ
-----------------------------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังค้านปรับเพดานการละเว้นภาษีมรดก 100 ล้านบาท หนุนปรับอัตราจาก ร้อยละ 10 เป็น ร้อยละ 5

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ความคืบหน้าในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติภาษีมรดกในขณะนี้ หลังผ่านคณะกรรมาธิการที่มีการปรับปรุง ตนเองไม่เห็นด้วยกับการปรับเพดานในการละเว้นภาษีไปที่ 100 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าระดับดังกล่าวสูงเกินไปและควรอยู่ที่ 50 ล้านบาทตามเดิมที่ละเว้นไปให้ก่อนหน้านี้ ส่วนการปรับลดอัตราการจัดเก็บจาก ร้อยละ 10 เหลือ ร้อยละ 5 นั้น เห็นด้วย แต่ผู้ที่จะถูกจัดเก็บในอัตราดังกล่าว จะต้องเป็นผู้สืบสันดาน คือลูกและหลานเท่านั้น ส่วนบุคคลที่ไม่มีดีเอ็นเอตรงกับเจ้าของมรดก ให้จัดเก็บตามประมวลรัษฎากรเดิม

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องทั้งหมดยังต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกหลายขั้นตอนจึงจะได้ข้อสรุปว่าจะออกมาเป็นรูปแบบใด
---------------------------------
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีกว่าครึ่งปีแรก จับตาเศรษฐกิจโลกใกล้ชิด

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาปรับประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ในปี 2558 ลดลงจากเดิมที่จะขยายตัวได้ ร้อยละ 4 ว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติที่จะมีการปรับลดประมาณการลง เพราะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองจนรัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ เป็น
ระยะเวลา 8 - 9 เดือน ทำให้ไม่มีการเบิกจ่าย รวมถึงงบที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ทางรัฐบาลนำโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ได้เข้ามาดูแลปัญหาก็เร่งรัดในการเบิกจ่ายอย่างเต็มที่แล้วในขณะนี้ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ตามปกติ เชื่อว่าครึ่งปีหลังในปี 2558 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความผันผวน และจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะมีตัวแปรผันว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นหรือไม่

ทหารเข้ม ปราบ ขยวนการค้ามนุษย์ ทั้งในทะเล และบนบก

ทหารเข้ม ปราบ ขยวนการค้ามนุษย์ ทั้งในทะเล และบนบก
ตาม ผู้การ KK พ.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผบ.ฉก.ร.25 ไปตรวจค้นเรือประมงดัดแปลง ลอบนำชาวโรฮิงญาเข้าระนอง ทหารสกัดตรวจเข้ม มีการตรวจสอบบัญชี อายัด ทรัพย์ ผู้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ แล้ว 39 ราย 121 บัญชี รวม31 ล้านบาท โดยพบว่า ตอนนี้ มีการเปลี่ยนเส้นทาง จาก ยะไข่ พม่า ตรงไป มาเลเซีย ผ่านทางสตูล ทางสตูล ก็บล๊อคหมด เฝ้าตลอด แต่ ระนองยังต้องเข้ม เพราะ พย.-พค. ช่วงไม่มีพายุ การลักลอบเข้ามาจะทำกันในช่วงนี้

กำลังใจสู่"ฐปณีย์" เพื่อนร่วมวิชาชีพ-ปชช.โพสต์ให้กำลังใจล้นหลาม

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก่อนเดินทางไปเยือนประเทศบรูไน ต่อการช่วยเหลือชาวประมงที่อินโดนีเซีย ว่า ได้ดำเนินการมาโดยตลอด ที่ผ่านมาก็ได้ช่วยเหลือไปแล้ว ที่เกาะอัมบน 26 คน และขออย่านำไปขยายความ โดยเฉพาะสื่อ ก่อนการนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศ ทำให้เกิดปัญหา รวมถึงความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยทำ โดยกล่าวถึง น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่องสาม ที่นำเสนอรายงานข่าวดังกล่าว และขอให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูล รวมทั้งมองว่าอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ และ เป็นเหตุให้ปัญหาการค้ามนุษย์ ถูกหยิบยกขึ้นมาอีก และกระทบต่อการขายปลาจำนวนกว่าสองแสนล้านตันต่อยุโรป
http://www.matichon.co.th/online/2015/03/14272815281427281674l.jpg

ล่าสุด นายกิตติ สิงหาปัด ผู้ดำเนินรายการสามมิติ ในฐานะผู้ผลิตรายการข่าว และผู้ประกาศ ได้ทวิตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ ระบุว่า ข่าว3มิติ ลงทุนลงแรงส่งคุณฐปณีย์ ไปรายงานข่าวแรงงานประมงในอินโดฯเพื่อนำไปสู่การแก้ไข เธอทำหน้าที่ในวิชาชีพได้อย่างดีเยี่ยม

http://www.matichon.co.th/online/2015/03/14272815281427281743l.jpg


ขณะที่ในเฟซบุ๊กของน.ส.ฐปณีย์ "Thapanee Ietsrichai"  ได้มีเพื่อนร่วมวิชาชีพ เพื่อนร่วมงาน รวมถึงประชาชนทั่วไป โพสต์ข้อความให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม





ทั้งนี้ เธอก็ยังคงอัพเดตความคืบหน้าของสถานการณ์ที่ประเทศอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดนั้นระบุว่า

15.37 น.แยมและทีม LPN มาถึงเกาะเบนจินาแล้ว กำลังรอตำรวจพาไปพบ 5 คนไทย ซึ่งทราบจากคุณวรวิทย์ สถานทูตไทย ณ.กรุงจาการ์ตา ที่ได้ประสานกับทางบ.เรือ ได้พูดคุยกับ ทั้ง 5 คน ทราบว่า ทุกคนปลอดภัยดี ขณะนี้อยู่ในที่อาคารคิวซีของบริษัท และทั้งหมดต้องการกลับประเทศไทย ทาง สถานทูตจะประสาน ตม. เกาะตวล เพื่อมารับตัวทั้ง 5 คนต่อไป 

ขอบคุณท่านทูตภาสกร และคุณวรวิทย์ และเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยคะ
เทสสัญญานไม่รู้จะส่งผ่านไหม