PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560

"บิ๊กตู่ "ไม่สนกระแสโจมตี "บิ๊กป้อม" ให้ว่าไป ตามกฏหมาย/ หน้ามุ่ย เซ็งประตู ออโต้ปิดช้า

"บิ๊กตู่ "ไม่สนกระแสโจมตี "บิ๊กป้อม" ให้ว่าไป ตามกฏหมาย/ หน้ามุ่ย เซ็งประตู ออโต้ปิดช้า
"พลเอกประยุทธ์". อวยพรปีใหม่ บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ที่บ้าน ร.1รอ.
นายกฯกล่าวว่า มาอวยพร ทั้งในฐานะที่ท่านเป็นพี่ และมีความสัมพันธ์กันมายาวนานตั้งแต่สมัยอยู่ในกองทัพ จนท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบก และ นายกฯ ตัวแทน ครม.... ขอให้ท่านสุขภาพ ร่างกายแข็งแรง มีกำลังกาย กำลังใจ.
เผย ปีหน้า สัญญากันว่าเราจะร่วมไม้ร่วมมือในการทำงานเพื่อประเทศชาติ. อนาคตประเทศชาติ แต่มีอย่างเดียว คือขอให้ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง
ส่วนกระแสโจมตี พลเอกประวิตร ตลอดนั้น ผม ก็ได้ให้กำลังใจไปหมดแล้ว
"กระแส ก็ คือกระแส ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย"
หลังอวยพรแล้ว นายกฯ พร้อมทพลเอกประวิตร และพลเอกอนุพงษ์ เข้าห้องนั่งคอยเพื่อรอเวลาที่จะไปอวยพร พลเอกเปรมที่บ้านสี่เสาเทเวศร์
แต่ห้องนี้ประตูอัตโนมัติ จึงปิดช้า ทำให้พลเอกประยุทธ์ ทำสีหน้าไม่พอใจ เพราะทำให้ผู้สื่อข่าวที่ดักรออยู่ด้านหน้าเห็นความเคลื่อนไหวภายในห้อง
จนพลเอกประวิตรต้องเดินมาปิดเอง แต่ก็ปิดไม่ได้เพราะเลื่อนช้าๆด้วยระบบออโต้

"ป๋าเปรม" เตือน "บิ๊กตู่" กองหนุน กำลังจะหมด แทบไม่มี กองหนุนเหลืออยู่ แล้ว

"ป๋าเปรม" เตือน "บิ๊กตู่" กองหนุน กำลังจะหมด แทบไม่มี กองหนุนเหลืออยู่ แล้ว
บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม บิ๊กป๊อก นำ ครม. ผบ.เหล่าทัพ อวยพรปีใหม่ พลเอกเปรม ......
ป๋า เตือน นายกฯลุงตู่ กองหนุนกำลังจะหมด แต่ขอให้ดำรงความมุ่งหมาย ในการทำเพื่อชาติบ้านเมือง และสร้างความสุขให้ประชาชน ตามที่ได้ประกาศไว้ เดี้ยว กองหนุนก็มาเอง
พลเอก เปรม กล่าว ขอบคุณ พลเอกประยุทธ์ ครม.ทหารและผบ.เหล่าทัพ และพวกเราทุกคน ที่รักษาประเพณีวัฒนธรรมเดิมของบ้านเมืองของเรา ด้วยการมาอวยพรผมในปีใหม่
ทุกคนทราบดี ว่ารัฐบาลของ"ตู่" เนี้ยะ พวกเราที่ไม่ใช่รัฐบาล กองทัพต่าง ๆ ข้าราชการ
ทำอะไรกันอยู่ เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา
"ตู่ ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทย ดังนั้นจึงต้องดำรงความมุ่งหมายนี่ไว้ให้ได้ ว่าเราจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยมีความสุข
"ตู่ ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึง ความปรารถนาดีที่มีต่อชนชาวไทย กองหนุนจะมาเอง
ขอให้ดำรงความมุ่งหมาย และเพิ่มกองหนุนให้มากขึ้นให้ได้ เขื่อว่า ตู่ทำได้ พวกเราก็ทำได้ และกำลังทำอยู่ และ ขอให้ตู่นำพาขาติบ้านเมืองของเรา ทำให้คนไทยมีความสุขให้จงได้ นะตู่นะ”

ภูมิธรรม ตั้ง 6 ข้อถามคสช. จี้ หากอยากกลับมามีอำนาจ ควรสู้บนเวทีที่ยุติธรรม

ภูมิธรรม ตั้ง 6 ข้อถามคสช. จี้ หากอยากกลับมามีอำนาจ ควรสู้บนเวทีที่ยุติธรรม


วันนี้ (28 ธันวาคม) นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความแสดงความเห็นทางการเมือง ระบุว่า คำถาม ถึงผู้มีอำนาจในสังคม

1. ที่กล่าวว่า…ไม่อยากยึดถือประชาธิปไตยตามหลักสากล แต่ขอเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ของเราเองหมายความว่าต้องการประชาธิปไตยที่ไม่ต้องยึดหลักนิติธรรม แต่ให้ยึดดุลพินิจของผู้มีอำนาจเป็นสำคัญ ใช่หรือไม่ และ ดุลพินิจแปลว่าอำเภอใจของผู้มีอำนาจใช่หรือไม่

2. ถ้าบุคคลใดยึด “หลักตน เหนือหลักการในรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย”…ใช้อำนาจของตนอย่างไม่มีขอบเขต ทั้งที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดกำกับและควบคุมอยู่ ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่

3. เมื่อตอนเข้ามาสู่อำนาจใหม่ๆ ผู้มีอำนาจทั้งหลายสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” จะเร่งรีบเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม และจะรีบคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว นี่เกือบ 4 ปีมาแล้วนานพอหรือยัง…แล้วที่มีการวางกฎกติกาต่างๆ ไม่ว่าจะยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี, กลไก ส.ว. 250 คน หรือการจัดวางคนลงไปในองค์กรอิสระต่างๆ และต่ออายุหลายองค์กร แต่กลับพบว่าคุณสมบัติของคนเหล่านั้นขัดต่อหลักกฎหมายที่บัญญัติขึ้น หลายคนเข้าใจว่า เป็นการจัดวางพวกพ้อง เพื่อคอยเอื้อต่อเป้าหมายที่ต้องการใช่หรือไม่


4. การดำเนินการเพื่อผลักดันให้เกิดสิ่งต่างๆ โดยขัดหรือละเมิดหลักการสำคัญในระบอบประชาธิปไตย จนหลายคนรู้สึกได้ว่าเกิดความเสียหายต่อประเทศมากมาย มีการทำลายหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย ทำลายหลักนิติธรรมของประเทศ ทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน และไม่เคารพสิทธิ เสรีภาพของสมาชิกพรรคการเมือง ถือเป็นการกระทำที่มุ่งทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องของตน เพื่อสร้างอุปสรรคและวางกับดักในการขจัดคู่แข่งขันทางการเมืองในอนาคต ใช่หรือไม่ ผลเสียหายที่เกิดขึ้นในระยะยาวใครจะรับผิดชอบ และบรรดาเนติบริกรและผู้สนับสนุนทุกคน จะมีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างไร

5. หากคาดหวังหรือมีความประสงค์ที่อยากจะกลับมามีอำนาจในการบริหารบ้านเมืองอีกครั้ง ควรแสดงความชัดเจนให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า “พร้อมจะพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนพิจารณา” พวกเราพร้อมต้อนรับเข้าสู่เวทีการต่อสู้ทางการเมืองที่ยุติธรรมและเสมอภาคชัยชนะที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใด จะมีความสง่างาม เพราะเป็นที่ยอมรับของคนทั้งสังคม…ท่านพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองหรือไม่

6. ถ้าทุกฝ่ายอยากเห็นสังคมมีอนาคต มีความหวัง ก็ต้องช่วยกันสร้างความชัดเจนและความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องสร้างกติกาที่เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและพร้อมจะคืนอำนาจการตัดสินใจให้กับประชาชนอย่างจริงใจ และจริงจัง …ท่านพร้อมจะคืนอำนาจให้ประชาชน เมื่อใด

ขัดกันเอง

ขัดกันเอง


กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันน้ำลายแตกฟอง

กรณีที่ประชุม สนช.ลงมติ “ปล่อยผี” ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ซึ่งมีปัญหาขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญถึง 7 คน ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ 9 ปี

อ้างเหตุผลชวนมึนงง เพื่อให้ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามทุจริตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในระยะยาว

หากจะมีการสรรหา ป.ป.ช.ใหม่ อาจจะทำให้การปราบคอร์รัปชันชะงักงัน??

จึงเห็นสมควรแก้ไขหลักการให้ประธาน ป.ป.ช. และกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครบวาระ 9 ปีเสียก่อน

แล้วจึงเริ่มกระบวนการสรรหา ป.ป.ช.ชุดใหม่ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญต่อไป

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่ามี สนช.ลากตั้งลงมติเห็นชอบให้ประธาน ป.ป.ช.และกรรมการ ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติขัดต่อรัฐธรรมนูญสามารถต่อวีซ่าไปยาวๆ 9 ปี

โดยมีคะแนนโหวตสนับสนุน 197 เสียง

แต่มีคะแนนโหวตคัดค้านเพียงเสียงเดียว

อย่างไรก็ดี แม้ผลจากการลงมติของที่ประชุม สนช.จะเอื้อประโยชน์ให้กรรมการ ป.ป.ช.ที่มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญทั้ง 7 คนให้ดำรงตำแหน่งต่อไปพร้อมหน้าพร้อมตา

แต่เชื่อว่าเป้าหมายที่ต้องการอุ้มจริงๆ น่าจะอยู่ที่คนคนเดียว...

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.คนปัจจุบันที่เคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

ลูกน้องสายตรงของรองนายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เหตุผลที่ต้องอุ้ม “พล.ต.อ.วัชรพล” นั่งเก้าอี้ประธาน ป.ป.ช.ต่อไปยาวๆ คงไม่จำป็นต้องอธิบายให้มากเรื่องมากความ

แต่ประเด็นที่ “แม่ลูกจันทร์” ขออนุญาตแหย็มเพิ่มเติมคือแม้ที่ประชุม สนช.จะเห็นชอบให้ยกเว้นไม่ต้องนำประเด็นคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของกรรมการ ป.ป.ช.ที่กำหนดในร่าง พ.ร.บ. ป.ป.ช.ฉบับใหม่ไปใช้บังคับกับประธานและกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน

แต่...ยังมีรัฐธรรมนูญอีก 2 มาตรา ยังคาอยู่เป็นก้างขวางคอ

รัฐธรรมนูญมาตรา 202 ที่กำหนดลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการองค์กรอิสระ

และรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ที่กำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.โดยตรง

ถึงแม้เสียงข้างมากของ สนช.ลากตั้งจะลงมติยกเว้นพิเศษให้กรรมการ ปปช.ชุดนี้อยู่ยาวจนครบวาระ 9 ปี
แต่เมื่อรัฐธรรมนูญทั้ง 2 มาตราข้างต้นยังมีผลบังคับใช้ประธาน ป.ป.ช.และกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 7 คน จึงยังมีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญเหมือนเดิม

ดังนั้น การที่ สนช.แก้ไข พ.ร.บ.ป.ป.ช. (ซึ่งเป็น ก.ม.ลูก) ไปขัดแย้งกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ (ซึ่งเป็น ก.ม.แม่) จึงเกิดปัญหาตามมา

สุดท้ายปัญหาคุณสมบัติ ป.ป.ช.คงต้องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ

แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับตีความประเด็นนี้หรือไม่ “แม่ลูกจันทร์” ยังไม่ค่อยแน่ใจ

เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบางคนก็มีปัญหาคุณสมบัติเหมือนกัน

เฮ้อ...เรื่องมันยุ่งตรงนี้แหละโยม.

"แม่ลูกจันทร์"

สถานการณ์ลุ้นกันปีหน้า

สถานการณ์ลุ้นกันปีหน้า


นับถอยหลัง “เคาต์ดาวน์” ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ก่อนอื่นเลย “ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ขอใช้พื้นที่หน้า 3 วิเคราะห์การเมืองรายวันฉบับสุดท้ายปี 2560 อวยพรให้แฟนๆคอลัมน์ ผู้อ่านทุกท่านโชคดี มีความสุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรง เฮงๆรวยๆ

ดื่มด่ำกับเทศกาลแห่งความสุขอย่างชุ่มฉ่ำหัวใจสมกับที่เหนื่อยมาตลอดทั้งปี

ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความหวังกับสัญญาณบวกที่รออยู่ปีหน้า

ว่ากันตามที่ผู้นำ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ประกาศหลังประชุม ครม.นัดส่งท้ายปี 2560 วาดฝันปีหน้า 2561 สถานการณ์เศรษฐกิจจะดีขึ้น การเมืองจะชัดเจน
เป็นปีแห่งความสำเร็จ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ปีแห่งการเตรียมการไปสู่ประชาธิปไตย

ทิศทางเดียวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กัปตันทีมเศรษฐกิจ รัฐบาล ประกาศบนเวทีปาฐกถาพิเศษ “โอกาสประเทศไทย 2018” ช่วงท้ายปีตีธงอย่างมั่นใจเลยว่า ปี 2561 จะเป็นปีที่ดีทางเศรษฐกิจที่เราสามารถเทกออฟ โดยเฉพาะไตรมาส 1 จะเห็นชัดที่สุด

สำทับด้วยนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประกาศประเทศไทยจะหลุดพ้นความยากจนในปีหน้า 2561 จากมาตรการอัดฉีดช่วยผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี

ผู้มีรายได้น้อยจำนวน 5.3 ล้านคน จะลืมตาอ้าปากได้ทั้งหมด

ไม่นับการวิเคราะห์คาดการณ์ของบรรดาผู้เชี่ยวชาญตลาดเงินตลาดทุนที่คล้อยไปในทิศทางเดียวกัน กูรูตลาดหลักทรัพย์ลุ้นหุ้นไทยดีดทะลุ 2,000 จุด

ตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่เดินไปสู่การเลือกตั้ง

เริ่มเห็นแสงสว่างลิบๆที่ปลายอุโมงค์

ที่แน่ๆตามสถานการณ์ที่โยงเป็นเงื่อนไขกัน เมื่อการเมือง เรื่องสถานภาพของรัฐบาลแปรผันตรงกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ

กระแสความพึงพอใจฝ่ายบริหารผูกติดอยู่กับภาวะปากท้องของชาวบ้านฐานราก

จากทิศทางที่ทุกฝ่ายสะท้อนความมั่นใจทิศทางเศรษฐกิจเชิงบวกในปีหน้า

นั่นหมายถึงผลบวกต่อสถานะของทีมงาน “นายกฯลุงตู่” ที่จะมีภูมิคุ้มกันในการปะทะกับแนวรบแรงเสียดทานของนักการเมืองอาชีพที่แปรรูปขบวนเข้าใส่ผู้นำอำนาจพิเศษ

สถานการณ์ที่ต้องเจอแน่กับสงครามระหว่างนักเลือกตั้งอาชีพกับทหาร

ตามรูปการณ์ประชาธิปัตย์และเพื่อไทย จะปรองดองอัตโนมัติ ไฟต์บังคับต้องเตะตัดขา “ลุงตู่” ไม่ให้ลากยาวเกมอำนาจตามหมากที่วางไว้ในบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ

เพราะจะทำให้นักการเมืองอาชีพรุ่นเก่าเฉาตาย สูญพันธุ์หมด

และโดยปรากฏการณ์อย่างที่เห็นๆกัน ตั้งแต่นักการเมืองเริ่มขยับแข้งขยับขาตามเงื่อนเวลาท้ายโรดแม็ป และการโยน 6 คำถามของ “ลุงตู่” หยั่งกระแสไปต่อหลังเลือกตั้ง เป้าโฟกัสก็กระแทกไปที่ “นายกฯลุงตู่-กัปตันสมคิด” และ “พี่ใหญ่” อย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม
3 จุดยุทธศาสตร์ “นั่งร้าน” รัฐบาล คสช.

ส่อเค้าปีหน้า 2561 คงจะโดนถล่มหนักขึ้นตามเงื่อนไขสถานการณ์บังคับ

ที่แน่ๆต้องขยับสร้างเกราะกำบัง กลบจุดอ่อนไว้ก่อนตั้งแต่หัววัน

กับมุกของ “นายกฯลุงตู่” ที่ประกาศให้สัญญากับตัวเองไว้ ปีหน้าจะเป็นนายกฯที่อารมณ์ดีตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะมีคนพยายามทำให้ตนเองหงุดหงิด

ปิด “จุดบอด” ที่ถูกสะกิดต่อมฉุนให้เสียอาการทรงตัวมาตลอด

โดยเฉพาะปีนี้โดนด่าเยอะกับฉากตะคอกใส่ตัวแทนชาวประมงที่บุกเข้าร้องเรียนปัญหา

แต่นั่นก็ยังเบากว่าเยอะ ถ้าเทียบกับคนที่จะโดนอ่วมกว่าใคร ตามฟอร์มหนีไม่พ้น “พี่ใหญ่” อย่าง พล.อ.ประวิตรที่โดนเขี่ยแผล ขยี้ซ้ำช้ำแล้วช้ำอีก

ปีหน้า ยกสุดท้าย ฝ่ายไล่ล่าคงต้องปิดบัญชีให้ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะเบอร์หนึ่งด้านความมั่นคง “บิ๊กป้อม” ถือโอกาสโชว์บทถนัด สั่งการผ่านที่ประชุมสภากลาโหม ให้หน่วยงานความมั่นคงดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ท่องเที่ยวอย่างสนุก กลับบ้านอย่างปลอดภัย

กระตุก “บทเขี้ยว” ด้านความมั่นคง เน้น “จุดขาย” ของทีม “บูรพาพยัคฆ์”

“จุดแข็ง” ของ “บิ๊กป้อม” กลบ “จุดอ่อน” ของ “เสี่ยป้อม”.

ทีมข่าวการเมือง

ป๋า แนะสู้ต่อ แม้กองหนุนคสช.แทบไม่เหลือ แซวบิ๊กป้อมนิ้วล็อก นายกฯฟ้อง’3ป.’โดนหนัก

ป๋า แนะสู้ต่อ แม้กองหนุนคสช.แทบไม่เหลือ แซวบิ๊กป้อมนิ้วล็อก นายกฯฟ้อง’3ป.’โดนหนัก


“ป๋าเปรม” เปิดบ้าน ให้ครม.-คสช.-เหล่าทัพ อวยพรปีใหม่ เปรย ตู่ใช้กองหนุนหมดแล้ว เชื่อถ้าปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง กองหนุนก็จะมาเอง พร้อมแซว เล่น บิ๊กป้อม นิ้วล็อก เจ้าตัวตอบ ชกตัวเอง นายกฯเปรย สามป.โดนหนัก
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ธันวาคม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านพักต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตลอดจนข้าราชการทหาร ตำรวจ ที่เข้าขอรับพรและอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้เข้ามาอวยพรท่าน และหวังว่าปี 2561 จะเป็นปีแห่งความสำเร็จเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความสงบ สันติอย่างยั่งยืนและเกิดการพัฒนาในทุกๆ ด้าน ที่ผ่านมา พล.อ.เปรมถือเป็นแบบอย่างให้กับทุกคน ซึ่งทุกคนมีความมุ่งมั่นทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองตามที่พล.อ.เปรมได้กล่าวไว้ว่า เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตามจะต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน รักษาไว้เพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมถึงจะต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนด้วย ดังนั้นส่วนตัวจึงขอขอบคุณ พล.อ.เปรมที่ให้กำลังใจเสมอมา และมีความผูกพันกันมาโดยตลอด

พล.อ.เปรม กล่าวว่า ตนขอขอบคุณนายกฯ และพวกเราทุกคนกรุณารักษาประเพณีอันเป็นวัฒนธรรมเดิมของเราการมาอวยพรวันปีใหม่ที่ จะมาถึงอีกสามวัน ทั้งนี้คนไทยทุกคนทราบ ได้ยินได้อ่านว่ารัฐบาลของตู่ กองทัพต่างๆตำรวจ ข้าราชการพลเรือน กำลังทำอะไรกันอยู่เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา ตู่ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยเท่าที่สามารถจะทำได้ ดังนั้นตู่จะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ไว้ให้ได้ว่าเราจะทำทุกอย่างขอให้คนไทยมีความสุขมากขึ้นโดยเฉพาะโดยเฉพาะคนจากคนจน

พล.อ.เปรม กล่าวต่อว่า ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทยกองหนุนก็จะมาเองเพราะฉะนั้นขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่ อย่างไรก็ตามข้อสำคัญที่สุดก็คือขอให้ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีกับชาวไทยว่าคนไทยที่ดีคืออย่างไร

ก็ขอแสดงความชมเชยและภูมิใจในการกระทำของคณะรัฐบาลลุงตู่และขอย้ำอีกทีว่าที่ตู่พูดว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยจะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ให้ได้ให้ได้แม้จะเหนื่อยยากก็ตาม

“โอกาสวันปีใหม่นี้ผมขอเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พวกเราเคารพนับถือทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเรามุ่งมั่นปรารถนาขอให้ประสบความสำเร็จในส่วนตัวผมขอให้ทุกคนมีความสุขครอบครัวมีความสุขประเทศชาติจะได้ความสุขไปด้วยและขอให้ตู่มีความสำเร็จนำพาชาติบ้านเมืองความสุขมอบความสุขให้คนไทยให้จงได้นะตู่นะขอบคุณมากขอบคุณมากโอเค” ประธานองคมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่พล.อ.เปรมให้โอวาทเสร็จ ทางนายกฯได้แนะนำครม.ใหม่ และผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะพล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส) เหล่าทหารม้าเหมือนพล.อ.เปรม จากนั้นได้ถามหาพล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ รองผู้บัญชาการทหารเรือ น้องชายของพล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี พร้อมกล่าวว่า “ไม่ค่อยเหมือนกัน ลมโชยตัวโตกว่า”

ต่อมา ได้ถามพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ปีนี้เหนื่อยกว่าปีที่แล้วไหม โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า เหนื่อยกว่าปีที่แล้วครับ จากนั้นพล.อ.เปรม ตอบกลับว่า หนักกว่า แต่คุณเอาอยู่ไหม ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตำรวจต้องพึ่งได้ สร้างความไว้วางใจขึ้นมาให้ได้ ทุกคนช่วยกันอยู่


จากนั้นพล.อ.เปรม ถามพล.อ.ประวิตร ว่า ตำรวจนี้ไม่มีวันหยุดใช่ไหมคุณป้อม เพราะใครๆก็ไปเที่ยวกัน แต่ตำรวจต้องมาทำงาน

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งดีๆก็เกิดขึ้นเยอะ ช่วงนี้ฝ่ายความมั่นคงทำงานเต็มที่ หลายอย่างดีขึ้น ขาวขึ้น เพราะทำมาตลอด แต่ยังมีส่วนน้อยที่มีปัญหา ไม่ใช่ทั้งองค์กร ทั้งหมด

จากนั้น พล.อ.เปรม ได้ถามถึงครม.ใหม่ โดยเฉพาะรองนายกฯทั้ง4 คน โดยนายกฯ ตอบกลับว่า นายวิษณุ เครืองาม และพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ติดภารกิจ จึงไม่มา ส่วนพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ก็ขึ้นมาเป็นรองนายกฯ แล้วตั้งรมช.ช่วยเกษตร เพิ่ม เพราะมางานเยอะ

ผู้สื่อข่าวรายงาน อีกว่า จากนั้น พล.อ.เปรม ได้สอบถาม รองนายกฯประวิตร ว่า ยังเล่นกอลฟ์อยู่ หรือเปล่า

พล.อ.ประวิตร ตอบกลับว่า ไม่ได้เล่นแล้ว ขาเจ็บ นอกจากนี้ นายกฯ ได้กล่าวกับ พล.อ.เปรม ว่า พล.อ.ประวิตรนิ้วล็อค ซึ่งพล.อ.เปรม แซว พล.อ.ประวิตร ว่าไปต่อยใครมา โดยพล.อ.ประวิตร ตอบไปว่า ต่อยตัวเอง

จนสร้างเสียงหัวเราะในวงพูดคุย ขณะเดียวกันนายกฯ ได้แนะนำ พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษา ในฐานะหัวหน้า คปต.ส่วนหน้า ว่าทุกอย่างน่าจะดีขึ้นในปีหน้า เพราะหลายอย่างทำมาสามปี ผลงานก็ออกมา จะใจร้อนไม่ได้หรอกครับ ทำวันนี้ไม่เสร็จวันนี้ พรุ่งนี้ จะเสร็จวันมะรือ หรืออีกปีก็ได้ เพราะเราจะแก้ปัญหาไปเรื่อยๆหลายคนเขาท้อแท้ เพราะรัฐมนตรีทุกคนเหนื่อย อายุเยอะแล้ว ผมก็อยากให้แข็งแรง แต่อายุ50-60 กว่าปีแล้ว ยังจำได้ทุกอย่าง

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พร้อมบอกพล.อ.เปรม ว่า “สามป.ผมเนี่ย หนักครับ โดนอยู่ทุกวัน เพราะคนไม่เข้าใจ และยากที่จะให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และสิ่งที่ผมสัญญากับป๋าไว้ ผมก็จะทำให้ได้ และจะไม่โมโห ยิ้มอย่างเดียว ประชาชนอยากให้ผมยิ้มเยอะๆ แม้ว่าใครจะทำให้ผมหงุดงิดก็ตาม”




การใช้อำนาจที่ไร้ธรรมาภิบาล:พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

การใช้อำนาจที่ไร้ธรรมาภิบาล

การใช้อำนาจของผู้ถืออำนาจในช่วงปลายปีประเทศ เป็นอะไรที่เกินกว่าจะรับได้ เพราะขัดแย้งกับหลักธรรมาภิบาลอย่างสิ้นเชิง และส่อไปทางที่ใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง และนำมาสู่การเอื้อประโยชน์แก่ตนเองในภายหลัง

เรื่องที่เข้าลักษณะเช่นนี้อย่างชัดเจน ขณะนี้มีอยู่สองเรื่องหลัก และต่อไปคาดว่าอาจมีมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องแรก คือ การใช้มาตรา ๔๔ แก้ พรป. พรรคการเมือง ซึ่งอ้างความเท่าเทียมระหว่างพรรคการเมือง แต่เนื้อหานั้นกลับเป็นการเอื้อประโยชน์แก่พรรคการเมืองที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ที่มีจุดยืนสนับสนุนพลเอประยุทธ เป็นนายกฯต่อหลังเลือกตั้ง

แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นคือการสร้างเงื่อนไขให้มีการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมืองโดยให้เวลาเพียงเดือนเดียว ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นแสนหรือเป็นล้าน ที่สมาชิกทุกคนจะยืนยันได้หมด คำสั่งนี้จึงเท่ากับเป็นการยกเลิกการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของประชาชนทางอ้อมนั่นเอง อันเป็นการทำลายสิทธิและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน

เรื่องที่สองคือ การออกกฎหมาย ปปช. ในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องตนเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ให้สามารถเป็น กรรมการ ปปช.ต่อไปได้ ซึ่งส่อเจตนาเข้าไปแทรกแซงองค์การอิสระ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเอง โดยเฉพาะขณะนี้มีหลักฐานอย่างชัดเจนเป็นที่รับรู้ของสาธารณะว่ารัฐมนตรีบางคนอาจจะทำผิดกฎหมาย ปปช. ฐานเจตนาปกปิดทรัพย์สิน โดยไม่แจ้งทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเกินสองแสนบาทแก่ ปปช.

การออกกฎหมาย ปปช. ครั้งนี้จังเป็น การทำลายหลักธรรมาภิบาล ทำลายหลักการการขัดกันของผลประโยชน์ และทำลายหลักการที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

นี่ยังไม่นับความไร้สมรรถนะในการจัดการกับปัญหาการทุจริตในระบบราชการได้อย่างมีประสิทธิผล
ไร้สมรรถนะในการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ไร้สมรรถนะในการปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะการปฏฺรูปตำรวจและกระบวนการยุติธรรม

และแม้กระทั่งปัญหาสังคมอย่าง การตายจากอุบัติเหตุบบท้องถนน ก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้ มาตราการต่างๆที่ออกมา ก็ใช้เพียงการออกกฎหมายที่ให้รุนแรงขึ้น แต่ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ เพราะแก้ไม่ถูกจุด ถูกประเด็น ในปัจจุบันคนตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยจึงติดอันดับหนึ่งของโลก

ส่วนวาทกรรมที่นายกฯ พร่ำออกมาว่า ปีหน้าจะใช้หลักธรรมาภิบาล และประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมนั้น
ดูจากพฤติกรรมการตัดสินใจ และการทำงานที่ผ่านมา รวมทั้งเจตนาที่จะสืบทอดอำนาจในอนาคต จากการใช้อำนาจแก้กฎหมายพรรคการเมือง สร้างเงื่อนไขบั่นทอนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสมาชิกพรรคการเมือง ฯลฯ และการออกกฏหมาย ปปช. ที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องแล้ว ทั้งหมดที่พูดออกมา เกรงว่า จะเป็นการถ่มน้ำลายรดฟ้า และตกลงมาที่หน้าตนเองเสียมากกว่า