PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ถึง โรงพยาบาลศิริราช

6ส.ค.57 (22:18 น.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ ถึง โรงพยาบาลศิริราช โดยขบวนรถยนต์พระที่นั่ง มีพสกนิกรมาเฝ้ารับเสด็จฯ เป็นจำนวนมาก

ก่อนหน้านี้ สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราชฉบับที่1 มีเนื้อหาว่า

"วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการดูแลพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้รายงานว่า ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับณวังไกลกังวลตั้งแต่วันที่ 1สิงหาคม 2556 นับเวลาได้ 1 ปีเศษ ซึ่งถึงกำหนดเวลาที่จะขอพระราชทานถวายตรวจพระวรกายอย่างละเอียด 
"แต่เนื่องจากจะต้องใช้เครื่องมือตรวจพิเศษหลายรายการเช่นที่เคยถวายตรวจมาแล้วคณะแพทย์ฯจึงได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จฯ ไปตรวจพระวรกาย ณ โรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 6 สิงหาคม พุทธศักราช 2557"




จากใจและบทเรียนในคดีของสนธิ ลิ้มทอกุล โดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
บทเรียนจากคดีเอ็มกรุ๊ปที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สารภาพและโดนศาลอาญาจำคุก 85 ปี แต่กฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 20 ปี ดังนี้

1. ลักษณะคดีนี้เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2538 เป็นคดีเก่าที่เกิดขึ้นก่อนจะกราบขอโทษประชาชนที่เวทีสนามหลวงตั้งแต่ปี 2549 ว่าเคยทำเรื่องทั้งดีและไม่ดีในอดีตและจะขอใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชาติและประชาชน ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วและไม่มีใครสามารถเปลี่ยนเรื่องอดีตได้ และเกิดขึ้นก่อนที่จะเป็นผู้นำมวลชน ดังนั้นจึงเชื่ิอว่ามวลชนส่วนใหญ่เข้าใจในประเด็นนี้ชัดเจนอยู่แล้ว

ในประเด็นนี้ต่างจากนักการเมืองโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้ความผิดในอดีตจะเปลี่ยนไม่ได้เช่นกัน แต่ทักษิณกลับไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเองทำตัวให้ดีขึ้น เพื่อชดใช้ความผิดของตัวเองที่ได้กระทำเอาไว้

2. ภาวะความเป็นผู้นำ แม้ในทางปฏิบัติคุณสนธิจะไม่ได้เป็นคนจัดทำเอกสารโดยตรงในการเอาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไปค้ำประกันบริษัทนอกตลาดโดยไม่ได้รายงานแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ อันเป็นการกระทำที่ผิดต่อ พรบ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธในฐานะคนลงนามในเอกสารในฐานะผู้นำองค์กรได้ คุณสนธิตัดสินใจกันกรรมการบริษัทคนอื่นๆออกจากคดีโดยการรับสารภาพในคดีนี้ไว้เสียเอง โดยไม่ต้องตะแบง หรือปฏิเสธข้อหาลากคดีให้ยืดเยื้อออกไป (ซึ่งหากจะเลือกหนทางนั้นก็ย่อมทำได้)
ในประเด็นนี้ต่างจากนักการเมืองโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ ทักษิณ ชินวัตร นักการเมืองอื่นๆ ที่ไม่เคยมีใครสารภาพความผิดของตัวเอง พยายามใช้เล่ห์ทางกฎหมายเพื่อตะแบง หรือลากยาวเพื่อให้ตัวเองมีอิสรภาพให้นานที่สุด

3. การต่อสู้คดีความ แม้ว่าคุณสนธิจะสารภาพในคดีความ แต่ในข้อเท็จจริงที่ศาลอาญาอ้างเหตุมาลงโทษนั้นยังมีข้อต่อสู้อยู่อีกหล่ยประเด็น เช่น ประเด็นที่ธนาคารกรุงไทยได้ไปให้การว่าธนาคารไม่เสียหายในการปล่อยกู้ (เหตุเพราะมีหลักทรัพย์เกินจำนวนและมีการชำระหนี้ด้วย) และไม่ได้มีโจทก์ร่วมอื่นที่แสดงตนว่าเกิดความ้สียกาย แต่ศาลอาญาพิพากษาว่าไม่เชื่อว่าธนาคารไม่เสียหาย แต่ในท้ายที่สุดศาลกลับไม่พิพากษาให้มีค่าปรับแต่ประการใด และศาลอาญามีการเปลี่ยนคณะองค์พิพากษา แต่เมื่อทนายทักท้วงศาลอาญากลับบอกว่าเป็นความหลงผิดแต่ไม่ได้ทำผิด ฯลฯ ดังนั้นแม้สารภาพแล้วแต่ก็ยังมีข้อต่อสู้ในเฉพาับทลงโทษที่เกิดขึ้นในชั้นอุทธรณ์ต่อไป

ในประเด็นนี้ คุณสนธิ โดนลงโทษสถานหนักถึง 85 ปี (ยิ่งกว่าคดีฆาตกรรมหรือยาเสพติดในหลายคดี)แต่เมื่อคุณสนธิสารภาพศาลจึงลดโทษเหลือกึ่งหนึ่งคือ 42 ปี แต่กฎหมายให้ลงโทษได้แค่ 20 ปี ดังนั้นความจริงการสารภาพไม่ได้มีผลต่อการได้รับโทษต่ำกว่า 20 ปีได้เลย (ตามคำพิพากษาของศ่ลอาญา) แต่คุณสนธิกลับเลือกหนทางนี้

หากเทียบกับกรณีของทักษิณ ชินวัตร จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะทักษิณไม่เคยสารภาพผิด จึงโดนโทษจำคุก 2 ปี ความจริงหากสารภาพผิด หรือสำนึกผิด และประพฤติตัวดี ก็มีโอกาสที่จะได้ลดโทษลง หรือได้รับการอภัยโทษร่วมด้วยกับนักโทษคนอื่นๆในครรลองที่ถูกต้องต่อไป และอาจติดอยู่ไม่นาน ซึ่งสถานภาพดีกว่าคุณสนธิหลายเท่าทวีคูณที่ถูกพิพากษามากกว่าทักษิณถึง 10 เท่าตัว แต่ทักษิณกลับเลือกหนทาง ไม่ยอมรับผิด ไม่สารภาพ ไม่สำนึกผิด และด่ากระบวนการยุติธรรมไทยแทน

3. ความเป็นใจนักเลง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมามีนักการเมืองหลายยุคแสดงตนออกมาจะช่วยเหลือในการ "เป่าคดี"นี้ เพื่อแลกกับการที่คุณสนธิหยุดโจมตีรัฐบาล แต่เมื่อคุณสนธิตัดสินใจเดินหน้าตรวจสอบและชนทั้งรัฐบาลชวน 2 และรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลทุกยุคจึงสานต่อคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง เงินที่เป็นเงินกู้มาก็นำมาเพื่อหล่อเลี้ยงองค์กรในยามที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ (เหมือนกับองค์กรอื่นๆ ที่ต้องมีการปลด ลดพนักงาน จ่ายเงินเดือนช้า จนถึงขั้นจ่ายเงินเดือนไม่ได้มาแล้ว )

ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา มีนักการเมืองนอกจากจะมีข้อเสนอให้เป่าคดีิาญาแล้ว ยังมีนักการเมืองเสนอจะช่วยเคลียร์ล้างหนี้ทั้งหมดเพื่อแลกกับการหยุดโจมตีรัฐบาล และมีข้อเสนอที่จะซื้อ ASTV ด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่จะทำให้คุณสนธิกลับมาเป็นมหาเศรษฐีได้ แม้แต่การตรวจสอบรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่จะทำให้สูญเสียมวลชน สูญเสียเงินบริจาค สูญเสียลูกค้าในการซื้อสินค้า ASTV Shop แม้แต่การตรวจสอบรัฐวิสาหกิจหลายแห่งแบบไม่ถอยไม่หยุดจนเขาต้องหยุดโฆษณา หยุดซื้อหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แต่คุณสนธิก็เลือกที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องตรวจสอบความผิดของนักการเมือง ข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ เหล่านั้นทุกยุคต่อไป

ส่วนคนบางกลุ่มที่กล่าวว่าพันธมิตรฯสู้แล้วรวยนั้น หรือชุมนุมเพื่อหาเงินบริจาคนั้น คุณสนธิก็เป็นผู้เสนอให้ตั้งมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อให้มีการบริหารที่เป็นรูปองค์กรที่มีกระบวนการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส และเป็นผู้เสนอให้เปิดเผยบัญชีรายรับรายจ่ายทั้งหมดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ (เป็นการสร้างมาตรฐานสูงกว่ากฎหมายและยังคงเป็นองค์กรที่มีการชุมนุมทางการเมืองในประเทศไทยเปิดเผยบัญชีดังกล่าว) และแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครได้เงินเดือน หรือรายรับส่วนตัวจากเงินบริจาคดังกล่าว แม้ในยามวิกฤติที่สุดที่ไม่เงินจ่ายเงินเดือนหรือจ่ายค่าดาวเทียมจน ASTV จอดับ ก็ไม่เคยนำเงินบริจาคดังกล่าวมาจ่ายเงินเดือนของพนักงานบริษัทหรือมาใข้ประโยชน์ส่วนตนแต่ประการใด

ความจริงเงินบริจาคที่มาจุนเจือช่วยเหลือและค้ำยัน ASTV นั้นยังน้อยกว่าการหาเงินส่วนตัวจากคุณสนธิมาลงให้กับ ASTV เฉลี่ยเดือนละ 20 ล้านบาท สิ่งที่คุณสนธิได้ทำคือ เอารายได้จากหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ม่วยทีวี การนำทรัพย์สินของครอบครัวลิ้มทองกุลออกมาขาย กู้ยืมเงินจากคนอื่น ตามทวงหนี้จากเพื่อเก่าที่เคยขอยืมเงินคุณสนธิไปนานแล้ว และการเจรจากับผู้ลงโฆษณาในเว็บไซต์บางรายให้ช่วยจ่ายเงินล่วงหน้า ฯลฯ ดังนั้นถ้าคำนวณเงินคุณสนธิ ลิ้มทองกุลลงเงินกับ ASTV ไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท

ซึ่งถ้าคุณสนธิไม่เลือกหนทางในชีวิตแบบนี้คุณสนธิก็คงเป็นเศรษฐีรายใหญ่อีกคนหนึ่งในประเทศไทย และคดีความต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตก็คงจบลงด้วยดี คดีใหม่ก็คงไม่มีเหมือนกับทุกวันนี้

คุณสนธิในวันนี้ไม่ได้รวยเหมือนวันก่อน หาเงินมาจ่ายเงินเดือนชนต่อเดือนแบบเลือดตาแทบกระเด็น และบอกให้พวกเราทราบว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ชีวิตคงไม่มีความสุขอะไร เพราะชีวิตยังคงยึดติดอยู่กับเงิน แต่วันนี้ยังมีความสุขกว่า เพราะตื่นขึ้นมามองกระจกแล้วไม่อายตัวเอง เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน

ต่างจากทักษิณที่ทุกอย่างยังยึดติดอยู่ในผลประโยชน์และอำนาจ อยากล้างความผิดในอดีตให้กับตัวเอง อยากได้ทรัพย์สินคืน และอยากกระชับอำนาจให้กับพวกตัวเองซึ่งมีมากอยู่แล้วให้มีมากขึ้นไปอีก ซึ่งชีวิตแบบนี้มีแต่ความร้อนรุ่มไม่มีทางจะมีความสุขได้เลย

ด้วยเหตุผลเช่นนี้คนอย่างพลตรี จำลอง ศรีเมือง คนดีมีศีลอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งไม่เคยเอ่ยปากขอบริจาคให้ใครมาก่อนตลอดชีวิต จึงยอมเอาตัวเองมารณรงค์ให้คนบริจาค ASTV อีกทั้งยังทำธุรกิจปุ๋ยชีวภาพเพื่อเอารายได้มาจุนเจือ ASTV จนถึงทุกวันนี้

4. คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ต่อสู้เพื่อให้ทุกคนเคารพหลักนิติรัฐมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่จะรับโทษจำคุกหนัก แต่ก็เลือกหนทางที่จะรักษาหลักนิติรัฐ ยืดอกยอมรับสารภาพว่าตัวเองทำผิด แม้จะยังมีอีกหลายคดี ทั้งคดีการก่อการร้าย, คดี พรก.ฉุกเฉิน, คดี พรบ.ความมั่นคง, คดีหมิ่นประมาท แม้ว่าคดีเหล่านี้จะสามารถจบลงได้ด้วยดีหากยอมจับมือปรองดองกับนักการเมืองหยุดตรวจสอบโจมตีรัฐบาลได้ในหลายยุคที้ผ่านมา แต่คุณสนธิก็เลือกใช้สิทธิ์ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม และแม้ว่าในบางคดีจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ได้รับความเมตตาจากผู้พิพากษที่เลือกข้างหรือเคยขึ้นเวทีเสื้อแดง แต่คุณสนธิกลับให้ความสำคัญมากกว่าในการรักษาระบบศาลภายใต้พระปรมาภิไธย ดังนั้นคุณสนธิจึงไม่เคยหลบหนีหมายของศาล ประกาศมาตลอดว่าเคารพในศาล และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพในกระบวนการยุติธรรม

ต่างจากทักษิณ ชินวัตร ที่ด่าศาล ทำลายความน่าเชื่อถือของศาล (ทั้งๆที่ทนายทักษิณเคยเอาขนม 2 ล้านบาทไปให้ที่สำนักงานศาลยุติธรรมจนถูกโทษจำคุกมาแล้ว) เวลาศาลตัดสินเป็นคุณกับตัวเองก็บอกว่าตัดสินด้วยความเป็นธรรมแล้ว แต่เวลาศาลตัดสินเป็นโทษกับตัวเองกับพวกก็โวยวายกล่าวร้ายว่าศาลมีใบสั่งและอำมาตย์อยู่เบื้องหลัง ยอมทำทุกอย่างเพื่อล้างความผิดให้กับตัวเอง ทั้งการทำลายหลักนิติรัฐ มีขบวนการใช้มวลชนเสื้อแดงใช้กำลัง ใช้อาวุธสงคราม และใช้ไฟเผาบ้านเผาเมือง เพียงเพื่อช่วงชิงอำนาจมาและทำลายกระบวนการยุติธรรมอยู่ในปัจจุบัน

คุณสนธิ ปีนี้อายุ 64 ปี ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาเยอะแล้ว มีทั้งการทำความผิด และทำในสิ่งที่ถูก แต่ที่คุณสนธิได้ประกาศขอโทษต่อพี่น้องประชาชนตั้งแต่ปี 2549 แล้วสัญญาว่าจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดใช้หนี้แผ่นดิน จะทำเพื่อชาติ และราชบัลลังก์ ความผิดในอดีตที่เปลี่ยนไม่ได้การแสดงความสำนึกคือการยืออกรับสารภาพผิดและเคารพกระบวนการยุติธรรม หากคุณทักษิณรู้จักคำว่า "เสียสละ"ทำได้อย่างคุณสนธิ ประเทศชาติก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้

คุณสนธิ ลิ้มทองกุลพูดให้ผมฟังว่า:

"ชีวิตคุณสนธิเดินมาถึงวันนี้ไม่เสียใจ เพราะการที่ได้รับความเมตตา กับศรัทธาจากพี่น้องประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าเกินกว่าสิ่งใดๆ ชีวิตคุณสนธิว่างเปล่า ชีวิตคุณสนธิตายหด้เพื่อศรัทธาเหล่านี้ คุณสนธิจึงจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนต้องเสียใจ

สิ่งที่มีค่าอีกประการหนึ่ง คือได้ร่วมงานกับพื่อนพ้อง น้องพี่ ถ้าคุณสนธิมุ่งแต่จะแสวงหาความรวยอย่างเดียว ก็คงไม่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่น่ารักและมีความศรัทธาต่อการทำคุณงามความดี ในทางตรงกันข้ามถ้าคุณสนธิไม่สู้แบบนี้เพื่อนร่วมงานเหล่านี้ก็คงก็ไม่มีเวทีเพื่อทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติและประชาชน และสุดท้ายคงเป็นผู้ที่ไร้จิตวิญญาณถูกพญามารครอบเอาตัยไปตามกระแสแห่งทุนสามานย์

สองสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ทำให้คุณสนธิมีกำลังใจไม่ถ้อถอย การโดนยิง 200 นัดแล้วรอดมาได้ได้เตือนสติคุณสนธิว่าชีวิตมีความไม่แน่นอนต้องเร่งทำคุณความดีให้กับประเทศชาติให้มากที่สุดในชีวิตที่เหลืออยู่ ส่วนความผิดในอดีต คนเราแกัไขอดีตไม่ได้ และโทษที่ถูกจำคุกถึง 85 ปี ไม่ใช่เป็นการฉ้อโกงใคร และธุรกิจก็ล่มสลายไปพร้อมกับวิกฤติเศรษฐกิจ แต่เมื่อเราทำผิดขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติก็ต้องยอมรับ และทำใจ ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม และต้องเข้มแข็ง เพื่อพี่น้องประชาชนไม่เสียกำลังใจ"

คนเรากระทำความผิดได้ แต่รู้สำนึกผิด ยอมยืดอกรับสารภาพผิด และพร้อมรับโทษ พร้อมกลับตัวแก้ไขมาทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นที่ประจักษ์แล้ว ย่อมน่านับถือมากกว่านักการเมืองเกือบทั้งหมดที่ไม่เคยรู้สำนึกผิด ไม่เคยสารภาพผิด ไม่เคยพร้อมรับโทษ ไม่เคยคิดกลับเนื้อกลับตัว และยังพยายามทำลายคนที่มาตัดสินตัวเองเสียอีก นักการเมืองเหล่านั้นสิ น่ารังเกียจหลายเท่านัก

เรือนจำพิเศษฯ เตรียมจัดห้อง ติดกล้องวงจรปิด คุมตัว ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’

เรือนจำพิเศษฯ เตรียมจัดห้อง ติดกล้องวงจรปิด คุมตัว ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวถึงการรับตัวนายสนธิ ลิ้มทองกุล เข้าควบคุมในเรือนจำหลังศาลอุทธณ์มีคำพิพากษาจำคุกในความผิดตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯว่า นายสนธิจะถูกส่งตัวเข้าแดนแรกรับ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติของผู้ต้องขังทั่วไป จากนั้นจะต้องทำประวัติ พิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสุขภาพ พร้อมแจกคู่มือการอยู่ในเรือนจำ และอุปกรณ์ยังชีพ
อย่างไรก็ตาม เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะควบคุมตัวนายสนธิเพียง 1 คืน ก่อนส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากโทษจำคุกของนายสนธิเกิน 15 ปี อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยระหว่างถูกคุมตัวในแดนแรกรับ ซึ่งมีผู้ต้องขังเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ด้วย คาดว่าจะไม่มีปัญหา หรือข้อกังวลในการอยู่ร่วมกัน เพราะในห้องควบคุมมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดสำรวจความเคลื่อนไหวผู้ต้องขังได้ทั่วถึง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมคอยดูแลป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างอยู่ร่วมกันได้แน่นอน
เครดิต : ‪#‎ข่าวสด‬
ภาพจาก : @Satanee_DNN

คนดูแลบ้านหรูบุกรุกป่าเชียงคาน‬ ระบุ บ้านและสวนยางเป็นของนักการเมืองชื่อดัง จ.สุราษฎร์ธานี

คนดูแลบ้านหรูบุกรุกป่าเชียงคาน‬ ระบุ บ้านและสวนยางเป็นของนักการเมืองชื่อดัง จ.สุราษฎร์ธานี
ภายหลัง นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นำกำลังยึดบ้านหรู และสวนยางพารา ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเขาแก้ว และป่าดงปากชม บ้านโนนทอง หมู่ 10 ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย บนเนื้อที่ 158 ไร่ จากการตรวจสอบพบว่า
บ้านหรูหลังดังกล่าว มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท และจากการสอบสวน นายวัฒนา ศรีแสง อายุ 45 ปี รับเป็นผู้ดูแลบ้าน และคนงานกรีดยาง ระบุว่า บ้านและสวนยางพาราทั้งหมด เป็นเครือข่ายนักการเมืองชื่อดัง จ.สุราษฎร์ธานี
ด้าน นายยงยุทธ ชำนาญรบ ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเลย กล่าวว่า ที่ดินผืนดังกล่าว เคยเป็นคดีความช่วงปี 53-56 แต่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาได้มีการร้องเรียนจากชาวบ้านย่านใกล้เคียงในพื้นที่ว่านายทุนคนเดิมมีการขยายพื้นที่บุกรุกเข้าไปในเขตป่าสงวนฯ อีก กว่า 2,000 ไร่ จึงสนธิกำลังเข้ามาตรวจสอบและยึดพื้นที่คืน ตามนโยบายและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

อำนาจหน้าที่ของ สนช.

อำนาจหน้าที่ของ สนช.



ศาลพิเศษกัมพูชาตัดสินจำคุกตลอดชีวิตนายนวน เจีย และนายเขียว สัมพัน อดีตสองผู้นำเขมรแดง ฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

วันนี้ ศาลพิเศษกัมพูชาตัดสินจำคุกตลอดชีวิตนายนวน เจีย และนายเขียว สัมพัน อดีตสองผู้นำเขมรแดง ฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีผู้นำระดับสูงของเขมรแดงแม้แต่คนเดียวที่ถูกลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งนายพอล พต ผู้นำสูงสุดซึ่งเสียชีวิตไปในปี 2541 บีบีซีมีวิดิโอย้อนรำลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้น้ำมือของเขาที่ขึ้นมาเรืองอำนาจในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองในสาธารณรัฐประชาธิปไตยกัมพูชา ชาวบ้านถูกใช้แรงงานเยี่ยงทาส ปล่อยให้หิวโหย ขณะที่ผู้มีความเห็นไม่ลงรอย ทั้งนักวิชาการ คนมีการศึกษา ผู้ประท้วงคัดค้านถูกสังหาร อย่างเหี้ยมโหด

สัญญาณสงครามโลกครั้งที่3

เป็นเรื่อง..."...
Pudit Sukhasvasti เพิ่ม 2 รูปภาพใหม่
กองกำลังนาโต ที่เสริมกำลังขึ้น เพื่อกลบเกลื่อน หายนะทางเศรษฐกิจสหรัฐ และชาติตะวันตก
การเตรียมการรับมือของสงครามในครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังรัฐบาลสหรัฐส่งที่ปรึกษาทางทหาร มาช่วยเหลือรัฐบาลยูเครน และพร้อมทั้งการเคลื่อนย้ายรถถัง และรถหุ้มเกราะ ตลอดจนรถสะเทินนำ้สะเทินบก หลายร้อยคันมายัง นอร์เวย์ และตอบโต้สหภาพยุโรป ได้ละเมิดสนธิสัญญาที่ทำขึ้นที่เจนีวา ในการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาลยูเครน

ในอนาคตอันไกล้ มาตรการตอบโต้สหรัฐ และสหภาพยุโรป ที่รัสเซียกำลังจะเพิ่มก็คือ บรรดาบริษัทของยุโรปทั้งหมดในรัสเซีย รวมทั้งโรงงานต่างๆ ซึ่งเป็นมาตรการที่เรียกว่า "economic nuclear weapon"
นอกจากนี้ยังมี ย่างก้าวที่สำคัญก็คือการลงนามความร่วมมือทางด้านพลังงาน ระหว่างรัสเซียและอิหร่าน ของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย โดยใช้เงินรูเบิลของรัสเซียโดยตรง แม้กระทั่งทองคำในการแลกเปลี่ยนโดยไม่ใช้เงินดอลลาร์ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านของ ยุทธปัจจัยในการทำสงครามนั่นเอง
ซึ่งก่อนหน้านั้นในต้นปี ได้มีการลงนามทางการค้าร่วมกับอินเดียแล้ว เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าทางด้านการเกษตร ระหว่างกันโดยตรงในฐานะประเทศในกลุ่ม BRICS และรัสเซียเวลานี้ ก็ยกเลิกนำเข้าสินค้าเกษตรจาก สหภาพยุโรปบางประเภท เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบ เตรียมเสบียงไว้ในการสงครามและมาตรการคว่ำบาตรของ สหภาพยุโรปนั่นเองhttp://in.rbth.com/economics/2014/03/31/india_russia_to_step_up_agricultural_cooperation_34141.html
การปฏิเสธการลงนามทางการค้าของอินเดีย กับองค์กรณ์การค้าโลก เมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น หมายถึงการเลือกข้างของ อินเดียอย่างชัดเจน และท่าทีของอินเดีย ก็ยังย้ำในจุดยืนเดิมในเรื่องความมั่นคงทางอาหาร สำหรับชาวอินเดีย โดยได้รับการสนับสนุน จากประธานด้านกองทุนการเกษตรระหว่างประเทศด้วยคำกล่าวที่ว่า "การสร้างอาชีพให้กับประเทศอื่น ในขณะที่คนในประเทศกำลังหิว เป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้"
(Creating jobs for some other country, while people are still hungry, doesn't make sense) http://timesofindia.indiatimes.com/India/Indias-tough-stand-on-WTO-gets-support-from-UN-body/articleshow/39616159.cms
WTO ก็ไม่ต่างอะไรกับ องค์กรณ์ที่เป็นหุ่นเชิดของสหรัฐและตะวันตก คือ แทนที่จะส่งสินค้าเกษตรไปยังสหรัฐและตะวันตกเพื่อแลกกับเงินดอลลาร์ ที่เจ้าของธนาคารนั่งพิมพ์ในห้องแอร์ ทั้งๆที่คนในประเทศทำงานแทบตาย กว่าจะได้ผลผลิตออกมา สู้เก็บเอาไว้คนในประเทศบริโภค ดีกว่าส่งให้ฝรั่งแดก หรือเป็นเสบียงไว้ทำสงครามรังแกประเทศอื่น
เพราะฉะนั้นเราก็พอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหมครับว่า โลกกำลังจะเดินไปสู่จุดใด รัสเซียตอนนี้เตรียมทั้ง เสบียงและยุทธปัจจัย ไว้รับมือมาตรการคว่ำบาตร และเตรียมความพร้อมไว้รับมือกับสงคราม และเมื่อไหร่ที่รัสเซียซึ่งมีก๊าซธรรมชาติและน้ำมันมหาศาล และมากที่สุดในโลก มีความมั่งคั่งถึง 75 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าสหรัฐ ที่ตามมาเป็นอันดับสองมูลค่า 45 ล้านล้านดอลลาร์http://247wallst.com/special-report/2012/04/18/the-worlds-most-resource-rich-countries/3/
แต่ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะตัวเลขหนี้สาธารณะมันมากมาย มากกว่าตัวเลขที่ประกาศออกมามาก ถึงจะขุดน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในสหรัฐขึ้นมาใช้เกือบหมด ก็ยังจ่ายหนี้ไม่ครบอยู่ดี นอกจากเดินหน้าทำสงคราม เพื่อค้ำประกันเงินดอลลาร์ต่อไปเท่านั้น เพราะหนี้สาธารณะของสหรัฐ ตัวเลขที่แท้จริงไม่ใช่ 17 ล้านล้านดอลลาร์ ตามที่กล่าวอ้าง แต่อาจจะมากถึง 70 ล้านล้านดอลลาร์นั่นเอง เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐ พยายามหาทางเลี่ยงบาลีปกปิด ตัวเลขหนี้สาธารณะที่แท้จริงของตัวเอง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน สัดส่วนหนี้สาธารณะกับ จีดีพีจะได้ไม่สูงเกินจริง และกู้ยืมเงินได้มากขึ้น เพราะเพดานหนี้ก็ขยายมาตลอดเวลาแล้ว ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกถึง รัฐบาลไทย พยายามจะยักย้ายถ่ายเท บรรดาหนี้เสียไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับภาระแทนนั่นแหละครับ เพื่อตัวเองจะได้กู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น สัดส่วนหนี้สาธารณะกับจีดีพีไม่ไม่สูงมากhttp://english.pravda.ru/business/finance/22-08-2013/125468-usa_national_debt-0/
เพราะฉะนั้นถ้าเรามองภาพออก จะเห็นว่ารัสเซียนั้น อยู่ในฐานะได้เปรียบในทางด้านเศรษฐกิจ จึงทำทุกอย่างเพื่อเลี่ยงสงคราม และสหรัฐอยู่ในฐานะล้มละลาย เพราะหนี้สินมหาศาล จึงทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่สหรัฐเองจะเผชิญกับ สงครามกลางเมืองเพราะหายนะทางเศรษฐกิจ
เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ รัสเซียประกาศว่าจะใช้การแลกเปลี่ยนน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ โดยสกุลเงินอื่นแม้กระทั่งทองคำ ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ นั่นแหละครับคือ หายนะของ "petrodollar" นั่นหมายถึงจุดจบของสหรัฐอเมริกา ที่เคยเป็นมหาอำนาจของโลก มาอย่างยาวนาน และอยู่ในฐานะจมไม่ลง ทั้งๆที่ตัวเองไปไม่รอดแล้วนั่นเองhttp://www.eutimes.net/2014/08/putin-issues-global-war-order-against-obama-regime/

'ยิ่งลักษณ์ 'ประสาน 'คสช.' กลับไทยแน่ 10 ส.ค.นี้

'ยิ่งลักษณ์ 'ประสาน 'คสช.' กลับไทยแน่ 10 ส.ค.นี้
7 ส.ค.57
รายงานข่าวจาก คสช.เปิดเผยว่า ..
ได้รับการประสานจากคนใกล้ชิดของ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไม่เป็นทางการ
ถึงกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย
หลังจากที่ขออนุญาตเดินทางไปประเทศ ฝรั่งเศส อังกฤษ และ สหรัฐฯ
ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา และจะเดินทางกลับประเทศไทย
ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ ตามกำหนดที่ได้ขอไว้กับ คสช.
///////////////////////////////////////////////////////////////////

สนธิ ลิ้มฯ กับพวก วืดประกัน!! เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังไม่ได้ประกันตัว ในฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หลังศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาคำสั่งประกัน ถูกนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพทันที ด้าน ผบ.เรือนจำฯเผย คุมตัวได้เพียงแค่ 1 คืน ก่อนส่งเข้าคุกคลองเปรม เพราะมีโทษสูงเกิน 15 ปี

จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้า - ศาลอุทธรณ์ ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย / น.ส.เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ อดีตผู้บริหารแผนฟื้นฟู บมจ. แมเนเจอร์ฯ และ น.ส.ยุพินจันทนา อดีตกรรมการ บมจ. แมเนเจอร์ฯ ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 307, 311,312 (1) (2) (3) , 313 คนละ 20 ปี และทั้งสามได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพมูลค่าคนละ 10 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา

หลังจากที่ศาลอาญาพิเคราะห์คำร้อง และหลักทรัพย์แล้ว เห็นควรส่งเรื่องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งประกันต่อไป โดยจากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งเรื่องทั้งหมดให้ศาลฎีกาพิจารณา ในวันที่ 8 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ ซึ่งศาลฎีกาจะใช้เวลาพิจารณา ราว 3–5 วัน ประกอบกับเป็นช่วงวันหยุดยาวติดต่อกัน 4 วัน คาดว่าศาลฎีกา น่าจะมีคำสั่งได้ราววันที่ 14-15 ส.ค.นี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำรถตู้ 2 คันมารับตัวทั้งสาม โดยนำตัว นายสนธิ แยกขึ้นรถเพียงคนเดียว ไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ / ส่วนลูกน้องคนสนิทอีก 2 คน ซึ่งเป็นหญิง ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขน เพื่อรอคำสั่งประกันจากศาลฎีกาต่อไป

ด้าน นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ กล่าวถึง การรับตัว นายสนธิ เข้ามาควบคุมในเรือนจำฯ ว่า นายสนธิจะถูกส่งตัวเข้าแดนแรกรับ ซึ่งเป็นขั้นตอนปกติของผู้ต้องขังทั่วไป อย่างไรก็ตามเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯจะควบคุมตัว นายสนธิ เพียง 1 คืน ก่อนส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องจากโทษจำคุกของนายสนธิเกิน 15 ปี อยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

อย่างไรก็ตามระหว่างถูกคุมตัวในแดนแรกรับ ซึ่งมีผู้ต้องขังเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ด้วย คาดว่าจะไม่มีปัญหา หรือข้อกังวลในการอยู่ร่วมกัน เพราะในห้องควบคุมมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดสำรวจเคลื่อนไหวผู้ต้องขังได้ทั่วถึง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ผู้คุมคอยดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างอยู่ร่วมกันได้แน่นอน.