PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

หลวงปู่ฯการพูดคุยกับ"สมชาย วงศ์สวัสดิ์"วันนี้

"หลวงปู่ฯ" เล่าเรื่อง
การพูดคุยกับ "สมชาย"

24 ก.พ. 57 เพจ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" ได้ถ่ายทอดภารกิจของหลวงปู่พุทธะอิสระ ในวันนี้ และตอนหนึ่งได้กล่าวการเจรจากับ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" อดีตนายกรัฐมนตรี

--------------
วันนี้ กลับมาได้เจรจาความเมืองกับ อดีตนายกฯ สมชาย วงสวัสดิ์
ในหัวข้อการสร้างบรรยากาศ การเจรจา ซึ่งหลวงปู่ฯ ได้เล่า ให้ฟังว่า คู่เจรจายังไม่มีความมั่นใจเท่าที่ควรในการรับปากว่าจะไปพูดคุย กับต้นเหตุความรุนแรงเท่าไหร่ ทั้งคุณเฉลิม เสื้อแดง นายกฯ รักษาการ แต่หลวงปู่ก็ยังยืนยันเจตนาเดิมก่อนกระบวนการเจรจาว่า ต้องยุติความรุนแรงให้ได้ ให้นิ่งหยุดทำร้ายทำลายชีวิตกันซะก่อนๆ ที่จะมาเจรจากัน หลวงปู่ฯ มั่นใจว่าทุกสีจะอยู่ร่วมกันได้ในประเทศนี้ เราจะเปิดโอกาส ให้คนทุกสีได้เจรจาพูดคุยกัน

คุณสมชาย ได้มีข้อโต้แย้งว่าทางฝ่าย กปปส.ก็มีส่วนก่อใก้เกิดความรุนแรงจากการด่าทอ ยั่วยุ หรือไปปิดล้อมกดดันสถานที่ต่างๆ หลวงปู่ฯ จึงโต้แย้งไปว่า ไฟถ้าไม่มีเชื้อ หรือไม่มีใครไปเติมเชื้อเพลิงมันก็ไม่ลุกหรอก ทุกวันนี้ทางคุณสุเทพ เขาก็รับมุขจากการกระทำของพวกคุณนี่แหละไปเล่น ทั้งการคุกคามขู่เข็ญ กลั่นแกล้งริดรอนสิทธิต่างๆ พวกคุณมีอำนาจรัฐอยู่ในมือถ้าใช้ถูกทาง มีคุณประโยชน์ แต่ถ้าใช้อำนาจหน้าที่แบบมิชอบ โทษมหันต์ ซี่งคุณเองก็เคยได้สัมผัสกับตัวเองมาแล้ว คุณน่าจะเข้าใจในจุดนี้ดี คุณสมชาย ได้ถามขึ้นมาคำหนึ่งว่าสรุปว่าเหตุรุนแรงต่าง ๆ นี่เกิดจากมือที่ 3 ใช่ไหมครับ หลวงปู่ฯจึงตอบไปว่า ไม่มีหรอกมือที่ 3 น่ะมีแต่มือคุณ กับมือฉันเท่านั้นแหละ (แต่ประโยคนี้ หลวงปู่ฯ เรียกเสียงฮา !ก่อนด้วยภาษาพ่อขุนฯ ) แต่ฉันน่ะไม่ทำแน่ ส่วนพวกคุณ ก็กลับไปคิดกันดูก็แล้วกัน เดี๋ยววันอังคารหน้า นัดเจรจากันใหม่ ..ยังมีรายละเอียดการเจรจามากกว่านี้แต่โดยมารยาทเราก็ต้องให้เกียรติคู่เจรจา เพื่อที่ข้อมูลต่างๆ ที่ทางฝ่ายเขาก็จะได้นำไปปฏิบัติอย่างสะดวกใจ ถือว่าเริ่มต้นแบบเป็นต่อแล้ว เป็นไงบ้าง 2 งานเน้น ๆ วันนี้พอจะขอเสียงคำรามจากลูก หลานพญาราชสีห์หน่อยได้ไม๊.!
( ยาวนาน กึกก้อง ไปสอง สามโลก)

พรุ่งนี้พักทัพ 1 วัน นอนพักผ่อนทำงานส่วนตัว หลวงปู่ฯขอลูกหลานไว้อีกอย่างว่าการเดินทัพ กำลังพลคืออำนาจต่อรอง และสมองจะนำพาไปสู่ชัยชนะ จึงอยากจะฝากลูกหลานไว้ว่า มาเสริมทัพกันช่วงกลางวันๆ บ้างก็ได้อย่าปล่อยให้หลวงปู่ฯ ใช้สมองแบบ เสียวแว๊บๆ อย่างนี้ทุกที ต่อไปเราอาจจะเพลี่ยงพล้ำ แก่ศัตรูได้ ขอบคุณ ขอบใจ ลูก ๆ


ฮิวแมนไรทวอชเรียกร้องทุกฝ่ายหยุดความรุนแรง ยันกลุ่มผู้ชุมนุมหมดความชอบธรรมในการอ้างว่าประท้วงอย่างสันติ-ปราศจากอาวุธ

ฮิวแมนไรทวอชเรียกร้องทุกฝ่ายหยุดความรุนแรง ยันกลุ่มผู้ชุมนุมหมดความชอบธรรมในการอ้างว่าประท้วงอย่างสันติ-ปราศจากอาวุธ
-ใช้อาวุธสงครามที่หลักสี่และระดมยิงและปาระเบิดใส่ตำรวจก่อนที่ผ่านฟ้า

วันนี้(23 กพ. 57) ผู้สื่อข่าวไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกแถลงการณ์เตือนทุกฝ่ายในไทยหยุดใช้ความรุนแรง ก่อนสถานการณ์บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ โดยแถลงการณ์ฉบับใหม่เกี่ยวกับความรุนแรงในไทย จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างตำรวจ กับผู้ประท้วงบริเวณสะพานผ่านฟ้า ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำที่ละเมิดกฎหมายจากฝ่ายตำรวจ และผู้ประท้วง เสี่ยงที่จะทำให้ความรุนแรงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในไทยลุกลามออกไป

แถลงการณ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำเอเชีย ซึ่งระบุว่า เหตุนองเลือดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ขณะเดียวกันก็ชี้ว่า การใช้กำลังเกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่ และความรุนแรงจากทั้งสองฝ่ายคู่ขัดแย้ง จำเป็นต้องยุติลงทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลุกลามบานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้

รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ยังเล่าถึงบรรยากาศการปะทะกันบริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า การปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างที่ตำรวจพยายามขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเรียกตนเองว่ากองทัพธรรม และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย กปปส. โดยภายหลังการเจรจาล้มเหลว ตำรวจได้ตัดสินใจจู่โจมพื้นที่ชุมนุม โดยใช้กระบอง แก๊สน้ำตา และกระสุนยางเป็นอาวุธ ก่อนจับตัวนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำการชุมนุมเอาไว้ได้ เมื่อเวลาประมาณ 10 นาฬิกา จากนั้นไม่นาน กลุ่มมือปืนซึ่งปฏิบัติการร่วมกับผู้ประท้วง ได้เปิดฉากกระหน่ำยิงใส่ตำรวจ และขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 10 นาย ก่อนที่มือปืน 4 คน จะบุกไปชิงตัวนายสมเกียรติจากรถห้องขังของตำรวจ ทำให้ตำรวจต้องตอบโต้ด้วยปืนสั้น ปืนช็อตกัน และไรเฟิลที่ใช้กระสุนจริง

ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับฮิวแมนไรท์วอทช์ว่า ผู้ประท้วงบางคนเปิดฉากยิงใส่รถตำรวจ ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 นาย ส่วนคนขับรถได้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมลากออกไปรุมทำร้าย ก่อนที่เหตุการณ์จะสงบลงในเวลาประมาณ 15 นาฬิกา หลังจากตำรวจถอนกำลังกลับ และผู้ประท้วงได้ล่าถอยกลับฐานที่มั่นของตน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล มีการใช้อาวุธ และไม่ได้ชุมนุมกันอย่างสันติ ปราศจากอาวุธตามที่แกนนำมักกล่าวอ้าง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นครั้งที่สอง ถัดจากการปะทะกันที่แยกหลักสี่ ซึ่งพบว่า มีกลุ่มติดอาวุธที่มีทักษะสูง และทำงานกันเป็นทีม ออกมาใช้อาวุธสงครามคอยช่วยเหลือผู้ประท้วงกลุ่ม กปปส.

ด้วยเหตุนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์จึงเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และบรรดาแกนนำ กปปส. ควรเร่งหาตัวผู้ใช้อาวุธสงคราม และเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง เพื่อส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม รวมถึงบังคับใช้กฎกติกาการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับหลักการสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนลุกลามเลวร้าย และทำให้ประเทศไทยไร้ขื่อแป จากการโจมตีแก้แค้นกันที่ขยายวงกว้างมากขึ้น. (จาก
http://m.thairath.co.th/content/pol/405594)


แถลงการณ์ร่วม 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ "ประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ"

แถลงการณ์ร่วม 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ "ประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ"

*แถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างการชุมนุมของ กปปส. นับเป็นสัญญาณความรุนแรงที่มีโอกาสบานปลายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะกรณีกลุ่มคนร้ายใช้รถกระบะขับโฉบเข้าโยนระเบิดและกราดปืนเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมเครือข่าย กปปส.ที่อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บร่วม 50 ราย รวมทั้งเด็ก สตรีและคนชรา กรณี คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม79 เข้าที่ชุมนุมที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี ราชประสงค์ กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้เด็กสองคนพี่น้องต้องเสียชีวิต และชาวบ้านบาดเจ็บอีกกว่า 21 คน รวมทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จนทำเกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนผู้ร่วมชุมนุมซึ่งเป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการวางแผนและปฏิบัติการอย่างมีเป้าหมายและหวังผล ให้ผู้ชุมนุมมีการบาดเจ็บล้มตายแบบไม่เลือกหน้าเห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจสร้างสถานการณ์อย่างไร้มนุษยธรรมและป่าเถื่อนโหดร้ายอย่างยิ่ง
องค์กรวิชาชีพสื่อ 4 องค์กร ประกอบด้วยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความเห็นต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ดังนี้

1.เราขอประณามการกระทำเช่นนี้เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาทำร้ายชีวิตประชาชนอย่างชัดเจน รวมทั้งขอคัดค้านการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม

2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการที่ต้องรับผิดชอบดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ เร่งทำการสืบสวนสอบสวนนำตัวผู้กระทำความผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาลงโทษโดยไม่ละเว้นการบังคับกฎหมายต่อฝ่ายใด องค์กรวิชาชีพสื่อ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและเจ้าที่รัฐ ที่รักความเป็นธรรมต่างไม่อาจยอมรับได้กับเหตุการณ์เหล่านี้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้ถืออำนาจรัฐและรับผิดชอบรักษาความสงบต้องเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อนำคนก่อเหตุเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเร็วที่สุดเพื่อป้องการเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นอีก

3.เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.และแนวร่วมที่ต่อต้านรัฐบาล รวมทั้งกลุ่มมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลต้องใช้สิทธิการชุมนุม การแสดงออกทางการเมืองที่สงบและปราศจากอาวุธภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างเคร่งครัดและระงับการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ แกนนำของผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายและเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงต้องรับประกันความปลอดภัยของประชาชนที่ได้ใช้สิทธิการชุมนุมอย่างสงบอย่างแท้จริง รวมไปถึงการไม่ปิดกั้นคุกคามการทำงานของนักข่าวในภาคสนามและ การปิดล้อมกดดันใดๆ ต่อสถานีวิทยุและโทรทัศน์รวมไปถึงสำนักข่าวต่างๆ

4. สื่อมวลชนทุกแขนงควรตระหนักถึงการเสนอข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้ง ที่ต้องเสนอข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้สาธารณชนสามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำมาเป็นข้ออ้างในการยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรง
สุดท้ายนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ ยึดถือประโยชน์ของสาธารณะและประเทศชาติเป็นหลัก

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
24 กุมภาพันธ์ 2557


เสธ.น้ำเงิน แนวร่วมรบจากโลกไซเบอร์ !!!

“เสธ น้ำเงิน” คอยวิเคราะห์สถานการณ์เป็นรายวัน แน่นอน เสธ น้ำเงิน ไม่เคยเปิดเผยตัวเองว่าเป็นใคร แต่ลักษณะการเข้าถึงข้อมูล ย่อมมีความใกล้ชิดกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างแน่นอน จากข้อมูลเชิงลึกทั้งในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทหารใช้ รวมถึงรู้ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือชายแดนไทย-พม่า มีการวางกำลังทางการทหารอย่างไร ???

ชื่อของ เสธ น้ำเงิน นั้นตีความได้หลายแบบ จะตีความว่าสีน้ำเงิน คือสัญลักษณ์ ของพระมหากษัตริย์ ก็ได้ จะตีความว่าเป็นการเล่นคำ ให้ตรงกันข้ามกับชื่อ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยอยู่กับคนเสื้อแดงก็ได้หรือจะตีความว่า “น้ำเงิน” เป็นเครื่องแบบของ “กองทัพอากาศ” ก็ได้เช่นกัน

เสธ. น้ำเงิน จากเพจแฉความลับ เป็นใครมาจากไหนยังไม่มีใครทราบ....แต่คงต้องยอมรับว่า เสธ. น้ำเงิน ได้อ่าน 'สามก๊ก' มาแล้วหลายรอบ เพราะ เสธ น้ำเงิน มักสอดแทรกเกร็ดกลยุทธ์การทำศึกสงครามจากเรื่องสามก๊กเข้าไปสอดเเทรกไว้ประกอบเหตุการณ์ "เช่น ลิโป้กล่าวว่า สังหารลิ่วล้อร้อยคนย่อมสนุกสนานกว่า การสังหารจอมยุทธเพียงคนเดียว แต่ ขงเบ้งกล่าวว่า สังหารยอดยุทธเพียงคนเดียว..ย่อมดีกว่าสังหารลิ่วล้อนับร้อยคน !!!

ภากร นครกุลเชษฐ์


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ : ความจริงที่คนไทยต้องรู้

ความจริงที่คนไทยต้องรู้

อำนาจเป็นเรื่องหอมหวลที่ทุกฝ่ายปรารถนา โดยเฉพาะอำนาจรัฐ ชี้เป็นชี้ตายบันดาลได้ทุกสิ่ง แต่สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ผู้คนเริ่มตั้งข้อสงสัย เพราะอะไรถึงขนาดพูดคุยเจรจากันไม่ได้?

คุณสุเทพเป็นอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อยู่ในสภามายาวนานถึง 35 ปี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง ในอดีตจัดตั้งรัฐบาลหลายครั้ง ล้วนผ่านมือคนอย่างคุณสุเทพ ผู้เชี่ยวชำนาญเรื่องการเจรจาต่อรองมาทั้งชีวิตการเมือง

การปฏิรูปที่คุณสุเทพบอก ทั้งเรื่องคอรัปชั่น ระบบตำรวจ การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม คุณสุเทพย่อมเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าไม่สามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ แต่ยอมทุ่มทุนเสี่ยงมหาศาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เล่นเกมอันตรายอย่างแข็งกร้าว ไม่เจรจาต่อรอง ไม่ประนีประนอมกับใครทั้งสิ้น ยืนหยัดอยู่อย่างเดียวให้นายกฯและครม.ลาออก

ส่วนรัฐบาลสถานะง่อนแง่น แต่ทนทายาดผิดปกติ ตั้งแต่นิรโทษกรรม ยันมาถึงทุกวันนี้บริหารราชการแทบไม่ได้ ผลุบๆโผล่ๆ ข้าราชการต่างระส่ำระสาย "ผีซ้ำด้ามพลอย" โดนกระหน่ำซ้ำเรื่องจำนำข้าว แต่ยังยืนหยัดหัวเด็ดตีนขาดไม่ยอมลาออก

ความรุนแรงปะทุ มีทั้งยิงยันปาระเบิด ลูกเด็กเล็กแดงต้องตกเป็นเหยื่อ แถมมีมือปืนป๊อบคอร์น กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ยิงต่อสู้ป้องกันขบวนม็อบ ท้าทายอำนาจรัฐ ฝีมือเก่งกาจขนาดตำรวจต้องเปิดตูดแนบ

ธรรมชาติและสันดานของนักการเมืองคือ "แลกเปลี่ยนผลประโยชน์" เป็นสาเหตุให้ผู้คนสงสัยตั้งคำถาม ทำไมถึงยอมทำลายผลประโยชน์ชนิด "เจ๊งเป็นเจ๊ง พังเป็นพัง" ขนาดไม่ยอมเลือกตั้ง? ขวางทุกอย่าง ไม่ใช่วิสัยปกติของนักการเมืองเสียแล้ว

ประชาชนของประเทศนี้ ตาสีตาสายันคุณนายบนคอนโด วินมอเตอร์ไซค์ไปยันบ้านหรูข้างสนามกอล์ฟ มีเลขบัตรประจำตัวสิบสามหลัก ทุกผู้ทุกคนล้วนเป็นคนไทย ย่อมมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง? ต้องพังกันไปข้างหนึ่ง ชนิดแบ่งประเทศปกครองกันเลยหรือ?

ตอนนี้ไม่รู้ใครเป็นใคร ต่างฝ่ายต่างโยนความผิด ดูไม่ออกบอกไม่ถูก แย่งกันร้องไห้แข่งกันประณาม แต่ยังคงยืนยัน "ไม่เจรจา ไม่ประนีประนอม"

ความจริงคืออะไร? ทำไมถึงไม่ยอมเจรจา? คนไทยมีสิทธิ์ที่จะรู้


ไทกร : แม้วเตรียมสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครอบครองรัฐไทยใหม่(ไทยเหนือ)..

แม้วเตรียมสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าผู้ครอบครองรัฐไทยใหม่(ไทยเหนือ)..
แม้วสั่งเดินหน้าไม่มีเกียร์ถอย เร่งสถาปนารัฐไทยใหม่ให้เร็วที่สุด ก่อนยิ่งลักษณ์จะถูกล้อมจับได้ โดยให้แบ่งพื้นที่ปฏิบัติการเป็น ๓ พื้นที่
๑.พื้นที่แนวหลัง(เป็นพื้นที่ปลดปล่อย ๑๐๐ %) ใช้เป็นหลังพิงในการต่อสู้ โดยใช้พื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ให้หมอแคนเมืองขอนแก่นเป็นแม่ทัพใหญ่ ให้ทีมงานในพื้นที่ขึ้นตรงกับหมอแคนเมืองขอนแก่น แล้วหมอแคนฯขึ้นตรงกับแม้วอีกทีหนึ่ง ใช้กองกำลังผสมดังนี้
๑.๑ ตำรวจแดงในพื้นที่
๑.๒ ตำรวจบ้าน
๑.๓ อส.(สังกัดมหาดไทย)
๑.๔ ชรบ.(สังกัดมหาดไทย)
๑.๕ อส.พิทักษ์ป่า
๑.๖ เสื้อแดง
แม้วและหมอแคนฯประเมินกำลังทหารในพื้นที่กองทัพภาค ๒ และกองทัพภาค ๓ ว่า มีกำลังพลรบติดอาวุธไม่เกิน ๔๐,๐๐๐ นาย นอกนั้นเป็นทหารธุรการ จำนวนทหารเพียงแค่นี้ไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้หมด
๒.พื้นที่ต้องยึดครอง ได้แก่ภาคกลางและภาคตะวันออก โดยให้แกนนำแต่ละจังหวัดนำกำลังของตนเองเข้าสู้ กำลังพลให้ใช้ฐานเสียงของแกนนำแต่ละคน ผสมกับตำรวจแดงและเสื้อแดง และให้ทุกคนขึ้นตรงกับแม้ว แม้วพร้อมให้การสนับสนุนทั้งเงินแและอาวุธ
๓.พื้นที่สู้รบ คือ กรุงเทพฯและปริมณทล การสู้รบให้ใช้ยุทธวิธีแบบกองโจร หรือ ใช้หน่วยจรยุทธ์ กองกำลังประกอบด้วย
๓.๑ ตำรวจแดง
๓.๒ แดงฮาร์ดคอร์
๓.๓ นักรบรับจ้างต่างชาติ
ให้กองกำลังข้างต้นขึ้นตรงกับทหารที่เป็นอดีตนักรบรับจ้าง ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมยุทธการด้วย
-ภารกิจของ นปช.คือ ทำการโฆษณาชวนเชื่อ สร้างมวลชนเสื้อแดง ปลุกระดมมวลชนให้เข้าร่วมรัฐไทยใหม่
-ยุทธวิธีเร่งด่วนเฉพาะหน้า
๑.แบ่งแยกกำลังทหารออกเป็นส่วนๆ เช่น สร้างความรุนแรงใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เพื่อตึงกำลังทหารในพื้นที่ให้ขยับไม่ได้ และดึงกำลังทหารจากส่วนต่างๆของประเทศให้ลงไปภาคใต้
๒.ขยายพื้นที่โจมตีและก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯและปริมณทลให้กว้างขึ้น เพื่อให้กำลังทหารจากกองทัพภาค ๑ กระจายกำลังให้มากที่สุด เพื่อลดทอนประสิทธิภาพ
๓.ปล่อยข่าวลือทำลายและสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับสถาบันพระมหากษัตริย์
รายละเอียดในยุทธวิธีจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
"รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง รู้เรา ไม่รู้เขา แพ้ชนะยังก่ำกึ่งอยู่ ไม่รู้เขา ไม่รู้เรา รบร้อยครั้งแพ้ร้อยครั้ง"

เครดิต ไทกร พลสุวรรณ


สถานฑูตสหรัฐยืนยัน "ฑูตคริสตี้"ยังอยู่ไทยต่อไป

U.S. Embassy Bangkok
Consulate & Embassy · 167,316 Likes
เอกอัครราชทูตคริสตี้ เคนนี่ย์ รู้สึกภูมิใจที่ตำแหน่งงานของท่านได้รับความสนใจ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2554 ได้มีการขยายวาระการปฏิบัติหน้าที่นาน 3 ปีของเอกอัครราชทูตคริสตี้ เคนนี่ย์ ในประเทศไทยออกไปอีก เอกอัครราชทูตคริสตี้ เคนนี่ย์ จะยังคงประจำการอยู่ในตำแหน่งภายในปีนี้ต่อไป และยังคงตั้งใจปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบของท่านในประเทศไทยอย่างเต็มที่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังไม่ได้เสนอชื่อเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนต่อไป และวุฒิสภาสหรัฐฯ ก็ยังไม่ได้ให้การรับรองผู้จะเข้ารับตำแหน่งใหม่เช่นกัน
Ambassador Kenney is flattered at the interest in her career. Since her arrival in January 2011, Ambassador Kenney’s three year tour in Thailand has been extended. Ambassador Kenney won’t be leaving until later this year and remains very focused on her responsibilities in Thailand. The next U.S. Ambassador to Thailand has not yet been nominated by the U.S. President or confirmed by the U.S. Senate.

"ทำไมโลกนี้โหดร้ายกับครอบครัวผมเหลือเกิน"

"ทำไมโลกนี้โหดร้ายกับครอบครัวผมเหลือเกิน ทำไมคุณถึงใจคอโหดร้ายแบบนี้ เด็กๆ ไม่ควรที่จะต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้ คุณรู้ไหมเขาเจ็บแค่ไหน เลือดเขาไหลไม่หยุดทั้งคืน ผมกลับบ้านไป ผมเห็นกระเป๋าหนังสือเรียนเขาวางอยู่ ชุดนักเรียนเขาที่เตรียมไว้ที่จะไปโรงเรียนในวันนี้ มันเจ็บปวดเหลือเกิน เด็กๆ เขาทำอะไรผิด เมื่อไหร่มันจะจบ ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเล็กๆ แต่เราก็มีความสูขกันดี เลิกงานกลับบ้านมาเจอกันคุยกัน วันนี้จะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว ครอบครัวผมเป็นคนป่วยไปแล้ว ขอให้ลูกๆ ผมเป็นคนสุดท้ายเถอะครับ คุณรู้ไหมมันเจ็บปวดแค่ไหน น้องเคนเขาฝันที่จะเป็นทหาร ชอบเปิดยูทูบดูทหารสวนสนาม วันนี้ความฝันเค้าไม่มีอีกแล้ว"

ความลับทักษิณถูกเปิดเผยแล้ว


ความลับทักษิณถูกเปิดเผยแล้ว งามหน้าละทีนี้!!! เคยมีข่าวมานาน แต่ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยัน!!! ...

คราวนี้ไม่ต้องสืบแล้ว เพราะต่างประเทศลงข่าวว่า บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียม ที่ทำธุรกิจด้านพลังงานของรัฐอาบูดาบี ในสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้ออกคำแถลงผ่านสื่อต่างประเทศว่าพวกเขาได้รับสัมปทานเข้าไปพัฒนาแหล่งพลังงานในอ่าวไทย ที่เรียกว่า “แหล่งนงเยาว์” โดยจะเริ่มดำเนินการพัฒนา ในเชิงพาณิชย์ภายในปีหน้า (2558) เป็นต้นไป รายงานข่าวดังกล่าวเผยแพร่โดยสำนักข่าวต่างประเทศ

เมื่อสองสามวันก่อน ที่อ้างคำแถลงอย่างเป็นทางการจากบริษัทดังกล่าวที่มี คัลดูน คาลิฟา อัล มูบารัค เป็นซีอีโอ เปิดเผยเรื่องนี้ให้ทราบ โดย เขายังควบตำแหน่งประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร ของสโมสรฟุตบอล “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ในศึกพรีเมียร์ลีกในอังกฤษ ที่ซื้อกิจการต่อมาจาก ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ ตามรายงานข่าวดังกล่าว ระบุว่า บริษัท มูบาดาลาฯ จะได้รับประโยชน์จากสัญญาสัมปทานพลังงานแปลง “นงเยาว์”ในอ่าวไทย ในสัดส่วนราวร้อยละ 75 และมีบริษัทพลังงาน ในชื่อ คริส เอ็นเนอร์จี จากสิงคโปร์ ที่จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ได้รับส่วนแบ่งที่เหลืออีกร้อยละ 25 ที่น่าสนใจก็คือ แหล่งน้ำมันแห่งนี้ มีศักยภาพในการผลิต น้ำมันรองรับได้ถึงวันละ 15,000 บาร์เรล

อ่านต่อ: http://www.muslimvoicetv.com/ncontent/news.php?nid=12781#ixzz2uEISKfBL

อ่านต่อ: http://www.muslimvoicetv.com/ncontent/news.php?nid=12781#ixzz2uEILvqKZ


(คลิป)พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงข่าวทางช่อง 5 วอนทุกคู่ขัดแย้งควรดำเนินตามร...





เผยแพร่เมื่อ 23 ก.พ. 2014
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงข่าวสดๆทางช่อง 5 ย้ำ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังมีผลบังคับอยู่ ทุกคู่ขัดแย้งควรดำเนินตามรัฐธรรมนูญ

ทุกคนทุกฝ่ายต้องออกมาช่วยนำเสนอทางออกอย่­างสงบ สันติ

กองทัพถูกว่ากล่าวใส่ร้ายว่ามีส่วนเกี่ยวข­้อง ทั้งที่กองทัพมีงานอื่นต้องดูแลรับผิดชอบท­ั้งงานชายแดนและงานความมั่นคงยังดำเนินอยู­่ จึงอยากขอให้การแก้ปัญหาของชาติดำเนินไปอย­่างสันติวิธี ไม่มีความขัดแย้งต่อไป

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 12.06 น.

ศาลปกครองนัดพิจารณาคดี

สำนักประชาสัมพันธ์ ขอแจ้งกำหนดนัดพิจารณาคดีที่น่าสนใจของศาลปกครอง ระหว่างวันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ 2557 มาให้ทราบดังนี้ 

๑. วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ศาลปกครองกลางนัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีหมายเลขดำที่ ๑๗๓๐/๒๕๕๓ ระหว่าง พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ (ผู้ฟ้องคดี) กับ นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทนฯ คำสั่ง/มติที่ประชุมคณะกรรมการ นโยบายตำรวจแห่งชาติและคำวินิจฉัยของอนุกรรมการข้าราชการตำรวจร้องทุกข์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย)
(คดีนี้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ฟ้อง นายกรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน ว่า


ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ คัดเลือกให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี รอง ผบ.ตร.ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.ตามรายชื่อที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เสนอ โดยเห็นว่าการเสนอรายชื่อดังกล่าวมิได้มีการปฏิบัติตามอาวุโส และทำให้ผู้ฟ้องคดี ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดและสมควรได้รับการเสนอชื่อเสียหาย ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ร้องทุกข์ต่อผู้ถูกฟ้องคดีแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มีมติให้ยกคำร้องทุกข์ตามหนังสือลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ จึงขอให้ศาลปกครองเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีตามฟ้องและคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้งให้บุคคลอื่นรักษาการตำแหน่ง ผบ.ตร.)
ณ ห้องพิจารณาคดีที่ ๖ ชั้น ๓ อาคารศาลปกครอง เลขที่ ๑๒๐ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวง
ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐

๒. วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ส.๒๕๖/๒๕๕๔ ระหว่าง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๙๐ คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย (ขอให้เพิกถอนคำสั่งการอนุญาตก่อสร้างอาคารเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าและขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย)
ณ ห้องพิจารณาคดีที่ ๘ ชั้น ๓ อาคารศาลปกครอง เลขที่ ๑๒๐ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐


๓. วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ๒๐๔๐/๒๕๕๓ ระหว่าง พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ (ผู้ฟ้องคดี) กับ นายกรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
(คดีนี้พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ฟ้องว่า นายกรัฐมนตรี ละเลยต่อหน้าที่ไม่ดำเนินการ เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒๘/๒๕๕๒ ลว. ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ ซึ่งลงโทษปลดผู้ฟ้องคดีออกจากราชการ ทั้งที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๕๒ เมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ ว่าผู้ฟ้องคดีไม่ได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้สั่งยกโทษ กรณีผู้ฟ้องคดีเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธปราบปรามประชาชนที่กำลังชุมนุม ในพื้นที่บริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือหลายฉบับให้ผู้ถูกฟ้องคดีปฏิบัติตามมติ ก.ตร.ดังกล่าวแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีมิได้ดำเนินการแต่อย่างใด ทำให้ผู้ฟ้องคดีเดือดร้อนเสียหาย)
ณ ห้องพิจารณาคดีที่ ๖ ชั้น ๓ อาคารศาลปกครอง เลขที่ ๑๒๐ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐

สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครอง
โทร. 02 1411165, 02 1411167

ผบ.ทบ.อ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืน ระบุพยายามหารือทุกฝ่ายให้ร่วมกันยุติความรุนแรง

23 ก.พ.57 - ผบ.ทบ.อ่านแถลงการณ์แสดงจุดยืน ระบุพยายามหารือทุกฝ่ายให้ร่วมกันยุติความรุนแรง แย้มคนก่อเหตุมีส่วนร่วมในการชุมนุมปี 2553 วอนม็อบไม่บุกยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ สั่งจัดกำลังทหารดูแล 24ชั่วโมง

เมื่อเวลา 12.10 น. พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้อ่านแถลงการณ์ชี้แจงจุดยืนของกองทัพบกต่อสถานการณ์ทางการเมืองผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5)ว่า ในนามของผบ.ทบ.และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(รองผอ.รมน.)อยากชี้แจงและแสดงความคิดเห็นในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคง  อยากชี้แจงในรายละเอียดเพราะวันนี้สถานการณ์ความรุนแรงในปัจจุบันมีมากขึ้น มีการบาดเจ็บสูญเสียมากขึ้น ซึ่งเป็นความห่วงใยจากตนและคนในกองทัพ ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่บาดเจ็บและสูญเสียชีวิตไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ วันนี้ทางกองทัพบกพยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทตำรวจแห่งชาติ  ศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุมในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงหาตัวผู้กระทำความผิดใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจไม่ว่า จะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจทุกภาคส่วนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปรามตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากยังคงมีอยู่นับวันสถานการณ์จะมีความรุนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุม หรือยุติได้ และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อประเทศชาติอย่างมหาศาลในโอกาสต่อไป

                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผุ้ก่อเหตุรุนแรง จากข้อมูลงานด้านการข่าวพบว่า มีหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 2553 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบและหาหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่า จะเกิดความบาดเจ็บสูญเสียของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวกหลายฝ่ายไม่เข้าใจและยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร และข้าราชการในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่า จะสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน  ส่วนการใช้อาวุธต่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ไม่ว่า จะเกิดจากฝ่ายใดถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายที่ชัดเจน  เจ้าหน้าที่และรัฐบาลจำเป็นจะต้องยุติให้ได้โดยเร็ว โดยการจับกุมดำเนินคดีให้ได้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เช่นเดียวกับการใช้อาวุธต่อศาล องค์กรอิสระ สถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ก็เป็นความผิดร้ายแรงเช่นกัน

                “ขอร้องให้ทุกกลุ่มของผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดการบุกรุก ยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สถานการณ์ที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่า ทหารจะสามารถใช้กำลังคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยไม่ยึดถือหลักกฎกติกา หรือกฎหมาย เพราะความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดขึ้นในหลายระดับ ทั้งกับเจ้าหน้าที่และประชาชนหลายกลุ่ม หากมีการใช้กำลังแก้ไขที่ปลายเหตุย่อมหมายความว่า กฎหมายและรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันจะต้องถูกยกเลิก ไม่ได้รับการยึดถืออีกต่อไป หลายพวกหลายฝ่ายที่อยากให้ใช้วิธีการดังกล่าว ขอให้กลับมาพิจารณาและมาตั้งสติว่า ปัญหาเหล่านี้จะยุติได้ด้วยวิธีการอันสงบหรือไม่  หากเรากระทำไปในลักษณะนั้นจะขยายความรุนแรงออกไปหรือไม่ ในเมื่อยังคงมีการปลุกระดมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกพวก ในทุกวงการให้มาต่อสู้ซึ่งกันและกัน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการจัดกำลังออกมาดูแลประชาชนในพื้นที่ที่มีการประกาศกฎหมายพิเศษเป็นจำนวนมากตลอด 24 ชั่วโมง  หากเราดำเนินการไม่ถูกวิธี หรือใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ เราจะแน่ใจได้หรือว่า สถานการณ์จะยุติลงได้โดยสงบ ขณะที่ทุกฝ่ายยังไม่พยายามลดเงื่อนไข ไม่พยายามพิสูจน์หาข้อเท็จจริง และยอมรับกฎกติกา กฎหมายของสังคม สิ่งที่น่ากระกระทำในเวลานี้คือ ให้ทุกฝ่ายได้ทำงานตามความรับผิดชอบของตนอย่างเต็มสติกำลังอย่างครบถ้วนด้วยความเป็นธรรม อำนวยความยุติธรรมได้อย่างถูกต้อง และสมบูรณ์โดยไม่ถูกกดดันโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และหาทางลดความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว ประการสำคัญคือ การใช้กำลังทหารคลี่คลายสถานการณ์อย่างเต็มรูปแบบนั้น จะได้รับการยอมรับจากประชาชนที่อยู่นอกเหนือจากความขัดแย้งนี้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ประกอบกับขณะนี้สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคมของประเทศไทยในสายตาของต่างชาติยังมีความสำคัญ สำหรับความขัดแย้งในครั้งนี้เป็นไปอย่างกว้างขวางมากกว่าปี 2553 เพราะในปี 53 เกิดจากคู่ขัดแย้งไม่มากนัก แต่ในปัจจุบันมีหลายกลุ่มและมีเงื่อนไขสลับซับซ้อน

                “สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน คือ ให้ทุกพวกทุกกลุ่มมาพูดคุย หารือกันเพื่อให้เชื่อได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรม ความชอบธรรมอย่างเท่าเทียม และช่วยกันก้าวเดินนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี การแก้ไขดังกล่าวต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องให้เกิดขึ้น อย่าคิดว่า ธุระไม่ใช่ หรือการถือพวก ถือฝ่าย ต้องเอาผลประโยชน์ของชาติทั้งปัจจุบันและอนาคตมาเป็นหลักในการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ในปัจจุบันให้ได้จนได้รับการยอมรับในข้อเท็จจริงจากคู่ขัดแย้งและประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เป็นคนไทยและเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ทหารไม่ต้องการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กับคนไทยด้วยกันที่เห็นต่าง โดยไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ หากมีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติจะล่มสลายอย่างแน่นอน และจะไม่มีใครชนะหรือแพ้อีกต่อไป สิ่งที่เราคาดหวังคือ อยากให้ทุกฝ่ายได้นำเงื่อนไขทั้งหมดมาชี้แจง พิสูจน์ทราบในข้อเท็จจริงให้ชัดเจนขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ความไม่เข้าใจ และขยายความขัดแย้งไปมากกว่านี้  เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎแล้วก็จะทำให้ได้รับการยอมรับและจะได้หาทางแก้ปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎมหาย เพื่อไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้มวลชนออกมาต่อสู้กัน ซึ่งผลสุดท้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย คือ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนกฎหมายทุกฉบับจะถูกทำลายอย่างยับเยิน”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สรุปคือ การใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายของทุกฝ่ายมาต่อสู้กันเพื่อความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรม มาตรฐานที่ทัดเทียม ที่แต่ละฝ่ายกล่าวอ้างว่า ไม่ได้รับ ความโปร่งใส การทุจริตในโครงการต่างๆทั้งอดีตและปัจจุบัน การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติของกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระที่ไม่ได้รับการยอมรับโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องกระทำได้โดยไม่ถูกกดดัน และไม่ปลอดภัย รวมถึงการปฏิบัติงานของข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหารตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องถูกบังคับให้เลือกข้าง การว่ากล่าวให้ร้ายปลุกระดมทางสื่อและโซเชี่ยลมีเดียที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงและขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น ทั้งหมดคือ เหตุผลและความจำเป็นที่ตนต้องออกมาชี้แจงในวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกับคนไทยอีกต่อไป ทุกพวกทุกฝ่ายที่เป็นคนไทยต้องออกมาร่วมกันแสวงหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกระบบในการขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยจะสูญเสียไปอย่างถาวร  ประการสำคัญคือ กองทัพถูกว่ากล่าว ให้ร้าย ถูกดึงเข้าไปในความขัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทัพพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด ขณะที่กองทัพกำลังรับผิดชอบงานด้านอื่นอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ตนมุ่งหวังให้การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติดำเนินการไปอย่างสันติวิธีและรวดเร็วและไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป 

ผอ.ข่าวVoiceTVนำดอกไม้ขอขมาพระพุทธอิสระ กรณีนำเสนอข่าวชาวนาปลอมร่วมชุมนุม

5.00 น. ประทีป คงสิบ ผอ.ฝ่ายข่าวว๊อยซ์ทีวี นำดอกไม้ขอขมาพระพุทธอิสระ กรณีนำเสนอข่าวชาวนาปลอมร่วมชุมนุม

@OHcrime_ThaiPBS


หัวอกพ่อแม่

14.55น. พ่อแม่น้องเค๊ก-เคน นำศพจากรพ.รามาฯ เคลื่อนมายังบริเวณจุดเกิดเหตุหน้าบิ๊กซี ราชดำริ เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ pic.twitter.com/OdndPK64NG


24 ก.พ.57 ซวยแล้ว..ปูเน่าตกอยู่กลางวงล้อมประชาชน ประชาฑัณฑ์ปะทุ

24 ก.พ.57 ซวยแล้ว..ปูเน่าตกอยู่กลางวงล้อมประชาชน ประชาฑัณฑ์ปะทุ

อัพเดทล่าสุดเมื่อ ประมาณ 1 นาทีที่แล้ว
24 ก.พ.57 ซวยแล้ว..ปูเน่าตกอยู่กลางวงล้อมประชาชน การประชาฑัณฑ์กำลังปะทุ

วันนี้หลังจากปูเน่าเดินทางไปงานที่ศูนย์โอทอปคอมเพล็กซ์ ตำบลพุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ต่อมามีประชาชนเดินทางมาเป่านกหวีดขับไล่ปูเน่า และขอพบนายกฯ พร้อมช่วยกันโทรศัพท์เรียกมวลชนให้เดินทางมาสมทบโดยเร็วที่สุด ขณะที่การ์ดได้เข้าเจรจาต่อรองกับผู้ชุมนุม

ประชาชนเริ่มเอารถขวางทางเข้าออก ส่วนปูเน่าอยู่ในห้องประชุม ภายในตัวอาคารศูนย์โอท๊อปคอมเพล็กซ์ ประชาชนจำนวนมาเพิ่มขึ้นตลอดเวลาล้อมไว้ การ์ดพยายามนำรถยกเตรียมมาลากรถของกลุ่มผู้ชุมนุมออกไป โดยในระหว่างเจรจาชายชุดดำได้เข้าไปตึงแขนของผู้ชุมนุมให้ลงมาจากรถอีกด้วย แต่ประชาชนไม่ยอมและระดมคนมาเพิ่มสมทบตลอดเวลา..ฮา

ล่าสุดปูเน่าได้หนีหัวซุกหัวซุน ออกจากศูนย์โอทอปฯ แล้ว โดยมีชายชุดดำขับรถติดตาม และให้สื่อมวลชนขับตามขบวนรถนำแทน โดยจะพากลับไปส่งที่สำนักงานปลัดชาย 3 สี เอา..ใครอยู่แถวเมืองทอง แวะ ๆ ไปขยายข้าวโพดหน่อย ช่วงชุลมุนอาจมี จากอินทิรา คานที โมเดล

ถ้าไม่ยอมลาออกโดยดี หนังเรื่องนี้ใกล้จบเต็มทีแล้ว !!..แบบง่าย ๆ ฮา

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai