PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560

มีชัย ย้อนพวกจ้อดักคอยื้อเลือกตั้ง บอกเลื่อนแน่ ถ้าสมมติกกต.เครื่องบินตกตายหมด

มีชัย ย้อนพวกจ้อดักคอยื้อเลือกตั้ง บอกเลื่อนแน่ ถ้าสมมติกกต.เครื่องบินตกตายหมด


“มีชัย” ย้อน พวกจ้อดักคอยื้อเลือกตั้ง บอก ได้เลื่อนแน่ ถ้ากกต.ตกเครื่องดับยกชุด แจง กม.ลูกส.ว.คืบ ยัน ให้ 2 ปี ป.ป.ช.ทำคดี พอแล้ว

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึง ความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ว่า ทบทวนรอบสองใกล้เสร็จแล้ว โดยมีการกำหนดให้การเลือกไขว้มีรายละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ผู้ลงสมัครฯได้รับรู้ขั้นตอนว่า ขั้นไหนเลือกตัวเองได้ ขั้นไหนเลือกตัวเองไม่ได้ ส่วนที่มีเสียงสะท้อนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถึงกรอบเวลา 2 ปี ในการทำคดี น้อยเกินไป นั้น ตามร่างกฎหมายลูกที่ส่งให้ป.ป.ช.พิจาณานั้น ก็มีการเปิดช่องให้ขยายเวลาได้ แต่ต้องชี้แจง เพื่อไม่ให้คดีมันหายต๋อมไป ประชาชนจะได้รู้ด้วยว่า ป.ป.ช.มีประสิทธิภาพแค่ไหน ป.ป.ช.จึงต้องบอกมาว่า ต้องการจะใช้เวลาในการทำคดีกี่ปี

นายมีชัย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลวงเสียหายหลักหมื่น แต่ต้องตรวจสอบเป็นแสนเป็นล้าน เช่น ข้าราชการเอารถที่ทำงาน ไปใช้ส่งลูกเมีย ก็เปิดช่องให้ป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับไปให้ต้นสังกัดสอบกันเอง แล้วก็คอยติดตาม หากมีการช่วยเหลือกัน ค่อยดึงเรื่องกับมาทำเอง เชื่อว่า ป.ป.ช.คงไม่พอใจที่ให้หน่วยงานอื่นเข้ามาสอบป.ป.ช. แต่กรธ.ก็ไม่ได้ตัดอำนาจป.ป.ช.เสียทั้งหมด เพราะเมื่อมอบให้สตง.เป็นผู้สอบแล้วก็ต้องส่งกลับมาให้ป.ป.ช.ดู หากให้เจ้าหน้าที่สอบกันเองแล้วจะถ่วงดุลได้อย่างไร คาดว่า จะนำความเห็นจากป.ป.ช.มาประกอบการพิจารณาได้ในสัปดาห์หน้า ตรงไหนมีเหตุผลก็จะปรับแก้ให้ แต่หากขัดเจตนารมย์ก็คงปรับไม่ได้

เมื่อถามถึง กรณีที่กกต.ประเมินว่า หากมีการคว่ำกฎหมายลูกสัก1ฉบับ โรดแมปเลือกตั้งต้องเลื่อนจากเดือนพฤศจิกายน 2561 ออกไปอีก นายมีชัย กล่าวว่า “ก็สมมติกันไปเรื่อย ถ้าสมมติกกต.ตกเครื่องบินตายทั้งหมด แบบนี้การเลือกตั้งก็ต้องเลื่อนออกไปใช่หรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่เดากันไป”

วิษณุแจง พรรคการเมืองจะเริ่มหาเสียงได้ เมื่อมีประกาศเลือกตั้ง

วิษณุแจง พรรคการเมืองจะเริ่มหาเสียงได้ เมื่อมีประกาศเลือกตั้ง


“วิษณุ” แจง พรรคการเมืองหาเสียงได้ เมื่อประกาศเลือกตั้ง ชี้ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งว่า เมื่อประกาศใช้กฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ภายใน 150 วัน จนเมื่อการเลือกตั้งแล้วเสร็จ กกต.ต้องแจกใบเหลืองใบแดงและประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 60 วัน จากนั้นจะได้กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินเปิดสภาก่อนเลือกประธานสภา เมื่อมีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานสภาแล้วก็จะมีการกำหนดวันโหวตเลือกนายกฯต่อไป ส่วนการหาเสียงของพรรคการเมืองนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การหาเสียงจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ เมื่อมีประกาศวันเลือกตั้ง กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ คสช.ได้กำหนดไว้คงจะลดหย่อนลงมา

‘บิ๊กตู่’เรียกคุยโรดแมป เร่งสางให้เสร็จ กำชับฟังความเห็นก่อนออกกม.

‘บิ๊กตู่’เรียกคุยโรดแมป เร่งสางให้เสร็จ กำชับฟังความเห็นก่อนออกกม.


บิ๊กตู่เรียกคุยโรดแมป เร่งสางให้เสร็จ ฟังความเห็นก่อนออกกฎหมาย วิษณุยัน รัฐไม่ได้หน้ามืด ตาบอด ถังแตก ต้องเก็บค่าน้ำเกษตรกร

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 12 ตุลาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เรียกพบเพื่อหารือว่า นายกฯได้แจ้งถึงเรื่องที่ได้ชี้แจงในประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงโรดแมป ว่าระยะเวลาที่เหลือจากนี้ไปมีประมาณเท่าไหร่ พร้อมต้องการติดตามความคืบหน้าของกฎหมายฉบับต่างๆ วันนี้กฎหมายที่รัฐบาลได้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และออกมาใช้บังคับแล้ว มีประมาณ 250 ฉบับ และยังเหลืออีกกี่ฉบับที่จะไปสภา ซึ่งขณะนี้ค้างอยู่ที่กฤษฎีกากี่ฉบับ และจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ประมาณ 1 ปีนี้สามารถดำเนินการไปได้ขนาดไหน เพราะไม่ใช่จะไปสภาในเดือนสุดท้ายของปี 2561 แต่ต้องไปก่อน เพราะต้องใช้เวลานำขึ้นทูลเกล้าฯและประกาศใช้ได้ทัน จึงนั่งไล่กันในวันนี้ และขอให้รัฐมนตรีบางท่านช่วยไปกำกับ กำชับเจ้าหน้าที่ของตนในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพราะกฤษฎีการายงานว่า บางทีที่ช้าเพราะบางทีตรวจเสร็จส่งให้กระทรวงยืนยันพอใจหรือไม่ แต่กระทรวงไม่ยืนยันสักที หรือไม่ก็ช้าเพราะเวลากฤษฎีกาตรวจ เชิญผู้แทนกระทรวงมาชี้แจงก็ไม่ได้ส่งระดับอาวุโส หรืออธิบดีที่มีอำนาจตัดสินใจมา พอกฤษฎีกาถาม ตกลงจะเอาอย่างนี้หรือไม่ ก็ต้องขอกลับไปถามกระทรวง และหายไปเป็นเดือน วันนี้จึงต้องมาติดตามความคืบหน้าเหล่านี้

เมื่อถามว่า เป็นห่วงกฎหมายฉบับไหนเป็นพิเศษหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษ แต่ที่มีการพูดถึงคือเรื่องกฎหมายแรงงานต่างด้าว เพราะคำสั่ง คสช.ได้ยืดไปจนถึงสิ้นปีนี้ วันนี้ได้ส่งไปให้กฤษฎีกาทำ จึงอยากรู้ความคืบหน้าไปถึงไหน จะออกมาทันหรือไม่ และนายกฯได้กำชับว่า ขอให้ทุกฝ่ายเคร่งครัด ทำตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ในการเปิดรับฟังความคิดเห็น มีกฎหมายบางฉบับที่ส่งไปที่กฤษฎีกา และกระทรวงอ้างว่าได้รับฟังความเห็นมาแล้ว แต่การฟังนั้นยังไม่หลากหลาย จึงขอให้กฤษฎีกาช่วยฟังความเห็นเพิ่มเติม หรือส่งคืนให้กระทรวงไปทำ และถ้าบางฉบับไปสภาโดยที่ไม่ได้ฟังความเห็นมาก่อน เช่น กฎหมายทรัพยากรน้ำก็อาจจะให้สภาช่วยกรุณารับฟัง ซึ่งได้คุยกันในส่วนนี้ และนี้เป็นสิ่งที่เป็นห่วง

เมื่อถามว่า กฎหมายแรงงานต่างด้าวมีความคืบหน้าหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขณะนี้เกือบเสร็จแล้ว ในเดือน พ.ย.คงจะเสร็จเรียบร้อย และการประกาศใช้มีได้ 2 ทางคือ ออกเป็นพระราชกำหนดและการเสนอสภา ซึ่งถ้าเสร็จในสภาก็จะช้าออกไป ก็อาจจะจำเป็นต้องออกเป็นพระราชกำหนด แต่นั้นคงไม่สำคัญเท่าที่กับที่นายกฯกำชับว่า ก่อนที่จะบอกว่าเสร็จแล้วส่งมา ช่วยรับฟังความเห็นจากคนที่ต่อต้านคัดค้านอยู่ก่อนหน้านี้ว่าไม่เป็นธรรม เช่น การปรับ 4-8 แสนบาท ให้ไปฟังความเห็นสักหน่อย ซึ่งเขาฟังแล้ว นายกฯจึงขอให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงที่กฤษฎีกาซึ่งเขาก็รับไปทำ

นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับกฎหมายทรัพยากรน้ำที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สนช. เป็นกฎหมายที่ไปสภาตั้งแต่ยังไม่ทันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีมาตรา 77 จึงยังไม่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น วันนี้จึงได้ตกลงกันว่าให้คณะกรรมการไปจัดการรับฟังความคิดเห็นด้วย และหลักการได้พูดกันว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับการเก็บค่าน้ำเกษตรกรอย่างที่ไปพูดกันเป็นอันขาด โดยจะเก็บเฉพาะโรงอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำเยอะ และกฎหมายวันนี้พูดกันชัดเจน ทั้งนี้ รัฐไม่มีเจตนารมณ์ ไม่ได้หน้ามืด ตาบอด หูบอด ต้องการเก็บค่าน้ำ หรือถังแตก กฎหมายนี้เป็นกฎหมายจัดสรรทรัพยากรน้ำ ไม่ใช่กฎหมายเก็บสตางค์ค่าน้ำ ซึ่งขณะนี้กฎหมายดังกล่าวได้ดำเนินการไป ไม่ได้มีการให้ชะลอ ส่วนการรับฟังความคิดเห็นทางสภาก็มีกรอบเวลา ส่วนเรื่องของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 4 ฉบับไม่ได้มีการหารือ เพราะไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของ สนช.และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)

ด้านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยว่า นายกฯไม่ได้สอบถาม หรือเร่งรัดในการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการติดตามสอบถามความคืบหน้ากฎหมายต่างๆ ที่อยู่ในชั้นพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยนายกฯได้กำชับกฤษฎีกาให้พิจารณากฎหมายตามกรอบระยะเวลาเท่านั้น

ลงล็อกเดิม

ลงล็อกเดิม

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศยืนยันว่าการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีหน้า 2561 ตามโรดแม็ปเดิม

ทำให้อาการหาวเรอชะเออเหียนก็หายไปในพริบตา

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า “ประมาณเดือนมิถุนายน 2561 จะประกาศวันเลือกตั้งใหญ่อย่างเป็นทางการ และประมาณเดือนพฤศจิกายนจะมีการเลือกตั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

ตรงเป๊ะตามที่ “แม่ลูกจันทร์” ฟันธงไว้ในคอลัมน์หัวเขียว (ฉบับวันที่ 7 ตุลาคม) ทุกประการ

ความจริงการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่มีคำตอบอยู่แล้วในรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้กำหนดกรอบเวลาล่วงหน้าว่า หลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้จะต้องดำเนินการต่อไปครบถ้วนทุกขั้นตอน

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าขั้นตอนแรก รัฐธรรมนูญกำหนดให้ กรธ.จะต้องจัดทำร่าง ก.ม.ลูก 10 ฉบับให้เสร็จภายใน 240 วัน

นับจากวันที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

พูดง่ายๆ คือ กรธ.ต้องทำ ก.ม.ลูก 10 ฉบับ ให้เสร็จก่อนเส้นตายวันที่ 5 ธันวาคม

ยังเหลือ ก.ม.ลูกอีก 2 ฉบับ คือ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.บ.ลากตั้ง ส.ว. ที่ กรธ.ต้องทำให้เสร็จตามกรอบเวลา 240 วัน

“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า ขั้นตอนที่ 2 คือรัฐธรรมนูญกำหนดให้ สนช.ต้องพิจารณาร่าง ก.ม.ลูกให้เสร็จภายใน 60 วัน

และนายกรัฐมนตรีต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้ภายใน 90 วัน

เมื่อคำนวณกรอบเวลาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้า ซึ่งเป็นจังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์จะประกาศวันเลือกตั้งล่วงหน้าพอดี

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า ขั้นตอนที่ 3 รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ระบุไว้ในบท เฉพาะกาลว่า เมื่อกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับมีผลใช้บังคับ...

ต้องจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศภายใน 150 วัน

ถ้านับจากเดือนมิถุนายนปีหน้าไปอีก 150 วัน การเลือกตั้งจะอยู่ในเดือนพฤศจิกายน 2561

ตรงล็อกที่นายกฯบิ๊กตู่ประกาศยืนยันจะมีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนพฤศจิกายนปีหน้าพอดี

สรุปว่าการเลือกตั้งใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ได้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทุกขั้นตอน

เลื่อนไม่ได้ ยืดไม่ได้ทุกกรณี

เหนืออื่นใด รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม

แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่สามารถสั่งเลื่อนการเลือกตั้งได้ตามอำเภอใจ

ยกเว้น ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินเร่งด่วนร้ายแรงไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ตามกำหนดเดิม

พล.อ.ประยุทธ์ สามารถใช้อำนาจ ม.44 ระงับการใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา เพื่อเลื่อนการเลือกตั้งออกไป

แม้อำนาจ ม.44 สามารถเลื่อนเลือกตั้งได้ก็ตาม

แต่ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เลื่อนเลือกตั้งตามที่ประกาศไว้ แน่นอน

เพราะไม่ว่าเลือกตั้งช้า หรือเลือกตั้งเร็ว

นายกฯคนใหม่ก็ยังหน้าเก่าเจ้าเดิม.

"แม่ลูกจันทร์"

ทำไมรีบมัดคอตัวเอง

ทำไมรีบมัดคอตัวเอง

ถึงตรงนี้ก็ชัดเจน ไม่ต้องเซ้าซี้ถามกันอีกต่อไป

เมื่อ “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช.พูดชัดๆอีกรอบในการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุม ครม.

เดือนมิถุนายนปี 2561 ประกาศ เดือนพฤศจิกายน 2561 เลือกตั้ง

เป็นช็อตต่อเนื่องจากที่ “นายกฯลุงตู่” ไปแสดงความมั่นใจต่อหน้าประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐอเมริกา ยืนยันประเทศไทยจะมีการประกาศเลือกตั้งในปี 2561

ล็อกเวลาปฏิทิน ลงเดือนลงปีกันเลย

นั่นก็ไม่แปลกที่ตามฟอร์มของนักลงทุนจะเด้งรับ หุ้นดีดทันทีทะลุ 1,700 จุด รับข่าวเลือกตั้ง

แต่สำคัญสุด คือจุดที่น่าจะส่งผลต่อบรรยากาศความสงบเรียบร้อยในห้วงพระราชพิธีสำคัญของประชาชนคนไทย ตามนัยแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ดักคอตีกันล่วงหน้า ในเมื่อทุกอย่างชัดเจนแล้ว ขอให้นักการเมืองสงบ อันจะมีผลต่อการพิจารณาปลดล็อกการเมืองต่อไป

นี่น่าจะตอบคำถามได้ระดับหนึ่งว่าทำไม “บิ๊กตู่” ถึงประกาศกำหนดเลือกตั้ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ว่ากันตามเหตุปัจจัยมันก็ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่ดี กับการที่ผู้นำรัฐบาล คสช.ประกาศในสิ่งที่ถือเป็นพันธกรณีที่สำคัญ

จุดพลิกผันยุทธศาสตร์ทางอำนาจ

เพราะฉากหลังว่ากันว่า แม้แต่คนในรัฐบาลด้วยกันก็ยังออกอาการงงๆกับการที่กัปตันทีม คสช.รีบออกมาประกาศกำหนดเลือกตั้งล่วงหน้า

ชิงมัดคอตัวเองตั้งแต่หัววัน

ทั้งๆที่โดยเงื่อนไขสถานการณ์แวดล้อมก็ไม่ได้บีบคั้น ภายหลัง “นายกฯลุงตู่” ประสบความสำเร็จในการไปเยือน “เพื่อนแท้” อย่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประทับสถานะการยอมรับในเวทีนานาชาติ ลดโทนแรงเสียดทานจากนอกประเทศ

ส่งผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังโงหัว ทั้งภาพรวมการส่งออกและจีดีพีที่เติบโตตามเป้า ขณะที่การกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าก็ทำได้ตรงจุดจากการอัดฉีดมาตรการช่วยเหลือคนจนผู้มีรายได้น้อย ประชาชนเข้าแถวรอรูดบัตรคนจนซื้อของในโครงการธงฟ้าประชารัฐ

ทุกอย่างกำลังเข้าเหลี่ยม “ลุงตู่” ดึงจังหวะปั่นเนื้องาน สะสมแต้มไปได้อีกระยะ

โดยเฉพาะถ้ามองในมุมของการวางหมากข้ามช็อต เผื่อสถานการณ์รองรับเกมอำนาจที่หัวหน้า คสช.จะต้องเป็นผู้นำคุมเกมเปลี่ยนผ่านอีกอย่างน้อย 5 ปี

แล้วทำไมถึงต้องรีบทำ “หมูหก” เสี่ยงเสียของ

แต่ที่น่าเอะใจกว่าท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือเหลี่ยมของ “ซือแป๋” นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ส่งสัญญาณนำร่องทันทีหลังกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองมีผลบังคับ ชี้รัฐบาล คสช.น่าจะปรับโหมดล็อกการเมืองภายในเวลาอันใกล้

ตามเหลี่ยมรับไม้ส่งมุกกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ถึงขั้นพกประกาศ คสช.ว่าด้วยคำสั่งล็อกพรรคการเมืองไว้อธิบายนักข่าวเกี่ยวกับความจำเป็นในการปลดล็อกนักเลือกตั้ง

จังหวะเหมือนรีบเข็นกฎหมายพรรคการเมืองออกมาบีบคอ “นายกฯลุงตู่”

แน่นอน ดูกันตามเนื้อผ้า เสมือนว่าเป้าหมายของซือแป๋ “มีชัย” อยู่ที่เชิงกฎหมาย เน้นการสร้างประวัติศาสตร์ในการเขียนกติกาประเทศไทยสำเร็จ

แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ คสช.

เพราะรูปเกมที่ออกมาทัน เท่ากับเขี่ยบอลเข้าทางพรรคเพื่อไทย เลือกตั้งมุกถนัดของยี่ห้อ “ทักษิณ”

อีกมุมก็ชงลูกเข้าเหลี่ยมนักการเมืองอาชีพที่จ้องตัด “บิ๊กตู่” ออกจากเกมหลังเลือกตั้งรอบหน้า

เอาเป็นว่า จากที่ประเมินว่า “ชัวร์” โอกาสสูงที่ “ลุงตู่” จะเบิ้ลเก้าอี้คุมเกมช่วงเปลี่ยนผ่าน

ตอนนี้ชักไม่แน่ใจ เพราะตามเงื่อนไขไม่ว่าจะสถานะนายกฯ “คนนอก” หรือ “คนใน” พล.อ.ประยุทธ์จำเป็นต้องมีพรรคการเมืองเป็นฐานกำลังหลักส่วนตัวเพื่อความปลอดภัยในเกมสภา

และเมื่อประกาศเลือกตั้งปีหน้า เวลากระชั้นกับการตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองหรือลงเลือกตั้งเอง

ถ้า “ลุงตู่” ตัดสินใจไม่ทัน เกมมันก็ยิ่งยากขึ้น.

ทีมข่าวการเมือง

"อภิสิทธิ์" แนะหยุดวิจารณ์การเมืองช่วงพระราชพิธีฯ

"อภิสิทธิ์" แนะหยุดวิจารณ์การเมืองช่วงพระราชพิธีฯ เชื่อปลดล็อคพรรคการเมืองหลังช่วงเวลาสำคัญ ยันยังคงดำเนินการตามกรอบเวลาได้
ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นใน พ.ย.ปี 61 ว่า ถือว่ามีความชัดเจนในระดับนึงแล้ว แต่ในเดือนต.ค.ซึ่งมีงานพระราชพิธีนั้น ก็ยังไม่จำเป็นที่บรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองจะทำกิจกรรมใดๆ และไม่ควรเอาการเมืองมายุ่ง ควรหยุดวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองกันก่อน ส่วนกรณีการหารือภายในพรรคนั้น ในระยะนี้ได้มีการแนะนำให้มีการตรวจสอบสมาชิกพรรค พร้อมให้สมาชิกตรวจสอบทะเบียนให้ละเอียด รวมถึงการคิดและวางนโยบายของพรรค สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องทำเป็นกิจกรรมมวลชน และยังไม่จำเป็นต้องมีการประชุมพรรค
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า หากผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญในเดือนต.ค.ไปแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าบรรดาพรรคการเมืองก็จะสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ในกรอบเวลาได้ ไม่ถือช้าเกินไป และถึงแม้จะมีการปลดล็อคพรรคการเมืองแล้ว แต่ขณะนี้สมาชิกพรรคก็ยังต้องรอระเบียบการเป็นสมาชิกพรรคจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ดี เพราะปัจจัยหลักที่พรรคจะเริ่มทำกิจกรรมได้ก็คือ การรับทราบระเบียบการเป็นสมาชิกพรรคและการหาสมาชิกพรรค จึงอยากให้กกต.เร่งทำระเบียบให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว
นอกจากนี้ บรรดาพรรคการเมืองก็ไม่จำเป็นต้องมีการถกเถียงกัน เพราะเชื่อว่าประชาชนจำนวนมากก็ไม่อยากเห็นบรรยากาศการโต้เถียงในช่วงเวลานี้ ขณะเดียวกันอยากให้ทุกพรรคร่วมกันรักษาบรรยากาศของบ้านเมือง เพื่อประชาชนคนไทยจะได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีด้วยบรรยากาศที่ดี ซึ่งถือเป็นการรวมจิตใจคนไทยทั้งประเทศอีกครั้ง เพื่อแสดงออกให้ชาวโลกเห็นในความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ศาลฎีกาเลื่อนไป 22 ธ.ค.อ่านคำพิพากษาคดีการ์พันธมิตรฯ บุก NBT ปี 51

ศาลฎีกาเลื่อนไป 22 ธ.ค.อ่านคำพิพากษาคดีการ์พันธมิตรฯ บุก NBT ปี 51


เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีการ์พันธมิตรฯ บุก NBT ปี 51 ครั้งที่ 2 เหตุจำเลยมาศาลไม่ครบ พร้อมออกหมายจับ 2 จำเลย  เพื่อมาฟังคำพิพากษา-ปรับนายประกันตามอัตรา นัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
12 ต.ค. 2560 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีกลุ่มนักรบศรีวิชัย ซึ่งเป็นกลุ่มการ์ดของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) บุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในช่วงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเมื่อปี 2551 ซึ่งศาลนัดอ่านคำพิพากษาในเวลา 9.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 โดยคดีนี้มีการเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากทนายความแจ้งว่าจำเลย 1 ราย มีอาการป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมอง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ รวมทั้งจำเลยอีก 3 รายยังไม่ได้รับหมายเรียก จึงขอเลื่อนฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้เลื่อนมาเป็นวันนี้ (12 ต.ค.60)
รายงานข่าวระบุว่า วันนี้มีจำเลย เดินทางมาศาล ยกเว้นจำเลยที่ 36 ,37 ,49 เเละ 78 ศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่าจำเลยที่ 36 เเละ 37 ไม่เดินทางมาศาล โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนจำเลยที่ 37 อ้างว่าป่วย ศาลพิจารณาเเล้วเห็นว่าอาการป่วยจำเลยที่ 37 ไม่ถึงขั้นเดินทางมาศาลไม่ได้ เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีพฤติการณ์หลบหนี ไม่เดินทางมาศาล จึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 36-37 เพื่อมาฟังคำพิพากษาของศาลพร้อมปรับนายประกันตามอัตรา พร้อมนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
สำหรับคดีนี้  ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ธเนศร์ คำชุม จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยอื่นๆ พิพากษาตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี 6 เดือน และมีการรอลงอาญาลงจำเลยบางคนเนื่องจากขณะกระทำความผิดยังเป็นเยาวชน ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้โทษให้จำเลยจำคุก ตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี แต่จำเลยรับสารภาพเลยลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 3-8 เดือน ส่วนจำเลยที่เป็นเยาวชนให้รออาญา โดยคดีนี้จำเลยได้รับการประกันตัว หลังยื่นหลักทรัพย์วงเงินคนละ 200,000 บาท

อ่านเกม "บิ๊กตู่" ประกาศเลือกตั้ง "เปลี่ยนเสื้อแต่เนื้อเดิม""

Nation TV

"เป็นคำยืนยันชัดเจนจากนายกฯลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากปล่อยให้ฝุ่นตลบมานานว่าปีหน้าจะมีการหย่อนบัตรเลือกตั้ง หรือแค่ประกาศวันเลือกตั้งกันแน่

คำประกาศเรื่องกำหนดวันเลือกตั้งรอบนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 ของนายกฯลุงตู่ หลังจากเคยประกาศมาแล้วถึง 3 ครั้ง และเลื่อนเวลาเลือกตั้งมาตลอด

ณ นาทีนี้ จึงมีความแจ่มชัดระดับหนึ่งแล้วว่า เดือนพฤศจิกายนปีหน้า ประชาชนคนไทยจะได้เดินเข้าคูหา กากบาทเลือกผู้สมัครที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบ เพื่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่ตามระบอบประชาธิปไตย โดยกรอบเวลานี้คิดจากการประกาศใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญครบ 4 ฉบับในเดือนมิถุนายน และนับต่อไปอีก 150 วัน

หากมองในแง่การเมือง คำประกาศของ "น้องตู่" ถือว่าสวนทางกับ "พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่พยายาม "แทงกั๊ก" มาตลอดว่ายังกำหนดวันเลือกตั้งที่แน่ชัดไม่ได้ เพราะต้องรอให้กฎหมายลูก 4 ฉบับสำคัญมีผลบังคับใช้เสียก่อน

ไม่ว่าคำประกาศของนายกรัฐมนตรีจะมาจากสัญญาณอะไรก็ตาม แต่ก็ทำให้แรงกดดันทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองผ่อนคลายลงไม่น้อย ตลาดหุ้นดีดขานรับข่าวเลือกตั้ง

ขณะที่บรรดาพรรคการเมือง แม้จะยังไม่เชื่อเต็มร้อย เพราะยังมี "อุบัติเหตุ" ที่ทำให้โรดแมพเลือกตั้งมีอันต้องสะดุดและยืดเวลาออกไปได้อีกก็ตาม แต่ก็นับว่าเป็นข่าวดีของบรรดานักการเมือง และเชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศบ้านเมืองหลังผ่านพ้นพระราชพิธีสำคัญ ไม่ระอุร้อนแรงอย่างที่หลายฝ่ายคาดเอาไว้

เพราะเมื่อเข้าสู่ "โหมดเลือกตั้ง" กลุ่มการเมืองย่อมพุ่งความสนใจไปที่การหาเสียง หาคะแนน มากกว่าจะมาคิดเรื่องชุมนุมประท้วง จนเป็นชนวนเหตุให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีก ซึ่งว่ากันว่า "เข้าทาง คสช."

งานนี้จึงถือเป็นการ "ดับชนวนร้อนทางการเมือง" เพื่อให้บรรยากาศเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยอย่างแท้จริง

ในขณะที่ คสช.เองก็ยังมี "ไพ่ในมือ" ให้เล่นอีกหลายใบ ถือเป็นแต้มต่อที่มีเหนือบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลาย

นั่นก็คือการคลอดหรือคว่ำกฎหมายลูก การสรรหาสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ซึ่งจะเป็น "มือไม้" ให้ คสช.ถือหางเสือการเมืองไทยได้ต่อไป ยังไม่นับคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีทั้งตัวบุคคลและกฎหมายล็อคอยู่อีกหลายชั้น

การคืนอำนาจให้ประชาชนเดินเข้าคูหาเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นเพียงการผลัดใบการเมือง คล้ายกับการเปลี่ยนเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย แต่เนื้อในยังเหมือนเดิม!"

อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378575028/

ถาวร จี้บิ๊กตู่ ปฎิรูปตามข้อเสนอกปปส. หากไม่ทำ ถือว่ารัฐประหารสูญเปล่า

ถาวร จี้บิ๊กตู่ ปฎิรูปตามข้อเสนอกปปส. หากไม่ทำ ถือว่ารัฐประหารสูญเปล่า


“ถาวร” จี้ “บิ๊กตู่”เร่งปฏิรูป 3 เรื่องให้เสร็จก่อนลต. หากไม่ทำรัฐประหารมาก็สูญเปล่า

เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นายถาวร เสนนียม อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส.กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กำหนดวันเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 ว่า นักการเมืองคงดีใจที่จะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง แต่สำหรับมวลมหาประชาชนและ กปปส.แล้ว การเลือกตั้งจะเร็วหรือช้า ไม่มีผลใดๆกับเรา แต่อยากให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำการปฏิรูปประเทศตามที่เคยประกาศไว้ว่าจะปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเหลือเวลาอีก 1 ปี ก็ควรจะปฏิรูป ให้ได้ 3 เรื่อง ใน 5 เรื่องที่เป็นข้อเสนอของกปปส.คือ 1.การทำพรรคการเมืองให้เป็นของประชาชนโดยแท้จริง 2. การปฏิรูปตำรวจ ต้องเป็นการปฏิรูปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ปฏิรูปเพื่อประโยชน์ของ และ3.การปฏิรูปการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น แม้ขณะนี้จะมีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลอาญาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งสามารถพิจารณาคดีลับหลังผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีได้ แต่ควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้ประชาชนในฐานะเจ้าของเงินภาษีสามารถเป็นโจทก์ฟ้องร้องคดี การทุจริต ได้

“ดังนั้นการที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 61 ผมถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากเลือกตั้งไปโดยที่ยังไม่มีการปฏิรูปให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง ก็คาดการณ์ได้ว่าการเมืองจะกลับเข้าสู่วงจรอุบาทก์ ทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม จะเกิดเผด็จการรัฐสภาโดยเสียงข้างมาก จะละเลยหลักนิติรัฐ นิติธรรม โดยอ้างว่าเขาได้รับเสียงสวรรค์มาจากประชาชน มีสิทธิ์ทำทุกเรื่อง เพราะผ่านฉันทามติประชาชนมาแล้วเหมือนที่เคยเป็นมา จึงขอให้ คสช.ทบทวน และเร่งปฏิรูปอย่างน้อย 3 เรื่อง อย่างที่ผมเสนอ ในเวลา 1 ปี ถ้าตั้งใจจริงสามารถทำทันได้ มิเช่นนั้นการรัฐประหารครั้งนี้ก็จะเสียของ สูญเปล่า เสียโอกาสประเทศเหมือนครั้งที่ผ่านมา” นายถาวรกล่าว

รถถัง 4.0! ทวนกันอีกครั้ง สเป็ก รถถัง VT-4 หลังจีนส่งมอบล็อตแรกให้กองทัพไทย

รถถัง 4.0! ทวนกันอีกครั้ง สเป็ก รถถัง VT-4 หลังจีนส่งมอบล็อตแรกให้กองทัพไทย


หลังพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยืนยันการที่จีนส่งมอบ รถถัง VT-4 เร็วขึ้นกว่ากำหนด 6 เดือน ไม่ใช่ของค้างสต๊อก การันตีใช้ได้-สมบูรณ์ เล็งปี’61 ซื้อเพิ่ม 10 คัน

ทั้งนี้โครงการดังกล่าว เป็นไปตามแผนโครงการจัดหารถถังเข้าประจำการเพื่อทดแทนรถถัง เอ็ม-41 ที่กำลังปลดประจำการ ซึ่งได้มีการลงนามในการจัดซื้อเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ซึ่งตามกำหนดการนั้น มีการส่งมอบในเดือนมีนาคม 2561

ทั้งนี้ รถถัง VT-4 ถูกระบุว่าเป็นรถถังที่บังคับและดูแลด้วยระบบดิจิทัลทั้งหมด คุณลักษณะเฉพาะ อาทิ น้ำหนักพร้อมรบ: 52 ตัน ใช้กำลังพลประจำรถ 3 นาย คือ บังคับการรถ, พลขับ, พลยิง) โดยความยาวเมื่อปืนชี้ไปด้านหน้า 10.1 เมตร ความกว้าง 3.5 เมตร ความสูง(ถึงด้านบนป้อมปืน) 2.4 เมตร

โดยสถิติความเร็วสูงสุดเมื่อวิ่งบนถนน 70 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-32 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 10-12 วินาที ระยะปฏิบัติการ 500 กิโลเมตร โดยสามารถปีนที่ลาดชันได้สูงสุด 60 เปอร์เซ็นต์ และปีนที่ลาดเอียงได้สูงสุด 40 เปอร์เซ็นต์

เครื่องยนต์ดีเซลแบบ FW150 สี่จังหวะ 12 สูบ พร้อมเครื่องเพิ่มไอดี ระบายความร้อนด้วยน้ำ การควบคุมไฟฟ้า กำลัง 1,200 HP ความเร็วรอบเครื่อง 2,200 rpm เป็นต้น

ระบบวิทยุไร้สาย VHF, ระบบติดต่อภายใน Intercom system แบบ Digital มีระบบรับข้อมูลข่าวสารของยานพาหนะ

(ข้อมูลเบื้องต้นจาก กรมสรรพาวุธทหารบก)

โดยรถถัง VT4 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 28 คัน วงเงิน 4.9 พันล้านบาท ระยะเวลาปี 2559-2561 (ล็อตแรก) ที่กองทัพบก(ทบ.)ได้เซ็นสัญญาจัดซื้อเมื่อต้นปี 2559 ทางผู้ผลิตจากจีนได้ลำเลียงรถถัง VT4 ขึ้นเรือและเดินทางมาถึงท่าเรือทุ่งโปรง ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี และนำขึ้นจากท่าเรือตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา จากนั้นได้ทำการลำเลียงรถถัง VT4 ไปที่ศูนย์การทหารม้า (ศม.) ค่ายอดิศร จ.สระบุรี โดย ทบ.ได้วางแผนทดสอบสมรรถนะรถถัง VT4 รวมทั้งทดสอบการใช้อาวุธทั้งหมดโดยมีเจ้าหน้าที่จากจีนมารวมทดสอบหากไม่มีปัญหาทางเทคนิคคณะกรรมการกำหนดมาตรฐานยุทโธปกรณ์กองทัพบก (กมย.ทบ.) จะเป็นผู้ตรวจรับก่อนทยอยลำเลียงรถถัง VT4 ไปประจำการที่กองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) จ.ขอนแก่น นอกจากนี้ เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เสนอโครงการจัดซื้อรถถัง VT4 จากจีนของ ทบ.ในระยะที่ 2 จำนวนเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท และในอนาคต ทบ.ยังมีความต้องการรถถัง VT4 เพิ่มอีกประมาณ 10 คัน เพื่อให้คบ 1 กองพันรถถัง

"สุริยะใส"ยก3เหตุผล"ประยุทธ์"ชิงประกาศวันเลือกตั้ง

11 ต.ค. 60 นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย เผยแพร่ข้อความผ่านโพสต์บุ๊กส่วนตัว เรื่อง “วันเลือกตั้ง”
ท่านนายกฯ พูดแล้วว่าเดือนมิถุนายน 2561 จะประกาศวันเลือกตั้งทั่วไป
และยังพูดต่ออีกว่าวันเลือกตั้งน่าจะภายในเดือนพฤศจิกายน 2561
ถามว่าแปลกใจมั้ย ต้องบอกว่าไม่แปลกใจครับ เพราะตามโรดแมปหรือกรอบของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็กำหนดช่วงเวลาประมาณปลายปี 2561 อยู่แล้ว
สาเหตุลึกๆที่นายกฯ ชิงพูดในช่วงนี้น่าจะมาจาก 3 สาเหตุ
ประการแรก จะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็คงไม่ต่างกันมากนัก เพราะกรอบเวลาถูกกำหนดโดยรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว จะพูดช้าหรือเร็วผลของมันก็คงไม่ต่างกันมาก
ประการที่สอง อาจเป็นเพราะกระแสกดดันจากนักการเมืองทุกพรรคการเมือง ที่ถูกเว้นวรรคมามากกว่า 3 ปี ตกงานกันเป็นแถว ขืนลากยาวกว่านี้มีหวังหมดอาชีพกันไปเลย
ประการที่สาม อาจจะเป็นสัตยาบรรณลับกับสหรัฐ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่รัฐบาล คสช.ถูกล้อมคอกไว้หลายมาตรการก่อนหน้านี้
แต่ก็มีคำถามที่ต้องถามไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร คสช. ว่าการกำหนดช่วงเวลาเลือกตั้ง ไม่ใช่แค่ส่งสัญญาณถึงนักการเมืองเท่านั้น
แต่มันคือการบอกกับตัวเองว่า ถึงเวลาที่ท่านนายกฯ ต้องลงจาก “หลังเสือ” แล้ว 3 ปีกว่าที่ผ่านมาท่านได้ทำอะไรตามสัญญาประชาคมบ้าง ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ปรองดอง ปราบทุจริต!
ท่านย่อมรู้ว่าได้ทำไปมากน้อยแค่ไหน และปีกว่าๆ ก่อนเลือกตั้งท่านคิดจะทำอะไรเพื่อให้สัญญาประชาคมเกิดผลเป็นรูปธรรมหรือไม่ ขอฝากเป็นการบ้านครับ
จากนี้ไปถ้าไม่มีสถานการณ์หรือปัจจัยพิเศษใดๆ เดือนมิถุนายน 2561 ถ้านายกฯ ยังชื่อ พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันนั้นเราจะรู้กันว่าวันเลือกตั้งที่ชัดเจนคือวันอะไร เดือนอะไรแน่.

บีบ “ทักษิณ” ยกธงขาว รื้อ 4 คดี สะเทือน “ชินวัตร” หลอน “เพื่อไทย”

บีบ “ทักษิณ” ยกธงขาว รื้อ 4 คดี สะเทือน “ชินวัตร” หลอน “เพื่อไทย”


ทันทีที่พระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ประกาศบังคับใช้ ปรากฏความเคลื่อนไหวของอัยการสูงสุด (อสส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อ 4 คดีของ “ทักษิณ ชินวัตร”

4 คดีของนายทักษิณ ได้แก่ 2 คดี เป็นคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง คือ 1.คดีหมายเลขดำ อม.3/2555 กรณีทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ศาลฎีกาฯจำหน่ายคดี พร้อมทั้งออกหมายจับนายทักษิณ

2.คดีหมายเลขดำที่ อม.9/2551 กรณีทุจริตออกกฎหมายแก้ไขค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือ-ดาวเทียม เป็นภาษีสรรพสามิต เอื้อประโยชน์ธุรกิจบริษัทชินคอร์ป ทำให้รัฐเสียหาย 6.6 หมื่นล้านบาท ศาลฎีกาฯจำหน่ายคดี และออกหมายจับนายทักษิณ

อีก 2 คดี เป็นคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แทน คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) คือ 1.คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2551 กรณีปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ให้กับรัฐบาลเมียนมา วงเงิน 4 พันล้านบาท เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ป ศาลฎีกาฯจำหน่ายคดี และออกหมายจับนายทักษิณ

และ 2.คดีหมายเลขดำที่ อม.1/2551 กรณีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษเลขท้าย 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) ศาลฎีกาฯจำหน่ายคดี พร้อมทั้งออกหมายจับนายทักษิณ

โดยเฉพาะอัยการสูงสุด ที่มี “เข็มชัย ชุติวงศ์” อัยการสูงสุด “คนใหม่” เพราะทันทีที่ได้รับตำแหน่ง นายเข็มชัย “ออกตัว” แถลงนโยบายภายหลังเข้ารับตำแหน่งถึงการ “ฟื้น” คดีทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย-คดีแปลงสัญญาสัมปทานโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิตว่า “ความเห็นส่วนตัวจึงเห็นว่าคดีดังกล่าวสามารถรื้อฟื้นกลับมาพิจารณาใหม่ได้”

2 มาตราสำคัญใน พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 ที่นายเข็มชัยยกขึ้นมาสนับสนุนเหตุผลการรื้อฟื้นคดีนายทักษิณ ได้แก่ มาตรา 28 ใจความว่า ให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้

มาตรา 69 ในบทเฉพาะกาล ใจความว่า “การดำเนินการใดที่เกิดขึ้นมาโดยสมบูรณ์ตามกฎหมายเก่าแล้วนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ให้พิจารณาต่อไปตามกฎหมายใหม่ที่บังคับใช้”

หลังจากนี้ จะมีการตั้ง “คณะทำงาน” ขึ้นมาเพื่อ “รื้อฟื้น” คดี พิจารณาทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย อายุความ โดยให้ “วงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์” อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ สานต่อคดีที่เป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะมีการรับมอบนโยบายต่ออัยการสูงสุด ในวันที่ 17 ตุลาคม ก่อนยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นำคดีขึ้นมา “พิจารณาใหม่”

ด้านความเคลื่อนไหวของ ป.ป.ช. ก็เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ “รื้อฟื้นคดี” ที่ ป.ป.ช.เคยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ กลับมาพิจารณาอีกครั้ง โดยการตั้งองค์คณะขึ้นมาพิจารณาในแง่ข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องของอายุความ

ขณะที่พรรคเพื่อไทย เคยมีหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 60 ขอให้ส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย เพราะมีข้อความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 26 และมาตรา 27 มีข้อความขัดต่อหลักความเสมอภาค เลือกปฏิบัติ เป็นการตรากฎหมายย้อนหลังเป็นโทษแก่บุคคล ทั้งยังขัดต่อกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางการเมืองและสิทธิพลเมือง เรื่องสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีต่อหน้าบุคคลนั้น

และยังเคยแถลงการณ์คัดค้านว่า กฎหมายฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 27 ซึ่งบัญญัติว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน”

ทว่าเมื่อกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จึงต้องวัดใจพรรคเพื่อไทยจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่

โดยใช้ 2 ช่องทาง คือ ช่องทางแรก ด้วยการยื่นคำร้องผ่านผู้ตรวจการแผ่นดิน ตามมาตรา 231 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้อำนาจผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่เห็นว่ามีกฎหมายขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

กับช่องทางที่ 2 จะต้องวัดดวงด้วยการใช้สิทธิของผู้ที่ได้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องต่อมา ยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ซึ่งช่องทางนี้เป็นไปตามร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ฉบับที่… พ.ศ. …. ดังนั้นหากจะใช้ช่องทางนี้ ต้องรอจนกว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้

นอกจากนี้ที่ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” เตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “พานทองแท้” บุตรชาย คดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ต่อศาลอาญา ในวันที่ 24 ตุลาคม บีบให้ “ทักษิณ” ยกธงขาว