PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปราโมทย์ นาครทรรพ:โอกาสสุดท้ายของยิ่งลักษณ์โดย

โอกาสสุดท้ายของยิ่งลักษณ์โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ20 กุมภาพันธ์ 2557 14:05 น.

20 กุมภาพันธ์ 2557

ยิ่งลักษณ์ยังไม่ไปอีกหรือ ยิ่งลักษณ์รีบไปเสียเถอะ ถ้าเกรงจะไม่ปลอดภัย ขอให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง หรือถ้าจะให้ดี ขอความกรุณาผู้นำเหล่าทัพท่านใดท่านหนึ่งไปส่งถึงบันไดเครื่องบินอย่างที่เขาเรียกว่า Safe Conduct เสียเลย

จะไปไหนก็ไปเถิด ไม่จำเป็นต้องเป็นดูไบ และไม่จำเป็นต้องลาออกดอก เพราะเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมา การกระทำของยิ่งลักษณ์และพวกพ้องบริวาร มันทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นโมฆะเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งตัวยิ่งลักษณ์เองด้วย

ผมได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงยิ่งลักษณ์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว ยังยืนยันอยู่ว่าทำด้วยความเมตตา เช่นเดียวกับจดหมายฉบับสุดท้ายถึงทักษิณในเดือนกันยายน 2549 ซึ่งผมย้ำว่าถ้าทักษิณตัดสินใจผิด จะไม่มีวันข้างหน้าให้พูดคำว่าเสียใจได้อีก สำหรับยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

ถ้าทักษิณเชื่อผมในตอนนั้นป่านนี้บ้านเมืองก็จะไม่เสียหายถึงขนาดนี้ และทักษิณก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานท่องอยู่ในอบายภูมิอยู่เช่นทุกวันนี้

ยิ่งลักษณ์ต้องการเหมือนทักษิณหรือ ยิ่งลักษณ์ต้องการให้บ้านเมืองเราเสียหายยิ่งกว่านี้หรือ และยิ่งลักษณ์ไม่ต้องการจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในบ้านเมืองของเราเองอีกหรอกหรือ

ถ้าอยาก จงอย่ากระทำอย่างทักษิณ จงอย่าเชื่อคำสั่งของทักษิณ หนีไปหาความปลอดภัยชั่วคราวก่อน แล้วจึงกลับมาสารภาพผิด และรับเมตตาธรรมจากกฎหมาย และความกรุณาปรานีอันเป็นคุณสมบัติประจำชาติไทย

อนึ่งกว่าจะถึงวันนั้น กระบวนการยุติธรรมของเราก็ควรจะได้รับการสังคายนาและปรับปรุงดีขึ้นแล้ว จะไม่ผีเข้าผีออกเป็นเครื่องมือของบุคคลเป็นครั้งคราวเยี่ยงปัจจุบัน โอกาสที่ยิ่งลักษณ์จะถูกเช็กบิลแบบที่ข่มขู่และหวาดกลัวกันอยู่ก็จะไม่เกิดขึ้นและเกิดขึ้นไม่ได้

อยากให้ยิ่งลักษณ์กลับไปอ่านจดหมาย 2 ฉบับแรกของผม แล้วยิ่งลักษณ์จะเข้าใจเองว่า กฎหมายและคดีความต่างๆ ที่ผมบอกว่ามันจะตามไล่ล่ายิ่งลักษณ์จนตั้งตัวไม่ติดนั้น มันเป็นเรื่องจริงของจริง มิไยที่ยิ่งลักษณ์จะเอารัฐธรรมนูญกับการเลือกตั้งมาบังหน้า มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรยิ่งลักษณ์ได้หรอก เดี๋ยวนี้มันยกโขยงกันมาแล้ว เห็นไหม

เมื่อก่อนนี้ขุมนรกของยิ่งลักษณ์ยังจำกัดอยู่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น เดี๋ยวนี้แม้แต่สวรรค์รากหญ้าของยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยก็กลายเป็นอเวจีไปแล้ว ยิ่งลักษณ์จะหนีร้อนไปพึ่งเย็นที่ไหนได้ในประเทศนี้ ที่ไหนๆ ในเมืองไทยก็มีชาวนาทั้งสิ้น ชาวนาที่หลงคำโฆษณาชวนเชื่อบูชาทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์ราวกับพระศรีอาริย์

บัดนี้ไฟนรกได้ลุกฮือขึ้นแล้ว ชาวนา 11 คนจาก 11 จังหวัดถึงกับฆ่าตัวตาย ชาวนาทั่วประเทศได้ประจักษ์แล้วว่าพรรคเพื่อไทยและยิ่งลักษณ์โกงชาวนาอย่างเลือดเย็น การป้ายผิดให้คนอื่นไม่มีใครเขายอมเชื่ออีกแล้ว ตอนนี้ทุกตารางนิ้วของเมืองไทยเขาไม่ต้อนรับยิ่งลักษณ์ต่อไปอีกแล้ว แม้ทักษิณเองก็เถอะ ไม่เชื่อก็ลองดู

การที่ผมเสนอว่ายิ่งลักษณ์ออกไปเสียดีๆ และออกไปเสียเร็วๆ นั้นเป็นเพราะความเมตตาต่อยิ่งลักษณ์อย่างหนึ่ง และเป็นเพราะผมเข้าใจหลักรัฐธรรมนูญเป็นอย่างดีอีกประการหนึ่ง ผมเป็นตุลาการรัฐธรรมนูญรุ่นเดียวกับอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ตั้งแต่ครั้งยิ่งลักษณ์ยังไม่แตกเนื้อสาวด้วยซ้ำนะ

การที่ยิ่งลักษณ์ออกไปเฉยๆ มันจะทำให้สุญญากาศทางการเมืองเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องลากยาวเพราะคนหนึ่งคนใดในคณะของยิ่งลักษณ์ยังอาลัยอาวรณ์เก้าอี้และอยากเป็นใหญ่อยู่ หรือไม่ก็ยังไม่ยอมเป็นเห็บหมา คอยหากินกับการยุยงและรับคำสั่งทักษิณ สร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองต่อไป

ความเสียสละของยิ่งลักษณ์ในเรื่องนี้จะเป็นอานิสงส์ 3 ต่อ คือกับตัวยิ่งลักษณ์เอง กับกองทัพ และกับมวลมหาชนที่กำลังว้าวุ่นหาทางออกที่ดีให้กับชาติบ้านเมืองอยู่

ขณะนี้ผมเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินส่วนตัวของยิ่งลักษณ์ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าย่อมมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญไม่ยิ่งหย่อนกว่าคนอื่น ผมไม่แน่ใจว่ามวลมหาประชาชนเขาจะเห็นอย่างเดียวกับผมหรือไม่ ผมไม่เห็นด้วยเลยว่าใครก็ตามจะไปคุกคามครอบครัวและทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ ได้ตามอำเภอใจ ถึงแม้ยิ่งลักษณ์จะมีข้อกล่าวหาทางอาญาและการเมืองร้ายแรงอย่างไรก็ตาม ผู้มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่แท้จริงก็ยังต้องคอยอาศัยอำนาจที่มีอยู่หรือที่จะออกมาอย่างเป็นกิจจะลักษณะจึงจะไปจัดการกับบริษัทหรือทรัพย์สินของยิ่งลักษณ์ได้ เช่นเดียวกับการประกาศยึดทรัพย์โดยคณะปฏิวัติหรือการใช้มาตรา 17 ยึดทรัพย์ของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร เป็นตัวอย่าง

สรุปแล้ว ผมขอแนะนำให้ยิ่งลักษณ์เสียสละเพื่อชาติเถิด อย่ามัวแต่ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออำนาจหรือเพื่อทักษิณเลย ทักษิณนั้นเขาเสียสติไปแล้วจะต้องหาทางเยียวยากันเป็นกรณีๆ ไปตามแต่กรรมของแต่ละบุคคล

การเสียสละของยิ่งลักษณ์จะมีอานิสงส์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และตัวยิ่งลักษณ์เอง ทันทีที่ขึ้นไปอยู่บนเครื่องบินและคืนแรกในต่างประเทศ อานิสงส์จะทำให้ยิ่งลักษณ์หายใจทั่วท้องเต็มอก และนอนหลับโดยไม่ต้องกินยากล่อมประสาทเลย

เชื่อผมเถิด ไปเสียดีๆ ชวนป๊อบ (และครอบครัว) ไปเป็นเพื่อนก็ยังได้

ขอให้โชคดี


ด้วยความเมตตาและปรารถนาดี

ปราโมทย์ นาครทรรพ

เสธน้ำเงิน : เอาแล้ว..เปิดตัว กปปส.ชายชุดดำแปรพักตร์..อินทิราคานทีโมเดล

20 ก.พ.57 เอาแล้ว..เปิดตัว กปปส.ชายชุดดำแปรพักตร์..อินทิราคานทีโมเดล 

ด้วยหวังโชว์ออฟการสลายการชุมนุม เชิญสื่อไทยและเทศมาทำข่าว แต่กุนซือโง่ไม่ปรึกษาโลก พลาดลืมไปว่าเปาบุ้นจิ้นแพ่งได้มีคำพิพากษาคุ้มครองผู้ชุมนุมไว้ตั้งแต่ 31 ม.ค.57 ว่าห้ามปูเน่า เป็ดเหลิม อับดุล และบรรดาชายชุดดำ เข้าใช้กำลังรุนแรงกับผู้ชุมนุม ทำให้เกิดหลักฐานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว เผยแพร่ไปทั่วโลก เพราะชายชุดดำไม่ทำตามขั้นตอนการสลายการชุม ใช้อาวุธสงครามอย่าง “บ้าระห่ำ” ยิงประชาชนตาย 4 คน และเจ็บจำนวนมากเกือบ 70 คน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนแก่ๆ

จนทำให้ต่อมาเปาบุ้นจิ้นแพ่ง กระหน่ำซ้ำอีกกร๊วบ โดยตัดสินให้ รัฐอั้งยี่แดง ปูเน่า ปึ้งเหม่ง เป็ดเหลิม ริดสีดวง อับดุล ผบ.หน่วย และชายชุดดำผู้ปฏิบัติ ต้องยกเลิกประกาศห้ามสารพัดที่เกิดจาก พรก.ฉุกเฉินฯ ทันที เช่น ห้ามสลาย , ห้ามรื้อสิ่งกีดขวาง , ห้ามอายัด , ห้ามปิดการเข้าออกที่ชุม ฯลฯ และอีกสารพัดห้ามจน ศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) ตกอยู่ในสภาพเป็ดง่อยถูกเด็ดปีก ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง เพราะแค่หายใจก็ยังถูกห้าม ส่งผลให้มวลชนกำนันเป็นต่อทันที

การข่าวที่ได้รับในเวลานี้

1. เนื่องด้วยชายดูไบไม่เคยไว้ใจใคร และพร้อมจะฆ่าหักหลังลูกน้องทุกคนตลอดเวลา ช่วงหลังเขาเริ่มเพี้ยนและบ้าคลั่งขึ้นไปทุกที ดังนั้นเขาจึงสั่งส่งตรงไล่เรียงกับบรรดาแกนนำอันธพาลแดงแต่ละตัวเองอีกด้วย แบบชนิดเรียงลูกระนาดตรง

- การข่าวส่วนหนึ่งจากขุนพลข่าวกรองอีสาน คือ ตอนนี้ชายดูไบโกรธ และคลุ้มคลั่ง..อย่างหนัก!!! ที่เป็ดเหลิมทำงานล้มเหลวไม่เป็นท่านับครั้งไม่ถ้วน ในการลุยประชาชนผู้ชุมนุมให้สิ้นซาก แล้วเอาปูเน่าเหยียบทำเนียบ ทาสีแดงที่พรหม ที่หลังคาเหนือทำเนียบฯ (เพราะตามฤกษ์หมอดูพม่าให้ทำภายใน 19 ก.พ.เวลา 24.00 น.) ให้ได้ ชายดูไบจึงสั่งการตรงให้แกนนำขอนแก่น ขนอเวจีอสูรกายแดงสายฮาร์ดคอร์เข้ากรุงเทพ จำนวน 10,000 คน ( ไปนับแล้วน่าจะเหลือราว 500 คน..แต่ขอเบิกค่าม๊อบเติมเงิน 1 หมื่น..ฮา)

- คัดเอาแต่พวกใจถึงๆ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยให้ ส.ส.แดง แต่ละคนในพื้นที่ แต่ละจังหวัด เช่น นครพนม-หัวหนัง , ชัยภูมิ-เอี่ยน , ขอนแก่น-ลูกเต๋า , อุบล-เกียง ,สุรินทร์-ตี๋กับจ่า ,ร้อยเอ็ด-นิ , อุดร-พนม และสุ (เพราะขวัญควายอัมพฤกษ์กิน จากฤทธิ์ข้าวโพดคั่ว ) ,โคราชให้แรมโบ้ ( ผู้ด่านายว่า ถ้าปูเน่าคิดอะไร 1 คืน จะเหมือนถอดวิญญาณไปมารอบโลก หงายเงิบทั้งวงการณ์ทุกครั้ง )

- โดยให้อสูรหลุดนรกแดงเหล่านี้ ทยอยไปพักที่เมืองเก่าก่อนเข้า กทม.โดยมี เชษฐ์ และวิทยา อำนวยความสะดวก สนับสนุนอาวุธร้ายแรงก่อเหตุวินาศกรรม แกนนำขอนแก่นได้ประสานกับคางคกตู่ นกแสก เต้นไว้แล้ว ให้พร้อมปฏิบัติการในวันที่ 22 ก.พ.57

- วันที่ 22 ก.พ. แก๊งค์อันธพาลแดงตัวเอ้ จะซ่องสุมหัวจัดงาน “ มวลมหาประชาชนตาสว่าง" ราว 80 คน เช่น โกตี๋ ปทุม ดาบชิต เชียงใหม่ ผู้พันสู้ ยิ้ม ทอม ดาชัย ฯลฯ และบรรดาการ์ดพร้อมอาวุธ ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งที่จองไว้ การเข้างานต้องมีชื่อและสติ๊กเกอร์..( ข่าวว่าอาจมีเชพกระทะเหล็ก ไปยืนรอขายฝักข้าวโพด และข้าวโพดคั่วร้อนๆ กลิ่นหอมฉุยจนใส้แตก..น่าจะได้รับการอุดหนุนด้วยดีจากลูกค้ากลุ่มนี้ )

** เฮ้อ พวกขี้โม้อันธพาลแดงพวกนี้รีบ ๆ มาเหอะ พ่อค้าข้าวโพดเขาเพิ่งได้กระทะคั่วรุ่นใหม่ล่าสุดมาแล้ว ระยะหวังผล 1.2 - 2.4 กม. เขาบริการลูกค้าแบบไร้เสียงได้อย่างสบายๆ..ตายฟรีไม่ได้ 7.5 ล้านบาทแล้วนะ..เพราะจะเปลี่ยนผู้ปกครองใหม่แล้ว..ฮา

2. ชายดูไบสั่งสมุนชั่วให้ลอบสังหารบุคคลสำคัญ เพื่อสร้างสถานการณ์รุนแรง เช่น เปาบุ้นจิ้น และครอบครัว ที่เกี่ยวกับคดีของปูเน่าและแก๊งค์อั้งยี่แดง , บิ๊กชายชุดเขียว ที่เคยพลาดที่หวังล่อไปสังหารที่ไต้ เพราะรู้ทัน ครานี้จึงเปลี่ยนแผนมาลอบกัดใน กทม.แทน , แกนนำ กปปส.ช่วงจังหวะเคลื่อนรถไปนอกสถานที่ ( ให้ระวังเพิ่มอีกหลายเท่าและจัดกำลังดูแลระยะไกลให้มากขึ้น เน้นอาคารสูง ทางด่วน และ รถที่จะชนประกบ )

3. หลังเหตุการณ์ชายชุดดำโดนเชพกระทะเหล็กโยนลูกเปตองฝักข้าวโพดใส่ แล้วคั่วข้าวโพดหอมฉุยใส่ จนกระเจิดกระเจิง มีชายชุดดำใช้เท้าเตะฝักข้าวโพดจนแผลเหวอะว่ะ ส่งผลให้ชุดส่งควบคุมฝูงชน (คฝ.) จากชุดควบคมฝูงชนทั่งประเทศ สำนักงานแห่งชาติ เดือดปุด ๆ แถลงการณ์ด่าทอ ศรส.ที่เอาตัวรอดดื้อๆ และลอยแพพวกเขาให้รับโทษทางคดีอย่างเดียวดาย

- ชายชุดดำถามนายตัวเองว่า จะต้องสูญเสียอีกกี่ชีวิต พวกเขาได้ยินวิทยุชัดเจนว่าโดน Sniper ลึกลับซุ่มคั่วข้าวโพดใส่ (จริง ๆ เป็นนกบินไปคาบเม็ดข้าวโพดมา และโปรยใส่ ^_^) แต่พวกเขาก็ยังโดน นายไม่มีข่าวกรอง ไม่ได้คุ้มกันเขา การวางแผนก็ไร้คุณภาพ พาชีวิตลูกน้องไปบาดเจ็บ และตาย เป็นจำนวนมาก การปฏิบัติแต่ละครั้งก็มีแต่ความสูญเสีย..ทำเพื่ออะไร (นี่ยังไม่รู้ตัวอีกว่านายหลอกใช้นานแล้ว )

- เขาด่า ศรส.ว่าไม่ต้องแถลงข่าวว่าไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการสลายการชุมนุม เพราะคำพูดดังกล่าว “ เป็นการเอาตัวรอดของผู้มีอำนาจใน ศรส. เท่านั้น” ( เออ อันนี้มันรู้จริง ) พอเกิดความรุนแรง ชายชุดดำผู้ปฏิบัติก็จะต้องรับผิดชอบทางอาญาตามลำพัง ( เออ อันนี้ก็จริงอีก ) และที่ผ่านมาที่มีชายชุดดำและประชาชนเสียชีวิต ชายชุดดำผู้ปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบถูกการดำเนินคดี (อ้าว เพิ่งนึกออก ) เพราะ ศรส. สามารถอ้างได้ตลอดเวลาว่า ศรส. ไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรง และไม่มีนโยบายสลายการชุมนุม รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของชายชุดดำ ( เออ โดนอั้งยี่แดงหลอกไปแล้วคิดได้ทีหลัง ไม่ทันแล้ว )

- มีการพูดคุยกันต่อว่า หน้าที่หลักของชายชุดดำ คือ รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนให้ปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายทั่วไป และให้บริการประชาชนด้านการจราจร และงานด้านต่างๆ ชายชุดดำทั้งประเทศเหนื่อยมามากแล้วในการปฏิบัติหน้าที่ ( โดนเป็ดเหลิม สั่งคุมขังคุกแบร์ริเออร์เล่น ๆ ซะหลายเดือน )

- ชายชุดดำได้ทำหน้าที่ “ต่ออายุ” ของรัฐอั้งยี่แดงนี้ ” มานานพอสมควรแล้ว” ให้ใช้หน่วยงานอื่นบ้าง ( ซี๊ดๆ ) รัฐแดงใช้งานชายชุดดำ เกินกว่าเงินเดือน และมีบางส่วนเสียชีวิตและบาดเจ็บ !! พวกเขามีวินัย แต่เหลืออดแล้ว ( ฮา..นี่ถ้าไม่โดนมือที่ 4 คั่วข้าวโพดใส่คงคิดไม่ออก ) หลายพื้นที่เดินทางกลับต่างจังหวัด เพราะรู้แล้วว่าขืนค้ำบัลลังค์แก๊งค์อั้งยี่แดง มีแต่เดือดร้อนติดคุก ถูกไล่ออก พิการ หรือตาย

- ผู้การแต้มมือปราบหูดำ ได้รวบรวมกำลังอดีตชายชุดดำจำนวนมาก และพี่น้องชายชุดดำที่ยังทำหน้าที่อยู่ จัดตั้ง ” กปปส ชายชุดดำฝ่ายดี “ แล้ว เพื่อประสานงานกับพี่น้องชายชุดดำทั่วประเทศให้กลับมามีความรัก เอื้ออาทรกับพี่น่้องประชาชนเหมือนแต่ก่อน และทำให้ประชาชนเลิกเกลียดชายชุดดำ เพราะถ้าชายชุดดำเกลียดประชาชน และประชาชนเกลียดชายชุดดำ บ้านเมืองจะไม่มีทางเป็นสุข

- ทุกคนไม่สามารถทนเห็นศักดิ์ศรีเกียรติชายชุดดำถูกนายหางแดงชั่วๆ ทรยศชาติ ทรยศสถาบัน หาประโยชน์ส่วนตัว และขณะนี้ กำลังประสานขึ้นเวที กปปส.เพื่อแสดงตัว และขอร้องพี่น้องประชาชนให้โอกาส กปปส. ชายชุดดำฝ่ายดี ด้วย และขอเชิญพี่น้องชายชุดดำทั่วประเทศติดต่อผู้การแต้มได้โดยตรง หรือจะติดต่อผ่านผู้ที่เคยร่วมงานกับผู้การแต้มก็ได้

- เสธ หนุนมือปราบหูดำ เพราะที่ผ่านมาการข่าว และปฏิบัติบางอย่าง ก็ได้จากสันติบาลชายชุดดำ, กอ.รมน. และ รปภ.ปูเน่า นี่แหละมานานแล้ว..ฮา..

พวกเขารอจังหวะเวลาจะแจกข้าวโพดคั่วใส่ปูเน่า และตระกูล เสร็จแน่ๆ คล้ายกรณีอินทิรา โมเดล ของอินเดีย..ไม่ว่าจะเปลี่ยนอีกสักกี่ชุด ไว้ใจได้แค่ไหน จะหนีไปไหนก็จะมี กปปส.ชายชุดดำฝ่ายดีหญิงและชาย แทรกลอบเข้าไปใกล้ตัวปูเน่าได้ตลอดเวลา..เพราะฝ่ายดีตอนนี้มีเพียบ !!

ส่วนบิ๊กแปะปลัดขิกกระทรวงชาย 3 สีหลังโพส LINE ว่าอยากให้มวลชน กปปส.ตายสัก 5,000 คนนั้น..ตอนนี้ขอเผ่นไปปลูกต้นไม้ ที่ ภูกระดึง ดีกว่า..ฮา

วันนี้อากาศ ดีโปร่งสบาย แกนนำ กปปส.น่าจะส่งคนไปทำธุรกิจกับปูเน่าที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน 2 ที่นี่นะ คือ เพนเฮาส์ของโอ๊คที่ตึกชิน 3 ชั้น 33-34 และบ้านของเจ๊ ด.แดกข้าว ที่หมู่บ้าน เบเวอร์รี่ฮิลล์ ที่ถนนแจ้งวัฒนะ..ถ้าเจอเชพกระทะเหล็ก ชวนกันไปขายฝักข้าวโพด และคั่วข้าวไปขายด้วยนะ

War room จิบกาแฟรอบรรดาน้องๆ กปปส.ชายชุดดำฝ่ายดี ส่ง LINE มาบอกความเคลื่อนไหวปูเน่า และสมุนอยู่นะ..ฮา

เรื่องเดิม..แฉแก๊งค์อั้งยี่แดง ลอยแพแล้วบอกไม่ได้สั่ง.ชายชุดดำต้องรับผิดเอง ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.215379665318735.1073741921.187529244770444&type=1

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai

ม๊อบชาวนา 'ชาดา ไทยเศรษฐ'

โดย Akaravech Chotinaruemol
ม๊อบชาวนา 'ชาดา ไทยเศรษฐ'

พลันที่ชื่อ ชาดา ไทยเศรษฐ ปรากฏสู่สาธารณะในฐานะตัวแทนชาวนาภาคกลาง โดยเฉพาะจังหวัดอุทัยธานี ผมต้องขยี้ตาดูอีกครั้งว่าใช่ชื่อนี้แน่หรือไม่ เพราะชื่อนี้เบอร์นี้ไม่ธรรมดา พื้นที่สาธารณะบน FB คงไม่อาจบรรยายสรรพคุณของบุคคลนี้ได้ เอาเป็นว่า ตำรวจเรียกท่าน สส.เรียกนาย รัฐมนตรีเรียกพี่ ก็แล้วกันนะครับ 

ม๊อบชาวนาอีแต๋น อีโก้ง ที่เห็นจากรูปก็ชัดเจนว่า 'จัดตั้ง' แน่นอน ประเด็นจึงไม่ได้อยู่ที่จัดตั้งหรือไม่ แต่กลับอยู่ที่ว่าจัดมาเพื่อ 'ฝั่งไหน?' ต่างหาก ซึ่งมีการวิเคราะห์กันออกมา 2 สมมุติฐานที่เห็นว่อนกันทั่วสังคมออนไลน์เวลานี้ คือ

สมมุติฐานที่1: เอานักเลงมาช่วยโกวตี๋ มารวมกับกองกำลังกุ๊ยแดงที่ปทุมและอยุธยา
สมมุติฐานที่2 : มาจัดฉากสร้าง 'วีระบุรุษ ชัชชาติ' ว่าสามารถสยบม๊อบชาวนาชาดาได้ และดันชัชชาติเป็นนายกคนกลาง

ในความคิดผม ทั้งสองสมมุติฐานนั้น 'ผิด' ไม่ใกล้เคียงความจริงเลย คนที่เดาคงไม่รู้จักปูมหลังของคนที่ชื่อ ชาดา และอ่านเกมการเมืองแบบนักท่องเนต คือเห็นชัชชาติไปคุยก็เดาออกมาแบบนั้น เห็นภาพอะไรก็เดาไปตามที่เห็น สมมุติฐานทั้งสองอยู่บนพื้นฐานเดียวกันอย่างหนึ่งคือ ชาดา คือส่วนหนึ่งของระบอบทักษิณ กำลังมาช่วยทักษิณ

ผมกลับมองตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง คือมองว่าเขามาเพื่อ 'เอาคืน' ทักษิณ จริงอยู่ที่เขาออกตัวเป็นหัวหน้าชาวนา มาทวงคืนเงินจำนำข้าว ตรงนั้นคือเป้าหมายหนึ่งของการเคลื่อนทัพครั้งนี้ แต่หากใครย้อนหลังเรื่องราวให้ดี ชาดาคนนี้เคยถูกจำคุกในสมัยทักษิณ 1 ตอนปราบผู้มีอิทธิพล โดน'ยัด'ข้อหายาบ้า (ที่ใช้คำว่ายัดข้อหา เพราะสุดท้ายศาลยกฟ้อง) เจ้าพ่อคนอื่นอย่างกำนันเป๊าะ วัฒนา เลือกทางหนีไปต่างประเทศ แต่เขาคนนี้เดินเข้าคุกอย่างไม่สะทกสะท้าน จนได้รับการปล่อยตัวในที่สุด

ออกมาจากคุก เขาได้แผ่อิทธิพลไปกว้างขึ้นจากอุทัยธานีบ้านเกิดไปจังหวัดใกล้เคียง เช่น ชัยนาท และที่สำคัญที่สุดคือได้ตีเมืองหลักอย่าง 'นครสวรรค์' ไปอยู่ใต้อาณัติเรียบร้อยแล้ว การนำทัพบุกกรุงครั้งนี้ของ 'ชาดา ไทยเศรษฐ' จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง และย่อมได้รับไฟเขียวจากต้นสังกัดคือ คุณบรรหาร ที่พลพรรคเครือข่ายทางการเมืองของชาดาสังกัดอยู่

หากคุณได้เคยเจอคนๆนี้สักครั้ง คุณจะไม่มีทางคิดได้เลยว่า เขาจะมาจัดทัพชาวนาเล่นละครปาหี่ตบตาคน เพราะคนๆนี้ 'แท้' และ 'เบอร์ใหญ่' เกินกว่าจะมาเป็นหมากตัวแสดงในละครการเมืองฉากนี้ได้

ผมขอเดาว่า ม๊อบชาวนาชาดานี้เป็นม๊อบ 'จัดให้' ไม่ใช่แค่เพียงจัดตั้ง เพื่อมา 'เอาคืน' ครั้งนั้น ที่เขาต้องกัดฟันเดินเข้าคุกด้วยเพราะเป็น 'ผู้มีอิทธิพล'

พล.ต.อ.วรพงษ์ ไม่ขอรับการเสนอชื่อเป็นกรรมการในบอร์ดบริหาร PTTGC


พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ไม่ขอรับการเสนอชื่อเป็นกรรมการในบอร์ดบริหาร PTTGC แล้ว .. หลักฐาน PTTGC แจ้ง ตลท.


"นปช.ลั่นกลองรบ" นัดแกนนำนปช.ทั้งประเทศ 23 กุมภาพันธ์นี้

"นปช.ลั่นกลองรบ" นัดแกนนำนปช.ทั้งประเทศ 23 กุมภาพันธ์นี้ ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ประธานนปช.กล่าวในงานแถลงข่าววันนี้ ขณะนี้เราเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะได้มีการประชุมแกนนำทั้งประเทศ โดยใช้ชื่อว่า “นปช.ลั่นกลองรบ” เป็นสัญญาณที่เราต้องการสื่อสารมายังคนไทยทั้งประเทศและผู้รักประชาธิปไตยทั่วโลก เราจำเป็นต้องมีการเตรียมดำเนินงานเพื่อที่จะให้ประเทศนี้อยู่เป็นปกติสุขได้ เพราะฉะนั้นเรานัดหมายวันเดียวคือวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เริ่มเวลาตั้งแต่ 9.00 น. ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อ.เมือง จ.นครราชสีมา จึงขอสื่อสารมายังแกนนำนปช.ทั้งประเทศ เราคาดหมายว่าตั้งแต่แกนนำในระดับตำบล ระดับอำเภอและระดับจังหวัด ซึ่งจำกัดไว้ 4,000 คน


"ผบ.ตร."ชวนตร.สมทบทุนสร้างป้าย-ตราหน่วยใหม่ หลังถูกทำลาย

"ผบ.ตร."ชวนตร.สมทบทุนสร้างป้าย-ตราหน่วยใหม่ หลังถูกทำลาย

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มีบันทึกข้อความเรื่องการบูรณะซ่อมแซมป้าย และตราสัญลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึง รอง ผบ.ตร. ผบช.หน่วยต่างๆ จนถึง ผบก.ในสังกัดสำนักงาน ผบ.ตร. ใจความว่า จากกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุม คปท.บุกทำลายป้ายและตราของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา สร้างผลกระทบทางจิตใจต่อข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ที่รัก ผูกพัน ภักดีในองค์กรจากการกระทำที่เข้าข่ายลบหลู่ดูหมิ่น ศักดิ์ศรี เกียรติภูมิตำรวจ แม้ ตร.จะมีงบประมาณในการจัดสร้างซ่อมแซมป้ายและตราดังกล่าวขึ้นมาใหม่ แต่เพื่อให้ข้าราชการตำรวจที่มีผลกระทบทางจิตใจได้มีส่วนร่วมในการบูรณะซ่อมแซมตราสัญลักษณ์ ซึ่งแสดงออกถึงความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นขององค์กร จึงเชิญชวนข้าราชการตำรวจทั่วประเทศที่สมัครใจและมีความประสงค์อยากมีส่วนร่วมรวบรวมเงินทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมป้ายและตราดังกล่าว โดยให้รวบรวมส่งที่กองการเงินสำนักงานงบประมาณและการเงิน ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นี้


ฟ้าหญิงพระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพ “ธนูศักดิ์ รัตนคช”กปปส.กระบี่

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพวงมาลาวางหน้าหีบศพ “ธนูศักดิ์ รัตนคช” วีรชนคนกล้า กปปส.กระบี่ ที่ถูกยิงเสียชีวิตเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมสะพานผ่านฟ้า ท่ามกลางความปลื้มปีติของญาติ และกลุ่ม กปปส.กระบี่ ที่ร่วมในพิธีศพ ณ วัดเขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ทรงพระเจริญ


"สื่อนอกชี้ใกล้หมดเวลา “ยิ่งลักษณ์” หลังเจอกล่าวหา “จำนำข้าว” แต่ไทยไม่หลุดพ้นปัญหาโลกแตก".

"สื่อนอกชี้ใกล้หมดเวลา “ยิ่งลักษณ์” หลังเจอกล่าวหา “จำนำข้าว” แต่ไทยไม่หลุดพ้นปัญหาโลกแตก"..//**คริสเตียนไซน์ มอนิเตอร์ - สำนักข่าวต่างประเทศชี้เวลาของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีเหลือน้อยลงไปทุกขณะ หลังล่าสุดถูกแจ้งข้อกล่าวหาคอร์รัปชันเกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวที่มีปัญหา อย่างไรก็ตามทางผู้สื่อข่าวมองว่าไทยคงไม่สามารถหลุดพ้นจากหล่มความขัดแย้งง่ายๆ ด้วยต่างฝ่ายไม่มีทีท่าลดราวาศอกแก่กัน

คริสเตียนไซน์ มอนิเตอร์ องค์กรข่าวนานาชาติ รายงานว่าเมื่อวันอังคาร (18) ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แถลงว่าจะแจ้งข้อกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมตรีของไทย ในความเกี่ยวข้องกับโครงการอุดหนุนราคาข้าวอันอื้อฉาว โดยขณะที่อ้อมแขนทางกฎหมายได้เอื้อมไปถึงผู้นำสูงสุดของรัฐบาล อีกด้านหนึ่งการประท้วงบนท้องถนนที่ยืดเยื้อมานาน ก็ลุกลามเข้าสู่ความรุนแรงมากขึ้น ด้วยมีผู้เสียชีวิต 4 รายในเหตุปะทะที่มีการใช้ปืนและระเบิดในวันเดียวกัน

สำนักข่าวแห่งนี้ชี้ว่าเมื่อวันอังคาร (8) ถือเป็นวันที่เลวร้ายของนางสาวยิ่งลักษณ์ และในตอนนี้ดูเหมือนว่าเวลาของเธอเหลือน้อยลงไปทุกขณะ “ข้อกล่าวหานี้คือจุดเปลี่ยนที่เลวร้ายของนางสาวยิ่งลักษณ์ แม้ว่ามันยังไม่เรียกความสนใจหรือกลายเป็นข่าวพาดหัวครึกโครมในทันที แต่เมื่อเวลามาถึง บางทีมันอาจกลายเป็นหายนะใหญ่หลวงที่สุดของเธอ” ผู้สื่อข่าวของคริสเตียนไซน์ มอนิเตอร์ ที่ประจำอยู่ในกรุงเทพฯระบุ

ผู้สื่อข่าวประจำกรุงเทพฯของคริสเตียนไซน์ มอนิเตอร์ รายงานด้วยว่าความล้มเหลวของโครงการนี้ได้ผลักให้ชาวนาบางส่วน ซึ่งปกติแล้วเป็นผู้สนับสนุนสำคัญของนางสาวยิ่งลักษณ์ แปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล พร้อมระบุว่า “มันยังทำให้ศาลยุติธรรมหรือแม้แต่หน่วยงานรัฐบาลบางแห่งมีเหตุผลชอบธรรมพอสำหรับหันหลังให้กับเธอภายใต้กรอบของกฎหมาย”

อย่างไรก็ตามด้วยกลุ่มคนเสื้อแดง ฝ่ายสนับสนุนนางสาวยิ่งลักษณ์ ประกาศว่าจะชุมนุมทั่วประเทศหากว่ารัฐบาลของเธอถูกโค่นล้ม ทางผู้สื่อข่าวคริสเตียนไซน์ มอนิเตอร์ อ้างความเห็นของเหล่านักวิเคราะห์มองว่าในกรณีนั้น รัฐบาลชุดถัดไปน่าจะถูกจัดตั้งขึ้นในรูปแบบของคณะกรรมการบางอย่าง ที่จะเข้ามาผลักดันการปฏิรูป กระนั้นบางทีคณะกรรมการอาจไม่สามารถเดินต่อไปได้หากว่าทั้งสองฝ่ายออกมาเผชิญหน้าบนท้องถนน และในที่สุดกองทัพก็จำเป็นต้องออกมารัฐประหาร ทว่านี่ก็ยังไม่ใช้จุดจบเพราะมันก็จะถูกขัดขืนโดยคนเสื้อแดงอยู่ดี

“นี่คือสถานการณ์โลกแตก คิดว่ามีความเป็นไปได้ที่เมฆหมอกก้อนนี้จะยืดเยื้อต่อไปอีกเป็นเวลานาน” ผู้สื่อข่าวของคริสเตียนไซน์ มอนิเตอร์ระบุ พร้อมบอกต่อว่าด้วยความทรงจำต่อเหตุยุ่งเหยิงทางการเมืองปี 2008 ยังไม่จางหายไป สถานบันหลักต่างๆของประเทศจึงส่งสัญญาณว่าพวกเขาไม่ต้องการเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

http://astv.mobi/A2fZVsb


ปฏิบัติการม็อบกปปส.ถอนลงทุน หุ้นชินฯล่วงแดงทั้งกระดาน

ราคาหุ้นกลุ่มชินคอร์ป ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง

1. ราคาหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) ปิดตลาดที่ 3.14 บาท ลดลง 3.09%

2. ราคาหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ปิดที่ 72.25 บาท ลดลง 2.03%

3. ราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส (ADVANC) ปิดที่ 211 บาท ลดลง 2.76%

4. ราคาหุ้นบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) ปิดที่ 10.10 บาท ลดลง 3.81%

5. ราคาหุ้นบริษัท ไทยคม (THCOM) ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 1.25%

6. ราคาหุ้นบริษัท เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น (MLINK) ปิดที่ 3.10 บาท ลดลง 6.63%


ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ : แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง?

แล้วจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง?

เกือบ 30 ปีก่อน ผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง "สิ้นชาติ" (Twenty Years and Twenty Days) เขียนโดย เหงียนเกากี อดีตนายกรัฐมนตรีของเวียดนามใต้ในขณะนั้น ท่ามกลางความโกลาหลอลหม่านภายในประเทศ ทำให้ประชาชนต้องต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง ด้วยความหลงเชื่อความคิดที่แตกต่างทางการเมือง

สถานการณ์ในเมืองไทยขณะนี้ หากคนในประเทศคุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมเจรจากัน แม้แต่เลือกตั้งยังทำไม่ได้ ต่อไปคงเป็นช่องทางให้คนนอกประเทศเข้ามาแทรกแซง อันนำไปสู่ความแตกแยกที่ไม่รู้จบ จนอาจต้องแบ่งประเทศออกมาเป็นเหนือ – ใต้ แล้วกั้นกำแพงที่ใจกลางเมืองหลวง เหมือนดั่งประเทศอื่นที่คนในประเทศมีความคิดแตกต่างทางการเมือง จนต้องยอมแยกไปตั้งประเทศใหม่

ตอนนี้รัฐบาลไม่ต้องเอาเวลาไปบริหารงานบ้านเมือง มีความคิดสร้างสรรค์ใดๆ เพราะหมดเวลาไปกับการปกป้องตัวเอง ส่วนอีกฝ่ายแช่แข็งประเทศจนกว่าจะล้มรัฐบาลได้ อย่างอื่นค่อยมาว่ากัน

ฝั่งหนึ่งทำอะไร ก็ย้อนรอยทำเหมือนกัน ทั้งปิดถนนปิดสี่แยก ดาวกระจายไปปิดสถานที่ต่างๆ ฝั่งหนึ่งเคยเทเลือด ตอนนี้เทคอนกรีตหน้าทำเนียบฯ ฝั่งหนึ่งถูกดำเนินคดีฆ่าคนตายที่ราชประสงค์ อีกฝั่งหนึ่งคงต้องถูกดำเนินคดีฆ่าคนตายที่ผ่านฟ้าบ้าง ฝั่งหนึ่งตัดท่อน้ำเลี้ยงผู้สนับสนุนม็อบ อีกฝั่งก็ไปล้อมตึกตัดท่อน้ำเลี้ยงของตระกูล

ถึงแม้นายกฯยิ่งลักษณ์จะถูกลงแส้จาก ป.ป.ช.ไปยันศาลรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหายังไม่จบ เมื่อไหร่ลงจากเก้าอี้ มีนายกฯคนกลาง (คงกลางไม่จริง) จะเป็นคราวให้อีกฝ่ายลุกขึ้นโจมตีว่าถูกกลั่นแกล้ง ออกมาก่อม็อบประท้วงกันอีก เป็นศึกสงครามไม่รู้จบ แล้วจะรู้ว่าใกล้ถึง "วันสิ้นชาติ" สักแค่ไหน

ผมคิดถึงเสียงพูดก่อนเคารพธงชาติทุกเช้าเย็นว่า "ธงชาติและเพลงชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นไทย เราจงร่วมใจยืนตรงเคารพธงชาติ ด้วยความภาคภูมิใจในเอกราช และความเสียสละของบรรพบุรุษไทย"

แล้วหากเรายังทะเลาะกันอย่างนี้ต่อไป จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง?


ปราการด่านสุดท้ายสู่สงครามกลางเมือง

By พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
ศาลยุติธรรมนั้น แต่ไหนแต่ไรมา ในทุกประเทศ ต่างถือว่า เป็น "ที่มั่นสุดท้าย" ที่ประชาชนยังคงหวังพึ่งได้ เป็น "ปราการด่านสุดท้าย" ในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองกับประชาชนด้วยสันติวิธี คือ ยึดหลักกฎหมาย ผิด ก็ว่าผิด ถูก ก็ว่าถูก ไปตามหลักนิติธรรม ให้ผู้ปกครองและประชาชนอยู่ร่วมกันได้โดยสันติ ประชาชนจึงยังคงยอม "ถูกปกครอง" ต่อไปโดยดี ถ้าพ้นด่านสุดท้ายนี้ไปแล้ว มันก็คือ "บ้านป่าเมืองเถื่อน"

สิ่งที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนว่า พวกเผด็จการไทยหมดอาวุธแล้ว เมื่อทั้งกกต. ศาลรธน. และปปช.ได้แสดงธาตุแท้เบี้องหลังออกมาอย่างโจ่งแจ้ง จนไม่มีใครเชื่อถืออีก และการใช้ทหารเข้ายึดอำนาจอย่างเปิดเผยก็ยังไม่มีเงื่อนไข พวกเผด็จการจึงต้องทำอย่างที่เราได้เห็น ทำโดยไม่ยี่หระต่อความเกลียดชังของประชาชนและไม่แคร์ต่อสายตาเหยียดหยามจากนานาชาติ

พวกเผด็จการไม่ใช่แค่ "หน้ามืด" แต่ยัง "คิดสั้น" อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย เพราะเมื่อประชาชนจำนวนมากหมดสิ้นแล้วซึ่งความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม เมื่อประชาชนมองว่า ตนไม่สามารถพึ่ง "ที่มั่นสุดท้าย" ไม่สามารถยึดหลักกฎหมายและสันติ เพื่อไปทัดทานอำนาจผู้ปกครองได้อีกต่อไป พวกเขาก็จะหันไปหาวิธีอื่นเพื่อต่อต้านผู้ปกครอง ซึ่งรวมทั้งวิธีที่ไม่อิงกฎหมาย ไม่สันติด้วย

ก้าวนี้ของเผด็จการไทยจึงเป็นการลากประเทศไทยและคนไทยให้ตรงเข้าสู่สงครามกลางเมืองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!

'ฮิวแมนไรท์วอทช์' ชี้กลุ่มผู้ชุมนุมหมดความชอบธรรมในการอ้างว่าประท้วงอย่างสันติ-ปราศจากอาวุธ

'ฮิวแมนไรท์วอทช์' ชี้กลุ่มผู้ชุมนุมหมดความชอบธรรมในการอ้างว่าประท้วงอย่างสันติ-ปราศจากอาวุธ เนื่องจากพบมีการใช้อาวุธอย่างชัดเจน จากเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
--------------------------
'ฮิวแมนไรท์วอทช์' เตือนทุกฝ่ายหยุดความรุนแรงก่อนบานปลาย

องค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกแถลงการณ์เตือนทุกฝ่ายในไทย หยุดใช้ความรุนแรง ก่อนสถานการณ์บานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้ ขณะเดียวกันยังชี้ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมหมดความชอบธรรมในการอ้างว่าประท้วงอย่างสันติ-ปราศจากอาวุธ เนื่องจากพบมีการใช้อาวุธอย่างชัดเจน จากเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์การปกป้องสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ออกแถลงการณ์ฉบับใหม่เกี่ยวกับความรุนแรงในไทย จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างตำรวจ กับผู้ประท้วงบริเวณสะพานผ่านฟ้า ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำที่ละเมิดกฎหมายจากฝ่ายตำรวจ และผู้ประท้วง เสี่ยงที่จะทำให้ความรุนแรงจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในไทยลุกลามออกไป

แถลงการณ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำเอเชีย ซึ่งระบุว่า เหตุนองเลือดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก ขณะเดียวกันก็ชี้ว่า การใช้กำลังเกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่ และความรุนแรงจากทั้งสองฝ่ายคู่ขัดแย้ง จำเป็นต้องยุติลงทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ลุกลามบานปลายจนไม่สามารถควบคุมได้

รายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์ยังเล่าถึงบรรยากาศการปะทะกันบริเวณสะพานผ่านฟ้า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า การปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างที่ตำรวจพยายามขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเรียกตนเองว่า"กองทัพธรรม" และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย กปปส. โดยภายหลังการเจรจาล้มเหลว ตำรวจได้ตัดสินใจจู่โจมพื้นที่ชุมนุม โดยใช้กระบอง แก๊สน้ำตา และกระสุนยางเป็นอาวุธ ก่อนรอบตัวนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำการชุมนุมเอาไว้ได้ เมื่อเวลาประมาณ 10 นาฬิกา

จากนั้นไม่นาน กลุ่มมือปืนซึ่งปฏิบัติการร่วมกับผู้ประท้วง ได้เปิดฉากกระหน่ำยิงใส่ตำรวจ และขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 10 นาย ก่อนที่มือปืน 4 คน จะบุกไปชิงตัวนายสมเกียรติจากรถห้องขังของตำรวจ ทำให้ตำรวจต้องตอบโต้ด้วยปืนสั้น ปืนช็อตกัน และไรเฟิลที่ใช้กระสุนจริง

ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับฮิวแมนไรท์วอทช์ว่า ผู้ประท้วงบางคนเปิดฉากยิงใส่รถตำรวจ ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 1 นาย ส่วนคนขับรถได้ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมลากออกไปรุมทำร้าย ก่อนที่เหตุการณ์จะสงบลงในเวลาประมาณ 15 นาฬิกา หลังจากตำรวจถอนกำลังกลับ และผู้ประท้วงได้ล่าถอยกลับฐานที่มั่นของตน

ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล มีการใช้อาวุธ และไม่ได้ชุมนุมกันอย่างสันติ ปราศจากอาวุธตามที่แกนนำมักกล่าวอ้าง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นครั้งที่สอง ถัดจากการปะทะกันที่แยกหลักสี่ ซึ่งพบว่า มีกลุ่มติดอาวุธที่มีทักษะสูง และทำงานกันเป็นทีม ออกมาใช้อาวุธสงครามคอยช่วยเหลือผู้ประท้วงกลุ่ม กปปส.

ด้วยเหตุนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์จึงเรียกร้องให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และบรรดาแกนนำ กปปส. ควรเร่งหาตัวผู้ใช้อาวุธสงคราม และเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรง เพื่อส่งตัวให้กับเจ้าหน้าที่ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม รวมถึงบังคับใช้กฎกติกาการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ให้สอดคล้องกับหลักการสากลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ความรุนแรง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนลุกลามเลวร้าย และทำให้ประเทศไทยไร้ขื่อแป จากการโจมตีแก้แค้นกันที่ขยายวงกว้างมากขึ้น
20 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 13:33 น.
http://shows.voicetv.co.th/voice-news/97810.html
http://www.hrw.org/news/2014/02/19/thailand-bangkok-violence-escalates
https://twitter.com/sunaibkk/statuses/436384443779915776

นิวยอร์กไทม์สชี้ ไทยเข้าใกล้รัฐประหารโดยตุลาการ


นิวยอร์กไทม์ส ระบุว่าท่าทีของศาลแพ่งเมื่อวานนี้(19 ก.พ.) ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าไปสู่การถูกรัฐประหารโดยตุลาการ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในยุคของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน
 
โทมัส ฟูลเลอร์ ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สประจำประเทศไทย ยังคงตามติดสถานการณ์การเมืองในไทย โดยจับตามองไปที่คำสั่งศาลแพ่ง ที่ห้ามรัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุม หรือบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินกับผู้ชุมนุม ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเป็นท่าทีที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมองว่านี่คือก้าวที่ทำให้ไทยเข้าใกล้การรัฐประหารโดยตุลาการเข้าไปอีกขั้น
 
ฟูลเลอร์กล่าวว่าการรัฐประหารแบบไม่เสียเลือดเนื้อ หรือรัฐประหารโดยตุลาการ เป็นธรรมเนียมของการเมืองในไทย โดยก่อนหน้านี้ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชาชน ก็เคยโดนถอดถอนด้วยตุลาการศาลมาแล้วจากคดีทำกับข้าว แต่สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่ามีความซับซ้อนอ่อนไหวกว่าหลายปีก่อนมาก จนทำให้การล้มรัฐบาลไม่ว่าจะด้วยศาลหรือทหารยากกว่าเดิม เนื่องจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างก็มีมวลชนเป็นของตนเอง
 
นอกจากนี้ ฟูลเลอร์ยังได้รวบรวมความคิดเห็นจากนักวิชาการชาวไทยหลายคนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์ส วอช ประจำประเทศไทย ที่บอกว่าคำตัดสินของศาลแพ่ง ทำให้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่มีความหมาย หรือนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ ที่มองว่านี่คือการอนุญาตให้ผู้ชุมนุมโค่นล้มรัฐบาลได้โดยถูกกฎหมาย
 
โทมัส ฟูลเลอร์สรุปว่า ท่าทีของทุกภาคส่วนในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำตัดสินของศาลแพ่ง หรือการที่ปปช.เตรียมเอาผิดนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตจำนำข้าว และการที่กกต.ถ่วงเวลาในการจัดการเลือกตั้งให้สำเร็จ แสดงถึงการค่อยๆริดรอนอำนาจของรัฐบาลทีละน้อย ซึ่งสุดท้ายหากแล้วหากบรรดาแกนนำของคู่ขัดแย้งไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะนำไปสู่สถานการณ์มิคสัญญีในไทยอย่างแน่นอน
20 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา 17:57 น.

ศึกษากรณีกปปส.แซงชั่นAIS เมื่อความเกลียดชังนำมาสู่อารยะขัดขืนแบบทำลายล้างทางธุรกิจฝ่ายตรงข้าม


ยุทธการสั่งสอนชินวัตร ช่วยกันกระจายให้มากที่สุด

พรุ่งนี้เราจะเริ่มปฏิบัติการ 12.00 น ที่ AIS เซ็นทรัลเวิลด์ สยามพารากอน เทอมินอล 21 และ จามจุรีย์สแควร์
ได้ยินกำนันขอให้ทุกคนช่วยคิดเรื่อง ทำลายอาณาจักรชินวัตร จึง...
ขอเสนอการประท้วงอีกรูปแบบ "สายลมเป็นพายุ" ณ AIS ใกล้บ้านท่าน ช่วง 12.00-19.00 ทุกวัน
ตัวท่าน ทำให้เป็นจริงได้ หลังจากนัดหมายครั้งนี้ 
หลักการ:ตัวเราคนเดียว ผ่านไปที่ไหน ก็เหมือนสายลม สายหนึ่งพัดผ่านไป ไม่มีผลอะไร
แต่ถ้าสายลม หลายสาย ไปรวม ณ ที่ใด ที่หนึ่ง ไปรวมถูกที่ ถูกเวลา มันอาจกลายเป็นพาย
สายลมเป็นพายุ ปฎิบัติการทำลายฝ่ายตรงข้ามโดยที่ฝ่ายเราไม่เสียหายเลย แต่ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียนับล้า
ลองนึกภาพว่า ท่านไปยืนเลือกของในศูนย์ AIS คนเดียว แต่ไม่ซื้อ ไม่จ่ายค่าอะไร แล้วกลับ ก็ไม่มีผลอะไร
แต่ถ้าคน 500 คน เข้าไปศูนย์ AIS พร้อมท่าน แล้วไม่ซื้อ ไม่จ่ายค่าอะไร อยู่สัก 1ชั่วโมง AIS จะเป็นยังไง
ท่านสละเวลาหลังเลิกงาน ช่วง 12.00-19.00 ไปยืนเฉยๆ ใน AIS คนละ 1 - 2 ชั่วโมง กับคนอีก 500 คน
ทุกคนเพียงเสียค่ารถ เสียเวลา 1 ชั่วโมง แต่จะสร้างความเสียหายให้ AIS นับล้านบาท โดยเฉพาะมูลค่าในตลาดหุ้น
**หากจะปฎิบัติการนี้ให้สำเร็จ ไม่ให้ศัตรูป้องกัน-ตอบโต้ สิ่งที่สำคัญสุด คือ "เนียน" ให้มันแยกไม่ออกว่าใครคือ ลูกค้าตัวจริง
แต่ละคนไม่ใส่สัญลักษณ์ ไม่มีลายธงชาติ ไม่มีนกหวีด ไม่มีใครตะโกนอะไร ทุกคนอยู่เงียบๆ คนเยอะแต่เงียบ น่าขนลุกไหม?
ถ้าจะคุย ก็คุยกับเพื่อนตัวเองที่ไปด้วยกัน ไม่คุยการเมือง ถ้าไปคนเดียวก็อยู่เงียบๆ ไม่ต้องคุยกับใคร ใครมาคุย ไม่ต้องคุยด้วย
ใครมาถามเรื่องปฎิบัติการ หรือ ชวนคุยอะไร ก็ให้ทำหน้างง แล้วเดินหนี ไม่ต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงว่า ใช่พวกเดียวกันไหม
หากใครอยากดัง ตั้งตัวเป็นแกนนำ ณ ตอนนั้น ก็อย่าไปสนใจ นี่ไม่ใช่การชุมนุม ไม่ใช่ม๊อบ ไม่ต้องแสดงตัว ไม่ต้องเสี่ยง
เป็นการประท้วงที่ไม่มีใครเป็นแกนนำ ไม่มีใครเป็นคนตาม เราคือผู้สนใจสินค้า แต่ยังไม่ซื้อ ไม่ใช้บริการในชาตินี้ ก็แค่นั้น
นี่คือการสร้างความเสียหายให้คนชั่ว สูญเสียนับล้าน โดยตัวเราไม่ผิดกฎหมาย ปลอดภัย และไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น!
ปล อย่าลืมถ่ายคลิปมาแบ่งกันดูด้วยนะครับ

"เจ๊ปอง" ลุยนำขยะสุมหน้าตึกชิน -นำมวลชนกลับเวที หลังหุ้นชินฯทิ้งดิ่ง!!!

 "เจ๊ปอง" ลุยนำขยะสุมหน้าตึกชิน -นำมวลชนกลับเวที หลังหุ้นชินฯทิ้งดิ่ง!!!

"อัญชะลี" นำม็อบกลับเวที หลังหุ้นชินฯ ร่วงกราว โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดิ่ง 15 จุด พร้อมนำขยะสุมหน้าประตู ชี้คนสกปรก ควรอยู่กับสิ่งสกปรก ??

วันนี้ (20 ก.พ.) ที่อาคารชินวัตร 3 ถนนวิภาวดี คุณอัญชะลี ไพรีรัก แกนนำ กปปส.พร้อมมวลชนจากเวทีลุมพินี และเวทีปทุมวัน เคลื่อนขบวนด้วยรถยนต์ออกจากอาคารชินวัตร 3 ที่ทำการของบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.ประกาศยกระดับตัดท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มบริษัทในเครือของตระกลูชินวัตร

โดยนางอัญชะลี กล่าวว่า หลังจากที่นำมวลชนเข้าปิดล้อมอาคารชินวัตร 3 ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงทางธุรกิจตระกูลชินวัตร ทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงเกือบ 15 จุด จึงถือว่าประสบผลสำเร็จ และจากนี้จะนำมวลชนเคลื่อนขบวนรถยนต์กลับไปยังเวทีปทุมวัน และลุมพินี เพื่อเตรียมดำเนินการใหม่ในครั้งต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้เเยกย้ายกันขึ้นรถยนต์เพื่อกลับเวที ขณะเดียวกันยังมีมวลชนบางส่วนได้นำถึงขยะจำนวนมากมาทิ้งไว้หน้าประตู โดยให้เหตุผลว่าคนสกปรก ควรอยู่กับสิ่งสกปรก ส่วนการจราจรถนนวิภาวดีขาเข้าเส้นคู่ขนาน รถยนต์ยังไม่สามารถวิ่งได้ เนื่องจากมวลชนจอดรถปิดถนน

ศาลปค.รับ!ชาวนาฟ้อง'พาณิชย์'จำนำข้าว

ศาลปค.รับ!ชาวนาฟ้อง'พาณิชย์'จำนำข้าว
ศาลปกครองกลาง รับคำร้อง 'ชาวนา' ฟ้อง'พาณิชย์' ชดใช้เงินจำนำข้าว ให้พาณิชย์ - คลังแก้คำฟ้องภายใน 30 วัน 'สมชาย'จี้ชาติไทยพัฒนาปราม'ชาดา'
20ก.พ.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาศาลปกครองกลาง มีคำสั่งรับคำฟ้องที่นางลำใย ศรีทอง ยื่นฟ้อง กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.2557 เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์ ชดใช้ค่าเสียหาย จากกรณี ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก นาปี พ.ศ. 2556/2557 ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ จนได้รับใบประทวนสินค้ามาแล้ว แต่เมื่อนำใบประทวนสินค้าไปรับเงิน จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กลับถูก ธกส.ปฏิเสธการจ่ายเงิน
เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง ได้มีคำสั่งกำหนดให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 2 , สำนักงบประมาณเป็นผู้ถูกฟ้อง ที่ 3 , สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 4 , ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 5 ร่วมเป็นผู้ถูกฟ้องกับกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ซึ่งศาลมีคำสั่งแจ้งให้ผู้ถูกฟ้องทั้งห้า ทำคำให้การและแก้คำฟ้องพร้อมด้วยพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีนี้ นางลำใย ผู้ฟ้อง ได้ยื่นขอท้ายฟ้องให้ชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น โดยไม่ได้ยื่นขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาด้วย แต่อย่างใด


จักรภพ เพ็ญแข:รัฐบาลคนกลาง กลางใจใคร ? :

รัฐบาลคนกลาง กลางใจใคร ? :
ไม่มีรัฐบาลไหนที่ดีที่สุดครับ ,แต่ปัญหาที่แท้จริง อยู่ที่คุณไปถามใครต่างหาก รัฐบาลที่ดีของชนชั้นสูงก็อาจเป็นอย่างหนึ่ง ของชนชั้นกลาง-ล่างก็อาจเป็นอย่างหนึ่ง แต่ถ้าคุณถามคนทั้งประเทศ นั่นก็คือรัฐบาลแห่งประชาธิปไตย รัฐบาลแท้จริง ที่มาอย่างชอบธรรม และรัฐบาลนั้นได้ทำบางอย่างที่สำคัญต่อคนทั้งชาติ บางอย่างที่ทำให้ประชาชนเลือกรัฐบาลนั้นกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะพี่น้องร่วมชาติที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างลำบาก ยากเข็น พวกเขาอาจไม่มีความหมายในสายตาคุณ อาจเป็นคนนอกสายตาคุณ คนที่ถูกลืม แต่ผลการเลือกตั้งจะบอกเองว่าพวกเขามีอยู่มากแค่ไหน และต้องการทางเลือกแบบใด อันเป็นสิ่งที่พกคุณไม่สามารถปฏิเสธได้

บางอย่างที่รัฐบาลประชาธิปไตยทำนั้น อาจเป็นนโยบายที่ยกระดับชีวิตคนจำนวนมาก อาจเป็นระบบเศรษฐกิจที่กระจายรายได้มากขึ้นอาจเป็นมาตรการที่ทำให้ปัญหาสังคมน้อยลง หรืออาจเป็น การเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนพวกเขาถึงทางเลือกที่พวกเขาเลือกได้ ย้ำเตือนถึงสิทธิ์และเสรีภาพทางการเมือง ที่มีอยู่จริงบนโลก , สิ่งเหล่านี้ คุณอาจไม่ได้รู้สึกถึงมัน คุณอาจไม่ได้ชื่นชอบ อาจไม่คิดว่ามันเป็นประโยชน์ แต่พวกคุณจงยอมรับความจริงว่าแผ่นดินนี้ ไม่ได้เป็นของพวกคุณเท่านั้น , ดินแดนนี้ถูกปูลาดด้วยสิ่งใด ถ้าไม่ใช่แรงงานของประชาชนไม่ว่าทรัพยากรที่เรามี ผลผลิตที่เราทำ เลือดที่บรรพบุรุษเราหลั่งในการสู้รบ พวกเขาไม่ได้ทำมันเพื่อคนกลุ่มเดียว แต่มันคือการทำเพื่อสร้างอนาคตค้ำจุนประชารัฐทั้งหมด

คุณอาจไม่จำเป็นต้องเข้าใจเลย ว่าทำไมประชาชนส่วนใหญ่จึงยังคงเลือกรัฐบาลนั้นๆ คุณไม่ต้องเข้าใจว่าทำไมประชาชนยีงเลือก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร แต่พวกคุณไม่สามารถขัดขวางทางเลือกของประชาชนด้วยวิธีการอันนอกเหนือระบอบประชาธิปไตย เช่นที่พวกคุณกำลังทำอยู่ อย่างไม่ละอาย

สุดท้ายขอเตือนว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีการหวนกลับครับ ในที่สุดมันจะชนะ และเมื่อนั้นประวัติศาสตร์จะไล่ล่าคุณ ผู้ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตย ด้วยการจารึกว่าพวกคุณเป็นผู้ที่ฉุดรั้งการพัฒนาของชาติ เป็นผู้ขัดขวางสิทธิเสรีภาพของประชารัฐ พวกคุณทั้งหมดจะอยู่ในนรกแห่งประวัติศาสตร์ไปชั่วนิรันดร์ ให้คนรุ่นหลังสาปแช่ง และจะไม่มีอะไรช่วยพวกคุณได้เลย , ชีวิตเกิดมาต้องมีความหมาย แต่หากความหมายนั้นคือการกระทำอันโฉดเขลาต่อคนทั้งชาติ มันก็น่าเสียใจที่เกิดมา


ศาลให้ประกันตัว 'หมอระวี' แกนนำ กคป.พร้อมพวก



ศาลอาญาให้ประกันตัว หมอระวี แกนนำ กคป. บุกรุก ก.พลังงาน และฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามยุยง ปลุกปั่น ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง

(20/2/57)ศาลอาญา อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นายแพทย์ระวี มาศฉมาดล นายทศพล แก้วทิมา แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชน และเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย หรือ กคป. พร้อมพวกอีก 6 คน ผู้ต้องหา ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีบุกรุกกระทรวงพลังงาน

ภายหลังพนักงานสอบสวน ควบคุมตัวไปยื่นคำร้องขอฝากขังผลัดแรก และทนายความ ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยศาลได้ตีราคาหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 100,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามยุยง ปลุกปั่น ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง

ผู้พันสู้ ตัวจริง :ธนนาคารกรุงเทพ


คนไทยเชื้อสายจีนสอนลูกหลานกันมาให้มีความกตัญญู รู้คุณคน

พรรคไทยรักไทยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังชื่อ ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ์
กำลังจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจกับธนาคารกรุงเทพอีกระลอกหนึ่ง เนื่องจากปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้กับโรงกลั่น TPI ซึ่งมีมากกว่า 40,000 ล้านบาท TPI ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นต้องล้มละลาย เจ้าหนี้รายใหญ่ไม่ใช่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นต่างชาติ
มันเกิดวิกฤตกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด โรงกลั่นที่มีขนาดใหญ่แห่งเดียวในประเทศต้องเป็นของต่างชาติ

ในการขอเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของนายชาตรี โสภณพานิช เผอิญผมได้มีโอกาสฟังสนทนาระหว่างรัฐมนตรีคลังกับท่านชาตรี ยอมที่จะแปลงหนี้เป็นทุน ราคา par 10 ราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ขณะนั้นประมาณ 5 บาท ผมยังจำได้คุณชาตรีกล่าวว่าโรงกลั่นแห่งนี้มี potential สูงกว่าที่สิงคโปร์ ธนาคารกรุงเทพต้องขาดทุนทันที 20,000 กว่าล้านบาทธนาคารจะขาดความน่าเชื่อถือทันที อาจเกิดวิกฤตกับสถาบันการเงินของประเทศอีกครั้งก็ได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงานท่านนายกฯ ทักษิณ เลยเกิดแผนที่จะให้กระทรวงการคลังเป็นผู้เข้าไปทำแผนรวบรวมเงินจาก ปตท. ไทยออยล์ ฯลฯ เข้าไปซื้อหุ้น ตามที่ทราบ
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด รอดวิกฤต โรงกลั่นเป็นของไทย รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยก็คือไทยรักไทยในสมัยนั้นช่วยธนาคารกรุงเทพ จำกัดให้พ้นวิกฤต

แต่ธนาคารกรุงเทพจำกัด ไม่เคยสำนึกในบุญคุณ ซ้ำเติมชาวนา เป็นธนาคารแรกที่ออกมาปฏิเสธ แทนที่เป็นธนาคารใหญ่จะต้องเป็นหัวเรือบอกให้ทุกธนาคารร่วมด้วยช่วยกันกอบกู้ ปล่อยกู้ให้รัฐ ให้ชาวนา เงินที่ชาวนาได้รับไปมันก็จะกลับคืนเข้ามาในระบบธนาคาร สภาพคล่องธนาคารก็จะคงเดิม
สภาพคล่องปัจจุบันเกินกว่า 1 ล้านล้านบาท เงินที่จะปล่อยกู้ให้รัฐ ให้ชาวนาเพียงหนึ่งแสนล้าน ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นของสภาพคล่องในระบบการเงิน
ธนาคารกรุงเทพเนรคุณใช่หรือไม่

ถ้าชิน โสภณพานิช ยังมีชีวิตอยู่คงออกมาด่าแล้ว ไอ้พวกลูกหลานจัญไร ไม่รู้คุณคน ไอ้อกตัญญู
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด ก็เป็นอีกธนาคารหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือจากพรรคไทยรักไทยให้รอดพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ ยังเป็นธนาคารของคนไทย ไม่เหมือนธนาคารอื่นซึ่งผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นของต่างชาติ แต่เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าหุ้นใหญ่เป็นของหน่วยงานใด ในขณะนั้นหุ้นของธนาคารจะต้องลดลงเหลือเพียง 0.25 บาท

รัฐบาลของนายกฯ ทักษิณได้ตัดสินใจช่วยโดยให้กระทรวงการคลังเข้าดำเนินการจนรอดพ้นจากการล้มละลาย แต่วันนี้ธนาคารได้ตอบแทนรัฐบาลอย่างสาสมโดยไม่ยอมจ่ายเงินกู้ช่วยชาวนาทั้งๆ ที่รัฐเป็นประกัน

การขายหุ้นให้หน่วยงานนั้นถือเป็นความลับซึ่งต่ำมาก ธนาคารกลับทำร้ายรัฐ ทำร้ายชาวนา
เป็นธนาคารเพียง 2 แห่งที่ออกมาต่อต้าน สภาพคล่องในระบบการเงินเมื่อชาวนาได้รับเงินก็ทำให้ระบบเศรษฐกิจของสินค้าตัวอื่นหมุนเวียนไปหลายรอบกลับมาเป็นเงินฝากในระบบธนาคารเหมือนเดิม

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งฝากมา

เกมชิงอำนาจ สนองตัณหานักการเมือง



นักการเมืองเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจ เมื่อมีวาสนาได้เป็นฝ่ายบริหาร มักหน้ามืดตามัว กอดอำนาจไว้ ส่วนคนเคยเสวยสุข ลิ้มลองอำนาจแล้วติดใจ วันใดไม่มีอำนาจ กิเลสตัณหามันเรียกร้อง ใจเร่าร้อนฝันใฝ่อยากกลับไปมีอำนาจใหม่อีกครั้ง

ผมเฝ้าดูผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งจากประชาชนผู้ชุมนุมที่หวังดี ปรารถนาเห็นบ้านเมืองก้าวหน้า ไร้ปัญหาคอรัปชั่น ขณะเดียวกัน ตำรวจชั้นผู้น้อยต้องทำหน้าที่ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา สองฝ่ายเผชิญหน้าห้ำหั่นราวกับเป็นศัตรูคู่อาฆาตแต่ชาติปางก่อน

ถือเป็นคราวเคราะห์ร้ายของประเทศไทย จังหวะเวลาที่นักการเมืองฝ่ายหนึ่งต้องการคงอำนาจไว้ ส่วนอีกฝ่ายแสวงอำนาจกลับคืนมา ไม่มีใครสนใจว่าอีกกี่ชีวิตที่ต้องสูญเสีย เป็นเครื่องสังเวย สนองกิเลสตัณหาในเกมแย่งชิงอำนาจ

ร่างของประชาชนและตำรวจต่างล้มทับถมกันบนผืนแผ่นดินไทย เพื่อให้นักการเมืองเสวยสุขบนกองอำนาจประชาธิปไตย

เมื่อวันเวลาผ่านพ้นไป พวกเขาจะได้เป็นวีรบุรุษ มีอนุสาวรีย์จารึกชื่อบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

คงมีแต่ครอบครัวผู้สูญเสีย ที่ไม่มีวันเข้าใจเลยว่า "ทำไมประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ถึงต้องแลกด้วยชีวิตของคนในครอบครัวของเขา?”


ไทกร พลสุวรรณ:ค่าคุ้มกัน 1,000 ล้าน.!!!

ค่าคุ้มกัน 1,000 ล้าน.!!!
หน่วยข่าวกรองผู้รักชาติยืนยันแล้วว่า ทักษิณได้จ่ายเงินเป็นค่าจ้างให้กับอดีตตำรวจคนหนึ่ง ชื่อประชา เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท ให้อดีตตำรวจคนนี้จัดหากองกำลังตำรวจมาคุ้มครองและคุ้มกันยิ่งลักษณ์ในช่วงนี้ หลังได้รับคำสั่งและเงินงวดแรกอดีตตำรวจผู้นี้ได้ไปกราบพระรูปหนึ่ง(หลวงปู่ท่านหนึ่งเป็นเกจิอาจารย์มีชื่อ)ที่ภาคอีสาน เพื่อขอพรเอาฤกษ์เอาชัยให้ปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จ อดีตตำรวจผู้นี้ได้ตั้งทีมอารักขายิ่งลักษณ์ขึ้น คัดเลือกตำรวจฝีมือดีมาร่วมทำงานหลายคน และได้จัดหาแหล่งกบดานให้กับยิ่งลักษณ์ไว้หลายแห่ง ในเวลานี้ โดยมีจูดี้อดีตหน้าห้องเก่าเป็นผู้ประสานงานให้
สาเหตุที่ทักษิณไม่ใช้ตำรวจสายเฉลิม หรือ สายแจ๊ด เพราะทักษิณกลัวถูกหักหลัง เดียวถูกพวกนี้ยึดเอายิ่งลักษณ์เป็นตัวประกันเสียเอง

"ชาดา" ย่องคุย "ยรรยง-ชัชชาติ" !!! ห่วงชาวนาทวงหนี้ข้าว พลัดหลงในกปปส.

"ชาดา" แกนนำชาวนาอุทัยธานี เคลื่อนพลเข้ากรุง เรียกร้องจำนำข้าว พบปะ "ยรรยง-ชัชชาติ" มั่นใจไม่กระทบภาพลักษณ์พรรคร่วมรบ. ย้ำ ห่วงชาวนาร่วมกปปส. ทำให้เสียหายได้ ??

วันนี้ ( 20 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา นายชาดา ไทยเศรษฐ อดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะแกนนำชาวนากล่าวถึงการเคลื่อนขบวนของกลุ่มเกษตรกรชาวนา จ.อุทัยธานี เคลื่อนขบวนเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลชำระเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ว่า การนำกลุ่มชาวนามาครั้งนี้เนื่องจากทางรัฐบาลเคยให้ตนเป็นคนเจรจากับกลุ่มเกษตรกรชาวนา ที่ชุมนุมประท้วงเมื่อเดือน พ.ย. 56 ที่ผ่านมา ในเรื่องการจ่ายเงินรับจำนำข้าว ต่อมาวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนได้ทวงถามไปทางรัฐบาล ถึงการแก้ปัญหาการจ่ายเงิน แต่ทางรัฐบาลยังนิ่งเฉย

และวันที่ 14 ก.พ. ก็สอบถามไปอีก 1 ครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองหรือการแก้ไข อีกทั้งรัฐบาลไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ชาวนาจึงมาขอร้องให้ตนเอง เป็นผู้นำกลุ่มชาวนาไปเรียกร้องทวงถามเงินรับจำนำข้าว โดยหลังจากที่แวะพักที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วจะเดินทางมุ่งหน้าเข้า กทม. เพื่อไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยยืนยันจะไม่มีการปิดสนามบินโดยเด็ดขาด และยังพูดติดตลกด้วยว่า อยากพาชาวนาไปดูเครื่องบิน เนื่องจากชาวนาไม่เคยเห็นเครื่องบินใกล้ๆ และยืนยันว่าหากไม่ได้รับเงินจะไม่เดินทางกลับ

สำหรับสถานการณ์การเคลื่อนขบวนของกลุ่มเกษตรกรชาวนา จ.อุทัยธานี ที่ประกาศเคลื่อนขบวนเข้าสู่กรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลชำระเงินจากโครงการรับจำนำข้าว โดยขณะนี้ขบวนรถอีแต๊ก อีแต๋น กว่า 800 คันของกลุ่มเกษตรกรชาวนา จ.อุทัยธานี กว่า 400 หมู่บ้านใน 8 อำเภอได้เดินทางถึง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเบื้องต้นจะปักหลักพักค้างตรงจุดดังกล่าว เพื่อรอดูท่าทีของรัฐบาลก่อนที่จะตัดสินใจเคลื่อนเข้ากรุงเทพฯ หรือไม่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สอบถามชาวนาที่ร่วมขบวนดังกล่าวมา ได้รับข้อมูลว่า สาเหตุที่ต้องรวมตัวกันเดินทางเข้ากรุงเทพ เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับความเดือดร้อนที่ไม่ได้รับเงินจำนำข้าว ทั้งที่มีการนำส่งข้าวเข้าโครงการไปแล้วตามหลักเกณฑ์ โดยตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่ชาวนา จ.อุทัยธานี เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็มักมีการชำระเงินจำนำข้าวล่าช้ามาโดยตลอด เนื่องจากทราบมาว่า รัฐบาลจะพิจารณาจ่ายเงินใหักับพื้นที่ฐานเสียงของตัวเองก่อน โดยไมืได้พิจารณาลำดับก่อนหลังของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ จึงทำให้พื้นที่ จ.อุทัยธานี ซึ่งไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย มักได้รับเงินล่าช้า

ตัวแทนชาวนา จ.อุทัยธานี เปิดเผยด้วยว่า เกษตรกรชาวนา จ.อุทัยธานี ที่ประสบปัญหามีอยู่ราว 17,600 ราย รวมมูลหนี้ที่รัฐบาลต้องชำระราว 3,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินไม่มากหากเทียบกับตัวเลขมูลหนี้ทั้งหมดของโครงการ

ตัวแทนชาวนา กล่าวยืนยันด้วยว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ เพียงเพื่อต้องการกดดันให้รัฐบาลเร่งดำเนินการชำระหนี้ให้แก่ชาวนา เพราะที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่ นายวราเทพ รัตนากร รักษาการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรฯได้เคยระบุว่า จะมีการจ่ายเงินให้ชาวนาภายในวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินแม้แต่รายเดียว ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยจะไม่ร่วมเวทีกับทาง กปปส. หรือเวทีที่กระรวงพาณิชย์แต่อย่างใด

ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหว ต้องการเพียงเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพื่อขอให้เร่งพิจารณาการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่ติดค้างอยู่ โดยขณะนี้ได้ประสานเพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีเดโอกาสให้เข้าพบเพื่อชี้แจงปัญหา และทวงถามถึงระยะเวลาในการชำระหนี้ โดยยืนยันว่าหากได้รับเงินหรือมีความชัดเจนจากรัฐบาลก็จะเดินทางกลับภูมิลำเนาทันที แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการประสานงานจากทางนายกรัฐมนตรีแต่ประการใด โดยจะขอรอดูท่าทีของนายกรัฐมนตรีภายในวันนี้ก่อนที่จะพิจารณายกระดับการชุมนุมต่อไป ซึ่งหากนายกรัฐมนตรียังไม่ตอบกลับหรือไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมา ชาวนา จ.อุทัยธานี ก็กำลังหารือว่าจะเคลื่อนขบวนไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อแสดงสัญลักษณ์กดดันรัฐบาล และประจานให้ชาวต่างประเทศเห็นว่าชาวนาไทยได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาล รวมไปถึงประจานว่ารัฐบาลไทยโกงเงินเกษตรกรชาวนาด้วย

อนึ่ง มีรายงานว่า เมื่อเวลา 17.40 น. นายยรรยง พวงราช ปฏิบัติหน้าที่ รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม เดินทางมาพูดคุยกับนายชาดาที่บริเวณจุดบริการประชาชน หมวดการทางบางปะอิน ถนนสายเอเชีย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนที่จะนำตัวนายชาดาขึ้นรถเพื่อหารือ

อีกด้านหนึ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ได้มีการพูดคยุกับนายชาดา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนายชาดาได้บอกถึงแนวทางว่าการนำชาวนาเข้ามาครั้งนี้ เพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้เร่งพิจารณาการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวที่ติดค้างอยู่ หลังจากที่มีการรับปากโดยผ่านทางนายวราเทพ รัตนากร รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการจ่ายเงินให้ชาวนาภายในวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ได้รับเงิน

ทั้งนี้ เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ อย่างที่หลายฝ่ายวิตก และจะไม่กระทบความสัมพันธ์ในฐานะที่ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เชื่อว่าจะมีผู้เข้าใจถึงบทบาทการทำหน้าที่ของอดีต ส.ส. ในพื้นที่ว่าเมื่อประชาชนเดือดร้อน ก็ต้องมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา หลังจากที่ชาวนาไม่ได้รับเงินจากการจำนำข้าว จึงมีการเดินทางเข้ามาพื้นที่ กทม. ซึ่งนายชาดาเป็นห่วงว่าหากปล่อยให้ชาวนาเข้ามายังพื้นที่ กทม. เองอาจจะไปรวมกลุ่มกับ กปปส. และอาจจะเกิดความเสียหายขึ้น จึงอาสาเป็นตัวแทนนำชาวนาเข้ามาในพื้นที่ และได้รับการยืนยันจากนายชาดา ว่าจะมาแค่ยื่นหนังสือเพื่อทวงเงินจำนำข้าวเท่านั้น

ภาพจาก "@Weerid Hooncharoen"

‪#‎ทีนิวส์‬