สภาทนายความออกแถลงการณ์..>>
ภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งห้ามมิให้ ศรส.กระทำการ 9 กรณี โดยในคำสั่งนั้นห้ามใช้อาวุธ ห้ามรื้อถอน ห้ามอายัดทรัพย์สิน ห้ามค้าขาย ห้ามปิดการจราจร ห้ามสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาโดยนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า สภาทนายความมีความเห็นในเรื่องดังกล่าว คือ..
1.กรณีรัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นั้น ไม่มีบทมาตรการใดที่จะให้รัฐบาลใช้อาวุธสงคราม เช่น เอ็ม16 หรือ เอ็ม79 และระเบิดในการขอคืนพื้นที่ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น
2.เมื่อมีการใช้อาวุธรุนแรงทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้ที่ออกคำสั่ง จึงมีความผิดร่วมกันทั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บสาหัสและทำให้เสียทรัพย์ ต้องร่วมกันรับผิดทั้งทางอาญาและความผิดทางแพ่ง
3.การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ ละเมิดกฎหมายอย่างชัดเจน สมควรที่ผู้รับผิดชอบทั้งหมด ทั้งผู้สั่งการ ผู้ดำเนินการ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ญาติผู้ที่เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ สามารถขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความได้รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว สามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความได้เช่นกัน หากพบว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่เป็นคำสั่งโดยมิชอบ ซึ่งทางสภาทนายความจะตรวจสอบเกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าว ถ้าพบว่าเป็นคำสั่งโดยมิชอบก็จะช่วยเหลือในเรื่องการดำเนินคดีต่อไป
20 กุมภาพันธ์ 2557 11:01
/..ที่มา http://www.newsplus.co.th/27136
ภายหลังศาลแพ่งมีคำสั่งห้ามมิให้ ศรส.กระทำการ 9 กรณี โดยในคำสั่งนั้นห้ามใช้อาวุธ ห้ามรื้อถอน ห้ามอายัดทรัพย์สิน ห้ามค้าขาย ห้ามปิดการจราจร ห้ามสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาโดยนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ แถลงถึงกรณีดังกล่าวว่า สภาทนายความมีความเห็นในเรื่องดังกล่าว คือ..
1.กรณีรัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นั้น ไม่มีบทมาตรการใดที่จะให้รัฐบาลใช้อาวุธสงคราม เช่น เอ็ม16 หรือ เอ็ม79 และระเบิดในการขอคืนพื้นที่ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่ต้น
2.เมื่อมีการใช้อาวุธรุนแรงทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ผู้ที่ออกคำสั่ง จึงมีความผิดร่วมกันทั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บสาหัสและทำให้เสียทรัพย์ ต้องร่วมกันรับผิดทั้งทางอาญาและความผิดทางแพ่ง
3.การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ ละเมิดกฎหมายอย่างชัดเจน สมควรที่ผู้รับผิดชอบทั้งหมด ทั้งผู้สั่งการ ผู้ดำเนินการ จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ญาติผู้ที่เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ สามารถขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความได้รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าว สามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความได้เช่นกัน หากพบว่าได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาที่เป็นคำสั่งโดยมิชอบ ซึ่งทางสภาทนายความจะตรวจสอบเกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าว ถ้าพบว่าเป็นคำสั่งโดยมิชอบก็จะช่วยเหลือในเรื่องการดำเนินคดีต่อไป
20 กุมภาพันธ์ 2557 11:01
/..ที่มา http://www.newsplus.co.th/27136
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น