PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ที่มา2โม่งกับปืนทราโว ช่วยม็อบ กปปส.ปะทะแดงหลักสี่


หลายคนสอบถามมามากมายเหลือเกินเรื่องชายสวมไอ้โม่ง 2 คน ที่ใช้อาวุธปืนทราโว ปรากฏตัวบุกเข้ามาช่วยคนของเราทั้งเด็กและผู้หญิงหลายร้อยคนที่กำลังหมอบคลานต่ำไปตามถนนที่แยกหลักสี่หลังจากถูกเสื้อแดงยิงถล่ม
ผมต้องขอยืนยันอย่างนี้ครับ ในฐานะที่รู้จักทีมการ์ดที่ลาดพร้าวเป็นอย่างดี ผมไม่เคยเห็นบุคคล 2 คนนี้ รวมทั้งเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ไม่ชินตา อย่าลืมนะครับว่าผมอยู่ที่นี่มานานและการ์ดส่วนมากแทบจะรู้จักกันหมดแล้วแต่ 2 คนนี้ผมยืนยันว่าไม่ใช่คนของลาดพร้าว
และที่สำคัญในคลิปวีดีโอ จังหวะที่ทั้ง 2 ยิงและถอยหลังพาคนของเราหลบไปตามแนวแบริเอร์คอนกรีตนั้น ดูแป๊บเดียวก็รู้ครับว่าเป็นการปฏิบัติการทางยุทธิวิธีที่ฝึกฝนมา ซึ่งคุณอาจเห็นได้ในภาพยนต์ฝรั่งหลายเรื่องที่เกี่ยวกับหน่วยสวาท หรือ หน่อยปฏิบัติการพิเศษ การเคลื่อนไหวจะมีคน 1 คนเป็นผู้ช่วยคอยแตะหลังให้เดินหน้าถอยหลังหรือซ้ายขวา คอยชี้ทิศทางของศัตรู ที่สำคัญอาวุธในกระสอบนั้นที่แท้จริงแล้วไม่ใช่ลักษณะปิดบังอาวุธครับ แต่เพื่อเก็บปลอกกระสุน
ผมไม่กล้าทายว่าเขาเป็นใคร เป็นปริศนา
ผมรู้แค่ว่า ... เสื้อแดงยิงถล่มเราก่อนและมีคนคอยช่วยป้องกันเด็กๆและผู้หญิงของเราครับ

ปล.สำหรับท่านที่เป็นห่วงเรื่องภาพนี้ ผมต้องขอเรียนอย่างนี้ครับ ว่าภาพนี้ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแล้ว และสื่อต่างประเทศต่างยืนยันว่าพวกเราถูกเสื้อแดงยิงถล่มก่อน ส่วนภาพนี้ทางตำรวจนำไปบิดเบือนไม่กล่าวถึงต้นน้ำคือการที่พวกเราถูกดักยิงก่อน เพียงเอาภาพนี้ไปออกสื่อในทิศทางที่โจมตี กปปส.
ภาพนี้สำหรับผม ผมเฉยๆครับ เพราะเมื่อคนของเราถูกยิงจนต้องสวดอิติปิโสสู้ลูกปืน ถ้าหากมีใครบุกเข้ามาช่วย จะจากหน่วยงานใดก็เรื่องธรรมดา ในหลักการณ์ต้องไม่ยอมให้คนของเราต้องเกิดอันตรายเท่านั้นเอง ส่วนพวกเรายังยืนยันต่อสู้ด้วยมือปล่าวครับ
///โดย สจ.ตั้ม-พิสุทธิ์ จันทรจำนงค์


@เสธ น้ำเงิน:อากาศกำลังดี..อย่าคิดไปทำไม่ดีแถวแจ้งวัฒนะมาฆะ ”บูชา” จะมาเร็ว

ถูกใจแล้ว · 2 ชั่วโมงที่แล้ว 



3 ก.พ.57 

ช่วงนี้อากาศแถวแจ้งวัฒนะ คงกำลังดีไม่ร้อนเกินไปนัก แต่ถ้าใครคิดจะใช้ชายชุดดำที่ไปซ่องสุมกำลังไว้แถวเมืองทองธานี และแถวโรงเรียนใกล้เคียง และมีความคิดที่จะสลายการชุมนุมประชาชนจุดนั้น หรือพวกแก๊งค์สมุนแดงตู้ม้า แก๊งบ่อน ค้ายานครปฐม ให้คิดมากๆ หลายๆ รอบเพราะมีหลายปัจจัย คือ

1. ถ้าจะใช้กองกำลังชายชุดดำปราบจลาจล และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
- อาจมีการจัดงานมาฆะ “บูชา” มาโดยมิได้นัดหมายก่อนกำหนดได้
- เป็ดเหลิมเอาไปขังไว้ในแบรริเออร์ ศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) 1 หมื่นกว่าคนมานานมากแล้ว จะกลับไปยังหน่วยต้นสังกัด สุเทพก็กระแอมแรง ๆ ว่าจะบุก การข่าวรายงานว่าชายชุดดำทั้งหมดการกินอยู่ไม่ค่อยดี กินมาม่า ยำๆ อ่อนระโหยโดยแรง ห้องน้ำมีน้อยไม่พอขี้ เยี่ยว ตด..ระวังเจอระบายเข้าไป จะขี้แตกกันทั้งหมื่นคน เหม็นไปทั้งศูนย์ฯ
- แถวนั้นเจ้าที่แรง และเฮี้ยนมาก ๆ ด้วย ภายในไม่เกิน 15 นาทีสามารถระดมชายชุดเขียวในเครื่องแบบราบ 11 รอ. , หน่วย ปตอ. หลายร้อยคนสบายมาก และอาจมีชายนิรนามไร้สี หน่วยสังหารโจรดำ จากไหนไม่รู้ มาพรึบพับได้อย่างสบายมาก (ไม่รู้มาจากไหนเหมือนกัน) และจะมีการฉลองเทศกาลดอกไม้ไฟกระหึ่มกึกก้อง อาจมี BB Gun ในถุงป๊อบคอนมาโรยเม็ดถั่วเม็ดงาได้

2. ถ้าจะใช้กองกำลังติดอาวุธแก๊งค์ชั่วต่าง ๆ
- สายอีสาน โคราชถอนตัวไป 5 เดือนกว่าแล้ว เพราะโดนอะไรเข้าไปบางอย่าง , อุดร ตอนนี้พักงานยาว เดี้ยงอาจเป็นอัมพาตตลอดชีวิต ยังหาโจทก์ไม่เจอ และรอรอบ 3 อยู่
- สายภาคกลาง นครปฐมถอนตัวไปแล้ว , อยุธยาฟ่อกิน ไม่งั้นจะโดนไม่น้อย , นนทบุรี เสี่ยจิต ไอ้สมนึก ไอ้หลองขี้ร้องไห้ ขาใหญ่นนทบุรี ไม่อยากเสี่ยงกับโดนทุบตู้ม้า ตามแหล่งบ้านเช่า หอพัก หรือสถานบันเทิง หมดทุกตู้ , กาละแม กระเจิงแตกไปทั่ว, โกตี๋ หนีตายร้องเอ๋ง ๆ
- สายเหนือ เชียงใหม่ลูกน้องจมน้ำตาย โดนถล่มทั้งปืนและระเบิด ช่วงนี้คงไม่ค่อยว่าง
- สายตะวันตก กาญฯ สุพรรณ โดนสาด BB Gun แถวอนุสาวรีย์ และป่านนี้ยังไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะกลัวผีดุ
- สายสู้แล้วรวย ไฮโซแล้วปากยังอยาก “ กินข้าสวย “ อยู่ขอเห่าอย่างเดียว ไม่ลงมากัด
- กองกำลังเขมรฮุนเซน ไม่รู้โดนสาดสีขาวอะไรเข้าตา พากันโดยอ้าวกลับแน่บ คงไม่อยากประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเพื่อน 23 ศพ แถวอนุสาวรีย์ ร. 6 ช่วงปี 53

** อย่าวู่วามให้ดูการปะทะแถวหลักสี่ และชะตากรรมขวัญควาย โกตี๋ แดงเชียงใหม่ไว้มากๆ

3. วันที่ 3 ก.พ. รองโฆษกชายชุดเขียว แถลงว่าโกตี๋ แกนนำ นปช.ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ กล่าวหาบิ๊กชายชุดเขียวสั่งฆ่านั้น อยากให้โกตี๋ระมัดระวังในการใช้คำพูด ให้สังคม “ย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของโกตี๋” ในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร กองทัพชายชุดเขียว “ ไม่อยากให้ค่า” กับคนแบบนั้น “

ส่วนกรณีที่พูดกันว่ามีการใช้อาวุธของชายชุดเขียวในเหตุการณ์ปะทะบริเวณแยกหลักสี่ และมีบางคนวิจารณ์ว่าคนใช้อาวุธมีความชำนาญพิเศษ และอาวุธที่ใช้คล้ายของทางชาย 3 สี นั้น ขอบอกว่าอาวุธปืนบางชนิดทั้งปืนพก ปืนคาร์บิน อาวุธสงครามที่เห็นในสื่อนั้นมีใช้กันอยู่หลายหน่วยทั้งชาย 3 สี ( เขียว ขาว ฟ้า) ชายชุดดำ และประชาชน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นชาย 3 สีเท่านั้น

แต่ “ มีอาวุธปืนอีกจำนวนหลายกระบอกที่เคยถูกกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ยึดไป ตั้งแต่การชุมนุมเมื่อปี 53 “ ซึ่งปัจจุบันยังตามคืนมาได้ไม่ครบ สำหรับเหตุปะทะที่หลักสี่ ทางชายชุดเขียวที่อยู่ในที่เกิดเหตุยืนยันว่ามีการยิงจากหลายทิศทาง ดังนั้นขอให้ชายชุดดำได้ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนจะหาข้อสรุปต่อสังคม มิเช่นนั้นอาจส่งผลกระทบเกี่ยวกับการยอมรับ และ “ ความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย “

ที่สำคัญการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์หรือคดีทุกคดีควรรอให้ผ่านการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการ “ อย่างถูกต้องก่อน” จึงจะนำมาเปิดเผยต่อสังคม “ อย่าเพิ่งด่วนสรุป เพราะมีผลต่อความไม่เป็นธรรมขึ้นได้ “

4. เสธ ทราบข่าวมาว่าเมื่อวันก่อนแถวไปรษณีย์ทุ่งสง....รถขนกำลังชายชุดเขียวขึ้นกรุงเทพประมาณ 10 รถทัวร์ เเละพร้อมกำลัง” สิ่งเทียมอาวุธเพียบ “ ไประชาชนแถวนั้นถามว่า " ไปไหนกัน?" ชายชุดเขียวในรถตะโกนบอกมาว่า " ไปที่ลุงสุเทพ ไปดูเเลผู้ชมนม"

5. ไอ้ที่วางแผน และดำเนินการไปบ้างแล้วในการขโมยรถมอเตอร์ไซต์ที่จอดรถหน้าบ้านประชาชนหรือที่ล่อแหลมแถวปทุม ฯ แล้วถอดป้ายทะเบียนออก เพื่อจะเอาไปก่อเหตุเพราะง่ายต่อการก่อเหตุและหลบหนีนั้น...รู้ทันอีกและ !!! เลิกเหอะ รัฐอั้งยี่แดงอย่าใช้สมุนชั่วไปรังแกประชาชนที่เขาหาเช้ากินค่ำเลย ถ้ายิงมา 1 จัดสวนไป 10 จำไว้

ถ้าอยากขโมยจริง ๆ ให้ไปขโมยรถ “ ตีนตะขาบ” ในค่ายโน่น มีเยอะเลย...แต่ระวัง ” ตีนชายชุดเขียว” หน่อยละกัน !!! ช่วงนี้อารมณ์ไม่ดี

@เสธ น้ำเงิน
https://www.facebook.com/topsecretthai

"สุเทพ สั่งมวลหมาประชาชนบุกสนง.ปลัดกห.ทุกวัน

เวลา 19.50 น. ที่เวทีกปปส. สี่แยกปทุมวัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ซึ่งสวมใส่เสื้อทอมือชนเผ่าปกากะญอ จาก อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมย่ามทอมือ โดยทั้งเสื้อและย่ามทอเป็นลายธงชาติ ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา คงทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปวดหัว เพราะถูกพูดเสียดสีจากการหย่อนบัตรเลือกตั้งผิดกล่อง แต่ตนเข้าข้างน.ส.ยิ่งลักษณ์ และขอให้มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง เพราะคิดว่าคงแกล้งนายกฯ จนถูกคนทั่วประเทศหัวเราะ ทั้งนี้การที่เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่ามีคนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 20.4 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 45.84นั้น เห็นได้ว่าแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามชักชวนให้ประชาชน ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่ประชาชนรู้แล้วว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เพื่อฟอกตัวเอง และเหมือนเป็นการสมัครพรรคเดียว โดยมีพรรคที่เหลือเป็นองค์ประกอบ

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า รู้สึกกลุ้มใจแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เลือกตั้งเสร็จแล้ว แต่ประกาศผลเลือกตั้งไม่ได้ และเปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกตัวเองเป็นนายกฯ ก็ไม่ได้ อีกทั้งยังมีเรื่องทุจริตหลายเรื่อง และเชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงกลุ้มใจ นอนที่บ้านก็ไมได้ แต่กลับไปนอนอยู่ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งตนอยากให้พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่าจริงหรือไม่ ที่มีข่าวว่ามีการนำงบประมาณราชการ ไปสร้างห้องนอนให้นายกฯ ด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้(3 ก.พ.) กปปส. ได้ไปเยี่ยมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ได้ทราบว่าบริเวณนั้นมีสไนเปอร์ ตนจึงสั่งให้พาผู้ชุมนุมกลับเมื่อช่วงเย็น แต่ในวันพรุ่งนี้(4 ก.พ.) พวกเราจะไปเยี่ยมน.ส.ยิ่งลักษณ ที่นั่นอีกครั้ง และถ้ารู้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปที่ใด จะไปดักเจอกลางทางด้วย.

( @ Daily News )


กรณ์ จาติกวณิช:วันเลือกตั้งผ่านไป แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

วันเลือกตั้งผ่านไป แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

ใครๆก็พยายามบอกรัฐบาลว่าเลือกตั้งครั้งนี้แก้ปัญหาอะไรก็ไม่ได้ คราวนี้เลยยิ่งแก้ยาก และคงต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งผมเข้าใจว่าอาจจะใช้เวลาถึงสองเดือนในการพิจารณา สรุปว่าเสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน เสียโอกาส

วันนี้ผมรับนัดคณะผู้แทนนักธุรกิจญี่ปุ่นที่ลงทุนอยู่ในไทยในนามของ Jetro เขาจะมารายงานทุกสามสี่เดือนว่านักธุรกิจญี่ปุ่นคิดอะไรอยู่ โดยอาศัยผลสำรวจที่เขาจัดทำทุกไตรมาส

โดยสรุปญี่ปุ่นเขากังวลแน่นอนกับสถานการณ์ และถึงแม้ว่าเขาจะยืนยันกับกิจการที่ลงทุนไว้เดิม เขาก็ลังเลที่จะลงทุนเพิ่มเติม แต่ที่เขาหวังมากที่สุด ก็คือการปลอดการใช้ความรุนแรง

ส่วนในทางยุทธศาสตร์ นักธุรกิจญี่ปุ่นมองว่าโอกาสที่ดีของเขาในระยะยาวคือการใช้ไทยเป็นฐานในการส่งออกไปสู่พม่า อินโดฯ และเวียตนาม นี่คือจุดขายของเรา ขอเพียงเรากำจัดอุปสรรคทางการเมืองให้ได้ก่อน ผมมั่นใจว่าไทยเราสามารถยึดความเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้กลับคืนมาได้แน่นอนครับ


“ปู-โต้ง” หน้ามืด บีบกรุงไทยปล่อยกู้จำนำข้าว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 กุมภาพันธ์ 2557 21:54 น.  
“ปู-โต้ง” หน้ามืด บีบกรุงไทยปล่อยกู้จำนำข้าว

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - “ปู-โต้ง” เรียก “พยุงศักดิ์” ถกด่วน บีบปล่อยกู้จำนำข้าว ดันเข้าที่ประชุมบอร์ดวันพรุ่งนี้ “วรภัค” เตรียมแถลงชี้แจงความชัดเจน 8.30 น.ที่สำนักงานใหญ่
     
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (3 ก.พ.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เรียกนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล กรรมการธนาคาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เข้าพบด่วน เพื่อหารือให้บอร์ดธนาคารกรุงไทยนำวาระการปล่อยกู้โครงการรับจำนำข้าวเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นไม่ให้ความสนใจปล่อยกู้ในโครงการดังกล่าว อีกทั้งธนาคารกรุงไทยอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงการคลังจึงมีความเป็นไปได้ในการเจรจามากกว่าธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นและยังไม่มีกระแสต่อต้านออกมารุนแรงเหมือนกับธนาคารออมสิน ซึ่งการเรียกเข้าพบในครั้งนี้ถือเป็นการเรียกไปหารือครั้งที่ 3 หลังเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จมาแล้วถึง 2 ครั้ง
     
       รายงานข่าวแจ้งว่าในวันพรุ่งนี้ (4 ก.พ.) นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จะเปิดแถลงข่าวในเวลา 8.30 น. ณ อาคารธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ เพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการปล่อยกู้โครงการรับจำนำข้าวให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าว ซึ่งกระทรวงการคลังจะดำเนินการกู้เงินทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 -2 หมื่นล้านบาท เพื่อจ่ายให้กับชาวนาตามใบประทวน รวมวงเงินทั้งสิ้น 1.3 แสนล้านบาท

ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ : เดินตามประชาธิปัตย์ หมาไม่กัด

เดินตามประชาธิปัตย์ หมาไม่กัด

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชนบอกอะไรเราบ้าง?

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองอย่างหนัก กระแสม็อบต่อต้านการเลือกตั้ง ปิดถนน ล้อมหน่วยเลือกตั้ง ศาลากลาง สำนักงานเขต โรงพิมพ์ จนถึงปาระเบิด ยิงกัน รวมทั้งกระแสปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง มีให้เห็นทุกวัน

ผลการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ ทั่วประเทศมีประชาชนมาลงคะแนนเสียง 45.84% หรือ 20.4 ล้านคน ในกรุงเทพฯ 26.18% หรือ 1.14 ล้านคน

59 จังหวัด สามารถดำเนินการเลือกตั้งได้ 100% ส่วน 9 จังหวัด (รวมกรุงเทพฯ) สามารถเลือกตั้งได้เพียงบางส่วน ที่เหลืออีก 9 จังหวัด จัดการเลือกตั้งไม่ได้เลย

ผมไม่ทราบว่าคนที่ไปเลือกตั้งเขาโหวตให้ใคร หรือโหวตโนไม่ประสงค์ลงคะแนน แต่ที่ประชาชนออกไปลงคะแนนเขาบอกแน่นอนคือ พวกเขาต้องการรักษากติกาประชาธิปไตยเอาไว้ เพราะจำนวนคนมาลงคะแนนสูงถึง 45.84% ในสถานการณ์ต่อต้านแบบนี้ ถือว่ามากอย่างน่าประหลาดใจ

ม็อบ กปปส. ไม่สามารถเอาไปอ้างได้เลยว่าเป็นชัยชนะของมวลมหาประชาชน เพราะขนาดขัดขวางการเลือกตั้งขนาดนี้ ยังมีคนออกมาเลือกตั้งสูงถึง 45.84%

วันพรุ่งนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ และยุบพรรคเพื่อไทย ขัดมาตรา 68 นายกฯยิ่งลักษณ์ และรัฐบาล ดึงดันเดินหน้าเลือกตั้งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการที่มิชอบตามรัฐธรรมนูญ

พรรคประชาธิปัตย์ รณรงค์ร่วมกับม็อบ กปปส. ของคุณสุเทพมาโดยตลอด ว่า "การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบ" ดึงดันยืนกราน ต้องการให้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จึงเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่สุดในโลก พรรคที่ไม่ได้ลงเลือกตั้ง ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคที่ลงเลือกตั้ง และให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ

หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาให้เป็นโมฆะ ประชาชนกว่า 20 ล้านคนที่ไปเลือกตั้งครั้งนี้คงมีความรู้สึกว่า คนที่ปฏิบัติตามกฎกติกา ตามกฎหมาย กลับถูกละเลย ส่วนคนที่ละเมิดกฎหมาย เล่นนอกกติกา ขัดขวางการเลือกตั้ง กลับเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง

เมื่อทุกอย่างกลับหัวกลับหาง การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ การเลือกตั้งครั้งหน้าผมขอดูพรรคประชาธิปัตย์ก่อน หากพรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง ผมถึงจะลงด้วย หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง ผมก็ขอไม่ลงด้วย เพราะรู้ว่าลงไปแล้วจะเสียเงินหาเสียงไปเปล่าๆ

ส่วนประชาชนที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนตามกติกาคงคิดเหมือนผมว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลง ไม่ต้องออกไปเลือกตั้งให้เสียเวลา ถึงอย่างไรก็เป็นโมฆะอยู่ดี

โบราณเขาบอก "เดินตามผู้ใหญ่ หมาไม่กัด" แต่ตอนนี้ต้องบอกว่า "เดินตามประชาธิปัตย์ หมาไม่กัด"

เพราะประเทศนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยผิด "ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก" จริงๆ


สัญญาณพ่ายแพ้ของระบอบทักษิณ ผ่านการนำเสนอข่าวของสื่อตปท.


Aum Sky Exits · ผู้ติดตาม 17,780 คน
  • #สัญญาณพ่ายแพ้ของระบอบทักษิณ

    สำนักข่าวบลูมเบิร์ก พาดหัวข่าววันที่กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ นำมวลมหาประชนเดินขบวนขัดขืนคำสั่งห้ามเข้าถนน 25 สายในกรุงเทพฯตามพระราชกำหนดบริหารประเทศในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินว่า “เวลาของรัฐบาลหมดแล้ว” ในขณะที่สำนักข่าวเอพีซึ่งเคยเสนอข่าวสนับสนุนรัฐบาลตลอดมา พาดหัวข่าวว่า“ชาวนาเพิ่มทุกข์ให้รัฐบาล ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดทางการเมือง” ตามด้วยคำสัมภาษณ์ทูตอเมริกาประจำประเทศไทยว่า อเมริกาไม่มีเจตนาแทรกแซงการเมืองของไทยและเข้าใจจุดยืนของประชาชนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองดี ประกอบกับแถลงการณ์ฉบับล่าสุดของกระทรวงต่างประเทศอเมริกาที่มีท่าทีอ่อนลง เป็นสัญญาณบอกว่า ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์มาถึงแล้ว

    สื่อต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอเมริกาและประเทศตะวันตก เคยเสนอข่าวบิดเบือนใส่ร้ายมวลมหาประชาชนที่ลุกขึ้นทำการปฏิวัติ เพื่อขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณ เริ่มเปลี่ยนท่าทีมาเสนอข่าวความจริงมากขึ้น หลังจากพบว่าปฏิบัติการ“Shutdown Bangkok”ที่ผ่านมาหลายวันเป็นไปด้วยความสงบสันติปราศจากอาวุธ การดำเนินชีวิตในเมืองหลวงของคนทั่วไป ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนมากมายนัก แต่ในทันทีที่รัฐบาลทิ้งไพ่ใบสุดท้าย ประกาศภาวะฉุกเฉิน สื่อต่างประเทศเกือบทุกสำนักเสนอข่าวในทางลบต่อรัฐบาล

    สื่อต่างประเทศแทบทุกสำนักเสนอข่าวประกาศภาวะฉุกเฉินไปในทำนองว่า “รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากผู้ชุมนุมถูกโจมตีหลายระลอก” เสนอข่าวที่กำนันสุเทพแสดงพลังอารยะขัดขืน นำมวลชนจำนวนมากเดินขบวนไปตามถนน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นล้นหลามจากประชาชนในเมืองหลวง นอกจากนั้นสื่อต่างประเทศทั้งจากประเทศตะวันตก และสื่อในประเทศเอเชีย ล้วนเสนอข่าวว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินฉุดให้เศรษฐกิจตกต่ำลงอย่างน่าวิตก

    สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นักลงทุนต่างชาติวิตกกังวลประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งมีผลใช้นานถึง 60 วัน หลายบริษัทข้ามชาติถอนการลงทุนเช่น บริษัทโตโยต้า ประเทศไทยจะทบทวนการลงทุน 600 ล้านดอลลาร์ และลดการผลิตในปีนี้ลง หุ้นท่องเที่ยวลดลง 15% ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง 02% สฌตรต ไทม์รายงานว่า นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนยกเลิกการเดินทางมาประเทศไทยลดลงกว่า 50 % บลูมเบิร์ก รายงานว่า สายการบินต่างๆยกเลิกเที่ยวบินเข้าประเทศไทยกว่า 50 เที่ยวบินต่อหนึ่งสัปดาห์ ข่าวต่างประเทศเสนอข่าวในแง่ลบเพราะประกาศภาวะ ฉุกเฉินอีกมากมาย

    ล่าสุดสำนักข่าวบลูมเบิร์กกับสำนักข่าวเอพีเสนอรายงาน “การดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของรัฐบาล” บอกว่า เวลาของรัฐบาลหมดแล้วว่า “รัฐบาลถูกผลักดันเข้าทางตันทางการเมืองซึ่งนำมาสู่การล่มสลายของระบอบทักษิณ” พร้อมรายละเอียดว่า โอกาสที่นางสาวยิ่งลักษณ์จะกลับมาฟอร์มรัฐบาลชุดใหม่หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 2557 ไม่เหลืออยู่เลย เพราะถึงแม้จะดึงดันให้มีการเลือกตั้งกี่ครั้งก็ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เพราะการเลือกตั้งมีข้อบกพร่องอยู่หลายประการประกอบกับปัญหาทางกฎหมายที่นางสาวยิ่งลักษณ์ และ สมาชิกในพรรคเพื่อไทยหลายคนกำลังถูกสอบสวน

    “รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ต้องล่มสลายไปในเร็ววันนี้“บลูมเบิร์กรายงาน แม้สื่อทุกสำนักไม่สามารถบอกได้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องออกจากตำแหน่งด้วยวิธีไหน แต่ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือถูกขับให้ออกจากตำแหน่งโดยฝ่ายตุลาการหรือองค์กรอิสระเช่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักข่าวบลูมเบิร์กกับสำนักข่าวเอพีรายงานตรงกันว่า ข้อหาทุจริตในโครงการจำนำข้าว เป็นความผิดร้ายแรงที่สุดในบรรดาความผิดหลายข้อหาที่กำลังถูกสอบสวน“ถ้าไม่ถูกขับออกโดยฝ่ายตุลาการก็อาจถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งโดยการแทรกแซงของฝ่ายทหาร”

    สื่อต่างประเทศแทบทุกสำนักทำนายว่า เวลาของรัฐบาลหมดแล้ว แต่ไม่มีสำนักไหนฟันธงได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์จะออกโดยวิธีใด ส่วนสำนักข่าวเอพีซึ่งเสนอข่าวสนับสนุนรัฐบาลตลอดมา เมื่อมองเห็นจุดจบของนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็อดแขวะฝ่ายตุลาการไม่ได้ว่า เป็นไปได้มากที่สุดว่าศาลอนุรักษ์นิยมในประเทศไทยซึ่งเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่าลำเอียงมีอคติกับระบอบทักษิณจะใช้วิธี “ตุลาการปฏิวัติ” (judicial coup)ขับไล่นางสาวยิ่งลักษณ์ออกจากตำแหน่ง

    สื่อตะวันตกซึ่งเคยละเลงข่าวในทางลบต่อมวลมหาประชาชนตลอดมาโดยกล่าวว่า “คนไทยต่อสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยที่ด้อยกว่า” -“การชุมนุมประท้วงเป็นการต่อสู้ของคนชั้นสูงคนชั้นกลางในเมืองพวกนิยมเจ้ากับคนจนในชนบทที่นิยมทักษิณ”- “มวลมหาประชาชนประท้วงเพื่อเร่งเร้าให้ทหารปฏิวัติ” แต่เมื่อถึงจุดที่สื่อเหล่านั้นเห็นว่า ไม่อาจบิดเบือนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ได้อีกต่อไป เมื่อพบความจริงว่า ลมหายใจของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ รวยรินเต็มที ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวหาตุลาการ กล่าวหาศาลไทยว่าลำเอียงมีอคติกับระบอบทักษิณ เหมือนกับที่สมุนบริวารของทักษิณใส่ร้ายศาลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะมีใครสักคนฟ้องสื่อต่างประเทศในข้อหมิ่นศาล

    นอกจากสื่อต่างประเทศลดการบิดเบือนข่าวหันมานำเสนอข่าวความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมากขึ้นแล้ว ท่าทีที่อ่อนลงของอเมริกาเป็นสัญญาณเตือนภัยให้กับนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เป็นอย่างดีว่าเวลาของเธอหมดแล้ว แถลงการณ์การล่าสุดของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ประณามความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพฯ เรียกร้องให้นำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี สนับสนุนขบวนการประชาธิปไตยและเรียกร้องให้มีการเจรจาอย่างสันติ ประกอบกับการให้สัมภาษณ์สื่อของ คริสตี้ เคนนี้ ทูตอเมริกาประจำประเทศไทยที่ว่า “อเมริกาไม่มีเจตนาแทรกแซงปัญหาทางการเมืองของไทย อเมริกาเห็นว่าปัญหาในประเทศคนไทยต้องแก้ด้วยกันเอง อเมริกาไม่คว่ำบาตร หรือกดดันประเทศไทยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเข้าใจจุดยืนของผู้ชุมนุมดี”

    แถลงการณ์และคำให้สัมภาษณ์ของทูตอเมริกา พอบอกได้ว่าท่าทีของอเมริกา เปลี่ยนไปจากการสนับสนุนระบอบทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูเป็นการถอยห่างออกมามากพอสมควรและเริ่มเอนเอียงมาสู่ความเป็นจริงในประเทศนี้มากขึ้นซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสื่อตะวันตกที่ลดการบิดเบือนน้อยลงเป็นสัญญาณบอกว่าจุดจบของรัฐบาลเถื่อนมาถึงแล้ว

    ประสบการณ์ในแวดวงสื่อต่างประเทศ และ ติดตามข่าวสารการเมืองในประเทศนี้มาหลายทศวรรษพบว่า วันไหนที่สื่อให้น้ำหนักมาทางฝ่ายต่อต้านรัฐบาลหรือผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล วันนั้นคือจุดจบของรัฐบาลทรราช

    จากการตรวจสอบอย่างใกล้ชิดตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า สื่อทั้งในและต่างประเทศให้น้ำหนักมาทางมวลมหาประชาชน มากกว่ารัฐบาล ทีวีเสรีเริ่มให้ความสำคัญกับการเสนอข่าวผู้ชุมนุมมากขึ้น หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับพาดหัวความเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนโดยการนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และให้พื้นที่ข่าวหน้าหนึ่งการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนมากกว่าข่าวอื่นๆ การเคลื่อนไหวต่อต้านขัดขืนภาวะฉุกเฉิน ที่มีประชาชนนับแสนๆคนทั้งที่ร่วมในขบวนและรอให้การต้อน ให้การสนับสนุนอย่างล้นหลามอยู่ทั้งสองฟากถนน ปรากฏเป็นภาพบนสุด หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ และ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในประเทศไทยทั้งสองฉบับ เป็นสัญญาณเตือนภัยรัฐบาลว่าเวลาของทรราชหมดแล้ว

    ภาพที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กระทรวงสาธารณะสุข กระทรวงเกษตรฯ กรมชลประทาน กระทรวงพาณิชย์ และ ครูบาอาจารย์จากสถาบันการศึกษาเกือบทุกแห่งขึ้นเวที กปปส. ประกาศตัวสนับสนุนการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ถือว่า เป็นตาปูตัวสุดท้ายที่ตอกฝาโลงรัฐบาลเถื่อนของนางสาวยิ่งลักษณ์

จาตุรนต์ ฉายแสง:ปชป.กับการทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ประชาชนกับการรักษาประชาธิปไตย

ปชป.กับการทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ประชาชนกับการรักษาประชาธิปไตย

เพิ่งวิจารณ์ปชป.ไปเมื่อวันก่อนถึงตอนที่คุณอภิสิทธิ์ประกาศไม่ไปออกเสียงเลือกตั้งอ้างว่าการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

แค่นั้นก็ว่าแย่แล้ว วันนี้คุณอภิสิทธิ์ไปไกลกว่านั้นคือถึงขั้นร้องศาลรัฐธรรมนูญเองเลยว่ารัฐบาลขัดมาตรา 68 ที่ไม่ยอมเลื่อนการเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการเลือกตั้งไปโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 

คำกล่าวหาตามมาตรานี้ก็คือล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยและได้อำนาจการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

ถ้าศาลฯเห็นตามนั้นก็จะวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเสียด้วย

เรียกว่ากลับตาลปัตรไปหมด ถูกเป็นผิด ผิดเป็นถูก โจทย์กลายเป็นจำเลยและจำเลยกลับกลายมาเป็นโจทย์

ปชป.ส่งพวกออกมาเคลื่อนไหวนอกสภาเพื่อล้มรัฐบาลและต่อมาก็ล้มระบบด้วย ใช้การเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายร้ายแรงเต็มไปหมดบีบบังคับให้รัฐบาลออกไป เสนอให้มีสภาประชาประชาชนและให้มีรัฐบาลประชาชน ขัดขวางการเลือกตั้งโดยทุกวิถีทาง มีการใช้อาวุธ กระทั่งอาวุธสงครามอย่างโจ่งแจ้ง และยังเรียกร้องยุยงให้มีการทำรัฐประหารด้วย

ปชป.ได้เข้าร่วมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวนี้อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลย

การเคลื่อนไหวนี้เป็นการกระทำที่เข้าข่ายตามมาตรา 68อย่างชัดเจน คือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของคนกลุ่มหนึ่งและเป็นการกระทำของพรรคการเมืองที่ร่วมกันล้มล้างการปกครองระบอบประชาชธิปไตยและเพื่อให้ได้อำนาจการปกครองโดยวิถีทางที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรมนูญ

ยิ่งวันเวลาผ่านไปก็ยิ่งตรงตามมาตรานี้มากขึ้นๆอย่างเห็นได้ชัด

มีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฯไม่รับคำร้อง

ก่อนหน้านี้ สมาชิกรัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยกระบวนการทางรัฐสภาตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติให้อำนาจไว้ ศาลรัฐธรรมนูญกลับวินิจฉัยว่าขัดมาตรา 68

มาคราวนี้กำลังจะพิจารณาอีกว่าการจัดการเลือกตั้งเป็นการล้มล้างการปกครองฯและเป็นการได้อำนาจการปกครองโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ

หากวินิจฉัยนอย่างนั้น ศาลฯก็จะสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะและนำไปสู่การถอดถอนนายกรัฐมนตรีต่อไป

เรียกว่าหาหลักหาเกณฑ์อะไรไม่ได้ หาความยุติธรรมไม่ได้เอาเสียเลย

ที่แย่กว่านั้นคือถ้าตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ฟังได้ความว่าเหตุผลที่จะใช้บอกว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะไม่ได้เลือกในวันเดียวกันทั้งประเทศ

ถ้าตัดสินกันอย่างนั้น จะจัดการเลือกตั้งอย่างไรก็ไม่มีทางสำเร็จเป็นผลได้ เพราะพอถึงวันสมัครก็จะมีคนไปขัดขวางการรับสมัครอีก จะเลือกล่วงหน้าก็มีคนไปขัดขวางอีก กกต.ก็จะยอมตามนั้นแต่โดยดี แล้วพอจะเลือกตั้งตามที่กำหนดก็จะบอกว่าไม่ได้เลือกในวันเดียวกันทั้งประเทศอีก ก็คือต้องเลื่อนไปเรื่อยหรือไม่ก็เป็นโมฆะแล้วโมฆะอีกไม่มีวันจบสิ้นจนกว่า....

จนกว่าจะมีการใช้กลไกต่างๆจัดการกับรัฐบาลเพื่อให้เข้าข่ายที่จะใช้มาตรา 7 หรือไม่ก็มีการรัฐประหารตามที่มีการวางแผนกันอย่างสนุกสนานและเปิดเผย

กว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กพ.ได้ ประชาชนต้องพยายามลุ้นกันเต็มที่ มีการเลือกตั้งได้ ดีใจกันอยู่เดี๋ยวเดียว ก็ต้องมาคิดรับมือกับความพยายามทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะอีกแล้ว

แต่นี่คือความเป็นจริง ความเป็นจริงที่เจ็บปวด แต่ก็ต้องพยายามกันต่อไป พยายามที่จะรักษาประชาธิปไตยไว้ให้ดีที่สุด แม้ว่าจะต้องเหนื่อยยากกันอีกเพียงใดก็ตาม

จะสู้กันอย่างไรต่อไป จะพยายามเขียนมาแลกเปลี่ยนกัน แต่คงต้องเป็นพรุ่งนี้แล้วละครับ

ฮ.ฝึกบินนครฯชนรถกระบะตก

ฮ.....
เมื่อหัวค่ำ ได้เกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์ฝึกบิน แบบ Huge 300/1371 สังกัด ร้อย บิน .พล.ร.5 กองทัพภาค4 ขณะฝึกซ้อมค้นหาช่วยเหลืออากาศยานประสบเหตุ หลังจากปฏิบัติภารกิจฝึกฯ ขณะ Taxi กลับลานจอดภายในหน่วย อากาศยานเสียการควบคุมเกิดการหมุนตัวอย่างรุนแรง ที่ความสูงประมาณ30ฟุตจากพื้น ตกกระแทกกับรถให้สัญญาณ ฮ. ของ จนท. ทำให้เกิดเพลิงไหม้อากาศยานเสียหายทั้งลำ

ส่วนนักบินและช่างฯ(ร.ท.ประจิต ทองอินทร์ และ จ.ส.อ.ณรงค์ศักดิ์ ภิรมรสสามารถออกมาได้โดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หน่วยนำส่ง รพ.ค่ายวชิราวุธ เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนึ้ เหตุเกิดชณะกำลังนำเครื่องลงที่ สนามบิน ทภ. 4 ค่ายวชิราวุธ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้เกิดตกลงอย่างกะทันหันทำให้เครื่องไหม้หมดทั้งลำ

ฮ ลำดังกล่าวได้ทำการฝึกซ้อมบิน เนื่องจากในวันที่(4 ก.พ.57 จะทำการซักซ้อมแผนการค้นหาและกู้ภัยเมื่ออากาศยานประสบอุบัติเหตุ ทั้งของทางราชการและเอกชน โดยการสมมุติสถานการณ์ ฮ.ของกองทัพ ประสบอุบัติเหตุลงฉุกเฉิน จะมีการปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานที่ประสบอุบัติเหตุ ร่วมกับหน่วยแพทย์ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นกำลังตรวจสอบ


หลวงปู่พทุธอิสระ:เปิดแผนยึดเขตหลักสี่ก่อน"โกตี๋"จะมา ขอบคุณทหารช่วยม็อบแจ้งฯ

๒ ก.พ. ๕๗ ตอนค่ำ เวทีแจ้งวัฒนะ
หลวงปู่พุทธะอิสระ

วันนี้คนมาก มาดูว่าทำไมหลวงปู่ยังไม่ตาย รอดมาได้อย่างไรหรือเปล่า ไม่มีอะไรมาก เป็นยุทธศาสตร์ที่เลือกใช้ยุทธวิธี วันที่ ๓๑ มกราคม หลวงปู่นัดพวกเรามาไหว้เจ้าแต่เช้า ให้ทุกคนหันหัวรถไปทางทิศตะวันออก เพื่อความเป็นมงคล ทุกคนก็หันไปกันหมด กระทั่งรถส้วม รถน้ำก็หันไปหมด แล้วก็ให้ทุกคนจุดธูป แล้วหยิบเอาอาหารเอาน้ำไปเท่าที่จะหยิบได้ แล้วก็เอาเสื่อไปด้วยเพราะม้าของพระราชาต้องมีที่นั่ง ทุกคนก็ทำอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ไม่สงสัยอะไร เพราะหลวงปู่รู้มาว่าช่วงสายบ่ายวันนั้นจะมีคนของโกตี๋ไปยึดที่นั่น เราก็เลยไปก่อน ทุกคนก็ยังไม่รู้เลยว่าให้เตรียมน้ำเตรียมเสื่อเตรียมผลไม้ไปทำไม แล้วสั่งว่าใน ๑๐ นาทีทุกคนต้องขึ้นรถให้หมด แล้วอีก ๑๐ นาทีต่อมาก็ไปปรากฏกายที่เขตหลักสี่ ทำเอาฝ่ายโน้นมึนไปเลย มาอีกแล้วหรือนี่ (ฮา) ต่อมาก็ให้ทุกคนตรึงกำลังทั้งๆที่เราไปกันแค่ ๓๐๐ คน แต่มีใจไป ๓,๐๐๐ ตั้งฐานที่มั่นที่นั่น แล้วส่งสัญญาณไปที่สำนักงานเขต ร้านค้าแถบนั้นว่าเราจะย้ายที่สวดมนต์เหมือนวันก่อน ไม่ทำอะไรให้เดือดร้อน เพราะยุทธศาสตร์รวดเร็ว เร่งรัด เรียบร้อย ฉับไว

เราเจรจากับสำนักงานเขต กกต ว่าเราอยากมาดูผลไม้พิษที่ทำให้พี่น้องเราล้มตายไป ตัวอย่างเช่นคุณสุทิน เป็นต้น เราไม่อยากให้มีคนล้มตายอย่างนั้นอีก เขาก็บอกว่าบางคนคิดว่ามันเป็นผลไม้ทิพย์ เลยถามเขาว่าถ้ามันหลุดออกไปแล้วมันเกิดคนบาดเจ็บล้มตายคุณรับผิดชอบไหม ไม่มีใครตอบ หลวงปู่เลยบอกว่าถ้าอย่างนั้นให้ฉันตายตรงนี้คนเดียวดีกว่า ฉันจะไม่ยอมให้ใครเอาผลไม้พิษออกไปเด็ดขาด

แรก ๆ เราก็นั่งอยู่หน้าสำนักงาน ก็ต้องบอกว่าธรรมจัดสรร นายโกตี๋ นายเก่งระดมคนปทุม ดอนเมืองมาไปฆ่ามันให้ตาย ในที่สุด พ.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ราบ ๑๑ เขาเป็นฮีโร่ในใจหลวงปู่เสมอ เขาเคยฝ่าดงปืนไปช่วย นศ.ราม เขาต่อสายมาว่า จะไปเจรจากับ กกต. ตำรวจ แล้วจะขอให้สำนักงานเขตเปิดประตูให้เราเข้าไปหลบ ทำให้ผอ. เขตต้องเปิดประตูให้เราเข้าไปนอนเฝ้าผลไม้พิษอย่างไม่คลาดสายตา ก่อนนั้นมีการรวมหัวกันวางแผนว่าจะแอบโยนกล่องบัตรเลือกตั้งข้ามกำแพงไป ก็เลยยุให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศขอเข้าไปดู พอเขาเข้าไปดูได้ หลวงปู่ก็เลยขอเข้าไปดูบ้าง เล่นกับพระนี่ลำบากหน่อย แต่เพราะโกตี๋จริงๆทำให้เราเข้าไปได้

หลวงปู่มีคำสั่งว่าให้ทุกคนห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาดถ้าไม่มีคำสั่ง แล้วหลวงปู่กับการ์ดอยู่ข้างนอก กะว่าจะรับกระสุนสักลูกสองลูกเอาตรงที่มันไม่ตายน่ะ ภาพความรุนแรงที่เราโดนกระทำจากผู้มีอาวุธสงครามจะได้ปรากฏต่อสายตาชาวโลก บอกการ์ดว่าถ้ายันมันไม่ไหว ให้วิ่งไปอยู่หลังหลวงปู่เกมมันจะได้จบเร็วเข้า

ข่าวมันไปถึงลูกหมี อิสระสมชัย เขาก็ยกมาช่วยเราก็ไปติดอยู่กับพวกโกตี๋ เราจะส่งการ์ดไปช่วยสัก ๕๐ คนก็ไปไม่ได้ตำรวจมันกั้นเอาไว้ หลวงปู่เลยต่อสายถึง พ.อ. ทรงวิทย์ นำทัพมาเองตะลุยเข้าไปช่วยพี่น้องเราที่ติดอยู่ที่หลักสี่ออกมาได้ แต่กองทัพของเราไม่มีใครบาดเจ็บล้มตาย

เราเสียท่าที่มีสื่อไปเก็บภาพว่าการ์ดมีอาวุธ แต่นั่นไม่ใช่คนของเรา เราไม่ได้ออกไปเลยเพราะตำรวจกั้นเอาไว้ และทหารก็ห้ามเราไป เรายังไม่ได้ออกไป เราไม่มีอาวุธ มีแต่มือเปล่าและหัวใจ พี่น้องทุกคนที่ไปเป็นอวัยวะของกันและกัน สุดยอดมาก แม้แต่ป้่าอายุ ๘๐ เกาะรั้วอยู่ หลวงปู่เจอแกมาเฝ้ายามตอนดึก ๆ ถามแกว่าทำไมไม่นอน แกบอกว่าอยู่มามากแล้ว จะมาช่วยเฝ้ายาม จะรอดูหลวงปู่จะตายยังไง (ฮา)

หลวงปู่เศร้าใจมาก คืนนั้นมีมือปืนยิงลงมาจากตึก IT square ทำชาวบ้านถูกยิงไปคนหนึ่ง และขอขอบคุณผู้พันกองบัญชาการ ปตอ. แจ้งวัฒนะที่ส่งกำลังมาช่วยดูแลเรา

พรุ่งนี้เวลา ๐๘.๓๐ น. เราจะไปเยี่ยมเวทีลาดพร้าวและเวทีกระทรวงพลังงาน เราจะไปขอบคุณที่พวกเขาห่วงใยเรา มาช่วยเรา ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัว แต่หวาด(ฮา) ขอใช้หัวคิดก่อน ขอคิดยุทธศาสตร์ก่อน อย่าเพิ่งหัวเป็นรู(ฮา) เพื่อขอบคุณที่เขาห่วงใยยกมาช่วยเรา

ข่าวดี เฮียเหลิมให้หมายจับฐานขัดขวางการเลือกตั้งมาอีกใบแล้ว (ฮา) ฝากไว้ก่อนแล้วไปเรียกเก็บจากเฮียเหลิมอีกที

มีพี่น้องที่มาจากสามจังหวัดชายแดนใต้มาร่วมกันสู้กับเราที่นี่ และจะมีชาวนาจากราชบุรีมาร่วมกับเรา เชิญพี่น้องมุสลิมขึ้นมา

ภารกิจของเวทีแจ้งวัฒนะ ๓ เรื่อง :
๑. เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
๒. ส่งเสริมวัฒนธรรม สังคม เราจึงนำเสนอว่าเวทีนี้ไม่พูดหยาบเป็นเบื้องต้น
๓. ศาสนา ทุกศาสนามีที่ยืนบนแผ่นดินนี้โดยเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเล็กใหญ่กว่ากัน ในขณะเดียวกันศาสนาต้องทำให้เป็นที่พึ่งของคนได้ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า สังคมปัจจุบัน และอนาคต

เวทีอื่นๆ ก็มีพันธกิจ เช่นบางเวทีทำเรื่องพลังงาน บางเวทีคุณสุเทพทำเรื่องปฏิรูปการเมือง แล้วมันจะมารวมกันเป็นปิรมิดที่ทำให้คนไทยรุ่งเรือง มั่นคง
เราต้องมาช่วยกัน มีหุ้นส่วน เพราะชาติไม่ใช่ของหลวงปู่คนเดียว ทุกคนต้องออกมาแสดงให้ประจักษ์และเป็นที่พึ่งพาได้

เครดิต หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)/Tracypooh Pla
150

รับสมัครทหารมหาดเล็ก*ราชวัลลภ*รักษาพระองค์ (พลอาสาสมัคร)

ชายหนุ่มอกสามศอกคนไหน อายุ 20-28 ปี มีคุณสมบัติดังนี้..

- เป็นทหารกองหนุนจาก 3 เหล่าทัพ
- มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ ม.ต้น เป็นต้นไป
- บุคคลพลเรือนทั่วไป วุฒิการศึกษา ม.ปลาย ขึ้นไป ผ่านการศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 หรือชั้นปีที่ 5
- ส่วนสูง 165 ซม. ขึ้นไปและไม่เกิน 180 ซม.

หากอยากเป็นทหารมหาดเล็ก*ราชวัลลภ*รักษาพระองค์ (พลอาสาสมัคร)
เชิญมาสมัครเพื่อ*เข้าทำการสอบคัดเลือก*..ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 9 มีนาคม 2557 สถานที่รับสมัครคือ..

- โรงเรียนทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ วังทวีวัฒนา เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ โทร.. 02-456-9452 และ 02-356-0893 ไม่เว้นวันหยุดราชการ

รายละเอียดเบื้องต้น ตามในภาพนี้.. มาสมัครด้วยตัวเองนะครับ ย้ำชัดๆตรงนี้ว่า *ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรทั้งสิ้นแม้แต่บาทเดียว * ไม่เกี่ยวอะไรกับกองทัพบกทั้งสิ้น หากผ่านการสอบไปได้ คุณจะได้ชื่อว่า เป็นทหารของวังหน้า เป็นทหารมหาดเล็กราชวัลภในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ

ใครสนใจ และต้องการไปสอบให้ได้จริงๆ สอบถามผมได้ครับ จะบอกให้หมดพุงเลยว่า..เค้าสอบอะไรกันบ้าง และคุณต้องสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ ผมจะให้ลิงค์ไปอ่าน รับรองว่าถ้าคุณสนใจอ่านจริงๆ สอบผ่านแน่ๆ

และเวลาสอบผ่านข้อเขียนแล้ว เมื่อต้องเข้าสอบสัมภาษณ์ คุณควรตอบคำถามนายทหารผู้สัมภาษณ์ยังไง..ผมจะแนะแทคติคให้..

ย้ำอีกรอบว่า ไม่เสียตังค์แม้นแต่บาทเดียวนะ ผมแค่อยากให้เด็กหนุ่มๆทั้งหลาย มาเป็นมหาดเล็กในพระองค์กันเยอะๆ เพื่อถวายอารักขาและถวายตัวรับใช้แด่องค์รัชทายาทแห่งประเทศเรา..และมีโอกาสเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ตามความสามารถแห่งตน..

แค่นั้นจริงๆ ..


(คลิป)ฟังชุดความคิดรุนแรงจาก โกตี๋, เวทีอนุสรณ์สถานแห่งชาติ, 30 มกราคม 2557





(คลิป)ฟังชุดความคิดรุนแรงจาก โกตี๋, ที่ปราศรัยไว้ บน เวทีอนุสรณ์สถานแห่งชาติ, 30 มกราคม 2557  กอนวันเลือกตั้ง เนื้อหาค่อนข้างแรง

สุเทพ:ไม่กี่วันก็จบปชช.ชนะเป็นรัฐาธิปัตย์ประกาศฉบับแรกก็คือยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ไปใช้หนี้ชาวนา!!


พี่น้องครับในที่สุดความจริงมันก็ต้องปรากฏออกมา ว่าฝั่งไหนดีฝั่งไหนชั่ว เขารู้แล้วว่ารัฐบาลชุดนี้หากินบนคราบน้ำตาของ ประชาชน แล้วยังมากล่าวหาเราอีกว่าที่ชาวนาเขามาปิดถนน เพราะเขาออกมาชุมนุมเพราะการเมือง การเมืองพ่อมึงสิ เป็นเพราะเพราะเขาไม่มีกิน พวกคุณต้องลองไม่มีกินดูบ้างจะได้รู้ แต่อีกไม่นานหรอก เพราะเมื่อพวกเราชนะจะยึดทรัพย์พวกมึงทั้งหมดแล้วเอามาใช้ชาวนาให้หมด

เราไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมการต่อสู้ของพี่น้องชาวนาเลย เพราะเราไม่ต้องการให้พวกนี้มากล่าวหาเราว่าพี่น้องชาวนาโดนเราไปปลุกปั่น ซึ่งจริงเราควรจะชวนชาวนามาร่วมกับเราด้วยซ้ำเรื่องมันจะได้จบเร็วขึ้น แต่เรารู้ถึงสันดานมันไงว่าถ้าชาวนามาร่วมกับเรามันก็จะต้องมากล่าวหาเราแน่ๆ

แต่พี่น้องชาวนาเขาคงรู้ความจริงหมดแล้ว พี่น้องครับชัยชนะใกล้จะเป็นของเราแล้วครับพี่น้อง เหลือ ตำรวจชั่วๆเพียงไม่กี่คนเท่านั้นครับไม่กี่วันก็จบ พวกเราจึงต้องเดินหน้าต่อไปปิดสถานที่ราชการต่อไปอย่างสงบปราศจากอาวุธ ใน กทม.เราก็จะเดินหน้าปิดกระทรวงต่างๆต่อไป และเชิญชวนให้พี่น้องข้าราชการไม่ต้องเข้าไปทำงานหรอกครับมาร่วมกับพี่น้อง ประชาชนดีกว่า ผมเชื่อว่าอีกไม่นานพี่น้องข้าราชการก็จะออกมาอยู่ข้างเราทุกกระทรวง ทบวง กรม ครับพี่น้อง

วันที่ประชาชนได้รับชัยชนะ เมื่อประชาชนเป็นรัฐาธิปัตย์ คำสั่งของรัฐาธิปัตย์ เป็นกฎหมาย ประกาศฉบับแรกก็คือยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ชินวัตร และลิ่วล้อทุกคน ยึดได้เสร็จไปใช้หนี้ชาวนาก่อน!!


นักข่าวสงครามชาวมะกันโพสFBเชื่อแดงยิงก่อนจึงถูกสวนจากทหารกรณีหลักสี่

ไมเคิ่ล ยอน (Michael Yon) นักเขียน นักข่าวสงคราม และช่างภาพอิสระชาวอเมริกัน ได้โพสท์เฟซบุ๊ควันนี้ อธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่หลักสี่ ความว่า หลักสี่: เกี่ยวกับ กปปส.ติดอาวุธนั้น ผมรู้ข้อเท็จจริงมาว่ามีทหารนอกเครื่องแบบอยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม และเขาอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องผู้ชุมนุม แต่มีนักวิเคราะห์หลายคนที่ไม่เคยลงสถานที่จริง ที่เรียกกปปส.ว่าเป็นผู้ชุมนุมติดอาวุธ ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นไปได้ว่าการ์ดบางคนอาจจะมีอาวุธ แต่ผมไม่เคยเห็นอย่างนั้น แต่ข้อเท็จจริงก็คือ ทหารอยู่ที่นี่เพื่อช่วยปกป้องผู้ชุมนุม เพราะฉะนั้น การยิงกันที่หลักสี่เมื่อสองวันก่อนนั้นเป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากทหารบกหรือทหารเรือ -- โปรดระลึกไว้ด้วยว่า ผู้ชุมนุมถูกเสื้อแดงยิงก่อน และเขายิงกลับ ผมค่อนข้างเชื่อมั่นว่าผู้ที่ยิงสวนกลับไปเป็นทหาร โปรดสังเกตว่าไม่มีผู้เสียชีวิตแม้จะมีการยิงกันขนาดนั้น ผมคาดว่าเสื้อแดงคงตกใจอยู่ไม่น้อยเพราะพวกเขาคงคิดไม่ถึงว่าทหารจะอยู่ที่นั่น และทหารจะพร้อมปกป้องผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธอย่างนั้น โปรดสังเกตด้วยว่าตำรวจรีบออกมากล่าวหาประณามกปปส.ในทันที แต่ไม่เคยทำอะไรเลยแม้กปปส.ถูกทำร้ายอยู่ตลอดเวลา Laksi: Note on "Armed PDRC" I know for a fact that there are Thai military not in uniform who are inside with the protestors, and they are there to protect the protestors. But there are loads of armchair analysts who are calling PDRC an armed mob, which they are not. It is possible that some of the guards have firearms. I have not seen any, but again, it is a fact that military are here to protect the protestors. So, the shooting that happened at Laksi a couple days ago might well have been from Soldiers or Sailors -- recall that the protestors were attacked by Red Shirts, and they fought back with firearms. I strongly think those who fired back were military. Notice that nobody was killed despite all the shooting. My estimation was that the Red Shirts got a surprise because they did not realize that the military was there and ready to protect the unarmed protestors. Notice also that the police instantly condemned the PDRC, but have not done the same when PDRC is constantly attacked.


'กกต.' สรุปตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ รายจังหวัด อึ้ง!ว่าที่ส.ส.ชัยภูมิพท.แพ้โหวตโน 2 เขตคือเขต 3 และ 7

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2557

อึ้ง!ว่าที่ส.ส.ชัยภูมิพท.แพ้โหวตโน2เขต

'กกต.' สรุปตัวเลขผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศ รายจังหวัด อึ้ง!ว่าที่ส.ส.ชัยภูมิพท.แพ้โหวตโน 2 เขตคือเขต 3 และ 7


                     3 ก.พ. 57  นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป 2 กุมภาพันธ์ แบบไม่เป็นทางการรวมทั้งสิ้น 45.84% แบ่งตามจังหวัด
ดังนี้
                     1. กรุงเทพมหานคร  มีผู้มีสิทธิ จำนวน4,369,120 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน1,143,667 คน คิดเป็น 26.18 เปอร์เซ็นต์
                     2. กาญจนบุรี  มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 599,147 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน 149,786 คน คิดเป็นร้อยละ 25.00
                     3. จันทบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 400,849 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน 137,184 คน คิดเป็นร้อยละ34.22
                     4. ฉะเชิงเทรา  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 522,929 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 247,241 คน คิดเป็นร้อยละ 47.28
                     5. ชลบุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,001,146 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 283,010 คน คิดเป็นร้อยละ28.27
                     6. ชัยนาท มีผู้มีสิทธิ จำนวน 262,953 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 127,084 คน คิดเป็นร้อยละ48.33
                     7. ตราด มีผู้มีสิทธิ จำนวน 165,398 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 49,620 คน คิดเป็นร้อยละ30.00
                     8. นครนายก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 198,271 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 87,219  คน คิดเป็นร้อยละ43.99
                     9. นครปฐม  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 680,624 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 272,250 คน คิดเป็นร้อยละ40.00
                     10. นนทบุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 904,394 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 406,977 คน คิดเป็นร้อยละ45.00
                     11. ปทุมธานี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 801,561 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 360,702 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00
                     12. ปราจีนบุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 355,606 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 178,066 คน คิดเป็นร้อยละ 50.07
                     13. พระนครศรีอยุธยา  มีผู้มีสิทธิ จำนวน614,410 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 314,183คน คิดเป็นร้อยละ 51.14
                     14. เพชรบุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 334,192 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 97,883 คน คิดเป็นร้อยละ29.29
                     15. ระยอง มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 456,066 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 118,900 คน  คิดเป็นร้อยละ26.07
                     16. ราชบุรี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 651,223 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 293,050 คน คิดเป็นร้อยละ45.00
                     17. ลพบุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 571,245 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 281,307 คน คิดเป็นร้อยละ49.24
                     18. สมุทรปราการ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 944,294คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 330,502 คน คิดเป็นร้อยละ 35.00
                     19. สมุทรสงคราม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 153,883คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 37,650 คน คิดเป็นร้อยละ 24.47
                     20. สมุทรสาคร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 385,863 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 131,095 คน คิดเป็นร้อยละ 33.97
                     21. สระแก้ว มีผู้มีสิทธิ จำนวน 405,558 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 202,779 คน คิดเป็นร้อยละ50.00
                     22. สระบุรี มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 476,275 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 238,138 คน คิดเป็นร้อยละ50.00
                     23. สิงห์บุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 168,864 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  83,565 คน คิดเป็นร้อยละ 49.49
                     24. สุพรรณบุรี  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 644,940 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 360,873 คน คิดเป็นร้อยละ55.95
                     25. อ่างทอง  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 222,503 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  132,185 คน คิดเป็นร้อยละ59.41
                     26. อุทัยธานี  มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 252,946 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 109,375 คน คิดเป็นร้อยละ 43.24
                     27. กำแพงเพชร  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 548,674คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 202,798 คน คิดเป็นร้อยละ 36.96
                     28. เชียงราย มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 889,889 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 507,419 คน คิดเป็นร้อยละ 57.02
                     29. เชียงใหม่  มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 1,251,590คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 684,591 คน คิดเป็นร้อยละ 54.70
                     30. ตาก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 356,504 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 213,902 คน คิดเป็นร้อยละ60.00
                     31. นครสวรรค์ มีผู้มีสิทธิ จำนวน 827,193 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 339,560 คน คิดเป็นร้อยละ 41.05
                     32. น่าน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 377,101 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 194,935 คน คิดเป็นร้อยละ51.69
                     33. พิจิตร  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 443,447 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 172,442 คน คิดเป็นร้อยละ38.89
                     34. พิษณุโลก มีผู้มีสิทธิ จำนวน 666,427 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 299,892 คน คิดเป็นร้อยละ 45.00
                     35. เพชรบูรณ์  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 761,981 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 329,111 คน คิดเป็นร้อยละ 43.19
                     36. แพร่ มีผู้มีสิทธิ จำนวน372,858 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 233,114คน คิดเป็นร้อยละ 62.52 คน
                     37.พะเยา มีผู้มีสิทธิ จำนวน 394,041 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 244,792 คน คิดเป็นร้อยละ62.12
                     38. แม่ฮ่องสอน มีผู้มีสิทธิ จำนวน 160,829คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 103,863 คน คิดเป็นร้อยละ 64.58
                     39.ลำปาง  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 619,215 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 393,062 คน คิดเป็นร้อยละ63.48
                     40. ลำพูน  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 331,343 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 241,209 คน คิดเป็นร้อยละ72.80
                     41. สุโขทัย  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 438,920 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 220,834 คน คิดเป็นร้อยละ50.31
                     42. อุตรดิตถ์  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 363,116 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 182,878 คน คิดเป็นร้อยละ50.36
                     43. กาฬสินธุ์  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 756,333 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน  428,437 คน คิดเป็นร้อยละ 56.65
                     44. ขอนแก่น มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 1,381,002คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 757,640 คน คิดเป็นร้อยละ 54.86
                     45. ชัยภูมิ มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 867,363 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 478,822 คน คิดเป็นร้อยละ55.20
                     46. นครพนม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 530,501 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 305,048 คน คิดเป็นร้อยละ57.50
                     47. นครราชสีมา  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,994,802คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 1,112,469 คน คิดเป็นร้อยละ 55.77
                     48. บึงกาฬ  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 305,182 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 213,627 คน คิดเป็นร้อยละ70.00
                     49. บุรีรัมย์  มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,164,126 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 581,603 คน คิดเป็นร้อยละ49.96
                     50. มหาสารคาม มีผู้มีสิทธิ จำนวน 714,450คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 411,501 คน คิดเป็นร้อยละ 57.60
                     51. มุกดาหาร มีผู้มีสิทธิ จำนวน 257,799 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 167,569 คน คิดเป็นร้อยละ65.00
                     52. ยโสธร  มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 419,524 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 244,708 คน คิดเป็นร้อยละ58.33
                     53. ร้อยเอ็ด มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,017,852 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 539,024 คน คิดเป็นร้อยละ 52.96
                     54. เลย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 483,969 คน มีผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 296,431 คน คิดเป็นร้อยละ61.25
                     55. ศรีษะเกษ  มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 1,098,960คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  589,344 คน คิดเป็นร้อยละ 53.63

                     56. สกลนคร มีผู้มีสิทธิ  จำนวน  849,835 คน มีผู้มาใช้สิทธิ   จำนวน  467,409 คน คิดเป็นร้อยละ 55.00
                     57. สุรินทร์ มีผู้มีสิทธิ  จำนวน 1,031,137 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  520,525 คน คิดเป็นร้อยละ 50.48
                     58. หนองคาย มีผู้มีสิทธิ จำนวน 386,073 คน ผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  219,289 คน คิดเป็นร้อยละ 56.80
                     59. หนองบัวลำภู มีผู้มีสิทธิ  จำนวน   382,095คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  277,018 คน คิดเป็นร้อยละ 72.50
                     60. อำนาจเจริญ มีผู้มีสิทธิ  จำนวน  285,095คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน 142,413 คน คิดเป็นร้อยละ 49.95
                     61. อุดรธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน  1,169,246 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน  637,438 คน คิดเป็นร้อยละ 54.52
                     62. อุบลราชธานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 1,360,684 ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน  754,554 คน คิดเป็นร้อยละ 55.45
                     63. นครศรีธรรมราช มีผู้มีสิทธิ  จำนวน1,153,060 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน 1,292คน คิดเป็นร้อยละ 0.11
                     64. นราธิวาส มีผู้มีสิทธิ  จำนวน  509,604 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน   232,790 คน คิดเป็นร้อยละ 45.68
                     65. ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้มีสิทธิ  จำนวน389,471 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  55,818คน คิดเป็นร้อยละ 14.33
                     66. ปัตตานี มีผู้มีสิทธิ จำนวน 447,270 คน ผู้มาใช้สิทธิ จำนวน 182,614 คน คิดเป็นร้อยละ40.83
                     67. ยะลา มีผู้มีสิทธิ จำนวน  311,603 คน มีผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  101,604 คน คิดเป็นร้อยละ32.61
                     68. สตูล มีผู้มีสิทธิ  จำนวน  35,318 คน ผู้มาใช้สิทธิ  จำนวน  10,966 คน คิดเป็นร้อยละ  31.05
                     ขณะที่ กระบี่ ชุมพร ตรัง พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา และสุราษฎร์ธานี งดการลงคะแนน

อึ้ง!ว่าที่ส.ส.ชัยภูมิพท.แพ้โหวตโน2เขต


                    ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดชัยภูมิ มีผู้สมัครส.ส.ครั้งนี้รวม 28 คน  ใน  7 เขตเลือกตั้ง คือ  เขตเลือกตั้งที่ 1  นายแพทย์โอชิษฐ์  เกียรติก้องชูชัย จากเพื่อไทยได้คะแนนชนะไป 29,212 คะแนน  และนายวิทยา  จันดาเขียว จากพรรคชาติพัฒนาได้ไปเพียง 1,809 คะแนน แต่มีบัตรโหวตโนสูงกว่า 21,952 คนและบัตรเสียสูงอีก 5 %

                    เขตเลือกตั้งที่ 2  นายมานะ  โลหะวณิชย์  อดีตส.ส.เพื่อไทยหน้าเดิมมีคะแนนชนะไปได้ 48,815 คะแนน  แต่มีบัตรโหวตโนรวม 10,037 ใบ และบัตรเสียสูงมากอีกกว่า 10 %

                    เขตเลือกตั้งที่ 3  นางสาวปาริชาติ  ชาลีเครือ  อดีตส.ส.เพื่อไทยได้ 28,578 คะแนน  แต่มีบัตรโหวตโนสูงมากกว่าคะแนนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในเขตนี้กว่า 42,505 ใบ และบัตรเสียอีกสูงกว่า 5 %

                    เขตเลือกตั้งที่ 4 นายอนันต์  ลิมปคุปตถาวร อดีตส.ส.เพื่อไทยหน้าเดิมชนะไป 36,335 คะแนน

                    เขตเลือกตั้งที่ 5   นายเจริญ  จรรย์โกมล  อดีตรองประธานสภา และส.ส.พท. ได้ 33,632 คะแนน

                    เขตเลือกตั้งที่ 6   นางพรเพ็ญ  บุญศิริวัฒนกุล อดีตส.ส.พท.หน้าเดิมชนะไปได้ 36,549 คะแนน                   
                    เขตเลือกตั้งที่ 7  นายสุรวิทย์  คนสมบูรณ์  อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยหน้าเดิมชนะได้ 34,961 คะแนน  และมีบัตรโหวตโนสูงกว่าคะแนนผู้สมัครรวม 36,955 ใบ และบัตรเสียมีอีกมากกว่า 5 %