PR
วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558
เรือดำน้ำไทย รบกับใคร
คำสะ่งหน.คสช.8 ให้ กก.กสทช.คงเดิม
เรื่อง การเลือกกรรมการแทนตําแหน่งที่ว่างในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
กรณีนี้จึงเป็นความจําเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปราชการแผ่นดินและแก้ไขข้อขัดข้องทางกฎหมาย อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่งให้ กสทช. ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ในปัจจุบัน โดยไม่ต้องดําเนินการสรรหาและคัดเลือกบุคคลใดแทนตําแหน่งที่ว่างตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ และเมื่อมีเหตุที่จะต้องมีการเลือกกรรมการใน กสทช. แทนตําแหน่งที่ว่างลงในอนาคต ในกรณีเช่นว่านั้น ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามกฎหมายโดยอนุโลมต่อไป
คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
“วิษณุ” ติดใจ เนื้อหารัฐธรรมนูญแน่นเกินไป เล็งเอาออก 20 – 30 มาตรา
บุญทรง ยืนยันขายข้าวจีทูจีจริงทำปย.ประเทศ
The Economist ให้ฉายาว่าที่รธน.ฉบับที่ 20 ของไทยว่า “รัฐธรรมนูญพี่เลี้ยงเด็ก” (baby-sitters’ charter)
ยัน'สี จิ้นผิง'หนุนไทยแก้ปัญหาประเทศยั่งยืน
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม กล่าวถึงผลการเข้าเยี่ยมคำนับและหารือแลกเปลี่ยนมุมมองความมั่นคง ของ พล.อ.อ.สวี่ ฉีเลี่ยง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (สปจ.)กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ ศาลาว่าการกลาโหม ว่า การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของ พล.อ.อ.สวี่ ฉีเลี่ยง และคณะ อย่างเป็นทางการระหว่าง 23-27 เม.ย.2558 ครั้งนี้ เป็นไปตามคำเชิญของกระทรวงกลาโหม โดยเป็นการพบและหารือความมั่นคงร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 หลังจากการเยือนกระทรวงกลาโหม สปจ.ของคณะพล.อ.ประวิตร ที่ผ่านมา
ทั้งนี้พล.อ.อ.สวี่ ฉีเลี่ยง กล่าวว่า การมาครั้งนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากท่านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ให้มาเสริมสร้างความไว้วางใจ และความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเน้นย้ำว่าความผูกพันที่ลึกซึ้งของราชวงศ์ไทยและความสัมพันธ์ทางทหารที่แนบแน่นของทั้งสองประเทศตั้งแต่อดีต มีส่วนสำคัญยิ่งในการพัฒนาผลักดันความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก จีนยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนการแก้ปัญหาภายในประเทศของไทย ให้เกิดความสงบสุขอย่างยั่งยืน และหวังว่าประชาชนไทยทุกภาคส่วนจะร่วมมือกันแก้ปัญหาด้วยการเจรจา เพื่อเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ได้หารือและเสนอความร่วมมือในการพัฒนาความสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ใน 4 ประการคือ
1. เสนอให้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางทหารให้สูงขึ้น และให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับให้มากขึ้น
2. เสนอให้จัดตั้งกลไกความร่วมมือทางทหารในการฝึก ศึกษาของกระทรวงกลาโหม ทั้ง 2 ประเทศ โดยขยายความร่วมมือไปสู่การฝึกร่วมผสมทั้ง 3 เหล่าทัพระหว่างกัน
3. สนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศร่วมกัน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาจุดอ่อน จุดแข็งร่วมกัน เพื่อประโยชน์ทางทหารของทั้งสองประเทศ และ
4.จีนพร้อมให้การสนับสนุนไทยในการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ทางทหารอาเซียน เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์ทหารของภูมิภาค นอกจากนั้น จีนได้แสดงถึงความกังวลต่อปัญหาทะเลจีนใต้ ซึ่งมีประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน เป็นคู่ขัดแย้ง พร้อมทั้งชื่นชมบทบาทของประเทศไทย ที่ได้แสดงออกต่อปัญหาดังกล่าวอย่างสร้างสรรค์ และกล่าวเชื่อมั่นถึงความสัมพันธ์ฉันท์มิตรของทั้งสองประเทศ จะเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนและเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นและรอบด้านระหว่างกัน
ขณะที่พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ความผูกพันทางประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ทางการทูต ไทย – จีน ครบรอบ 40 ปี เป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ต่อเนื่องยาวนานของทั้งสองประเทศ ไทยยินดีและเห็นชอบต่อข้อเสนอของจีน โดยกระทรวงกลาโหมได้จัดตั้งคณะทำงานและพิจารณาร่วมกันแล้ว ถึงข้อเสนอต่าง ๆ ตามที่ได้เคยหารือร่วมกันไว้ สำหรับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนั้น ไทยประสงค์ที่จะรับการสนับสนุนความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาร่วมกันให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศนั้น ประเทศไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการยึดมั่นความร่วมมือกับนานาประเทศเพื่อแสวงหาหนทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี มุ่งเน้นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจด้วยการเจรจาเพื่อนำไปสู่สันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญมั่นคงของภูมิภาคร่วมกัน
สำหรับการดำเนินนโยบายต่างประเทศของจีนตามวิสัยทัศน์ Chines Dream นั้น มีความสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของไทย โดยตั้งอยู่บนหลักการของการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ การเคารพซึ่งกันและกันและเสริมสร้างความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ต่อกันทั้งสองฝ่าย ขอขอบคุณจีนที่เข้าใจสถานการณ์ภายในประเทศไทย รวมทั้งให้กำลังใจและสนับสนุนการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในทุกด้านกับไทยมาโดยตลอด เรากำลังมุ่งสู่การปฏิรูปประเทศโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน
สำหรับความร่วมมือในกรอบอาเซียน ไทยยินดีสนับสนุนการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นและรอบด้านระหว่างอาเซียนกับจีนในเชิงสร้างสรรค์ต่อไป ต่อกรณีปัญหาสถานการณ์ทะเลจีนใต้นั้น ไทยยินดีที่ทุกประเทศที่เกี่ยวข้องต่างยึดมั่นในการร่วมมือกันเพื่อแสวงหาหนทางการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี และมั่นใจว่าประเด็นเรื่องทะเลจีนใต้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับจีน พล.อ.ประวิตรฯ ได้กล่าวในตอนท้ายว่า ประเทศไทย พร้อมให้การสนับสนุน สปจ.ในทุกเรื่องภายใต้ความสงบสุขและสันติภาพอย่างถาวรในการอยู่ร่วมกันของประชาชนในภูมิภาค
หลังจากนั้น พล.อ.อ.สวี่ ฉีเลี่ยง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลางแห่งชาติสปจ.และคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/644346#sthash.CJY1qeyK.oEizXEOu.dpuf
กลาโหม ไทย-จีน บรรลุ4 ข้อตกลงร่วม ฝึกร่วม3เหล่าทัพ อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ หนุน China's Dream
1.เสนอให้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางทหารให้สูงขึ้น และให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับให้มากขึ้น
ทัวร์ช็อก!! พิษICAO ทุบอินบาวนด์1.4 ล้านล้านสะเทือน
23/4/58 ประชาชาติธุรกิจ
ภาคท่องเที่ยวฟันธงกฎเหล็ก ICAO ทุบตลาดทัวร์อินบาวนด์ 1.4 ล้านล้านสะเทือน "ศุภฤกษ์ ศูรางกูร"นายก ส.ไทยบริการท่องเที่ยวเผยบริษัททัวร์เริ่มหันไปใช้สายการบินต่างชาติ วอนรัฐเร่งสื่อสารให้ทุกภาคส่วนเกิดความเชื่อมั่น ขณะที่ "กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร" รมว.ท่องเที่ยวฯ แนะเอกชนเร่งทำแผนสำรองกันเสี่ยง ฟากสายการบินดิ้นช่วยเหลือตัวเอง
จากแถลงการณ์ถึงแผนปลดล็อก SSC องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมานั้นค่อนข้างเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กระบวนการการดำเนินงานแผนของไทยลากยาวไปถึงเดือนกรกฎาคม ขณะที่กรอบเวลาที่ทางไอซีเอโอขีดเส้นตาย ถึงแค่ต้นเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น
ประเด็นดังกล่าวนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยอมรับว่าอาจส่งผลกระทบลามจากสายการบินรูปแบบเช่าเหมาลำหรือชาร์เตอร์ไฟลต์ไปถึงสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินประจำ
นายศุภฤกษ์ ศูรางกูร กรรมการผู้จัดการบริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด และนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แม้ทางกระทรวงคมนาคมจะเร่งทำแผนปลดล็อกการบินให้เสร็จทันเดือนมิถุนายนนี้ แต่ส่วนตัวมองว่าโอกาสที่จะทำเสร็จทันนั้นไม่ง่าย เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาพอสมควร
อินบาวนด์ 1.4 ล้านล้านสะเทือน
ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตานับจากนี้คือ ตลาดทัวร์อินบาวนด์ (ต่างชาติเที่ยวไทย)ซึ่งมีขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าต่างชาติมาเที่ยวไทยปีนี้ไว้ที่ 28-29 ล้านคน สร้างรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท หากเที่ยวบินประจำของสายการบินสัญชาติไทยได้รับผลกระทบเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเอฟเฟ็กต์แรงกว่าตลาดคนไทยเที่ยวนอก ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงคมนาคมของไทยต้องเร่งดำเนินคือ สื่อสารให้องค์การการบินพลเรือนของประเทศอื่น ๆ เกิดความเชื่อมั่นให้ได้ เพื่อให้สายการบินสัญชาติไทยยังให้บริการเที่ยวบินประจำและเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟลต์) ต่อไปได้
สอดคล้องกับแหล่งข่าวระดับสูงในภาคธุรกิจสายการบินรายหนึ่งที่กล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือทุกฝ่ายประเมินว่าถ้าเลยเดือนมิถุนายนนี้ไปแล้ว ทางกระทรวงยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จะส่งผลกระทบต่อการจองแพ็กเกจทัวร์ที่ใช้เที่ยวบินประจำของสายการบินสัญชาติไทยแน่นอน
"สิ่งหนึ่งที่ทำให้ภาคธุรกิจไม่เชื่อมั่นในตอนนี้คือ รัฐบาลโดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่ได้สื่อสารเลยว่าหากไทยไม่สามารถปลดล็อกปัญหานี้ได้ ทางรัฐบาลมีแผนรองรับอย่างไร เพื่อไม่ให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยที่ตั้งเป้าทำรายได้จากตลาดอินบาวนด์ปีนี้ไว้สูงถึง 1.4 ล้านล้านบาทได้รับผลกระทบ"
เช่นเดียวกับนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ที่ปรึกษานายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ที่ยอมรับว่า ประเด็นปัญหาดังกล่าวไม่ได้กระทบแค่ตลาดเอาต์บาวนด์ แต่ยังกระทบถึงตลาดอินบาวนด์ ตอนนี้สายการบินสัญชาติไทยก็กำลังร่วมมือกับทางกรมการบินพลเรือน (บพ.) เร่งแก้ปัญหาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่องค์การการบินพลเรือนของแต่ละประเทศและบริษัททัวร์
ด้านนายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หากไทยปลดล็อกไม่ทันกำหนด สทท.คาดว่าจะส่งผลกระทบลามถึงเที่ยวบินประจำของสายการบินสัญชาติไทย 3 สายการบินหลัก ๆ ได้แก่ การบินไทย บางกอกแอร์เวย์สและไทย แอร์เอเชีย ที่ทำการตลาดขายตั๋วบินตลาดต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงแน่นอน
"คาดว่า 3-4 สายการบินสัญชาติไทยที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบ 10-20% เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจกังวลใจ ไม่กล้าจอง ส่งผลต่อเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวในส่วนของตลาดต่างชาติซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าไว้สูงถึง 1.4 ล้านล้านบาทปีนี้"
บ.ทัวร์เล็งใช้แอร์ไลน์สัญชาติอื่น
นายศุภฤกษ์กล่าวด้วยว่า สำหรับบริษัททัวร์ไม่ค่อยมั่นใจว่ากระทรวงคมนาคมและ บพ.จะปลดล็อกปัญหานี้ได้ทัน และหากเลยไปถึงเดือนกรกฎาคมมองว่าปัญหามีโอกาสลามไปถึงเที่ยวบินประจำได้ จึงได้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้สายการบินสัญชาติไทยมากขึ้น พร้อมทั้งหันไปใช้บริการสายการบินสัญชาติอื่นด้วย โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่เซนซิทีฟ ไม่อยากให้มีการยกเลิกเที่ยวบิน
"ตอนนี้บริษัททัวร์ในไทยบางส่วนที่จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้านาน ได้ติดต่อขอซื้อที่นั่งกับสายการบินต่างชาติแล้ว เพื่อกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ด้านบริษัททัวร์ในต่างประเทศ แทนที่เขาจะเลือกใช้บริการเที่ยวบินประจำของสายการบินในไทย ก็เลือกใช้ของสายการบินต่างชาติแทน ทำให้เสียโอกาสมาก ๆ" นายศุภฤกษ์กล่าว และว่าภาพลักษณ์ของธุรกิจการบินในไทยตอนนี้ได้รับผลกระทบหนักมาก โอเปอเรเตอร์ทัวร์ในต่างประเทศก็ไม่มั่นใจคุณภาพ ทำให้เปลี่ยนไปใช้สายการบินสัญชาติอื่นแทนสายการบินของไทยแล้ว
ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าทีมงานที่เกี่ยวข้องได้ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง ทางกระทรวงก็ได้คุยกับภาคเอกชนให้มองหาทางเลือกใหม่ ๆ ไว้ด้วย เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวของไทยในภาพรวมไม่มีปัญหา
สายการบินดิ้นช่วยเหลือตัวเอง
นายชัยรัตน์ แสงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ สายการบินเจ็ทเอเซีย แอร์เวย์ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ผู้ให้บริการสายการบินต่าง ๆ ได้ให้ความร่วมมือกับ บพ.ในทุกรูปแบบ เพื่อช่วยกันดำเนินการแก้ไขปัญหาให้สำเร็จและผ่านเกณฑ์ของไอซีเอโอ อย่างไรก็ตาม สายการบินต่าง ๆ ก็ไม่ได้รอความหวังจากฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว ขณะนี้สายการบินทุกแห่งได้กลับมาดูเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัยของตัวเองควบคู่ไปด้วย เพราะเชื่อว่าหากสายการบินมีมาตรฐานก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบ
"เรายังมีความหวังเพราะมาตรฐานของแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมากรมการบินพลเรือนของญี่ปุ่นก็ยังอะลุ่มอล่วย ขณะที่กรมการบินพลเรือนของจีนก็ไม่ค่อยกังวลกับเกณฑ์ของไอซีเอโอมากนัก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือทุกสายการบินต้องทำให้ตัวเองมีมาตรฐาน" นายชัยรัตน์กล่าว
แหล่งข่าวจากธุรกิจสายการบินรายหนึ่งกล่าวเสริมว่า ถ้าทางรัฐบาลไทยแก้ไขปัญหาไม่ทันกรอบเวลาของไอซีเอโอ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยอย่างมหาศาล ดังนั้นในฟากกลุ่มผู้ประกอบการสายการบินด้วยกันเองนอกจากจะกลับไปทบทวนเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของตัวเองแล้ว ยังต้องเตรียมประสานงานกับคู่ค้าในแต่ละประเทศ เพื่อให้คู่ค้าเกิดความมั่นใจและยังเชื่อมั่นในมาตรฐานการบินของประเทศไทยและยังใช้บริการต่อไป
"ในกรณีที่ไอซีเอโอประเมินผลแล้ว เขาจะอัพข้อมูลขึ้นบนเว็บ ทุกคนสามารถเข้าไปดูได้ กรมการบินพลเรือนแต่ละประเทศก็จะเห็นว่าเกณฑ์ของประเทศไทยอยู่ในระดับไหนและอยู่ที่การพิจารณาของกรมการบินในแต่ละประเทศว่าจะมีมาตรการกับสายการบินของไทยอย่างไรต่อไป" แหล่งข่าวกล่าว