PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2560

รับประกันโดยป๋า

การที่เรามาพร้อมเพรียงกันวันนี้ แสดงให้เห็นว่านายกฯ เป็นที่ไว้วางใจได้ จะเป็นผู้นำของเราตราบใดที่นายกฯ ไม่ท้อแท้ ท้อถอย ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะประสบความสำเร็จ

ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีความภูมิใจมาก หยิ่งในตัวเองมาก ว่าเกิดมาทั้งทีเราเป็นคนดี เราทำงานเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมืองของเรา ไม่ได้ทำให้ใครทั้งนั้น แต่ทำให้คนไทยทุกคน…ไม่ว่าคนไทยนั้นจะชอบเราหรือชอบเราน้อยก็ไม่เป็นไร เราก็ทำตามไปตามสิ่งที่เรามุ่งมั่นปรารถนาให้ประเทศชาติของเรารุ่งเรือง เพื่อนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี จะภูมิใจมากที่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ขอให้นายกฯ มีความภาคภูมิใจว่า เกิดมาทั้งที เราได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด ที่เราได้ทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง เป็นผู้นำที่ดี เป็นผู้นำที่สร้างความเชื่อมั่นให้คนในชาติของเราว่า รัฐบาลนี้ นายกรัฐมนตรีคนนี้ ผบ.เหล่าทัพเหล่านี้ จะทำเพียงอย่างเดียว คือนำความสุขกลับมาให้คนไทย

ก็ขอให้ความตั้งใจมุ่งมั่นปรารถนาอันแรงกล้าของนายกรัฐมนตรีประสบผลสำเร็จ ตามที่นายกรัฐมนตรีปรารถนา

ผมไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีเอาเวลาที่ไหนไปนอน เห็นทำแต่งาน..คงเป็นสิ่งที่น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของพวกเราทุกคนของคนไทยว่ารัฐบาลนี้ทุ่มเททุกอย่าง เพื่อความสุขของพวกเรา ขอบคุณมาก นายกรัฐมนตรี”

เป็นอีกครั้งที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี แสดงการสนับสนุนและยืนอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ โดยเปิดเผย

คำพูดดังกล่าว มีขึ้นระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์นำคณะรัฐมนตรี และ ผบ.เหล่าทัพ รดน้ำดำหัวขอพร พล.อ.เปรม ตามประเพณีไทย เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา

และว่าที่จริง พล.อ.เปรม ผู้มากด้วยบารมี ได้แสดงจุดยืนเช่นนี้มาตั้งแต่รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 แล้ว

ทบทวนกันเล็กน้อย…
ช่วงส่งท้ายปีเก่า 2557 ต้อนรับปีใหม่ 2558 พล.อ.เปรม ได้กล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า

“การยึดอำนาจของ คสช. เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมนั้น เชื่อว่าประชาชนคงดีใจที่บ้านเมืองสงบ ไม่มีความขัดแย้ง เป็นการแสดงให้เห็นว่า หากมีความจำเป็น ทหารก็ต้องออกมาดูแลบ้านเมือง และนายกรัฐมนตรีควรจะภูมิใจ เพราะเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ แสดงให้เห็นว่า หากตั้งใจจะทำอะไร ก็สามารถทำได้ และทำได้ดีด้วย หากชาติบ้านเมืองอยู่ในภาวะคับขัน ทหารจะเข้ามาดูแล ตามที่ได้ปฏิญาณตนไว้”

และเมื่อ 26 สิงหาคม 2558 ในโอกาส พล.อ.เปรม ฉลองวันเกิดครบรอบ 95 ปี ย่างเข้า 96 ปี ได้กล่าวกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้าอวยพรว่า

“ผมมั่นใจว่าถ้าพวกเรายังดำรงความรัก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมใจกันทำ เสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อมอบให้ประชาชน เมื่อนั้นมั่นใจว่า ตู่ คุณป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) คนอื่นๆ จะนำความสุขคืนให้ประชาชน และจะทำให้เกิดความปรองดองในชาติได้แน่นอน”

“ต้องร่วมมือกันอย่างนี้ รักกันอย่างนี้ตลอดไป เพราะจะสร้างเกียรติประวัติให้กับกองทัพของเรา และให้กับรัฐบาล อีกทั้งเราก็จะมีความสุขบนความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากบนความเสียสละที่เรามีให้ประชาชนคนไทยทุกคน อีกทั้งขอชื่นชมและขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้มองเห็น ขอให้ประชาชนมองเห็น มองเห็นความเสียสละของพวกเราที่มีต่อประชาชน”

ทั้งนี้ พล.อ.เปรมมาย้ำอีกครั้งในวันที่ 30 ธันวาคม 2558 เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

“พวกเราไม่ได้เข้ามาเพื่อหวังอำนาจ แต่เข้ามาเพื่อชาติ บ้านเมือง และประชาชนของเรา ทั้งนี้ ผมคงจะช่วยพวกท่านได้ไม่มากนัก เพราะอายุมากแล้ว แต่จะช่วยคิดและให้กำลังใจ ให้ความรู้ได้บ้างพอสมควร อีกทั้งผมเป็นเพื่อนพวกท่านทั้งหลาย ถ้ามีสิ่งใดที่จะช่วยพวกท่านได้ก็พร้อมที่จะช่วยด้วยความเป็นเพื่อน เป็นมิตร และความสามัคคี ขอจบด้วยคำว่า ความดีคือเกราะกำบัง ก็ขอให้ทำความดี ซึ่งความดีเป็นเกราะป้องกันไม่ให้มาทำอันตรายกับเราได้ ถ้าทุกคนทำความดีทุกวัน ก็จะเป็นเกราะที่แข็งแรง และจะช่วยให้เราพบความสำเร็จ มีใจชื่นบานในการช่วยเหลือคนอื่น”

ยิ่งไปกว่านั้น พล.อ.เปรม ที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวน้อยครั้ง ยังยอมให้สัมภาษณ์ถึงความประทับใจในตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะแก้ไขปัญหาได้สำเร็จได้ เพราะ

ข้อที่หนึ่ง เขามีความมุ่งมั่น

ข้อที่สอง เขาเป็นคนสะอาด บริสุทธิ์ ภริยาเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ ครอบครัวก็สะอาดบริสุทธิ์

เพราะฉะนั้น คนที่สะอาด บริสุทธิ์ กล้าที่จะทำอะไรก็ได้ที่มันเสี่ยงๆ เพราะตัวไม่มีแผล จึงคิดว่าเขาทำได้

ก้าวสู่ปี 2559 พล.อ.เปรม ก็ยังอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป

โดยบอกในวันเกิดว่า

“ตู่ เดี๋ยวนี้ป๋าอายุมากแล้ว ก็อยากจะช่วยตู่เท่าที่สามารถจะช่วยได้ ซึ่งสิ่งที่ช่วยคือ เวลาคุยกับใครก็จะไปบอกเค้าว่าทำไมตู่ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรีให้มันเหนื่อยเปล่าทำไม ป้อม (พล.อ.ประวิตร) ต้องมาช่วยน้องชาย และเจี๊ยบ (พล.อ.ธนะศักดิ์) ต้องมาช่วยเพื่อน พวกเราทุกคนเห็นว่ามีความจำเป็นในการเข้ามาในสถานการณ์เช่นนี้ ที่พูดไม่ได้หมายความว่าเรามาทำเพื่อใคร แต่เราทำเพื่อคนไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอให้ตู่มั่นใจว่าทหารแก่อย่างเราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ตู่สามารถทำงานบรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของชาติ ถ้าไม่ได้ก็ต้องทำต่อไปจนกว่าจะได้ หากมีอุปสรรคก็ต้องแก้ไข”

และเมื่อ 29 ธันวาคม 2559 ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2560 พล.อ.เปรมก็ย้ำว่า อยากให้ทุกคนมั่นใจว่าภายใต้การนำของนายกฯ จะทำให้ความเหนื่อยของเราสิ้นสุดโดยเร็ว

การตอกย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าของ พล.อ.เปรม ในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะหลังสุดในช่วงก่อนสงกรานต์ และหลังที่มีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้แล้ว

ทำให้มีการมองว่า นี่อาจจะไม่ใช่เพียงการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำแค่ตามโรดแม็ป

แต่อาจจะทะลุยาวตามที่รัฐธรรมนูญเปิดทางไว้ นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ อาจต้องเหนื่อยต่อไป ในฐานะ “นายกรัฐมนตรีคนนอก”

โดยมีโมเดลเหมือนสมัยที่ พล.อ.เปรม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยสามารถบริหารเหนือพรรคการเมือง โดยมีวุฒิสภา กองทัพ ข้าราชการ เป็นฝ่ายสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ยาวนานถึง 8 ปี และได้รับการยกย่องเป็นรัฐบุรุษ

แม้ว่าประเทศจะถูกมองว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่ก็สามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญมั่นคงได้

ด้วยโมเดลที่สำเร็จแล้วนี้เอง อาจทำให้ พล.อ.เปรม เชื่อว่า พล.อ.ปรนะยุทธ์ น่าจะสืบทอดได้

ซึ่งจะจริงหรือไม่ เวลาที่เหลืออีกปีเศษๆ ก็น่าจะมองเห็น

ส่วนเมื่อเห็นแล้ว

จะเป็นสวรรค์ หรือนรก ก็แล้วแต่วาสนา พล.อ.เปรมคงตามไปการันตีไม่ได้

อย่าให้เครดิตโจรใต้

โฆษก กอ.รมน. ชี้ อย่าให้เครดิต โจรใต้ก่อเหตุ แค่ ก่อกวน ของผู้เสียประโยชน์  ที่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของ รัฐ ในการดูแลประชาชน 

พันเอกพีรวัฌช์ แสงทอง โฆษก กอ.รมน. กล่าว ถึงเหตุในชายแดนภาคใต้ ว่า อย่าให้เครดิต โจรใต้ก่อเหตุ แค่ ก่อกวน ของผู้เสียประโยชน์  ที่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของ รัฐ ในการดูแลประชาชน 
แต่ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการของภาครัฐ 

ชี้ ประชาชน ยังเชื่อมั่นต่อการดำเนินการของ กอ.รมน ภาค4 ส่วนหน้า ยิ่งพี่น้องประชาชน ร่วมมือ ก็เป็นการกดดันทางอ้อม ให้พวกนี้ไม่กล้าทำแบบโจ่งแจ้ง

ทั้งนี้ยอมรับว่า เสาไฟฟ้า ยากแก่การดูแล เพราะไม่อาจเอากำลังทหารไปวางดูแล แต่ยืนยันว่า ทุกอย่างอยู่ในสายตาของหน่วยข่าว ทุกครั้ง  แต่คนจ้องก่อกวน กับคนป้องกัน อาจมีการเล็ดลอด

ส่วนที่มองว่า เป็นการแสดงศักยภาพของกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่ก่อเหตุ ทั้ง 6 เมย. และ19 เมย. นั้น โฆษก กอ. รมน. มองว่า เป๋นการให้เครดิต มากเกินไป เพราะกลุ่มนี้หาทาง ก่อเหตุ เพื่อให้ ประชาชนขาดเชื่อมั่น ต่อภาครัฐ ว่าไม่สามารถดูแลได้
ปชช ทั้งหมดได้

ทั้งนี้ เพราะการช่วยเหลือของประชาชน อย่างดี จนทำให้การก่อเหตุลดน้อยลง

ช่วยผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยชุดสุดท้าย

"ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" ชุดสุดท้าย

"กอ.รมน." ปิดโครงการ ช่วยเหลือ "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" คอมมิวนิสต์กลับใจตามนโยบาย 66 /23 ให้เงินช่วยเหลือประกอบอาชีพชุดสุดท้าย คนละ 250,000 บาท ยันไม่ช่วยเพิ่มอีกแล้วเพราะเป็นรุ่นหลาน ไม่เข้าเกณฑ์ ไม่เข้าข่ายการได้รับเงิน ทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ และรายได้ปีละเกิน 10,000 บาท เผยช่วยมาแล้ว 4 ครั้งรวมกว่า 18,000 คน จากที่ให้ที่ดิน 5 ไร่ วัว 5ตัว มาวันนี้ให้เงินประกอบอาชีพ คนละ 250,000 บาท....ครม.11เมย.60 อนุมัติงบฯ1391 ล้าน ให้ค่าประกอบอาชีพ ผรท. 6,183 คน

พ.อ. พีรวัชฌ์  แสงทอง โฆษก กอ.รมน.  กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2560 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,391,175,000.- บาท

 โดยงบประมาณดังกล่าว นี้ เป็นเงินเพื่อช่วยเหลือค่าประกอบอาชีพสำหรับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.) จำนวน 6,183 คน ได้รับการช่วยเหลือคนละ 225,000.-บาท
​      
ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)คือบุคคลที่เป็นสหายร่วมพรรคคอมมิวนิสต์กลับใจมาร่วมเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

 ซึ่งในการช่วยเหลือ ผรท. ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 ที่เปิดโอกาสให้สหายร่วมพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยกลับใจมาเป็น ผรท. 

โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือปัจจัยทำมาหากินเพื่อให้เกิดความสงบสุขต่อบ้านเมือง ซึ่งช่วงแรกรัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือเป็นที่ดินทำกิน และได้มีการปรับปรุงรูปแบบการช่วยเหลือมาโดยลำดับ
     

พลโท ชัยณรงค์ แกล้วกล้า ผู้อำนวยการศูนย์การปฏิบัติ ที่3 (ผอ.ศปป.3) กอ.รมน. กล่าวว่า  ในห้วงเวลาที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการช่วยเหลือ ผรท.ไปแล้วเป็นจำนวน 3 ครั้ง (พ.ศ. 2545 จำนวน 2 ครั้ง , พ.ศ.2552 จำนวน 1 ครั้ง) 

ซึ่งการช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นการช่วยเหลือค่าประกอบอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย เป็นครั้งสุดท้าย จะไม่ช่วยเพิ่มอีกแล้วเพราะเป็นรุ่นหลาน ไม่เข้าเกณฑ์ ไม่เข้าข่ายการได้รับเงิน ทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ และรายได้ปีละเกิน 10,000 บาท ที่ผ่านมา เราช่วยมาแล้ว 4 ครั้งรวมกว่า 18,000 คน จากที่ให้ที่ดิน 5 ไร่
วัว 5ตัว มาวันนี้ให้เงินประกอบอาชีพ คนละ 250,000 บาท.

โดยหลักการ ของ รัฐบาลได้มีหลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือ 
​1. ต้องเป็นบุคคลที่เกิดในปี พ.ศ.2509 หรือก่อนนั้น และได้ขอยื่นแบบรับการช่วยเหลือ
​2. ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากทางราชการในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยและไม่เคยได้รับความช่วยเหลือด้านการจัดที่ดินจากทางราชการมาก่อน
​3. ต้องเป็นผู้มีฐานะยากจน และคณะกรรมการได้สอบสวนแล้วว่า เป็นผู้มีรายได้ไม่เกินปีละ 60,000.-บาท
​4. ต้องเป็นผู้มีความประพฤติดี โดยผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และนายอำเภอท้องที่ รับรอง
​5. ไม่เคยเป็นผู้ต้องโทษในคดีอาญา
​6. ต้องเป็นอดีตกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ อดีตกองกำลังติดอาวุธที่เข้ามอบตัวต่อทางราชการและมีหลักฐานการมอบตัวต่อทางราชการ
​7. เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมโครงการการุณยเทพ ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของหน่วยงานฝ่ายทหารที่รับผิดชอบ ผรท.ให้อยู่ในเกณฑ์สมควรได้รับความช่วยเหลือ
​         
สำหรับการมอบเงินช่วยเหลือค่าประกอบอาชีพสำหรับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)นั้น จะเป็นเช็คสั่งจ่ายตามรายชื่อผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่ได้ผ่านการพิจารณาแล้ว คนละ 225,000.-บาท ซึ่งการมอบเงินช่วยเหลือ กอ.รมน. ได้กำหนดที่ตั้งจ่ายในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1 – 4 ดังนี้
​     
ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1 ตั้งจ่าย 2 แห่ง คือ
​1. หอประชุมกองทัพภาคที่ 1 กทม.  มี ผรท. จำนวน 294 คน ซึ่ง กอ.รมน. ได้กราบเรียนเชิญ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โิชา นายกรัฐมนตรี และ ผอ.รมน. เป็นประธาน
​2. กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จังหวัดกาญจนบุรี มี ผรท. จำนวน 239 คน โดยมี รอง แม่ทัพภาค1 เป็นประธาน
​   
ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 2 ตั้งจ่าย 4 แห่ง คือ
​1. กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา มี ผรท. จำนวน 159 คน โดยมี แม่ทัพภาค 2 เป็นประธาน
​2. ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี มี ผรท. จำนวน 395 คน โดยมี รอง ผอ.รมน.ภาค 2 เป็นประธาน
​3. มณฑลทหารบกที่ 210 จังหวัดนครพนม มี ผรท. จำนวน 387 คน โดยมี รอง ผอ.รมน.ภาค 2 เป็นประธาน
​4. ศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร มี ผรท. จำนวน 424 คน โดยมี รอง ผอ.รมน.ภาค 2 เป็นประธาน
​     
ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 3 ตั้งจ่าย 2 แห่ง คือ
​1. มณฑลทหารบกที่ 38 จังหวัดน่าน มี ผรท. จำนวน 210 คน โดยมี มทภ.3 เป็นประธาน
​2. มณฑลทหารบกที่ 310 จังหวัดตาก มี ผรท. จำนวน 360 คน โดยมี รอง มทภ. 3 เป็นประธาน
​      
ในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 ตั้งจ่าย 3 แห่ง คือ
​1. กองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช มี ผรท. จำนวน 1,611 คน โดยมี แม่ทัพภาค 4 เป็นประธาน
​2. มณฑลทหารบกที่ 45 จังหวัดสุราษฏร์ธานี มี ผรท. จำนวน 1,321 คน โดยมี รอง มทภ. 4 เป็นประธาน
​3. กองพันทหารช่างที่ 402 จังหวัดพัทลุง มี ผรท. จำนวน 1,207 คน โดยมี รอง มทภ. 4 เป็นประธาน
​     
ในขณะนี้ กอ.รมน. อยู่ระหว่างการดำเนินกรรมวิธี เบิก-จ่าย งบประมาณ กับสำนักงบประมาณ และเมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว กอ.รมน. จะกำหนดวัน-เวลา ในการรับมอบเงินช่วยเหลือค่าประกอบอาชีพสำหรับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย(ผรท.)โดยทันทีพร้อมกันทุกแห่ง  

จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยที่ได้รับการช่วยเหลือได้ติดต่อประสานการปฏิบัติกับ กอ.รมน.ภาค ในพื้นที่ของตนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
 
โดยการช่วยเหลือ ครั้งที่ 1  จำนวน 403 ครอบครัว 806 คน ที่ดิน 5 ไร่ วัว 5 ตัว

ครั้งที่ 2 จำนวน 2,609 คน ที่ดิน 5 ไร่ วัว 5 ตัว เงิน 125,000.- บาท
ครั้งที่ 3 จำนวน 9,181 คน ที่ดิน 5 ไร่ วัว 5 ตัว เงิน 125,000.- บาท