PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

เจียด! งบกลางฉุกเฉิน 24.6 ล้าน จ้างวิธีพิเศษ “สื่อ CNBC” พีอาร์ภาพลักษณ์ประเทศไทย 4.0

เจียด! งบกลางฉุกเฉิน 24.6 ล้าน จ้างวิธีพิเศษ “สื่อ CNBC” พีอาร์ภาพลักษณ์ประเทศไทย 4.0
        บีโอไอยุค “ลุงตู่” เจียดงบกลางฉุกเฉิน 24.6 ล้าน จ้างวิธีพิเศษ “สื่อ CNBC” พีอาร์ “ประเทศไทย 4.0” หวังพลิกโฉมประเทศไทย ชูภาพลักษณ์-ความเชื่อมั่น-แสดงศักยภาพ-ความพร้อมในการลงทุนของประเทศไทย เผย TOR เผยแพร่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2560 นี้ ทั้งสื่อโทรทัศน์ต่างประเทศ-สื่อออนไลน์ เป้าหมายนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติในทุกภูมิภาคหลัก เอเชียแปซิฟิก ยุโรปและตะวันออกกลาง และอเมริกา
       
       วันนี้ (10 มี.ค.) มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หน่วยงานขึ้นตรงสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับอนุมัติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะกำกับดูแลบีโอไอด้วยตัวเอง ได้เปิดตัวโฆษณาประชาสัมพันธ์พลิกโฉมประเทศไทยสู่ ประเทศไทย 4.0 ผ่านสื่อต่างประเทศ จะได้เผยแพร่ในเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2560 นี้
       
       ภายหลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้ว่าจ้างลงโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ต่างประเทศและสื่อออนไลน์ของ คอนซูเมอร์ นิวส์ แอนด์ บิสซิเนส แชนแนล (Consumer News and Business Channel) หรือ CNBC เครือข่ายโทรทัศน์เคเบิลที่เสนอข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นทั่วโลก ตลอด 24 ชั่วโมง สังกัด บรรษัทการกระจายเสียงและแพร่ภาพแห่งสหรัฐอเมริกา เพื่อประชาสัมพันธ์พลิกโฉมประเทศไทยสู่ ประเทศไทย 4.0 โดยวิธีพิเศษ (เลขที่โครงการ : 60016215806) โดยมีการลงนามในใบสั่งซื้อ/สัญญา (PO) กับบริษัท Business News (Asia) LLP เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยว่าจ้างด้วยงบประมาณ 24,612,363.00 บาท (694,000 ยูเอส) โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2559 งบกลาง รายจ่ายเงินสำรองจายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
       
       มีรายงานว่า สำหรับขอบข่ายงาน (TOR) การลงโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ต่างประเทศและสื่อออนไลน์ CNBC เพื่อประชาสัมพันธ์พลิกโฉมประเทศไทยสู่ “ประเทศไทย 4.0” มีการเปิดเผยถึงหลักการและเหตุผลที่ต้องดำเนินการ ว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ โดยจะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่การเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้งมีการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ
       
       ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่บีโอไอจะต้องดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งรายใหม่และรายเดิมและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมในด้านต่างๆ ในการที่จะพลิกฟื้นและปรับโครงสร้างของประเทศ เพื่อที่จะก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางและร่วมกันก้าวไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป โดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อกระแสหลักประเภทต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ สื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และสื่อวิทยุ และการเชิญผู้สื่อข่าวต่างประเทศให้มารับทราบโอกาสการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งจัดกิจกรรมและนิทรรศการ งานสัมมนาระดับนานาชาติ ภายใต้ชื่อ “Opportunity Thailand”
       
       ทั้งนี้ บีโอไอเปิดเผยใน TOR ว่า การโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ต่างประเทศและสื่อออนไลน์ ของ CNBC เป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่เป็นนักธุรกิจและนักลงทุนที่เป็นผู้บริหารระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการชักจูงการลงทุนของบีโอไอ โดยสถานีโทรทัศน์ CNBC เป็นสถานีข่าวธุรกิจที่มีชื่อเสียงช่องหนึ่งของโลกและสามารถเข้าถึงผู้ชม 381 ล้านครัวเรือนทั่วโลก (เอเชียแปซิฟิก 83.2 ล้านครัวเรือน ยุโรปและตะวันออกกลาง 203.3 ล้านครัวเรือน และอเมริกา 94.3 ล้านครัวเรือน) ในขณะที่มีผู้เข้าชมสื่อออนไลน์ต่อเดือนถึง 27.9 ล้านรายทั่วโลก
       
       บีโอไอ อ้างวัตถุประสงค์ที่ต้องจ้างสื่อต่างประเทศประชาสัมพันธ์ ประเทศไทย 4.0 ว่าเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย เพื่อแสดงศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (Gatewat of ASEAN) และเป็นแหล่งรองรับการลงทุนชั้นนำของโลก เพื่อประกาศทิศทางการลงทุนของประเทศไทยในอนาคต (New Chapter of Investment) พร้อมทั้งเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนใหม่ และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐแบบครบวงจรแก่ทั้งนักลงทุนไทยและต่างชาติ เพื่อนำไปสู่ “ประเทศไทย 4.0” และเพื่อแสดงและสร้างความตระหนักถึงศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมาย กำหนดเป้าหมายที่นักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติในทุกภูมิภาคหลัก ได้แก่ เอเชียแปซิฟิก ยุโรปและตะวันออกกลาง และอเมริกา
       
       “โดยบีโอไอได้ว่าจ้างให้จัดทำวิดีโอทั้งหมด 4 ตอน ความยาวประมาณ 60 วินาที จำนวน 3 ตอน และยาว 90 วินาที 1 ตอน ลงโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ของ CNBC ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรปและตะวันออกกลาง และอเมริกา ในช่วงเออกอากาศทางสื่อโทรทัศน์ จะเป็นข่วงเวลา Prime Time ซึ่งมีการออกอากาศทั้งหมด 1,149 ครั้ง (spot) และมีการโฆษณาทางสื่อออนไลน์ จำนวน 1,870,000 การมองเห็น (Impression)”
       
       ดูโฆษณา “ประเทศไทย 4.0” https://www.youtube.com/channel/UCrv-r3HrygnVzPOgwsmK37w
       
       สำหรับสถานีโทรทัศน์ CNBC ASIA PACIFIC สถานีเครือข่ายข่าวธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ผ่านมาได้แต่งตั้งให้ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนขายสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ของ CNBC แต่ผู้เดียวในประเทศไทยให้กับลูกค้าภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ ที่ประสงค์จะดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุกไปสู่กลุ่มเป้าหมายทั่วโลก
       
       อนึ่ง สถานีเครือข่าย CNBC ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แพร่ภาพผ่านดาวเทียมไปยังอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก (อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศไทย) 
เจียด! งบกลางฉุกเฉิน 24.6 ล้าน จ้างวิธีพิเศษ “สื่อ CNBC” พีอาร์ภาพลักษณ์ประเทศไทย 4.0
        
เจียด! งบกลางฉุกเฉิน 24.6 ล้าน จ้างวิธีพิเศษ “สื่อ CNBC” พีอาร์ภาพลักษณ์ประเทศไทย 4.0
        
เจียด! งบกลางฉุกเฉิน 24.6 ล้าน จ้างวิธีพิเศษ “สื่อ CNBC” พีอาร์ภาพลักษณ์ประเทศไทย 4.0

เงินริงกิตมาเลย์วิกฤตหนักรอบ 30 ปี:

(Mar 10) เงินริงกิตมาเลย์วิกฤตหนักรอบ 30 ปี: ค่าเงินริงกิตวิกฤตหนักรอบ 30 ปี ร้านค้าในพื้นที่ชายแดนเริ่มปฎิเสธไม่รับเงินมาเลเซีย หวั่นค่าเงินไม่เสถียรภาพ
ผู้ประกอบการในพื้นที่อำเภอเบตงได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างจากวิกฤติค่าเงินริงกิตมาเลเซียตกต่ำ โดยวันนี้ (10 มี.ค.60) อัตราแลกเปลี่ยนเงินอยู่ที่ริงกิตละ 7.78 บาท ทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ด่านพรมแดนอำเภอเบตง จังหวัดยะลาซบเซา บริษัททัวร์บางแห่ง ในมาเลเซีย ประกาศปิดกิจการยกเลิกสัญญาเช่าอาคาร เหตุนักท่องเที่ยวลดลงร้านค้า บางร้าน ปิดป้ายให้เช่า ผู้ให้บริการรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างรายได้ลดลง
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่เงินริงกิตมาเลเซียตกต่ำอย่างหนักในรอบ 30 ปี โดยค่าเงินปัจจุบัน 1 ริงกิตแลกเงินไทยได้ประมาณ 8 บาท และบางวันตกลงไปเหลือ 7.77 บาทนั้น ล่าสุดได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในด้านเศรษฐกิจ การค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเบตงทั้งระบบ จากค่าเงินริงกิตตกต่ำ ผู้ประกอบการรายย่อย และรายใหญ่บางส่วนเริ่มปฏิเสธการรับเงินริงกิตของมาเลเซีย เนื่องจากไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงจากค่าเงินมาเลเซียที่ยังไม่มีเสถียรภาพและยังไม่มีแนวโน้มที่จะกระเตื้องขึ้นในเร็ววันนี้
นายสมชาย แซ่แต้ อายุ 57 ปี เจ้าของร้านสตาร์แก๊ส ระบุว่า ค่าเงินริงกิตตกต่ำทำให้ทางร้านต้องหักเงินลูกค้าในกรณีนำเงินริงกิตมาจ่ายค่าสินค้าโดยคิดในอัตรา 1 ริงกิตเท่ากับ 7.87 บาทเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงกรณีเงินริงกิตตกต่ำกว่าเดิม นอกจากนี้ ปัจจุบันร้านค้าส่งในพื้นที่ ได้ปฏิเสธที่จะรับเงินริงกิต ซึ่งหากต้องการไปซื้อสินค้าเพื่อนำมาจำหน่ายภายในร้านก็จะต้องแลกเป็นเงินบาทไทยไปซื้อเท่านั้น
ด้านนายยุทธชัย โศภัตวงพงศ์ อายุ 56 ปี เจ้าของร้านเบตงทรัพย์มงคล กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาประกอบกับค่าเงินริงกิตตกต่ำ ทำให้ลูกค้าชาวมาเลเซียหายไปมากกว่าร้อยละ80 ทั้งที่ชาวมาเลเซียนิยมบริโภคข้าวสารเก่าของไทยมากกว่าข้าวสารที่จำหน่ายอยู่ภายในประเทศ ทำให้การค้าเป็นไปอย่างเงียบเหงาแม้จะเป็นช่วงวันศุกร์และวันเสาร์ที่โดยปกติจะมีชาวมาเลเซียเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
ดังนั้นแม้จะมีความเสี่ยงต่อค่าเงินริงกิตที่เก็บเอาไว้แต่เพื่อรักษาลูกค้าขาประจำ ทางร้านจึงจำเป็นต้องคิดอัตราซื้อขายตามอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ค่าเงินริงกิตที่ลูกค้านำมาซื้อข้าวสารจึงแปรผันตามอัตราแลกเปลี่ยนจริง พร้อมยอมรับว่าเศรษฐกิจการค้าชายแดนน่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่ร้านค้าและธุรกิจเกือบทั้งระบบในพื้นที่อำเภอเบตง พึ่งพาการจับจ่ายซื้อสินค้าของชาวมาเลเซียเป็นหลัก ตอนนี้จึงได้แต่ทำใจและภาวนาให้สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศมาเลเซียฟื้นตัวโดยเร็ว
ขณะที่นายหวัง ดือราแม อายุ 55 ปี อาชีพขับรถรับจ้าง (ตุ๊กตุ๊ก) ซึ่งมีลูกค้าขาประจำเป็นชาวมาเลเซีย กล่าวว่า ช่วงนี้ถือว่าบรรยากาศการค้าอยู่ในภาวะซบเซาอย่างหนัก ค่าเงินริงกิตตกต่ำทำให้ชาวมาเลเซียไม่เข้ามาในพื้นที่อำเภอเบตง เลย จากที่ลูกค้าชาวมาเลเซียมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ก็ลดปริมาณลงและใช้บริการที่จำเป็นหากไม่ไกลมากก็เดิน ทำให้ผู้ประกอบอาชีพขับรถรับจ้างในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการปรับตัวในห้วงนี้เน้นใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น และพยายามรักษาลูกค้าประจำเอาไว้
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์