PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ปีใหม่บ้านป๋า‬

ปีใหม่บ้านป๋า‬
‪นายกฯบิ๊กตู่ ไม่มีเปิดบ้าน รับการอวยพรปีใหม่ นี้ เช่นเดิม ไม่เคยเปิด แต่จะอยู่กับครอบครัว แต่นายกฯจะนำ ครม.-คสช. ผบ.เหล่าทัพ ไปอวยพรปีใหม่ ป๋าเปรม พลเอกเปรม ประธานองคมนตรี 29ธค.‬ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์

ปูติน: "เราต้องการรู้ว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง" สังหารเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี

ปูติน: "เราต้องการรู้ว่าใครเป็นคนออกคำสั่ง" สังหารเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี
------------
วันที่ 19 ธ.ค.59 RT พาดหัวข่าวว่า "ปธน.ปูตินกล่าวว่าการฆาตกรรมเอกอัครราชทูตรัสเซียเป็นการยั่วยุโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพซีเรีย" (Putin: Russian ambassador's murder provocation aimed at undermining Syria peace process)
ส่วน Sputnik พาดหัวข่าว "ปูตินและแอร์โดกันคุยกันทางโทรศัพท์หลังการฆาตกรรมเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงอังการา" (Putin, Erdogan Speak Over Phone After Murder of Russian Ambassador in Ankara)
การโจมตีที่ร้ายแรงต่อเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ซึ่งถูกสังหารโดยมือปืนเมื่อวันจันทร์ (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็น "การยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด" (clearly a provocation) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและตุรกีทั้งสองประเทศ และในการแก้ไขปัญหาซีเรีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าว
"การฆาตกรรมในครั้งนี้เป็นการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อบ่อนทำลายการพัฒนาและการปรับความสัมพันธ์ของรัสเซียและตุรกีให้เป็นปรกติ รวมทั้งการบ่อนทำลายกระบวนการสันติภาพในซีเรียซึ่งสนับสนุนโดยรัสเซีย ตุรกี อิหร่าน และประเทศอื่นๆที่มีความสนใจในการยุติปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย" ประธานาธิบดีปูติน กล่าวในแถลงการณ์ในตอนเย็นวันจันทร์
การตอบโต้เพียงอย่างเดียวต่อการโจมตีที่กรุงมอสโคว์ควรจะมีให้ก็คือ ยกระดับการต่อสู้ขบวนการก่อการร้ายเพิ่มขึ้น (stepping up the fight against terrorism) ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเพิ่มเติม
"เดี๋ยวพวกมือสังหารก็จะได้รู้สึก" ปูตินกล่าว ("The killers will feel it," Putin said.)
ผู้นำรัสเซียกล่าวอีกว่าเอกอัครราชทูต Andrey Karlov เป็นเจ้าหน้าที่การทูตที่เฉลียวฉลาด ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศที่เขาดำรงตำแหน่ง ทูตรัสเซียมีจุดยืนที่ดีต่อทั้งรัฐบาลตุรกีและกลุ่มการเมืองอื่นๆในประเทศนั้น
ปธน.ปูตินกล่าวอีกว่า "คณะกรรมการฝ่ายสืบสวนสอบสวนของรัสเซียได้ทำการสอบสวนในคดีฆาตกรรมครั้งนี้แล้ว ตนเองได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdogan แห่งตุรกีในเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ของรัสเซียและตุรกีจะประสานงานร่วมกัน"
"พวกเราจะต้องรู้ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการสังหารครั้งนี้ และออกคำสั่งลอบสังหารครั้งนี้" ผู้นำรัสเซียกล่าว
ปูตินได้ออกคำสั่งเพิ่มด้านการรักษาความปลอดภัยให้กับคณะทูตของรัสเซียในต่างประเทศให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการทูตของตุรกีในรัสเซียด้วย ปูตินกล่่าวว่า "เขา (ทูตรัสเซีย) ถูกสังหารในขณะปฏิบัติหน้าที่"
ในขณะเดียวกันปธน.แอร์โดกัน ได้เรียกการยิงเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงอังการาในครั้งนี้ว่าเป้น "การยั่วยุ" (provocation) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ผู้นำตุรกีได้ประณามอย่างรุนแรงและเผ็ดร้อนต่อการลอบสังหารทูต Andrey Karlov ในครั้งนี้
"ผมเชื่อว่านี่เป็นการโจมตีต่อตุรกี ต่อประเทศตุรกี และตอประชาชนชาวตุรกี และเป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน... [ในแง่ของ] ความสัมพันธ์ระหว่างตุรกี-รัสเซีย ผมมั่นใจว่าเพื่อนๆชาวรัสเซียของพวกเราจะมองเห็นข้อเท็จจริงนี้ ทั้งตุรกีและรัสเซียจะไม่ยอมถูกหลอกด้วยการยั่วยุนี้"
ผู้นำตุรกีได้ยืนยันว่า อัตลักษณ์ของผู้ก่อเหตุโจมตี (มือปืน) ชื่อ "Mevlut Mert Altintas" ซึ่งเป็น "เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลชาวตุรกี" (Turkish riot police officer) อายุ 22 ปี
[ก่อนหน้านี้สื่อฯตุรกีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางทหารตุรกีว่ามือปืนที่ก่อเหตุเป็น "อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ" ที่ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพยายามก่อการรัฐประหารในตุรกี แต่ถูกปลดประจำการแล้ว ดูเหมือนว่าสื่อฯตุรกีพยายามปัดความรับผิดชอบออกจากหน่วยงานราชการของตนเอง - ผู้แปล]
นายแอร์โดกันกล่าวต่ออีกว่าจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมกับรัสเซีย (และตุรกี) เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมในครั้งนี้
"จะมีการกระชับมาตการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดทั่วสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ของรัสเซียตามที่พวกเราได้ตกลงกับประธานาธิบดีปูติน ความสัมพันธ์ด้านต่างๆกับรัสเซียเป็นสิ่งที่สำคัญ... ผมขอบอกพวกที่ต้องการจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราว่า การรอคอยของพวกคุณจะสูญเปล่า พวกคุณจะไม่มีทางได้บรรลุเป้าหมายของพวกคุณ" นายแอร์โดกันกล่าว
รายงานข่าวบอกว่า กระทรวงต่างประเทศตุรกียืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกการเจรจาสามฝ่ายเกี่ยวกับสันติภาพของซีเรียระหว่างรัสเซีย ตุรกี และอิหร่านที่จะจัดขึ้นในกรุงมอสโคว์ในไม่กี่วันที่จะถึงนี้
[มือปืนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงตนเหมือนเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัย ยืนอยู่ด้านหลังทูตรัสเซียในขณะที่ทูตรัสเซียกำลังกล่าวถ้อยแถลงเปิดงานนิทรรศการภาพถ่ายต่อหน้าประชาชนและสื่อมวลชนจำนวนมาก ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก แน่นอนว่าเป็นการวางแผนมาอย่างดี และเหมือนตั้งใจมาตายโดยเฉพาะ ต่อมาถูกหน่วยรบพิเศษของกองทัพตุรกีสังหาร คนตายย่อมไม่พูดอะไร
รายงานข่าวบอกว่า มือปืนยิงทูตรัสเซีย 9 นัดก่อนตะโกนว่า "Allahu Akbar" ฆาตกรตะโกนว่า "พวกเราตายในอะเลปโป พวกแกต้องตายที่นี่" (We die in Aleppo, you die here.) ในความเป็นจริงแล้ว พวกที่ตายในอะเลปโปก็คือพวกผู้ก่อการร้ายส่วนมากมาจากตุรกี และอ้างว่าตัวเองเป็น "กองกำลัง FSA" ของพวกบฏสายกลางซีเรีย แน่นอนว่ารัฐบาลตุรกี สหรัฐ อียู ซาอุดิอาระเบีย การ์ตา สนับสนุนนแนวร่วม FSA ในการรุกรานซีเรียอยู่แล้ว
ฆาตกรพูดทั้งภาษาตุรกีและอาระบิกว่า "พวกเราได้สาบานกันว่าจะตายด้วยความทุกข์ทรมาน (เพื่ออุทิศตนให้กับศาสนา) มันเป็นการแก้แค้นสำหรับซีเรียและอะเลปโป... จนกว่าพวกเขาจะปลอดภัย พวกแกจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของความปลอดภัย" (We made an oath to die in martyrdom…it is revenge for Syria and Aleppo…until they are safe, you will not taste safety.)
นี่คือคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจตุรกีที่เป็นมือสังหารทูตรัสเซีย พูดถึงความชอบธรรม พวกนี้ (ตำรวจตุรกีและผู้ก่อการ้ายตุรกี) มีสิทธิ์อะไรเข้าไปก่อเหตุในอะเลปโปของซีเรียโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ซึ่งตรงกันข้ามกับกองทัพรัสเซียที่เข้าไปโดยถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายของซีเรียเนื่องจากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลซีเรียโดยตรง
ดังนั้นข้ออ้างของฆาตกรคนนี้จึงไม่สมเหตุสมผล และไม่มีความชอบธรรมโดยประการทั้งปวง และเป็นการยืนยันว่าตัวเองและพรรคพวกได้ละเมิดอธิปโตยและกระทำผิดกฎหมายของซีเรียโดยอุกอาจ สันดานโจรเมื่อถูกฝ่ายความมั่นคงของซีเรียและรัสเซียกำจัดก็พากันอ้างเพื่อแก้แค้นให้กับพรรคพวกของโจรด้วยกันเอง - ผู้แปล]
ป.ล. ถ่อยยิบแอร์โดกันสั่งให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานทูตและสถานกงสุลรัสเซียในตุรกี แต่มือปืนที่ก่อเหตุกลับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยซะเอง มีทูตประเทศไหนต้องการให้ตำรวจตุรกีช่วยคุ้มกันและรักษาความปลอดภัยให้อีกไหมครับ? ทูตสหรัฐและอียูต้องการไหม?

งัด ม.44 ระงับสรรหา กก.กสทช. ให้คนที่เหลือทำงานต่อจนพ้นสภาพ

‘พล.ท.สรรเสริญ’ เผย ที่ประชุม คสช. มีมติใช้มาตรา 44 เพิ่ม 3 ฉบับ ระงับการคัดเลือก กก.กสทช. เพิ่มเติม ไม่สรรหาใหม่ ให้คนที่เหลือทำงานต่อจนพ้นสภาพ ถ้าเหลือไม่ถึง 6 คน ค่อยสรรหา ออกมาตรการส่งเสริมกิจการ กสทช. ในส่วนวิทยุ-โทรทัศน์ คสช. – กำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่ม 2 จังหวัด
PIC kaiooh 20 12 59 1
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้มีการออกคำสั่งตามมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2557 เพิ่มเติมรวม 3 ฉบับ ได้แก่ การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 17/2558 โดยให้กำหนดพื้นที่การทำเขต เศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มเติม 2 พื้นที่ คือจังหวัดนครพนมและจังหวัดกาญจนบุรี โดย เจ้าหน้าที่ด้านปกครองและด้านความมั่นคง รวมถึงในเจ้าหน้าที่ในกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ลงไปดูพื้นที่ โดยเลือกพื้นที่ อ.อาจสามารถ จังหวัดนครพนม และ ต.บ้านเก่า อ.เมือง จังหวัดกาญจนบุรี และเมื่อนำมาจัดทำพื้นที่เขต เศรษฐกิจพิเศษจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ แต่อาจมีบ้างเล็กน้อยซึ่งมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว
และให้ออกมาตรา 44 ระงับการคัดเลือกบุคคลเป็นกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สืบเนื่องจากพ้นสภาพจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ โดยเห็นว่า คณะกรรมการยังสามารถปฏิบัติงานได้ จึงออกม.44 ให้ คณะกรรมการที่เหลืออยู่ปัจจุบัน 9 คน ทำงานต่อไป จนแต่ละคนพ้นสภาพ โดยไม่ต้องสรรหาคนใหม่ แต่หากพ้นสภาพเหลือไม่ถึง 6 คน หรือกฏหมายที่แก้ไขอยู่มีการประกาศใช้ จึงจะมีการสรรหาคนใหม่ 
รวมถึงให้ออกมาตรา 44 เกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการ กสทช.เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยในส่วนของวิทยุ คสช. มีความต้องการให้ข้อมูลข่าวสารไม่ถูกบิดเบือน จึงขอขยายระยะเวลาใช้แผนแม่บท ปี 2555 ออกไปอีก 5 ปี ส่วนโทรทัศน์ คสช. จำเป็นต้องส่งเสริม ผู้ประกอบการเนื่องจากมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และส่งเสริมการให้ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ต่อประชาชน คือ ขยายระยะเวลา ชำระใบอนุญาตที่ค้างอยู่ 1 งวด ออกเป็น 2 งวด โดยเสียดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อปี ส่วนเงินส่วนต่างที่เกิดจากการประมูลจากเดิมจ่ายไปแล้ว 3 งวดเหลืออีก 3 งวด ให้มีการขยายระยะเวลาการจ่ายได้ 6 งวดใน 6 ปี จากเดิม 3 งวดใน 3 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 ต่อ/ปี และ ให้กองทุนวิจัย กสทช.เพื่อ ประโยชน์ สาธารณะ สนับสนุนค่าใช้จ่ายการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม เป็นระยะเวลา 3 ปี ปีละ 875 ล้านบาท ซึ่งประชาชนจะสามารถรับชมข่าวสารผ่านโทรทัศน์ได้ทุกช่องทาง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 ธ.ค. 2559 ได้เผยแพร่ คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 75/2559 เรื่อง ระงับการคัดเลือกบุคคลและการสรรหาเพื่อเสนอชื่อเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ระบุข้อความว่า
โดยที่ขณะนี้ได้มีการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนขององค์ประกอบ คุณสมบัติ กระบวนการได้มา และการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ให้แตกต่างไปจากบทบัญญัติเดิม ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อปรากฏว่ามีกรรมการใน กสทช. ด้านกฎหมายพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ จึงเห็นสมควรให้ระงับกระบวนการได้มาซึ่งกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่างลงไว้ก่อน เพราะการพ้นจากตำแหน่งดังกล่าวแม้จะเป็นเหตุให้ กสทช. มีจำนวนเหลืออยู่เพียง 9 คน ก็ไม่มีผลกระทบในทางกฎหมายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. แต่อย่างใด เนื่องจากมาตรา 20 วรรคสาม ได้บัญญัติให้กรรมการที่เหลืออยู่ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยให้ถือว่า กสทช. ประกอบด้วย กรรมการเท่าที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการบริหารงานภาครัฐ และไม่ให้เกิดความสิ้นเปลือง และซ้ำซ้อนทางด้านงบประมาณ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ระงับการคัดเลือกและสรรหาบุคคล เพื่อเสนอชื่อเป็น กสทช. แทนตําแหน่งที่ว่างลง  ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ไว้จนกว่าจะมีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึง 6 คน หรือจนกว่า ร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. .... ที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้จะมีผลใช้บังคับ หรือจนกว่า จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แล้วแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นก่อน และให้ กสทช. ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่
ให้นำความในวรรคหนึ่ง มาใช้บังคับกับองค์ประกอบของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมด้วย โดยอนุโลม
ข้อ 2 ในกรณีเห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี อาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
ข้อ 3 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป 
และคำสั่ง คสช. ที่ 76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ ระบุข้อความว่า
โดยที่ในปัจจุบันการประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการ ทางธุรกิจระดับชาติ มีการแข่งขันในรูปแบบที่หลากหลาย ประกอบกับ ผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการที่สุจริต ทำให้ไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ได้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด ในขณะเดียวกัน การส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึง และรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่มีความหลากหลาย ถูกต้อง ครบถ้วน และปราศจากการบิดเบือน ยังมีความสำคัญทั้งในด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงของชาติ การส่งเสริมความสามัคคี และสมานฉันท์ของประชาชน จึงจำเป็นต้องมีการส่งเสริมให้โทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปผ่านดาวเทียม สามารถดำเนินการได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งมาตรการในการส่งเสริมนี้จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชน และยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงมีคำสั่งต่อไปนี้
ข้อ 1 ในคำสั่งนี้
“ประกาศ” หมายความว่า ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ พ.ศ. 2556
ข้อ 2 ให้ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามประกาศ ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ในส่วนที่เหลือตั้งแต่งวดที่ 4 เป็นต้นไป ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในข้อ 10 ของประกาศ
ข้อ 3 หากผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่รายใด ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามข้อ 2 ได้ ให้ผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่รายนั้น แจ้งเป็นหนังสือไปยังสำนักงาน กสทช. ล่วงหน้า ก่อนวันครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ตามที่กำหนดไว้ในประกาศ
ในกรณีที่สำนักงาน กสทช. พิจารณาแล้วเห็นเป็นการสมควร ก็ให้ผู้รับใบอนุญาตรายนั้นชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือทั้งหมดตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายคำสั่งนี้ รวมทั้ง ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นตามประกาศด้วย
ข้อ 4 การชำระค่าธรรมเนียมตามคำสั่งนี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ที่จะขอชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือตามที่กำหนดไว้ในข้อ 10 ของประกาศ โดยให้ผู้รับใบอนุญาตนั้น แจ้งเป็นหนังสือไปยังสำนักงาน กสทช. ล่วงหน้า ก่อนวันครบกำหนดชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามประกาศ
ข้อ 5 การชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ตามข้อ 3 มิให้นำมาใช้บังคับกับผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ ที่ขอยกเลิกการประกอบกิจการ หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ และใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ เพื่อประกอบกิจการดังกล่าวก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
ข้อ 6 ให้ กสทช. และสำนักงาน กสทช. หรือคณะกรรมการบริหารกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ แล้วแต่กรณี จัดให้มีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปผ่านดาวเทียม ตามประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป เป็นระยะเวลา 3 ปี
การดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้จ่ายเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยให้คำนึงถึงการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัด และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน และครอบคลุมถึงบริการโทรทัศน์สาธารณะที่นำรายการมาออกอากาศผ่านดาวเทียม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนชาวไทยในประเทศ และที่พำนักในต่างประเทศได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างทั่วถึง ต่อเนื่อง และหลากหลาย
ข้อ 7 ให้ กสทช. หรือสำนักงาน กสทช. ดำเนินการเรียกคืนคลื่นความถี่ เพื่อนำไปจัดสรรใหม่ หรือปรับปรุงการใช้คลื่นความถี่ตามแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ (พ.ศ. 2555) เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันครบกำหนดแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ประกอบกิจการกระจายเสียงตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 และได้รับความเห็นชอบให้ถือครองคลื่นความถี่ ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ยังคงมีสิทธิในการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง และการถือครองคลื่นความถี่ดังกล่าวได้ตามขอบเขตและสิทธิเดิม
ข้อ 8 ในกรณีเห็นสมควร นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี อาจเสนอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้
ข้อ 9 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 20 ธันวาคม พุทธศักราช 2559
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
เอกสารประกอบ :
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.ท.สรรเสริญ จาก ASTVmanager

ขยายเวลาปฏิบัติการ"เด็กปาก้อนหิน"ป่วนระบบการเงินการคลังของรัฐบาล

กลุ่มต้าน พรบ.คอมพ์ โพส ขยายเวลาปฏิบัติการ"เด็กปาก้อนหิน"ป่วนระบบการเงินการคลังของรัฐบาลออกไปอีกถึงเที่ยงคืน
///
20/12/59

แถลงการณ์ กลุ่มพลเมืองต่อต้าน Single Gateway
เรื่อง ขอบคุณประชาชนและขอขยายเวลาในกิจกรรม "เด็กปาก้อนหิน"
ขอบคุณทุกปลายนิ้วที่ร่วมกันลงแรงไป....ในวันนี้
(ขอโทษ พวกซาดิสต์ที่ไม่สะใจ และไม่ทำตามใจ เพราะสะใจแต่ไม่ชนะ พวกเราไม่ทำ)
ขยายเวลากิจกรรมเป็น จนถึง 24.00 น. เพื่อสั่งสอนเผด็จการ
แต่อย่างไรก็ตาม บอกได้เลยว่ากิจกรรมครั้งนี้ ที่พวกเรายกระดับขึ้น เพียงค่อนวันทำการ ก็มีคนเดือดร้อนเพราะความดื้อรันของ คณะเผด็จการ แบบหนักหนาไม่น้อยเลย
ตั้งแต่บ่ายวันนี้เป็นต้นมา ระบบการบริหารการคลังภาครัฐ(หมายถึงระบบการเบิกจ่ายเงินทั้งหมด) ทั้งประเทศทำงานไม่ได้ และรวมถึงการยื่นซอง ประกวดราคาทั่วประเทศ ทุกหน่วยงานทั่วประเทศ ทำงานไม่ได้
นี่คือการส่งสัญญาณ เพียงครั้งแรกแบบแรงๆ ว่านี่คือยกระดับครั้งแรก
แต่ถ้าพวกเราทำแค่ 1 สัปดาห์ ระบบการบริหารภาครัฐ จะจอดสนิท และถ้าทำต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ เงินเดือนข้าราชการจะไม่ออก ไม่สามารถเบิกจ่ายได้เลย พวกเราอยากจะรู้ว่า รัฐบาลนี้จะอยู่ได้อย่างไร
รีบดำเนินการอย่างที่พวกเราร้องขอซะ ก่อนที่รัฐบาลนี้จะอยู่ไม่ได้ไปด้วย
และสำหรับประชาชนที่อาจเดือดร้อนเพราะเรื่่องนี้ ไม่ต้องมาบอกให้พวกเราหยุด แต่ให้ไปบอกลุงตู่ให้จบเรื่องนี้ซะ ถ้าลุงตู่ยังไม่ยอมจบ ก็ชวนกันออกไปไล่ลุงตู่กันได้แล้ว
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังยืน และ ข้อความ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

โหร คมช.ทำนาย"บิ๊กตู่"เดินตามรอย"ป๋าเปรม"ชี้อีก6เดือนปรับครม.อีกครั้ง



20 ธ.ค. 59 นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหร คมช. กล่าวถึง ครม.ประยุทธ์ 4 ว่า เป็นการปรับตามเวลามากกว่า เป็นจังหวะที่รัฐมนตรีว่างลงหลายตำแหน่ง จึงมีการปรับเปลี่ยนหาคนที่เหมาะสมที่มีความสามารถมาดำรงตำแหน่ง ไม่ใช่ปรับเพราะเกิดความแตกแยกในรัฐบาล หรือ คสช. ข่าวการปรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นเพียงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร ยังต้องทำหน้าที่อีกสักระยะหนึ่ง พอถึงเวลาจะมีปัจจัยหลายสาเหตุ อาจเรื่องสุขภาพ เมื่อหน้าที่ท่านหมดก็จะหมดไป
ส่วนการปรับ ครม.ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย คอยดูอีก 6-7 เดือนจะมีการปรับ ครม.อีกครั้งก่อนการเลือกตั้ง โดยมีปัจจัยหลายสาเหตุรวมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ความมั่นคง สถานการณ์ในเวลานั้น และการทำงานของรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงว่าเข้าเป้าหรือไม่ คนรอบข้าง นายกฯที่เข้ามาร่วมงานถือเป็นตัวช่วย ใครที่หมดหน้าที่ก็หมดไป ก็จะมีคนใหม่เข้ามาทดแทน
นายวารินทร์ กล่าวว่า ส่วน พล.อ.ประยุทธ์​ ยังมีบารมีความเป็นผู้นำ ยังมีหน้าที่ประคับประคองเพื่อชาติบ้านเมือง เมื่อบ้านเมืองหมดอุปสรรค พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะเดินออกมาจาก นายกฯ เหมือน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี สำหรับการเลือกตั้งมีแน่ แต่จะมีการขยับบ้างเล็กน้อยตามสถานการณ์ แต่ไม่มาก ส่วนโรดแมปยังเดินต่อไปได้ และในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผู้ที่จะได้รับเลือกเข้ามา จะแตกต่างจากในอดีต เมื่อการเปลี่ยนแปลงเรื่องประชาธิปไตยในบ้านเรามีการพัฒนาที่ดีขึ้น แบบเก่าๆเร่ิมหดหายไป น่าจะได้คนใหม่ๆ พรรคใหม่ๆ ปรากฎขึ้นมา พรรคต่างๆ ที่เคยกุมอำนาจอาจจะไม่ใช่เวลาของเขา


ที่มา : แนวหน้า

'ประยุทธ์' สวนกลุ่มต้านพ.ร.บ.คอมฯ ถามก่อนคัดค้านเข้าใจศีลธรรมดีหรือยัง

'ประยุทธ์' สวนกลุ่มต้านพ.ร.บ.คอมฯ ถามก่อนคัดค้านเข้าใจศีลธรรมดีหรือยัง ถ้าไม่เข้าใจคำนี้ ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่น
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีการคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่า อย่าไปให้ความสำคัญมานักในขณะนี้ คนที่ต่อต้านคัดค้านก็เพียงถามกลับไปว่าเข้าใจหรือยัง บางคนเขาโพสต์มา ก็ไลค์ต่อไปเรื่อยๆ บางทีไม่ได้ดูสาระข้างใน ที่เขาพยายามอธิบาย ว่าความหมายแต่ละอันคืออะไรอย่างไร
“แต่ผมสงสัยอยู่ว่า ในเมื่อเราเป็นประเทศเมืองพุทธส่วนใหญ่ เขาเขียนคำว่าศีลธรรมอันดี ไม่รู้จักกันเหรอ สื่อรู้จักไหม ถ้ารู้จักก็อย่ามีปัญหามากนัก การทำผิดศีลธรรมอันดีคืออะไร ศีลธรรมคือความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของประเทศชาติ ถ้าไม่เข้าใจคำนี้ ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่น และที่ท่านถามมาผมก็จะถามกลับไป ซึ่งท่านเป็นคนที่ใช้ระบบโซเชียล มากกว่าผม เมื่อเปิดดูแล้วเห็นอันตรายในนั้นหรือไม่ ไม่ว่าจะขายยาเถื่อน ภาพโป๊ หรือการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม หมิ่นประมาทบิดเบือน” นายกฯ กล่าว

ความตายของฑูตรัสเซีย :กระสุนแห่งความเจ็บปวด?

หลังจากเหตุการณ์สังหารนักการฑูตรัสเซีย นายอังเดร คาร์ลอฟ (Andrei Karlov) เอกอัครราชฑูตรัสเซียประจำกรุงอังการา ตรุกี  เมื่อคืน (19 ธ.ค. 59 เวลาท้องถิ่น) พลันในหัวทำให้นึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ขึ้นมาอย่างฉับพลันและพร้อมกับการคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต... 

ในประวัติศาสตร์อันสำคัญของโลกเกี่ยวกับสงคราม  เหตุการณ์มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการี คือ ฟรานซิส เฟอร์ดินานด์ ถูกลอบปลงพระชนม์ใน ค.ศ.1914 ณ. เมืองซาราเจโว ขณะเสด็จเยือนเมืองหลวงของบอสเนีย โดยผู้ลอบสังหารคือ กาฟริโล  ปรินซิพ นักศึกษาชาวบอสเนียสัญชาติเซอร์เบีย  ถือว่าเป็นคนหนุ่ม ที่ปฎิบัติการครั้งนี้และเป็นสาเหตุประการหนึ่งทีทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก 

เป็นทีรับทราบกันดีว่าสงครามในซีเรีย ประธานาธิบดีปูตินแห่งประเทศรัสเซียคือผู้หนุนหลังประธานาธิบดีบัชชาร ฮาฟิซ อัลอะซัด ที่ปกครองซีเรีย ผู้ครองอำนาจต่อจากบิดามาอย่างยาวนาน ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่อต้าน เกิดการประท้วงภายหลังจากเหตุการณ์อาหรับสปริง บางส่วนกลายมาเป็นกลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ซึ่งมีหลายกลุ่มด้วยกัน ไม่ใช่มีแต่กลุ่มไอซิส 

ปูตินแห่งรัสเซียและบัชชารแห่งซีเรีย ได้ร่วมมือกันก่อสงครามและเข่นฆ่าประชาชนในซีเรียอย่างเลือดเย็น โดยข้ออ้างของการปราบปรามกลุ่มไอซิส การก่อการร้าย ทำให้ประชาชนมุสลิมจำนวนมากที่ติดตามเรื่องสงครามซีเรีย ไม่ชอบและต่อต้านรัฐบาลซีเรียและรัฐบาลรัสเซีย  

มุสลิมและผู้คนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยได้เห็นถึงความไร้สัจจะของปูตินและบัชชาร จะเรียกว่านโยบายการฑูตหรือผลประโยชน์ของประเทศอะไรก็ตาม แต่ในสายตาของคนมุสลิมมันคืออาชญากรสงครามระดับตัวพ่อ ที่ก่อให้ผู้คนเสียชีวิตและผู้อพยพจำนวนมาก 

นายเมวลูท แมรท อัลทินทาซ (Mevlüt Mert Altıntaş)

เหตุการณ์การยิงนักการฑูตรัสเซียในกรุงอังการา ของนายเมวลูท แมรท อัลทินทาซ (Mevlüt Mert Altıntaş) เรามุสลิมต้องแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่ง เพราะนี้ไม่ใ่ช่หนทางของการหยุดสงครามซีเรีย และไม่ใช่แนวทางอันสง่างาม การฆ่าคน ไม่สามารถช่วยเหลือเด็กในซีเรียได้ 

สำหรับมุสลิมแล้ว เราต้องไม่สนับสนุนวิธีการใช้ความรุนแรงแบบนี้ เพราะนักการฑูต, นักบวช, พ่อค้า, ประชาชน เมื่อเข้ามาอยู่ในสังคมที่มุสลิมเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาคือแขกผู้มีเกียรติ เราจำเป็นต้องปกป้องและให้ความยุติธรรมกับพวกเขา 

นั้นก็หมายรวมถึงนักการฑูตรัสเซียที่มาปฎิบัติงานในกรุงอังการา เราต้องไม่ฉีกสัญญาแห่งการฑูตและสัจจะระหว่างกัน เพราะนี้คือความสง่างามที่เราเคยมีในประวัติศาสตร์อิสลาม ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล.) เคยกล่าวไว้ว่า 

“ผู้ใดที่เข่นฆ่าผู้ที่อยู่ภายใต้สนธิสัญญา เขาจะไม่ได้รับกลิ่นอายของสวรรค์ ทั้งที่กลิ่นของสวรรค์นั้นสามารถสัมผัสได้แม้จะอยุ่ห่างออกไปเป็นระยะทางเท่ากับการเดินทางสี่สิบปีก็ตาม ”  (บันทึกโดยบุคอรีย์ หะดีษเลขที่ 6914 )

ประวัติศาสตร์อิสลามมีบทเรียนกำชับให้มุสลิมทุกคนปกป้องคนต่างศาสนิกที่อยู่ภายในสังคมอิสลามโดยถือว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นประชากรที่มีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับมุสลิมที่เป็นคนส่วนใหญ่ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาเสมือนการให้การคุ้มครองแก่ชาวมุสลิมทุกประการ

สำหรับการการฆ่านักการฑูตรัสเซียครั้งนี้ เป็นการทำให้รัสเซียเข้มแข็งและชอบธรรมมากกว่าเดิม และจะทำให้ตุรกีและโลกมุสลิมเสียเกียรติ และทำให้สงครามยืดเยื้อและมีเงื่อนไขใหม่ๆขึ้นมา

ข้อสังเกตบางประการ ต่อการสังหารนักการฑูตครั้งนี้ คำถามสำคัญคือว่า ทำไมต้องสังหารนักการฑูตรัสเซีย การเมืองเรื่องอำนาจในแผ่นดินซีเรีย มีหลายฝ่ายด้วยกันที่ปฎิบัติในนามของรัฐ ทั้งตุรกี อเมริกา ฝรังเศส เยอรมัน รัสเซีย รัฐบาลซีเรีย ฯลฯ 

สำหรับผู้ลงมือสังหารเขาคือคนหนุ่ม มีหน้าที่การงานที่ดี และหลังจากที่ลงมือสังหาร เข้าได้ตะโกนเป็นภาษาตุรกี ข้อความที่ส่งออกมาคือ พูดถึงสงครามในซีเรีย เหยื่อ เด็กๆ ที่สูญเสียชีวิต " เราต้องไม่ลืมซีเรีย " น้ำเสียงที่พูดออกไปด้วยความหนักแน่น แต่ข้อความของมันคือ ความเอาใจใส่ชีวิตของผู้คนในแผ่นดินซีเรีย...คำถามคือ ยังมีคนสามัญ คนเล็กคนน้อย และคนจำนวนมาก ที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์ และทนไม่ได้กับสงคราม  แล้วเราจะรับมือกันอย่างไร ? 

สำหรับสังคมมุสลิมแล้วมันคือกระสุนแห่งความเจ็บปวดและความอับอาย เราเจ็บปวดที่เราต้องอยู่กับวิธีการแห่งความรุนแรงที่กระทำในนามมุสลิมเสมอ และเราอับอายที่เราไม่สามารถปกป้อง รักษาชีวิตผู้คนภายใต้สนธิสัญญาได้ ตามที่ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล) ได้กล่าวและบอกเราทุกคนว่า 

“ผู้ใดที่เข่นฆ่าผู้ที่อยู่ภายใต้สนธิสัญญา เขาจะไม่ได้รับกลิ่นอายของสวรรค์”  (บันทึกโดยบุคอรีย์)

ที่มา : http://www.pataniforum.com/single.php?id=634

การสังหารฑูตรัสเซียประจำกรุงอันคาร่า

นายอันเดร คาร์ลอฟ เอกอัคราชทูตรัสเซียประจำกรุงอันคาร่า นอนอยู่ที่พื้นหลังถูกคนร้ายยิงอย่างอุกอาจขณะกำลังกล่าวปราศรัยที่นิทรรศการภาพถ่าย "Russia as Seen by Turks" หรือ "รัสเซียจากมุมมองของชาวตุรกี" ที่สถานทูตรัสเซียเป็นผู้สนับสนุน ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้เข้าร่วมงานที่พยายามหาที่กำบัง
ช่างภาพของสำนักข่าว Associated Press อยู่ในที่เกิดเหตุ ทำให้สามารถจับภาพคนร้ายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันที โดยระบุว่าคนร้ายซึ่งเป็นชายใส่ชุดสูทสีดำ ตะโกนคำว่า "Allahu Akbar'' ก่อนที่จะลั่นไกอย่างน้อย 8 ครั้ง ต่อจากนั้นตะโกนเป็นภาษาตุรกีว่า "อย่าลืม Aleppo อย่าลืมซีเรีย!" และ "จะไม่มีความปลอดภัยเกิดขึ้นที่นี่ หากพวกตนไม่ได้รับความปลอดภัยเช่นกัน"
ก่อนที่ตำรวจตุรจะยิงสังหารคนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และระบุด้วยว่าคนร้ายชื่อนายเมฟรุต เมิร์ต อัลตินตาส อายุ 22 ปี ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในตำรวจปราบจราจลของตุรกี แต่พ้นจากหน้าที่เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว
Andrey Karlov (2ndR), the Russian ambassador to Ankara, lying on the floor after being shot by a gunman (R) during an attack during a public event in Ankara, Turkey. A gunman crying "Aleppo" and "revenge" shot Karlov while he was visiting an art exhibition in Ankara, witnesses and media reports said. The Turkish state-run Anadolu news agency said the gunman had been "neutralised" in a police operation, without giving further details.

ความเสี่ยงด้าน Geopolitical risk เพิ่มขึ้นเมื่อคนร้ายบุกยิงทูตรัสเซียประจำตุรกี ดับคางานแสดงภาพถ่าย!!

(Dec 20) ความเสี่ยงด้าน Geopolitical risk เพิ่มขึ้นเมื่อคนร้ายบุกยิงทูตรัสเซียประจำตุรกี ดับคางานแสดงภาพถ่าย!! คนร้ายใช้ปืนยิงเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ในงานนิทรรศการภาพถ่าย ในกรุงอังการา เมื่อเย็นวันจันทร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล และมีผู้ถูกกระสุนลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน ส่วนคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ว่า นายอันเดร คาร์ลอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำตุรกี ถูกคนร้ายชายรายหนึ่งใช้ปืนพกยิงได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา หลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดขณะที่นายคาร์ลอฟกำลังกล่าวคำปราศรัย ในพิธีเปิดนิทรรศการภาพถ่าย ที่สถานทูตรัสเซียให้การสนับสนุน ที่หอศิลปะคักดาส ซานัตลาร์ เมอร์เคซี ในเขตคันกายาของกรุงอังการา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.25 น. วันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่นตุรกี
รายงานของสื่อท้องถิ่นตุรกี ระบุว่า ชายคนร้ายซึ่งยังไม่ทราบชื่อ สวมชุดสูทสีดำและผูกเนคไท ร้องตะโกนสรรเสริญพระเจ้า ก่อนจะใช้ปืนยิงใส่นายคาร์ลอฟรวม 8 นัด ซึ่งมีผู้ถูกกระสุนลูกหลงได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน โดยในระหว่างการยิงคนร้ายได้ร้องตะโกนอีกว่า อย่าลืมอเลปโป อย่าลืมซีเรีย พวกเราตายในเลปโป แต่คุณตายที่นี่ ก่อนจะถูกตำรวจที่รักษาความปลอดภัยในงานยิงเสียชีวิต และเจ้าหน้าที่ตุรกีกำลังสอบสวนเพื่อระบุตัวตนของคนร้าย รวมทั้งมูลเหตุจูงใจ
เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังการประท้วงหลายวันในตุรกี เกี่ยวกับบทบาทของรัสเซียในสงครามกลางเมืองซีเรีย แม้ว่ามอสโกและอังการาจะกำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่ออพยพพลเมืองออกจากเมืองอเลปโปทางเหนือของซีเรีย
หลังเกิดเหตุการณ์ น.ส.มาเรีย ซาคาห์โรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ในกรุงมอสโก ยืนยันการเสียชีวิตของนายคาร์ลอฟ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้รับทราบรายงานแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น "การก่อการร้าย" ซึ่งกลุ่มฆาตกรจะต้องถูกลงโทษ
Source: เดลินิวส์ออนไลน์ และกรุงเทพธุรกิจออนไลน
ความคืบหน้า : ปูติน"ประณามเหตุสังหารทูตประจำตุรกีhttp://www.bangkokbiznews.com/news/detail/732555

บัญชีท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช.76/2559 ในการชําระค่าธรรมเนียมใบอนญุาตให้ใช้คลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือ

บัญชีท้ายคำสั่งหัวหน้า คสช.76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ในการชําระค่าธรรมเนียมใบอนญุาตให้ใช้คลื่นความถี่ในส่วนที่เหลือ



3 ปี 2 เดือน รัฐบาลประยุทธ์ คนไทยร้องทุกข์กว่า 300,000 ครั้ง 3 อันดับแรก “สวัสดิการสังคม-จนท.รัฐ-เศรษฐกิจ”

thaipublica-cover-เรื่องราวร้องทุกข์
3 ปีของ “ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน” หรือศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ (1111) ภายใต้คณะทำงานของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงบริการประชาชนต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีช่องทางเพิ่มอีก 2 ช่องทาง คือ โมบายแอปพลิเคชัน และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของประชาชนโดยตรง ทำหน้าที่ติดตามผลการดำเนินการและสรุปรายงานผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีทุก 3 เดือน
จากการประมวลจำนวนการร้องทุกข์ในช่วง 3 ปี 2 เดือน(ปีงบประมาณ 2557-2560) ที่ผ่านมา จำนวนการร้องทุกข์ 377,709 ครั้ง โดยเป็นการร้องทุกข์ในเรื่องสังคมและสวัสดิการเยอะที่สุด รองลงมาการร้องเรียนกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ดูตารางประกอบ-คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
thaipublica-เรื่องราวร้องทุกข์ปี57-60-2
อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ได้รับจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นรายงานจำนวนเรื่องเท่านั้น โดยแยกตามประเภทเรื่องราวร้องทุกข์ แต่ไม่มีรายละเอียดของการร้องทุกข์ในแต่ละประเภท อาทิ การร้องเรียนกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมีหลายกลุ่ม เช่นการกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องถิ่นทุจริตซึ่งมีแค่จำนวนเรื่อง แต่ไม่มีรายละเอียดว่าทุจริตอะไร ที่ไหน อย่างไร หรือการร้องเรียนการให้บริการของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดตำรวจแห่งชาติซึ่งติดอันดับที่ถูกร้องเรียนมาก ข้อมูลที่เปิดเผยก็ไม่มีรายละเอียดว่าถูกร้องเรียนเรื่องเยอะสุด เป็นที่ไหน อย่างไร หรือการร้องเรียนปัญหาหนี้นอกระบบ ปัญหาการพนัน ปัญหาการจัดระเบียบสังคม ปัญหาที่ดิน ปัญหาสาธารณูปโภค เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดของเรื่องราวจะบ่งบอกต้นเหตุหรืออาการปัญหาที่จะนำมาสู่ภาพใหญ่ของสังคม กับแนวทางการแก้ไขหรือดำเนินการที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
thaipublica-เรื่องราวร้องทุกข์2
thaipublica-เรื่องราวร้องทุกข์1
ประเภทเรื่องที่คนร้องเรียนมามากที่สุด นับตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 – 2560 คือ สังคมและสวัสดิการ ดังนี้
  • ปี 2557 มีจำนวน 55,064 เรื่อง
  • ปี 2558 มีจำนวน 78,928 เรื่อง
  • ปี 2559 มีจำนวน 58,368 เรื่อง
  • ปี 2560 คือ เดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2559 มีจำนวน 10,360 เรื่อง
ประเด็นปัญหาในหมวดสังคมและสวัสดิการมี 16 เรื่อง ได้แก่ การกีฬา ,การพนัน, การศึกษา ,จัดระเบียบสังคม ,ประกันสังคม ,ปัญหาแรงงาน ,ปัญหาที่ดิน ,ปัญหาที่อยู่อาศัย ,ศาสนาศิลปวัฒนธรรม ,สถานภาพของบุคคล ,สวัสดิการสงเคราะห์ ,สังคมเสื่อมโทรม ,สาธารณสุข ,สาธารณูปโภค ,สิทธิมนุษยชน และหลักประกันสุขภาพ
เมื่อดูข้อมูลในรายประเภทปัญหาที่มีคนร้องเรียนเข้ามามากสุดในหมวดสังคมและสวัสดิการ คือ “สังคมเสื่อมโทรม” ดังนี้
  • ปี 2557 รวม 19,259 เรื่อง
  • ปี 2558 รวม 28,818 เรื่อง
  • ปี 2559 รวม 21,830 เรื่อง
  • ปี 2560 ในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 3,465 เรื่อง
รวมแล้วในระยะเวลา 3 ปี 2 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนร้องเรียน “สังคมเสื่อมโทรม” จำนวน 73,372 เรื่อง ได้แก่การค้าประเวณี-โสเภณี / โจรกรรม – อาชญากรรม / ทารุณกรรมเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ / ผู้มีอิทธิพล – ข่มขู่ รีดไถ / ยาเสพติด / สื่อลามกอนาจาร / เหตุเดือดร้อนรำคาญ (สำหรับเหตุเดือดร้อนรำคาญ คือ เรื่องอะไรก็ตามที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เช่น เสียงดังรบกวน)
สำหรับช่องทางการร้องทุกข์ในปี2559 ระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แสดงรายงานจำนวนเรื่องที่ประชาชนแจ้งเป็นปัญหา เข้ามาที่ศูนย์บริการร้องทุกข์ 1111 ผ่านแต่ละช่องทาง มีจำนวนรวม 162,905 ครั้ง แยกตามประเภทของช่องทางดังต่อไปนี้
1. สายด่วน 1111 กด 2 โทรฟรี 24 ชั่วโมง จำนวน 133,258 ครั้ง
2. ตู้ ปณ. 1111, จดหมาย และโทรสาร จำนวน 13,569 ครั้ง (ตู้ ปณ. 1111 ปณ. ทำเนียบรัฐบาล กทม. 10332 ไม่ต้องติดแสตมป์)
3. จุดบริการร่วม 1111 ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล จำนวน 6,965 ครั้ง
4. เว็บไซต์ www.1111.go.th จำนวน 6,887 ครั้ง
5. โมบายแอปพลิเคชัน PSC 1111 จำนวน 2,023 ครั้ง
6. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จำนวน 203 ครั้ง
หากเทียบกับปีที่แล้ว ปรากฏว่า ในปีงบประมาณ 2558 (ระหว่างเดือนตุลาคม 2557 – เดือนกันยายน 2558) มีประชาชนใช้ช่องทางร้องเรียนถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ฯ ผ่านสายด่วน 1111 มากที่สุด 180,000 ครั้ง เว็บไซต์ 20,000 ครั้ง ไปรษณีย์ 17,000 ครั้ง จุดบริการประชาชน 9,000 ครั้ง และผ่าน คสช. กว่า 1,000 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวได้ทดลองใช้สายด่วน 1111 เพื่อแจ้งเหตุเดือดร้อนของผู้สื่อข่าวเอง พบว่า พนักงานรับสายเร็วทันใจ การตอบคำถามและให้บริการเป็นที่น่าพอใจ