PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

โจรใต้ ซุ่มโจมตี จนท.เหยี่ยวดง

วันที่ ๒๗ ก.ย.๕๖ เวลาประมาณ ๑๒.๑๐ น. เกิดเหตุซุ่มโจมตี จนท.เหยี่ยวดง ๖๐ ชุด เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) นปพ.ภ.จ.นราธิวาส ขณะกำลังขับขี่รถยนต์ จำนวน ๔ คัน กลับจากตรวจสอบเหตุระเบิด บ.ปูโป๊ะ ม.๒ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเช้า เพื่อกลับที่ตั้งใน อ.เมืองนราธิวาส ใช้เส้นทาง ทล.๔๐๖๖ (ตะโล๊ะหะลอ - ปาลอปาต๊ะ) บริเวณพื้นที่ เขาน้ำพุเสด็จ บ.บลูกาสนอ ม.๔ ต.ตะปอเยาะ
อ.ยี่งอฯ จ.นราธิวาส ได้เกิดการปะทะกันนานประมาณ ๔๕ นาที ผลการตรวจสอบ จนท.ได้รับบาดเจ็บ ๓ นาย นำส่ง รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ได้แก่
๑) ส.ต.อ.มนตรี แก้วประสิทธิ์
๒) ส.ต.ท.เมธี ดีพาส
๓) ส.ต.ท.ชัชวาลย์ เจริญบุตร 


ต่อมาเวลา ๑๒.๓๕ น. ขณะที่ จนท.ตร.สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จำนวน ๑ ชป. กำลังเดินทางไปสนับสนุนช่วยเหลือชุด EOD. ปรากฏว่ามาถึงบริเวณหน้า สนง.อบต.
ตะปอเยาะ อ.ยี่งอฯ จ.นราธิวาส ได้ประสบอุบัติเหตุ(ยางรถแตก) ผลทำให้ จนท.ตร.บาดเจ็บ 3 นาย เสียชีวิต 4 นาย เหตุเกิด ถนนเพชรเกษม ๔๒ (ปัตตานี-นราธิวาส) หน้า สนง.อบต.พื้นที่ บ.บลูกาสนอ ม.๓ ต.ตะปอเยาะฯ นำส่งรพ.นราธิวาสราชนครินทร์/รพ.บาเจาะฯ โดย ผกร.ได้โปรยตะปูเรือใบตามถนนหมายเลข ๔๐๖๖ (ตะโล๊ะหะลอ - ปาลอปาต๊ะ) ในพื้นที่ บ.บลูกาสนอ ม.๔ ต.ตะปอเยาะฯ ก่อนขึ้นเขาพุเสด็จที่เกิดเหตุซุ่ม EOD. ทำให้ จนท.ได้ใช้ ฮ.จำนวน ๔ ลำบินเข้าสนับสนุน/ช่วยเหลือในที่เกิดเหตุ รายชื่อตร.สภ.บาเจาะที่เสียชีวิต
ร.ต.ท.อาคม อินทรสมบูรณ์
ส.ต.ต.นพนัย คีรีธาร
ส.ต.ต.อภิชัย จุลเรือง
ส.ต.ต.วุฒิพงค์ ภู่ปาน

ม็อบยางควนหนองหงษ์ยอมเปิดเส้นทางรอบ 3

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 27 ก.ย. ที่บริเวณม็อบยางรอบ 3 สี่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มผู้นำท้องถิ่นทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำเกษตรกรชาวสวนยาง แกนนำกลุ่มลูกขวานลอยลม ได้กระจายกันออกทำความเข้าใจ พร้อมขอร้องให้มีการสบายการชุมนุมเรียกร้องในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบ ที่จะเริ่มขึ้นเป็นวันแรกวันที่28 ก.ย. การทำความเข้าใจ เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากยังมีกลุ่มเกษตรกรที่ร่วมชุมนุมไม่เห็นด้วยจำนวนหนึ่ง โดยยังคงเรียกร้องราคายางที่ กก.ละ 100 บาทบ้าง บางคนขอแค่กิโลกรัมละ 90 บาท ราคาปาล์มกิโลกรัมละ 6 บาท ที่สำคัญยังมีการแสดงความคิดเห็นเรื่องคดีความต่าง ๆ โดยเฉพาะที่มีการบันทึกร่วมข้อตกลงกับนายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือจนพ้นผิดหรือไม่ ทั้งนี้เพราะแม้แต่ 3 รองนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเจรจาบันทึกข้อตกลงไปก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถยุติการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ชุมนุมได้ ในวันนี้แค่นายภาณุ เพียงคนเดียวคงไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะรับรองพันธะสัญญาทั้งหมดได้

อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามอธิบายให้กลุ่มที่ยังไม่เข้าใจ ไม่ยินยอมทราบว่ากระบวนการทางกฎหมายก็คงดำเนินการไปตามปกติ แต่จะมีการดำเนินการช่วยเหลือในส่วนของรายละเอียดในสำนวนที่นำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องของอัยการ หรือยกฟ้องของศาลในที่สุด ซึ่งหากไม่เป็นไปตามข้อตกลงเกษตรกรทั้งหมดสามารถมารวมตัวเรียกร้องกันอีกครั้งก็ได้ โดยเฉพาะหากพ้นระยะงานเทศกาลบุญสารทเดือนสิบไปแล้วเกษตรกรที่ยังไม้พอใจในการดำเนินการตามข้อเรียกร้องก็มารวมตัวกันใหม่ หรือจะปักหลักชุมนุมประท้วงต่อไปก็ได้ แต่ต้องปิดเส้นทางการสัญจรไปมา คณะที่ร่วมเจรจาขอเพียงให้เปิดการจราจรในช่วงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบระหว่างวันที่ 28 ก.ย. -7 ต.ค. 2556 เท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้นำท้องถิ่น กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มแกนนำลูกขวานลอยลม ได้ทุ่มเทอธิบายทำความเข้าใจกับกลุ่มชาวสวนยางที่ไม่เห็นให้เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม เพราะถึงอย่างไรทุกคนก็ยืนอยู่ข้างเกษตรกรชาวสวนยางอยู่แล้ว หากรัฐบาลหรือทางราชการบิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลงกับชาวสวนยาง กลุ่มผู้นำท้องถิ่น แกนนำกลุ่มลูกขวานลอยลมและเกษตรกรทั้งหมดก็พร้อมที่จะเข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องกับชาวสวนยางทั้งหมดอีกครั้งทันที

การเจรจาผ่านไปนานกว่า 3 ชม.ในที่สุดกลุ่มเกษตรกรสวนยางที่ยังต้องการปิดถนนเรียกร้องราคายางพารา มีท่าทีอ่อนลงก่อนจะยินยอมเปิดเส้นการเจรจา และมีการช่วยกันเก็บสิ่งที่กีดขวางบนผิวการจราจรออกทั้งฝั่งขาขึ้นและขาล่อง โดยมีเจ้าหน้าที่แขวงการทางนครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะมาช่วยเก็บรวมรวบสิ่งของทั้งหมดไว้ เพื่อส่งคืนเจ้าของต่อไป และสามารถเปิดการจราจรเป็นปกติในเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในการเปิดการจราจรในครั้งนี้ บรรดาผู้ร่วมเจรจาทั้งหมดยังไม่มั่นใจว่ากลุ่มเกษตรกรที่ไม่เห็นด้วยที่ส่วนใหญ่จะเดินทางมาร่วมชุมนุมในช่วงเย็นและค่ำจะเห็นด้วยหรือไม่ และจะมีการปิดการจราจรอีกครั้งหรือไม่ เป็นเพียงการเปิดการจราจรชั่วคราวเท่านั้น หากเกษตรกรชาวสวนยางที่จะมาร่วมชุมนุมในช่วงเย็นและค่ำไม่เห็นด้วยและอาจจะทำการปิดการจราจรในจุดดังกล่าวอีกครั้งก็เป็นได้ โดยกลุ่มผู้ร่วมเจรจายืนยันว่าจะไม่มีการเข้าขัดขวางการปิดถนน แต่จะพยายามใช้การเจรจาให้มีการเปิดเส้นทางการจราจรด้วยสันติวิธีต่อไป.

นรา ตำรวจโดนซุ่มยิงตะปูเรือใบ

สวรุปข่าวเหตุการณ์ในวันนี้ ที่ตำรวจถูกซุ้มยิง จนรถตำรวจทีี่เข้าไปช่วยเหลือคว่ำ รวมทั้งมีชาวบ้านถูกลูกหลงเสียชีวิตอีกด้วย 

นราฯ เดือด! กดระเบิดถล่มชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส ก่อนเปิดฉากยิงซ้ำบนถนนกลางหุบเขา ชาวบ้านถูกลูกหลงตาย 1 เจ็บ 1 ส่วนเจ้าหน้าที่สาหัส 3 ขณะเดียวกัน ตำรวจ สภ.บาเจาะ นำกำลังเข้าสนับสนุน รถพลิกคว่ำเสียชีวิต 4 นาย เจ็บอีก 7 

เมื่อเวลา 12.10 น. วันนี้ (27 ก.ย.) หลังจากที่ ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส แล้วเสร็จจากภารกิจในการตรวจสอบเหตุระเบิดในพื้นที่ อ.รือเสาะ และร่วมกับพวก จำนวน 16 นาย นั่งรถยนต์ จำนวน 4 คัน เพื่อกลับฐานที่ตั้ง โดยวิ่งมาสายทางลัดบนเทือกเขายือราแป เมื่อถึงบริเวณเขตรอยต่อระหว่าง อ.รือเสาะ กับ อ.ยี่งอ ช่วงบริเวณบ้านบลูกาสนอ ม.4 ต.ตะปอเยาะ ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนจุดชนวนระเบิดซึ่งนำไปวางไว้บนโขดหินริมไหล่ทางกลางหุบเขา จนหินได้ร่วงลงมาบนถนน ในขณะที่รถยนต์คันแรก ซึ่งมี ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บวัตุระเบิด และพวกรวม 4 นาย แล่นผ่าน

จากนั้นกลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 20 คน ซึ่งแฝงตัวอยู่บนภูเขาได้ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่รถยนต์ทั้ง 4 คันที่แล่นผ่านตามกันมา เป็นระยะทางยาวประมาณ 500 เมตร พร้อมทั้งได้มีการโปรยตะปูเรือใบเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่หลบหนี

เมื่อรถของเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คัน ถูกตะปูเรือใบของคนร้าย จึงได้พากันจอดริมถนน และใช้รถยนต์เป็นที่กำบังยิงต่อสู้กับกลุ่มคนร้ายเป็นระลอกๆ นานกว่า 1 ชั่วโมง ร.ต.อ.ประจวบ นิ่มเรือง หน.ชุดได้วิทยุของสนับสนุนกำลังไปยัง สภ.ยี่งอ และ สภ.บาเจาะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 32 เพื่อเดินทางเข้าช่วยเหลือ ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่ถูกกระสุนปืนของคนร้ายได้รับบาดเจ็บ 3 นาย คือ

1.ส.ต.อ.เมธี ดีพาส ถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณคางจนหายไปทั้งแถบ
2.ส.ต.อ.ชัชวาลย์ เจริญบุตร ถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่แขนขวา
3.ส.ต.ท.มนตรี แก้วประสิทธิ์ ถูกกระสุนปืนของคนร้ายที่บริเวณไหล่ขวา

ร.ต.อ.ประจวบ หน.ชุดจึงได้ประสานของเฮลิคอปเตอร์ นำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งรักษาที่โรงพยาบาลเป็นการเร่งด่ว

และในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ปะทะกับกลุ่มคนร้ายนั้น ได้มีชาวบ้าน จำนวน 2 คน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ขับและนั่งรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูมิซิ สีบรอนซ์ ทะเบียน กข 4913 ยะลา ผ่านมา ทำให้คนขับซึ่งยังไม่ทราบชื่อได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนที่นั่งคู่กันมาเสียชีวิตคที่ และมาจอดขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ทหารชุด ฉก.นราธิวาส 32 ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บาเจาะ ภายใต้การนำของ ร.ต.ท.อาคม อินทรสมบูรณ์ รอง สวป.ที่ถูกร้องขอเข้าสนับสนุนจุดเกิดเหตุ รถยนต์ได้เกิดเหยียบตะปูเรือใบที่คนร้ายโปรยทิ้งไว้บนถนนทำให้ล้อหน้ายางแตก รถเสียหลัก และได้เกิดพลิกคว่ำบนถนนหน้า อบต.ตะปอเยาะ ม.1 ต.ตะปอเยาะ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 4 นาย คือ

1.ร.ต.ท.อาคม อินทรสมบูรณ์ รอง สวป.สภ.บาเจาะ
2.ส.ต.ต.นพนัย คีรีธาร
3.ส.ต.ต.อภิชัย จุลเรือง
และ 4.ส.ต.ต.วุฒิพงศ์ ภู่ปาน

นอกจากนี้ มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอีก 7 นาย ซึ่งล่าสุดได้ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์แล้ว ทราบชื่อคือ

1.ส.ต.อ.ปิยะพงศ์ ช่วยชูวงศ์
2.ส.ต.ต.พรประสิทธิ์ ขวัญขาว
3.ส.ต.ต.จีระวุฒิ พรหมชู
4.ส.ต.ต.ปุริม ธีระกุล
5.ส.ต.ต.อุทร เวชสิทธิ์
6.ส.ต.ต.ชาญวิทย์ อินมณเฑียร
และ 7.ส.ต.ต.มูฮำหมัด สะแลแม

ต่อมา พ.ต.อ.สุธน สุขวิเศษ ผกก.สภ.ยี่งอ พร้อมพนักงานสอบสวน และพวกได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าที่เกิดเหตุ ได้ถูกคนร้ายจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 10 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยนำไปวางไว้บริเวณเหล็กกันขอบทางโค้ง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

หลังจากนั้น ได้ช่วยกันเดินเก็บกวาดตะปูเรือใบของคนร้ายที่โปรยไว้บนถนน ซึ่งต้องเสียเวลานานกว่า 30 นาที จึงจะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดถูกกระสุนปืนของคนร้ายเป็นรูพรุน และถูกตะปูเรือใบได้รับความเสียหายทั้ง 4 คัน จนต้องประสานรถกู้ภัยมาทำการยกลากไปซ่อมบำรุง

http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000122031&Html=1

'เฟสบุ๊ค'ครองอันดับหนึ่งแอพฯสุดฮิตบนสมาร์ทโฟนในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


altเฟสบุ๊คคือแพลตฟอร์มบนสังคมออนไลน์ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในตลาดระดับโลก
และส่าสุดได้ครองตำแหน่งแอพพลิเคชั่นอันดับหนึ่งจากการจัดอันดับแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนยอดนิยมในตลาดเอเชียตะวันออกฉียงใต้โดยนีลเส็น บริษัทผู้นำระดับโลกด้านการให้ข้อมูลและมุมมองของผู้บริโภค จากสื่อที่ผู้บริโภค ”ดู” ไปจนถึงสิ่งที่ผู้บริโภค ”ซื้อ”

การจัดอันดับแอพพลิเคชั่น ยอดนิยม 10 อันดับของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนนั้นได้มาจากรายงานผลการสำรวจของนีลเส็นที่มีชื่อว่า Informate Mobile Insights ซึ่งครอบคลุมประเทศต่างๆ อย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยคำนวนผลจากการรวมจำนวนผู้ที่ดาวโหลดแอพฯทั้งหมด เข้ากับเวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้ ใช้ไปกับการเล่นแอพพลิเคชั่นนั้นๆ ต่อเดือนเพื่อที่จะได้ผลของแอพพลิเคชั่นที่เป็นที่นิยมใช้ที่สุดในภูมิภาค

เฟสบุ๊คคือแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโฟนที่เป็นที่นิยมใช้มากที่สุดจากสามในสี่ของตลาดที่มีการสำรวจ (อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) แต่ตกเป็นรองแอพพลิเคชั่นแชทสุดฮิตจากญี่ปุ่นอย่างไลน์ (LINE) ในตลาดเมืองไทยโดยตกลงมาอยู่ที่อันดับ 2 นอกเหนือจากนั้นแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ที่ผู้ใช้ทั่วภูมิภาคนิยมใช้ประกอบด้วย Google Play Store, YouTube และ Line ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ใน 10 อันดับยอดนิยมของตลาดทั้ง 4 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแอพพลิเคชั่นประเภทเกมส์อย่าง Candy Crush Saga ก็เป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นฮ็อตฮิตติดอันดับท็อป 10 เช่นเดียวกัน (ดูตาราง 1)
alt









ผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ ¾ ของชั่วโมงต่อวันกับการใช้แอพพลิเคชั่น โดยผลออกมาว่าผู้ใช้ในประเทศมาเลเซียนั้นมีการใช้แอพฯบ่อยที่สุด (66 นาทีต่อวัน) ตามมาด้วยประเทศไทย (46 นาทีต่อวัน) ฟิลิปปินส์ (41 นาทีต่อวัน) และอินโดนีเซีย (40 นาทีต่อวัน) (ดูตาราง 2)

ตาราง 2: ค่าเฉลี่ยของเวลาที่ใช้กับการเล่นแอพฯ (นาที), กรกฏาคม 2556
alt







“ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอย่างตลาดโทรศัพท์มือถือนั้น ความสำคัญและอิทธิพลของแอพฯได้พุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา”  ซาก้า แฟดเค ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยธุรกิจโทรคมนาคมและเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ เอเชียเหนือ และแปซิฟิคของนีลเส็นกล่าว “ผู้ใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในเอเชียนั้นมีอัตราในการเข้าถึงและการใช้แอพฯที่สูงมาก นอกจากนั้นจำนวนของผู้ใช้แอพฯในตลาดเอเชียก็มีการเติบโตขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงโอกาสสำหรับนักการตลาดและนักสร้างแบรนด์ในการใช้แอพฯเพื่อการเข้าถึงลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ ที่ยั่งยืน

กทม.ฝั่งตะวันออกท่วมแล้ว “ชายหมู” สั่งยก ปตร.ประเวศฯขึ้น 50 ซม.


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์27 กันยายน 2556 16:59 น.




ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.ลงพื้นที่ตรวจดูระดับน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์และความพร้อมของประตูระบายน้ำประเวศตอนกระทุ่มเสือปลา เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับน้ำหลากตามทุ่งที่เกิดจากฝนตกหนัก วันนี้ (27 ก.ย.)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น


กทม.ฝั่งตะวันออกบางพื้นที่ท่วมแล้ว “สุขุมพันธุ์” สั่งเปิดประตูระบายน้ำประเวศตอนกระทุ่มเสือปลา 1.5 เมตร อีกฝั่งเปิดอีก 30 ซม.หวังระบายน้ำเพื่อรองรับน้ำหลากตามทุ่งจากฝนตกหนัก เผยเฝ้าติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
      
       วันนี้ (27 ก.ย.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจดูระดับน้ำในคลองประเวศบุรีรมย์ และความพร้อมของประตูระบายน้ำประเวศตอนกระทุ่มเสือปลา ประตูระบายน้ำลาดกระบัง และสถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับน้ำหลากตามทุ่งที่เกิดจากฝนตกหนัก
      
       ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำใน กทม.ยังไม่น่าตื่นตระหนก แต่ห่วงระดับน้ำเหนือที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก ที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำและเป็นพื้นที่รับน้ำจาก จ.ปทุมธานี ที่ปล่อยมาทางคลอง 3 และคลองระพีพัฒน์ฯ เป็นพื้นที่ที่เกิดน้ำท่วมทุกปี จึงได้สั่งการให้ยกประตูระบายน้ำประเวศตอนกระทุ่มเสือปลา เป็น 1.50 เมตร จากเดิมที่เปิดอยู่ระดับ 1 เมตร และให้เปิดประตูอีกบานที่ปิดอยู่ขึ้นเป็น 30 ซม.เพื่อระบายน้ำในฝั่งตะวันออกที่บางพื้นที่ประสบน้ำท่วมแล้ว และจะประเมินการปรับประตูระบายน้ำตามสถานการณ์ ทั้งนี้ผู้อำนวยการเขตในพื้นที่ได้เตรียมกระสอบทรายและไม้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนแล้ว
      
       “จากข้อมูลพยากรณ์อากาศระบุว่าในวันที่ 28-29 กันยายนจะเกิดฝนตก และต้นเดือนตุลาคมจะมีพายุเข้า ก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งสถานการณ์ไม่ได้ใกล้เคียงปี 2554 นอกจากนี้ได้ติดตามระดับน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นมามากกว่า 70% เพราะมีฝนตกหนักในภาคกลาง” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลองประเวศบุรีรมย์ หรือคลองพระโขนง เป็นคลองสายหลักที่ใช้เร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยผ่านสถานีสูบน้ำพระโขนงที่มีกำลังสูบ 215 ลบ.ม.ต่อวินาที และระบายออกแม่น้ำบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ที่สถานีสูบน้ำประเวศบุรีรมย์ ของกรมชลประทาน ที่มีกำลังสูบ 60 ลบ.ม.ต่อวินาที พร้อมกันนี้ได้เดินทางไปตรวจโครงการสถานีสูบน้ำพระองค์ไชยานุชิต โดยสถานนี้ดังกล่าวมีกำลังเครื่องสูบทั้งหมด 12 ตัว และขณะนี้เปิดเดินเครื่อง 8 ตัว สามารถระบายน้ำได้ถึง 45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทั้งนี้ก็จะเร่งระบายนำในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมรับมือกับพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางที่กำลังจะเข้ามา โดยจะระบายน้ำลงไปยังคลองพระองค์ และดันออกสู่ทะเล รวมทั้งจะดันน้ำออกสู่แม่น้ำบางปะกง บริเวณ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ด้วย

ผลสำรวจเผยชาวมะกัน-อังกฤษ แห่ปิดเฟซบุ๊กกว่า 11 ล้านคน




เฟซบุ๊ก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          มหาวิทยาลัยเวียนนาเผย ผู้คนนับ 11 ล้านคนในสหรัฐฯ และอังกฤษ แห่ปิดบัญชีเฟซบุ๊ก ส่วนใหญ่กังวลในด้านความเป็นส่วนตัว 

          เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2556 เว็บไซต์วอยซ์ออฟรัสเซีย มีรายงานว่า มหาวิทยาลัยเวียนนา ได้เผยผลการวิจัยล่าสุดถึงการที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กถึง 11 ล้านคน จากทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ พากันปิดบัญชีเฟซบุ๊กของตัวเองทิ้ง โดยพบว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนส่วนมากเลิกเล่นเฟซบุ๊กนั้นเกิดมาจากความกังวลในด้านความเป็นส่วนตัว 

          รายงานระบุว่า หลังทางการสหรัฐฯ ได้มีการสอดแนมข้อมูลออนไลน์ตามสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ผู้คนเริ่มมีความระมัดระวังในเรื่องข้อมูลความเป็นส่วนตัวของพวกเขาบนโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นกว่าในอดีต อีกทั้งผู้คนบางส่วนยังไม่ชอบใจกับอาการเสพติดเฟซบุ๊กของตัวเอง จึงตัดสินใจตัดปัญหาเหล่านั้นทิ้งไป

          โดยจากการวิเคราะห์ผลตอบรับ 600 เสียงจากผู้ที่เลิกเล่นเฟซบุ๊กในสหรัฐฯ และอังกฤษ นักวิจัยพบว่า เหตุผลหลักที่ผลักดันให้คนเลิกเล่นเฟซบุ๊กนั้น 48.3% มาจากความเป็นกังวลด้านความเป็นส่วนตัว ตามมาด้วยความไม่พอใจในบริการทั่ว ๆ ไป 13.5%, ได้พบเพื่อนที่ไม่พึงประสงค์ 12.6%, และรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเสพติดเฟซบุ๊ก 6.0% ขณะที่เหตุผลอื่น ๆ นั้นเช่น กลัวว่าตัวเองจะเสพติดเฟซบุ๊ก และไม่อยากเสียเวลากับการพูดคุยไร้สาระ เป็นต้น

          และเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่ต้องการจะถอนตัวออกจากสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ต่าง ๆ และแอพลิเคชั่นใหม่ ๆ ก็ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่พวกเขา ด้วยเครื่องมือลบข้อมูลส่วนตัว เพื่อน และรูปภาพทั้งหมดทิ้ง รวมทั้งทำให้บัญชีนั้น ๆ ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเปลี่ยนรหัสผ่านด้วย 

          อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้ใช้ 9 ล้านรายในสหรัฐฯ และ 2 ล้านรายในอังกฤษ ที่ตัดสินใจปิดบัญชีเฟซบุ๊กตัวเองไป ก็ยังนับเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 950 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งนั่นทำให้แม้จะมีผู้ใช้ถึง 11 ล้านคนที่เลิกใช้งานเฟซบุ๊ก แต่เฟซบุ๊กก็ยังคงรั้งตำแหน่งโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้มากที่สุดอยู่ได้ ตามมาด้วยทวิตเตอร์ และมายสเปซ

หนุ่มลวงสาวเที่ยวผับหมายข่มขืน แต่เปิดกระโปรงเจอกระปู๋ วิ่งหนีเตลิด


27 กันยายน 2556
โดย ป๋าด่วน (4,723 เข้าชม)

หนุ่มลวงสาวไปเที่ยวผับหมายข่มขืน แต่เปิดกระโปรงพบเป็นไม้ป่าเดียวกัน ตกใจวิ่งหนีไปโดยเร็ว ด้านตำรวจจะเร่งนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้




          วันนี้ (27 กันยายน 2556) เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่า มีผู้เคราะห์ร้ายถูกชายลวงไปพยายามข่มขืน บริเวณซอยชื่นรักอินท์ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง โดยผู้เสียหายคือ นายนนท์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี เป็นสาวประเภทสองที่ยังไม่ได้แปลงเพศ

          ทั้งนี้ นายนนท์ ได้ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนเดินกลับห้องพักหลังจากเที่ยวผับในเมืองพัทยา กระทั่งมีรถกระบะคันหนึ่งขับประกบพร้อมมีผู้ชายชวนไปเที่ยวต่อ ตนก็เลยไปด้วย โดยไปเที่ยวผับบริเวณสาย 3 ด้วยกัน จากนั้นเมื่อเที่ยวผับเสร็จ ชายคนดังกล่าวกลับพาตนไปที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง พยายามจะข่มขืนตน ซึ่งตนก็ได้พยายามขัดขืนแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายชายเปิดกระโปรงแล้วพบว่าตนเป็นสาวประเภทสอง ก็ตกใจ และวิ่งหนีออกนอกห้องไปทันที

          ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และจะพยายามนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายในภายหลัง

เปิดแฟ้มคดี 'ยิ่งลักษณ์' สะเทือนเก้าอี้นายกฯ


  • 27 กันยายน 2556 เวลา 11:45 น.  ที่มา : โพสต์ทูเดย์
เปิดแฟ้มคดี 'ยิ่งลักษณ์' สะเทือนเก้าอี้นายกฯ
อนาคตทางการเมืองของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ในเวลานี้กำลังฝากไว้ที่ปัจจัยนอกสภาที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างองค์กรอิสระ
ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
อนาคตทางการเมืองของรัฐบาล 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในเวลานี้กำลังฝากไว้ที่ปัจจัยนอกสภาที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างองค์กรอิสระ โดยคดีความที่มีผลต่อเสถียรของรัฐบาลมีด้วยกันหลายกรณี ซึ่งอยู่ในการตรวจสอบของ 'ศาลรัฐธรรมนูญ' และ 'คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ' (ป.ป.ช.)
คดีในศาลรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่อยู่ในความสนใจเวลานี้ คือ "การวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่"
ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้พิจารณา 2 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ 1.การแก้ไขมาตรา 68 ที่ตัดสิทธิประชาชนในการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรงเพื่อให้วินิจฉัยการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ และ 2.การแก้ไขกระบวนการการได้มาซึ่งสว.ที่กำหนดให้สว.ต้องมาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว
ในส่วนของ "การแก้ไขมาตรา 68" ศาลได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้ 6 คำร้อง ประกอบด้วย สมชาย แสวงการ สว.สรรหา, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สว.สรรหา,บวร ยสินทร ประธานเครือข่ายราษฎรอาสาปกป้องสถาบัน, วรินทร์ เทียมจรัส อดีตสว.สรรหา, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ พรรคประชาธิปัตย์
ความคืบหน้าล่าสุดพบว่าภายหลังศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องไว้แล้วต่อมาได้มีคำสั่งให้คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 ที่มี 'ดิเรก ถึงฝั่ง' สว.นนทบุรี เป็นประธาน ส่งเอกสารรายงานบันทึกการประชุมและเอกสารสำคัญมาให้ศาลรัฐธรรมนูญ
เช่นกันกับ "คดีการแก้ไขที่มาสว." ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งรับคำร้องไว้เช่นกัน ซึ่งเป็นคำร้องของพล.อ.สมเจตน์ และพรรคประชาธิปัตย์ โดยศาลไม่ได้มีคำสั่งให้รัฐสภาระงับการลงมติเห็นชอบในวาระ 3 แต่อย่างใด
ในอนาคตถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตามมาตรา 68 ให้รัฐสภาเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบพรรคการเมือง ย่อมเป็นเหตุให้ 'ยิ่งลักษณ์' ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติรับหลักการในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับถูกขยายผลด้วยการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ไต่สวนในคดีอาญาและให้วุฒิสภาดำเนินการถอดถอนได้
อย่าลืมว่าที่ผ่านมาป.ป.ช.เคยดำเนินคดีอาญาและส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอน ‘นพดล ปัทมะ’ อดีตรมว.ต่างประเทศมาแล้วหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเพื่อสนับสนุนการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 190
ขณะที่ คดีในป.ป.ช.นั้นจะเห็นได้ว่าล้วนเป็นคดีอาญาที่อยู่ในระหว่างการไต่สวนถึง 6 คดี ซึ่งมี 'ยิ่งลักษณ์' เป็นผู้ถูกกล่าวหาในลำดับต้นๆแทบทั้งสิ้น ดังนี้
- คดีถอดถอนนายกฯยิ่งลักษณ์และพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมออกจากตำแหน่งจากกรณีโยกย้ายพล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ พ้นตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม
- คดีถอดถอนนายกฯยิ่งลักษณ์ จากกรณีละเว้นไม่ได้ดำเนินการตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 ที่กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐต้องประกาศราคากลางเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างต่อสาธารณะ
- โครงการรับจำนำข้าว ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยให้ 'วิชา มหาคุณ' กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินและเตรียมแจ้งข้อหาผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
- การปล่อยให้สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ถ่ายทอดสดคำปราศรัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บนเวทีชกมวยในรายการมวยไทยวอริเออร์สที่มาเก๊า
- การคืนหนังสือเดินทางระหว่างประเทศให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยมิชอบ คดีนี้นายกฯยิ่งลักษณ์เป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกับ 'สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล' รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ
- การบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดจากการแก้ไขปัญหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 โดยคดีนี้มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เมื่อครั้งเป็นรมว.ยุติธรรม เป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วมกับนายกฯยิ่งลักษณ์ด้วย
ขณะเดียวกัน มีอีก 2 คดีที่ได้มีผู้ยื่นคำร้องให้ป.ป.ช.ดำเนินคดีอาญากับยิ่งลักษณ์และคณะรัฐมนตรีแต่คณะกรรมการป.ป.ช.ยังไม่ได้รับไว้ไต่สวนเพียงแต่สั่งให้เจ้าหน้าที่รวบข้อมูลไว้ก่อน ได้แก่ 1.การประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท (สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เป็นผู้ร้อง) และ 2.โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม 2 ล้านล้านบาท (กลุ่มอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นผู้ร้อง)
ทั้งนี้ คดีในสารบบป.ป.ช.ดังกล่าวจะมีผลต่อรัฐบาลก็ต่อเมื่อคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายกฯยิ่งลักษณ์
เนื่องจากมาตรา 55 ของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 บัญญัติให้ผูู้ถูกชี้มูลความผิดต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาหรือวุฒิสภามีความเห็นในกรณีถอดถอนออกจากตำแหน่ง
หากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่ายิ่งลักษณ์จะไม่สามารถทำหน้านายกรัฐมนตรีได้ บานปลายจนกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินบางประการที่ต้องอาศัยอำนาจนายกฯตามกฎหมายด้วย แน่นอนว่าการเมืองอาจจะเข้าสู่ภาวะสุญญากาศอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้น ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังสงบนิ่งในช่วงนี้อาจจะไม่นิ่งอีกต่อไปเมื่อความมั่นคงของเก้าอี้นายกฯเกิดการสั่นสะเทือนด้วยเสียงข้างมากของป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ