PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ข่าว18/5/58

Jab18May15

โรฮีนจา

พล.อ.ประวิตร - รมว.กลาโหม ลงใต้ แก้ไขปัญหาโรฮีนจา ย้ำ ไม่ได้มีการตั้งศูนย์พักพิง รอหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนการเดินทางไปในพื้นที่กองทัพเรือภาคที่ 3 จังหวัดภูเก็ต พร้อมคณะ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาโร

ฮีนจา ว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดำเนินการกับชาวโรฮีนจาตามหลักสิทธิมนุษยชนที่ต่างชาติ ร้องขอ พร้อมย้ำว่า ไม่ได้มีการตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮีนจาแต่เป็นการหาพื้นที่พักคอย ซึ่งเรื่องการหาพื้นที่พัก

คอยเพิมเติมนั้น ยังไม่มีการระบุสถานที่ เพราะต้องรอการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ด้วย แต่ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าว ต้องไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่
----------------------
พล.อ.ประวิตร บอกกังวลร่าง รธน.หลายมาตรา หาก ครม.เห็นควรทำประชามติ จะส่งเรื่องให้ สนช.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในวัน

พรุ่งนี้ ในการพิจารณาความเห็นร่างรัฐธรรมนูญว่า ทาง ครม. จะพิจารณาส่งความเห็นไปยัง คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งส่วนตัว

ยอมรับว่า มีความกังวลในร่างรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ส่วนเรื่องการทำประชามตินั้น ต้องรอการพิจารณาหารือในที่ประชุม ครม. ซึ่งถ้าเห็นว่าควรทำประชามติ ก็จะส่งเรื่องให้ทางสมาชิกสภา

นิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ไปพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ในกรณีที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยว่า เหตุลอบวางระเบิดหลายจุดที่จังหวัดยะลา ตั้งแต่วันที่

14 พ.ค.ที่ผ่านมา มีเรื่องการเมืองไปเกี่ยวโยงนั้น ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว และมองว่าเป็นเรื่องของทางการข่าว ซึ่งต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ก่อเหตุก่อน ส่วนการ

ป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้มีการเตรียมการป้องกันการก่อเหตุในพื้นที่อยู่แล้ว
------------------------
นายกฯ ห่วงกระแสโรฮีนจาในโซเชียล ฝาก ปชช.เข้าใจความห่วงใยของคนไทยทุกคน ไม่ดำเนินนโยบายที่ส่งผลต่อสวัสดิภาพและความมั่นคงของประเทศ

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. รู้สึกเป็นห่วงต่อกระแส

ในสื่อโซเชียลมีเดียขณะนี้ ที่แสดงความเห็นในทำนองไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือผู้เคลื่อนย้ายอย่างไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียเพราะเกรงจะกลายเป็นภาระแก่ประเทศและความมั่นคง

ของประเทศ

โดยนายกรัฐมนตรีได้ฝากถึงประชาชนว่า เข้าใจความห่วงใยของคนไทยทุกคน ซึ่งการตัดสินใจของรัฐบาลจะยึดเอาประเทศชาติและประชาชนไทยเป็นที่ตั้ง ขณะเดียวกันจะไม่ดำเนินนโยบายใด ๆ

ที่จะส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและความมั่นคงของประเทศ

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากขอบคุณมายังประชาชนทุกภาคส่วนที่ส่งกำลังใจแสดงความห่วงใยเรื่องสุขภาพมายังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ขณะนี้มีปัญหาให้ต้องแก้ไขมาก

มาย ขณะเดียวกันขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีนโยบายจัดตั้งศูนย์อพยพหรือค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศ เป็นเพียงการจัดหาพื้นที่ควบคุมเป็นการชั่วคราวระหว่างรอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจาก

พื้นที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. มีความแออัด และประเทศไทยเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาที่สมเหตุสมผล ควรแก้ที่ต้นทางของปัญหา องค์กรนานาชาติที่มีหน้าที่ควรเข้าไปให้การช่วยเห

ลือพัฒนาสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้เคลื่อนย้ายเหล่านี้ตั้งแต่ประเทศต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายออกมายังประเทศอื่น
------------------------
ผบ.ทบ. ยังไม่ได้รับรายงานทหารยศ "พล.ต." เอี่ยวค้ามนุษย์โรฮีนจา ปัดโยกย้าย ผบ.หน่วยเฉพาะกิจยะลา 

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดขอบว่ามีทหารยศพลตรีเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา ส่วนการขยายพื้นที่ใน

การควบคุมชาวโรฮีนจานั้น หากสถานที่ที่มีอยู่ในขณะนี้มีความคับแคบอาจต้องดูพื้นที่เพื่อขยายต่อไป ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่การตั้งศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบ แต่เป็นสถานที่พักคอยเพื่อ
ดูแลชาวโรฮีนจาให้อยู่เป็นสัดส่วนเท่านั้น

นอกจากนี้ พล.อ.อุดมเดช ยังปฏิเสธกรณีการโยกย้ายผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ว่ายังไม่มีการโยกย้ายแต่อย่างใด แต่ในการลงพื้นที่จังหวัดยะลาเมื่อวันที่ผ่านพบว่าประชาชนในพื้นที่ยังคงมีขวัญ

กำลังใจดี แต่ได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธี ดูแลเขตเมือง ด้านการข่าวและการทำความเข้าใจกับมวลชน ให้ละเอียดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะรักษาสถานการณ์ในพื้นที่ให้ดีที่
สุดเท่าที่จะทำได้
-------------------------
กมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯ เดินหน้าตั้งกรรมการศึกษา การบังคับใช้กฎหมายและจุดยืนของการปฏิรูป แบ่ง 5 กลุ่ม

นายอมร วาณิชวิวัฒน์ ประธานอนุ กมธ.ปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมาย ในคณะ กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แถลงข่าวเรื่องความคืบหน้าการบังคับใช้กฎหมายและจุดยืนของการ

ปฏิรูปกฎหมาย ซึ่งคณะอนุ กมธ. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการศึกษากฎหมายต่าง ๆ ดังนี้ 1.กฎหมายควบคุมอาคาร ซึ่งได้ศึกษาจากโรงแรม และอาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบ
มาแล้ว 2.กฎหมายการควบคุมการใช้อาวุธปืน ที่มีการยิงในเทศกาลต่าง ๆ และกระสุนปืนจะตกลงบนหลังคาบ้านเรือนทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 3.กฎหมายควบคุมสารรั่วไหล

อันตราย 4.กฎหมายควบคุมอุบัติเหตุบนท้องถนน 5.กฎหมายการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น และคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่น
---------------------
นักวิชาการ เห็นตรง กมธ.ปฏิรูปการเมือง ค้านกลุ่มการเมืองลงเลือกตั้ง ไม่เห็นด้วยปมนายกฯคนนอก พร้อมเสนอตัด ม.181-182

นายนิรันดร์ พันทรกิจ กรรมาธิการปฏิรูปการเมือง แถลงผลการเสนารับความเห็นนักวิชาการด้านนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์เพื่อจัดทำคำข้อแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญว่า  นักวิชาการส่วนใหญ่ไม่

เห็นด้วยกับการให้มีกลุ่มการเมือง เพราะจะเป็นการพาประเทศถอยหลัง และไม่เห็นด้วยกับที่มาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบโอเพ็นลิส เพราะจะทำลายความเข้มแข็งของพรรคการเมือง เช่นเดียว

กับวิธีสรรหาวุฒิสมาชิก ที่มองว่าไม่สอดคลัองกับอำนาจที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงไม่เห็นด้วยกับนายกรัฐมนตรีจะมาจากคนนอก แต่ควรจะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่นักวิชาการสนับ

สนุนให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนเจ้าของอำนาจได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดกฎหมายของประเทศ

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมืองจะรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากฝ่ายต่างๆ ไปพิจาณาและจัดทำเป็นคำข้อแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐ

ธรรมนูญได้ในวันที่ 22พ.ค.นี้
------------------
นายกฯ เชื่อ 29 พ.ค. แก้ปัญหาโรฮีนจา ปัดพม่าไม่ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมประชุม ยันดูแลตามหลักมนุษยธรรมยึดกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า ทางสหประชาชาติหรือ ยูเอ็น ได้ชื่นชม ไทยที่ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหาชาวโรฮีน

จาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดการประชุมการย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติทางทะเลในมหาสมุทรอินเดีย จำนวน 15 ประเทศ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปพอสมควร ทั้งนี้ ประเทศ

เมียนมาไม่ได้ตอบปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าประเทศอาเซียนต้องไม่มีความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าวและต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา อย่างไรก็ตาม ยืนยันจะ

ดูแลตามหลักมนุษยธรรมแต่ต้องยึดกระบวนการทางกฎหมายด้วย พร้อมย้ำว่าจะไม่มีการตั้งศูนย์อพยพหรือพักพิง ส่วนที่มีกระแสข่าวที่มีรายชื่อทหารยศนายพลเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาว

โรฮีนจานั้น ส่วนตัวยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากมีชื่อบุคคลใดเกี่ยวข้อง จะต้องดำเนินการสอบสวนและลงโทษทั้งหมด
-----------------------
กต.มาเลย์-อินโดฯ เลื่อนประชุมแก้วิกฤตผู้ลี้ภัยรอไทยเข้าร่วมพุธนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียกล่าววันนี้ว่า จะประชุมร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยและอินโดนีเซีย ในวันพุธที่จะถึงนี้ ที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์หลังผู้ลี้ภัยนับพันคนเดินทางถึงชายฝั่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุมดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณสำหรับการตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้น

ทั้งนี้ กำหนดการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียถูกกำหนดขึ้นในวันนี้แต่มีการเลื่อนกำหนดการเป็นวันพุธ เพื่อให้รัฐมนตรีของไทยเข้าร่วมการประชุมอย่างเป็นทาง

การด้วย โดยหัวข้อการประชุมจะเน้นไปที่การค้ามนุษย์และ การลักลอบเข้าประเทศในภูมิภาค มาเลเซียจะมองหาแนวทางการแก้ปัญหานี้อย่างต่อเนื่องผ่านความร่วมมือระหว่างกันกับประเทศต้น

ทางและปลายทาง ขณะที่ทางการไทยและอินโดนีเซียยังไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่จะได้รับจากการประชุมในครั้งนี้
---------------------
ทางการอินโดนีเซียสั่งเข้มห้ามชาวประมงช่วยผู้ลี้ภัยขึ้นฝั่งแม้เรือจม ขณะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยันไม่มีงบประมาณดูแล

สำนักข่าวบีบีซีรายงาน ชาวประมงอินโดนีเซียในจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย ได้รับการชี้แจงจากทางการว่า ห้ามพวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยแม้ว่าเรือจมลงก็ตาม โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ชาวประมงอาเจะห์ได้ช่วยเหลือเรือบรรทุกผู้ลี้ภัยชาวบังกลาเทศและโรฮีนจาขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างน้อย 700 คน ทำให้ค่ายพักพิงมีประชากรเพิ่มขึ้นราว 1,500 คนแล้ว

ด้านเจ้าหน้าที่กองทัพกล่าวว่า การช่วยเหลือดังกล่าวจะทำให้มีการลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นในพื้นที่ตามแนวชายฝั่ง ขณะที่ทุกประเทศมีการปกป้องชายแดนทางทะเลกันอย่างเข้ม

งวด

ทั้งนี้ ผู้ลี้ภัยทางเรือส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจาที่หนีการกดดันและการถูกข่มเหงจากเมียนมา แต่ชาวบังคกาเทศที่ลี้ภัยมาพร้อมกันต้องการที่จะหางานทำ ทั้งหมดยังคงลอยเคว้งอยู่กลางทะเล ตัวแทน

ความช่วยเหลือกล่าวว่า ลูกเรือกำลังเผชิญกับโรคขาดสารอาหารและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ผู้รอดชีวิตที่ถูกพาขึ้นฝั่งกล่าวว่าบนเรือกำลังเกิดความวุ่นวายมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาหาร

แต่ผู้ประกอบการชาวอาเจะห์บางรายระบุว่า แม้จะถูกทางการสั่งห้ามก็ยังจะช่วยเหลือทันทีหากพบว่าเรือประสบอุบัติเหตุ

สำหรับวันนี้ กองทัพอินโดนีเซีย ชี้แจงแก่ผู้ประกอบการเรือประมงถึงสิ่งที่สามารถจะช่วยเหลือผู้ลี้ภัย คือทำได้เพียงช่วยเหลือสิ่งของบรรเทาทุกข์เท่านั้น แต่ไม่สามารถนำเข้าในประเทศได้ ซึ่งหาก

นำขึ้นฝั่งจะมีความผิดทางกฎหมาย ขณะที่ประชาชนเมืองลังซายังระบุด้วยว่า ไม่มีงบประมาณพอทึ่ช่วยเหลือและยังไม่ได้รัการช่วยเหลือมาจากส่วนกลางด้วย
---------------------------------
แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องสมาชิกทั่วโลก ส่งจดหมายถึงรัฐบาลไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ให้ช่วยเหลือผู้อพยพ

สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่กรุงลอนดอน ออกปฏิบัติการด่วนเรียกร้องสมาชิกกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก ส่งจดหมายถึงรัฐบาลไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อแสดง

ความห่วงใยกรณีผู้ลี้ภัยและผู้อพยพหลายพันคนเสี่ยงต่อความตายอยู่กลางทะเล หลังจากประเทศเหล่านี้ ผลักดันเรือของคนเหล่านี้ออกไป โดยการรณรงค์จะมีไปถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2558 โดย ระบุ

ว่ามีผู้ถูกทอดทิ้งอยู่กลางทะเลมากถึง 8,000 คน ในขณะที่ ทางการไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ผู้โดยสารกว่า 2,000 คน เดินทางไปถึง

ประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในสัปดาห์นี้ บางส่วนถูกควบคุมตัวเมื่อเดินทางไปถึง หลายคนรอนแรมอยู่กลางทะเลกว่าสองเดือน ทั้งหมดจำเป็นต้องได้รับอาหาร น้ำ และการรักษาพยาบาลอย่าง

เร่งด่วน การปฏิเสธไม่ช่วยเหลือหรือผลักให้เรือที่เต็มไปด้วยผู้โดยสารกลับสู่ท้องทะเล เสมือนเป็นการลงโทษประหารชีวิตบุคคลกลุ่มดังกล่าว และยังมีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตบนเรืออีก 10 คน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเขียนจดหมายถึง 3 ประเทศ ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยให้ประสานงานเพื่อค้นหาและช่วยเหลือ อนุญาตให้เรือซึ่งมีผู้ลี้ภัย

และผู้อพยพเหล่านี้เข้าฝั่งอย่างปลอดภัยในประเทศที่ใกล้ที่สุด ให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยทันที ให้การประกันว่า บุคคลซึ่งแสวงหาที่พักพิงสามารถเข้าถึงขั้นตอนปฏิบัติเพื่อจำแนก

สถานภาพผู้ลี้ภัย ให้เคารพหลักการไม่ส่งกลับ โดยประกันว่าจะไม่เคลื่อนย้ายบุคคลไปยังสถานที่ใดซึ่งทำให้เสี่ยงต่อชีวิตหรือเสรีภาพ
------------------------------
ประวุฒิ เผย โกโต้งกลับมากบดานในไทย ส่งชุดสืบสวนล่าตัว ชี้ เตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการระดับกลางเพิ่ม ยัน ไม่ให้โรฮีนจาขึ้นฝั่งที่ไทย 

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา ว่า ในส่วนของประเทศเมียนมาที่มีข่าวว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมการประชุมว่าด้วยการโยก

ย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 29 พ.ค. นี้ ทางการไทยจะพยายามผลักดันให้ทุกฝ่ายมาเจรจาแก้ไขปัญหาร่วมกัน แต่ถึงแม้ว่าในเวทีนี้ประเทศเมียนมาจะไม่

เข้าการประชุม แต่เชื่อว่าในเวทีอื่น ๆ หลายประเทศจะร่วมผลักดันให้พม่ามาประชุมแก้ไขปัญหา ขณะที่การทำงานของตำรวจนั้น ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ชาวโรฮีนจาขึ้นฝั่งมาอาศัยในไทย แต่หากพบ

ตามน่านน้ำก็จะให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษย์ธรรม เพราะเราเป็นเพียงประเทศทางผ่าน

ส่วนการติดตามจับกุมตัว นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ล่าสุดมีรายงานว่ายังหลบซ่อนอยู่ในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมามีการประสานเข้ามอบตัวแต่มีเงื่อนขอให้ประกัน

ตัวในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ตำรวจได้ปฏิเสธ ยืนยันว่าจะไม่รอให้เข้ามอบตัวแต่จะส่งชุดติดตามจับกุมตัวต่อไป ทั้งนี้ จากแนวทางการสืบสวนยังพบว่าผู้ร่วมขบวนการในระดับกลางที่ตำรวจ

เตรียมออกหมายจับเพิ่มด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องหาในขบวนการนี้ ศาลอนุมัติออกหมายจับแล้ว 62 คน ติดตามจับกุมตัวและบางคนประสานเข้ามอบตัวรวม 29 คน ยังเหลือที่ต้องติดตามจับกุมอีก 33 คน
-----------------------------
ปลัด พม.เผยยอดชาวโรฮีนจาที่อยู่ในความคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 273 ราย

นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการจับกุมกลุ่มชาวโรฮีนจาจำนวนมาก ขณะนี้ มีการส่งต่อให้หน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวง

การพัฒนาสังคมฯ รับเข้าไว้ในความคุ้มครองดูแล จำนวนทั้งสิ้น 273 ราย ผ่านกระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทุกคน พบว่า มีชาวโรฮีนจาเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จำนวน 190

ราย และเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย จำนวน 83 ราย

โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้ให้ความคุ้มครองดูแลผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ทั้ง 190 ราย ไว้ที่สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดระนอง จำนวน 28 ราย สถานคุ้ม

ครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดสงขลา จำนวน 83 ราย  สถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดปทุมธานี จำนวน 22 ราย สถานคุ้มครองสวัสดิภาพฯ จังหวัดเชียงราย จำนวน 20 ราย  สถานคุ้มครองและพัฒนา

อาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 36 ราย และบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดพังงา จำนวน 1 ราย สำหรับชาวโรฮีนจาที่เป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายอีก 83 ราย อยู่ในความดูแลของ

บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดพังงา จำนวน 21 ราย บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดปัตตานี จำนวน 5 ราย บ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดสตูล จำนวน 4 ราย และสถานคุ้มครองและ

พัฒนาอาชีพภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 53 ราย
------------------------------
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เซ็นคำสั่งย้าย พ.ต.ท.พัวพันคดีโรฮีนจา ช่วยราชการ ศปก.ตร. หลังถูกศาลอนุมัติหมายจับพร้อมภรรยาโกโต้ง-เร่งล่า 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 275/2558 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ โดยให้ พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง สว.ธร.สภ.เคียนซา จ.

สุราษฎร์ธานี มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติราชการตามที่ ผบ.ตร. มอบหมายจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. เป็นต้นไป เนื่องจาก พ.ต.ท.ชาญ ถูกศาลจังหวัดนาทวี อนุมัติออกหมายจับในคดีเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก เยาวชนและสตรี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุด ศาลจังหวัดนาทวีได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับ

ขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาเพิ่มเติมอีก 3 คน ได้แก่ พ.ต.ท.ชาญ ร.ต.ท.นราธร สัมพันธ์ รอง สว.สส.บก.จ.ระนอง และ น.ส.ทัศนีย์ อังโชติพันธุ์ ภรรยา นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง และ

ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาดำเนินคดี คาดว่ายังคงหลบหนีอยู่ในพื้นที่
-----------------------------------
โกโต้ง ดอดมอบตัว ด้าน ผบ.ตร. พร้อมให้ความเป็นธรรม ขณะคัดค้านประกันตัว เผยออกหมายจับอีก 3 ค้ามนุษ์โรฮีนจา

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คุมตัว นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อายุ 53 ปี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ. ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีค้ามนุษย์โร

ฮีนจา

โดย นายปัจจุบัน เปิดเผยว่า หลังจากทราบว่าถูกออกหมายจับก็ไม่ได้หลบหนีไปที่ไหน อยู่บ้านที่ภาคใต้ และประสานจะเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

โดยตลอด และที่ตัดสินใจเข้ามองตัวที่กรุงเทพฯ เพราะเห็นว่ามีความปลอดภัยมากกว่า พร้อมยืนยันในความบริสุทธิ์ โดยขอต่อสู้คดีตามขั้นตอนของกฎหมาย และปฏิเสธว่า ไม่รู้จักหรือมีส่วนเกี่ยว

ข้องกับผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์คนอื่นที่ถูกออกหมายจับมาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีไม่ขอชี้แจงใด ๆ และขอให้การต่อสู้คดีในชั้นศาลเท่านั้น

สำหรับ นายปัจจุบัน หลังออกหมายจับ นายปัจจุบัน มาหลบซ่อนตัวอยู่ที่แถวรามอินทรา กรุงเทพมหานคร ก่อนจะติดต่อเข้ามอบตัวสู้คดี เบื้องต้นตำรวจจะคุมตัว นายโกโต้ง ไปสอบสวนที่ศูนย์

ปฏิบัติการส่วนหน้า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปค้ามนุษย์, ร่วมกันช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกัน

หน่วงเหนี่ยวกักขัง และร่วมกันเรียกค่าไถ่ผู้อื่น พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับ นายปัจจุบัน และที่ผ่านมา ไม่เคยยื่นเงื่อนไขต่อรองกับ นายปัจจุบัน และมั่นใจว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอในการดำเนินคดีใน

ชั้นศาล โดยจากนี้จะส่งตัว นายปัจจุบัน ไปให้ตำรวจกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินคดี และตำรวจจะยื่นเรื่องคัดค้านการประกันตัว
------------------------------
โกโต้ง เข้ามอบตัวกับ รอง ผบ.ตร. ย่านรามอินทรา ก่อนแถลงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ขอต่อสู้ในชั้นศาล ด้าน ผบ.ตร. เผยคุมตัวสอบปากคำภาค 9 พร้อมคัดค้านการประกันตัว

นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้ต้องหารายใหญ่ในขบวนการค้ามนุษย์ ชาวโรฮีนจา ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

วันนี้ (18 พ.ค.58) ก่อนทำการแถลงข่าวที่กองการบินตำรวจดอนเมือง โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เดินทางร่วมแถลงข่าวด้วย

โดย พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โกโต้งได้เดินทางขอเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ในย่านรามอินทรา กรุงเทพฯ ซึ่ง โกโต้ง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการติดต่อ

ได้มีการติดต่อขอเข้ามอบตัวแล้ว แต่ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ปิดเป็นความลับ และเลือกที่จะมาเดินทางมามอบตัวที่กรุงเทพฯ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ปัดตอบคำถามหลายอย่าง โดยเฉพาะความ
เกี่ยวพันธ์กับผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ แต่ยืนยันว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์และขอสู้คดีในชั้นศาล

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนขอศาลฝากขัง เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกัน

ตัว เช่นเดียวกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ยันไม่มีเงื่อนไขในการจับกุมผู้ต้องหารายนี้แต่อย่างใด
----------------------------------
ผบ.ตร.เผยคืบคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ตำรวจออกหมายจับแล้ว 65 คน ส่วนกรณีพบรายชื่อทหารเอี่ยวอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบ 

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาหลังจากที่ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ผู้

ต้องหารายใหญ่ในขบวนการดังกล่าวเดินทางเข้ามอบตัวเพื่อสู้คดีกับ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้

แล้ว จำนวน 65 คน สามารถจับกุมตัวได้แล้ว 30 คน โดยมีเพิ่มมาอีก 3 คน คือ พ.ต.ท.ชาญ อู่ทอง ร.ต.ท.นราธร สัมพันธุ์ และ ภรรยาของโกโต้ง (ยังไม่ทราบชื่อ-นามสกุล)

โดยขณะนี้ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.ชาญ ไว้สอบปากคำแล้ว พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยจากหลักฐานพบว่า พ.ต.ท.ชาญ เป็นผู้อำนวยความสะดวกและจัดเตรียมพื้นที่ในการลำเรียง

ชาวโรฮีนจาให้กับกระบวนการค้ามนุษย์ดังกล่าว

ด้านบัญชีที่พบว่ามีรายชื่อของนายทหารรายหนึ่งร่วมอยู่ด้วยนั้น พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ แต่ถ้าพบว่ามีความเกี่ยวข้องจริงก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที โดยไม่มีข้อยก

เว้นแน่นอน

สำหรับการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านสะเดา จ.สงขลา ก็เป็นไปตามการเสนอแนะของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่รวมทั้งจากการพิจารณาของ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ที่

ได้ลงพื้นที่ไปติดตามคดีด้วยตัวเอง ซึ่งเล็งเห็นแล้วว่ามีบางอย่างที่ยังไม่เป็นไปตามที่สมควรจะเป็น จึงได้มีการโยกย้ายไว้ก่อน
///////////////

รธน.

"เทียนฉาย" นัดถก สปช. ปฏิรูปสื่อ 3 วาระ ขณะ "สมบัติ" เชิญนักวิชาการให้ความเห็นปรับแก้รัฐธรรมนูญ

ความเคลื่อนไหวที่รัฐสภา วันนี้ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ นัดสมาชิกประชุมในเวลา 10.00 น. เพื่อพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว คือ รายงานของ

คณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย 3 วาระ ดังนี้ วาระปฏิรูปที่ 32 : การกำกับดูแลสื่อ วาระปฏิรูปที่ 33 : สิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และ

วาระปฏิรูปที่ 34 : การป้องกันการแทรกแซงสื่อ ขณะที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปด้านการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกรรมาธิการ จัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นจาก

นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เพื่อนำมาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ

ด้าน คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ จัดเสวนาเกี่ยวกับร่างข้อเสนอ

เชิงนโยบาย เรื่อง “การปฏิรูประบบหลักสูตรและการเรียนการสอน"
---------------------
"ไพโรจน์" เร่งรวมคำขอยื่นให้ตามกรอบ 25 พ.ค. บอกต้องทำกฎหมายรัฐธรรมนูญ ให้เป็นที่ยอมรับของ ปชช. หากทำประชามติ ต้องมีการทำให้ชัดเจน

นายไพโรจน์ พรหมสาส์น คณะผู้ประสานงานในการประมวลคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยกับสำนักข่าว INN ถึงคืบหน้าในการจัดทำคำขอแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ

ของ สปช. ทั้ง 8 กลุ่ม ว่า ได้มีการประสานกับสมาชิก สปช. เร่งรวบรวมจัดทำคำขอของแต่ละกลุ่มยื่นให้ทันตามกรอบที่กำหนดภายในวันที่ 25 พ.ค. นี้ ซึ่งขณะนี้เหลือเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น
ส่วนประเด็นที่เสนอขอแก้ไขส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเมือง เรื่องการปฏิรูปในด้านต่างๆ และในส่วนคณะของตนเองนั้น มีการเสนอในเรื่องของการปฏิรูประบบบริหารแผ่นดินว่า จะมีการทำให้กระชับ

และชัดเจนได้อย่างไรในเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนกลางระหว่างภูมิภาคท้องถิ่น และจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ซึ่งในการปรับแก้อาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันเล็กน้อย ในเรื่องของการ

กำหนดจังหวัดที่มีความพร้อมเป็นท้องถิ่นที่ใหญ่ขึ้น โดยมีหลักอยู่ว่าอะไรที่เหมือนกันให้ใส่ไว้ในส่วนคำขอที่ยื่น ส่วนอะไรที่แตกต่างให้มีการเขียนไว้ในบันทึกการประชุมของคณะกรรมการแต่ละ

กลุ่ม

ทั้งนี้ นายไพโรจน์ กล่าวว่า ต้องทำกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยอมรับของประชาชน ถ้าหากมีการทำประชามติ ยิ่งต้องมีการทำให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
--------------------------
สปช. ส่งหนังสือถึงนายกฯ เสนอทำประชามติ ร่าง รธน.ทั้งฉบับ หลัง สปช. มีมติผ่านหรือไม่

นายอลงกรณ์ พลบุตร โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. ได้ส่งหนังสือข้อเสนอถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้มีการออกเสียงทำประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ทำภายหลังจากที่ สปช. พิจารณาผ่านหรือไม่

ผ่านร่างรัฐธรรมนูญแล้ว และให้เป็นการทำประชามติ ควรทำฉบับ โดยกำหนดวันเวลาในการออกเสียงไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากวันที่ สปช. ได้มีมติ เพื่อให้มีเวลาเพียงพอที่จะให้ความรู้ ความเข้า

ใจแก่ประชาชน และแม้ว่า สปช. จะให้ผ่านร่างรัฐธรรมนูญ แต่ประชาชนไม่เห็นด้วย ก็จะต้องยึดเสียงประชาชนเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น ไม่ได้เป็นการผูกมัดนายกรัฐมนตรี แต่อย่างใด
-----------------------
"เทียนฉาย" บอกประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก สปช. เปิดเว็บไซต์เพื่อเป็นประโยชน์ กับ ปชช.-นิมิต เว็บไซต์ เสียงปฏิรูปออนไลน์ เป็นความร่วมมือกันของ สปช. และบุคคลภายใน

คณะกรรมาธิการวิสามัญประชาสัมพันธ์เพื่อการปฏิรูป การแถลงเปิดตัวหนังสือพิมพ์ปฏิรูปออนไลน์ โดย นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากการทำ

แบบประเมินความรู้เกี่ยวกับ สปช. ของตัวแทนประชาชนจากทั่วประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก สปช. ซึ่งคณะกรรมาธิการเห็นว่า สปช. ทำหน้าที่ที่กระทบต่อปากท้องและความเป็นอยู่

ของประชาชนโดยตรง จึงได้เปิดเว็บไชต์ดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสารข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับประชาชนในการยกร่างรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม นายนิมิต สิทธิ์ไตร ยืนยันว่า เว็บไซต์ เสียงปฏิรูปออนไลน์ เป็นความร่วมมือกันของ สปช. และบุคคลภายใน เพื่อเปิดเผยข่าวสารกึ่งราชการที่ทันสมัยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ได้ใช้

งบประมาณของรัฐแต่อย่างใด
------------------------
นักวิชาการไม่เห็นด้วยมีกลุ่มการเมืองในรัฐธรรมนูญ ชี้ย้อนกลับ รธน.ปี 40

คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จัดสัมมนา เรื่อง "การรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการสาขานิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์เพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ" โดยเฉพาะ

การปฏิรูปการเมือง ซึ่งคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง จะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเป็นแนวทางไปจัดทำข้อแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อไป ส่วนประเด็นที่พูดคุยในครั้งนี้ อาทิ กลุ่มการ

เมือง ระบบเลือกตั้ง ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ที่มาและคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี การตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารและการทำประชามติ โดยนักวิชาการเห็นตรงกันไม่เห็นด้วยให้มี "

กลุ่มการเมือง" เนื่องจากกังวลว่าจะเป็นการย้อนกลับไปสู่รัฐธรรมนูญปี 2540 เกิดการซื้อตัวผู้สมัครอิสระเข้าพรรคการเมือง รวมถึงการรวมตัวกลุ่มการเมืองจะกลายเป็นฐานอำนาจทางการเมืองท้อง

ถิ่น ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติ
------------------
บวรศักดิ์แจงร่าง รธน.ไม่มีบัญญัติยุบกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และการปกครองท้องถิ่น แต่จะผลักดันให้เกิดขึ้นจริง

วันนี้ที่รัฐสภา กลุ่มเครือข่ายสมาคมองค์กรปกครองท้องถิ่นและชุมชนท้องถิ่น เข้ายื่นหนังสือต่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อสนับสนุนหมวดการ

กระจายอำนาจและปกครองท้องถิ่น ในร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะหลักการการกระจายอำนาจและชุมชนจัดการตน โดยยืนยันว่า การปกครองตนเองไม่ได้เป็นการแบ่งแยกดินแดน แต่เป็นการถ่าย

โอนหน้าที่ไปสู่ท้องถิ่น ซึ่งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านมีความสำคัญอย่างมากในการปกครองส่วนท้องถิ่น

ขณะที่ นายบวรศักดิ์ ชี้แจงว่า ในร่างรัฐธรรมนูญไม่มีบัญญัติให้ยุบกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และการปกครองส่วนภูมิภาคแต่อย่างใด ส่วนบทบัญญัติที่ว่าด้วยเรื่องการยกสถานะท้องถิ่นเป็นเป็นท้องถิ่น

พิเศษนั้นเป็นเรื่องที่แนวนโยบายมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ แต่ในร่างฉบับปัจจุบันจะผลักดันให้เกิดขึ้นจริง
------------------------
กกต. สาธิตการลงคะแนนเลือกตั้งรองรับรัฐธรรมนูญใหม่

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้งจัดสาธิตกระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป โดยได้จำลองเหตุการณ์การเลือกตั้งเสมือนจริง

ตั้งแต่การลงคะแนน การนับคะแนน โดยเปิดให้มีการลงคะแนนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.00-10.00 น. ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ของ กกต. จำนวน 200 คน ผู้สาธิตการและจำลองพรรคการเมือง

หรือกลุ่มการเมือง 20 พรรค  

ทั้งนี้ นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการสาธิตการลงคะแนนว่าเพื่อให้ทราบอุปสรรคขัดข้องในขั้นตอนใดบ้าง เพื่อ

นำปัญหาไปปรับแก้ ก่อนนำไปเขียนในระเบียบ กกต. หรือกฎหมายลูก ถึงวิธีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง รวมถึงนำข้อมูลวันนี้ ไปคำนวณจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งและระยะ

เวลาในการนับคะแนน
---------------------------
"ศุภชัย" ชี้ แบบ open ระบบเลือกตั้งใหม่ ประชาชนสับสน นับคะแนนยุ่งยาก

นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และ นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้าน

กิจการการมีส่วนร่วม ได้มาสังเกตการณ์ และจะมีแถลงสรุปรายละเอียดอีกครั้ง ในเวลา 14.00 น.

ทั้งนี้ สำหรับการนับคะแนนจะมีการนับถึง 3 ครั้ง โดยจะมีการนับคะแนนแบบแบ่งเขต ไปพร้อมกับการนับคะแนนพรรคการเมืองก่อนที่จะนับคะแนนบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง หรือกลุ่มการ

เมืองที่ได้รับเลือกตั้ง เพื่อจัดลำดับรายชื่อที่ประชาชน  ทั้งนี้ หากบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ไม่มีการลงคะแนนเลือกบัญชีรายชื่อ ก็ไม่ถือว่าเป็นบัตรเสีย

อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย มองว่า การเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อแบบ open list จะทำให้ประชาชนเกิดความสับสนอาจสร้างความสับสนให้กับประชาชนและเกิดความยุ่งยากในการนับคะแนน ทำให้

ระยะเวลาในการนับคะแนนเพิ่มขึ้น รวมถึงอุปกรณ์แต่ละหน่วยเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นด้วย เพราะต้องจัดเตรียมให้เพียงพอกับพรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง
-----------------------
สภาปฏิรูปแห่งชาติ พิจารณาปฏิรูปการสื่อฯ มุ่งยกระดับการทำงาน บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม ป้องกันการแทรกแซง

การประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ที่มี นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ

ใน 3 วาระ คือ วาระปฏิรูปที่ 32 การกำกับดูแลสื่อ, วาระปฏิรูปที่ 33 สิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ, วาระปฏิรูปที่ 34 การป้องกันการแทรกแซงสื่อ โดย นายจุมพล รอดคำดี ประธาน

กรรมาธิการฯ ชี้แจงหลักการและเหตุผลว่า ที่ผ่านมา หลายปัญหาเกิดจากสื่อมวลชน จึงได้เสนอแนวทางการกำกับดูแลความรับผิดชอบของสื่อเป็นสำคัญ โดยกำกับกรอบการปฏิรูปที่ยึดหลัก

เจตนารมณ์ คือ สิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชนบนความรับผิดชอบ การป้องกันการแทรกแซงสื่อ และการกำกับดูแลสื่อที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดสิทธิการรับรู้ของประชาชนที่เข้าถึงสื่อ

อย่างแท้จริงตามสิทธิข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้สื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ขณะเดียวกัน สื่อต้องยอมรับการตรวจสอบจากสาธารณชน
--------------------
ตัวแทนพระพุทธอิสระยื่นหนังสือหนุนทำประชามติถามประชาชนปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือไม่

ตัวแทนพระพุทธอิสระ พร้อมชาวบ้านในจังหวัดนครปฐม ยื่นหนังสือถึง นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิก สปช. สนับสนุนให้มีการปฏิรูปประเทศในทุกมิติก่อนจัดการเลือกตั้ง ซึ่งสอดคล้องกับข้อ

เสนอของนายไพบูลย์ที่เรียกร้องให้มีการทำประชามติถามประชาชนในคราวเดียวกันว่าควรปฏิรูปประเทศให้เสร็จภายใน 2 ปีก่อนจัดการเลือกตั้งหรือไม่

ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ยืนยันว่า ข้อเสนอดังกล่าวไม่ใช่การยื้อเวลาเพื่อต่ออายุการทำงาน แต่เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนที่หากไม่มีการปฏิรูปให้แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง ประเทศก็ยังคงมีปัญหา

ความขัดแย้งเช่นเดิม และอยากตั้งข้อสังเกตผู้ที่คัดค้านข้อเสนอนี้ว่าเป็นเพราะประชาชนออกมาสนับสนุนให้มีการปฏิรูปและกังวลว่าจะมีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือไม่
----------------------
นายกฯ ปัดตอบทำประชามติ บอกหากทุกฝ่ายเห็นด้วย พร้อมแก้ รธน.ชั่วคราว ไม่ยืนยันผลการประชุมร่วมฯ คสช.-ครม. พรุ่งนี้จะได้ข้อสรุปหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวถึงเรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่าจะต้องรอการหารือกัน และหากทุกคนมีความเห็น

ร่วมกันให้ทำประชามติก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้สามารถทำประชามติได้ ทั้งนี้ ไม่ทราบว่าการประชุมร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรีและ คสช. วันพรุ่งนี้จะมีข้อสรุปเรื่องกล่าวหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว หรือ นบข. เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา นักศึกษาเยาวชนชมรมเพื่อประชาธิปไตย จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 15 คน

ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยพร้อมกล่าวว่า วันนี้เยาวชนรุ่นใหม่จะต้องมองภาพว่าประเทศของเราต้องเดินข้างหน้า ซึ่งสิ่งที่ต้องช่วยกันคือทำอย่างไรจะไม่ให้คนยากคนจน

ถูกชักจูงไปในทางที่ผิด พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยขัดแย้งกับประชาธิปไตย แต่ต้องการให้ไทยมีประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ที่สำคัญคือการปฏิรูปต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และถ้าจะมีการ

เลือกตั้งและมีรัฐบาล ก็ต้องเป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล
----------------------
นายกสมาคมรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ยื่นเสนอขอเพิ่มการแก้ไขร่าง รธน. เรื่องการจัดการศึกษาของประเทศ

นายจำเริญ พรหมมาศ นายกสมาคมรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (ประเทศไทย) พร้อมคณะ ได้ยื่นหนังสือขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการจัดการศึกษาของประเทศ ต่อ

ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมี นายประเสริฐ ชิตพงศ์ รองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการ
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นผู้รับหนังสือ โดยหนังสือดังกล่าวมีใจความสำคัญเพื่อขอให้มีการปรับปรุงแก้ไข 2 มาตรา คือ มาตรา 84 ว่าด้วยเรื่องรัฐต้องจัดและส่งเสริมทำนุบำรุงการศึกษาอบรม

ทุกระดับและทุกรูปแบบ ในวรรค 1 และ 3 รวมถึงมาตรา 286 ว่าด้วยเรื่องการให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนให้เป็นพลเมืองดี มีความรู้ความสามารถ ในวรรค 1, 2 และ 8
-----------------------
"กกต.สมชัย" ระบุ เลือกตั้งสัดส่วนผสมใช้เวลานาน นับคะแนนยุ่งยาก สิ้นเปลืองงบประมาณ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงผลการสาธิตการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป โดยพบว่า เวลา 1 ชั่วโมงที่เปิดให้ลงคะแนน สามารถ

ลงคะแนนได้ 174 คน และใช้เวลานับคะแนน 90 นาที ซึ่งหากเทียบกับการเลือกตั้งจริงในหนึ่งหน่วยเลือกตั้ง หากมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 800 คน สามารถลงคะแนนได้ 600 คน อาจใช้เวลา 5 ชั่วโมงแต่

ต้องไม่เกิดปัญหาติดขัด

ทั้งนี้ หากมีการกำหนดให้นับคะแนนที่เขต จะต้องใช้เวลากว่า 66 ชั่วโมง หรือ 3 วัน โดยเป็นการตรวจสอบความถูกต้องและขนส่งหีบบัตรเลือกตั้ง 6 ชั่วโมง และนับคะแนนอีก 60 ชั่วโมง แต่ต้อง

เป็นการนับแบบต่อเนื่องและไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น

อย่างไรก็ตาม พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นขั้นตอนการลงคะแนนยุ่งยาก อาจส่งผลให้เกิดบัตรเสีย สิ้นเปลืองงบประมาณเพราะต้นทุนการจัดเลือกตั้งสูง ทั้งการเพิ่มคูหาเลือก การจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่

ใหญ่ขึ้น อุปกรณ์การนับคะแนน ต้องจัดสถานที่ใหญ่กว่าเดิม รวมถึงใช้ระยะเวลานานในการนับคะแนน
-----------------------
"สมชัย" เตรียมทำรายงาน ปัญหา ข้อยุ่งยาก ในการสาธิต ลต.ระบบใหม่ ให้ กมธ.ยกร่างฯ เพื่อให้ทบทวนปรับปรุงเปลี่ยนแปลง

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงปัญหาการสาธิตการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ว่า จะทำรายงานส่งไปยังคณะกรรมาธิการยกร่าง

รัฐธรรมนูญให้เห็นรูปแบบที่ออกแบบ หากจะกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นแบบสัดส่วนผสม โดยเฉพาะแบบ open list และทบทวนว่าผลที่จะได้รับมีความคุ้มค่ากับต้นทุนและเจตนารมณ์หรือไม่ เพื่อ

ไม่ให้สูญเปล่า พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขกรณีหากบัตรเลือกตั้งหาไม่ครบหรือเกิดปัญหา เพราะจะส่งผลต่อคะแนนรวมทั้งประเทศจนไม่
สามารถประกาศผลการเลือกตั้งได้

นอกจากนี้ นายสมชัย ระบุอีกว่า ความยากลำบากในการลงคะแนนคือประชาชนต้องจดจำหมายเลข ส.ส. แบบแบ่งเขต/พรรคการเมือง และลำดับบัญชีรายชื่อ ขณะที่กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง

ต้องเข้าใจวิธีการลงคะแนน
----------------
กกต. พร้อมทำหน้าที่ให้ความรู้ ปชช. หากมีมติให้ทำประชามติร่าง รธน. คาดงบประมาณ 3 พันล้านบาท

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า กกต.จะทำหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการออกเสียงประชามติ การควบคุมให้

เป็นไปด้วยความโปร่งใส จัดเวทีกลาง หรือประสานในการออกสื่อให้ฝ่ายเห็นต่างได้แสดงเหตุผล แต่การเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญ หรือการจัดพิมพ์ต้องเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐ

ธรรมนูญ หรือสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งงบประมาณในการทำประชามติอาจจะใกล้เคียง 3000 ล้านบาท หรือน้อยกว่า ใช้งบน้อยกว่าการเลือกตั้งทั่วไป เพราะการจัดพิมพ์บัตร

คูหา อุปกรณ์เลือกตั้ง และค่าเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยลดลง

///////////////
เคลื่อนไหวนายกฯ

นายกฯ เป็น ปธ.การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวและประชุม คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ

ภารกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. วันนี้ (18 พ.ค.58) เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะ

กรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 3/2558หลังจากนั้น ในเวลา 14.00 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ 2/2558

ขณะที่วาระที่น่าสนใจในทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น. นายคิริลล์ บาร์สกี (H.E. Kirill Barsky) เอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย จะเดินทางเข้าเยี่ยมคารวะ หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล

รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ หลังจากนั้น เวลา 15.00 น. นายเดวิด ซุน (Mr. David Sun) ประธานบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเดินทาง
เข้าเยี่ยมคารวะ รองนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ เวลา 14.30 น. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในนามผู้แทนรัฐบาลจะเป็นตัวแทนเพื่อรับมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย

แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล จากภาคประชาชนและองค์กรต่างๆ
------------
นายกรัฐมนตรี เข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว เตรียมประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว

ความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เดินทางเข้าปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลแล้ว ท่าม

กลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด ก่อนที่เวลา 09.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 3/2558

โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทยอยเดินทางมาเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ มาตรการในการรักษาความปลอดภัย โดยรอบทำเนียบรัฐบาล ยังคงเป็นไปด้วยความเข้มงวด เนื่องจาก ยังคงมีการจัดเทศกาลผักและผลไม้คุณภาพ บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล จึงทำให้มี

ประชาชนเข้า-ออกจำนวนมาก ส่วนยานพาหนะและบุคคลที่ผ่านเข้าไปด้านในทำเนียบรัฐบาล จะต้องติดบัตรเพื่อแสดงตนอย่างชัดเจน
------------------------
นายกฯ ย้ำที่ประชุม คทช. เร่งเดินหน้าแก้ปัญหาที่ดิน มอบกระทรวงเกษตรฯ ดูแล ปชช. เข้าถึงแหล่งเงินทุนกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่ดินในการประกอบการกู้

พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ คทช. ได้มีการรายงานผลการดำเนินงานใน

พื้นที่เป้าหมายตามที่ คทช. ได้ดำเนินการแล้วไปเสร็จ ในพื้นที่อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และเตรียมที่จะดำเนินการตามพื้นที่เป้าหมายในระยะต่อไป ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม โดยมีพื้นที่ในป่า

สงวนแห่งชาติลุ่มแม่น้ำฝาง ป่าสงวนแห่งชาติท่าทาง และป่าสงวนแห่งชาติแม่ตาล พื้นที่รวมกว่า 9,164 ไร่

อย่างไรก็ตาม จากการทำงานที่ผ่านมา มีราษฎรบางพื้นที่ มีความต้องการในเอกสารสิทธิ์รายบุคคล ซึ่งรัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจชี้แจงต่อไป โดยย้ำว่าจะดำเนินการในลักษณะดังกล่าวไม่ได้

เพราะที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะราษฎรเกิดการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ในขณะที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มพีมูฟ ในการเรียกร้องให้ออกโฉนดชุมชน มีความ

สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลในโครงการของ คทช. โดยล่าสุดกลุ่มพรีมูฟได้เสนอมาแล้วกว่า 58 แปลง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไป แต่หากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ก็ต้องทำความเข้าใจว่า มีความ

จำเป็นต้องหาพื้นที่ใหม่ภายหลัง

ทั้งนี้ ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำแนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่ดินในการประกอบการกู้

เงินได้ และหามาตรการการป้องกันการสวมสิทธิ์ในการนำไม้จากป่าภายนอกเข้ามาสวมสิทธิ์ในพื้นที่ป่าชุมชน พร้อมทั้งจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้กับพื้นที่ที่จะเข้าร่วมโครงการ
--------------------
///////////////////
ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ

"ทักษิณ" เฟซไทม์ คุย "ยิ่งลักษณ์" ขณะไปเยี่ยมหลาน คาดให้กำลังใจก่อนไปศาลพรุ่งนี้

นางพินทองทา (ชินวัตร) คุณากรวงศ์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ภาพลงอินสตาแกรมส่วนตัว @aimpintongta และ @ingshin21 ระบุว่า

ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยี่ยมหลานสาวฝาแฝด “น้องเอมิ และนามิ” ก่อนถ่ายรูปส่งไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กำลังเตรียมตัวปาฐกถาที่ประเทศเกาหลีใต้ใน

วันที่ 19 พ.ค.นี้ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รีบเฟซไทม์กลับมาหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และหลานสาวฝาแฝดด้วย

ทั้งนี้ ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะปาฐกถาที่ประเทศเกาหลีใต้แล้ว ซึ่งเป็นเป็นวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเดินทางไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อนัดพิจารณา

คดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นจำเลยในความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบสร้างความเสียหายแก่รัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบ

ปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ที่ระงับไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวสร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
--------------------
คณะทำงานอัยการ พร้อมขึ้นศาลฎีกานักการเมือง เริ่มคดีโครงการจำนำ พรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เก้าโมงครึ่ง ลุ้น "อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์" มาศาลสอบคำให้การหรือไม่ หากไม่มาไม่แจ้งเหตุ จ่อหมายจับตาม

กฎหมาย

นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน รองหัวหน้าคณะทำงานคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีครั้งแรกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง

ตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบสร้างความเสียหายแก่รัฐตามประมวลกฎหมาย
อาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ที่ละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าวสร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ว่า

วันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย ซึ่งหากจำเลยเดินทางมาศาลก็จะอ่านคำฟ้องให้ฟังเพื่อสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ โดยเชื่อว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธ
จากนั้นศาลก็จะกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป

ทั้งนี้ นายสุรศักดิ์ รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการ ยังกล่าวอีกว่า พรุ่งนี้คณะทำงานทั้งคณะจะเดินทางไปศาล ส่วนจำเลยนั้นเท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อมวลชนระบุว่าจำเลยจะมาศาล อย่างไรก็ดีหากถึง

เวลานัดพรุ่งนี้แล้วจำเลยจะไม่มาศาล โดยไม่มอบหมายผู้แทนหรือทนายความแจ้งต่อศาลถึงเหตุขัดข้อง ตามขั้นตอนกฎหมาย ศาลสามารถพิจารณาออกหมายจับได้
-----------------
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผย สั่งการ บช.น.จัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยการพิจารณารคดียิ่งลักษณ์โกงจำนำข้าว พรุ่งนี้

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ได้สั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยในการพิจารณาคดีครั้งแรกของศาลฎีกาแผนกคดี

อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ในวันพรุ่งนี้ (19 พ.ค. 58) เวลา

09.30 น.

ซึ่งจากการข่าวเบื้องต้น ยังไม่พบสิ่งบอกเหตุที่น่าเป็นห่วง แต่อาจมีผู้สนับสนุนบางส่วนเดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่มีจำนวนไม่มาก ซึ่งได้สั่งการให้ตำรวจพื้นที่รับผิดชอบกำลังดูแล

ความสงบเรียบร้อย รวมถึงเตรียมกำลังเสริมไว้บริเวณใกล้เคียงให้สามารถเรียกกำลังได้ทันที
/////////////////
สถานการณ์ใต้

ผบ.ตร. สั่งเด้งผู้การฯ จ.ยะลาเข้า ศปก.ตร.รายงานตัววันนี้ เซ่นเหตุระเบิดในพื้นที่ 3 วันติด

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีคำสั่ง ตร. 274/2558 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจไป

ปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน โดยในคำสั่งดังกล่าวระบุว่า เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความใน

มาตรา 11 และมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และข้อ 8 (1) แห่งระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงาน

ตำรวจแห่งชาติพ.ศ. 2552 จึงให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ดังต่อไปนี้

1.ให้ พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ วังสุภา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้

บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยให้ไปรายงานตัวที่ ศปก.ตร. ภายในวันที่ 18 พ.ค. 2558 ก่อนเวลา 16.00 น.

2.ให้ พล.ต.ต.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 2558 เป็นต้นไป

สำหรับคำสั่งย้ายดังกล่าว มีรายงานว่าเป็นเพราะได้เกิดเหตุระเบิดอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วันที่ผ่านมา ในพื้นที่จังหวัดยะลา
///////////////////////
หลวงพ่อคูณ

ผกก.สภ.ด่านขุนทด เผย วัดบ้านไร่ ทำพิธีสวดอภิธรรมศพ หลวงพ่อคูณ เริ่มวันนี้ วันแรก นาน 90 วัน ตร. พร้อมดูแล รปภ.คนร่วมงาน

พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ จันทรกานตานนท์ ผกก.สภ.ด่านขุนทด เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงบรรยากาศที่วัดบ้านไร่ หลังจากที่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาส ได้มรณภาพผ่านไป 2 วัน ปรากฏว่า

ประชาชนยังคงหลั่งไหลเข้ามาร่วมไว้อาลัยเรื่อยๆ ที่วัดซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมความพร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 3 นาย ประจำอยู่ตลอดเวลา และมี อพ.ปร.บ้านไร่ ในการดูแล

รักษาความปลอดภัยด้วย โดยทางวัดบ้านไร่ จะจัดพิธีสวดอภิธรรมศพ ทุกวัน เวลา 14.00 น. และเวลา 19.00 น. ของทุกวัน เป็นเวลานาน 90 วัน ซึ่งจะเริ่มวันนี้ (18 พ.ค.) เป็นวันแรก

ทั้งนี้ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะสงฆ์ จะได้มีการประชุมกันในวันนี้ เพื่อหาข้อสรุปการดำเนินงาน และการอำนวยความสะดวก เรื่องพิธีงานของหลวงพ่อคูณอีกครั้ง
/////////////////////
เศรษฐกิจ

สศช. เผย จีดีพี ไตรมาส 1 ปี 2558 ขยายตัวร้อยละ 3.0 ปรับเป้าทั้งปีลง เหลือร้อยละ 3.0-4.0 ส่งออกขยายตัวเพียงร้อยละ 0.2

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงข่าว “ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมใน

ประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1 และแนวโน้มปี 2558” โดยระบุว่า สภาพัฒน์ฯ ได้มีการปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2558 ลง ร้อยละ 3.5-4.5 เหลือร้อยละ3.0-4.0 เนื่องจากราคาสินค้าส่ง

ออกลดลงตามราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันสำเร็จรูป ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวร้อยละ 0.2 ปรับลดลงจากที่ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวร้อยละ

3.5 ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อ ทั้งปีนี้ มีโอกาสหดตัวถึงขยายตัวในช่วง ติดลบร้อยละ 0.3 - 0.7

นอกจากนี้ ด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในไตรมาสแรกของปี 2558 ขยายตัวร้อยละ3.0 ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 2.1 ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 ปรับตัวดี เนื่องจากการ

บริโภคเอกชนดีขึ้นต่อเนื่อง และการลงทุนภาครัฐขยายตัวสูงขึ้นตามการเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว
----------------------
คลัง เผย รัฐจัดเก็บรายได้ 7 เดือนแรก สูงกว่าปี 2557 ร้อยละ 6.2 เป็นเงิน 1.143 ล้านล้านบาท

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ตุลาคม 2557 - เมษายน 2558) รัฐบาลจัด

เก็บรายได้สุทธิ 1,143,407 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 15,577 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.4 และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 6.2 เนื่องจากการนำส่งรายได้ของรัฐ

วิสาหกิจมูลค่า 25,055 ล้านบาท รวมทั้งการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตมูลค่า 14,771 ล้านบาท และหน่วยงานอื่นๆ มูลค่า 14,562 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของ
กรมสรรพากร มูลค่า 47,713 ล้านบาท และกรมศุลกากร มูลค่า 2,988 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย สำหรับภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ คือ ภาษีน้ำมัน ขณะที่ภาษีจัดเก็บได้ต่ำกว่า

ประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง รวมทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลได้รับผลกระทบจากการ

ชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ที่กำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ จะพบว่ามีการขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ร้อยละ 7.5 สะท้อนว่า กำลังซื้อและการลงทุนในประเทศยังมีการขยายตัวอยู่
-----------------------
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุสภาพัฒน์ปรับจีดีพีไม่น่าตกใจ เตรียมเร่งรัดเบิกจ่ายโครงการขนาดใหญ่ในช่วงปลายปี เชื่อทั้งปีเศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวก

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐของประเทศ หรือ จี

ดีพี ในปี 58 ลงเหลือร้อยละ 3-4 หรือ เฉลี่ยร้อยละ 3.5 ขณะที่กระทรวงการคลัง ปรับจีดีพีเหลือร้อยละ 3.7 นับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่แตกต่างกันมากจึงไม่ต้องตกใจ เพราะใช้สมมติฐานในแต่ละด้าน

และจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

โดยรัฐมุ่งหวังการอัดฉีดเงินลงสู่ระบบผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เมื่อเริ่มใช้เงินงบประมาณปี 59 ตั้งแต่เดือนกันยายปีนี้ เพื่อให้เงินเริ่มออกสู่ระบบในปลายปีนี้ ส่วนราชการต้องเตรียมแผน

โครงการลงทุนไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ปลายปีนี้ และตลอดทั้งปีจีดีพีเป็นบวกได้
------------------------------
กกร.เร่งรัดคมนาคมเดินหน้าแผนพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยง คมนาคม ทั้งประเทศ พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ทาง กกร.เข้ามารับฟังความก้าวหน้าของเเผนงานที่

เคยได้หารือร่วมกันก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งขอให้ทางรัฐบาลเร่งรัดในการดำเนินการแผนพัฒนาโครงการเชื่องโยงคมนาคมต่าง ๆ ทั่วประเทศตามแผนงานโครงการที่ได้วางไว้ เช่น การพัฒนาด่าน

แม่สอด การปรับปรุงสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 1 การพัฒนาสนามบินแม่สอดซึ่งขณะนี้กรมการบินพลเรือนอยู่ระหว่างการขอซื้อที่ดินเพื่อขยายรันเวย์

นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอปรับปรุงขยายเส้นทางเชื่อมโยงด่านภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมโยงเส้นทางมรดกโลกระหว่างสุโขทัย-หลวงพระบาง โดยกรมทางหลวงได้บรรจุอยู่ในแผน

เพื่อดำเนินงานต่อไป

อย่างไรก็ตาม ยังเสนอให้มีการจัดระบบและการบริหารจัดการรถขนส่งและรถที่สัญจรข้ามแดนและขนส่งสินค้าไทย-มาเลเซีย เนื่องจากยังไม่มีการลงนามข้อตกลงด้านการการขนส่งสินค้าและผู้

โดยสาร โดยนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ฝ่าย เสนอให้รถตู้ของไทยและมาเลเซียรวมตัวกันเป็นนิติบุคคลหรือร่วมลงทุนกับมาเลเซีย โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และกรมการ
ขนส่งทางบกจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อไป โดยหลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมและ กกร. จะประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทุก 3 เดือน
-------------------------------
สมาคมผู้ส่งออกข้าว เสนอใช้มาตรา 44 เร่งขั้นตอนระบายข้าว คาดปีนี้ ส่งออกได้ 9 ล้านตัน ลดลงจากเป้า 10 ล้านตัน หลังตลาดชะลอตัว

ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย มองว่า การระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลช่วงที่ผ่านมา ยังล่าช้า เพราะติดปัญหาคดีความ ทำให้การระบายไม่สอดคล้องกับสภาพที่

ตลาดที่มีความต้องการข้าวเก่า และข้าวเก่ายังขายได้ราคาสูงกว่าข้าวใหม่ ตันละ 10 เหรียญสหรัฐ หากเร่งระบายข้าวได้เร็ว ก็จะช่วยลดภาระการเก็บรักษาข้าวของรัฐบาลและช่วยรักษาเสถียรภาพ

ราคาข้าวเปลือกได้ ดังนั้น จึงอยากเสนอให้ใช้มาตรา 44 ภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว เร่งรัดกระบวนการระบายข้าวในสต๊อกเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

โดย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ประเมินว่า การส่งออกข้าวไทยปีนี้ จะอยู่ที่กว่า 9 ล้านตัน ลดลงจากเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ 10 ล้านตัน เนื่องจากตลาดข้าวชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก และผล

จากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง ทำให้กำลังซื้อในหลายตลาดหายไป ประกอบกับ ไทยเสียเปรียบจากอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือทำเนียบ

พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือทำเนียบ
โหรชี้ หนุนดวง “บิ๊กตู่” ใครก็ขวางไม่อยู่
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าเวลาประมาณ 11.00 น. บริเวณทำเนียบรัฐบาลได้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นทั่วไปในช่วงที่ไม่มีเมฆเช่นวันนี้
โดย นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์การที่พระอาทิตย์ทรงกลดเป็นเรื่องที่ดี หากมีการทำงานอะไรแล้วเกิดปรากฏการณ์นี้จะถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง และในช่วงที่ไม่ค่อยมีเมฆเช่นเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นมงคลต่อประเทศชาติ
อีกทั้งปรากฏการณ์ดังกล่าวยังจะส่งผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ เกิดปีมะเมีย และวันนี้เป็นวันมะเมีย เวลา 11.00 น. ก็เป็นเวลามะเมีย ปรากฏการณ์ที่ว่าจะเกื้อหนุนการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีอุปสรรคมาขัดใจอยู่บ้างแต่ก็จะผ่านไปได้
และแม้เดือนนี้จะเป็นเดือนมะเส็ง งูอาจจะพันขาม้าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ บ้าง แต่เนื่องจากปีนี้เป็นปีมะแม ที่เกื้อหนุนดวงนายกฯ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ไม่สามารถขัดขวาง พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้


ว่าด้วยแต่ละมุมมอง โรฮิงญา


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าว “ทหารเรือถามว่าจะแวะประเทศไทยก่อนไหม ผู้อพยพไม่ประสงค์เข้าเขตไทย เขาต้องการไปประเทศที่สาม เราก็ให้น้ำ ให้น้ำมันเขา ถือว่าได้ปฏิบัติมนุษย์ธรรมครบถ้วนแล้ว”
ส่วนนายโจ ลาวรี โฆษกองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน IOM ช่วยแก้ต่างประเทศไทยที่ถูกนานาชาติกล่าวหาว่าผลักไสชาวโรฮิงญาไปตายในทะเล โดยแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ผู้อพยพบนเรือปฏิเสธจะขึ้นฝั่งประเทศไทย แม้จะอนุญาตแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการเดินทางต่อไปมาเลเซีย
คนใกล้ชิดออง ซานซูจี บอกว่าเวลานี้นักการเมืองพม่ากำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการเลือกตั้งซึ่งจะมีเดือน พ.ย. ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องปัญหาโรฮิงญา เพราะมีพระสงฆ์และชาวพุทธหัวรุนแรงรณรงค์ต่อต้านโรฮิงญา ใครพูดเรื่องนี้สอบตกแน่นอน แต่เชื่อว่าหลังเลือกตั้ง พม่าต้องให้ตวามร่วมมือเพราะถูกนานชาติกดดันมาก
ออสเตรียสนับสนุนไทยจัดประชุม 17 ประเทศเพื่อแก้ปัญหาโรฮิงญา ไม่กล้าตำหนิไทยเพราะตัวเองนอกจากไม่ยอมให้ผู้อพยพขึ้นฝั่งแล้ว เมื่อเดือนกันยายน 2557 ทุ่มเงินจ้างเขมร 35 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ฮุน เซน รับโรฮิงญาประมาณ 400 คน ที่ตัวเองกักไว้บนเกาะฮูรู ให้ไปตั้งรกรากในกัมพูชา
อุปทูตอเมริกา ลงไปติดตามปัญหาค้ามนุษย์และผู้อพยพโรฮิงญา สนับสนุนไทยจัดประชุมนานาชาติแก้ปัญหาโรฮิงญา และกล่าวว่า “โรฮิงญาเป็นปัญหาของทุกประเทศในภูมิภาค ที่ทุกประเทศต้องร่วมมือแก้เพราะไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทยเพียงประเทศเดียว”
นักข่าวไทย “คร่ำครวญว่าน่าสงสาร พวกเขาไม่มีที่ไปเข้าผู้หญิงเด็กเข้ามาโอบกอดดิฉัน บอกว่าต้องการเข้าประเทศไทย” คนไทยและชาวโลกควรฟังใคร ระหว่างนักข่าวมนุษย์ชนจ๋า กับผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย พบได้ในวิภาคสื่อเทศ วิเทศสื่อไทย ในแนวหน้าวันพฤหัสบดีนี้ รับรองจัดหนักจัดเต็ม

ฟิลิปปินส์เตรียมอ้าแขนรับโรฮิงญา ขณะเอกวาดอร์ประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ฟิลิปปินส์เตรียมอ้าแขนรับโรฮิงญา ขณะเอกวาดอร์ประกาศพร้อมให้ความช่วยเหลือ

เลขาธิการแผนกปฏิบัติการสื่อสารทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เผยรัฐบาลจะรองรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาทั้งจากบังคลาเทศและเมียนมาร์ซึ่งถูกปฏิเสธความช่วยเหลือจากประเทศอื่นในอาเซียน ได้ราว 3,000 คน ขณะเอกวาดอร์ประกาศว่าประชาคมชาติละติน-แคริบเบียน (CELAC) พร้อมรับผู้อพยพเพื่อบรรเทาโศกนาฏกรรม
ฟิลิปปินส์เตรียมรับผู้อพยพ 3,000 คน

18 พ.ค. 2558 เว็บไซต์ Rappler รายงานว่า เลขาธิการแผนกปฏิบัติการสื่อสารทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อฟิลิปปินส์ว่ารัฐบาลจะรองรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาทั้งจากบังคลาเทศและเมียนมาร์ซึ่งถูกปฏิเสธความช่วยเหลือจากประเทศอื่นในอาเซียน ได้ราว 3,000 คน 
เฮอร์มินิโอ โคโลมา จูเนียร์ เลขาธิการแผนกปฏิบัติการสื่อสารทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ได้ปฏิเสธข่าวที่ว่ารัฐบาลมีนโยบายจะผลักดันผู้อพยพทางเรือเหล่านี้ออกหากเข้ามาในน่านน้ำฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ เฮอร์มินิโอ โคโลมา จูเนียร์ได้อ้างถึง ปฏิญญาว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ลงนามไว้และมีผลผูกพันรัฐบาลฟิลิปปินส์ว่าต้องให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลที่ถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐานโดยไม่สมัครใจอันเนื่องมาจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง 
ทั้งนี้เขาระบุด้วยว่าทางการฟิลิปปินส์จะให้ความช่วยเหลือในขั้นต้นคือการช่วยชีวิตและกลไกลให้ความช่วยเหลือระยะยาว
เขายังกล่าวว่า ฟิลิปปินส์เคยรับผูอพยพทางเรือชาวเวียดนามในทศวรรษที่ 1970’s ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามเวียดนาม โดยให้ผู้อพยพเหล่านั้นได้พักพิงชั่วคราวที่เกาะปาลาวัน ก่อนที่จะย้ายไปยังประเทศที่สาม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังไม่มีความเห็นหรือแถลงการณ์ใดๆ จากทางกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ต่อกรณีผู้อพยพชาวโรฮิงญา
ปธน.เอกกวาดอร์ประกาศชาติละตินพร้อมรับผู้อพยพทางเรือชาวโรฮิงญา เพื่อให้โศกนาฏกรรมได้รับการบรรเทา
ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์เทเลซูร์ของเวเนซุเอลา รายงานว่า ประธานาธิบดีเอกวาดอร์ ราฟาเอล คอร์เรอา ได้ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ประชาคมแห่งรัฐละตินอเมริกันและแคริบเบียน (CELAC) ซึ่งมีประเทศสมาชิก 33 ประเทศ ในภูมิภาคอเมริกาใต้และอเมริกากลาง จะให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวเอเชียหลายพันคนที่ลอยลำอยู่ในชายฝั่งของไทย
"โลกนี้ฟั่นเฟือน มันแสดงความเพิกเฉยต่อชีวิตมนุษย์ที่ต้องลอยลำอยู่ในเรือ และกำลังจะตายเพราะความหิวโหย โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จอดเรือ" ประธานาธิบดีเอกวาดอร์กล่าวในรายการแถลงประจำสัปดาห์ เขากล่าวด้วยว่า  "หากปัญหานี้ยังดำเนินต่อไป เราจะให้ความสนับสนุนทุกอย่างทั้งเสบียงอาหาร รวมทั้งประชาคมแห่งรัฐละติมอเมริกาและแคริบเบียน (CELAC) จะต้อนรับผู้ได้รับผลกระทบเหล่านี้ด้วย เพื่อทำให้โศกนาฏกรรมที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้รับการบรรเทา"
ผู้นำเอกวาดอร์ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกทั้งหมดคว่ำบาตรนโยบายคนเข้าเมืองที่เลือกปฏิบัติเช่นนี้ด้วย
รายงานของเทเลซูร์ ระบุว่า ในรอบสัปดาห์ก่อน ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ไม่ยอมให้เรือที่บรรทุกผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮิงญาเข้ามาในประเทศ โดยผู้อพยพเหล่านี้หนีการถูกข่มเหงจากชุมชนของพวกเขาในประเทศพม่าที่ชาวพุทธเป็นประชากรส่วนใหญ่
ที่มา

เสธน้ำเงิน:ทำไมจิ๋ว อัลไซเมอร์ และอั้งยี่เผาไทย จึงร้อนรนปั่นป่วนหนักช่วงนี้

วันที่ 16 พ.ค.58 ไขปริศนา..ทำไมจิ๋ว อัลไซเมอร์ และอั้งยี่เผาไทย จึงร้อนรนปั่นป่วนหนักช่วงนี้
Cr:แฉ..ความลับ@เสธ นํ้าเงิน
จิ๋ว อัลไซเมอร์ อดีตนายกฯ และอดีตประธานที่ปรึกษาแก็งค์อั้งยี่เผาไทย ปัจจุบันกำลังถูกเชิดขึ้นเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้น คือ ประธานกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. ขบวนการล้มเจ้า เปิดบ้านในซอยปิ่นประภาคม จ.นนทบุรี เนื่องในวันทำบุญครบรอบ 100 วัน และมีหญิงตู้เพชรซาอุฯ เคลื่อนที่ ภรรยา ร่วมแจกชองชำร่วยด้วย
บรรยากาศโดยรอบงาน ได้มีสายลับแฝงตัวไปหาข่าวพร้อมทั้งบันทึกภาพบรรยากาศภายในบ้านพัก พบว่ามีบรรดาแกนนำแก็งค์อั้งยี่เผาไทย , กลุ่มก่อการร้ายแดง นปช.,ขบวนการล้มเจ้า , กลุ่มวาดะห์ BRN แดง นปช. เข้าอวยพรเนื่องในโอกาสวันทำบุญครบรอบ 100 วัน จิ๋ว อัลไซเมอร์ อ้างว่าการลงพื้นที่เดินสายพบชาวนาในพื้นที่ จ.อยุธยา เนื่องจากประชาชนที่เดือดร้อน เขามาทวงคำสัญญาที่เคยประกาศว่า
ถ้า จิ๋ว อัลไซเมอร์ ทำชาวนาหายจนไม่ได้ จะไปกระโดดแม่น้ำโขงตาย ที่ผ่านมาลงหลายพื้นที่ หลายจังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ แต่คนไม่สนใจเอง ในโอกาสทำบุญครบ 100 วัน อยากเห็นประเทศสงบ “จึงขอประกาศวันเสียงปืนแตก ณ บัดนี้” โดยได้สั่งให้วาดะห์แดง สั่งและจ้างกลุ่มก่อการร้ายศัตรูคนมุสลิม BRN ก่อการร้ายวินาศกรรมจังหวัดชายแดนใต้
และตนพร้อมต่อรองขอเป็นนายกรัฐมนตรี หากได้รับการมีเมตตาถูกเลือก และจะขอคุกเข่ายอมเป็นหุ่นเชิดจากคนแดนไกล ใครอยากเห็นเศรษฐกิจไทยเป็นต้มยำกุ้ง ประชาชนล้มละลาย ฆ่าตัวตายอีกสักครั้ง..ขอให้เลือกทุยแดงเป็น ส.ส.ในการเลือกตั้ง ที่จะเริ่มในอีก 10 ปีข้างหน้า
โดยตอนนี้ขอเป็น “โซ่ข้อกลาง” พื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ “กองกำลังที่สามติดอาวุธ” เข้ามาสร้างสถานการณ์แทรกซ้อนความขัดแย้งในอนาคต โดยใช้เวลาระหว่างนี้เดินเกมส์ให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าพอแล้ว
-------------------------------->
จิ๋ว อัลไซเมอร์ อดีตขงเบ้งกองทัพบก ตอนนี้กำลังถูกคนแดนไกล เชิดขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. โดยเดินเกมส์ลับใต้ดินมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยร่วมบงการฆ่า เสธ เปา (ร่มเกล้า) ร่วมกับนายพลชัช นายพลป็อบอาย และเสธแดง แถวถนนดินสอ เมื่อปี 2553
เมื่อ กสท. มีคำสั่งปิดตายคางคกทีวีดาวเทียม ของแกนนำกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. ตามความต้องการของแกนนำฯ เนื่องจากไม่ต้องการแบกภาระค่าใช้จ่ายบริหารจัดการ และเงินเดือนพนักงาน ที่เคยได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายทุนรีสอร์ทดังเขาใหญ่ และนายเพชร สิ่งคล้ายพระแดง นปช. เครือข่ายธรรมเกย์ ที่ฟอกเงินจากสหกรณ์คลองจั่น มาอุดหนุนคางคกทีวีเดือนละ 10 บาท
จิ๋ว อัลไซเมอร์ จึงออกมาสร้างภาพนั่งกินอาหารร่วมกับกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. โชว์สื่อทันที โดยมีเมนูอาหารเมือนเคย คือ ผัดหญ้าฟางน้ำมันหอย ยำหญ้า ข้าวห่อฟาง ต้มจืดหญ้า ต้มยำรวมมิตรหญ้าฟาง และคางคกตู่ สั่งให้ จิ๋ว อัลไซเมอร์ จัดรายการพิเศษ 2 ชั่วโมง ทางคากคกทีวี ก่อนจะคำสั่งปิดสถานีจาก กสท.จะมาถึง
พร้อมกับสั่งการสื่อแดงรับจ้าง คอลัมนิสต์ พญาไม้ แห่งข่าวแห้ง (ที่เขียนเฟสบุ๊กให้โอคอ๊าค) ,ศรี ,ศุภเกียรติ และ บุญกรม โดยพญาไม้ นั้นรับจ้างคางคกตู่มานาน นับแต่สมัยทำสื่อทีวีแดงล้างสมอง เมื่อปี 2550 โดยร่วมกับ เจ้าของรีสอร์ทดังรุกป่า ที่เขาใหญ่ ก็ทำรายการจัตุรัสการเมืองออกทางคางคกทีวีดาวเทียม ช่องบางกอกทูเดย์
เจ้าของรีสอร์ทดังรุกป่า และสนามแข่งรถที่เขาใหญ่ ก็คือลูกน้อง จิ๋ว อัลไซเมอร์ ที่ดึงมาเล่นการเมืองนามแก็งค์ความหวังใหม่ และเป็นผู้สนับสนุนทุนให้กลุ่มวาดะห์แดง BRN ในการก่อการร้ายชายแดนใต้ จนต่อมามีการก่อการร้ายต่อรอง และคนแดนไกล รับย้ายโอนมาเข้าแก็งค์ไทยไม่รักไทย และแก็งค์อั้งยี่เผาไทย ตามลำดับ
หลังจากรายการพิเศษ 2 ชั่วโมง ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทาง คสช.ได้ส่งทหาร และตำรวจนอกเครื่องแบบจาก สน.โชคชัย บุกขึ้นไปชั้น 5 ห้างดังซ่องสุมอาวุธ ย่านลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้องส่งของคางคกทีวี และห้ามนำเทปรายการพิเศษมาออกอากาศซ้ำ ไม่กี่ชั่วโมงจากนั้น สถานีดาวเทียมไทยคม ก็ตัดสัญญาณคางคกทีวีให้จอดดำ ตามคำสั่ง กสท.
จนนายพลเชวง ทหารคนสนิท จิ๋ว อัลไซเมอร์ กลัวว่าตนเองจะถูกสอยติดหางว่าวขบวนการก่อการร้าย จึงขับไล่ จิ๋ว อัลไซเมอร์ พร้อมเมียตู้เพชซาอุฯ เคลื่อนที่ เก็บข้าวของ ย้ายออกจากคอนโดริเวอร์เพลส ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ระเหเร่ร่อน กลับไปบ้านซอยปิ่นประภาคม สร้างความขมขื่นให้ จิ๋ว อัลไซเมอร์ ยิ่งนัก
-------------------------------->
ช่วงที่ผ่านมา คอมมิวนิสต์ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ในทุกภาคของประเทศ ได้แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ตามความเชื่อทางการเมือง แยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มพลังธรรมาธิปไตย (กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย) ที่มี สหายทองดี เป็นผู้ประสานงาน โดยแนวทางกลุ่มนี้คือ ต้านระบอบอั้งยี่เผาไทย
พร้อมกับสนับสนุนพันธมิตรฯ และ กปปส. หรือเรียกว่า “คอมมิวนิสต์สายเสื้อเหลือง” ในอดีตเมื่อกลุ่มนี้มาชุมนุมที่ท้องสนามหลวง และประสบความล้มเหลว องค์กรนำกลุ่มนี้ได้สลายตัวไป บรรดาแกนนำเบื้องหลัง ก็ข้ามไปทำธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้าที่ประเทศลาว
อีกกลุ่ม คือ คอมมิวนิสต์แดงเพื่อประชาธิปไตย มีแดนนำคือ สหายธง แต่มีกำลังไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะขอเกาะกับแกนนำทุยแดงอีสาน กลุ่มนี้แหละที่ จิ๋ว อัลไซเมอร์ , นายพลใหญ่พี่ชายคนแดนไกล และแกนนำก่อการร้ายแดง นปช. เคยเดินสายไปพบ และใช้ให้เป็น “ลาวาแดง” บางส่วนเข้าเป็นการณ์ดรับจ้าง อพปช. เพื่อเข้าโตมตีมวลชน กปปส.
หลังเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 สมาชิกคอมมิวนิสต์แดงในพื้นที่ก็เก็บตัวเงียบ ส่วนแกนนำคอมมิวนิสต์แดงกลุ่มนี้ หลบภัยไปอยู่ในประเทศลาวทางตอนใต้ และติดต่อประสานงานและให้ที่หลบภัย กับแกนนำเสรีเทย มือปืน 10 กระบอก และเจ๊เพ็ญ ในการแวะมาส่งส่วยเป็นครั้งคราว รวมทั้งเป็นทีมเดียวกับนายมหาหิน ที่ปาระเบิดศาลอาญา แต่ถูกจับได้และรับสารภาพ
นอกจากนี้ยังมีองค์กรคอมมิวนิสต์แดง แปลงชื่อไปเป็นองค์กร “สหพันธ์เกษตรกรและข้าราชการ” นำโดย สหายสุเนตร ที่รับเงินเคลื่อนไหวเป็น NGO จับปัญหาที่ดินทำกิน และการช่วยเหลือคอมมิวนิสต์แดง โดยมีการทำงานร่วมกับนักศึกษาผลไม้พิษภาคอีสาน ที่ชู 3 นิ้ว ด้วย
จิ๋ว อัลไซเมอร์ จึงมักสร้างภาพโดยการเดินสายไปพบ กลุ่มมวลชนคอมมิวนิสต์แดงในนาม “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย” (ผรท.) เพื่อให้เกิดภาพออกมาว่าเป็นแม่ทัพใหญ่กลุ่มคอมมิวนิสต์ แต่ความจริงคือแกนนำแดงคอมมิวนิสต์เหล่านั้น หลอกใช้จิ๋ว อัลไซเมอร์ เป็นแค่สัญลักษณ์เชิญชวนให้ชาวบ้านยากจน มาขอเงินรัฐบาล 2 แสนบาทต่อรายเท่านั้น แล้วขอแบ่งกินหัวคิว
กลุ่มนี้มีสมาชิกมากเพราะต้มตุ๋น จนชาวบ้านลงเชื่ออยากได้เงิน 2 แสนบาท จึงแห่มาเขียนใบสมัคร พร้อมจ่ายค่าสมาชิก ตามคำเชิญชวนของแกนนำ และยังมีกลุ่มย่อยอีกราว 10 กลุ่ม ที่กระจายตัวอยู่ทั่วภาคอีสาน โดยมีกลุ่มที่ขอเงิน 2 แสนบาท สำคัญมีดังนี้
- กลุ่มสกลนคร (1) นำโดย สหายสมาน
- กลุ่มสกลนคร (2) นำโดย สหายสว่าง
- กลุ่มกาฬสินธุ์(1) นำโดย สหายบุญใส
- กลุ่มกาฬสินธุ์ (2) นำโดย สหายจันทร์แดง
- กลุ่มอำนาจเจริญ นำโดย สหายนิล
- กลุ่มนครพนม นำโดย สหายปราโมทย์
- กลุ่มอีสานใต้ นำโดย สหายอภินันท์
ด้วยเหตุนี้ แกนนำคอมมิวนิสต์แดงสายอีสาน จึงมักเชิญ จิ๋ว อัลไซเมอร์ ไปร่วมงาน เพื่อสร้างภาพให้มวลชนเกิดความเชื่อถือแกนนำเหล่านี้ว่าเจ๋ง และผู้ที่มาร่วมกิจกรรมระดมคน ก็ไม่เคยสนใจฟังเรื่องที่จิ๋ว อัลไซเมอร์ พูดเพราะฟังไม่รู้เรื่องนั่นเอง ที่มาเพราะเป้าเรื่องเดียวคือ “ขอให้ได้เงิน 2 แสนบาท”
เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่าน คอมมิวนิสต์แดงสายอั้งยี่เผาไทย เชิญ จิ๋ว อัลไซเมอร์ ไปร่วมงานรำลึกเสียงปืนแตกต่อสู้กับรัฐบาลไทย ที่อนุสรณ์สถานช่องช้าง จ.สุราษฎร์ธานี แต่คณะกรรมการจัดงานส่วนใหญ่ กลับเป็นคอมมิวนิสต์สายเสื้อฟ้า และบางส่วนเสื้อเหลือง ความลับที่ จิ๋ว อัลไซเมอร์ ทำลับๆ ล่อๆ พบกับวาดะห์แดงจ้าง 5 ล้านบาท จนเป็นที่มาของระเบิดเซ็นทรัลสมุย จึงเปิดเผย
-------------------------------->
ดังนั้นความเคลื่อนไหวแบบ จิ๋ว อัลไซเมอร์ ที่คึกคักในช่วงนี้จึงไม่ใช่ “สัญญาณร้อนทหารสู้ทหาร” ทางการเมือง หรือรัฐประหารซ้อน ดังภาพที่พยายาม ” ทำให้ดูเนียน” ให้สังคมคนทั่วเข้าใจไขว้เขว แต่จริงๆ แล้ว คือ มีเป้าหมายต่อรองทางการเมือง บางประการคือ
1. สร้างราคาให้จิ๋ว อัลไซเมอร์ สอดคล้องกับคำประกาศว่า "เสียงปืนแตก" เพื่อสร้างภาพลวงตาว่า สามารถเป็นชนวนก่อการร้ายรุนแรงได้ และเพื่อต่อรองกับคนแดนไกล ขอเป็นแกนนำแดง นปช. และผู้นำ อั้งยี่เผาไทย ในระยะต่อไป ประมาณว่าขอเทคโอเวอร์ว่างั้นเถอะ
2. ต่อรองทางการเมือง เพราะปูข้าวเน่า จะต้องขึ้นศาลฎีการอาญานักการเมือง ผสานกับการเคลือ่นไหวคนแดนไกล ที่รับเชิญสื่อมวลชนกลุ่มเล้ก ไปพูดที่เกาหลีใต้ในหัวข้อ “กลยุทธ์การทำลายชาติให้หายนะ” พร้อมกันในวันที่ 19 พ.ค.58 นี้ หวังจะข่มขู่ให้กระบวนการยุติธรรมเกรงกลัว เป็นมุขเดิมๆ ที่เคยใช้ก่อการร้ายกับศาลตลอดมานั่นแหละ เพราะปูข้าวเน่ายังหาวิธีหนีออกนอกประเทศไม่ได้
3. จิ๋ว อัลไซเมอร์ , ชาย ม่านรูด และบรรดาขาใหญ่หลายคน ถูก ปปช.ชี้มูลความผิดทุจจริตต่อหน้าที่ จากกรณี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 สั่งให้ตำรวจสลายสลายม็อบเหลือง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 ราย และศาลฎีกานัดพิจารณาครั้งแรกไปแล้ว โทษคดีนี้คือทั้งตัดสิทธิการเมือง และจำคุก
4. อดีต รมต.สมัยปูข้าวเน่า 34 ราย ตายยกเข่ง ถูก ปปช.ชี้มูลความผิด กรณีเอาเงินหลวงไปจ่ายค่าจ้างเสื้อแดงเผาบ้าน เผาเมือง คนละ 7.5 ล้านบาท โทษคือ ทั้งตัดสิทธิการเมือง และจำคุก รวมถึงเรียกคืนเงินจากเสื้อแดงที่รับไปแล้วรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท
5. อดีต ส.ส.ในรัฐบาลอั้งยี่ที่แล้ว อีกกว่า 300 คน ถูก ปปช.ชี้มูลความผิดตายยกเข่ง กรณีแก้รัฐธรรมนูญ โทษคือทั้งตัดสิทธิการเมือง ห้ามแม่แต่สมัครผู้ใหญ่บ้าน
6. บรรดานายทุนอั้งยี่เผาไทย และกลุ่มก่อการร้ายแดง นปช. กำลังถูกกวาดล้าง อายัดทรัพย์ ยึดคืนที่ดิน เช่น เครือข่ายสหกรณ์คลองจั่นลัทธิธรรมเกย์ , นายทุนรีสอร์ทดังเขาใหญ่ และบรรดาแก็งค์ฟอกเงินผ่านตลาดหุ้น และบรรดาแชร์ลูกโช่ต่างๆ
นี่คือมหาสงครามกวาด ล้าง เช็ด ถู ประเทศ ที่กลไกกฎหมายยุติธรรมกำลังเดินหน้าทำงานตรงไปตรงไปตรงมา โดยไม่ปรองดองกับคนผิด ดังนั้นการสร้างภาพ จิ๋ว อัลไซเมอร์ ว่าเป็นแกนนำเสียงปืนแตก , การก่อการร้ายวางระเบิดถี่ขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อทำร้ายคนมุสลิม จึงเป็นวิธีการที่นำมาใช้ช่วงนี้
ใครทำเสียงปืนแตกชายแดนใต้ ดูภาพก็พอจะเห็นหน้าค่าตากัน และทำความเข้าใจในสายสัมพันธ์ผู้บงการก่อคามรุนแรง โดยใช้ชีวิตคนมุสลิมที่เป็นทหารพราน ลูกหลานทหารมุสลิมในพื้นที่ อส.มุสลิมในพื้นที่ และประชาชนผู้อ่อนแอ มาเป็นเครื่องเซ่นสังเวย ต่อรองอำนาจทางการเมือง
ถึงตอนนี้ประชาชนไทยทุกคน คงอยากบอกอั้งยี่แดงทั้งหลายว่า อย่าอยู่ให้มันหนักแผ่นดินและเป็นภาระของคนทั้งชาติเลย..เป็นปุ๋ยแห่งแผ่นดินแทนไปเถอะ !!
@ เสธ น้ำเงิน2 : กดปุ่ม “ติดตาม” ด้านบนเพจ เพื่อรับข่าวครั้งต่อไป
http://www.facebook.com/topsecretthai


คำถามเก่าที่"อองซานซูจี"ยังไม่ตอบชัดเจน"โรฮีนจา"

เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) นางออง ซาน ซู จี แกนนำพรรคฝ่ายค้านของเมียนมาร์ได้เดินทางไปเยี่ยมสุสานสงครามในเมืองตันบูซายัต ในรัฐมอญ ซึ่งเป็นที่ฝังศพของกองกำลังพันธมิตร 3,771 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผู้เสียชีวิตระหว่างก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะ เชื่อมจากไทยไปเมียนมาร์ เพื่อใช้ขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะนี้เริ่มมีการตั้งคำถามอีกครั้งถึงท่าทีที่นิ่งเฉยนางออง ซาน ซู จี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ต่อปัญหาที่เกิดกับผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่เคยอาศัยอยู่ในเมียนมาร์
ข้อมูลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ระบุว่ามีชาวโรฮิงญาประมาณ 25,000 คนจากพม่าและบังคลาเทศถูกทอดทิ้งอยู่ในเรือในอ่าวเบงกอลระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคมปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างชาวพุทธกับมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ เมื่อสามปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบรายและไร้ที่อยู่อาศัยหลายหมื่นคน นางซู จี ก็สงวนท่าทีต่อเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง ในครั้งนั้น นางซู จี ถูกวิจารณ์ว่าเพิกเฉยต่อความขัดแย้งทางเชื้อชาติและการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ก็เพราะเหตุผลทางการเมือง


พระอาทิตย์ทรงกลดเหนือทำเนียบ โหรชี้ หนุนดวง “บิ๊กตู่” ใครก็ขวางไม่อยู่

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่าเวลาประมาณ 11.00 น. บริเวณทำเนียบรัฐบาลได้เกิดปรากฏการพระอาทิตย์ทรงกรด ซึ่งไม่ค่อยเกิดขึ้นทั่วไปในช่วงที่ไม่มีเมฆเช่นวันนี้
http://www.matichon.co.th/online/2015/05/14319265461431926612l.jpg

โดย นายภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ประธานสถาบันศาสตร์แห่งชีวิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์การที่พระอาทิตย์ทรงกลดเป็นเรื่องที่ดี หากมีการทำงานอะไรแล้วเกิดปรากฏการนี้จะถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง และในช่วงที่ไม่ค่อยมีเมฆเช่นเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี เป็นมงคลต่อประเทศชาติ

อีกทั้งปรากฏการณ์ดังกล่าวยังจะส่งผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ เกิดปีมะเมีย และวันนี้เป็นวันมะเมีย เวลา 11.00 น.ก็เป็นเวลามะเมีย ปรากฏการที่ว่าจะเกื้อหนุนการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีอุปสรรคมาขัดใจอยู่บ้างแต่ก็จะผ่านไปได้ และแม้เดือนนี้จะเป็นเดือนมะเส็ง งูอาจจะพันขาม้าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายใจต่อพล.อ.ประยุทธ์บ้าง แต่เนื่องจากปีนี้เป็นปีเป็นปีมะแม ที่เกื้อหนุนดวงนายกฯ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ไม่สามารถขัดขวาง พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้

หลวงลุงกำนันสุเทพ เตรียมสึก

วันที่ 18 พ.ค.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก ของ นาย เถกิง สมทรัพย์ ผู้อำนวยการสถานีช่องฟ้าวันใหม่ และ เป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ ปัจจุบัน คือ "พระสุเทพ ปภากโร" ได้เขียนข้อความ โดยตั้งค่าสถานะ "สาธารณะ" ระบุ ถึงกระแสข่าวว่า พระสุเทพ กำลังตระเตรียมที่จะลาสิกขา และ เมื่อลาสึกออกมาแล้วจะไป เป็น เอ็นจีโอ ทำงานการเมืองภาคประชาชน ภาคพลเมือง ซึ่งเป็นการเปิดเผยความในใจผ่านทาง รายการคิดต่างระหว่างบรรทัดที่จะออกอากาศ ช่องฟ้าวันใหม่ ในวันพฤหัสบดีที่21 พ.ค. นี้
http://www.matichon.co.th/online/2015/05/14319261531431926180l.jpg

หลวงลุงสุเทพตระเตรียมลาสิกขา

ผมกับคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตยได้ไปสัมภาษณ์พระสุเทพ ปภากโร ที่สำนักปฏิบัติธรรมทีปภาวัน เกาะสมุยในหลายเรื่อง...ประเด็นหนึ่งคือเรื่องการลาสึกของท่าน เพราะมีคนถามไถ่กันมาก

ท่านตอบว่า เขาห้ามถามพระเรื่องสึกนะ...แต่ท่านก็เปิดความในใจว่า ยอมรับว่ามีความสุขกับการมาบวช เพราะตอนแรกคิดว่าจะบวชให้ครบ 204 วัน เท่าจำนวนที่มีการชุมนุม แต่ตอนนี้จะครบปีแล้ว ...ระยะนี้ก็ตั้งกองทุนบวชให้สวนโมกข์ และจัดการเรื่องการส่งมอบต่อให้เรียบร้อย คาดว่าจะมีพระมาบวชที่นี่เรื่อยๆ...

ถามท่านว่า..จะลาสึกก่อนหรือหลังเข้าพรรษา...ท่านตอบว่า เรื่องกำหนดเวลาไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อาตมาบวชตอนเข้าพรรษาแล้วด้วยซ้ำ
ถามท่านว่า..ก่อนนั้นท่านเป็น "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" ต่อมานำการชุมนุมก็กลายเป็น "ลุงกำนันสุเทพ" พอมาบวชก็เป็น "หลวงลุงกำนัน"...ท่านคิดว่าลาสึกออกไป ท่านคิดไว้หรือยังว่าจะเป็นอย่างไร

หลวงพ่อตอบว่า...ไปเป็นเอ็นจีโอ ทำงานการเมืองภาคประชาชน ภาคพลเมือง

(โปรดติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มทางฟ้าวันใหม่ รายการคิดต่างระหว่างบรรทัด คืนวันพฤหัสที่ 21 นี้ เวลา 21.10 น.)