PR

@@ในความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ที่ปรากฎเป็น"ข่าว"และ"ไม่เป็นข่าว"พยายามสแกนย่นย่อมานำเสนอและเป็นไว้เป็นฐานข้อมูลสังเคราะห์สถานการณ์ ที่นี่ "ข่าวที่ไม่เป็นข่าว"

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2557

เปิดหนังสือลับมาก ศอ.รส.จาระนัยเหตุต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคง 61 วัน

"มีการนำมวลชนเคลื่อนไหวไปยังสถานที่ราชการ หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการ พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดมประชาชน ให้เข้าร่วมการชุมนุม เพื่อสร้างความปั่นป่วน และกระด้างกระเดื่อง ให้เกิดในหมู่ประชาชนอันเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของ ภาครัฐ"
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติต่ออายุพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2557 – 30 มิถุนายน 2557 รวมทั้งหมด 61 วัน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งนี้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ให้เหตุผลกับครม. ระบุว่า เนื่องจากปัจจุบันยังมีสถานการณ์ของการชุมนุมฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งแสดงเจตจำนงค์เพื่อดำเนินการชุมนุมประท้วงอยู่อย่างต่อเนื่องและยืดเยื้อ มีการนำมวลชนเคลื่อนไหวไปยังสถานที่ราชการ หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการ พนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดมประชาชน ให้เข้าร่วมการชุมนุม เพื่อสร้างความปั่นป่วน และกระด้างกระเดื่อง ให้เกิดในหมู่ประชาชนอันเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของภาครัฐ โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากฝ่ายต่าง ๆ ที่มีความเห็นแย้งด้านความคิดทางการเมือง เคลื่อนไหวเพื่อใช้เหตุจากคำวินิจฉัยขององค์กรอิสระตามรัฐบาล
"ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดการใช้ความรุนแรง มีการใช้อาวุธ และการเผชิญหน้าของมวลชนเกิดขึ้น และอาจมีผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุระหว่างการชุมนุม เพื่อหวังผลให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นอีกด้วย การดำเนินการดังกล่าว อาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นในบ้านเมือง หรือเกิดความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมบางกลุ่ม ได้แสดงเจตนารมย์ที่ชัดเจนว่าจะขัดขวาง มิให้กระบวนการการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นสามารถดำเนินได้อย่างปกติ ประกอบกับปัจจุบันการบังคับใช้กฎหมายในระบบปกติยังขาดประสิทธิภาพที่เพียงพอ ในการป้องกันและระงับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อเป็นมาตรการให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถบังคับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ" เอกสารระบุ
เอกสารระบุว่า จากสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุม เป็นสถานการณ์ที่เป็นภัย หรืออาจเป็นภัยอันเกิดจากบุคคล หรือกลุ่มบุคคล ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ ทำลาย หรือทำความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ อันเป็นเหตุที่กระทบต่อความมั่นคงภายในต่อราชอาณาจักร ซึ่งยังคงมีอยู่ และไม่สามารถดำเนินการแก้ไขให้กลับสู่ภาวะปกติได้ ทั้งที่เป็นเหตุการณ์ที่มีแนวโน้ม จะมีอยู่ต่อไปเป็นเวลานาน และการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานรัฐหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษในการป้องกัน ปราบปราม ระงับยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์
"ซึ่งศูนย์อำนวยรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่า มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาประกาศพื้นที่ที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคง ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.คใ – 30 มิ.ย. 2557 เพื่อให้สามารถอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 2551 มาบังคับใช้รักษาความปลอดภัย และสงบเรียบร้อย จากการชุมนุมของกลุ่มมวลชน ของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ"


“นพดล“เผย“ทักษิณ“ รับทราบ“อภิสิทธิ์“ชวนหารือ เย้ย“สุเทพ“นับชัยชนะที่คูหาเลือกตั้งดีกว่า

“นพดล“เผย“ทักษิณ“ รับทราบ“อภิสิทธิ์“ชวนหารือ เย้ย“สุเทพ“นับชัยชนะที่คูหาเลือกตั้งดีกว่า
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่าพร้อมจะพูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางออกประเทศ ว่า เรื่องดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทราบเรื่องแล้ว ขอเรียนว่าขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อทำการระดมสมองผู้เชี่ยวชาญในการหาทางช่วยเหลือคนไทยด้านเศรษฐกิจ เพราะเป็นห่วงอนาคตของคนไทยหลังจากอยู่ในความขัดแย้งมานาน
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมที่จะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อประโยชน์ของประเทศ แต่ไม่ใช้เพื่อประโยชน์ของพวกที่พูดอย่างทำอย่าง หรือที่ภาษาชาวบ้านใช้คำว่า พวกดัดจริต พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่าการพูดและการกระทำต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เสแสร้ง ทุกฝ่ายควรยึดกติกา แก้ปัญหาในกรอบรัฐธรรมนูญ ถ้าทุกฝ่ายเคารพการตัดสินใจของประชาชน ก็หาทางออกได้ เราไม่สามารถปฏิเสธการเลือกตั้งได้ จะอ้างการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งไม่ได้ ต้องทำควบคู่กันไป เมื่อมีการเลือกตั้งประชาชนชี้ขาดให้ใครเป็นรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ทุกฝ่ายควรเคารพการตัดสินใจ
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.บอกให้ นปช.มานับมวลชนแข่งกับ กปปส.นั้น พ.ต.ท.ทักษิณบอกว่าแทนที่จะนับกันบนท้องถนน ก็ให้ไปนับในคูหาเลือกตั้งดีกว่า เพราะนั่นจะเป็นตัวชี้วัดที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด


ลือหึ่ง! ศิริโชค โสภา ย่องเข้ามอบตัว คดีโอนปืนปี 56

ลือหึ่ง! ศิริโชค โสภา ย่องเข้ามอบตัว คดีโอนปืนปี 56
เว็บไซต์สำนักข่าว พระนครสาสน์ ศูนย์ข่าวภาคใต้ ได้รายงาน(27เม.ย.)ว่า นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.สงขลา ได้เข้าพบและมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เทพา ในคดีโอนอาวุธปืนให้แก่ผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาติ และครอบครองอาวุธปืนในที่สาธารณะ หลังจากที่ได้เลื่อนนัดเข้าพบเจ้าหน้าพนักงานตามหมายเรียกมา 2 ครั้ง
ตามรายงานระบุว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2556 เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยกองกำลังสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ได้เข้าควบคุมผู้ต้องหาจำนวน 5 คนขณะกำลังดำเนินกิจการดูดทรายในเขตอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา พร้อมยึดของกลางและอาวุธปืนลูกซองยาว เนื่องจากดำเนินการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะพบว่าบริษัทดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับ นายศิริโชค เพราะเป็นบริษัทในเครือญาติ
ทั้งนี้ รายงานข่าวยังบอกอีกว่า ช่วงเวลาที่ นายศิริโชค เข้าพบเจ้าพนักงาน เจ้าตัวมีสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งเครียดและระมัดระวังก้มหน้าตลอดเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับคดีโอนอาวุธปืนให้ผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาตและครอบครองอาวุธปืนในที่สาธารณะนั้น มีความผิดตามกฏหมายอาญา ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ


บิ๊กศาลปกครอง ยันทำจม.น้อย หนุนเพื่อนหลาน"หัสวุฒิ"เป็นผกก.ไม่ผิดกม.

บิ๊กศาลปกครอง ยันทำจม.น้อย หนุนเพื่อนหลาน"หัสวุฒิ"เป็นผกก.ไม่ผิดกม.

เขียนวันที่
วันจันทร์ ที่ 28 เมษายน 2557 เวลา 08:43 น.
เขียนโดย
isranews
เลขาธิการฯ ศาลปกครอง เตรียมออกแถลงการณ์ 6 ข้อ แจงปมทำ "จดหมายน้อย" แจ้ง "ผบ.ตร." สนับสนุน "พ.ต.ท.ชูธเรศ" เพื่อนสนิทหลานชายปธ.ศาลปกครองสูงสุด ขึ้นชั้น"ผกก." ยันไม่ได้แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย แค่สนับสนุนชื่นชมการทำงานตามทำเนียมปกติ ชี้สถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ จำเป็นต้องมีคนไว้ใจได้ดูแล ย้ำรายละเอียดแตกต่างจาก "ถวิล เปลียนศรี" ขู่ใครเอาข้อมูลนี้ไปใช้ในทางมิชอบ อาจถูกดำเนินคดี
oeoeoeeeewwww
จากกรณี นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้ทำบันทึกข้อความไม่เป็นทางการ ไปถึง ผบ.ตร. สนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รองผกก.ป. สน.หัวหมาก เป็นผู้กำกับการ (ผกก.) โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพื่อนสนิทหลายชาย นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด  และได้ช่วยดูแลการปฏิบัติภารกิจของประธานศาลปกครองสูงสุดในหลายโอกาส  ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องความเหมาะสมและมองว่าเป็นการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจประจำปี 2556 นั้น (ดูเอกสารท้ายข่าว)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ขณะนี้ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง อยู่ระหว่างการทำบันทึกข้อความเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ใน 6 ประเด็นหลัก โดยมีรายละเอียดดังนี้  
" เหตุผลที่เลขาธิการสำนักงานศาลปกครองทำหนังสือส่วนตัวถึง รอง ผบ.ตร. และ ผบ.ตร.เพื่อสนับสนุนข้าราชการตำรวจ
1.เรื่องนี้สอดคล้องกับความเห็นท่านประธานที่เห็นควรให้มีตำรวจศาล ซึ่งเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ไว้วางใจได้
2.การเดินทางนอกเวลาราชการของท่านประธาน จำเป็นต้องประสานตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นหน้าที่ของเลขาธิการฯ
3.การพิจารณาขอให้ตำรวจบางนายที่ไว้วางใจได้ เช่น เคยร่วมงาน หรือ เป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนกับญาติที่รู้ประวัติภูมิหลัง มาช่วยเรื่องการรักษาความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องมีเหตุผล
4.การส่งข้อมูลบุคคลที่ได้ช่วยปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เป็นเรื่องปกติที่ผู้ได้รับการช่วยเหลือจะส่งข้อมูลให้ทราบและพิจารณาสนับสนุนซึ่งก็เป็นอำนาจโดยแท้ของผู้บังคับบัญชา ที่ไม่อาจแทรกแซงได้โดยหน่วยงานหรือบุคคลอื่น
5.การเขียนและส่งข้อมูลดังกล่าวเป็นส่วนตัวในกรณีนี้ ไม่ผิดกฏหมาย หรือต้องห้ามตามกฏหมายใดๆ
6.การนำข้อมูลภายในส่วนราชการไปเผยแพร่และกล่าวหา ใส่ร้าย ให้บุคคลอื่น หรือสาธารณะเชื่อไปในทางที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและทำให้เกิดความเสียหายต่อหน่วยงานหรือบุคคล อาจถูกพิจารณาดำเนินคดีได้ จึงขอความร่วมมือผู้รับข่าวสารประกอบความเห็นบิดเบือนดังกล่าว อย่าได้ร่วมกระทำผิดในการเผยแพร่ต่อ โดยขาดการใช้วิจารณญาณ
ขณะที่นายดิเรกฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ยืนยันทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ได้จัดทำคำชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ให้สื่อมวลชนรับทราบใน 6 ประเด็นหลักจริง เพราะไม่ต้องให้สังคมเกิดความสับสนในเรื่องนี้ หลังจากที่มีคนบางกลุ่มนำเรื่องนี้ ไปเชื่อมโยงข้อมูลคดีการโยกย้ายตำแหน่งนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
 นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า "ผมได้ทำจดหมายน้อยไปแจ้งสนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ  จริง และก่อนดำเนินการได้มีการเรียนให้ท่านประธานศาลปกครองสูงสุดรับทราบด้วย เพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ชูธเรศ เข้ามาช่วยงานราชการหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ ซึ่งเราต้องการคนที่ไว้ใจได้เข้ามาช่วยงาน ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ และมาแทงข้างหลังเราในภายหลัง"
นายดิเรกฤทธิ์ ยังยืนยันว่า  "พ.ต.ท.ชูธเรศ เป็นเพื่อนของหลานท่านประธานศาลปกครองสูงสุด ทางเราก็ชื่นชมการทำหน้าที่ของเขา จึงได้แจ้งเรื่องไปที่หน่วยงานของเขาให้รับทราบไว้พิจารณา ประกอบการเลื่อนตำแหน่งในอนาคตเท่านั้น ไม่ได้เป็นการแทรกแซง หรือใช้อำนาจอะไรไปบังคับให้ทำตาม"   
นายดิเรกฤทธิ์ ยังกล่าวย้ำด้วยว่า "บันทึกที่ผมทำไปก็ไม่ได้เป็นหนังสื่อราชการเป็นทางการ ทำเหมือนเป็นจดหมายน้อยไป ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะต้องทำให้ได้นะ ต้องทำในช่วงเวลานั้นเวลานี้ ซึ่งกรณีแบบนี้ เท่าที่ทราบตำรวจหลายคนก็ทำกันอยู่เป็นปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องผิดกฎหมายอะไร "
"เราชื่นชมเขา เพราะเขาทำงานดี เมื่อเขามาช่วยเรา เราก็แค่ทำหนังสือไปช่วยการันตีผลงานให้เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ผมก็เพิ่งทำเป็นครั้งแรก แต่ถ้ามันจะผิดผมก็ยอมรับ ว่ากันตรงไปตรงมา แต่ไม่อยากให้ใครนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงเป็นเรื่องการเมือง หรือไปเปรียบเทียบกับกรณีการโยกย้ายตำแหน่งของคุณถวิล ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ไม่ถูกต้องเลย"  นายดิเรกฤทธิ์ระบุ
ouyewq
อ่านประกอบ :